-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 30 พ.ค. * นาข้าวแบบประณีต
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 30 พ.ค. * นาข้าวแบบประณีต

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 30/05/2022 5:47 am    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 30 พ.ค. * นาข้าวแบบประณีต ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 30 พ.ค.
***********************************************************
สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง ที่เคารพ
กองทัพบก เพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม ผลิตรายการโดย กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

จุดยืนรายการ ....
* เกษตรแบบ อินทรีย์นำ - เคมีเสริม - ตามความเหมาะสม “.. ? ..”
* ปัจจัยพื้นฐาน ดิน - น้ำ - แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล - สารอาหาร - สายพันธุ์ - โรค
* หัวใจเกษตร ปุ๋ย - ยา - เทคนิค - เทคโนฯ - โอกาส - ตลาด - ต้นทุน
* พร้อมทำเองสอนวิธีทำ พร้อมซื้อสอนวิธีซื้อ
กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการ

เช่นเคย รายการเรา....
*** 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว-สายตรง ที่ (081) 913-4986, ....
*** FB วีระ ใจหนักแน่น, ....
*** อินเตอร์เน็ต เกษตรลุงคิม ดอทคอม .... เว้บนี้ ถาม 1 บรรทัด ตอบ 1 หน้า
ถนัดช่องทางไหนเลือกช่องทางนั้นตามอัธยาศัย นักรบไม่ว่ากัน THANK YOU ....
รายการวิทยุ :
*** AM 594 ปตอ. เวลา 0815-0900 จันทร์-ศุกร์ คลื่นนี้ครอบคลุมพื้นที่ 40+ จังหวัด ***

งานสัญจรปกติตามวงรอบ :
* วันเสาร์ของสัปดาห์แรกของเดือน ..... ไปที่วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สองของเดือน ... ไปที่วัดอัมพวัน (หลวงพ่อโหน่ง) สองพี่น้อง สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สามของเดือน ... ไปวัดท่าตำหนัก เพชรเกษม(ขาล่อง) แยกนครชัยศรี นครปฐม,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สี่ของเดือน ...... ไปวัดส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปามหาสวัสดิ์ ถ.วงแหวนตะวันตก
* เดือนที่มี 5 เสาร์ เสาร์ที่ 5 ของเดือน 30 เม.ย. ไปวัดทุ่งสะเดา แปลงยาว ฉะเชิงเทรา

** ถึงจุดนี้ เกษตรกรอยากให้งานสัญจรไปลง ที่ไหนก็ได้ ติดต่อมา พูดคุยกันในรายละเอียด

- วันนี้วันจันทร์ที่ 30 พ.ค. เฉพาะวันจันทร์ ทุกวันจันทร์ สมช.สีสันชีวิตไทย “คุณล่า” (081) 944-8494 ไปที่ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสะดวก ราชบุรี พร้อมกับ ระเบิดเถิดเทิง. ไบโออิ. ไทเป. ยูเรก้า. ยาน็อค. กับหนังสือหัวใจเกษตรไทย มินิ ไปจำหน่าย.. .แจก ! กับดักแมลงวันทอง เลือกเอา 2-3-4 อัน ..... ด้วยประสบการณ์เกือบ 20 ปี พบเห็นทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวมามากมาย ใครสนใจใคร่รู้ก็ไปคุยกัน แล้วจะรู้ว่า อ้อออ เป็นอย่างนี้นี่เอง

- งานสีสันสัญจรวันเสาร์ วันที่ 4 มิ.ย. ลุงคิม กับ อ.ณัฐ (086) 983-1966 สมุนไพรสำหรับคน ไปวัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี.... งานนี้

ซื้อหนังสือหัวใจเกษตรไท มินิ 1 เล่ม แถม ไม้ผลแนวหน้า 1 เล่ม....


****************************************************************
****************************************************************

จาก : (084) 729-61xx
ข้อความ : ขอสูตรทำนาข้าวแบบประณีตครับ

จาก : (094) 823-71xx
ข้อความ : นาข้าวทำอย่างเดิมได้อย่างเดิม ได้น้อยกว่าเดิม แต่ต้นทุนสูงกว่าเดิม เดือนหน้าจะเริ่มนารอบใหม่ ขอกำลังใจจากลุงด้วยครับ

จาก : (093) 462-091xx
ข้อความ : 1. นาข้าว 20 ไร่ ใช้ ยูเรีย 16-20-0 ไร่ละ 2 สอบ มาตลอดชีวิต ได้ข้าว 80 ถังต่อไร่

จาก : (093) 462-091xx
ข้อความ : 2. อยากเลิกแบบเดิม ขอวิธีทำแบบประณีต ขอสูตรผู้พัน

จาก : (093) 462-091xx
ข้อความ : 3. คนทำ เครื่องมือ น้ำ ปุ๋ยยาผู้พัน และใจ พร้อม

เกษตรานุสติ :

285. บิ๊ก ซีพี. ชี้ อนาคต “ข้าวไทย” ต้องออกจากวังวนปัญหา “จำนำ-ประกัน”


วันนี้ จดหมายข่าว CP-E-news ได้เสนอแนวคิดเรื่อง อนาคต “ข้าวไทย”ในตลาดโลก ต้องออกจากวังวนปัญหา “จำนำ-ประกัน” พัฒนาสู่เกษตรอุตสาหกรรม ผลักดันให้เกิดปฏิวัติเขียวรอบสอง โดย ดร. สารสิน วีระพล ผู้บริหาร ซีพี. บทความดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้

อนาคตข้าวไทย จะเป็นอย่างไร คำถามนี้คงอยู่ในใจของใครหลายคน เพราะข้าวถือเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยมาตั้งแต่ครั้งอดีต

วันนี้ทั้งจีน เวียดนาม มีพัฒนาการก้าวไกลสามารถผลิตข้าวได้มากถึงไร่ละ 2,000 กิโลกรัม ในขณะที่ประเทศไทยผลผลิตต่อไร่ยังคงอยู่ที่ 400-600 กิโลกรัมต่อไร่เท่านั้น จะมีบางพื้นที่ที่อยู่ในเขตชลประทานเท่านั้นที่มีผลผลิตข้าวไร่ละ 800 กิโลกรัม

แม้แผนยุทธศาสตร์ข้าว 5 ปี (พ.ศ.2554-2558) จะเน้นการส่งออกข้าวคุณภาพดี เพื่อเพิ่มมูลค่าแทนการเพิ่มปริมาณส่งออก และสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนเพื่อไทยจะได้เป็นศูนย์กลางการค้าข้าว แต่ดูเหมือนว่าโจทย์ของประเทศไทยวันนี้เนื้อหาสาระยังไม่ต่างจากที่ผ่านมา

"เราบอกว่าข้าวของไทยดีที่สุด แต่ทำไมชาวนาไทยยังยากจนที่สุด"
ในเรื่องนี้ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซี.พี. เคยยกตัวอย่างให้ฟังเสมอว่า เกาหลีใต้ ดิน ฟ้า อากาศสู้เมืองไทยไม่ได้เลย แต่เกาหลีใต้ ใช้เวลา 27 ปี เกษตรกรของเขาไปเที่ยวทั่วโลกได้ ทำไมเมืองไทยอุดมสมบูรณ์แบบนี้ ชาวนาไทยยังจนอยู่

อีกประเด็นที่สำคัญในเรื่องของข้าวไทย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี ประเทศไทยก็ยังคงขายสินค้าเดิมๆคือ เมล็ดข้าว นำข้าวเปลือกมาสี ทำความสะอาด แล้วส่งออก แต่ไม่แปรรูปข้าวให้มีมูลค่าสูงขึ้น ทำให้คุณภาพข้าวดีขึ้น แทนที่จะขายในแบบเดิมๆ

ในภาวะที่ประชากรโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าในอีก 30-40 ปีข้างหน้าประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 1 หมื่นล้านคน การบริโภคข้าวย่อมเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ตรงนี้ถือเป็นโอกาสที่ประเทศไทยต้องตระหนักว่าแม้จะมีโอกาสที่ดีแต่การแข่งขันในอุตสาหกรรมนี้ก็สูงเช่นกัน เพราะมีคู่แข่งในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้น ประเทศไทยจะรักษาฐานการส่งออกข้าวและสามารถตอบสนองอุปสงค์โลกที่เพิ่มขึ้น โดยอาศัยความได้เปรียบของปะเทศไทยได้อย่างไร

วันนี้ประเทศไทยเป็นผู้นำเรื่องการค้าข้าวแต่ในทางปฏิบัติเราไม่ทำหน้าที่เป็นผู้นำ แต่กลับปล่อยให้ประเทศอื่นก้าวขึ้นมา อย่างเช่นเวียดนามเงื่อนไขทางธรรมชาติไม่ได้ดีกว่าไทย แต่บางปีเวียดนามส่งออกข้าวได้จำนวนมาก เพราะว่านโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมให้มีการส่งออกเต็มที่

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1313402574&grpid=&catid=05&subcatid=0500


ตอบ :

ขั้นตอนการบำรุงต้นข้าวแบบประณีต :
1. ระยะกล้า :
ทางใบ :

- ให้ไบโออิ + 25-5-5 หรือ 30-10-10 + ยาน็อค 2-3 รอบ สลับด้วยแคลเซียม โบรอน 1 ครั้ง โดยฉีดพ่นพอเปียกใบ

- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
- ระยะเวลาให้ปุ๋ยทางใบ แต่ละครั้งห่างกัน 5-7 วัน
- ให้แคลเซียม โบรอน ตัวสุดท้ายก่อนต้นกล้าเข้าสู่ระยะแตกกอ

ทางราก :
- ควบคุมปริมาณน้ำพอแฉะหน้าดินให้เสมอกันทั่วทั้งแปลง
- ไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ยเคมี เพราะช่วงนี้ต้นข้าวจะได้รับอาหารต่างๆ ที่มีอยู่ในดินซึ่งให้ไว้ก่อนตั้งแต่ช่วงทำเทือกแล้ว

หมายเหตุ :
- เริ่มบำรุงเมื่อต้นข้าวอายุได้ 20-30 วัน
- การให้ 46-0-0 แก่ต้นข้าวจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี เพราะนอกจากจะทำให้ต้นอวบอ้วนใบเขียวตองอ่อน ใบบางและเล็กแล้ว ยังล่อให้เพลี้ยและแมลงอื่นๆเข้ามากัดกินใบข้าวอีกด้วย

- หลังหว่าน/ดำ 3 วัน ช่วงนี้รากกำลังเจริญยาวยังเกาะยึดเนื้อดินไม่แน่น ควรงดให้น้ำหรือปล่อยน้ำเข้านา ปล่อยให้ต้นกล้าใช้น้ำจากเทือก (เตรียมเทือกดี)ไปเรื่อยๆจนกระทั่งหน้าดินเริ่มตึงผิวจึงปล่อยน้ำเข้า ถ้าเตรียมเทือกดีต้นกล้าข้าวสามารถเจริญเติบโตดีต่อเนื่องสมบูรณ์ แข็งแรง (เขียวเข้ม) ดีกว่าต้นกล้าที่มีน้ำขังหล่อหน้าดินตลอดเวลา แม้ว่าหน้าดินแห้งจนแตกตะโก้แล้วก็ยังเจริญเติบโตต่อเนื่องได้

ช่วงหลังปักดำ 3 วันนี้ ถ้ามีฝนตก เม็ดน้ำฝนจะกระแทกต้นกล้าจนล้มได้ ก็ให้รีบปักดำซ่อมต้นที่เสียหายนั้น

- ช่วงอายุ 1 เดือนหลังปักดำ อาจจะพิจารณาถอนแยกต้นกล้าจากกอที่มี 2-3 ต้นมาปลูกซ่อมแทนบางกอที่เสียหายได้ ต้นข้าวที่อายุช่วงนี้ยังสามารถเจริญเติบโตทันกันแล้วให้ผลผลิตเป็นรุ่นเดียวกันได้

- เทคนิคการถอนต้นกล้าจากกอแม่ให้มีดินหุ้มรากติดมาด้วย เมื่อนำไปปักดำใหม่รากจะไม่ชะงักการเจริญเติบโตหรือเจริญเติบโตต่อได้เลย

- ปักดำซ่อมแทนต้นที่ตายหรือเสียหายด้วยกรณีอื่นๆ

2. ระยะแตกกอ :
ทางใบ :

- ให้น้ำไบโออิ + ยาน็อค ทุก 5-7 วัน โดยฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ให้ แคลเซียม โบรอน + ยาน็อค 1 ครั้ง เมื่อเริ่มเข้าสู่ระยะแตกกอ
- ฉีดพ่นยาน็อค ทุก 2-3 วัน

ทางราก :
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 16-8-8 (5 กก.)/ไร่ โดยผสมน้ำแล้วฉีดลงพื้นให้กระจายทั่วแปลง

- ควบคุมปริมาณน้ำพอแฉะหน้าดินให้เสมอกันทั่วทั้งแปลง
- สำรวจลักษณะต้น เช่น ปริมาณแตกกอ ขนาดลำต้น ความสูงต่ำของต้น ขนาดของใบ สี และอื่นๆของต้นที่แตกต่างจากต้นอื่นๆส่วนใหญ่ทั้งแปลง พบแล้วให้ถอนทิ้งเพราะนั่นคือต้นข้าวปน

หมายเหตุ :
- เริ่มบำรุงเมื่อต้นข้าวเริ่มแตกกอ...เป็นการใส่ปุ๋ยเคมีครั้งที่ 2 (ครั้งแรกใส่เมื่อตอนทำเทือก)
- ให้ทางใบด้วยฮอร์โมน เอ็นเอเอ.หรือ ไซโตคินนิน. เดี่ยวๆอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่างๆละเท่ากัน 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน โดยฉีดพ่นให้เปียกโชกทั่วทั้งต้นลงถึงพื้นดิน จะช่วยส่งเสริมให้ต้นข้าวแตกกอได้จำนวนลำมากขึ้น

- การใส่ “ฮิวมิค แอซิด และ ฮอร์โมนบำรุงราก” ไว้ก่อนล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเตรียมเทือก เมื่อต้นข้าวโตถึงระยะแตกกอก็จะแตกกอดีมาก ถ้าไม่ได้ใส่ไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเตรียมเทือกก็ให้มาใส่ในช่วงตกกล้าก็ได้ หรือถ้าไม่ได้ใส่ไว้ล่วงหน้าทั้งช่วงเตรียมเทือกและช่วงตกกล้าก็ขอให้มาใส่ช่วงแตกกอแทนโดยฉีดพ่นลงดินโดยตรงโชกๆก็ได้เหมือนกัน

- การให้สารอาหารต่างๆโดยการฉีดพ่นให้โชกจนเปียกใบแล้วลงไปถึงพื้นกระจายทั่วแปลง จะช่วยให้ได้ประสิทธิภาพของสารอาหารที่ให้เหนือกว่าการฉีดพ่นทางใบอย่างเดียว

- ต้นข้าวในน้ำน้อยพอเฉอะแฉะหน้าดินจะแตกกอดีกว่าต้นข้าวน้ำขังค้างหน้าดิน

3. ระยะตั้งท้อง (แต่งตัว) :
ทางใบ :

- ในรอบ 7 วัน ให้ไบโออิ + 0-42-56 + ยาน็อค 1 รอบ กับไทเป + ยาน็อค อีก 2 รอบ โดยการฉีดพ่นพอเปียกใบ

- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน

ทางราก :
- ควบคุมปริมาณน้ำพอแฉะหน้าดินให้เสมอกันทั่วทั้งแปลง
- สำรวจแปลง พิจารณารูปร่างลักษณะของต้นข้าว ต้นที่แตกกอมาก/น้อย ต้นที่โต/เล็ก ขนาดต้นสูง/ต่ำ รูปร่างอวบอ้วน/ผอมเรียว ที่ผิดเพี้ยนไปจากต้นข้าวส่วนใหญ่ทั้งแปลง ตรวจพบแล้วให้ถอนทิ้งเพื่อป้องกันข้าวปน

หมายเหตุ :
- เริ่มบำรุงเมื่อต้นข้างถึงระยะตั้งท้องหรือแต่งตัว
- การให้ 0-42-56 นอกจากช่วยสะสมแป้งและน้ำตาลเหมือนอาการอั้นตาดอกในไม้ผลแล้วยังช่วยให้ส่วนลำต้นต้นไม่สูงอีกด้วย....ลำต้นไม่ขยายขนาดทางสูงแต่จะขายขนาดทางข้าง ทำให้ลำต้นใหญ่ขึ้นแล้วส่งผลให้ต้นไม่ล้ม

- อาจพิจารณาให้ทางใบด้วยแคลเซียม โบรอน 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน จะส่งผลให้ต้นได้สะสมแคลเซียมไว้ล่วงหน้าซึ่งจะส่งให้ได้ผลผลิตที่ดียิ่งขึ้นเมื่อถึงระยะน้ำนม

4. ระยะออกรวง :
ทางใบ :

- ในรอบ 7 วัน ให้ไบโออิ + 0-42-56 + เอ็นเอเอ. + ยาน็อค 1 รอบ กับให้ไทเป + ยาน็อค อีก 1 รอบ

- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน

ทางราก :
- ควบคุมปริมาณน้ำพอแฉะหน้าดินให้เสมอกันทั่วทั้งแปลง
- สำรวจแปลงสังเกตต้นที่ออกดอก เร็ว/ช้า ช่อดอกยาว/สั้น ขนาดดอกเล็ก/ใหญ่ ดอกพัฒนาเร็ว/ช้า และลักษณะอื่นๆของดอกในบางต้นที่ผิดเพี้ยนไปจากดอกของต้นอื่นส่วนใหญ่ทั้งแปลง พบแล้วให้ถอนทิ้งเพื่อป้องกันข้าวปน

หมายเหตุ :
- เริ่มบำรุงเมื่อช่อดอก (หางแย้) โผล่พ้นกาบขึ้นมาได้ประมาณ 1-2 ซม.
- นอกจาก 0-42-56 แล้วยังสามารถใช้ 10-45-10 แทนได้
- ให้ เอ็นเอเอ.เดี่ยวๆ ทางใบ 2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน เพื่อบำรุงทั้งเกสรตัวผู้และตัวเมียให้สมบูรณ์ ผสมติดดี ซึ่งจะส่งผลให้เกสรผสมติดแล้วพัฒนาเป็นผล (เมล็ดข้าว)ได้มากขึ้น

- การให้ “46-0-0 (200 กรัม)/น้ำ 100 ล.” หรือ “46-0-0(200 กรัม) + ฮอร์โมนไข่ ไทเป 100 ซีซี.+ น้ำ 100 ล.” หรือ “46-0-0 (400 กรัม) + แม็กเนเซียม 200 กรัม + สังกะสี 20 กรัม +ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 กรัม” ฉีดพ่นพอเปียกใบ 1 รอบ จะช่วยให้ดอกออก (พุ่ง) ดีขึ้น ประสิทธิภาพเท่าหรือเหนือกว่าสารลมเบ่งที่จำหน่ายในท้องตลาด

- ช่วงออกดอกให้สำรวจแปลง ถ้าดอกออกพร้อมกันทั้งแปลงดีให้ฉีดพ่น 2 รอบ แต่ถ้าดอกออกไม่พร้อมกันก็ให้ฉีดพ่น 3 รอบ ทั้งนี้ปุ๋ยทางใบสูตรเปิดตาดอกหรือกระตุ้นการออกดอกนอกจากจะช่วยให้ต้นข้าวออกดอกดีแล้วยังช่วยบำรุงดอกให้สมบูรณ์ แข็งแรงและ โตเร็วทันกันได้อีกด้วย

5. ระยะน้ำนม
ทางใบ :

- ในรอบ 7-10 วัน ให้ยูเรก้า + ยาน็อค 2 รอบ สลับครั้งกับให้ไบโออิ + ยาน็อคอีก 2 รอบ โดยการฉีดพ่นพอเปียกใบ ให้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงระยะพลับพลึง

- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน

ทางราก :
- ควบคุมปริมาณน้ำพอแฉะหน้าดินให้เสมอกันทั่วทั้งแปลง
- ขั้นตอนนี้ถ้าได้ใส่ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 5 ล.+ 21-7-14(5 กก.)/ไร่ จะช่วยบำรุงเมล็ดข้าวให้มีขนาดใหญ่ เมล็ดเต็ม ใสแกร่ง ไม่เป็นท้องปลาซิว น้ำหนักดี

- สำรวจแปลงสังเกตการออกรวงของต้นข้าว รวงสั้น/ยาว เมล็ดเล็ก/ใหญ่/ยาว/สั้น/กลม สีของเปลือกหุ้มเมล็ดที่มีลักษณะผิดเพี้ยนไปจากต้นข้าวส่วนใหญ่ทั้งแปลง ตรวจพบแล้วให้ถอนทิ้งเพื่อป้องกันข้าวปน

หมายเหตุ :
- เริ่มบำรุงเมื่อเมล็ดเริ่มขึ้นรูป หรือเมื่อบีบเมล็ดแล้วมีน้ำในเมล็ด (สีขาวนวลหรือขาวอมเหลืองเหมือนนมสด)

- ช่วงเมล็ดเริ่มๆ เป็นน้ำนม ให้ “แคลเซียม โบรอน + ไคตินไคโตซาน” 1 รอบ จะช่วยบำรุงให้เมล็ดข้าวสมบูรณ์ขึ้น มากกว่าที่ไม่ได้ให้อย่างเห็นได้ชัด

- ตลอดระยะน้ำนม การให้ทางใบด้วยแม็กเนเซียม.จะช่วยให้ใบข้าวเขียวสดถึงวันเกี่ยว....การให้สังกะสี.จะช่วยสร้างแป้ง....และการให้แคลเซียม โบรอน.จะช่วยคุณภาพเมล็ดข้าวดี...เมื่อให้รวมครบทุกตัวแล้วจะช่วยให้เมล็ดข้าวเปอร์เซ็นต์แป้งสูงเมล็ดแกร่งเปอร์เซ็นต์ข้าวหักน้อย ไม่เป็นท้องปลาซิว เมล็ดใสน้ำหนักดี กลิ่นดี

- ต้นข้าวที่มีความสมบูรณ์เนื่องจากได้รับสารอาหารครบสูตร (ธาตุหลัก-ธาตุรอง-ธาตุเสริม-ฮอร์โมน และ อื่นๆ)สม่ำเสมอตรงตามระยะพัฒนาการในแต่ละระยะ ลำต้นจะยังคงตั้งตรงในขณะที่รวงจะโค้งโน้มลง

- ธาตุอาหารที่ช่วยบำรุงให้เมล็ดเต็ม แกร่ง ใส ไม่เป็นท้องปลาซิว น้ำหนักดีเปอร์เซ็นต์แป้งสูงคือ “ธาตุรอง/ธาตุเสริม/ฮอร์โมน” ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ชาวนาจะต้องให้อย่างสม่ำเสมอให้ได้ ทั้งการใส่เตรียมไว้ในดินล่วงหน้า (ช่วงเตรียมเทือก)และให้ทางใบภายหลังเมื่อต้นข้าวโตแล้ว

- ต้นข้าวที่เมล็ดเป็นน้ำนมแล้ว ถ้าให้ทางใบด้วย 14-7-21 เมล็ดจะหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นเมล็ดแก่ (พลับพลึง-เมล็ดแกร่งใส)พร้อมเกี่ยวทันที กรณีนี้เหมาะสำหรับการบำรุงเพื่อเร่งให้เมล็ดแก่ทันเก็บเกี่ยวตามกำหนด ณ เวลาที่ต้องการหรือเกี่ยวก่อนครบอายุ

6. ระยะก่อนเกี่ยว (พลับพลึง) :
ทางใบ :

- ในรอบ 10 วัน ให้ไบโออิ 0-21-74 + ยาน็อค 1 รอบ
- ฉีดพ่นยาน็อค ทุก 2-3 วัน

ทางราก :
- ควบคุมปริมาณน้ำพอแฉะหน้าดินให้เสมอกันทั่วทั้งแปลง
- สำรวจแปลงสำรวจลักษณะต้นข้าว สังเกตอาการโค้งงอลงของรวง โค้งลงต่ำมาก/น้อย ขนาดและรูปร่างของรวง ขนาดเมล็ดเล็ก/ใหญ่/ยาว/สั้น/กลม/แบน สีเปลือกหุ้มเมล็ด ความแก่/อ่อน และอื่นๆ ที่ผิดเพี้ยนไปจากลักษณะของเมล็ดข้าวส่วนใหญ่ในแปลงแปลง ตรวจพบแล้วถอนทิ้งเพื่อป้องกันข้าวปน

- งดน้ำเด็ดขาดก่อนลงมือเกี่ยว 7-15 วัน

หมายเหตุ :
- ช่วงปลายรวงเริ่มก้มหรือปลายโค้งลงเนื่องจากน้ำหนักของรวงนั้น ใบธงจะเริ่มเหี่ยวเหลืองเนื่องจากใกล้หมดอายุขัย เมื่อใบเริ่มเหลืองนั่นหมายความว่าใบเริ่มเลิกการสังเคราะห์อาหารแล้ว ในขณะที่เมล็ดส่วนปลายรวงยังเป็นน้ำนมอยู่ จึงทำให้เมล็ดส่วนปลายรวงไม่ได้รับสารอาหาร ส่งผลให้เป็น "เมล็ดลีบ" กรณีนี้แก้ไขด้วยการให้ "แม็กเนเซียม + สังกะสี + แคลเซียม โบรอน" 1-2 รอบ โดยแบ่งให้ตลอดระยะน้ำนม

- การให้มูลค้างคาวสกัดจะทำให้ขั้ว (ระแง้คอรวง)เหนียว เครื่องนวดข้าวในรถเกี่ยวจะสลัดเมล็ดข้าวออกจากรวงไม่ได้หรือสลัดออกมาไม่หมด เมล็ดข้าวส่วนนี้จะปลิวไปกับเศษฟาง เพราะฉะนั้นการให้มูลค้างคาวสกัดจะต้องให้ด้วยความระมัดระวัง อย่าให้มากเกินอัตราที่ต้นข้าวสามารถรับได้ หรือหากเห็นว่าเมล็ดแกร่งใสดีแล้วก็ไม่ต้องให้มูลค้างคาวสกัดก็ได้

- การให้นมสด 1 รอบ นอกจากช่วยลดความชื้นในเมล็ดข้าวหลังเก็บเกี่ยวได้ดีแล้ว ยังช่วยลดปริมาณไนเตรทในเมล็ดข้าวได้อีกด้วย

- ลักษณะต้นข้าวระยะพลับพลึงที่สมบูรณ์แข็งแรง ลำต้นจะยังคงสีเขียวอยู่ ใบบางส่วนยังเป็นสีเขียวแต่บางส่วนเริ่มเหลือง รวงข้าวยังไม่แห้งสนิทหรือสีออกเขียวเล็กน้อย

- ต้นข้าวที่สมบูรณ์แข็งแรง เนื่องจากได้รับ “ธาตุรอง/ธาตุเสริม” ถูกต้อง และสม่ำเสมอ ลำต้นจะแข็งแรงตั้งตรงไม่ล้ม และรวงข้าวระยะพลับพลึงจะโค้งลงไม่มากนัก หรือ โค้งลงน้อยกว่าต้นที่ไม่สมบูรณ์ การที่ต้นไม่ล้มและรวงโค้งลงไม่มากนี้จะช่วยให้รถเกี่ยวทำงานได้ง่าย เปอร์เซ็นต์ความสูญเสียเมล็ดข้าวก็น้อยด้วย

- ต้นข้าวระยะพลับพลึง (ก่อนเกี่ยว)แต่ใบยังเขียวหรือเขียวอมเหลือง บ่งบอกถึงความสมบูรณ์สูงของต้น ซึ่งจะส่งให้เมล็ดข้าวคุณภาพดี

- ให้น้ำ 100 ล.+ น้ำคั้นใบเตยสด 250-300 ซีซี.+ กลูโคสน้ำ 100 ซีซี. ฉีนทางใบ ก่อนเกี่ยว 5-7 วัน จะช่วยบำรุงให้ข้าวมีกลิ่นหอมดีขึ้น

- การให้ "แม็กเนเซียม + สังกะสี" ตั้งแต่ช่วงระยะกล้า 1-2 รอบ กับให้ช่วงระยะน้ำนม 2 รอบ....แม็กเนเซียมจะช่วยบำรุงให้ใบข้าวเขียวถึงวันเกี่ยว และสังกะสีจะช่วยสร้างแป้ง ทำให้ต้นสมบูรณ์ เมล็ดเต็ม ใส แกร่ง แข็ง

- ก่อนเกี่ยว 15 วัน ให้ "14-7-21 + ธาตุรอง/ธาตุเสริม + แคลเซียม โบรอน" 2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน และให้รอบสุดท้ายก่อนลงมือเกี่ยว 5-7 วัน นอกจากช่วยปรับปรุงคุณภาพเมล็ดข้าวแล้วยังช่วยลดความชื้น ณ วันเกี่ยวได้อีด้วย

สรุปขั้นตอนทำนาข้าวอย่างประณีต :
ขั้นตอนที่ 1 เตรียมแปลง
ขั้นตอนที่ 2 เตรียมเทือก
ขั้นตอนที่ 3 เตรียมเมล็ดพันธุ์
ขั้นตอนที่ 4 เตรียมเพาะกล้า
ขั้นตอนที่ 5 บำรุงระยะกล้า
ขั้นตอนที่ 6 บำรุงระยะแตกกอ
ขั้นตอนที่ 7 บำรุงระยะตั้งท้อง (แต่งตัว)
ขั้นตอนที่ 8 บำรุงระยะออกดอก
ขั้นตอนที่ 9 บำรุงระยะน้ำนม
ขั้นตอนที่ 10 บำรุงระยะก่อนเกี่ยว (พลับพลึง)

....แปลง-เทือก-พันธุ์...กล้า-กอ-ท้อง...ดอก-นม-เกี่ยว ....

-----------------------------------------------------------------------------------


.



กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©