-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 14 ต.ค. * INSIDE ระเบิดเถิดเทิง
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 14 ต.ค. * INSIDE ระเบิดเถิดเทิง

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 13/10/2022 4:57 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 14 ต.ค. * INSIDE ระเบิดเถิดเทิง ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรประจำวัน 14 ต.ค.

***********************************************************************
สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง ที่เคารพ
กองทัพบก เพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดย กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

จุดยืนรายการ ....
* เกษตรแบบ อินทรีย์นำ - เคมีเสริม - ตามความเหมาะสม “.. ? ..”
* ปัจจัยพื้นฐาน ดิน - น้ำ - แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล - สารอาหาร - สายพันธุ์ - โรค
* หัวใจเกษตร ปุ๋ย - ยา - เทคนิค - เทคโนฯ - โอกาส - ตลาด - ต้นทุน
* พร้อมทำเองสอนวิธีทำ พร้อมซื้อสอนวิธีซื้อ

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการ
เช่นเคย รายการเรา....
*** 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว-สายตรง ที่ (081) 913-4986, ....
*** FB วีระ ใจหนักแน่น, ....
*** อินเตอร์เน็ต เกษตรลุงคิม ดอทคอม .... เว้บนี้ ถาม 1 บรรทัด ตอบ 1 หน้า
ถนัดช่องทางไหนเลือกช่องทางนั้นตามอัธยาศัย นักรบไม่ว่ากัน THANK YOU ....

รายการวิทยุ :
*** AM 594 ปตอ. เวลา 0815-0900 จันทร์-ศุกร์ คลื่นนี้ครอบคลุมพื้นที่ 40+ จังหวัด ***

งานสัญจรปกติตามวงรอบ :
* วันเสาร์ของสัปดาห์แรกของเดือน ..... ไปที่วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สองของเดือน ... ไปที่วัดอัมพวัน (หลวงพ่อโหน่ง) สองพี่น้อง สุพรรณบุรี,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สามของเดือน ... ไปวัดท่าตำหนัก เพชรเกษม แยกนครชัยศรี นครปฐม,
* วันเสาร์ของสัปดาห์ที่สี่ของเดือน ...... ไปวัดส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปา ถ.วงแหวนตะวันตก
* เดือนที่มี 5 เสาร์ เสาร์ที่ 5 ของเดือน . ไปวัดทุ่งสะเดา แปลงยาว ฉะเชิงเทรา
** ถึงจุดนี้ เกษตรกรอยากให้งานสัญจรไปลง ที่ไหนก็ได้ ติดต่อมา พูดคุยกันในรายละเอียด

- เฉพาะวันจันทร์ ทุกวันจันทร์ สมช.สีสันชีวิตไทย “คุณล่า” (081) 944-8494 ไปที่ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสะดวก ราชบุรี พร้อมกับ ระเบิดเถิดเทิง. ไบโออิ. ไทเป. ยูเรก้า. ยาน็อค. กับหนังสือหัวใจเกษตรไทย มินิ ไปจำหน่าย.... ด้วยประสบการณ์เกือบ 20 ปี พบเห็นทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวมามากมาย ใครสนใจใคร่รู้ก็ไปคุยกัน แล้วจะรู้ว่า อ้อออ เป็นอย่างนี้นี่เอง

- งานสีสันสัญจรวันเสาร์ วันที่ 15 ต.ค. ลุงคิม กับ อ.ณัฐ (086) 983-1966 สมุนไพรสำหรับคน
"งด" ไปวัดท่าตำหนัก ถ.เพชรเกษม (ขาล่อง) ก่อนถึงแยกนครชัยศรี 200 ม. นครปฐม เพราะน้ำท่วม ....


***********************************************************************
***********************************************************************

จาก : 09 182x 178x
ข้อความ : เรียนผู้พัน พร้อมทำเองสอนวิธีทำ พร้อมซื้อสอนวิธีซื้อ ขอสูตรทำระเบิดเถิดเทิง

จาก : 08 617x 629x
ข้อความ : พืชกินปุ๋ย 14 ตัว ฮอร์โมน 6 ตัว เอาผักอย่างเดียวมาทำปุ๋ย ได้ปุ๋ยกี่ตัว ตัวไหน ฮอร์โมนกี่ตัว ตัวไหน ถามปราชญ์ชาวบ้านแล้ว ไม่มีคำตอบครับ

จาก : 08 371x 829x
ข้อความ : ต้นทุนค่าปุ๋ย ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ ครบวงจร ตามใจพืช ตามใจคน ขอบคุณที่ให้สติ ขอบคุณค่ะ

จาก : 08 816x 925x
ข้อความ : ขอข้อมูลทำระเบิดเถิดเทิง เอาไปเขียนรายงานครับ ขอบคุณอย่างสูงครับ
ตอบ

คนถามใหม่ คำถามเก่า คำตอบเดิม :

ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง
INSIDE ระเบิดเถิดเทิง :

สูตรระเบิดเถิดเทิง เรียกว่า "ปุ๋ย-อินทรีย์-ชีวภาพ" ได้เต็มปากเพราะ มีปริมาณปุ๋ย (ธาตุอาหาร ชนิดและปริมาณ) ตามต้องการ, เป็นอินทรีย์เพราะทำมาจากเศษซากสัตว์ล้วนๆ, และเป็นชีวภาพเพราะมีจุลินทรีย์

คุณสมบัติอื่น ได้แก่
* ผ่านการตรวจจากกรมวิชาการเกษตรมาแล้ว 3 ครั้ง
* เป็นอินทรีย์เพราะทำจาก กุ้งหอยปูปลาทะเล เลือด ไขกระดูก ขี้ค้างคาว นม น้ำมะพร้าว
* เป็นอินทรีย์เพราะมีจุลินทรีย์สารพัดชนิด พิสูจน์จากส่วนผสมที่ถูกย่อยสลาย
* ในเลือดมี N. P. K. Fe.
* ในไขกระดูกมี N. P. K. Ca. S.
* ในขี้ค้างคาวมี P. K.
* ในนมมี P. K. Ca. Mg. Zn.
* ในน้ำมะพร้าวมี P. Ca. Zn. ไซโคไคนิน. กลูโคส.

สารอาหารในอินทรีย์วัตถุที่นำมาทำ มีสารอาหาร มาก/น้อย ต่างกัน :
ผักผลไม้ ................. น้อยสุด หรือน้อยกว่าหอยเชอรี่
หอยเชอรี่ ................ มากกว่าผักผลไม้ แต่น้อยกว่าปลาน้ำจืด
ปลาน้ำจืด ............... มากกว่าหอยเชอรี่ แต่น้อยกว่าปลาทะเล
ปลาทะเลอย่างเดียว .... น้อยกว่า ปลากุ้งหอยปูทะเล รวมกัน

- หรือ มากสุดไปหาน้อยสุด คือ ปลาทะเลรวม-ปลาทะเลเดี่ยว-ปลาน้ำจืด-หอยเชอรี่-ผักผลไม้
- ข้อมูลทางวิชาโภชนาการระบุชัดเจนว่า ในปลาทะเลมี แม็กเนเซียม. สังกะสี. โซเดียม ซึ่งในปลาน้ำจืดไม่มี

หมักนานข้ามปี :
หมักนาน 3 เดือน ....... ได้ธาตุหลัก (ไนโตรเจน. ฟอสฟอรัส. โปรแตสเซียม.)
หมักต่ออีก 3 เดือน ..... ได้ธาตุรอง (แคลเซียม. แม็กเนเซียม. กำมะถัน.)
หมักต่ออีก 3 เดือน ..... ได้ธาตุเสริม (เหล็ก. ทองแดง. สังกะสี. แมงกานิส. โมลิดินั่ม. โบรอน. ซีลีก้า. โซเดียม. อะมิโนโปรตีน.)

หมักต่ออีก 3 เดือน ..... ได้ฮอร์โมน (ไซโตคินนิน. เอสโตรเจน. ออร์แกนิค แอซิด. ฟลาโวอยด์. ควินนอยด์. อโรเมติก แอซิด. ฮิวมัส. โพลิตินอล. ไอบีเอ. เอ็นบีเอ.) และได้ จุลินทรีย์ (คีโตเมียม. ไรโซเบียม. ไมโครไรซ่า. แอ็คติโนมัยซิส. บาซิลลัสส์. ไรซ็อคโธเนีย. แบคทีเรีย. ฟังก์จัย.)

ระหว่างการหมักไม่ปิดฝาเพื่อให้จุลินทรีย์ประเภทต้องการอากาศที่ปากถัง ได้รับอ๊อกซิเจน ระหว่างการหมักไม่คน เพื่อให้จุลินทรีย์ประเภทไม่ต้องการอากาศที่ก้นถัง ไม่โดนอากาศ .... จุลินทรีย์ประเภทไม่ต้องการอากาศมีพลังในการย่อยสลายสูงกว่าจุลินทรีย์ประเภทต้องการอากาศ

หมักนานแล้ว ใช้ไม้พายคนทั้งถังแล้วยื่นไม้พายให้หมา หมาดม ดมแล้วเลียหมับๆกิน กินเป็นว่าเล่น .... หนู ตกลงไปในถัง แสดงว่าต้องการกิน ถ้าไม่ต้องการกินคงไม่ลงไป ลงไปแล้วตกตายในถัง ปล่อยทิ้งไว้ 2 อาทิตย์ขึ้นอืด 2 เดือนละลายสลายหาไปทั้งตัว.... หมาเลีย/หนูกิน นี่คือ “FOOD GRADE”

ฟาร์มไก่ข้างไร่กล้อมแกล้ม ไก่ตาย หมาคาบมา คนแย่งหมาจับยัดลงถังหมักทั้งตัว ทิ้งไว้ 3 เดือนละลายสลายหายไปทั้งตัว .... นี่คือ “พลังจุลินทรีย์”

วิธีหมัก :
หมักแยก :
ถัง 1.
กุ้งหอยปูปลาทะเลสดใหม่ บดละเอียด 20 กก. + กากน้ำตาล 5 กก. +เปลือกสับปะรด + น้ำหมักชีวภาพเก่า 5 ล. หมักนาน 3 เดือน ....ใส่น้ำมะพร้าวจนเต็มถังที่หมักขนาด 200 ล. หมักนานข้ามปี .... ได้ “น้ำหมักชีวภาพเริ่มต้น” พร้อมผสมต่อ

ถัง 2. เลือด 200 ล. + กากน้ำตาล 5 ล. + น้ำหมักเก่า 5 ล. หมักนานข้ามปี....ได้ “เลือดหมัก” พร้อมผสมต่อ

ถัง 3. ไขกระดูก 100 กก. + กากน้ำตาล 5 ล. + น้ำหมักเก่า 5 ล. หมักนานข้ามปี .... ได้ “ไขกระดูกหมัก” พร้อมผสมต่อ

ถัง 4. ขี้ค้างคาว 10 กก. + กากน้ำตาล 5 ล. + น้ำหมักเก่า 30 ล. หมักนานข้ามปี .... ได้ “ขี้ค้างคาวหมัก” พร้อมผสมต่อ

ถัง 5. นม 100 ล. + กากน้ำตาล 5 ล. + น้ำหมักเก่า 5 ล. + ยิสต์ 1 กล่อง หมักนานข้ามปี .... ได้ “นมหมัก” พร้อมผสมต่อ

ใช้รวม :
น้ำหมักชีวภาพเปล่าเริ่มต้น 180 ล. + เลือดหมัก 5 ล. + ไขกระดูกหมัก 5 ล. + ขี้ค้างคาวหมัก 5 ล. + นมหมัก 5 ล. ได้น้ำหมักชีวภาพ “สูตรระเบิดเถิดเทิงอินทรีย์” 200 ล พร้อมใช้ หรือปรุงต่อ

หมายเหตุ :
- น้ำหมักชีวภาพ สูตรระเบิดเถิดเทิงอินทรีย์ แม้สมบูรณ์แบบด้วยวัสดุส่วนผสมที่มีสารอา หารพืชมาก และกรรมวิธีในการทำต้องตามหลักวิชาการที่ยืนยันได้ ถึงกระนั้นชนิดและปริมาณของสารอาหารก็ยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับปุ๋ยเคมี หรือปุ๋ยสังเคราะห์ กับทั้งเหมาะสมกับความต้องการหรือจำเป็นต้องใช้สำหรับพืชบางชนิดเท่านั้น

- ไม่มีกุ้งหอยปูปลาทะเลสดๆ จากแพปลา ใช้ปลาป่นส่วนผสมอาหารไก่แทนได้ ดีกว่ากุ้งหอยปูปลาทะเลสดๆ เพราะไม่ต้องบด หรือใส่ลงถังหมักได้เลย

อินทรีย์-เคมี :
จากสูตรระเบิดเถิดเทิงอินทรีย์ +เพิ่ม แม็กเนเซียม 10%, สังกะสี 5%, รอง/เสริม 2%, ฮิวมิก 1%. เป็นตัวคงที่ กับ +เพิ่ม ธาตุหลักตามพืช 10-30% ผสมให้เข้ากันดีด้วยโมลิเน็กซ์ยักษ์ ได้ "ปุ๋ยน้ำชีวภาพ สูตรระบิดเถิดเทิง อินทรีย์ -เคมี" พร้อมใช้

หมายเหตุ :
ปริมาณธาตุหลัก 10-30% ขึ้นกับชนิดพืช การ +เพิ่มปุ๋ยเคมี (หลัก รอง เสริม) แล้ว เรียกว่า “อินทรีย์เคมี ตามความเหมาะสม” .... ความเหมาะสม หมายถึงพืชที่จะให้

ตัวอย่าง .... ระหว่าง :
* ผักกาดผักคะน้า (กินใบ) กับ พริกมะเขือ (กินผล) กับ มะม่วงทุเรียน (กินผล) .... หรือ
* มะม่วงทะวาย มีลูกหลายรุ่นบนต้น กับมะม่วงปี มีลูกรุ่นเดียวบนต้น .... หรือ
* ลำไยอายุต้น 5 ปี กับลำไยอายุ 50 ปี มีลูกบนต้นเหมือนๆกัน ......... หรือ
* ไม้ผลยืนต้น ปีที่แล้วให้ผลผลิตมาก มาปีนี้ต้องให้ปุ๋ยมากขึ้น ตามความจำเป็นที่ต้นแม่ต้องเลี้ยงลูกมากขึ้น

น้ำหมักชีวภาพ สูตรระเบิดเถิดเทิงอินทรีย์ จากถังหมัก มีโมเลกุลขนาดใหญ่ ผ่านปากใบไม่ได้ ต้องให้ทางดินเท่านั้น หากต้องการให้ทางใบต้องปรับโมเลกุลให้มีขนาดเล็ก เป็นโมเลกุลเดี่ยว เรียกว่า “อะมิโนโปรตีน” ก่อน

เกษตรที่จะไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ทำได้โดยใช้ "น้ำหมักชีวภาพ สูตรระเบิดเถิดเทิงอินทรีย์" (ไม่ปุ๋ยเคมี) ปรับโมเลกุล ให้เป็นโมเลกุลขนาดเล็ก ผ่านปากใบได้ เรียกว่า อินทรีย์เกาะขอบ ชื่อ"ฟาจีก้า" แล้วให้ทั้งทางใบและทางรากควบคู่กัน กับ เสริม/สลับ ด้วยฮอร์โมนธรรมชาติที่มีโมเลกุลขนาดเล็กผ่านปากใบได้

ฮอร์โมนธรรมชาติ ได้แก่ นมสด น้ำมะพร้าว น้ำคั้นหัวไชเท้า น้ำคั้นเมล็ดเริ่มงอก น้ำคั้นผักสด ฯลฯ เรื่องนี้ยาวต้องหาเวลาว่ากันต่างหาก

เกษตร “อินทรีย์ตกขอบ หรือ อินทรีย์มั่วซั่ว” หมายถึงการใช้น้ำหมักชีวภาพที่ ไม่มีสารอาหาร หรือมีสารอาหารน้อย กรรมวิธีการหมักไม่ถูกต้อง เหม็นเน่า มีหนอนเกิดขึ้น นั่นไม่ใช่สารอาหารแต่เป็น “เชื้อโรค”

ข้อสังเกต (1) : กุ้งหอยปูปลาทะเล สดใหม่ กลิ่นคาวจัด บนรถหน้าโรงปุ๋ย แมลงวันตอมหึ่งครั้นขนย้ายเข้าในโรงปุ๋ยหมด แมลงวันหน้าโรงปุ๋ยไม่ตามเข้าไปแม้แต่ตัวเดียว เหตุผลเพราะ ในน้ำหมักเก่าในโรงปุ๋ยมีสารท็อกซิก ที่เป็นพิษต่อแมลงนั่นเอง

ข้อสังเกต (2) : รอบๆ RKK มีฟาร์มไก่ คอกวัว มีแมลงวันเป็นธรรมดา ในครัว โต๊ะกินข้าว ที่ RKK ก็มีแมลงวัน แต่ในโรงปุ๋ยชีวภาพไม่มีแมลงวัน

กุ้งหอยปูปลาทะเล ทั้งตัว สดๆ ปั่นด้วยโมลิเน็กซ์ยักษ์ 15-20 นาที เหลวเป็นน้ำวุ้น
หมักทั้งตัวแบบธรรมดา ใช้เวลา 3-6 เดือน ถึงจะเหลว

น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง ขั้นตอนที่ 1 :
วัสดุส่วนผสม :
กุ้งหอยปูปลาทะเลสด .............. 20 กก.
กากน้ำตาล .......................... 5 ล.
เปลือกสับปะรด ...................... 2-3 หัว
น้ำหมักฯ เก่า พร้อมใช้งานแล้ว ..... 5 ล.
วิธีทำ :
ใส่ส่วนผสม “ทุกตัว” ลงถังขนาดจุ 200 ล. แล้วบดด้วยเครื่องบดโมลิเน็กซ์ยักษ์ บดให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะละเอียดได้ จนเป็นน้ำวุ้น ถ้าส่วนผสมข้นมากจนบดไม่ได้ ให้เติมเพิ่มน้ำน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงพร้อมใช้งานแล้ว พอเหลวให้เครื่องบดทำงานได้ บดเสร็จแล้วปิดฝาพอหลวม เก็บในอุณหภูมิโรงงาน ใช้ไม้พายคน 7 วัน/ครั้ง หมักทิ้งไว้ 3 เดือน ครบกำหนด 3 เดือนแล้วจะพบว่าส่วนผสมต่างๆในถังหมักเหลวเป็นน้ำ นั่นคือ "อะมิโน โปรตีน" มีกลิ่นคาวปลาแรงกว่าเดิม .... พร้อมปรุงต่อขั้นที่ 2

น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง ขั้นตอนที่ 2 :
- น้ำมะพร้าว จากโรงงานทำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
- อะมิโนโปรตีน ที่ได้จากขั้นตอนที่ 1 ประมาณ 40 ล.
- น้ำมะพร้าว ..... 160 ล. หรือ จนเต็มถัง
- 21-0-0 ....... 500 กรัม

คนเคล้าให้เข้ากันดี แล้วเติมอากาศด้วยปั๊มออกซิเจนเฉพาะช่วงกลางวัน เช้าถึงเย็น นานติดต่อกัน 7 วัน .... ระหว่างเติมอากาศหากหยุดเติม วัสดุส่วนผสมต่างๆ ช่วงแรกๆ จะลอยขึ้นมาอยู่ที่ผิวหน้า ครั้นเวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือน ส่วนผสมเหล่านั้นจะจมลงก้นถังทั้งหมด เมื่อเห็นว่าส่วนผสมจมลงก้นถังหมดแล้วให้หยุดเติมอากาศ หยุดการคนส่วนผสมก้นถังด้วยเครื่องมือใดๆ เพื่อปล่อยให้ส่วนผสมก้นถังอยู่ในสภาพไร้อากาศ ในสภาพไร้อากาศนี้จะเกิดจุลินทรีย์กลุ่มไม่ต้องการอากาศซึ่งมีพลังย่อยสลายดีกว่าจุลินทรีย์ประเภทต้องการอากาศ

เมื่อส่วนผสมต่างๆจมลงก้นถังหมดแล้ว ให้คนเฉพาะผิวหน้าด้านบน เพื่อให้จุลินทรีย์ประ เภทต้องการอากาศได้รับอากาศเท่านั้น

นอกจากนี้ยังพบสารเหลวที่เป็นเมือก มันวาว จำนวนมาก นั่นคือ "ฮอร์โมน ไซโตไคนิน และฮิวมัส" สารที่มีประโยชน์ต่อพืชอย่างมาก

หมักนานข้าม 1ปี 2ปี 3ปี ตรวจสอบทุกระยะ ทุกขั้นตอน (สี กลิ่น กาก ฝ่า ฟอง) ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยได้ “น้ำหมักระเบิดเถิดเทิงดิบ” พร้อมปรุงต่อ

หมายเหตุ :
- ทุกขั้นตอนของการหมักไม่มีการเติม "น้ำเปล่า" เพราะในน้ำเปล่านอกจากไม่มีสาร อาหารแล้ว ยังทำให้เปอร์เซ็นต์ของสารอาหารที่พึงมีเจือจางลงไปอีก กับทั้งน้ำเปล่าเป็นต้นสาเหตุทำให้การหมักเกิดเน่าเหม็นอีกด้วย

- คนเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี ปิดฝาพอหลวมหรือไม่ต้องปิดฝา เก็บในร่ม อุณหภูมิโรงงาน เติมอากาศช่วง 7 วันแรก ระหว่างเติมอากาศจะพบว่ามีฟองเกิดขึ้น ถ้าลูกฟองมีขนาดใหญ่ให้เติมอากาศต่อไปเรื่อยๆ จนลูกฟองมีขนาดเล็กละเอียด จึงหยุดเติมอากาศ แล้วหมักทิ้งไว้ข้ามปี (ฟองขนาดใหญ่แสดงว่ายังไม่พร้อมใช้งาน .... ฟองเล็กละเอียดแสดงว่าพร้อมใช้งานแล้ว)

- ไม่ปิดฝา แต่คนด้วยมือที่ปากถัง อาทิตย์ละครั้ง เพื่อให้อากาศแก่จุลินทรีย์ประเภทต้องการอากาศฝ้าที่ปากถัง คือ จุลินทรีย์ที่ตายแล้ว ฝ้ามากแสดงว่าจุลินทรีย์มาก ฝ้าน้อยแสดงว่าจุลินทรีย์น้อย สี/รูปลักษณ์ ที่ต่างกัน คือ จุลินทรีย์ต่างกลุ่มกัน ทุกกลุ่ม คือ จุลินทรีย์ดี มีประโยชน์ทั้งสิ้น ใช้ไม้พายคนให้จมลงก็จะเป็นอาหารให้แก่จุลินทรีย์ที่ยังไม่ตาย กระทั่งไม่มีฝ้าใดๆ บนปากถังเลย นั่นคือ “น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง ขั้นที่ 2” พร้อมใช้งาน หรือปรุงต่อ

- ระยะเวลาหมักยิ่งหลายปียิ่งดี ก็จะได้ "น้ำหมักระเบิดเถิดเทิงดิบ" พร้อมปรุงต่อก่อนใช้งานจริง น้ำหมักระเบิดเถิดเทิงดิบที่ผ่านการหมักข้ามปีแล้วจะมีกลิ่นฉุนแอลกอฮอร์ หากใช้ไม้พายค่อยๆ งัดกากที่อยู่ก้นถังขึ้นมาดู จะพบว่าส่วนผสมที่อาจจะหยาบๆ ในครั้งแรกนั้นได้กลายสภาพเป็นของเหลวเหมือนวุ้น

วิธีเก็บรักษา ปรับปรุง และแก้ไข :
ปฏิบัติเหมือนน้ำหมักชีวภาพสูตรกล้อมแกล้ม ทุกประการ ....

ส่วนผสมเสริม 1 "ไขกระดูก)" :
- ถังขนาดจุ 100 ล. ใส่ไขกระดูก ½ ของความจุถัง เติมน้ำมะพร้าวท่วมไขกระดูก เติมกากน้ำตาล 3-5 ล. เติมน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงพร้อมใช้งานเพื่อเอาจุลินทรีย์ 5 ล. ใช้โมลิเน็กซ์ยักษ์ปั่นให้เข้ากัน เรียบร้อยแล้ว ปิดฝาพอหลวม เก็บในร่ม อุณหภูมิโงงาน หมักนานข้าม 1ปี 2ปี 3ปี

- ระหว่างการหมัก มีกลิ่นเหม็นเน่า แสดงว่ากากน้ำตาลน้อย แก้ไขโดยใส่เพิ่มครั้งละ ¼ ของที่ใส่ครั้งแรก ถ้ากากน้ำตาลพอดี กลิ่นเหม็นจะหายใน 24 ชม. หากกลิ่นเหม็นยังไม่หาย ให้เติมกากน้ำตาลอีก ¼ ของครั้งที่สอง คราวนี้ ถ้ากากน้ำตาลพอดี กลิ่นเหม็นจะหายใน 24 ชม. เช่นกัน หากกลิ่นเหม็นยังไม่หาย ให้เติมกากน้ำตาลอีก ¼ ของครั้งที่สามแล้วหมักต่อเหมือนเดิม ถ้ากลิ่นเหม็นหาย แสดงว่ากากน้ำตาลพอดี ไขกระดูกหมักจะอยู่ได้ต่อไปนานนับปี

- หมักนานข้ามปี ได้ “ไขกระดูกหมัก” เข้มข้น พร้อมใช้งาน ....ไขกระดูก 1 กก. มีสารอาหารพืชเท่ากับกระดูกป่นอบแห้งบดละเอียด 1.000 กก. (สารคดีดิสคัพเวอรี่)

ส่วนผสมเสริม 2 (นม) :
- ถังขนาดจุ 100 ล. ใส่นมตกเกรดจากฟาร์ม ¾ ของความจุถัง เติมกากน้ำตาล 3-5 ล. เติมยิสต์ 1 กล่อง คนให้เข้ากันดี ปิดฝาพอหลวม เก็บในอุณหภูมิโรงงาน คนทุก 3 วัน

- เริ่มหมัก 7-10 วันแรก เติมอ๊อกซิเจน
- ระหว่างการหมัก มีกลิ่นเหม็นเน่า แสดงว่ากากน้ำตาลน้อย แก้ไขโดยใส่เพิ่มครั้งละ ¼ ของที่ใส่ครั้งแรก ถ้ากากน้ำตาลพอดี กลิ่นเหม็นจะหายใน 24 ชม. หากกลิ่นเหม็นยังไม่หาย ให้เติมกากน้ำตาลอีก ¼ ของครั้งที่สอง คราวนี้ ถ้ากากน้ำตาลพอดี กลิ่นเหม็นจะหายใน 24 ชม. เช่นกัน หากกลิ่นเหม็นยังไม่หาย ให้เติมกากน้ำตาลอีก ¼ ของครั้งที่สามแล้วหมักต่อเหมือนเดิม ถ้ากลิ่นเหม็นหาย แสดงว่ากากน้ำตาลพอดี นมหมักจะอยู่ได้ต่อไปนานนับปี

- หมักนานข้ามปี ได้ “นมหมัก” เข้มข้น พร้อมใช้งาน .... นมมีค่า ซี/เอ็น เรโช 39 : 1 (สวพ.5 ชัยนาท)

ส่วนผสมเสริม 3 "ขี้ค้างคาว" :
- ถังขนาดจุ 100 ล. ใส่ขี้ค้าวคาว ½ ของความจุถัง เติมน้ำมะพร้าว ¾ ของความจุถัง ท่วมขี้ค้างคาวแต่เหลือพื้นที่ ¼ ของความจุถังเพื่อให้ขี้ค้างคาวลอย เติมกากน้ำตาล 3-5 ล. เติมน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงพร้อมใช้งานเพื่อเอาจุลินทรีย์ 5 ล. คนให้เข้ากัน เรียบร้อยแล้ว ปิดฝาพอหลวม เก็บในร่ม อุณหภูมิโรงงาน หมักนานข้าม 1ปี 2ปี 3ปี

- ระหว่างการหมัก มีกลิ่นเหม็นเน่า แสดงว่ากากน้ำตาลน้อย แก้ไขโดยใส่เพิ่มครั้งละ ¼ ของที่ใส่ครั้งแรก ถ้ากากน้ำตาลพอดี กลิ่นเหม็นจะหายใน 24 ชม. หากกลิ่นเหม็นยังไม่หาย ให้เติมกากน้ำตาลอีก ¼ ของครั้งที่สอง คราวนี้ ถ้ากากน้ำตาลพอดี กลิ่นเหม็นจะหายใน 24 ชม. เช่นกัน หากกลิ่นเหม็นยังไม่หาย ให้เติมกากน้ำตาลอีก ¼ ของครั้งที่สามแล้วหมักต่อเหมือนเดิม ถ้ากลิ่นเหม็นหาย แสดงว่ากากน้ำตาลพอดี ไขกระดูกหมักจะอยู่ได้ต่อไปนานนับปี

- ระหว่างการหมัก 1-3 เดือนแรก ขี้ค้างคาวจะลอยถึงปากถัง เมื่อการหมักถูกต้องก็จะค่อยๆจมลง จนนอนก้นถัง เหลือเป็นน้ำใสสีดำอยู่ข้างบน

- หมักนานข้ามปี ได้ “ขี้ค้างคาว” เข้มข้น พร้อมใช้งาน

ส่วนผสมเสริม 4 "เลือด" :
- ถังขนาดจุ 100 ล. ใส่เลือด ½ ของความจุถัง เติมน้ำมะพร้าว ¾ เติมกากน้ำตาล 3-5 ล. เติมน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงพร้อมใช้งานเพื่อเอาจุลินทรีย์ 5 ล. คนให้เข้ากัน เรียบร้อยแล้ว ปิดฝาพอหลวม เก็บในร่ม อุณหภูมิโรงงาน หมักนานข้าม 1ปี 2ปี 3ปี

- ระหว่างการหมัก มีกลิ่นเหม็นเน่า แสดงว่ากากน้ำตาลน้อย แก้ไขโดยใส่เพิ่มครั้งละ ¼ ของที่ใส่ครั้งแรก ถ้ากากน้ำตาลพอดี กลิ่นเหม็นจะหายใน 24 ชม. หากกลิ่นเหม็นยังไม่หาย ให้เติมกากน้ำตาลอีก ¼ ของครั้งที่สอง คราวนี้ ถ้ากากน้ำตาลพอดี กลิ่นเหม็นจะหายใน 24 ชม. เช่นกัน หากกลิ่นเหม็นยังไม่หาย ให้เติมกากน้ำตาลอีก ¼ ของครั้งที่สามแล้วหมักต่อเหมือนเดิม ถ้ากลิ่นเหม็นหาย แสดงว่ากากน้ำตาลพอดี เลือดหมักจะอยู่ได้ต่อไปนานนับปี

- หมักนานข้ามปี ได้ “เลือดหมัก” เข้มข้น พร้อมใช้งาน

น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง ขั้นตอนที่ 3 :
ส่วนผสมอินทรีย์ :

น้ำหมักระเบิดฯ (ขั้น 2) .... 180 ล.
ไขกระดูก .................... 5 ล.
เลือด ......................... 5 ล.
มูลค้างคาว ................... 5 ล.
นม ............................ 5 ล.
ฮิวมิค แอซิด ................. ½ กก.

ส่วนผสมเคมี :
บี-1 .......................... ¼ กก.
ปุ๋ยธาตุหลัก (ทางราก) ..... 10-20 กก.
ธาตุรอง/ธาตุเสริม .......... 2 กก.
แม็กเนเซียม ................ 10 กก.
สังกะสี ...................... 5 กก.

ใช้โมลิเน็กซ์ยักษ์ ปั่นส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี ได้ "ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง อินทรีย์-เคมี" พร้อมใช้งาน อายุเก็บนานนับปี

หมายเหตุ :
- ปุ๋ย หมายถึง สารหรือธาตุอาหารพืช
**ส่วนที่เป็นเคมีชีวะ ได้จากส่วนผสมที่เกิดเองตามธรรมชาติ ได้แก่ กุ้ง-หอย-ปู-ปลา-เลือด-ไขกระดูก-นม-น้ำมะพร้าว-ขี้ค้างคาว

** ส่วนที่เป็นเคมีสังเคราะห์ ได้จากส่วนผสมที่มนุษย์ผลิตหรือสร้างขึ้น ในน้ำหมักระเบิดเถิดเทิง ขั้นที่ 3 ได้แก่ N. P. K. TE. Mg. Zn.

- ไขกระดูก. เลือด. มูลค้างคาว. นม. หมักล่วงหน้านานข้ามปีจนพร้อมใช้งาน ...หมาย ถึง "หมักแยก” ก่อนใช้งานจริงจึงผสมรวมกับน้ำหมักระเบิดเถิดเทิง ขั้นที่ 2 แบบนี้เรียกว่า “ใช้รวม" นั่นเอง

- สารอาหารพืชที่พึงมีในน้ำหมักระเบิดเถิดเทิง ขั้นที่ 2 เป็นสารอาหารประเภท "อินทรีย์สาร" ที่ถูกจุลินทรีย์ย่อยสลายออกมาจากวัสดุส่วนผสมนั่นเอง ปริมาณสารอาหารที่มีหรือที่ได้เมื่อคิดปริมาณเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วถือว่าไม่มากนัก ในพืชอายุสั้นฤดูกาลเดียวอาจเพียงพอ

ต่อการนำไปใช้เพื่อการเจริญเติบโต แต่ในพืชยืนต้นขนาดใหญ่ซึ่งต้องการใช้สาร อาหารในปริมาณมากขึ้นนั้นอาจจะไม่พอเพียง

- จากหลักการและเหตุผลที่ว่า น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง มีปริมาณเปอร์เซ็นต์ของอาหารน้อยถึงน้อยมาก ทางราชการ (เกษตร) จึงห้ามใส่หรือใช้คำว่า “ปุ๋ย” แต่ให้เรียกว่า “น้ำหมักชีวภาพ น้ำสกัดชีวภาพ ฯลฯ” เท่านั้น

** ในทางปฏิบัติจริง ผู้ใช้น้ำหมักชีวภาพมีการใส่ปุ๋ยเคมี “สูตรและปริมาณ” ตามต้องการลงไป (ผสมกัน) แล้วให้แก่ต้นไม้ หรือหว่านเม็ดปุ๋ย “สูตรและปริมาณ” ตามต้องการลงไปบนพื้นดินก่อน แล้วรดตามด้วยน้ำหมักชีวภาพ

** ทั้ง 2 แบบไม่ต่างกัน เพราะทั้งปุ๋ยเคมีและน้ำหมักชีวภาพต้องไปรวมกันอยู่ที่พื้นดิน แบบนี้นอกจากทำได้ ดี และถูกต้องแล้ว ยังช่วยให้ปุ๋ยเคมีนั้นเกิดประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ด้วยข้อห้ามที่ทางราชการ ห้ามมีคำว่า “ปุ๋ย” ในชื่อของน้ำหมักชีวภาพ เพราะในน้ำหมักฯ มีสารอาหารน้อยนั้น ครั้นใส่ เติม/เสริม/เพิ่ม/บวก ปุ๋ยเคมี สูตรหรือปริมาณตามความเหมาะ สมและจำเป็นแล้ว สามารถเรียกชื่อว่า “ปุ๋ยน้ำชีวภาพ” ได้หรือไม่ ?

นี่คือ "ปุ๋ยน้ำชีวภาพ” อย่างแท้จริง ภายไต้ BRAND NAME สูตรระเบิดเถิดเทิง" ได้อย่างมั่นใจ

อัตราใช้และวิธีใช้ :
นาข้าว พืชไร่ ผักสวนครัว :
ใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 2 ล./ไร่ รดทั่วแปลง ทุกตารางนิ้ว ใส่ครั้งเดียวช่วงเตรียมดินเตรียมแปลง

ไม้ผล ไม้ดอก (ยืนต้น) : ใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 2 ล./ไร่ รดทั่วแปลง ทุกตารางนิ้ว เดือนละครั้ง

ทำปุ๋ยอินทรีย์ : ใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 5-10 ล. /อินทรีย์วัตถุ 1 ตัน

ตรวจสอบ - แก้ไข :
สี :
สีน้ำตาลอ่อน-น้ำตาลไหม้-ดำ ขึ้นอยู่กับปริมาณกากน้ำตาลที่ใส่ครั้งแรก และใส่เพิ่มภายหลัง

กลิ่น : หมักใหม่ๆเป็นกลิ่นคาวปลาชัดเจน อายุการหมักนานขึ้น กลิ่นคาวปลาเริ่มลดลง เป็นกลิ่นกากน้ำตาลปนกลิ่นคาวปลา กระทั่งหมักนานข้าม 1-2-3 ปี จะมีกลิ่นฉุนเหมือนแอลกอฮอร์ชัดเจน

** กลิ่นปกติคือ “กลิ่นที่รับได้” ได้กลิ่นแล้วไม่เวียนหัว ซึ่งต่างจากกลิ่นเหม็นเน่าอย่างสิ้นเชิงระหว่างการหมักถ้าเริ่ม (เน้นย้ำ...เริ่ม) มีกลิ่นเหม็นเน่า หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น แสดงว่าอ่อนกากน้ำตาล ให้เติมกากน้ำตาล 1-2 ล. (ถังหมัก 200 ล.) ใส่แล้วคนให้ทั่วถัง ทิ้งไว้ 12-24 ชม. กลิ่นไม่พึงประสงค์จะหายไป กลายเป็นกลิ่นรับได้ตามปกติ แสดงว่าอัตราส่วนกากน้ำตาลพอดีแล้ว ถ้ากลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นยังไม่หายก็ให้เติมกากน้ำตาลซ้ำ 1-2 ล. อีกรอบ คนให้ทั่วถัง ทิ้งไว้ 12-24 ชม. จากนั้นตรวจสอบซ้ำพร้อมกับแก้ไขด้วยการเติมกากน้ำตาลไปเรื่อยๆ เมื่ออัตราส่วนของกากน้ำตาลพอดีแล้ว จะไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นอีกเลยจนถึงวันใช้งาน

*** หนอน ส่วนใหญ่เกิดจากแมลงวันเข้าวางไข่ กล่าวคือ เมื่อน้ำหมักเริ่มมีกลิ่นไม่พึงประสงค์มักมีแมลงวันเข้ามาตอมแล้ววางไข่นั่นเอง หนอนเหล่านี้จะไม่เป็นตัวแมลง ถ้าไม่ชอบก็ตักซ้อนออกไปให้ ปลา/ไก่ กิน หรือเมื่ออายุนานขึ้นก็ตายเองแล้วเน่าสลายกลายเป็นปุ๋ย ส่วนกลิ่นไม่พึงประสงค์จะรุนแรงยิ่งขึ้นจนเป็นกลิ่นเหม็นเน่า (เหม็นแปดบ้าน) สาเหตุนี้เกิดจากอ่อนกากน้ำตาล ให้แก้ไขด้วยการเติมกากน้ำตาลทีละน้อยๆ เหมือนแก้ปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ เมื่อกลิ่นไม่พึงประสงค์หายไปก็จะไม่มีแมลงวันมาตอนอีก.... ถังหมักที่มี “แมลงหวี่” ตอม แม้ว่าแมลงหวี่จะวางไข่ไว้ แต่ไข่ก็ไม่ฟักออกมาเป็นตัว ไม่นานก็ฝ่อเน่าไปเอง

กาก : หมักใหม่ๆ ส่วนผสมต่างๆ จะขนาดเท่ากับที่บดด้วยเครื่องบดโมลิเน็กซ์ยักษ์นั้น ครั้นนานไปส่วนผสมจะเหลวเป็นน้ำวุ้น

ฝ้า : บนผิวหน้าจะมีฝ้า สีขาวอมเทา หรือเทาอมดำ หรือสีดำ ฝ้านี้คือจุลินทรีย์กลุ่มต้องการอากาศประเภท "รา" เป็นราที่มีประโยชน์ ไม่มีกลิ่น ส่วนหนึ่งยังมีชีวิต ส่วนที่ตายแล้วจะเป็นอาหารให้แก่ตัวที่ยังมีชีวิต

ฟอง : หลังจากผ่านการมักนาน 3-6-9 เดือน ถึงข้าม 1-2-3 ปี แล้วทดสอบโดยปั่นด้วยเครื่องโมลิเน็กซ์ยักษ์ จะมีฟองเกิดขึ้น ถ้าเป็นฟองขนาดใหญ่ถือว่าการหมักยังไม่ดี แต่ถ้าเป็นฟองละเอียดถือว่าการหมักดี ใช้การได้แล้ว

แช่อิ่ม : ซากสัตว์ (ปลา หอยเชอรี่) ที่หมักกับกากน้ำตาลอัตราส่วน 1 : 1 นั้น จะไม่เปื่อยยุ่ยเหลวจนเป็นน้ำวุ้น แต่จะยังเป็นตัวเหมือนทำครั้งแรก นั่นเป็นเพราะกากน้ำตาล STOP จุลินทรีย์ไว้ (นักรบสมัยโบราณ ตัดหัวข้าศึก แช่น้ำผึ้งนานนับเดือน ไม่เน่า) แก้ไขโดยนำออกมาปรุงใหม่ ลดอัตราส่วนกากน้ำตาลลง (น้ำหมักฯ ระเบิดเถิดเทิง .... กุ้งหอยปูปลา 20 กก. + กากน้ำตาล 2-3 กก.) พร้อมกับ +เปลือกสับปะรด, +น้ำหมักเก่าฯ แล้วหมักใหม่

รูปลักษณ์ : กากส่วนที่อยู่ก้นถังจะเหลวเป็นวุ้น มีเมือกใส ซึ่งเมือกนี้คือไซโตไคนิน. อุดมไปด้วยจุลินทรีย์กลุ่มบาซิลลัสส์ เป็นจุลินทรีย์ประเภทไม่ต้องการอากาศ มีพลังในการย่อยสลายเหนือกว่าจุลินทรีย์ประเภทต้องการอากาศ ( ข้อมูล : สจล. )

ปริมาณ : ในการหมักขั้นตอนที่ 2 เติมน้ำมะพร้าวจนเต็มถึงปากถังขนาดจุ 200 ล. จาก นั้นประมาณ 1 เดือน ระดับน้ำมะพร้าวจะยุบลงราว 10-15 ซม.เสมอ เมื่อเติมน้ำมะพร้าวใหม่จนเต็มก็จะยุบลงอีก ก็ให้เติมใหม่อีกทุกครั้ง กรณีนี้เกิดจากกระบวนการย่อยสลายของจุลินทรีย์นั่นเอง

อีซี - ซี/เอ็น เรโช : ตรวจสอบโดย LAB
ถพ. : โดยน้ำใสด้านบน ค่า ถพ.ประมาณ 4-5% แต่ถ้าคนให้มีกากละเอียดรวมอยู่ด้วย 30% จะมีค่า ถพ.ประมาณ 10-12%

พีเอช. : หมักใหม่ 3-6 เดือน ค่า พีเอช ประมาณ 3.5-4.5 แต่ถ้าหมักนานข้ามปี ค่า พีเอช ประมาณ 5.0-6.0

-----------------------------------------------------------------------------------


.



กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©