-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ทำสวน-ทำไร่
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ทำสวน-ทำไร่
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ทำสวน-ทำไร่
ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
catcaty
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 13/08/2010
ตอบ: 525

ตอบตอบ: 21/10/2010 6:26 pm    ชื่อกระทู้: ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ทำสวน-ทำไร่ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เรามาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ประสบการณ์จากอาชีพของเรากันมั้ยครับพี่น้อง ?

เพื่อพวกเราอาจจะเอาประสบการณ์ความล้มเหลว หรือความสำเร็จ ที่ได้รับรู้จากหลายๆแหล่ง
มาประยุกต์ใช้กับไร่สวนของเราได้บ้าง

หมึกครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
thumsiri
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 13/07/2009
ตอบ: 71

ตอบตอบ: 21/10/2010 7:14 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ดีครับดี... Laughing
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
catcaty
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 13/08/2010
ตอบ: 525

ตอบตอบ: 21/10/2010 7:36 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ขอบคุณครับที่ให้ความสนใจ ว่าแต่ใครจะให้เกียรติก่อนครับ?

หมึกครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
somchai
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 21/07/2009
ตอบ: 1290

ตอบตอบ: 21/10/2010 8:59 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

รออ่านครับ คนไหนตั้งกระทู้ คนนั้นก่อนเลย พร้อมภาพด้วยดีไหม สำหรับคนที่มีภาพนะ และ
อยากให้สมาชิกอีกหลายๆคนทั้งที่เข้ามาอ่าน เข้ามาดู ได้มาร่วมพูดคุยกันให้มากขึ้นครับ



สมชาย กลิ่นมะพร้าว
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Yuth-Jasmine
สาวดี่
สาวดี่


เข้าร่วมเมื่อ: 05/07/2010
ตอบ: 384

ตอบตอบ: 21/10/2010 9:14 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ขออนุญาตพี่หมึกน่ะครับ เพิ่งอ่านเจอเลยอยากเอามาให้ดูกัน
นี่เป็นประสบการณ์ที่น่าชื่นชมจริง ๆ ครับ เห็นแล้วน่าชื่นใจแทนคุณยายจริง ๆ

http://www.thongphai.com/board/index.php?topic=2796.0

พระกตัญญูถอดจีวรช่วยแม่ไถนา

ผู้สื่อข่าวของไทยทีวีสีช่อง 3 พบกับครอบครัวของ คุณยายทองมี ศรีสันงาม อายุ 63 ปี บ้านเลขที่ 91 หมู่ที่ 5 บ้านอาคุณ ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ กำลังทำนาอยู่ใกล้กับหมู่บ้าน และมีพระสงฆ์มาช่วยไถนา และช่วยดำนา เมื่อสอบถามคุณยายทองมี ทราบว่า พระ ชื่อ ว่าพระดับ ศรีสันงาม เป็นลูกชายคนสุดท้องของคุณยายในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 6 คน ซึ่งออกไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว มีพระดับ ลูกชายบวชมาได้ 3 ปี และจำพรรษาอยู่ที่วัดใกล้กับหมู่บ้าน เวลาทำนาทุกปี พระลูกชายจะมาช่วยแม่ไถนา ดำนา ถอนกล้าดำนา ทำมาตั้งแต่บวชได้ปีแรก เพราะว่าสงสารแม่ แม้จะอายุ 63 ปี ก็ยังมาขุดดิน ดำนา แม่ก็จะทำอาหารเพลไว้คอยพระมาช่วยไถ่นา ดำนาเสร็จก็ฉันเพล เมื่อฉันอาหารเพลแล้วพระจะกลับวัดเพื่อไปเรียนหนังสือ คุณยายทองมี บอกว่าดีใจมาก ภูมิใจมาก ที่ลูกมีความกตัญญูสงสารแม่ มาช่วยแม่ทำนาทุกปีแม้จะบวชแล้วก็ตาม

ส่วนพระดับ ลูกชายบอกว่า สงสารแม่ เห็นแม่ทำงานหนัก ก็เป็นห่วงสุขภาพเพราะแม่แก่แล้ว เมื่อลูกๆคนอื่นๆ แยกย้ายกันไปมีครอบครัวหมด ต่างคนต่างทำนา พระอยู่ใกล้แม่จึงตัดสินใจมาช่วยแม่ทำนา ทำมาตั้งแต่บวชปีแรก จนถึงปีนี้ เป็นเวลา 3 ปี ดีใจที่ได้ช่วยผ่อนแรงให้แม่ได้บ้างจะได้ไม่ทำงานหนักจนเกินไป







อาจไม่ตรงประเด็นก็ขอโทษน่ะครับพี่

ไอ้ยู้ดดดด...ขะรับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
ott_club
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/07/2009
ตอบ: 718

ตอบตอบ: 21/10/2010 9:24 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

จะผิดศีลไหมครับ มีศีลอยู่ข้อนึง คือ พระห้ามประกอบอาชีพ
_________________
อ๊อด ระยอง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
Soup
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 01/09/2010
ตอบ: 181
ที่อยู่: อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี

ตอบตอบ: 21/10/2010 11:06 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ผิดครับ พระห้ามขุดดิน เพราะจะทำให้สัตว์ในดินตายและประพฤติตัวเยี่ยงฆราวาส คือ ทำมาหากิน พระเป็นภิกขาจาร (ผู้ขอเขากิน) เขาให้มาอย่างไรฉันอย่างนั้น ยกเว้นเวลาป่วยต้องการธาตุอาหารบางอย่างหรือยาบางอย่าง

ผมว่าไม่ควรเท่าไหร่ ที่ควรคือ ถ้าท่านจะเลี้ยงแม่ก็ให้พาแม่ไปอยู่ที่วัด และบิณฑบาตรไปเลี้ยงท่าน หาที่อยู่ให้ท่านที่เหมาะสม หรือไม่งั้นก็ลาสิกขาออกมา เพื่อทำนาช่วยแม่เลยครับ มองในแง่กตัญญูก็ใช่ครับ แต่ถ้ามองในแง่บุญบาปแล้วอาจจะได้บาปมากกว่าบุญ มันมีวิธีที่ได้แต่บุญแต่เว้นบาปเอาไว้น่ะครับ

ตามหัวข้อกระทู้ของพี่หมึก
ผมเป็นคนชอบกินเผือก เผือกกวน เผือกทอด กะหรี่ปั๊บไส้เผือก เผือกแกงบวด เผือกต้มน้ำตาล และอีกเยอะแยะ เลยปลูกเผือกไว้ในแปลงเล็ก ๆ ประมาณ 30 หลุม โดยปลูกที่ระยะ 50 x 50 ซ.ม. จำไม่ได้ว่าปลูกเดือนอะไร แต่จำได้ว่าปลูกหน้าร้อน อากาศร้อนมาก ขุดหลุมเป็นวงกลมด้วยเสียมกว้างประมาณ 25 ซ.ม. ลึก 20 ซ.ม. ดินกระด้างเพราะเป็นดินถม เอาเศษหญ้าวางก้นหลุม โรยขี้หมูแห้ง โรยดินบาง ๆ ทำแบบนี้ 3-4 ชั้น แล้วก็เอาลูกเผือกวางทับ ปิดหน้าด้วยหญ้าแล้วกลบดิน รดน้ำ มีความหวังในใจว่าจะได้กินเผือกที่ปลูกเองสมใจ ไม่มียาฆ่าหญ้าหรือฟูราดาน มันต้องอร่อยเหาะแน่ ๆ เลย

เผือกเริ่มงอกขึ้นมาพ้นดิน งอกบ้างไม่งอกบ้าง รอคอยกว่าสองอาทิตย์ ทำไมมันช้ายังงี้เนาะ... จำได้เลา ๆ ว่าคุณยายคนที่ขายลูกเผือกให้บอกว่าให้พูนโคนบ่อย ๆ แล้วหัวจะใหญ่ เราก็เลยพูนโคนไปหนึ่งรอบ ทำตั้งแต่ตอนเผือกสูงประมาณ 30 ซ.ม. แล้วก็รอ ๆ รดน้ำไปเรื่อย สงสัยต้องรออีกนานกว่าจะได้กิน ดินที่ถูกแดดเผานี้ทำให้หน้าดินแข็งกระด้าง รดน้ำจนชุ่มแล้วก็วันรุ่งขึ้นก็แข็งเป๊กเหมือนเดิม ทำไงดีกว่า

พอดีมีเมล็ดถั่วแดงเล็กอยู่หน่อยนึง ลองดูดีกว่า หว่านเมล็ดถั่วแดงลงไปบนแปลง สับ ๆ ดินหน่อยไม่ให้นกหนูมากินหมด คราดให้เรียบสักเล็กน้อย รดน้ำลงไปสักสามสี่วัน ฮ่า ถั่วเริ่มงอกแล้ว แรก ๆ ถั่วแดงเจริญเติบโตช้ามาก ไม่รู้ทำไป เหมือนจะไม่ค่อยอยากจะโตเลย แต่เวลาผ่านไป รดน้ำไปเรื่อย ถั่วเจริญเติบโตดีมาก พันต้นเผือกซะมองไม่เห็นเลยต้องคอยแกะออก กลายเป็นเพิ่มภาระไป สุดท้ายก็เริ่มขี้เกียจดูแล ทำเป็นลืมไปเลย ในระหว่างนั้นถั่วก็วายไป มีหญ้าอื่นขึ้นมาผสมปะปนกับถั่วที่หล่นจากฝัก

อาทิตย์ที่ผ่านมาคนงานตัดหญ้าบริเวณนั้นออกก็เลยเห็นยอดเผือกใหญ่อยู่สามต้นอย่างชัดเจน ต้นที่ใหญ่ที่สุดสูงเท่าเอว ใบใหญ่เบ้อเริ่ม มีหน่อข้างแตกออกมาด้วย
วันนี้ตัดสินใจลองขุดออกมาดูว่าผลเป็นอย่างไร อยากกินเผือกต้มน้ำตาลมาก ๆ

Razz~~ ลองเอาสองมือจับต้นเผือกโยก ๆ ดู โคนมันชักคลอน ๆ ใจร้อน เอาเลยดีกว่า ถอนเต็มแรง โป๊ะเช๊ะ หัวมันหายไปไหนวะเนี่ย สังเกตดูดี ๆ หัวมันเล็กติ๊ดเดียวแต่ต้นเบ้อเริ่ม ต้นที่เหลือก็คงเหมือนกัน เฮ้อ อดกินเผือกจนได้ รอตั้งนาน


บทเรียน
ขาดความรู้จะคาดหวังเอาผลให้ได้ดีน่ะ........ ยาก
ขาดความเพียร ความเอาใจใส่ จะคาดหวังเอาผลให้ได้ดีน่ะ..... ลืมเสียเถอะ
มีความเพียรในตอนแรก แต่ไม่มีความต่อเนื่องทำจนงานเสร็จสิ้น จะคาดหวังเอาผลให้ได้ดีน่ะ ....... เกือบแล้ว ๆ แต่ยังหวังไม่ได้หรอก
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
nokkhuntong
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 26/02/2010
ตอบ: 256

ตอบตอบ: 21/10/2010 11:27 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ปลูกเผือก...อดเผือกได้แห้วแทน Laughing
ไอ้เราก็ลุ้น จะได้กินเผือก.... โธ่ พระถังซัมจั๋ง

อ่านเพลินเลยค่ะคุณsoup มีบทเรียนเหมือนกันเลย


นกขุนทอง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
catcaty
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 13/08/2010
ตอบ: 525

ตอบตอบ: 22/10/2010 6:32 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

บทเรียนแบบไหนล่ะครับคุณนกขุนทอง เชื่อเถิดครับ ผมและพี่ๆ น้องๆ ของเรารออ่านบทเรียนของคุณอยู่ ผมว่าคุณนกขุนทอง และยุทธเนี่ย ต้องมีประสบการณ์มาเล่าสู่พวกเรามากแน่ๆใช่มั้ยครับพี่น้อง

ข้อคิดของคุณ soup เยี่ยมครับ พี่ว่าบทเรียนที่เราเคยล้มเหลวจะทำให้เราพลาดอีกในครั้งต่อไปได้ยากขึ้น

ผมเองมีประสบการณ์ในการทำสวนน้อยมาก แล้วก็มีแค่เรื่องลำไยอย่างเดียวครับ
ลำไยไม่มี "ตรีนนน" แต่ผมเคยถูกลำไย "ถรีบบบ" หงายท้องมาแล้ว

หมึกครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 22/10/2010 7:16 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

catcaty บันทึก:

ลำไยไม่มี "ตรีนนน" แต่ผมเคยถูกลำไย "ถรีบบบ" หงายท้องมาแล้ว

หมึกครับผม



เขาเรียก "ลำไย มีปีก...."
ลำไย "หล่นใส่กบาล หัวร้างข้างแตก...."

คำนี้ "ทั้งเพราะ ทั้งเจ็บ" เหมือนกันนั่นแหละ




เอ้า ใครที่ยังไม่เป็น "อัลไซเมอร์" เล่าประสบการณ์สู่ฟังหน่อยก็ดี
ลุงคิม (ขาดประสบการณ์) ครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
tooa
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 18/08/2010
ตอบ: 44

ตอบตอบ: 22/10/2010 8:56 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

จากภาพที่คุณยุทธนำมาให้ดู ถ้าการกระทำอย่างนี้ผิด
เป็นผม....ผมก็ทำ ให้มันรู้ไป ว่าผิดเพราะกตัญญู
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
thumsiri
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 13/07/2009
ตอบ: 71

ตอบตอบ: 22/10/2010 2:02 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ผมดูจากรูปแล้ว บางท่านอาจว่าทำไมพระไปทำแบบนั้น บางท่านอาจว่าเป็นการดีช่วยเหลือมารดา

ผมเห็นว่าถ้าเอาตามพระวินัยจริง ๆ แล้วพระภิกษุถ้าไปทำแบบนั้นอาบัติแน่ (อาบัติก็คือ การต้องหรือการล่วงละเมิดพระวินัย)

อาบัติแบ่งเป็นหลัก ๆ มี 2 ประเภท คือ
1) ครุกาบัติ (ครุกะ + อาบัติ) อาบัติหนัก คือ อาบัติที่มีโทษร้ายแรง มี 2 อย่างคือ อาบัติปาราชิก และอาบัติสังฆาทิเสส

2) ลหุกาบัติ (ลหุกะ+อาบัติ) อาบัติเบา คืออาบัติที่ไม่มีโทษร้ายแรงเท่าครุกาบัติ มี 5 อย่าง คือ อาบัติถุลลัจจัย อาบัติปาจิตตีย์ อาบัติปาฏิเทสนียะ อาบัติทุกกฎ และอาบัติทุพภาสิต

การที่ท่านไปทำแบบนั้นเป็นอาบัติปราจิตตีย์ (พรากของเขียว,ขุดแผ่นดิน,)
เหตุที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติขึ้นล้วนแล้วแต่มีเรื่องที่มาที่ไปทั้งนั้น หรือที่เรียกว่าต้นบัญญัติ เช่น...

สิกขาบทที่ ๑๐ มุสาวาทวรรค ในปาจิตตียกัณฑ์
(ห้ามขุดดินหรือใช้ให้ขุด)
ภิกษุชาวเมืองอาฬวีทำการก่อสร้าง จึงขุดดินเองบ้าง ใช้ให้ผู้อื่นขุดบ้าง มนุษย์ทั้งหลายพากันติเตียนว่าผิดประเพณีนิยมของสมณะ พระผู้มีพระภาค (ทรงอนุโลมตามประเพณีที่ถือว่าแผ่นดินเป็นของมีชีวิต คือ มีอินทรีย์หนึ่ง) จึงทรงบัญญัติสิกขาบทว่า ภิกษุขุดดินเองหรือใช้ให้ผู้อื่นขุด ต้องปาจิตตีย์

สิกขาบทที่ ๑ ภูตคามวรรค ในปาจิตติยกัณฑ์
(ห้ามทำลายต้นไม้)
ภิกษุชาวเมืองอาฬวีทำการก่อสร้าง จึงตัดต้นไม้เองบ้าง ใช้ให้ผู้อื่นตัดบ้าง มนุษย์ทั้งหลายพากันติดเตียน ด้วยถือว่าต้นไม้มีชีวิต มีอินทรีย์หนึ่ง พระผู้มีพระภาค (ทรงอนุโลมตามสมมติของชาวโลก) จึงทรงบัญญัติสิกขาบท ปรับอาบัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ทำให้ต้นไม้ตาย ๑ (ต้นไม้มี ๕ อย่าง คือ ที่มีหัวเป็นพืช เช่น ขิง, มีลำต้นเป็นพืช เช่น ไทร, มีปล้องเป็นพืช เช่น อ้อย, ไม้ไผ่, มียอดเป็นพืช เช่น ผักชีล้อม, มีเมล็ดเป็นพืช เช่น ข้าว, ถั่ว)

แต่อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อพระภิกษุต้องแล้ว ก็แสดง(ปลง)อาบัติต่อพระรูปที่ไม่ได้ละเมิดด้วยกันได้(ถ้าละเมิดด้วยกันทั้งหมดเป็นสภาคาบัติ)แต่ก็ไม่ควรทำผิดบ่อย ๆ เพราะคำปลงอาบัติตอนท้ายระบุชัดอยู่แล้วว่า...

นะ ปุเนวัง กะริสสามิ (ผมจักไม่ทำอีก)
นะ ปุเนวัง ภาสิสสามิ (ผมจักไม่กล่าวอีก)
นะ ปุเนวัง จินตะยิสสามิ (ผมจักไม่คิดอีก)
สรุปคือจะสำรวมกาย วาจา ใจ นั่นเอง...



พูดเรื่องพระท่านซะนาน เดี๋ยวจะนอกประเด็นของกระทู้ไป...เอาเป็นว่าผมรอฟังประสบการณ์จากท่านอื่นก่อนนะครับ... Very Happy
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
nokkhuntong
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 26/02/2010
ตอบ: 256

ตอบตอบ: 22/10/2010 3:16 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีค่ะ พี่หมึก

ความเพียร ความเอาใจใส่ และความต่อเนื่อง ...หัวใจของการงาน

บทเรียนจากประสบการณ์ งู ๆ ปลา ๆ นะคะ ยังเป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่เลย
ชอบต้นไม้ อยู่กับต้นไม้ได้ทั้งวัน ไม่มีความรู้เรื่องเกษตรค่ะ
เป็นพวกเกษตรกรบ้านจัดสรรอย่างลุงเรียก Razz

ซื้อที่ดิน...ไม่ได้ตั้งใจจะปลูก เพื่อขายผลผลิตเป็นอาชีพหรอกค่ะ
พวกเราร่วมหุ้นซื้อที่ ตั้งใจเอาไว้เป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศ
เวียนกันไปเที่ยว สังสรรค์กัน ซื้อคนเดียวตังค์ไม่พอ.... Very Happy
และอยากมีสวนไม้ผล ไม้ดอก ไม้สวนครัว หลากหลาย ปน ๆกันไป
อยากกินก็ถือมีด ถือเสียม ไปตัดมา

ตอนนี้สงสัย ????อยากลองกับมือตัวเอง ว่า
แค่กิ่งของต้นมัน ปักลงดิน จะโตเป็นหัวใต้ดินเรอะ ?อยากลอง
ปักลงดินไปเดือนหนึ่งแล้ว ไม่รู้จะได้กินแห้วแบบคุณ Soup หรือเปล่า ?

เสาร์ - อาทิตย์นี้ไปไร่ จะเก็บภาพมาประกอบบทเรียน ดีมั้ยค่ะ

ต้นลำไยพี่หมึกนะ มีสายตา 2 คู่จ้องอยู่นะ..เดี๋ยวจะว่าไม่เตือน Wink



นกขุนทอง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
catcaty
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 13/08/2010
ตอบ: 525

ตอบตอบ: 22/10/2010 5:17 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ได้รูปด้วยก็แจ๋วเลยครับคุณนกขุนทอง ผมเองก็พูดได้ว่า เกิดและโตมากับชนบทกับไร่กับสวน แต่ก็เพิ่งจะได้ลงมือทำปีนี้เป็นปีที่ 2 เมื่อก่อนก็เป็นช่างซ่อมรถ เบื่อน่ะครับกับงานบริการ จริงอยู่เป็นงานอิสระ แต่มันก็เหมือนกับไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่ดี ยิ่งพออายุมากเข้าก็ยิ่งทนทำตามใจเด็กที่มันคิดอะไรแผลงๆ แล้วมาให้เราทำไม่ค่อยได้

ไอ้เราก็เป็นพ่อคน ปากสอนลูกให้ทำดีแต่ตัวเองกลับทำไม่ดีซะเอง ก็เลยต้องหันมาทำสวนนี่แหละครับ ทีแรกเหนื่อยแทบขาดใจเลยแหละครับ แต่ความสบายใจมันมากกว่าจนเทียบกันไม่ได้ (รู้งี้ทำมานานแล้ว)


ดีใจนะครับที่ได้ร่วมเป็น สมช.ที่นี่ ที่ๆมีแต่การแบ่งปันโดยไม่มีอะไรเป็นผลตอบแทนนอกจากความรู้

ในโลกอินเตอร์เน็ตผมไปมาหลายที่ ส่วนมากไม่ค่อยจริงใจกันเลย แต่ที่นี่ผมว่าไม่มีนะครับ ทีแรกผมยังสงสัยว่าเวลาที่เราถามปัญหาลุง ๆก็หาข้อมูลมาแก้ไขให้เรา เสียเวลามานั่งเขียนข้อชี้แนะให้เรา ลุงทำทำไม ? ทำแล้วได้อะไร ? อันนี้รวมถึง สมช. ท่านอื่นๆด้วย ที่ร่วมด้วยช่วยกัน


เรื่องสายตาสองคู่ที่จ้องลำไยผมอยู่นี่ คู่แรกผมรู้แล้วว่าเป็นของยุทธเจ้าเก่า แต่คู่หลังนี่ใครกัน ? แต่ก็ไม่กลัวหรอกนะครับ ผมขึงตาข่ายไว้แล้ว ผลีผลามเข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรือมีติดตาข่ายกันบ้างละ


หมึกครับผม Very Happy
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
Yuth-Jasmine
สาวดี่
สาวดี่


เข้าร่วมเมื่อ: 05/07/2010
ตอบ: 384

ตอบตอบ: 22/10/2010 5:18 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ่านแล้วอย่าอ้วกน่ะครับ เรื่องมันยาว

ชีวิตเกษตรกรของผมเริ่มต้นในราวต้นปี ๒๕๔๙
ไอ้เสี่ยวคนนึง เบื่อเมืองกรุงเต็มที่ อยากอ้วกวันล่ะหลายเวลา
อยู่กับไอ้หน้าเหลี่ยม มาตลอดชีวิต เบื่อนายฝรั่ง เบื่อแม่งหมดทุกอย่าง
ถึงเวลาที่จะต้องถีบคอมให้หล่นจากโต๊ะ แล้วพูดดัง ๆ ว่า "I quit"
บ้าน ๆ น่ะครับ "กูออก" ออกมายังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรเลย
รู้แต่ว่า อยากกลับไปเหยียบดินที่บ้านเกิด เอาว่ะลองดู

บอกเมียเสร็จสรรพ พี่ขอไปนำร่องที่บ้านก่อนน่ะ แล้วเธอค่อยตามไป
เมียพยักหน้าว่าตามกัน

ไม่เคยเอาเงินเก็บมาใช้เพราะคิดว่าจะเอาเป็นทุนให้เมียเปิดร้านขนมที่บ้าน
เงินจากรับจ๊อบเอามาลงทุนทำเกษตร ที่บ้าน ไม่เคยมีใครทำอาชีพนี่เลย
พ่อเป็นทหาร แม่เป็นแม่บ้าน พี่ชายสองคน คนโตทำร้านอาหารอยู่เชียงใหม่
คนกลางทำ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (บัญชี) สรุปว่าไม่มีพื้นฐานหรือความรู้ด้านเกษตรเลย

แม่มีที่ดินที่ซื้อสะสมไว้ ด้วยเหตุผลว่า ถ้ามึงตกงานไม่มีอะไรจะทำ ก็กลับบ้าน
มาทำอะไรที่มึงอยากทำ ด้วยเพราะแม้รู้ว่า เรามันพวก รักบ้านเกิด ชอบอยู่กลางทุ่ง
ชอบหาเขียดหาแย้กิน คงจะทำอะไรกับที่ดินผืนนี้ได้

กลับมาต้นเดือนมกรา ขอที่ดินที่เขาเช่าคืนได้มาตอนนั้น ๑๐ ไร่ รอบข้างเขาปลูกอ้อย
กันทั่วมองไปทางไหนก็มีแต่อ้อย เอาว่ะ ก็มาแล้วนี่ ยังไม่ต้องคิดมาก
กำเงินไป ๗๐,๐๐๐ แล้วบอกกับพี่สาว (ลูกพี่ลูกน้อง) ที่เขาเช่าที่ดินเรา พี่ช่วยผมหน่อย
เขาก็ช่วยครับ ช่วยจริงๆ ลงทุนปลูกอ้อยเพราะ ละเมอฝันหวานคิดว่ามันจะง่าย
อย่างลมปาก จากพี่สาวกลายเป็นคนที่ชังขี้หน้ากันเพราะเขาคิดว่าเราไปแย่งที่ทำกินเขา
ทั้งที่เป็นที่ดินของเราแล้วเราก็บอกล่วงหน้า ๑ ปีเต็ม ดูเอาเถอะครับ วิธีช่วยของเขาเหรอครับ
ช่วยให้ผมเจ๊งไม่เป็นท่าไง เราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับอ้อย ถามคนนู้นคนนี้
สิบคนก็สิบอย่างไม่เห็นเหมือนกันเลย งงโว้ย หาหนังสือมาอ่านก็งงอีกนั่นแหละ
เอาเขาจ้างทำอะไร เราจ้างมั่ง เขาทำอะไรเราทำอันนั้น ไปติดต่อหน่วยงานของ
โรงงานน้ำตาลก็ต้องผ่านพี่สาว เพราะเราไม่รู้ ต่อหน้าเขาก็ยิ้มแย้ม เราก็เชื่อใจ
เดี๋ยวพี่จัดการให้ ไม่ต้องห่วง เราก็ฝากเนื้อฝากตัวเสร็จสรรพ มีอะไรพี่สอนผมน่ะ
ทำอ้อยใกล้กัน เขาทำอะไรเราก็ไปช่วย ของเราบ้างเขาก็หาคนงานมาให้
เราก็จดทุกอย่างที่เห็นเวลาเขาทำงาน ๗๐,๐๐๐ บาท หายไปในพริบตา

ใส่ปุ๋ยเอง ทำทุกอย่างที่ทำได้เพราะอยากรู้ และ เขาบอกว่าทำอ้อยมีเวลาทำอย่างอื่น
ได้ด้วย ก็เลยบ้าพลังใหญ่เลย เชื่อไหมครับ

ปีแรกผมทำได้ไร่ละ ๖ ตัน ใช่ครับท่านอ่านไม่ผิด ๖ ตัน ๑๐ ไร่ได้ ๕๗ ตัน หักค่า
โน้นค่านี่แล้ว เชื่อไหม ผมไม่เหลือสักบาท เกิดอะไรขึ้นกับกูว่ะนี่ เงินทุนไม่มีเหลือ
เป็นไปได้ไง คนอื่นเขาได้ไร่ละ ๑๐ กว่าตัน พี่สาวมาปลอบใจว่ามือใหม่ก็ยังงี้แหละ
ผมก็เก็บข้อกังขานั้นไว้ในใจ ก็เราทำเหมือนเขาทุกอย่าง แล้วมันเกิดอะไรขึ้น


คำตอบค่อย ๆ ออกมาด้วยก็เพราะว่า พี่สาวเป็นคนช่างพูด ประเภทปากไม่มีหูรูดน่ะครับ
เอาไปพูดกับเขาที่หน่วยของโรงน้ำตาล โดยไม่รู้ว่า "งานมวลชน" ของผมนั้นขนาดไหน
"เดี๋ยวมันก็ท้อ เดี๋ยวมันก็ไม่อยากทำ เดี๋ยวมันก็ให้เรากลับมาเช่าเหมือนเดิม" มีคนบอก
ผมว่าพี่สาวผมพูดอย่างงี้ ผมก็แกล้งโง่ครับ ค่อยๆสืบดู เพราะความที่เราเชื่อใจ
ว่ากันตั้งแต่ปุ๋ยเลยครับ ที่เก็บปุ๋ยอยู่บ้านแก พอจะให้ปุ๋ยของเรา แกก็แกล้งบอกว่า
คนงานจะว่างช่วงเย็นน่ะ เราก็ว่าไม่เป็นไร เราก็รอ มาเกือบ ๕ โมง เขาก็ดูแข็งขันดีน่ะ
เราก็วางใจ พี่สาวก็มาบอกอีกว่า จะมืดค่ำแล้ว เรากลับบ้านก่อนก็ได้ เราก็บ้านไกลเนอะ
ตอนนั้นยังไม่ประสา บ้านอยู่พยุหะ มาทำไร่ที่ตาคลี คนล่ะอำเภอเลย ก็บอกเออพี่ฝากด้วยน่ะ
กลับบ้านด้วยความไว้ใจ ที่ไหนได้ อยู่ทางนี้พวกเล่นแอบเอาปุ๋ยผมไปใส่ของ
ตัวเองเพิ่มอีกโดยไม่ใส่ของผมเลย ตอนปลูกก็บอกว่าท่อนพันธุ์ชุบน้ำยากันหนอน
ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ตอนทำน้ำหยด จ่ายที่ ๕๐ ชั่วโมง แต่ทำจริง ครึ่งเดียว ผมมัน
เชื่อคนง่าย ให้เขาหลอกเอา เขาบอกอ้อยไม่ต้องให้น้ำก็ได้ แต่เขาแอบให้
ตอนเราไม่อยู่โครม ๆ ผมก็วางหนังสือที่ซื้อมาอ่าน เพราะคิดว่าเรียนรู้เอาจากพี่ก็ได้
สรุปนั่นคือ

ประสบการณ์ในปีแรกของการทำอ้อยครับ เจ๊งไม่เป็นท่า เพราะตัวเราเองไม่มีความรู้
อะไรเลย ยอมรับครับว่า โง่ เลยล่ะ ชะล่าใจเกินไป ฝันหวานเกินไป


เก็บความช้ำใจเอาไว้ครับ หลังจากผ่านไป ๑ ปี ตัดอ้อยเสร็จ ผมเริ่มหูตาสว่าง
ผมบอกกับตัวเองว่า ตั้งแต่นี้ต่อไป กูต้องทำเองให้ได้ เอาว่ะ ตายเป็นตาย
ปีสอง ได้คืนมาอีกแปลงนึง ๒๐ ไร่ ที่ไหนมีความรู้เรื่องอ้อย ผมดิ่งเข้าใส่ มั่วผสมบ้า
ก็ว่ากันไป เอาทุกอย่างที่คิดว่าดีในตอนนั้นมาตกผลึกด้วยตัวเอง ตั้งลัทธิของตัวเอง
ตรัสรู้ด้วยตนเอง เป็นไงครับ "ไอ้นี่ท่าทางจะบ้า มันคงเหนื่อยจัด มันคงผิดหวัง
จากรอบที่แล้ว" สาระพัดที่ผมจะได้ยินเข้าหู ผมซื้อใจคนครับ ใครขับรถไถเก่ง
ผมหิ้วของ (เหล้า) ไปฝาก คนงานชอบอะไร ผมดูแลอย่างดี เขาเลี้ยงเหล้าขาว
ผมเลี้ยงเหล้าแดง ว่ากันอย่างั้น เขาจ้าง ๑๐๐ ผมจ้าง ๑๒๐ เอาว่ะลองอีกสักที
ทุกอย่างทำตามที่ผมสั่งทั้งหมด ใครแนะนำยังไง ผมทำหูทวนลม บอกตัวเองว่า
กูไม่เชื่อใครอีกแล้ว ขอกูเชื่อตัวเองดีกว่า แปลงเก่า ๑๐ ไร่ บำรุงใหม่ตามวิธีของผม
แปลงที่ได้ใหม่ ๒๐ ไร่ ปลูกใหม่ด้วยเงินจากแม่ประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ บาท
เนื่องจากแปลงใหม่อยู่ห่างจากชุมชน รัศมี ๕ กม. ไม่มีบ้านคนเลย
วันแรกที่ผมเข้าไปเจอเลยครับ รับน้องใหม่

ชายฉกรรจ์ ๓-๔ คน ขับกระบะมาจอดหน้าไร่เลย แต่ล่ะคน บอกยี่ห้อว่าพร้อมรบ
มีเหน็บเอวมากันทั้งนั้น เหมือนหนังบู๊ไทยน้ำเน่าไม่มีผิดเลย
แต่มันคือเรื่องจริงที่บ้านผม นครสวรรค์ เมืองเทวดา

ประโยคแรก "เฮ้ย มึงมาจากไหนว่ะ รู้เปล่าที่ดินผืนนี้ของใคร" อ้าวเวรแล้วซิกู
มาคนเดียว อะไรก็ไม่มีสักอย่าง มองโลกในแง่ดี งานเข้าเสียแล้ว
รู้ทีหลังว่า ลูกกำนัน แถวนั้นครับ ผมก็ใจดีสู้เสือครับ (ที่จริงน่าจะเรียกว่าหมามากกว่า)
สิบนิ้ว วันฑา ออกไป ฝากตัวอย่างนอบน้อม ผมเพิ่งกลับมาบ้านครับพี่
ที่แปลงนี้ของแม่ผม ก็เลยกลับมาทำ พวกเล่นถามชื่อแม่เลยทีนี้ เล่าแจ้งแถลงไขไป
เรียบร้อย พี่ๆ เขาบอก "อ้อลูกพี่หลวยเองเหรอ แล้วก็ไม่บอก คนกันเองทั้งนั้น"
ผมน่ะใจไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว มาตอนแรก ทำท่าอย่างกับจะรับประทานผมให้ได้
โชคดีที่พี่ๆ เขารู้จักแม่เลยรอดตัวไป ตั้งแต่นั้นมา เวลาผมไปไร่ก็จะมี .๓๘ มรดก
ของพ่อที่ทิ้งไว้ให้สงบนิ่งอยู่ในย่ามข้างตัวตลอดเวลา เราไม่รู้จักใคร เราคนใหม่
เวลาผ่านไป คนแถวนั้นก็จะเห็นคนบ้าคนนึง ที่ทำอะไรของมันไม่รู้อยู่คนเดียว
ควบรถปุเลง ๆ เข้าไร่ออกไร่ ไม่พูดไม่จากับใคร ใครแนะนำอะไรมันไม่เคยฟัง
ผมเป็นอย่างนั้นในสายตาคนอื่น ๆ จริง ๆ ครับ ขนาดเขาโทรมาบอกแม่ว่า
ให้ดูลูกชายบ้าง บ้าหรือเปล่า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อ้อยกับผมรู้จักกันมากขึ้น
คุ้นหน้าคุ้นตากันดี อ้อยไม่ค่อยบาดผม เท่าๆ กับที่ผมเริ่มอยู่ไร่ได้นานขึ้น
จากชั่วโมงเป็นหลายชั่วโมง ข้ามวัน จนสุดท้ายเข้านอกออกในจนถนนหนทางลื่น
นอนไร่คนเดียวเหมือนนอนบ้าน อ้อยทำท่าจะรักผม ปีถัดมาใครจะเชื่อล่ะครับ
ด้วยความรู้และวิธีการแบบมั่ว ๆ ที่ตกผลึกมาจากความโง่ของตัวเอง ที่ไม่รู้อะไรเลย
อ้อยตอบแทนผมด้วยมูลค่า ๒๑ ตัน ต่อไร่ โดยเฉลี่ยน่ะครับ

จ้างทุกอย่างทุกขั้นตอน เพราะผมไม่มีปัญญาซื้อรถไถซื้ออุปกรณ์ประดามี มึงอยู่
กูอยู่ด้วย มึงทำอะไรกูทำด้วย แต่ต้องแบบที่กูบอกน่ะ

"มันฟลุ้กล่ะสิ" เสียงแว่วๆมาแบบนั้นครับ ปีถัดมาผมได้กลับคืนมาอีกแปลงที่เป็น
อ้อยตอหนึ่ง ผมรับมาช่วงเป็นตอ ๒ ซื้อตอกันเลยว่างั้น ผมก็ได้ ๒๐ ตันต่อไร่อีก
คือปีที่แล้วนี่เอง คราวนี่ไม่พูดอะไรแฮะ แต่มาถามผมว่า ผมให้ปุ๋ยอะไร ผมก็บอกไป
ตามเรื่องตามราวล่ะครับ มั่วๆ ไปครับ


พอมาปีนี้ก็อย่างที่เห็นนี่แหละครับ น้ำท่วมสองรอบ อย่างหนัก ข้างเคียงเรียบร้อย
ไปแล้วกลับบ้านเก่า ของผมก็ยังพอทู้ซี้ อยู่ได้ก็ด้วยแนวทางที่ลุงสั่งสอน แล้วผมก็
นำไปปฏิบัติครับ นี่แหละครับ ประสบการณ์ของการเป็นเกษตรกรขั้นอนุบาลของผม

ย้ำน่ะครับ .......

รู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะรู้ได้ เปิดใจยอมรับสิ่งต่างๆ อย่างมีเหตุมีผล เชื่อตัวเองให้มาก
ที่สุด ฟังหูไว้หู เชื่อโบราณว่าบ้างก็ดี แต่ถ้าเชื่อแบบมั่วๆ ก็บานหลายที ผมอยากบอก
ว่า แนวทางที่ถูกต้อง อยู่ที่เราเลือกพิจารณาให้เหมาะสม อย่างมีเหตุมีผล ไม่ได้
บอกให้ท่านเชื่อ "ลุง" น่ะครับ แต่ให้นำไปพิจารณาด้วยตัวของท่านเอง


สรุปด้วยแนวทางของท่านเอง อย่ายึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนเกินไปอยากให้เพื่อนๆ
ประสบความสำเร็จกันทุกคนครับ ผมเองก็แค่เริ่มเตาะแตะยังต้องล้มลุกคลุกคลาน
อีกมาก มีอะไรเพื่อนๆแนะนำได้เลยน่ะครับ ด้วยความยินดี และเต็มใจอย่างยิ่ง

ศรายุทธ เจริญพร / คนพยุหะครับผม


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Yuth-Jasmine เมื่อ 22/10/2010 5:45 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
catcaty
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 13/08/2010
ตอบ: 525

ตอบตอบ: 22/10/2010 5:26 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อีกอย่างนึงผมอยู่จันทบรีมาสามสิบกว่าปี ใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสถานที่ ฯถนนหนทางฯ ที่ท่องเที่ยวฯ สอบถามได้นะครับยินดีให้บริการในฐานะเจ้าของบ้านคนหนึ่ง


คุณsoup ว่าไงครับเห็นด้วยมั้ย?
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
Soup
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 01/09/2010
ตอบ: 181
ที่อยู่: อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี

ตอบตอบ: 22/10/2010 11:27 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

catcaty บันทึก:
อีกอย่างนึงผมอยู่จันทบุรีมาสามสิบกว่าปี ใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสถานที่ ฯถนนหนทางฯ ที่ท่องเที่ยวฯ สอบถามได้นะครับยินดีให้บริการในฐานะเจ้าของบ้านคนหนึ่ง
คุณsoup ว่าไงครับเห็นด้วยมั้ย?


แหะ ๆ พี่หมึก ผมมาอยู่นี่ต้นปี 49 เองครับ ทางก็รู้แค่จากบ้านไปตลาดและก็เข้าเมืองเท่านั้นแหละพี่ ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหน ส่วนใหญ่อยู่สวน เรื่องทางถามพี่หมึกจะให้ข้อมูลได้ดีกว่านะครับ แต่ถ้าเรื่องมีกิ๊กล่ะก็ ถามคุณยู๊ดดดดดแล้วกัน 5555 ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ มีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ก็ไม่ปฏิเสธครับ ^_^

catcaty บันทึก:
ปลูกเผือก...อดเผือกได้แห้วแทน
ไอ้เราก็ลุ้น จะได้กินเผือก.... โธ่ พระถังซัมจั๋ง


ไม่ได้กินทั้งเผือกทั้งแห้วครับ แถมคันอีกต่างหาก โดนนิดเดียวเองคันเต็มพุงเลย โดนมือแต่ไหงไปคันพุงเนี่ย งงเหมือนกัน

ประวัติผมก็คล้าย ๆ กับคุณยุทธเหมือนกัน พ่อมีกิจการ พอเรียนจบด้าน Telecom ก็กลับมาช่วยที่ บ.ของพ่อ ทำงานด้าน IT สุดท้ายเบื่อ คิดว่าจะทำอะไรดี มองอนาคตสถาพดินฟ้าอากาศของโลกต้องแปรปรวน พื้นที่ที่เคยเพาะปลูกได้อาจจะมีปัญหา เมื่อพื้นที่ผลิตอาหารลดลง ก็หมายความว่าอาหารจะขาดแคลน และจะมีความจำเป็นมากขึ้น คนเราต้องกินทุกคน ถ้าไม่มีข้าว ผัก ผลไม้ เราจะกินคอมพิวเตอร์ หรือโต๊ะ เก้าอี้ แทนได้ไหมล่ะ แล้วเราก็ห่วงพ่อแม่พี่น้องญาติและเพื่อน ๆ ของเราว่า จะเกิดปัญหาในตอนนั้น ใครจะช่วยใครล่ะ ก็เลยว่าเราออกมาทำเกษตรดีกว่า พอของกินขาดแคลนเดี๋ยวจะมาฆ่าแกงกันแย่งของกินกัน มองไปในอนาคต...

ปี 47 ได้บวชและมาจำพรรษาที่วัดคลองมะลิ อ.มะขาม จ.จันทบุรี พระอาจารย์ประเวศอบรมสั่งสอนให้อยู่ในธรรมวินัย ให้มีคาวมเพียร เราก็ชอบ สังเกตอากาศที่จันทบุรีนี่สุดยอด ท้องฟ้าสวยที่สุด ก็เลยฝากคนรู้จักตอนบวชหาที่ดินให้ หลาย ๆ ที่เขาให้ไปดูก็ยังไม่ถูกใจเพราะแหล่งน้ำไม่ดี ปลายปี 48 ก็โป๊ะเช๊ะพอดี เป็นที่ของพี่สาวของคนที่ช่วยหาที่ให้พอดี เป็นที่สองแปลงตรงข้ามกันคั่นกลางด้วยคลอง ที่ทั้งสองแปลงติดถนนทั้งคู่ สุดยอด แปลงหน้าติดถนนดำ 11 ไร่ แต่แปลงหลัง 72 ไร่ รวมแล้ว 83 ไร่ พ่อบอกมากไปหรือเปล่า เจ้าของไม่ยอมแบ่งขาย จะขายทั้งหมดเลย เราก็คิดหนัก แต่เพราะพื้นที่มันถูกใจ มีน้ำไหล มีฝายเชื่อมระหว่างสองแปลง เอารถขับผ่านได้เลย ก็เลยเอาก็เอาวะ

เข้ามาอยู่ต้นเดือนกุมภาพันธุ์ปี 49 มานอนในที่ที่ไม่เคยนอนมาก่อนคนเดียว มีคนงานเขมร 2 คนที่อยู่มาตั้งแต่สมัยเจ้าของสวนเก่า กับหมาอีก 3 ตัวที่เจ้าของสวนเก่าทิ้งไว้ให้ แกบอกว่าให้เอาไว้เหอะ มีสวนต้องมีหมา ก็เลยรับมา

แรก ๆ ก็ทำอย่างที่คนอื่น ๆ เขาทำกัน แต่ไม่อยากใช้ปุ๋ยเคมี ไม่อยากใช้ยาฆ่าแมลง ก็เลยลองหาดูว่า ในร้านปุ๋ยแถวนั้นเขามีทางเลือกอื่นไหม ก็ปรากฏว่ามี คือปุ๋ย บุญพืช และ ปุ๋ยขี้ค้างคาว (เขาบอกเอาวัตถุดิบมาจากลาว ยี่ห้อ A&P หรือไงนี่แหละ) ก็ลองใส่ไปดู อืมม์ พอใช้ได้ ผลผลิตไม่มากนัก มีแมลงวันทองต่อย ลูกเน่าเสียเยอะ กลายเป็นกะซ้าไป มดฮึ่ม เต็มช่อลองกอง คนเก็บบ่นอุบ

ปีถัดมา บุญเก่าหมด ธาตุอาหารพืชที่ต้นมันสะสมไว้ตั้งแต่ตอนที่เจ้าของเก่าเขาทำไว้ถูกใช้ออกไป แต่เราไม่ได้เติมให้เขาพอเพียง ตอนนั้นคิดว่าต้นไม้ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายไม่เห็นมีใครต้องไปดูแลมันทำไมมันอยู่ได้ ผลปรากฏว่า มันเริ่มโทรมไปเรื่อย ๆ ใบเริ่มน้อยลงน้อยลง ความคิดของเรายังคงเป็นเช่นนั้น ตอนนั้นยังไม่เข้าใจ (ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าต้นไม้ ถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เขาจะมีสมดุลของเขาเอง แต่เราเลี้ยงเขาในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม) ประกอบกับปีนั้นสร้างบ้าน ก็เลยมาดูผู้รับเหมาทำงานทุกวัน ก็เลยไม่ได้สนใจสวนเลย คนงานก็ไม่ได้จ้าง หญ้าขึ้นรกสูงท่วมหัว ปีนั้นความคิดแปรปรวนมาก ๆ

ปีนี้ ความคิดตกผลึก ว่าเราต้องทำปุ๋ย เคยไปอบรมกับ อ.วิวิฒน์ ศัลยกำธร ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ มาบเอื้อง ปีกว่าๆแล้ว ในวันสุดท้ายคุยกันเรื่องจุดยุทธศาสตร์ อ.วิวัฒน์ ถามทุกคนว่า

พวกคุณคิดว่า "หำ" คืออะไร....
หำก็คือ จุดที่เตะไปโดนทีเดียวก็จอดเลยใช่ไหมล่ะ .....

หำก็คือ "จุดยุทธศาสตร์" จุดยุทธศาสตร์มันมีจุดเดียว มันหมายถึงจุดเริ่มต้นที่จะทำให้แผนทั้งแผนเดินต่อไปได้....
แต่ละกลุ่มให้หาว่า "หำของประเทศไทย" คืออะไร.....

แล้วมารายงานหน้าชั้นให้ฟัง....


แต่ละกลุ่มก็หาหำของตัวเองออกมา อ.วิวัฒน์ ก็บอกหำของตัวแกเองบ้าง หำของแกก็คือ "ปุ๋ยอินทรีย์" ปุ๋ยเป็นปัจจัยการผลิต การเกษตรในปัจจุบันนี้จะให้ผลดีไม่ได้เลยถ้าไม่มีปุ๋ย เพราะดินของเราถูกทำลายมามากจนเสียสมดุลย์ ต้องอาศัยปุ๋ยอินทรีย์จึงจะฟื้นฟูกลับมาให้เป็นผลดีได้

ปีนี้ผมทำลำไย ค้นหาข้อมูลก็ได้มาเจอกับเว็บลุงคิม เจอคำว่า "อินทรีย์นำ-เคมีเสริม" สนใจว่า มันเป็นอย่างไร คุ้ยเว็บลุงไปมาเห็นรูประบบน้ำ โห ! สุดยอด คิดได้ไงเนี่ย อยากไปดูด้วยตาตัวเอง

ผมเป็นคนบ้า ๆ ไม่ค่อยเชื่อใคร เชื่อแต่ความคิดตัวเอง บางทีถูก บางทีไม่ถูก บางทีคนบอกให้ทำอย่างนี้ ผมก็ฟังไว้แต่ก็ไม่ได้ทำตาม คือ บางทีมันบอกไม่ถูกว่า ทำไม แต่อยากพิสูจน์ว่า ความคิดเราถูก แต่มันใช้เวลาในการพิสูจน์นานสักหน่อยกว่าจะเห็นผล ความเพียรเรายังไม่พอมัน ก็เลยยังไม่ถึงผลลัพธ์เสียที

เดี๋ยวนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ เขียนอะไรไม่เป็นระบบเลย สะเปะสะปะ เมื่อก่อนไม่เป็นแบบนี้นะ สงสัยจะง่วงนอน ........ ขอโทษด้วยนะครับ พี่น้อง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
catcaty
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 13/08/2010
ตอบ: 525

ตอบตอบ: 24/10/2010 12:12 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นี่แค่สองสามคนเองนะครับ.....! เอามาเป็นกรณีศึกษาได้เลยทั้งคุณยุทธ คุณ soup ต่างก็น่าจะมีอนาคตที่ดีกับงานเก่าแต่ก็ยังหันมาทำการเษตร ที่มันแสนจะเหนื่อย

ขอคารวะกระดูกสันหลังของชาติครับ

พี่น้องคนอื่นเล่าครับ เชิญมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์กันบ้างเถอะครับ


หมึกครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
catcaty
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 13/08/2010
ตอบ: 525

ตอบตอบ: 25/10/2010 8:06 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

2-3 วันมานี่ สมช.หายไปไหนกันหลายคน ? ปล่อยให้กระทู้หงอยเหงากันซะจนจะหล่นไปอยู่ท้ายๆของหน้าแล้ว

กลับเข้ามาบ้านรากันเถิดครับพี่น้อง...! คนเหงารออยู่ตรงนี้ ยู๊ดดดด นายหายไปไหน ลุงไม่มีคนจะสั่งขัง นี่จะสั่งขังพี่แทนนายแล้ว

กลับมาเถิดหนาลุงให้อภัยแล้ว


หมึกครับโผมมมมม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
catcaty
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 13/08/2010
ตอบ: 525

ตอบตอบ: 26/10/2010 6:54 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

--------------------------------------------------------------------------------

ทัศนะผมนะครับลุง ถูกใจใครหรือไม่ผมไม่รู้

คนทำสวนทำไร่ส่วนใหญ่บ้านเราหัวแข็ง แข็งแบบโง่ๆ โง่แล้วก็ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองโง่ โง่แล้วแทนที่จะพยามยามหาความฉลาดใส่ตัว กลับหาแต่ความโง่งมงายมาใส่ตัวเพิ่มเข้าไปอีก พวกนายทุนพวกขายยาราคาแพงๆ รู้จุดอ่อนของพวกนี้ดี ก็เลยเป็นช่องทางให้เขาหลอกเอา เดี๋ยวนี้พวกสารอาหารนาโนราคาแพงๆ ขายดีมากๆ ขายดีเพราะคำโฆษณาที่เกินจริง พวกเขาเหล่านี้ก็ไม่มีเลยที่จะคิดกันถึงความเป็นจริง ความเหมาะสม มีแต่ถามกันว่า เฮ้ย...มันใช้ดีไหม ? ถ้าดีกูเอาด้วย ไม่คิดเลยว่าที่เขาใช้แล้วดีอาจเพราะมันเหมาะสมกับพืชของเขา แต่มันอาจไม่เหมาะหรือไม่ถูกช่วงกับของเรา

ที่เขียนอย่างนี้ไม่ใช่มั่วนะครับ ผมน่ะก็เคยโง่ โดนกับตัวเองมาเเล้วกับไอ้ยาอาหารนาโนราคาโคตรแพง "โอรู" เพื่อนบอกว่าดี เลยขอแบ่งซื้อมา พอฉีดได้ครั้งนึงฉีดแล้วไม่เห็นดีเหมือนที่โฆษณา เอาปุ๋ยที่หมักเองแบบมั่วๆใส่ซะยังดีกว่า

ที่สวนที่ผมทำอยู่ คนที่สนใจอยากดูส่วนมากก็เป็นคนที่อื่น ที่พอได้ข่าวก็อยากมาเห็น แต่ไอ้พวกอยู่ใกล้ๆที่เราเป็นห่วง ไม่อยากให้ใช้ปุ๋ยยาแพงๆเนี่ย บอกให้ไปดูว่า ผมใช้ ผมทำอย่างนี้แล้วมันได้อย่างนี้ มันกลับไม่ยอมไปดู ผมก็ให้สงสัยเป็นกำลังว่า มันกลัวเสียศักดิ์ศรีมากหรือไง ถ้าจะทำอย่างที่ผมแนะนำ ขนาดบางคนแทบไม่มีจะกินอยู่แล้ว ก็ยังไปกู้ยืมเขามาซื้อปุ๋ยยาแพงๆ ลำไย 200 ต้น ใส่ปุ๋ยทีนึง 4-5,000 บาท เดือนนึงใส่ 2 หน ยาฉีดทีนีงเกือบสองพัน 7 วันฉีดที พอถึงวันเก็บลำไยมันจะเหลืออะไร ?

มีอยู่เรื่องนึงผมสงสัยมานานไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้หรือเปล่า ? กับไอ้ยาฆ่าหนอน ฆ่าแมลงที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ พอฉีดทีหนอนหรือแมลงชนิดนี้ตาย มันก็มีหนอนมีแมลงชนิดใหม่ๆเกิดขึ้นมาอีก เนี่ยมันจะเป็นไปได้หรือเปล่า ? ว่า ใส่ตัวยาฆ่าตัวนั้นแต่เพาะเชื้อตัวใหม่ใส่มาด้วย จะได้เป็นลูกโซ่ขายยาชนิดใหม่ได้อีก ผมคิดตามประสาบ้าๆนะครับ แต่อยากยกตัวอย่างสักนิดนึง ยาฆ่าหญ้าบางชนิดฆ่าได้เฉพาะหญ้าใบแคบ หญ้าใบกว้างฆ่าไม่ตาย....ฯ บริษัทผลิตเมล็ดข้าวโพดขายให้เรา แต่ผลผลิตในรุ่นนั้นนำเอามาปลูกไม่ได้ ถ้าเอาปลูกดอกออกมาเป็นตัวผู้หมดไม่มีฝัก ฯ แบบนี้เขายังทำได้ แล้วแบบที่ผมคิดมันจะเป็นไปได้ไหม ?

มีอีกคนนึงที่ผมมองดูด้วยความเป็นห่วงกับค่าปุ๋ยค่ายา ที่ปีนึงตกแสนสองแสนบาทเพราะเขาทำไร่เยอะ "พี่เมียผมเอง" เจ้านี้สั่งปุ๋ยสั่งยาทีนึงเป็นคันรถ 6 ล้อ ผมพยายามพูดเรื่องความเหมาะสมก็ไม่เคยฟัง ปุ๋ยนี่ตะบี้ตะบันใส่มันเข้าไปโดยไม่เคยสนใจว่า ดินแบบนี้มันต้องการอะไรขาดอะไร ? ไร่ 5 แปลง ปุ๋ยยาที่ใช้แบบเดียวกันทั้งหมด ผมดูจากต้นมันในแต่ละแปลง มันรุ่นนี้ได้ไร่ละสองตันก็บูญนักหนาแล้ว ค่าเช่าไร่ละพัน ค่าปุ๋ยยาอีกบาน ทำให้เหนื่อยทำไมกัน (วะ) เนี่ย

พอผมพูดเรื่องเราน่าจะลดต้นทุนโดยการทำให้น้อยลง แต่ให้ได้ผลผลิตมากขึ้น ก็ว่า ยุ่งยาก หลายขั้นหลายตอน พูดไปพูดมาเดินหนีซะงั้น..... เฮ้ออออ

มันอาจเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับคำถามที่ลุงถามนะครับ..! แต่จากประสบการณ์ที่คนอายุเลขสี่แล้วพอจะมีอยู่บ้างนี่ คนที่คิดว่า กูเก่ง กูรู้แล้ว กูแน่ ฯ โดยขาดความต่อเนื่อง ไม่พัฒนาต่อยอดนี่ หงายท้องมานักต่อนักแล้ว


ขออภัยนะครับที่ไม่สุภาพ ผมมันลูกทุ่ง
หมึกครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 26/10/2010 7:12 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

กรณีแบบนี้มีเยอะมากๆ ในสังคมเกษตรไทย วานพวกเราเล่าสู่กันฟังหน่อยซี่

เผื่อว่า "เทคนิคการสอน" แบบนี้ อาจจะทำให้เขาบางคนตื่นขึ้นมาบ้างก็ได้....




ดีมากหมึก....ขอบคุณ
ลุงคิมครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
yong_hed
หนาวดึ่ง
หนาวดึ่ง


เข้าร่วมเมื่อ: 13/10/2010
ตอบ: 18

ตอบตอบ: 27/10/2010 12:24 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ส่วนประสบการณ์ของผมในด้านการเกษตรนะเหรอครับ...
ขอบอกว่าไม่มีอะไรเลยครับ Cool 555
จำได้แต่ตอนเด็กช่วงมัธยมต้น เป็นวิชาอะไรก้อยังจำไม่ได้
รู้แต่ว่าต้องทำแปลงปลูกผัก ทำกันเป็นกลุ่มแล้วอาจารย์ให้ทำรายงานส่ง
นั่นแหละการทำเกษตรที่ผมมีประสบการณ์ Embarassed
มาถึงปัจจุบันตอนนี้กำลังศึกษาและทำเห็ดอยู่ครับ ไม่มีความรู้เลย
แต่อยากทำ ถามว่าทำไมต้องเป็นเห็ดด้วย ทำไมไม่เป็นอย่างอื่น
ผมก้อขอตอบว่า ก่อนที่จะเป็นเห็ดก้อคิดทำอย่างอื่นเหมือนกัน
มีที่นาที่เป็นมรดกของพ่อแม่ 10 กว่าไร่ ทำนาดีไหม... ทำไม่เป็น
เครื่องไม้เครื่องมือก้อไม่มี แรงเสียดทานทางบ้านเยอะ แถมถ้าจะไปจ้างเขาทุกอย่าง
เงินนะมีไหม 555 พับไว้ก่อนเรื่องนา พืชผักอื่นๆหล่ะ คิดไปคิดมา มันก้อวนไปวนมากับปัญหาเดิมๆ แล้วทำไมคำตอบไปตกที่เห็ดได้
ทั้งๆที่มันก้อมีปัญหาเหมือนกัน (ทำไม่เป็น เครื่องไม้เครื่องมือก้อไม่มี ทุนก้อไม่มี ฯลฯ)
ผมพยายามหาข้อมูลเยอะมากเพื่อหาคำตอบจนได้คำตอบว่าเห็ดนี่แหละทางออกของเรา(กู)
555 วันนี้ขอแค่นี้ก่อนนะครับ เมียบอกให้นอนแล้ว Cool พรุ่งนี้เดี๋ยวมาต่อให้จบครับ
แต่ขอนิดนึง ตั้งแต่เริ่มเหยียบเข้ามาในวงการเกษตรนี่ มีคำถามคาใจที่ผมไม่เข้าใจ
และทำให้ผมพาลคิดไปเองว่า อ้ออย่างนี้นี่เองเกษตรกรบ้านเราส่วนใหญ่ถึงจนนัก
คำถามที่ผมคาใจก้อคือ
ทำไมเครื่องจักรกลการเกษตรและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรมันจึงแพงจริงโว้ยยยยย 555
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
catcaty
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 13/08/2010
ตอบ: 525

ตอบตอบ: 27/10/2010 4:26 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ที่มันแพงก็เพราะว่ามันไม่ถูกน่ะสิ 5555

หมึกครับผม(ไม่เกี่ยงว่าแพงแค่ไหนเพราะตูไม่มีตังส์ซื้อ) Laughing
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
catcaty
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 13/08/2010
ตอบ: 525

ตอบตอบ: 28/10/2010 8:20 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อยากรู้ประสบการณ์ของไอ้แป้งบ้าง ....! แบบละเอียดๆหน่อย ได้มั้ย?
หมึกครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
bombon
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 15/07/2009
ตอบ: 68

ตอบตอบ: 28/10/2010 8:58 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Soup บันทึก:
ผิดครับ พระห้ามขุดดิน เพราะจะทำให้สัตว์ในดินตายและประพฤติตัวเยี่ยงฆราวาส คือ ทำมาหากิน พระเป็นภิกขาจาร (ผู้ขอเขากิน) เขาให้มาอย่างไรฉันอย่างนั้น ยกเว้นเวลาป่วยต้องการธาตุอาหารบางอย่างหรือยาบางอย่าง

ผมว่าไม่ควรเท่าไหร่ ที่ควรคือ ถ้าท่านจะเลี้ยงแม่ก็ให้พาแม่ไปอยู่ที่วัด และบิณฑบาตรไปเลี้ยงท่าน หาที่อยู่ให้ท่านที่เหมาะสม หรือไม่งั้นก็ลาสิกขาออกมา เพื่อทำนาช่วยแม่เลยครับ มองในแง่กตัญญูก็ใช่ครับ แต่ถ้ามองในแง่บุญบาปแล้วอาจจะได้บาปมากกว่าบุญ มันมีวิธีที่ได้แต่บุญแต่เว้นบาปเอาไว้น่ะครับ

ตามหัวข้อกระทู้ของพี่หมึก
ผมเป็นคนชอบกินเผือก เผือกกวน เผือกทอด กะหรี่ปั๊บไส้เผือก เผือกแกงบวด เผือกต้มน้ำตาล และอีกเยอะแยะ เลยปลูกเผือกไว้ในแปลงเล็ก ๆ ประมาณ 30 หลุม โดยปลูกที่ระยะ 50 x 50 ซ.ม. จำไม่ได้ว่าปลูกเดือนอะไร แต่จำได้ว่าปลูกหน้าร้อน อากาศร้อนมาก ขุดหลุมเป็นวงกลมด้วยเสียมกว้างประมาณ 25 ซ.ม. ลึก 20 ซ.ม. ดินกระด้างเพราะเป็นดินถม เอาเศษหญ้าวางก้นหลุม โรยขี้หมูแห้ง โรยดินบาง ๆ ทำแบบนี้ 3-4 ชั้น แล้วก็เอาลูกเผือกวางทับ ปิดหน้าด้วยหญ้าแล้วกลบดิน รดน้ำ มีความหวังในใจว่าจะได้กินเผือกที่ปลูกเองสมใจ ไม่มียาฆ่าหญ้าหรือฟูราดาน มันต้องอร่อยเหาะแน่ ๆ เลย

เผือกเริ่มงอกขึ้นมาพ้นดิน งอกบ้างไม่งอกบ้าง รอคอยกว่าสองอาทิตย์ ทำไมมันช้ายังงี้เนาะ... จำได้เลา ๆ ว่าคุณยายคนที่ขายลูกเผือกให้บอกว่าให้พูนโคนบ่อย ๆ แล้วหัวจะใหญ่ เราก็เลยพูนโคนไปหนึ่งรอบ ทำตั้งแต่ตอนเผือกสูงประมาณ 30 ซ.ม. แล้วก็รอ ๆ รดน้ำไปเรื่อย สงสัยต้องรออีกนานกว่าจะได้กิน ดินที่ถูกแดดเผานี้ทำให้หน้าดินแข็งกระด้าง รดน้ำจนชุ่มแล้วก็วันรุ่งขึ้นก็แข็งเป๊กเหมือนเดิม ทำไงดีกว่า

พอดีมีเมล็ดถั่วแดงเล็กอยู่หน่อยนึง ลองดูดีกว่า หว่านเมล็ดถั่วแดงลงไปบนแปลง สับ ๆ ดินหน่อยไม่ให้นกหนูมากินหมด คราดให้เรียบสักเล็กน้อย รดน้ำลงไปสักสามสี่วัน ฮ่า ถั่วเริ่มงอกแล้ว แรก ๆ ถั่วแดงเจริญเติบโตช้ามาก ไม่รู้ทำไป เหมือนจะไม่ค่อยอยากจะโตเลย แต่เวลาผ่านไป รดน้ำไปเรื่อย ถั่วเจริญเติบโตดีมาก พันต้นเผือกซะมองไม่เห็นเลยต้องคอยแกะออก กลายเป็นเพิ่มภาระไป สุดท้ายก็เริ่มขี้เกียจดูแล ทำเป็นลืมไปเลย ในระหว่างนั้นถั่วก็วายไป มีหญ้าอื่นขึ้นมาผสมปะปนกับถั่วที่หล่นจากฝัก

อาทิตย์ที่ผ่านมาคนงานตัดหญ้าบริเวณนั้นออกก็เลยเห็นยอดเผือกใหญ่อยู่สามต้นอย่างชัดเจน ต้นที่ใหญ่ที่สุดสูงเท่าเอว ใบใหญ่เบ้อเริ่ม มีหน่อข้างแตกออกมาด้วย
วันนี้ตัดสินใจลองขุดออกมาดูว่าผลเป็นอย่างไร อยากกินเผือกต้มน้ำตาลมาก ๆ

Razz~~ ลองเอาสองมือจับต้นเผือกโยก ๆ ดู โคนมันชักคลอน ๆ ใจร้อน เอาเลยดีกว่า ถอนเต็มแรง โป๊ะเช๊ะ หัวมันหายไปไหนวะเนี่ย สังเกตดูดี ๆ หัวมันเล็กติ๊ดเดียวแต่ต้นเบ้อเริ่ม ต้นที่เหลือก็คงเหมือนกัน เฮ้อ อดกินเผือกจนได้ รอตั้งนาน


บทเรียน
ขาดความรู้จะคาดหวังเอาผลให้ได้ดีน่ะ........ ยาก
ขาดความเพียร ความเอาใจใส่ จะคาดหวังเอาผลให้ได้ดีน่ะ..... ลืมเสียเถอะ
มีความเพียรในตอนแรก แต่ไม่มีความต่อเนื่องทำจนงานเสร็จสิ้น จะคาดหวังเอาผลให้ได้ดีน่ะ ....... เกือบแล้ว ๆ แต่ยังหวังไม่ได้หรอก

คุณคิดผิดแล้ว การทำแบบนี้ คือการทำบุญ อย่างหนึ่งกับพระอรหันต์การทำบุญกับพระอรหันต์ เป็นการทำบุญที่ใหญ่หลวงนัก มันอยู่ที่เจตนาครับ เพราะไม่เช่นนั้น พระที่สร้างวัด ตามป่าเขาที่ตัดต้นไม้ ทำไมเขาถึงกล้าที่จะทำ และก็เป็นพระอรหันต์มาเยอะแล้ว ดูอย่างหลวงตามหาบัวซิ เมื่อก่อนอยู่ป่ากับ อาจารย์มั่นก็ต้อง สร้างต้องตัด มาเท่าไหร่ มันอยู่ที่เจตนา
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ถัดไป
หน้า 1 จากทั้งหมด 7

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©