-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบปัญหาเกษตรทางวิทยุ20JAN **ประวัติ/เลี้ยง ปลาบึก
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบปัญหาเกษตรทางวิทยุ20JAN **ประวัติ/เลี้ยง ปลาบึก

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 20/01/2015 10:12 am    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบปัญหาเกษตรทางวิทยุ20JAN **ประวัติ/เลี้ยง ปลาบึก ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร รายการวิทยุ 20 JAN

AM 594 เวลา 06.30-07.00 (ทุกวัน) 08.10-09.00 (จันทร์-ศุกร์) และ
FM 91.0 เวลา 07.00-08.00 (วันอาทิตย์)

********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...
... บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6
... ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธันเดอร์แคล, เอ็ม.แคล--- ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112
... และ บ.มายซัคเซส อะโกร--- ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต, สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

----------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2) “คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณอรุณ” (085) 058-1737 ในร้านโครงการหลวง ตลาด อตก.

7) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
8 ) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

@@ สารอาหาร (ปุ๋ย) เพื่อการสื่อสาร :

** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง : ส่วนผสมหลัก .... อินทรีย์/เคมี (กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด,
ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, ธาตุหลักตามพืช, แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม

** ไบโออิ : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม)
** ยูเรก้า : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน)
** ไทเป : ส่วนผสมหลัก ..... อินทรีย์/เคมี (นม, ไข่, น้ำมะพร้าว, 13-0-46. 0-52-34)


มิได้มีเจตนาโฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการสื่อสารข้อมูล เท่านั้น
.... ต้นพืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักเจ้าของสูตร .....
.... ไม่รู้เจ้าของคนปลูก ไม่ฟังโฆษณา .........
.... ต้นพืชรู้จักแต่ส่วนผสมหรือเนื้อใน .........

-----------------------------------------------------------



จาก : (087) 203-49 xx
ข้อความ : ดูข่าว ทีวี. เรื่องปลาบึกที่แก่งกระจาน เพชรบุรี ขนาด 130 กก. อยากให้ลุงคิมเล่าประสบการณ์ การเลี้ยงปลาบึกบ้าง บอกตามตรง สนใจมากครับ....ขอบคุณครับ

ตอบ :

- ปลาบึกเป็นปลาประจำถิ่น อยู่ในแม่น้ำโขงตั้งแต่ จีน พม่า ลาว ไทย เขมร มีแห่งเดียวในโลก
- ปลาบึกไม่มีฟัน ไม่มีหนวด ตาต่ำกว่ามุมปาก ช่วงวัยเด็กมีฟัน กินลูกปลาลูกกุ้ง กินสัตว์น้ำขนาดเล็กอื่นๆ เป็นอาหาร แต่เมื่อโตขึ้นฟันหลุดหายไป แต่มีซี่กรองที่เหงือกกินตะไคร่น้ำ ไรน้ำ แพลงค์ตอน หากินก้นน้ำเป็นหลัก นั่นคือปลาบึกในธรรมชาติ ส่วนปลาบึกเลี้ยง อยู่ในบ่อ ไม่มีตะไคร่ ไรน้ำ แพลงค์ตอน หรือมีน้อยไม่พอกินแน่ แต่มีอาหารเม็ดที่คนเลี้ยงให้ก็กิน อาจจะเป็นเพราะทนหิวไม่ไหว กับในน้ำตื้นๆแค่พอหายใจก็อยู่ได้ นี่ก็อาจจะเป็นเพราะกลัวตาย มั้งงง

- ในชีวิตเคยพบแล้วก็กินปลาบึกครั้งแรกที่ บ้านหาดไคร้ เชียงของ เชียงราย จากนั้นก็เกิดความสนใจศึกษาประวัติปลาบึกเรื่อยมา .... เท่าที่ทราบ เมื่อครั้งขงเบ้งนำกองทหารออกรบ เสบียงหมด ขงเบ้งเจ้าของฉายาผู้หยั่งรู้ดินฟ้า ได้บอกทหารว่า ขอให้เดินทางต่อไปอีกหน่อย วันพรุ่งวันหน้าจะมีอาหารก้อนใหญ่ นั่นคือ เมื่อกองทัพเดินทางมาถึงริมแม่น้ำก็มีปลาขึ้นมาเกยตื้น ขงเบ้งจึงสั่งให้นำมาทำอาหารเลี้ยงทหาร ปลาตัวนั้นขนาดใหญ่มาก เลี้ยงทหารได้ทั้งกองทัพ คิดดู กองทัพจีนยิ่งใหญ่ขนาดไหนใครๆ ก็รู้ แล้วปลาตัวนั้นควรจะใหญ่เท่าไหร่ ต่อมาได้เรียกชื่อปลานั้นในภาษาจีนแปลว่า “ปลาขงเบ้ง” เป็นอนุสรณ์แก่แม่ทัพขงเบ้ง ซึ่งก็คือ “ปลาบึก” ตั้งแต่นั้นมา ....

ปลาบึกที่เคยจับได้ที่ บ.เวินบึก จ.อุบลราชธานี ขนาด 550 กก.
ปลาบึกจับได้ที่ จ.นครพนม ขนาด 350 กก.
ปลาบึกจับได้ที่ จ.หนองคาย ขนาด 250 กก.


จาก จ.หนองคาย แม่น้ำโขงหายเข้าไปในประเทศลาวที่ อ.ปากชม จ.เลย เท่าที่ฟังข่าวจากคนลาวบอกว่า ไม่เคยจับปลาบึกในเขตลาวได้เลย .... ปลาบึกเมื่อทวนน้ำโขงขึ้นไปถึง อ.เชียงของ ชาวบ้านจะสังเกต “นกนางนวล” ไม่ใช่นกนางนวลทะเล เป็นนกอะไรไม่รู้แต่รูปร่างเหมือนนกนางนวลที่บางปู สมุทรปราการ เป๊ะ

ปลาบึกจับได้ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ขนาด 150 กก.

ปลาบึกเกิดในแม่น้ำโขง ช่วงแผ่นดินจีน เกิดแล้วล่องโขงลงมาเรื่อยๆ กระทั่งมาสุดท้ายปลายทางที่ทะเลสาบโตนเล (ทะเลสาบเขมร) มีเรื่องแปลกให้ศึกษา คือ ไม่เคยมีประวัติจับปลาบึกได้ขณะล่องแม่น้ำจากประเทศจีนลงถึงทะเลสาบเขมรมาเลย แล้วก็ไม่เคยมีข่าวว่าใครจับปลาบึกในทะเลสาบเขมรได้เลยอีกด้วย แม้แต่ตัวเดียว

ปาฏิหาริย์ปลาบึก .... เมื่อครั้งพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรลาว เสด็จเยือนไทยเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี ตรงกับยุคสมัยสมเด็จพระนเรศวร มหาราช ตอนนั้น เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าไปแล้ว พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้ประกาศว่าจะช่วยไทยรบกับพระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์แห่งพม่า การที่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ประกาศเยี่ยงนี้ ได้สร้างความไม่พอใจแก่ทหารในกองทัพประเทศลาวเป็นอย่างมาก เพราะคิดว่า ถ้าไทยยังรบติดพันอยู่กับพม่า กองทัพไทยจะไม่มีกำลังมาสู้รบกับลาว โอกาสนั้น ลาวน่าจะยึดเมืองต่างๆ ริมแม่โขงมาเป็นเมืองขึ้น แต่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชกลับไปเข้าข้างไทย แล้วร่วมกันสร้าง “พระธาตุศรีสองรักษ์” เป็นอนุสรณ์แห่งความรักร่วมกันที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย ว่าทั้งสองชาติจะไม่ทำสงครามแก่กัน

เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ไปเข้าข้างกองทัพไทยเยี่ยงนี้ จึงยึดพระราชอำนาจพระเจ้าชัยเชษฐาธิราช เรียกว่าเป็นกบฏนั่นเอง เมื่อพระเจ้าไชยเซษฐาธิราชสูญสิ้นอำนาจแล้ว จึงเปล่งวาจาสาปแช่งผู้ก่อกบฏ “.... ลาวจะสงบ เจริญ เป็นสุขได้ ชั่วช้างกระพือหู ชั่วงูแลบล้น กระทำการใดไทยได้ซาว ลาวได้หนึ่ง...” ต่อหน้าพระธาตุศรีสองรักษ์นั้น

วันเวลาผ่านไปนานกี่เพลาสุดจะเดา แผ่นดินลาวต้องรบพุ่งมีสงคราม ทั้งจากนอกประเทศ และในประเทศไม่เคยขาด แม้แต่ ร.อ.กองแล ทหารโตนจ้อง (พลร่ม) จากค่ายวังเวียง นำรถถังเพียง 2 คัน ทำการปฏิวัติยึดอำนาจได้ เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติยึดอำนาจสำเร็จ ร.อ.กองแล เลื่อนยศตัวเองเป็นนายพล เป็นนายพลหัวหน้าคณะปฏิวัติแต่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ เพราะทำไม่เป็น ต้องยกตำแหน่งให้ “จ้าวบุญอุ้ม” เป็นนายกรัฐมนตรีแทน รบกันเองไม่จบ คอมมิวนิสต์เข้ามาอีก คราวนี้ลาวรบหนักถึงขนาด ซีไอเอ. เข้ามาสนับสนุนเพราะศึกนี้มีคอมมูนิสต์ รัสเซีย-จีน-คิวบา-เวียดนามเหนือ เป็นศัตรูคนเดียวกัน ลาวเจอศึกในประเทศหนักมาก กระทั่งพระเจ้าสว่างวงศ์ ทรงสละราชสมบัติ แล้ว ซีไอเอ.ก็ถอนตัวออกจากลาว พร้อมๆกับถอนตัวออกจากเวียดนามไต้ ....

จากคำสาบขอให้มีความสงบเพียงชั่ว ช้างกระพือหู งูแลบลิ้น แม้แต่งานจับปลาบึกในแม่น้ำโขง บ้านหาดไคร้ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เรือจับปลาไทยลาวร่วมจับปลาบึกในแม่น้ำเดียวกันทุกปี เคยมีคนบันทึกไว้ เมื่อไทยจับปลาบึกได้ซาว (20) ตัว แล้วลาวจะได้ 1 ตัว

ปีหนึ่งๆ จับปลาบึกได้ 1-2-3 ตัว กว่าจะครบ 20 ตัว ต้องใช้เวลากว่า 10 ปี นั่นแหละ ลาวถึงจะได้ 1 ตัว .... นี่คือ ปาฏิหาริย์ปลาบึก คำสาบแห่งพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช

ทั่วโลกยอมรับอย่างดุษฏีว่า “ปลาบึก” เป็นปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่กว่าปลาใหญ่ยักษ์ในแม่น้ำอะเมซอน

ไทยเป็นประเทศแรก และประเทศเดียวในโลก ที่ผสมเทียมปลาบึกสำเร็จ เพราะไทยคือประเทศเดียวที่มีปลาบึกนั่นแหละ

ทุกครั้งเมื่อจับปลาบึกจากแม่น้ำโขง ที่ จ.เชียงรายได้ กรมประมงจะไปขอรีดน้ำเชื้อ เพื่อเอามาผสมเทียม พยายามอยู่หลายปี เพราะแต่ละปีได้ปลาแค่ 1-2 ตัวเท่านั้น ที่ได้มาจะเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย มีไข่มีน้ำเชื้อให้รีดหรือไม่ กำหนดล่วงหน้าไม่ได้

หลายสิบปีที่ผ่านมา กรมประมงผสมเทียมปลาบึก แล้วนำไปปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติ ทั่วประเทศแล้วปล่อยให้โตเอง จนมีชาวบ้านจับได้ เช่น

.... เขื่อนภูมิพล จับได้ขนาด 170 กก.,
.... เขื่อนสิริกิต จับได้ขนาด 120 กก.,
.... เขื่อนศรีนครินทร์ จับได้ 120 กก.
.... เขื่อนแก่งกระจาน จับได้ 130 กก.
.... เขื่อนที่ภาคไต้หลายเขื่อน จับได้ 80 กก.
.... เขื่อนที่ภาคอิสานหลายเขื่อน จับได้ 100 กก.

ทุกเขื่อนจับได้ติดต่อกันมาทุกปี เขื่อนละหลายๆปี เพราะที่กรมประมงปล่อยนั้นเขื่อนละครั้งละนับร้อยๆตัว แล้วก็ปล่อยเรื่อยมาทุกปี และทุกครั้งที่มีคนจับได้ กรมประมงก็จะเข้าขอรีดน้ำชื้อมาผสมเทียมทุกครั้ง

วันนี้ปลาบึกไทยพัฒนาไปมาก จากเดิมที่กรมประมงผสมเทียมได้แล้วปล่อยลงแหล่งน้ำธรรมชาติ มาเป็นแบ่งส่วนหนึ่งจำหน่ายให้กับเกษตรกรนำเลี้ยงเชิงพานิช พร้อมทั้งให้เทคโนโลยีในการเลี้ยงด้วย ปรากฏว่า เดี๋ยวนี้มีบ่อปลาบึกเพื่อธุรกิจกระจายอยู่ทั่วประเทศ


ปลาบึกในบ่อดิน :
เลี้ยงปลาบึกที่สถานีประมงน้ำจืด อุบลราชธานี ให้สาหร่ายเส้นที่ภาษาพื้นเมืองเรียกว่า “เทา” เป็นอาหาร พบว่าปลาบึกชอบกินเทา นอกจากนี้ยังได้ทดลองให้อาหารเม็ด ปรากฏว่า ปลาบึกสามารถปรับตัวกินอาหารเม็ดได้ อาหารเม็ดประกอบด้วย รำละเอียด 30% ปลายข้าว 14% ปลาป่น 20% สาหร่ายแห้ง 15% ถั่วเหลือง 20% เกลือ 0.5% และวิตามินรวม 0.5%

จากการศึกษาของเหลือที่อยู่ในกระเพาะอาหารของปลาบึกที่จับได้ พบกากอาหารที่เหลืออยู่มีสีเขียวคล้ำ เมื่อนำไปวิเคราะห์พบว่าเป็นส่วนประกอบของเศษพืชที่ย่อยแล้ว

ความยาวมาตรฐานของปลาบึก บ่อขนาด 3,200 ตร.ม. ปล่อยปลา 20,000 ตัว (6.25 ตัว /ตร.ม.) ให้อาหารโปรตีน 15% อัตรา 2% ของน้ำหนักปลา ปลาทดลองมีความยาวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเดือนละ 2.1 ซม. นับว่าน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการเลี้ยงปลาบึกของฟาร์มเอกชน ที่ดำเนินสะดวก ราชบุรี ซึ่งปล่อยปลาในอัตรา 1.25 ตัว /ตร.ม. ให้อาหารโปรตีน 30% หลังจากเลี้ยงนาน 7 เดือน ได้ปลาโตเฉลี่ย 2.9 กก. ความยาว 50 ซม.

ปลาบึกในบ่อซีเมนต์ :
ที่สถานีประมงน้ำจืดอุบลราชธานี เลี้ยงในบ่อซีเมนต์ขนาด 50 ตร.ม. ระยะแรกให้เทาเป็นอาหาร จากนั้นให้อาหารผสมอัดเม็ด ได้ปลาบึกน้ำหนัก 60 กก. ความยาว 1.85 ม.

ปลาบึกในบ่อคอก :
เลี้ยงปลาบึกที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ขอนแก่น ในคอกวงกลมขนาด 400 ตร.ม. ปล่อยปลาขนาดความยาวเฉลี่ย 23.53 ซม. น้ำหนักเฉลี่ย 120.05 กรัม ให้อาหารโปรตีน 25% อัตราปล่อยต่างกัน คือ 4 ตร.ม. /ตัว, 2 ตร.ม. /ตัว, 1 ตร.ม. /ตัว และ 0.5 ตร.ม./ตัว เลี้ยงนาน 7 เดือน พบว่า อัตราปล่อย 0.5 ตร.ม./ตัว มีการเจริญเติบโตดีที่สุด ได้ผลผลิตปลาบึกโดยรวม 519.02 กก. /คอก หรือเท่ากับ 4,154 กก. /ไร่

ราคาต้นทุนการเลี้ยง/กก. คือ 38.51 บาท ราคาซื้อขายในตลาด กก.ละ 120-150 บาท

ปลาบึกในกระชัง :
สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงในการเลี้ยงปลาบึกในกระชัง คือ ต้องทำความสะอาดกระชังอยู่เสมอ เพื่อให้น้ำมีการถ่ายเทได้สะดวก ซึ่งปลาบึกจะได้รับอาหารที่มีอยู่ในธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ เป็นการลดต้นทุนเรื่องอาหาร และปัญหาในการเกิดโรคได้

เลี้ยงปลาบึกในกระชังไม้ โดยปล่อยปลาบึกขนาด 100 กรัม/ตัว เลี้ยงนาน 6 เดือน ให้อาหารโปรตีน 38% อัตราการเจริญเติบโต 609 กรัม/ตัว


http://coursewares.mju.ac.th:81/e-learning50/FA426/lesson5.htm

ทำแพลงค์ตอน :
- ใช้ขี้วัวแห้งเก่า ใส่กระสอบปุ๋ย มัดปากแน่น ทิ้งไว้ในน้ำท่วม ประมาณ 10-15 วัน จะเกิดแพลงค์ตอน หรือไรแดง ที่ชาวเลี้ยงปลาเรียกว่า “น้ำเขียว” เป็นอาหารปลาได้

- บ่อขนาดใหญ่ ทำหลายๆจุด ห่างกันจุดละ 10-20 ม.
- สร้างแหล่งตะไคร่ ใช้ท่อนไม้เล็กใหญ่ จมน้ำลอยน้ำ ตามอัธยาศัย ไม่ช้าจะเกิดตะไคร่ให้เป็นอาหารปลาได้
- ติดหลอดไฟเหนือน้ำ ล่อให้แมลงมาเล่นแสงไฟแล้วตกลงน้ำตาย ซากแมลงเริ่มเน่าเปื่อยก็จะเป็นอาหารปลาบึก
- อาหารโปรดปลาบึก คือ เศษขนมปัง

ปลาบึกไร่กล้อมแกล้ม :
- ราว 3 เดือนที่แล้ว ซื้อลูกปลาบึก ไซส์ตัวยาว 10 ซม. ขนาดปากกา 20 ตัว ราคาตัวละ 100 บาท จำนวน 20 ตัว ใส่ถุงพลาสติก อัดอ๊อกซิเจน เดินทางจากฟาร์มปลาวังมัจฉา สุวินทวงษ์ (08-1934-7446 / http://www.phaisarnpanpa.com/) ถึงไร่กล้อมแกล้ม ใช้เวลา 6 ชม. ในขณะที่ปลาสามารถอยู่นานได้ถึง 24-36 ชม.

– ถึงไร่กล้อมแกล้ม จับถุงแช่น้ำก่อนเพื่อปรับอุณหภูมิ ประมาณ 2-3 ชม. สังเกตปลายังแข็งแรงดี
- ปล่อยจากถุงออกมาอยู่ในตาข่าย ตาขนาด ½ นิ้ว ปลาก็ยังว่ายน้ำ ปรู๊ดปร๊าดแข็งแรงดีมาก กะว่า จะเลี้ยงปลาบึกในกระชังเพื่อฝึกให้กินอาหารเม็ดก่อน กระทั่งแน่ใจว่า ปลาบึกกินอาหารเม็ดได้แน่นอนจึงจะปล่อย

- เหตุการณ์ “ขยันแต่โง่” ไม่ถึง 5 นาที ปลาทั้ง 20 ตัว มุดช่องตาข่ายออกไปเกลี้ยง กระทั่งวันนี้ ไม่เคยเห็นหน้าปลาบึกทั้ง 20 ตัวนั้นเลยแม้แต่ตัวเดียว แต่ก็ยังมั่นใจว่า “ยังอยู่” อย่างน้อย ไต้ถุนศาลาน้ำมีตะไคร่น้ำ เพราะเคยได้ยินปลาแทะกินอยู่เรื่อยๆ กะว่า จะทนรออีกซักระยะหนึ่ง ปีหน้าเอาใหม่

- เคยแนะนำ สมช.เราหลายท่าน ที่คิดจะทำสวนเกษตรเพื่อการท่องเที่ยว ให้ทำแหล่งน้ำ โฮมสเตย์ริมน้ำ จักรยานน้ำ แล้วเลี้ยงปลาบึกไว้รับแขก ที่ให้เลี้ยงปลาบึกเพราะเป็นปลากินพืช ทำให้เราเลี้ยงปลาอื่นร่วมด้วยได้ ในบ่อเลี้ยงอาจจะมีการดัดแปลงทำเป็นแหล่งให้ปลามากินอาหาร เป็นที่น้ำตื้นๆ จนมองเห็นตัวปลาได้ ใช้หลักสูตร KGB. รัซเซีย ล้างสมองสัตว์ ฝึกแกมบังคับให้ปลามากินอาหารตรงนั้น ทุกมื้อตั้งแต่เกิด เชื่อว่าเพราะความหิวกับความเคยชิน ปลาต้องมากินอาหารแน่

------------------------------------------------------




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©