-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบปัญหาการเกษตร 14 DEC **ราเข้าขั้วมะม่วง, *ย้ายมะม่วงต้นใหญ่, *ราดำสำปะหลัง, *เพาะถั่วงอก, *เพลี้ยแป้งมะละกอ, *ข้าวโพดฟันหลอ, *มะลิไม่ออกดอก, *พลูด่างใบเหลือง, *ผักอิน ทรีย์เกาะขอบ.
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบปัญหาการเกษตร 14 DEC **ราเข้าขั้วมะม่วง, *ย้ายมะม่วงต้นใหญ่, *ราดำสำปะหลัง, *เพาะถั่วงอก, *เพลี้ยแป้งมะละกอ, *ข้าวโพดฟันหลอ, *มะลิไม่ออกดอก, *พลูด่างใบเหลือง, *ผักอิน ทรีย์เกาะขอบ.

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 15/12/2014 4:54 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบปัญหาการเกษตร 14 DEC **ราเข้าขั้วมะม่วง, *ย้ายมะม่วงต ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร รายการวิทยุ 14 DEC

AM 594 เวลา 08.10-09.00 & 20.05-20.30 ทุกวัน และ FM 91.0 (07.00-08.00 / วันอาทิตย์)

********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...
... บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6
... ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธันเดอร์แคล, เอ็ม.แคล--- ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112
... และ บ.มายซัคเซส อะโกร--- ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต, สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

----------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2) “คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณอรุณ” (085) 058-1737 ในร้านโครงการหลวง ตลาด อตก.

7) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
8 ) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

@@ สารอาหาร (ปุ๋ย) เพื่อการสื่อสาร :

** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง : ส่วนผสมหลัก .... อินทรีย์/เคมี (กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด,
ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, ธาตุหลักตามพืช, แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม

** ไบโออิ : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม)
** ยูเรก้า : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน)
** ไทเป : ส่วนผสมหลัก ..... อินทรีย์/เคมี (นม, ไข่, น้ำมะพร้าว, 13-0-46. 0-52-34)


มิได้มีเจตนาโฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการสื่อสารข้อมูล เท่านั้น
.... ต้นพืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักเจ้าของสูตร .....
.... ไม่รู้เจ้าของคนปลูก ไม่ฟังโฆษณา .........
.... ต้นพืชรู้จักแต่ส่วนผสมหรือเนื้อใน .........

-----------------------------------------------------------



จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : มะม่วง ขนาดปิงปอง ขั้วเหลือง ลูกร่วง
ตอบ :
- ลักษณะอาการ “ขั้วเหลือง” ที่ผลบ่งบอกว่า นั่นคือ “เชื้อรา” จะชื่ออะไรก็สุดแท้ แต่ชาวสวนไม้ผลเรียกว่า “ราเข้าขั้ว” ประมาณนี้ .... แก้ไขด้วยการฉีดพ่นสารสมุนไพร “เผ็ด + ร้อน” ทั่วทรงพุ่ม เน้นที่ผล ฉีดบ่อยๆ วันต่อวัน หรือวันเว้นวัน

– ให้ยาแล้วควรให้อาหารด้วย นั่นคือ : บำรุงด้วยสูตรบำรุงผล ทั้งทางใบและทางราก ทั้งอินทรีย์และเคมี .... ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้าดินชื้น

--------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : มะม่วงแก้ว ไม่เปรี้ยว ต้นใหญ่ขนาดคนโอบ สูง 6-7 ม. ย้ายอย่างไร ....?
ตอบ :
- มะม่วงแก้ว คือ สายพันธุ์ ประเภทให้ผลปีละรุ่นถือว่าธรรมดา แต่ถ้าประเภทพันธุ์ทะวายให้ผลผลิตปีละหลายรุ่น อันนี้น่าสนใจเพราะหายากสำหรับมะม่วงแก้ว

- “รสเปรี้ยว/ไม่เปรี้ยว” เกิดจากการบำรุง ไม่ใช่สายพันธุ์
– ต้นใหญ่ขนาดนี้ การย้ายตำแหน่งที่ปลูกต้น เรียกว่า “ล้อม” .... วิธีการดังนี้ :

1. ตัดกิ่งใหญ่ทุกกิ่ง เพื่อลดขนาดต้น ให้เหลือใบสำหรับหายใจ 5-10% แล้วให้น้ำปกติ ประมาณ 1-2 เดือน เริ่มแทงยอดใหม่ .... มะม่วงเป็นไม้พันธุ์อึด ต้นต้นเหลือแต่ตอติดพื้นยังแตกยอดออกใบใหม่ได้

2. เริ่มแทงยอดใหม่แล้ว ขุดดินห่างจากโคนต้น 1 ม. ลึก 1 ม. ขุดตั้งฉากกับพื้น แล้วให้น้ำปกติ ประมาณ 1-2 เดือน เริ่มแทงยอดใหม่อีก

3. เริ่มแทงยอดใหม่อีก ให้ขุดดินด้านล่างเพื่อตัดราก พร้อมกับใช้รถยกจับยึดต้นไว้ ไม่ให้ต้นล้ม

4. ขุดดินด้านล่าง ตัดรากแล้ว ใช้ตาข่ายไนล่อนซ้อนกัน 2-3 ชั้น รองรับดินด้านล่าง
ด้านข้าง รวบชายตาข่ายด้านบนมัดยึดไว้กับลำต้น ทั้งนี้ให้พยายามรักษาดินหุ้มรากไว้ให้ดี

5. ใช้รถยก ๆต้นขึ้น นำไปปลูก ณ ที่ใหม่ ที่เตรียมหลุมปลูกไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนวางต้นลงก็ให้ถอดตาข่ายหุ้มรากออก

6. วางต้นลงหลุมแล้ว มีไม้ค้ำต้น 4 ด้าน เพื่อป้องกันต้นเอนหรือล้ม ปล่อยไม้ค้ำต้นไว้ 2-3 ปี จนกว่ารากใหม่เจริญเติบโต ยึดและค้ำยันตัวเองได้ดีแล้วจึงเอาไม้ค้ำออก

7. วางต้นลงหลุมแล้ว กลบหลุมปลูกให้เรียบร้อย หาหญ้าแห้งคลุมโคนต้นหนาๆ ให้น้ำพอหน้าดินชื้น กับให้ปุ๋ยทางใบเป็นครั้งคราวระหว่างที่ระบบรากยังไม่พร้อม

หมายเหตุ :
- พื้นที่กว้าง รถยกเข้าทำงาน “ยก/ย้าย” ได้ก็ O.K.
– พื้นที่น้อย รถยกเข้าทำงานไม่ได้ งาน “ยก/ย้าย” จะทำยังไง
- ใช้วิธีขยายพันธุ์แบบ “ตุ้มใหญ่” ที่ชาวสวนทั่วไปทำขาย น่าจะสะดวกกว่า

– ริมถนนบรมราชชนนี พุทธมณฑลสาย 4-5-6 มีต้นมะม่วง สูง 3-4 ม. กว้าง 2-3 ม. สารพัดสายพันธุ์ ขยายพันธุ์แบบตุ้มใหญ่ ใช้แรงงานคนแค่ 2-3 คนก็ “ยก/ย้าย” ด้วยมือไปปลูก ณ จุดใหม่ได้เลย ไม่ต้องใช้รถยก ปลูกแล้วเลี้ยงปีเดียวก็ให้ผลผลิตแล้ว

- จากต้นแม่ ต้นใหญ่ต้นเดียว ขยายพันธุ์แบบ "ตุ้มใหญ่" ซัก 3-4-5 ต้น น่าจะดีกว่า เอาตุ้มใหญ่ออกไปแล้วก็ตัดแต่ง สร้าง/คุม ขนาดทรงพุ่มใหม่ ปล่อยไว้ที่เดิมก็ได้

--------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ราสีดำทำลายหัวมันสำปะหลัง แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
@@ ข้อมูลทางวิชาการ :
– “โรคหัวเน่าเละ” เกิดจากเชื้อรา ต้นเหี่ยวเฉา ใบล่างมีสีเหลือง และเหี่ยวแห้งหลุดร่วงลงมา ส่วนใบยอดมีขนาดเล็ก ต้นแคระแกรน ไม่เจริญเติบโต เมื่อขุดรากดูพบรากเน่าเละสีน้ำตาล มีกลิ่นเหม็น

- “โรคหัวเน่าแห้ง” เกิดจากเชื้อเห็ดรา ที่หัวมันสำปะหลังจะมีเส้นใยของเชื้อราปกคลุม อาจพบบริเวณโคนต้นด้วย เนื้อในหัวจะเน่าแห้งและเส้นใยของเชื้อราจะก่อตัวเป็นดอกเห็ดสีต่าง ๆ ได้ เช่น สีขาว สีเหลือง หรือส้ม นอกจากนี้โคนต้นจะบวม เนื่องจากมีการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาทดแทนส่วนที่ถูกทำลายไปและอาจเกิดรากใหม่ตรงบริเวณเนื้อเยื่อที่บวม ทำให้เกิดหัวมันสำปะหลังใหม่ขึ้นมา แต่มีขนาดเล็ก

- “โรคหัวเน่าดำ” เกิดจากเชื้อรา จะมีลักษณะหัวเน่าสีดำหรือสีน้ำตาลเข้ม เนื่องจากเป็นสีที่เกิดจากเส้นใยของเชื้อรา หรือส่วนขยายพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศของเชื้อรา

– “โรคเน่าคอดิน” เกิดจากเชื้อรา มักพบอาการในต้นกล้า ลักษณะต้นมันสำปะหลังจะเหี่ยวเฉาตายและมีเม็ดผักกาดพร้อมกับเส้นใยสีขาวปกคลุมส่วนของโคนต้นที่ติดอยู่กับผิวดิน

การป้องกันกำจัด :
- การเตรียมแปลงปลูก ควรไถระเบิดดินดานให้มีการระบายน้ำที่ดี
- การไถตากดินเป็นเวลานานๆ จะช่วยลดประชากรของเชื้อราในดินได้
- กำจัดเศษซากมันสำปะหลังเก่าๆ จากแปลงเพาะปลูกให้หมด
- คัดเลือกท่อนพันธุ์สมบูรณ์ และปราศจากโรค
- ในพื้นที่ที่มีโรคระบาดรุนแรง ปลูกพืชหมุนเวียนอย่างน้อย 6–12 เดือน

http://at.doa.go.th/mealybug/disease.htm


@@ ป้องกันกำจัดแบบภูมิปัญญาพื้นบ้าน :
- เชื้อโรคพืช ทุกโรคทุกพืช เกิดเองตามธรรมชาติเมื่อดินเป็นกรดจัด ดินไม่เป็นกรดจะไม่เกิด หรือเกิดมาแล้วดินหายจากเป็นกรดจัดก็จะตายไปเอง .... ดินเป็นกรดเพราะคนใส่กรดลงไป อาทิ ปุ๋ยเคมีมากเกินเหลือตกค้างอยู่ในดิน, ยาฆ่าหญ้า/ยาฆ่าแมลงสะสมในดิน (คนขายปุ๋ยเคมี ขายยาฆ่าหญ้า ขายยาฆ่าแมลง ไม่พูดไม่บอกหรอกว่า สินค้าพวกนี้ตัวมันเป็นกรดจัด)

- ให้น้ำหมักชีวภาพที่มีสารอาหาร อินทรีย์ เคมี จุลินทรีย์ และสารอาหารสำหรับจุลินทรีย์ประจำถิ่น .... สารอาหารอินทรีย์ เคมี บำรุงสำปะหลังให้สมบูรณ์แข็งแรง มีภูมิต้านทานสู้กับเชื้อโรคได้ .... จุลินทรีย์ในน้ำหมักฯ เป็นจุลินทรีย์ดี ช่วยกำจัดจุลินทรีย์เชื้อโรค .... สารอาหารสำหรับจุลินทรีย์ในน้ำหมักฯ เพื่อบำรุงจุลินทรีย์ดีประจำถิ่นให้ช่วยกำจัดจุลินทรีย์เชื้อโรค

- การปรับปรุงบำรุงดินด้วย ยิบซั่ม ปุ๋ยอินทรีย์ กระดูกป่น ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ นอกจากเป็นสารอาหารอินทรีย์สำหรับสำปะหลังโดยตรงแล้ว เป็นแหล่งพลังงานสำหรับจุลินทรีย์ ยังเป็นสารปรับปรุงบำรุงดินให้ดีขึ้น ส่งผลให้สำปะหลังรุ่นนี้ได้ผลผลิตดีแล้ว ยังได้ดินดีสำหรับสำปะหลังรุ่นหน้า หรือเปลี่ยนเป็นพืชอื่นก็ได้

- การให้น้ำหมักฯ เป็นการให้น้ำแก่สำปะหลังโดยอัตโนมัติ นอกจากบำรุงสำปะหลังแล้ว ยังได้ความชื้นช่วยป้องกันกำจัดเพลี้ยแป้งสีชมพูได้อีกด้วย

* ปลูกสำปะหลัง บำรุงสำปะหลัง แล้วเกิดเชื้อโรคแบบนี้ บ่งบอกชัดเจนว่า “ทำแบบเดิมๆ” เดือนนี้ ธ.ค. เพิ่งเริ่มเข้าสู่หน้าแล้ง เดือนหน้า เดือนต่อๆไป หน้าแล้งเต็มตัว ปัญหาโรคทางดินจะรุนแรงขึ้น กับทั้งเพลี้ยแป้งสีชมพูจะตามมาอีก .... ขอพยากรณ์ว่า ผลผลิตสำปะหลังรุ่นนี้คงได้ไม่เกิน 3-4 ตัน/ไร่

* ขอให้แง่คิดว่า :
.... ทำอย่างเดิม จะได้น้อยกว่าเดิม
.... ทำตามคนที่ล้มเหลว จะล้มเหลวยิ่งกว่า
.... ทำตามคนที่สำเร็จ จะสำเร็จยิ่งกว่า

--------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ถั่วงอกเพาะอย่างไร... (ถั่วเขียวงอก ถั่วเหลืองงอก เมล็ดทานตะวันงอก เมล็ดงางอก)
จาก :
- ภาชนะ (ตะกร้า เข่ง) ข้างโปร่ง ก้นโปร่ง น้ำผ่านสะดวก ขนาดตามความเหมาะสม ใช้ผ้าขนหนูหรือกระสอบข้าวสารปิดด้านใน ไม่ให้แสงผ่านแต่น้ำผ่านได้ วางในร่ม อุณหภูมิห้อง

- เมล็ดถั่วเขียว ชนิดสำหรับปลูกในไร่ แช่น้ำ 24 ชม. น้ำขึ้นวางบนพื้นก้นภาชนะ มีกระสอบชุบน้ำเปียกชื้นรองรับเรียบร้อยแล้ว ตลบชายกระสอบลงปิดทับเมล็ดถั่วเขียว

- รดด้วยน้ำ “200 ล.+ น้ำมะพร้าวอ่อน 1 ล.+ น้ำมะพร้าวแก่ 1 ล.” ผ่านกระสอบป่านที่ปิดกองเมล็ดถั่วเขียว ทุก 3 ชม. น้ำที่ใช้รดแล้วนำมาใช้ซ้ำได้ทุกครั้งที่รดน้ำ
- การรดน้ำเพื่อป้องกันอุณหภูมิร้อน หากร้อนเกินเมล็ดถั่วเขียวจะเน่า
- หากเมล็ดถั่วเขียวได้รับแสงสว่าง ถั่วงอกจะเขียว
– น้ำมะพร้าวอ่อนมีฮอร์โมนจิ๊บเบอเรลลิน ขยายขนาดทางยาว
- น้ำมะพร้าวแก่มีฮอร์โมนไซโตไคนิน ขยายขนาดทางข้าง
– ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 วัน ถั่วงอกพร้อมกินได้

**** เพาะด้วยถั่วเขียว ได้ถั่วงอกธรรมดา
**** เพาะด้วยถั่วเหลือง ได้ถั่วงอกหัวโต
**** เพาะด้วยเมล็ดงา ได้งางอก
**** เพาะด้วยเมล็ดทานตะวัน ได้ทานตะวันงอก

--------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : เพลี้ยลงมะละกอแขกดำ มีมดแดงด้วย แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- เพลี้ยแป้ง ข้างในคือหนอน แต่มีแป้งห่อหุ้มตัวสำหรับป้องกันตัว สารเคมีหรือสารสมุนไพรอะไรก็ไม่สามารถผ่านแป้งเข้าถึงตัวหนอนได้ ต้องอาศัยน้ำยาล้างจานให้ช่วยซึมแทรกแป้งเข้าถึงตัวหนอนได้

- ใช้สมุนไพร “เผ็ดจัด + ขมจัด + น้ำยาล้างจาน” ฉีดบริเวณที้เพลี้ยแป้งเกาะ ฉีดโชกๆ 2-3 รอบ วันเว้นวัน

- กำจัดมดแดงตัวเจ้ากี้เจ้าการคาบเพลี้ยแป้งไปวางไว้ตรงนั้นตรงนี้บนต้นไม้ เพื่อจะกินมูลเพลี้ย ใช้ไม้แหย่งให้มดแตกรัง แล้วโรยด้วยพริกป่น หรือขี้เถ้า หรือราดรดด้วยน้ำซักผ้ามีผงซักฟอก

---------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ข้าวโพด ซังเปล่าทั้งฝัก แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- สาเหตุเกิดจากเกสรตัวเมีย (ไหมที่ปลายฝัก) ไม่ได้รับการผสมจากเกสรตัวผู้ (ดอกยอด)
- ช่วยผสมเกสรโดย ตัดก้านดอกยอดที่เกสรพร้อมผสม (เป็นละอองปลิวตามลมได้) มาเคาะใส่เกสรตัวเมียปลายฝักพร้อมรับการผสม (ไหมเหนียวติดมือ สะท้อนแสงแววาว) 1-2 ครั้ง / เกสรตัวเมีย 1 ฝัก

- ดอกยอด 1 ดอก สามารถผสมเกสรตัวเมียได้ 5-10 ฝัก

---------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : มะลิให้น้ำซาวข้าว ไม่ออกดอก มีแต่ใบ แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- แสดงว่า สารอาหารเดิมในดิน + สารอาหารจากน้ำซาวข้าว แล้วเกิดเป็น N จึงสร้างใบมากกว่าสร้างดอก .... แก้ไขด้วยการเลิกใส่น้ำซาวข้าว แล้วใส่ทางดินด้วย ยิบซั่ม กระดูกป่น ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ น้ำหมักชีวภาพ 8-24-24 .... กับให้ทางใบด้วยฮอร์โมนไข่สูตรที่มี 13-0-46, 0-52-34 แทน

- เคยนำเสนอเรื่องน้ำซาวข้าวว่า ใช้แทนเบียร์สดสำหรับฟักทอง

--------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : พลูด่างใบเหลือง แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- ใช้น้ำล้างเขียงปลา รดบ่อยๆ อาบจากหัวหลักลงถึงพื้น
- ทางดินใส่ยิบซั่ม กระดูกป่น ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ ปีละครั้ง ให้น้ำหมักชีวภาพที่มีสารอาหารและจุลินทรีย์ เดือนละครั้ง....ปุ๋ยเคมี ไม่ต้อง

--------------------------------------------------------------


จาก : (082) 930-54 xx
ข้อความ : ลุงคิมคะ นาข้าวแบบอินทรีย์เกาะขอบ ไม่ปุ๋ยเคมี ไม่สารเคมี แล้วผักสวนครัว คะน้า ผักกาด ผักกวางตุ้ง เป็นผักอินทรีย์เกาะขอบ ไม่ปุ๋ยเคมี มีสารเคมี ได้ไหมคะ ทำยังไงคะ .... ผักนนท์ค่ะ
ตอบ :
@@ หลักการและเหตุผล :
- พืชเป็นสิ่งมีชีวิตย่อมต้องกินอาหาร คนปลูกเมื่อจะปฏิเสธสารอาหารจาก “ปุ๋ยเคมี” จะด้วยเหตุผลใดก็สุดแท้ จำเป็นต้องหาสารอาหารจากแหล่งอื่นมาให้แทน สารอาหารจากแหล่งอื่นที่ว่านี้ ด้วยเทคโนโลยีวันนี้คงไม่พ้น “ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ” อย่างแน่นอน .... คำว่า “ปุ๋ย-อินทรีย์-ชีวภาพ” มีความหมายเฉพาะคำ คือ ปุ๋ย. หมายถึงธาตุอาหารพืช, อินทรีย์

- ปุ๋ย หรือธาตุอาหาร หรือสารอาหารพืช คือ “แร่ธาตุ” ที่พืชรับเข้าไปในตัวเองเพื่อใช้ในการพัฒนาเจริญเติบโต ประกอบด้วย ธาตุหลัก (N P K), ธาตุรอง (Ca Mg S), ธาตุเสริม (Fe Cu Zn Mn Mo B Si Na), ฮอร์โมน (Auxin, Cytokinins, Abscisic Acid, Ethylene,)

- สารอาหารพืชได้มาจาก 2 แหล่ง คือ เกิดเองตามธรรมชาติ เรียกว่า สารอินทรีย์หรือปุ๋ยอินทรีย์ และสารอาหารที่เกิดจากการสร้างขึ้นมาโดยฝีมือมนุษย์ เรียกว่า สารสังเคราะห์ หรือปุ๋ยสังเคราะห์ หรือปุ๋ยเคมี หรือปุ๋ยวิทยาศาสตร์

- จุลินทรีย์ คือ สิ่งมีชีวิต เป็นสัตว์เซลล์เดียว มีอยู่ในโลกคู่มากับโลก คือ ผู้ย่อยสลายทุกอย่างที่มาจากพืชและสัตว์ให้เน่าเปื่อยกลายเป็นธาตุอาหารสำหรับพืช

- ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ หรือปุ๋ยชีวภาพ หรือน้ำสกัดชีวภาพ คือ สารอาหารพืชที่มีจุลินทรีย์ร่วมอยู่ด้วย ทั้งสารอาหารอินทรีย์ และจุลินทรีย์ต่างก็มีประโยชน์ต่อพืช

- ปุ๋ยเคมี หรือปุ๋ยสังเคราะห์ หรือปุ๋ยวิทยาศาสตร์ คือ สารอาหารพืชแท้ๆ ที่ไม่มีจุลินทรีย์ร่วมอยู่ด้วย

- นอกสารอาหาร (อินทรีย์ เคมี) และจุลินทรีย์แล้ว พืชยังต้องมีปัจจัย ดิน, น้ำ, แสงแดด, อุณหภูมิ, ฤดูกาล, สายพันธุ์, โรค. เป็นส่วนประกอบ เพื่อให้พืชนำสารอาหารไปใช้ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย

* “อินทรีย์เกาะขอบ” หมายถึง ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดแห้งและชนิดน้ำ ที่ไม่มีสารอาหารพืชที่มาจากปุ๋ยเคมีเป็นส่วนผสม มีแต่สารอาหารจากอินทรีย์วัตถุที่ได้จากกระบวนการผลิตโดยเฉพาะ ทั้งชนิดและปริมาณที่มากเพียงพอต่อความต้องการของพืช กับทั้งพืชรับได้ทั้งทางใบและทางราก

- ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดน้ำ มีวัสดุส่วนผสมประกอบด้วย กุ้ง หอย ปู ปลาทะเล เลือด ไขกระดูก นม น้ำมะพร้าว หมักข้ามปี .... สารอาหารที่มีในสัตว์หรือปลาทะเล แต่ไม่มีในสัตว์หรือปลาน้ำจืด เช่น แม็กเนเซียม, สังกะสี. กำ มะถัน, โซเดียม. และฮอร์โมน ได้แก่ โอเมก้า 3, ฟลาโวนอยด์, ควินนอยด์, โพลิตินอล,

- กระบวนการหมัก หมักนาน 3 เดือนได้ธาตุหลัก, หมักนาน 6 เดือนได้รอง, หมักนาน 9 เดือนได้ธาตุเสริม, หมักนาน 12 เดือน ถึง 2ปี 3ปี ได้ฮอร์โมน .... ระหว่างการหมักไม่มีหนอนไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า. ไม่ปิดฝาถัง, เป็น FOOD GADE หมากินได้

- ก่อนใช้งานมีการปรับโครงสร้างโมเลกุล จากโมเลกุลใหญ่ผ่านปากใบไม่ได้ให้เป็นโมเลกุล ขนาดเล็ก เรียกว่า “โมเลกุลเดี่ยว” หรือโปรตีนที่ได้จากสัตว์ทะเลให้เป็น “อะมิโน โปรตีน” ผ่านปากใบเข้าสู่ต้นได้ ผ่านรากเข้าสู่ต้นได้

- “อินทรีย์ตกขอบ” หมายถึง ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดแห้งและชนิดน้ำ ที่แม้ไม่มีสารอาหารพืชจากปุ๋ยเคมีเป็นส่วนผสม แต่ก็มีสารอาหารจากอินทรีย์น้อยถึงน้อยมากทั้งชนิดและปริมาณ จากกระบวนการผลิตที่ไม่ถูกต้อง และพืชรับทางใบไม่ได้คงรับได้เฉพาะทางรากเท่านั้น ....อินทรีย์ตกขอบส่วนใหญ่ทำมาจาก ผักผลไม้ หรือหอยเชอรี่ หรือปลาน้ำจืด อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น กระบวนการหมักมักเกิดหนอน มีกลิ่นเหม็นเน่า ก่อนใช้งานไม่มีการปรับโครงสร้างโมเลกุล จากเดิมที่โมเลกุลใหญ่ไม่ได้ปรับให้เป็นโมเลกุลขนาดเล็กจึงผ่านปากใบเข้าสู่ต้นไม่ได้ พืชคงรับได้เฉพาะทางดินผ่านรากเข้าสู่ต้นได้เท่านั้น

สรุป :
- อินทรีย์เกาะขอบ มีสารอาหารอินทรีย์ พืชรับได้ทั้งทางใบและทางราก
– อินทรีย์ตกขอบ มีสารอาหารอินทรีย์น้อยถึงไม่มี พืชรับได้เฉพาะทางราก


* เตรียมดิน :
ไถดะไถแปร ใส่ยิบซั่ม ธันเอร์แคล (ไม่มีเคยผสม), ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย (ไม่มีอินทรีย์ผสม), กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ. .... ไถพรวนให้ละเอียด ชักร่องเป็นร่องลูกฟูก คลุมสันแปลงด้วยแห้งหนาๆ รดด้วยน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง สูตรปรับโมเลกุล/ไม่ปุ๋ยเคมี 2 ล. /ไร่ ปล่อยไว้ 15-20 วัน เพื่อให้เวลาแก่จุลินทรีย์ปรับสภาพดิน และสร้างสารอาหารรอไว้ก่อน

* เตรียมเมล็ดพันธุ์ :
- แช่เมล็ดพันธุ์ใน “น้ำอุ่น 50 องศา ซ. 1 ล. + แบลนด์ซุปไก่ 1 ซีซี.” นาน 8-12 ชม.
– ครบกำหนดแล้วนำขึ้นห่มชื้น 24-32-48 ชม. เมล็ดไหนเริ่มมีรากออกมาให้นำไปเพาะในกระบะเพาะ
- บำรุงกล้าในกระบะเพาะ ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง สูตรปรับโมเลกุล/ไม่ปุ๋ยเคมี 1 ครั้ง

*บำรุง :
- ให้ “น้ำ 20 ล. + น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง สูตรปรับโมเลกุล/ไม่ปุ๋ยเคมี 20 ซีซี. + นมสด 20 ซีซี. + สารสมุนไพร 50 ซีซี.” ทุก 5-7 วัน

- ให้สารสมุนไพรเดี่ยว ทุกวันเว้นวัน รวมกับ ไอพีเอ็ม (กับดักกาวเหนียว กับดักแสงไฟ)
- ให้น้ำสม่ำเสมอ พอหน้าดินชื้น

หมายเหตุ :
- ผักกินใบ : ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง สูตรปรับโมเลกุล/ไม่ปุ๋ยเคมี ฉีดอาบจากใบลงถึงพื้นดินโคนต้น
- ผักกินผล : ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง สูตรปรับโมเลกุล/ไม่ปุ๋ยเคมี ทางราก ทุก 15 วัน.... ให้ฮอร์โมนไข่ไทเป สูตรปรับโมเลกุล/ไม่ปุ๋ยเคมี ทางใบ ทุก 7 วัน

– ให้เสริมด้วยปุ๋ยธรรมชาติ เช่น เศษอาหารก้นครัว, น้ำมะพร้าว, นมเหลือง, เลือดสด, ขี้เพี้ย, น้ำล้างเขียงปลา, เต้าหู้, น้ำต้มกระดูก,

--------------------------------------------------------------



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©