-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 24 ม.ค. * แคนตาลูป
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 24 ม.ค. * แคนตาลูป

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11555

ตอบตอบ: 23/01/2022 4:52 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 24 ม.ค. * แคนตาลูป ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 24 ม.ค.
AM 594 เวลา 08.15-09.00 (จันทร์-ศุกร์)
***********************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง ที่เคารพ
กองทัพบก เพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดย กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

จุดยืนรายการ ....
* เกษตรแบบ อินทรีย์นำ - เคมีเสริม - ตามความเหมาะสม “.. ? ..”
* ปัจจัยพื้นฐาน ดิน - น้ำ - แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล - สารอาหาร - สายพันธุ์ - โรค
* หัวใจเกษตร ปุ๋ย - ยา - เทคนิค - เทคโนฯ - โอกาส - ตลาด - ต้นทุน
* พร้อมทำเองสอนวิธีทำ พร้อมซื้อสอนวิธีซื้อ
กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการ

เช่นเคย รายการเรา....
*** 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว-สายตรง ที่ (081) 913-4986, ....
*** FB วีระ ใจหนักแน่น, ....
*** อินเตอร์เน็ต เกษตรลุงคิม ดอทคอม .... เว้บนี้ ถาม 1 บรรทัด ตอบ 1 หน้า

ถนัดช่องทางไหนเลือกช่องทางนั้นตามอัธยาศัย นักรบไม่ว่ากัน THANK YOU ....

ผู้สนับสนุนรายการ :
*** ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส ธันเดอร์แคล.... ออร์เดอร์จาก ออสเตรเลีย แคนนาดา อเมริกา +Mg. Zn. เคมี, .... ออร์เดอร์จากเกาหลี ให้ +Cu เคมี อย่างละ 5% .... ยิบซั่มเพื่อการเกษตรที่ทั่วโลกยอมรับ คือ ยิบซั่มจากประเทศไทย นี่แหละ

งานสัญจรปกติตามวงรอบ :
* วันเสาร์ของสัปดาห์แรกของเดือน ไปที่วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สองของเดือน ไปที่วัดอัมพวัน (หลวงพ่อโหน่ง) สองพี่น้อง สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สามของเดือน ไปวัดท่าตำหนัก เพชรเกษม(ขาล่อง) แยกนครชัยศรี นครปฐม,
* วันเสาร์สัปดาห์ที่สี่ของเดือน ไปวัดส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปามหาสวัสดิ์ ถ.วงแหวนตะวันตก
** พิเศษ เดือนที่มี 5 เสาร์ เสาร์ที่ 5 ของเดือนไปวัดทุ่งสะเดา แปลงยาว ฉะเชิงเทรา
** ถึงจุดนี้ เกษตรกรที่ไหนอยากให้งานสัญจรไปลง ที่ไหนก็ได้ ติดต่อมา พูดคุยกันในรายละเอียด

- วันนี้วันจันทร์ที่ 24 ม.ค. เฉพาะวันจันทร์ ทุกวันจันทร์ สมช.สีสันชีวิตไทย “คุณล่า” (081) 944-8494 ไปที่ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสะดวก ราชบุรี พร้อมกับ ระเบิดเถิดเทิง. ไบโออิ. ไทเป. ยูเรก้า. ยาน็อค. กับหนังสือหัวใจเกษตรไทย มินิ ไปจำหน่าย...ด้วยประสบการณ์เกือบ 20 ปี พบเห็นทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวมามากมาย ใครสนใจใคร่รู้ก็ไปคุยกัน แล้วจะรู้ว่า อ้อออ เป็นอย่างนี้นี่เอง

- เดือนนี้มี 5 เสาร์ เสาร์ที่ 5 ของเดือน ตรงกับวันที่ 29 ม.ค. ลุงคิม กับ อ.ณัฐ (086) 983-1966 สมุนไพรสำหรับคน สีสันสัญจรไปวัดทุ่งสะเดา แปลงยาว ฉะเชิงเทรา ....

* ส.ค.ส. ต้อนรับปีใหม่ ....
ขาย ! ..... ซื้อปุ๋ยไซส์ใหญ่ขนาด 5 ล. แถมไซส์เล็ก 1 ลิตร ...
ขาย ! ..... ซื้อหนังสือหัวใจเกษตรไท มินิ 1 เล่ม แถมไม้ผลแนวหน้า 1 เล่ม....เทศกาลปีใหม่ ของขวัญที่คนรับภูมิใจ ได้ไปแล้วเก็บไว้นาน นานจนชั่วชีวิตก็ว่าได้ นั่นคือ หนังสือ ที่หน้าปกหนังสือเขียนลายเซ็นคนให้ไว้ คนที่ได้รับ ทุกครั้งที่หยิบหนังสือขึ้นมาเห็นลายเซ็นต์ จะยิ้ม ภูมิใจ แน่นอน ...

โชว์ ! .... หม้อปุ๋ยหน้าโซน
แจก ! .... กับดักแมลงวันทอง


- งานสัญจรระยะนี้ต้องร่วมกันป้องกัน COVID หลีกเลี่ยงจับกลุ่ม คนมากๆ แนะนำ สมช. สั่งปุ๋ยลุงคิม สั่งยา อ.ณัฐ โทรติดต่อโดยตรงแล้วได้นัดหมายรับส่งของกัน รับของแล้วแยกกันเลย มีปัญหาอะไรโทรศัพท์คุยกันก็ได้....

*****************************************************
*****************************************************


จาก : (098) 186-35xx
ข้อความ : เห็นด้วยอย่างยิ่ง แคนตาลูปปลูกทุกวันที่ 1 ทุกเดือน จะมีผลผลิตให้เก็บทุกเดือนตลอดปี แคนตาลูปราคาดีกว่าแตงโม

จาก : (082) 442-91xx
ข้อความ : สนใจแคนตาลูปค่ะ
ตอบ : --

บ่น :

ประเทศเรา ประเทศไทย ประเทศเกษตร.... น่าจะมี

* เครื่องตรวจวัดคุณภาพผลไม้ : แบบมือถือ วัด ความแก่-ความหวาน-ความเปรี้ยว ของ ผลไม้/พืชผัก แต่ละชนิด โดยใช้เครื่องวัดตัวนี้ “จี้ หรือ สัมผัส” ที่ผิวผลแล้วมีตัวเลขดิจิตอลบอกเปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ผู้ซื้อมีความต้องการ เกรด-รส ของผลไม้ที่ต่างกัน

* เครื่องวัด ชนิด/ปริมาณ ของธาตุอาหารของผลไม้ : แบบมือถือ โดยใช้เครื่องวัดตัวนี้ “จี้ หรือ สัมผัส” ที่ผิวผลแล้วมีตัวเลขดิจิตอลบอกเปอร์เซ็นต์ความหวาน วันนี้ ต้องเฉือนเนื้อผลไม้ผลนั้นใส่เครื่องส่องตรวจค่า ชนิด/ปริมาณ ของธาตุอาหารของผลไม้ ตรวจแล้วรู้เฉพาะผลที่ตรวจเท่านั้น ผลอื่นไม่รู้ และผลที่เฉือนเนื้อออกมาแล้วก็ขายไม่ออกด้วย

* เครื่องวัด ปริมาณของเนื้อ ขนาดของเมล็ด ของธาตุอาหารของผลไม้ : แบบมือถือ โดยใช้เครื่องวัดตัวนี้ “จี้ หรือ สัมผัส” ที่ผิวผลแล้วมีตัวเลขดิจิตอลบอกปริมาณเนื้อ ขนาดของเล็ด วันนี้ ต้องเฉือนเนื้อผลไม้ผลนั้นใส่เครื่องส่องตรวจค่าปริมาณเนื้อ ขนาดของเล็ด ของผลไม้ ตรวจแล้วรู้เฉพาะผลที่ตรวจเท่านั้น ผลอื่นไม่รู้ และผลที่เฉือนเนื้อออกมาแล้วก็ขายไม่ออกด้วย

* เครื่องวัด ปริมาณกลิ่นของผลไม้ : แบบมือถือ โดยใช้เครื่องวัดตัวนี้ “จี้ หรือ สัมผัส” ที่ผิวผลแล้วมีตัวเลขดิจิตอลบอกปริมาณกลิ่นของผล วันนี้ ต้องเฉือนเนื้อผลไม้ผลนั้นใส่เครื่องส่องตรวจปริมาณของผลไม้ ตรวจแล้วรู้เฉพาะผลที่ตรวจเท่านั้น ผลอื่นไม่รู้ และผลที่เฉือนเนื้อออกมาแล้วก็ขายไม่ออกด้วย

* เครื่องวัดความหวานของผลไม้ : แบบมือถือ โดยใช้เครื่องวัดตัวนี้ “จี้ หรือ สัมผัส” ที่ผิวผลแล้วมีตัวเลขดิจิตอลบอกเปอร์เซ็นต์ความหวาน วันนี้ ต้องเฉือนเนื้อผลไม้ผลนั้นใส่เครื่องส่องตรวจค่าความหวาน ตรวจแล้วรู้เฉพาะผลที่ตรวจเท่านั้น ผลอื่นไม่รู้ และผลที่เฉือนเนื้อออกมาแล้วก็ขายไม่ออกด้วย

* เครื่องตรวจวัดสารเคมี : แบบมือถือ ตรวจวัดสารเคมียาฆ่าแมลงปนเปื้อนบนผลผลิตทางการเกษตรทุกชนิด ทุกประเภท โดยใช้เครื่องวัดตัวนี้ “จี้ หรือ สัมผัส” ที่ผิวผลแล้วมีตัวเลขดิจิตอลบอกเปอร์เซ็นต์สารเคมียาฆ่าแมลงที่ปนเปื้อนให้รู้



แคนตาลูป :
ลักษณะทางธรรมชาติ :

* เป็นพืชตระกูลเถาเลื้อยขึ้นค้างแต่ไม่มีมือเกาะ อายุสั้น (75-85 วัน) ฤดูกาลเดียว ชอบดินดำโปร่งร่วนซุยหรือดินปนทราย มีอินทรีย์วัตถุมากๆ เนื้อดินไม่อุ้มน้ำแต่ต้องไม่แห้ง ระบายน้ำดี อากาศผ่านสะดวก ต้องการแสงแดดร้อยเปอร์เซ็นต์

* ชอบความชื้นในดินสูง ถ้าขาดน้ำหรือน้ำไม่พอและถ้าน้ำมากเกินไปหรือแฉะต้นจะชะงักการเจริญเติบโต การให้ด้วยระบบน้ำหยดซึ่งจะทำให้ดินปลูกชุ่มชื้นตลอดเวลาจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

* เทคนิคการบำรุงด้วยระบบ "น้ำหยด + ปุ๋ย" ให้ต้นได้รับสารอาหารแบบต่อเนื่องตลอด 24 ชม. แล้วเสริมด้วยฮอร์โมนโดยให้ทางใบตามระยะพัฒนาการ ตั้งแต่เกิดถึงผลแก่เก็บเกี่ยวจะช่วยให้ได้ผลผลิตที่คุณภาพดีมาก

* บำรุงรักษาไม่ให้ใบแรกร่วงเลยแม้แต่ใบเดียวตั้งแต่แรกเกิดจนถึงผลแก่เก็บเกี่ยว จะช่วยให้ผลผลิตคุณภาพดีมาก

* แคนตาลูปใบใหญ่หนาเขียวเข้ม เถาใหญ่ ช่วงระหว่างข้อยาว จะให้ผลผลิตคุณภาพดีมาก
* สันแปลงปลูกควรสูงกว่าพื้นระดับ 30-50 ซม. และร่องทางเดินระหว่างสันแปลงลึก 20-30 ซม. กว้าง 50-80 ซม. พื้นก้นร่องราบ...ช่วงหน้าแล้งให้ใส่น้ำในร่องทางเดินเพื่อสร้างความชุ่มชื้นในดินและความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ

* ปกติเป็นพืชเมืองร้อนแต่ไม่ค่อยได้รับความนิยม แต่ครั้นประเทศเขตหนาวและเขตอบอุ่นนำไปปลูกแล้วพัฒนาสายพันธุ์ให้ดีขึ้นเนื่องจากตลาดให้ความนิยมสูง แคนตาลูปจึงกลายเป็นพืชเขตหนาวและเขตอบอุ่นไปโดยปริยาย จากนั้นย้อนกลับมาปลูกในเขตร้อนอีกครั้งทั้งๆที่เป็นถิ่นกำเนิดเดิมกลับไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร ดังนั้นหากคิดจะปลูกแคนตาลูปต้องพิจารณาสายพันธุ์ด้วยว่าเป็นสายพันธุ์ที่มาจากเขตหนาว เขตอบอุ่นหรือเขตร้อน ปัจจุบันแคนตาลูปในประเทศไทยได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์จนจนกระทั่งเหมาะสมกับสภาพอากาศเมืองร้อนจึงสามารถเจริญเติบโตและให้คุณภาพที่ตลาดต่างประเทศยอมรับมากขึ้น....สายพันธุ์ที่ผ่านการพัฒนาในประเทศไทย ถ้าปลูกในพื้นที่อากาศเย็นนานติดต่อกัน อายุเก็บเกี่ยวจะช้ากว่าปลูกในเขตร้อนชื้น 7-10 วัน แต่คุณภาพไม่ต่างกัน

* แคนตาลูปที่ใช้เมล็ดพันธุ์จากต่างประเทศไม่สามารถนำเมล็ดมาขยายพันธุ์ต่อได้เพราะเป็นสายพันธุ์ไฮบริด (ลูกผสม/เป็นหมัน) แต่สายพันธุ์ในประเทศสามารถนำเมล็ดมาขยายพันธุ์ต่อได้

* ปลูกได้ทุกพื้นที่ในประเทศและปลูกได้ทุกฤดูกาลแต่ต้องมีระบบจัดการดี
* ต้นที่ได้รับการบำรุงดี มีสารอาหารกินอย่างสม่ำเสมอตลอด 24 ชม.จนได้เถาใหญ่ ใบใหญ่หนาเขียวเข้ม และใบไม่ร่วงเลยตั้งแต่เริ่มงอกถึงเก็บเกี่ยวจะได้ผลผลิตดี

* นิสัยออกดอกง่ายและออกมากหรือเกือบทุกข้อใบ
* เกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างไม่สมบูรณ์เกิดจากขาดสารอาหาร/ฮอร์โมนหรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม (อากาศร้อนหรือฝนตกชุก) ผสมกันแล้วพัฒนาเป็นผลจะเป็นผลไม่สมบูรณ์ ไม่โต รูปทรงบิดเบี้ยว

* ตอบสนองต่อธาตุรอง. ธาตุเสริม. ฮอร์โมน.ดีมาก จึงควรให้บ่อยๆ
* ห่อผลด้วยถุงยังเคราะห์หรือกระดาษถุงปูนซิเมนต์เมื่อขนาดเท่าไข่เป็ด หรืออายุผลได้ 40 วันหลังผสมติดจะช่วยป้องกันแมลงศัตรูพืช รักษาสีผิวเปลือกให้สวยนวลและเพิ่มคุณภาพ

การห่อด้วยถุงห่อขนาดเล็กจะต้องเปลี่ยนถุงห่อเมื่อขนาดผลโตคับถุง การใช้ถุงขนาดใหญ่นอกจากจะใช้ได้จนผลขนาดใหญ่โดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่แล้ว ยังทำให้ถุงไม่เสียดสีกับผิวจนทำให้ผิวเสียและอากาศถ่ายเทสะดวกซึ่งจะส่งผลดีต่อผลอีกด้วย....พื้นที่ลมแรง อาจจะพิจารณาใช้ตาข่ายโฟมห่อผลก่อนแล้วจึงห่อซ้อนด้วยถุงอีกชั้นหนึ่งก็ได้

* ผลที่มีลักษณะขั้วใหญ่ ก้านยาว อวบอ้วน น้ำหนักดีจะมีคุณภาพ (เนื้อ กลิ่น รส) ดี
* แคนตาลูปเป็นผลไม้ที่เก็บเกี่ยวแล้วไม่ต้องบ่ม เพราะฉะนั้นจึงต้องเก็บช่วงผลแก่จัดคาต้น ผลแก่ไม่จัด เมื่อเก็บลงมาแล้วคุณภาพผลเป็นอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้นจนกระทั่งเน่าไปเลย

* ขนาดผลเท่ากันแต่ผลที่น้ำหนักมากกว่า กลิ่นดีกว่า จะคุณภาพดีกว่าเสมอ
* ตลาดเมืองไทยนิยมผลขนาดใหญ่มากกว่าผลขนาดเล็ก

สายพันธุ์
พันธุ์ผิวลายตาข่าย :
ซันไรซ์ :
ผิวสีเหลืองอ่อน เนื้อสีส้มอ่อน ผลดก อายุเก็บเกี่ยวสั้น กลิ่นหอม
นิวเซนทูรี่ : ผิวสีเหลืองอมเขียวอ่อน เนื้อหนาสีส้มอ่อน รสหวานมาก กลิ่นหอม น้ำหนัก 1-1.5 กก.
สกายร็อกเก็ต : ผิวสีเขียว เนื้อสีเขียว อายุเก็บเกี่ยวปานกลาง ติดผลดก รสหานมาก
เดลิเกต : ปลูกได้ทั้งในโรงเรือนและกลางแจ้ง เถาสั้น เนื้อหนาสีเขียว น้ำหนัก 1-1.2 กก. รสหวานจัด กลิ่นหอม

ซันไรท์ : ชอบทั้งอากาศร้อนและเย็น เนื้อหนาชุ่ม สีส้มอ่อน น้ำหนัก 1-1.5 กก. อายุเก็บเกี่ยวสั้น กลิ่นหอม

คาร์โก- 434 : ทนต่ออากาศร้อนได้ดี ผิวสีเขียว เนื้อหนา รสชาติดี กลิ่นหอม อายุเก็บเกี่ยวสั้น น้ำหนัก 1-1.5 กก.

เอ็มเมิร์ลดิง : ผิวสีเขียวอ่อน เนื้อเหลืองอ่อน รสหวาน กลิ่นหอมอ่อนๆ อายุเก็บเกี่ยวสั้น น้ำหนัก 1-1.5 กก.)

พันธุ์ผิวเรียบ :
สโนว์ชาร์ม :
ชอบอากาศเย็น ผิวสีเหลืองครีม เนื้อหนาสีส้มอ่อนอมชมพู กรอบอ่อนนุ่ม น้ำหนัก 1-1.5 กก. อายุเก็บเกี่ยวสั้น ติดผลดก รสหวานจัด กลิ่นหอม

ซันเลดี้ : ปลูกง่าย ผิวขาวครีม ติดผลดก เนื้อหนานุ่มสีส้ม รสหวานจัด กลิ่นหอม
เรดควีน : เถาสั้น สีผิวเหลืองครีม รสหวานจัด อายุเก็บเกี่ยวปานกลาง กลิ่นหอม น้ำหนัก 1 กก.
เจดดิว : สีผิวเขียวอมเหลือง อายุเก็บเกี่ยวสั้น เนื้อหนาสีเขียว น้ำหนักผล 1-1.5 กก. รสชาติดีมากหวานจัด กลิ่นหอม

สวอน : ปลูกง่ายอายุเก็บเกี่ยวสั้น ให้ผลดก 7-8 ผล/ต้น น้ำหนัก 700-800 กรัม เนื้อสีขาว รสหวาน กลิ่นหอม

ซิลเวอร์ สตาร์ : สีผิวครีมอ่อน อายุเก็บเกี่ยวสั้นมาก น้ำหนัก 1.5-2 กก. เนื้อสีเขียวอมขาว รสชาติดีหวานจัด กลิ่นหอม

ซิลเวอร์ ไรท์ : อายุเก็บเกี่ยวสั้น ทนต่ออากาศร้อนดี น้ำหนัก 400-500 กรัม เนื้อสีเขียวอ่อน รสหวานปานกลาง กลิ่นหอม

ซัน บิวตี้ : ชอบอากาศเย็น สีผิวเขียวอมเหลือง เนื้อสีขาวอมเหลือง น้ำหนัก 1-1.2 กก. รสชาติดีหวานจัด กลิ่นหอม

ซูการ์บอลล์ : อายุเก็บเกี่ยวสั้น สีผิวครีมอ่อน สีเนื้อเขียวหยก น้ำหนัก 800-900 กรัม รสชาติดีมากหวานจัด กลิ่นหอม

ฟาร์เมอริส นัมเบอร์ทรู : ทนต่ออากาศร้อนดี อายุเก็บเกี่ยวสั้น สีผิวเหลืองสดใส เนื้อขาวหนาปานกลาง

เจด : นิยมปลูก ปลูกง่าย ผลดก สีผิวเขียวอมเหลือง น้ำหนัก 500-700 กรัม เนื้อสีเขียวอ่อนหนาปานกลาง รสหวานจัด กลิ่นหอม

หมายเหตุ :
ในญี่ปุ่นเพียงประเทศเดียวปลูกแคนตาลูปมากกว่า 50 สายพันธุ์ ทุกสายพันธุ์ต่างก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน

การขยายพันธุ์ :
เพาะเมล็ด (ไม่กลายพันธุ์)

ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อแคนตาลูป :
ระยะต้นเล็ก :
ทางใบ :

- ให้ไบโออิ 25-5-5 + สารสมุนไพร 2 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 7 วัน

- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน

ทางราก :
-ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (1 ล.) + 25-7-7 (1-2 กก.) ละลายน้ำให้เข้ากันดี ให้โคนต้น ให้ครั้งเดียวถึงระยะสะสมตาดอก

- ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้าดินชื้น

หมายเหตุ :
- ช่วงกล้าปลูกใหม่ตั้งแต่เริ่มงอก ถึง ได้ใบ 4-5 คู่ ยังไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ยทางราก ปล่อย ให้ต้นรับสารอาหารจากดินปลูกที่เตรียมไว้ก็พอ

- แปลงในแปลง หลุมที่หยอด 2 เมล็ด ถ้างอกเป็นต้นทั้ง 2 เมล็ดให้ตัดออก 1 ต้น โดยใช้กรรไกตัดโคนต้น ไม่ควรถอนเพราะจะทำให้กระทบกระเทือนรากของต้นที่เหลือ

- เริ่มให้ปุ๋ยทั้งทางรากและทางใบหลังจากต้นโตได้ใบ 4-5 คู่แล้ว
- แคนตาลูปเป็นพืชเลื้อยไม่มีมือเกาะ เมื่อเถาเริ่มยาว (สูง) ขึ้นให้ใช้เชือกผูกเข้ากับหลักหรือไม้ค้าง พร้อมกับใช้เชือกอีกเส้นหนึ่งผูกหลวมๆที่ยอดแล้วยกขึ้นเพื่อนำยอดขึ้นสูง เมื่อเถายาวขึ้นก็ให้ยกยอดสูงตามขึ้นไปเรื่อยๆ พยายามรักษาให้เถาตรงอยู่เสมอ

- ผลจาการเตรียมดินดีทำให้ได้ใบและเถาขนาดใหญ่ ซึ่งจะส่งผลไปถึงผลผลิตที่คุณภาพดีอีกด้วย

การตัดยอดเพื่อเอาผล :
ปลูกขึ้นค้างแบบ 2 กิ่งแขนง :

- หลังจากต้นกล้าโตได้ใบ 5-7 ใบแล้วให้เด็ดยอดเหนือข้อของใบสูงสุดประมาณ ½ ซม. ทาแผลรอยด้วยปูนกินหมากเพื่อป้องกันเชื้อโรค

- หลังจากตัดยอดแล้วให้ปุ๋ยทางราก 25-7-7 อัตรา 1-2 ช้อนชา/ต้น โดยละลายน้ำรดหรือโรยแล้วรดน้ำตามโชกๆเพื่อละลายปุ๋ยก็ได้ .... จากนั้นต้นจะแตกยอดใหม่จากข้อใต้รอยตัด 2-3 ยอด เรียกว่า “ยอดแขนง”

- พิจารณาตัดทิ้งยอดแขนงที่ไม่สมบูรณ์ออกแล้วเก็บยอดแขนงที่สมบูรณ์ไว้ 2 ยอด ซึ่งยอดแขนงนี้ คือ ยอดที่จะเอาผลในอนาคต เริ่มจัดระเบียบยอดแขนงให้เลื้อยไปในทิศทางที่จะไม่ชิดกับกิ่งแขนงข้างเคียงจนผลเบียดกัน และเพื่อให้ใบทุกใบได้รับแสงแดดด้วย

- เมื่อยอดแขนงทั้งสองโตจะแตกยอดพร้อมกับดอกออกมาใหม่ตามข้อ (ที่ข้อมีใบ) ทุกข้อ ให้เด็ดยอดและดอกตั้งแต่แรกล่างสุด ถึงยอดที่ 9 ทิ้งทั้งหมด แต่ให้คงเหลือใบไว้ วิธีเด็ดยอดและดอกทิ้งเหลือแต่ใบนี้ วัตถุประสงค์หลัก คือ การไว้เถาและใบสำหรับเลี้ยงผลนั่นเอง

- หลังจากเด็ดยอดครบทั้ง 9 ยอดแล้ว ให้เก็บดอกระหว่างข้อที่ 10 ถึงข้อที่ 13 ไว้ รอจนกระทั่งดอกพัฒนาเป็นผลจึงพิจารณาตัดทิ้งผลไม่สมบูรณ์ออก 2 ผล แล้วเก็บผลที่สมบูรณ์ไว้เพียง 1 ผล .... จากเถาต้นตอ 1 เถาหรือ 1 ต้นแล้วแตกแขนงเป็น 2 แขนง ใน 1 แขนงไว้ผล 1 ผล จึงเท่ากับเถาต้นตอ 1 ต้นหรือ 1 เถาได้ผล 2 ผลนั่นเอง

ปลูกให้เลื้อยไปกับพื้นแบบ 2 กิ่งแขนง :
- การบำรุงระยะกล้า. การเด็ดยอดกับดอก. การไว้ผล. ปฏิบัติเหมือนการปลูกแบบขึ้นค้าง

- ระยะที่เถาเจริญเติบโตเลื้อยไปกับพื้นนั้น ให้จัดระเบียบเถาไม่ให้ทับซ้อนกัน
- แคนตาลูปพันธุ์เบา (ซันเลดี้. เรดควีน.) ไว้ผลกิ่งแขนงละ 2 ผลได้ โดยให้แต่ละผลห่างกัน 8-10 ข้อใบ

- หลังจากติดเป็นผลแล้ว ให้จัดหาวัสดุรองรับผลไม่ให้ผิวสัมผัสพื้นโดยตรง พร้อมกับห่อผลเพื่อรักษาสีผิวให้สวย

ปลูกขึ้นค้างแบบ 3 กิ่งแขนง :
- การปฏิบัติเหมือนการปลูกให้เลื้อยไปกับพื้นแบบ 2 กิ่งแขนง ต่างกันที่ให้ไว้กิ่งแขนงที่เกิดจากการตัดยอดครั้งแรก 3 กิ่ง

- ไว้ผลจากกิ่งแขนงทั้ง 3 นี้ ณ ข้อใบที่ 13-14 กิ่งแขนงละ 1 ผล เท่ากับเถาต้นตอ 1 เถาได้ 3 ผล

หมายเหตุ :
- สายพันธุ์ติดผลดกสามารถไว้ผลมากกว่า 1 ผล/1 กิ่งแขนงได้ โดยไว้ผลที่ 2 สูงหรือห่างจากผลแรก 8-10 ข้อใบ ทั้งนี้จะต้องเลี้ยงเถาให้มีความยาวรอไว้ก่อน

- หลังจากได้จำนวนผลไว้ตามต้องการแล้ว ให้หมั่นเด็ดยอดแตกใหม่จากข้อที่อยู่สูงกว่าผลขึ้นไปทุกยอด เพื่อไม่ให้เกิดดอกจนเป็นผลซ้อนขึ้นมาอีก และเมื่อเถาโตจนถึงใบที่ 24-25 ก็ให้ตัดยอดเพื่อหยุดการเติบโตของเถา และเพื่อบังคับให้ต้นส่งธาตุอาหารไปเลี้ยงผลที่ไว้อย่างเต็มที่

- แคนตาลูปมีช่วงพัฒนาการทุกช่วงค่อนข้างสั้น การให้สารอาหารต่างๆ ผ่านทางใบนั้นให้ได้เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้นซึ่งอาจจะไม่พอเพียง แนวทางแก้ไขคือ เตรียมสารอาหารต่างๆให้พร้อมไว้ในดินหรือวัสดุปลูกก่อนลงมือปลูก ทั้งนี้สารอาหารที่แคนตาลูปต้องใช้จริงจำนวน 3 ใน 4 ส่วนได้จากดินหรือวัสดุปลูก กับ 1 ใน 4 ส่วนได้จากทางใบ

การปฏิบัติอื่นๆ :
1. การเด็ดตาข้าง จะปล่อยให้แตงเลื้อยเฉพาะเถาหลัก จะเด็ดตั้งแต่ข้อที่ 1-7 สำหรับทุกพันธุ์ เพื่อไม่ให้แตกแขนง

2. การเด็ดยอด เมื่อเถายาวประมาณ 170 ซม. หรือมีใบประมาณ 25-26 ใบ

ระยะออกดอก :
ทางใบ :

- ให้ ไบโออิ 15-30-15 + สารสมุนไพร 2 รอบ
- ให้ เอ็นเอเอ. 1 รอบ ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสมุนไพร ทุก 3 วัน

ทางราก :
-ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (1 ล.) + 25-7-7 (1-2 กก.) ละลายน้ำให้เข้ากันดี ให้โคนต้น ให้ครั้งเดียวถึงระยะสะสมตาดอก

- ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้าดินชื้น

หมายเหตุ :
- ธรรมชาติของแคนตาลูปออกดอกเองเมื่อโตได้อายุโดยไม่ต้องเปิดตาดอก ก่อนถึงช่วงออกดอก 7-10 วัน ถ้าได้รับสารอาหารทางใบกลุ่มสะสมอาหารเพื่อการออกดอก (0-42-56 หรือกลูโคส อย่างใดอย่างหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม เพียง 1 รอบเท่านั้นก็จะช่วยให้ดอกที่ออกมาสมบูรณ์ดีกว่าไม่ได้ให้เสียเลยหรือปล่อยให้ออกแบบตามมีตามเกิด นอกจากนี้ต้น (เถา) ยังเขียวเข้มอวบอ้วนและเตี้ยทำให้ง่ายต่อการเข้าไปทำงานอีกด้วย

- ฉีดพ่นสารอาหารเพื่อบำรุงดอกด้วยเครื่องมือฉีดพ่นที่มีแรงลมพ่นเบาที่สุดตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อส่วนต่างๆของดอก ฉีดพ่นที่ดอกโดยตรงพอเปียกหรือฉีดพ่นให้ทั่งทรงพุ่มพอเปียกใบก็ได้

- บำรุงดอกช่วงฝนชุกให้เน้น “สังกะสี และ แคลเซียม โบรอน” โดยให้เมื่อดอกออกมาแล้ว หรือให้แบบสะสมล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเปิดตาดอก ด้วยวิธีให้เดี่ยวๆ หรือผสมรวมไปกับธาตุอาหารอื่นๆก็ได้

- การช่วยผสมเกสรด้วยมือโดยเด็ดดอกตัวผู้ ตัดกลีบดอกออกทิ้งเหลือแต่ก้านเกสรตัวผู้ นำไปผสมกับเกสรตัวเมียของดอกที่คงไว้จะช่วยให้ดอกนั้นพัฒนาเป็นผลคุณภาพดี

ระยะผลเล็ก-กลาง :
ทางใบ :

ให้ไบโออิ + ยูเรก้า + สารสมุนไพร 2 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 7 วัน ฉีดพ่นพอปียกใบ

- ฉีดพ่นสารสมุนไพรทุก 2-3 วัน

ทางราก :
- ปลูกในแปลง ให้ยิบซั่ม ปุ๋ยอินทรีย์ ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 21-7-14 (1 ล.) +21-7-14 (1-2 กก.) ละลายเข้ากันดี ให้โคนต้น ด้วยระบบให้น้ำที่ใช้

หมายเหตุ :
- ให้ยิบซั่มธรรมชาติ 10 เปอร์เซ็นต์ของอัตราการใส่เมื่อช่วงเตรียมดิน
- ให้น้ำตาลทางด่วน ช่วงผลเล็ก 1-2 ครั้ง เมื่อผลใหญ่ขึ้นจะมีคุณภาพดี

ระยะผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยว :
ทางใบ :

- ให้ไบโออิ 0-21-74 + สารสมุนไพร 1 รอบ สลับ แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ให้อย่างละ 1 ครั้ง ก่อนเก็บ 5-7 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ

- ฉีดพ่นสารสมุนไพร ทุก 2-3 วัน

ทางราก :
- เปิดหน้าดินโคนต้น
- ให้ 13-13-21 ละลายน้ำแล้วผ่านไปกับระบบน้ำที่ใช้งาน

หมายเหตุ :
- ถ้าการบำรุงดีถูกต้องสมบูรณ์แบบจริงๆ อายุผลตามสายพันธุ์ของแคนตาลูปจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก นั่นคือ สามารถเก็บเกี่ยว ณ วันครบอายุได้เลย

- มาตรการงดน้ำก่อนเก็บเกี่ยวมีความสำคัญมากต่อคุณภาพ (เนื้อ กลิ่น รส) ของแคนตาลูป กรณีที่ให้น้ำผ่านระบบน้ำหยดจะต้องหยุดให้ก่อนเก็บเกี่ยว 5-7 วัน ขั้นตอนนี้อาจเปิดหน้าดินโคนต้นเสริมด้วย

- แคนตาลูปไม่ใช่ผลไม้รสหวานจัด ดังนั้นการให้ปุ๋ยเพื่อเร่งหวานทั้งทางใบและทางรากจะช่วยให้รสหวานจัดขึ้น

- พิสูจน์คุณภาพผลด้วยการดมกลิ่น ถ้ามีกลิ่นหอมแสดงว่าดี ถ้าไม่มีกลิ่นหอมแม้จะเก็บเกี่ยวมาแล้วหลายวันก็ไม่กลิ่น

- ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง

การเก็บเกี่ยว :
ผลสุกแก่ :
พันธุ์ผิวร่างแห จะพบว่าร่างแหเกิดขึ้นเต็มที่คลอบคลุมทั้งผล ผิวเริ่มเปลี่ยนสี และอ่อนนุ่น และในบางพันธุ์เริ่มมีกลิ่นหอม เกิดรอยแยกที่ขั้วจนในที่สุดผลจะหลุดออกจากขั้ว

การเก็บเกี่ยว : ต้องเก็บเกี่ยวในระยะที่พอดี หากเก็บเกี่ยวเร็วเกินไปจะได้ผลอ่อน รสชาดยังไม่หวาน และน้ำหนักน้อย .... หากเก็บเกี่ยวช้า ผิวและเนื้อภายในจะอ่อนนุ่ม ไม่เหมาะสำหรับการบริโภค อายุเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมขึ้นกับสายพันธุ์ คือ

พันธุ์เบา : อายุเก็บเกี่ยว 60-65 วัน หลังหยอดเมล็ด หรือ 30-35 วัน หลังดอกบาน
พันธุ์ปานกลาง : อายุเก็บเกี่ยว 70-75 วัน หลังหยอดเมล็ด หรือ 40-45 วัน หลังดอกบาน
พันธุ์หนัก : อายุเก็บเกี่ยวเกิน 80-85 วัน หลังเพาะเมล็ดหรือ 50-55 วัน หลังดอกบาน

ทำแคนตาลูปต้นละ 2 ลูก 3 ลูก :
เลือกพันธุ์ ซันเลดี้. หรือ เรดควีน. โดยการบำรุงระยะกล้า. การเด็ดยอดกับดอก. การไว้ผล. ปฏิบัติเหมือนการปลูกต้นละ 1 ลูก ดังนี้

วิธีที่ 1 : (1 ต้น = 2 ยอด ๆละ 1 ลูก) : หลังจากปลูกลงไปแล้ว บำรุงให้ต้น (เถา) โตตามปกติ ให้ตัดเถาที่ข้อใบที่ 8-10 แล้วบำรุงต่อไป เถานี้จะแตกยอดใหม่หลายยอด ให้เลือกยอดแตกใหม่ไว้เพียง 2 ยอด ซ้าย-ขวา บำรุงยอดที่แตกใหม่ต่อไปให้โต กลายเป็นแคลตาลูป 2 ต้น (2 ยอดใน 1 ต้น) ให้บำรุงตามปกติจนมีดอก เมื่อมีดอกให้เลือกเก็บดอกข้อที่ 8-12 ไว้

วิธีที่ 2 : (1 ต้น = 2 ลูก) : หลังจากปลูกลงไปแล้ว บำรุงเลี้ยงตามปกติจนกระทั่งออกดอก เด็ดดอกทิ้งทั้งหมด ให้เหลือดอก ณ ข้อใบที่ 8-10 ไว้สำหรับเป็นผล บำรุงต่อไปให้ออกดอกมาอีก จนได้ดอก ณ ข้อใบที่ 16-18 เหนือดอกแรก ให้เก็บไว้สำหรับเป็นผลที่ 2 ของต้น ส่วนดอกที่อยู่ต่ำกว่าดอกที่ 2 ลงมากับดอกที่เหนือดอกที่ 2 ขึ้นไป ให้เด็ดทิ้งทั้งหมด จากนั้นก็ให้บำรุงต่อไปตามสูตรบำรุงผล

วิธีที่ 3 : (1 ต้น = 3 ยอด ๆละ 1 ลูก) : หลังจากปลูกลงไปแล้ว บำรุงเลี้ยงตามปกติจนกระทั่งออกดอก เด็ดดอกทิ้งทั้งหมดแล้วตัดยอด ณ ข้อใบที่ 13-14 บำรุงต่อไป เมื่อมียอดแตกใหม่เป็นกิ่งแขนง เลี้ยงกิ่งแขนงจนออดอก เก็บดอก ณ ข้อใบที่ 13-14 ไว้ แขนงละดอก แล้วเด็ดดอกล่างกับดอกบนเหนือดอกที่เอาไว้ออกให้หมด บำรุงต่อไปด้วยสูตรบำรุงผลขยายขนาด

หมายเหตุ :
- เลือกสายพันธุ์ที่ติดผลดกได้ตามธรรมชาติสายพันธุ์ สามารถไว้ผลมากกว่า
- หลังจากปลูกลงไปแล้วต้องบำรุงให้ต้นสมบูรณ์ที่สุด
- หลังจากได้จำนวนผลตามต้องการแล้ว หมั่นเด็ดยอดแตกใหม่จากทุกข้อ
- เถาแคนตาลูปจะหยุดโตต่อเมื่อถึงข้อใบที่ 24-25
- แคนตาลูปมีช่วงพัฒนาการทุกช่วงค่อนข้างสั้น การให้สารอาหารต่างๆ ผ่านทางใบและทางราก อย่างเพียงพอ

ปลูกแคนตาลูปโดยไม่ใช้ดิน :
งานวิจัยการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน ได้เริ่มมานานแล้วในภาควิชาปฐพีวิทยา ตั้งแต่อยู่ที่วิทยาเขตบางเขน และในปี พ.ศ. 2513 Dr.C.J. Asher จากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งได้มาช่วยงานที่ภาควิชาฯ เป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปี ในฐานะ Visiting Professor ของ SEATO ก็นำวิธีการปลูกพืชในสารละลายธาตุอาหารมาแนะนำให้ผู้ที่เรียนวิชา Plant Nutrition ในขณะนั้นใช้เป็นวิธีการที่ทำให้รู้จักและคุ้นเคยกับอาการขาดธาตุอาหารพืชธาตุต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ทำให้เกิดมีกลุ่มอาจารย์จำนวนหนึ่งได้นำเทคนิคดังกล่าวมาดัดแปลงให้มีความเหมาะสมที่ใช้เป็นเกษตรทางเลือก และได้นำออกไปปฏิบัติจริงในลักษณะของการสาธิตในพื้นที่เกษตรกรหลายตำบล ภายใต้โครงการอีสานเขียว เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2533 และต่อมาก็ได้มีการจัดทำรายงานที่แสดงให้เห็นว่า การปลูกโดยวิธีดังกล่าวนี้ สามารถนำไปใช้ได้ในเชิงการค้าอีกด้วย

ในด้านของการผลิตนักวิจัยรุ่นใหม่นั้น เทคนิคการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินได้ถูกนำไปใช้เป็นวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาในระดับปริญญาโทอีกหลายคนเช่นกัน
นอกจากนั้นยังมีการนำเสนอในที่ประชุมสัมมนาระหว่างชาติที่ประเทศมาเลเซียในปี พ.ศ. 2533 รวมทั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ (พ.ศ. 2546) ยังมีผลการวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารดินและปุ๋ยอีกจำนวน 2 เรื่องด้วยกัน

สำหรับข้อเขียนที่นำเสนอในครั้งนี้ มีความประสงค์ที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการปลูกแตงเทศโดยไม่ใช้ดิน เพื่อเป็นเกษตรทางเลือกแก่ผู้สนใจที่อยากทำการเกษตร แต่มีพื้นที่จำกัด หรือมีพื้นที่ที่ดินมีปัญหา หากจะทำการปรับปรุงแก้ไขต้องใช้เงินลงทุนสูง

วิธีการปลูก
การเตรียมกล้า :

นำเมล็ดแคนตาลูปคลุกกับยากันเชื้อราแล้วนำไปบ่มในถาดเพาะเมล็ดนาน 36 ชั่วโมง คัดเลือกเฉพาะเมล็ดที่มีรากงอกยาว 0.2 ซม. ปลูกในถ้วยเพาะที่บรรจุขุยมะพร้าว รดด้วยสารละลายธาตุอาหารพืชที่มีความเข้มข้นเพียงครึ่งหนึ่งของความเข้มข้นที่แสดงไว้ในข้อ 2 หลังการหยอดเมล็ดแล้ว 14 วัน จะได้กล้าของแตงเทศที่พร้อมจะย้ายปลูกต่อไป

การเพาะกล้าแคนตาลูปในถาดเพาะเมล็ด
การย้ายปลูก :

นำกล้าแคนตาลูป (ข้อ 1) ย้ายลงปลูกในวัสดุปลูกที่มีส่วนผสมของขุยมะพร้าวและแกลบสด อัตราส่วน 1:1 โดยปริมาตร ที่บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกขนาดความจุ 15 ลิตร ถุงละ 1 ต้น ให้สารละลายธาตุอาหารพืชที่มีความเข้มข้นของแต่ละธาตุดังนี้ คือ (มก. ต่อลิตร) N 168, P 24.8, K 172, Ca 160, Mg 38, M S 52, Fe 7, Mn 1.1, Zn 0.4, Cu 0.2, B 0.4 และ Mo 0.04 ตามลำดับ (Asher, 1975) สาร ละลายธาตุอาหารพืชดังกล่าวจะบรรจุในถังพลาสติกขนาดจุ 100 ลิตร ที่วางอยู่สูงจากพื้น 2 ม. และจะถูกปล่อยให้กับต้นพืชแต่ละต้น โดยระบบน้ำหยดที่ควบคุมด้วยประตู เปิด-ปิด ที่ถังสารละลาย ร่วมกับหัวน้ำหยด ดังแสดงในภาพที่ 1 และ 2

การให้สารละลายดังกล่าวจะกระทำในช่วงเวลาประมาณ 8.00-17.00 น. ของทุกวัน ตลอดฤดูปลูกโดยมีปริมาณที่ให้เฉลี่ยแต่ละวันเท่ากับ 1 ล./ต้น

ถังใส่สารละลายธาตุอาหาร :
ผลการทดลอง :

1. การเจริญเติบโตหลังการย้ายปลูก แคนตาลูปมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เริ่มออกดอกตัวผู้ดอกแรกที่อายุ 17 วัน และสามารถช่วยผสมเกสรให้ดอกตัวเมียดอกแรกที่ 27 วันหลังย้ายปลูก การเก็บเกี่ยวผลสามารถกระทำได้ภายใน 31-39 วันหลังการผสม

2. ผลผลิตและคุณภาพ น้ำหนักของผลแคนตาลูป ที่เก็บเกี่ยวได้มีค่าความแปรปรวนอยู่ระหว่าง 908-1391 กรัมต่อผล โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 1,162 กรัมต่อผล ในขณะที่ค่าความหวานวัดเป็นองศา Brix มีค่าอยู่ระหว่าง 9.8-13.0 โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 10.7 องศา Brix

3. การแต่งเถาและไว้ลูก ตัดแต่งเถาตามวิธีมาตรฐานสำหรับแคนตาลูป แต่ละต้นไว้ลูกเพียง 1 ลูก ในตำแหน่งของข้อที่อยู่ระหว่างข้อที่ 12 ถึงข้อที่ 15

มูลค่าการผลิต (1 ต้นต่อฤดูปลูก) :
จากการเก็บรวบรวมข้อมูลปริมาณสารละลายธาตุอาหารพืชที่แต่ละต้นใช้ตลอดฤดูปลูก ปรากฏว่ามีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 70.7 ลิตรต่อต้น ดังนั้น หากจะเตรียมสารละลายที่มีความเข้มข้นตามที่ระบุไว้ในข้อ 2 ของวิธีการปลูก โดยใช้ข้อมูลของสุรเดชและคณะที่รายงานไว้เมื่อปี 2535 ที่เตรียมสารละลายธาตุอาหารพืชดังกล่าวจำนวน 100 ลิตร โดยนำปุ๋ยเคมีต่าง ๆ ดังนี้คือ 12-60-0, 13-0-46, 15-0-0, 21-0-0, 46-0-0, unilate Fe (ธาตุเหล็ก สำหรับการทำนา สวนผลไม้ ทำไร่ ปลูกพืชไม่ใช้ดิน), combined unilate (ผสมกัน) และดีเกลือ (Na2SO4 หรือโซเดียม ซัลเฟต) มาผสมกันในสัดส่วนที่เหมาะสม ปรากฏว่าต้นทุนเฉพาะปุ๋ยเคมีมีมูลค่าเพียง 5.66 บาท ฉะนั้นต้นทุนปุ๋ยสำหรับแตงเทศ 1 ต้นในการทดลองครั้งนี้จะมีมูลค่าเพียง 4.00 บาทเท่านั้น


www.ku.ac.th/e-magazine/january48/agri/melons.html -
http://www.ku.ac.th/e-magazine/january48/agri/melons.html


http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=36&page=2


--------------------------------------------------------------------------------


.



กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©