-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ทำปุ๋ยหมักแห้ง ขี้ไก่+em ... ?
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ทำปุ๋ยหมักแห้ง ขี้ไก่+em ... ?
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ทำปุ๋ยหมักแห้ง ขี้ไก่+em ... ?

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
medusakung2
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2014
ตอบ: 65

ตอบตอบ: 20/04/2014 9:20 am    ชื่อกระทู้: ทำปุ๋ยหมักแห้ง ขี้ไก่+em ... ? ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.

เริ่มจากขยาย em ก่อน (น้ำ 10 ล em + กากน้ำตาล อย่างละ 30 cc ทิ้งไว้จนน้ำมีฝ้าขาว ลอย)

จากนั้นเอาขี้ไก่เทใส่ถัง 500 ลิตร ถังกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เมตร สูง 1 เมตร ใส่ขี้ไก่หนา 40 cm โดยไม่ได้ใส่รำละเอียด เพราะ มันแพง ผมงบหมด แต่ในขี้ไก่มีแกลบค่อนข้างเยอะ 1 ต่อ 1 เห็นจะได้ ค่อยๆคลุกเคล้ากับ em ที่ขยายไว้ก่อนหน้า จนชุ่ม 50%

ที่ผมอยากทราบ คือ
1. ผมใส่แต่ขี้ไก่ล้วนๆ ไม่มีรำ เลย จะเป็นไรมั้ยคับ
2. พลิกกอง โดยการใช้จอบคนได้ไหม 10 วันครั้ง ถูกไหมครับ
3 ฝา ต้องปิดสนิท หรือว่า มีรูระบายอากาศครับ
4 ถ้าครั้งต่อไป ผมใช้ขี้ไก่ล้วนๆ โดยไม่มีแกลบ จะได้ไหมครับ


ช่วงนี้ฝนตก กำลังทำหลังคาครับ วัสดุทำปุ๋ยพร้อมแล้ว จึงถามลุงคิมก่อน เพื่อความแน่ใจครับ อีก 2-3 วัน หลังคาเสร็จ จะลงมือครับ (081) 771-0866



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 20/04/2014 10:53 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.


ถามหน่อย.... ทำใช้ หรือ ทำขาย

ทำใช้ ..... คุณกำลังทำทำเรื่องง่ายให้มันยาก ถึงได้คุ้มเสีย แต่ไม่ครบสำหรับพืช แล้วมันได้ประโยชน์อันใด

ทำขาย ..... มือาชีพค้าขาย ขืนทำแบบนี้แม่แต่ "เจ๊งกับเจ๊ง" เท่านั้นแหละ



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
medusakung2
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2014
ตอบ: 65

ตอบตอบ: 20/04/2014 11:33 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ผิดพลาดประการใด วานลุงชี้แนะด้วยครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 20/04/2014 12:37 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.

ตอบให้ตรงคำถาม เพื่อจะได้ตอบตรงคำถาม

ตอบว่า (ก.) ทำใช้ .... (ข.) ทำขาย

ขี้เกียจเขียนคำตอบ ก็เขียนแค่ตัวอักษรหน้าคำตอบก็ได้



.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 21/04/2014 7:21 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
medusakung2
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2014
ตอบ: 65

ตอบตอบ: 20/04/2014 11:17 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.

ทำใช้เองครับ


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 21/04/2014 7:16 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

medusakung2
หนาวดึ่ง
หนาวดึ่ง

เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2014
ตอบ: 4

ตอบตอบ : 20/04/2014 10:59 am
ชื่อกระทู้ : ปุ๋ยขี้ไก่ทำพิษโรคเพียบ ทำไงดี
ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด (quote) แก้ไข/ลบคำตอบนี้ ลบคำตอบนี้ แสดง IP


ผมซื้อขี้ไก่ (ขี้ไก่แห้ง กับแกลบ) มาใส่ต้นมะละกอ และพืชอื่นๆ ปรากดว่า เป็นโรคไปหลายต้นเลยครับ ส่วนต้นอื่นที่ไม่ได้ใช้ขี้ไก่ (ใช้ขี้วัว) กลับไม่เป็นอะไรเลยสักต้น ต้นที่เป็นโรค ใบหงิก เหลือง ร่วง ขุดรากมาดู รากเหม็น แถมดำๆขาวๆ

ผมควรทำไงดีครับ ขี้ไก่ซื้อมาเยอะเลย เกือบๆ 100 กระสอบ ยังเหลืออยู่เยอะ เสียดายครับ สงสัยไก่เค้าจะเป็นโรค ขี้มันเลยทำพิษต้นไม้ ผมควรทำไงดีครับ แล้วขี้ไก่ที่เหลือมีวิธีแก้ไหมครับ

กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์


---------------------------------------------------------------------------------------------


kimzagass
เว็บมาสเตอร์
เว็บมาสเตอร์

เข้าร่วมเมื่อ: 14/07/2009
ตอบ: 10559

ตอบตอบ : 20/04/2014 12:38 pm
ชื่อกระทู้ : ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด (quote) แก้ไข/ลบคำตอบนี้ ลบคำตอบนี้ แสดง IP


ปัญหาเดียวกัน จากคนเดียวกัน....ทำไมไม่ต่อกับกระทู้เดิม เพราะ....

คนอ่านได้เรื่องต่อเนื่องกัน กับไม่รกเว้บด้วย



กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์

-------------------------------------------------------------------------------------

.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 21/04/2014 10:39 am    ชื่อกระทู้: Re: ทำปุ๋ยหมักแห้ง ขี้ไก่+em ... ? ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

medusakung2 บันทึก:
.

เริ่มจากขยาย em ก่อน (น้ำ 10 ล em + กากน้ำตาล อย่างละ 30 cc ทิ้งไว้จนน้ำมีฝ้าขาว ลอย)

จากนั้นเอาขี้ไก่เทใส่ถัง 500 ลิตร ถังกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เมตร สูง 1 เมตร ใส่ขี้ไก่หนา 40 cm โดยไม่ได้ใส่รำละเอียด เพราะ มันแพง ผมงบหมด แต่ในขี้ไก่มีแกลบค่อนข้างเยอะ 1 ต่อ 1 เห็นจะได้ ค่อยๆคลุกเคล้ากับ em ที่ขยายไว้ก่อนหน้า จนชุ่ม 50%

ที่ผมอยากทราบ คือ
1. ผมใส่แต่ขี้ไก่ล้วนๆ ไม่มีรำ เลย จะเป็นไรมั้ยคับ
2. พลิกกอง โดยการใช้จอบคนได้ไหม 10 วันครั้ง ถูกไหมครับ
3 ฝา ต้องปิดสนิท หรือว่า มีรูระบายอากาศครับ
4 ถ้าครั้งต่อไป ผมใช้ขี้ไก่ล้วนๆ โดยไม่มีแกลบ จะได้ไหมครับ


ช่วงนี้ฝนตก กำลังทำหลังคาครับ วัสดุทำปุ๋ยพร้อมแล้ว จึงถามลุงคิมก่อน เพื่อความแน่ใจครับ อีก 2-3 วัน หลังคาเสร็จ จะลงมือครับ (081) 771-0866





** "ทำใช้" ก็ได้ปัจจัยเพื่อการเจรืญเติบโตสำหรับพืช ไม่ครบ
** "ทำขาย" ก็เหมือนหลอกลวงคนซื้อ เพราะของไม่ดีจริง
** ถึงถามไงล่ะว่า ทำใช้ หรือ ทำขาย

- นี่แหละที่เขาเรียกว่า "ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก...."
- เพราะยึดติดหลักการ ทำตามตำราเป๊ะๆ เรียกว่า "ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด...."
- ตำรามีหลายเล่ม หลายคนเขียน มากมายทฤษฎี อ่านให้มากแล้ว คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ เพื่อเลือกคัดกรองเอามาใช้
- พืช คือ ธรรมชาติ อยู่กับธรรมชาติ อ่าน LINE ธรรมชาติให้ออก แล้ว เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก สิ่งที่ธรรมชาติไม่มีหรือมีน้อย ให้มีหรือมีมากขึ้น บนพื้นฐานตามความเหมาะสมของพืช....ก็แค่นี้แหละ

*** เอาขี้ไก่ "แห้ง/เก่า" หว่านลงบนพื้นบริเวณที่มีรากพืช หว่านบางๆด้วยปริมาณ 1-5% ของพื้นที่ผิวดิน คลุมด้วยเศษพืชแห้งหนาๆ แล้วรดด้วยน้ำเจือจางจุลินทรีย์ แค่นีั้สารอาหารพืชในขี้ไก่ก็ออกมาเป็นสารอาหารให้พืชได้กินแล้ว

*** จากขี้ไก่อย่างเดียว เสรืม/เติม/เพิ่ม/บวก ขี้วัว-ยิบซั่ม-กระดูป่น-ฯลฯ ลงไปด้วยจะดีกว่าขี้ไก่อย่างเดียวเดี่ยวๆไหม ?

*** จุลินทรีย์ที่ดีที่สุด คือ จุลินทรีย์ประจำถิ่น (มาซาโอะ ฟูกูโอกะ) จุุลินทรีย์กินกากน้ำตาล ว่าแล้่วก็เอากากน้ำตาลเจือจางราดรดทับลงไป จะประหยัดกว่าไหม ?

ปล.
- จุลินทรีย์ไม่ใช่ปุ๋ย ปุ๋ยไม่ใช่จุลินทรีย์ แต่ต้องไปด้วยกัน มีจุลินทรีย์ไม่มีปุ๋ย ต้นพืขจะโตได้ไง
- ระวังจะเป็น "จุลินทรีย์ตกขอบ" นอกจากไม่ได้อะไรแล้ว แถมยังไม่เหลืออะไรอีกด้วย



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
medusakung2
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2014
ตอบ: 65

ตอบตอบ: 21/04/2014 11:10 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สรุปคือ รำละเอียด ไม่จำเปน เอาต้นทุนไปเน้นสารอาหารสำหรับพืชอย่างอื่นดีก่า ใช่ไหมคะ


อีกข้อละกันลุง ผมมั่นใจว่าขี้ไก่ที่มีเนี่ย มันมีโซดาไฟปนมา แก้ยังไงดีคะ ไหม้ไปหลายต้นละ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 21/04/2014 1:08 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
- เอาขี้ไก่ออก ให้เหลือติดดินน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้
- รดด้วยน้ำจุลินทรีย์เจือจางถี่ขึ้น อาจจะ 5 วัน/ครั้ง จุลินทรีย์จะช่วยสลายฤทธิ์โซดาไฟให้ .... คู่กับ
- ให้ทางใบด้วย "แม็กเนเซียม+สังกะสี+น้ำตาลทางด่วน" สลับกับแคลเซียม โบรอน....ให้สารอาหารทางใบแทนทางราก

*** งานนี้ รอดคือรอด ไม่รอดคือตาย

ปล.
- รู้ได้ไงว่ามีโซดาไฟ พิสูจน์ยังไง ?




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 23/04/2014 2:02 am    ชื่อกระทู้: EM....ขี้ไก่.....ถึง E-Kim ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม....คุณ medusakung2

อยู่ดีไม่ว่าดี แกว่งเท้าหาเสี้ยน...เดี๋ยวก็โดนอีกละตู ไม่เป็นไร อยากรู้เหมือนกัลย์...ว่า ตอนจบของปุ๋ย EM หมักขี้ไก่ จะเป็นยังไง....

คุณ medusakung2 ...ถามเมื่อ 20/04/14 ..9:20 am
เปิดประเด็นขึ้นมาเลยว่า....
เริ่มจากขยาย em ก่อน (น้ำ 10 ล em + กากน้ำตาล อย่างละ 30 cc ทิ้งไว้จนน้ำมีฝ้าขาว ลอย)

จากนั้น...............
ช่วงนี้ฝนตก กำลังทำหลังคา ครับ วัสดุทำปุ๋ยพร้อมแล้ว จึงถามลุงคิมก่อน เพื่อความแน่ใจครับ อีก 2-3 วัน หลังคาเสร็จ จะลงมือครับ ...............

ลุงคิมถาม 20/04/14 ว่า
ถามหน่อย.... ทำใช้ หรือ ทำขาย

........ ผิดพลาดประการใด วานลุงชี้แนะด้วยครับ
.........ทำใช้เองครับ


......ผมซื้อขี้ไก่ (ขี้ไก่แห้ง กับแกลบ) มาใส่ต้นมะละกอ และพืชอื่นๆ ปรากด(ปรากฏ) ว่า เป็นโรคไปหลายต้นเลยครับ ต้นที่เป็นโรค ใบหงิก เหลือง ร่วง ขุดรากมาดู รากเหม็น แถมดำๆขาวๆ
ส่วนต้นอื่นที่ไม่ได้ใช้ขี้ไก่ (ใช้ขี้วัว) กลับไม่เป็นอะไรเลยสักต้น


----------ตรงนี้คุณบอกเองและได้คำตอบเองแล้วนะครับว่า ใช้ขี้ไก่ใส่ต้นไม้แล้วรากเน่า ส่วนใช้ขี้วัวกลับไม่เป็นอะไรเลย
....ก็น่าจะเปลี่ยนจากขี้ไก่ มาใช้ขี้วัวแทน อยากรู้ว่าขี้วัวธรรมดาทำให้เป็นขี้วัวซูเปอร์ ทำยังไง ถามลุงคิมเลยครับ


คุณ..สรุปคือ รำละเอียด ไม่จำเป็น เอาต้นทุนไปเน้นสารอาหารสำหรับพืชอย่างอื่นดีก่า ใช่ไหม คะ

อีกข้อละกันลุง ผมมั่นใจว่าขี้ไก่ที่มีเนี่ย มันมีโซดาไฟปนมา แก้ยังไงดีคะ ไหม้ไปหลายต้นละ

........ลุงคิมให้กิน ยำยำ จัมโบ้ ซะมึน จาก ครับ แปลงเพศกลายเป็น คะ. ..ไปเลย เท่าที่เคยอ่านเจอ คุณเป็นรายที่สองที่เปลี่ยนจาก ครับ เป็น คะ ...

ที่ติดตามอ่าน เพราะอยากรู้ว่า จะจบแบบไหน ได้ขี้ไก่ซูเปอร์หรือไม่มั๊ย(อยากรู้อ่ะ) ...แต่ตอนนี้ ขอบอกว่า...ได้แล้วครับ.. นี่แหละครับรายการ สีสันชีวิตไทย เป็นรายการชีวิตที่มีสีสัน.....

คุณ medusakung2….น่าจะบอกรายละเอียดมากกว่านี้ซักหน่อยว่า

EM ที่คุณใช้น่ะ ของสำนักไหน
สำนักที่ Big Big ก็มี
EM จากแก่งคอยสระบุรี อันนี้เป็นต้นตำรับเลย
แล้วก็มี DMO ของแม่ปิงเกษตรธรรมชาติ..อยู่เชียงใหม่...
แล้วก็มี TM (ไม่กล้าเอ่ยชื่อ)อยู่แถว ๆ ศรีประจันต์...สุพรรณบุรี...หมักจากดินป่าที่ไปขุดมาจากห้วยขาแข้ง...
หลังจากนี้ก็มี EM ของใครต่อใครไม่รู้ ออกมาขายกันเกร่อไปหมด....ผมเคยใช้ของ EM จากแก่งคอย แต่ตอนหลังมาใช้ของ E-Kim….Sure….

ทีนี้ก็ กากน้ำตาล ที่คุณใช้มาจากแหล่งไหน ถ้าเป็นของที่มาจากโรงงานน้ำตาลราชบุรี อันนี้เจ๋ง...ส่วนจากโรงงานอื่น ๆ หรือที่ขายตามร้าน..อาจปนโซดาไฟ ชัวร์ อีกนั่นแหละ เปิดฝาขวด และดมกลิ่นก็พอรู้ ถ้าเปิดฝาขวด เสียงดัง ฟืดดดด...ดมกลิ่นแสบจมูกซ่าไปทั่วสรรพางค์กาย อันนี้ ใช่แน่ ๆ

ลุงคิมตอบคำถามของคุณแล้ว ผมก็ได้ประโยชน์จากคำถามที่คุณถาม แจ่มแจ้งชัดเจน อยู่ที่คุณจะจับประเด็นนำเอาไปใช้ได้มากน้อยแค่ไหน นั่นคือคำตอบสุดท้าย....

ใครเค้าใช้ขี้ไก่กัน ....ใช้ขี้หมูปลอมยังจะดีซะกว่า รู้จักมั๊ยครับ ขี้หมูปลอม มีขายจริง ๆ ด้วยนะ..

ขอบคุณครับ....




(1) ขี้ไก่...คือ ขี้จากไก่.....ถ้ารู้จักใช้ ใส่ต้นไม้แล้วงามแบบนี้...




(2)



(3)
(2 – 3) ของลุงออกลูกหรือยังครับ ของผมเพิ่งจะเริ่มงอก...แต่ของคนนี้เค้าออกลูกแล้วครับ....(มันเกี่ยวกับขี้ไก่ตรงไหนวะ) เกี่ยวครับ เกี่ยวแน่ ๆ เลย อินทผาลัมใส่ขี้ไก่ ออกลูกเร็วครับ อจ. ดร.สุจิตต์ ท่านบอก



ของฝากจาก

(1) http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4010

จาก : (085) 734-94xx เมื่อ 19/12/13
ข้อความ : สวัสดีครับผู้พัน ขี้ไก่อัดเม็ดเหมาะกับนาข้าวหรือเปล่าครับ ถ้าเหมาะควรใส่ช่วงข้าวตั้งท้องใช่หรือเปล่าครับ .... ขอบคุณมากครับ
ตอบ : (เชื่อหรือไม่เชื่อตามใจ....แล้วคอยดูต่อไป....คงงงง เห็นนนน)

- เหมาะครับ .... ขึ้นชื่อว่าปุ๋ยคอก (มูลสัตว์ทุกชนิด) กับต้นข้าวเหมาะทั้งนั้น ว่าแต่ “คุ้มกันเหรอ” รู้ไหมว่า กำลังทำเรื่องง่ายให้มันยาก ระหว่างการใส่ตอนข้าวโตตั้งท้องแล้วกับใส่ตั้งแต่ตอนทำเทือก ช่วงไหนเดินลงไปใส่ง่ายกว่ากัน ที่สำคัญ วิธีไหนทำให้ข้าวทุกต้นได้รับ เท่ากัน เสมอกัน ดีกว่ากัน

- ใส่ปุ๋ยที่เป็นเม็ดทั้ง ปุ๋ยเคมีเม็ด-ป๋ยอินทรีย์เม็ด หว่านด้วยมือ หว่านสุดแรงเกิด เม็ดปุ๋ยลงไปที่โคนกอข้าว ทุกกอๆ ๆๆ กอละ 1-2 เม็ด เท่ากันได้หรือ ข้าวกอไหนได้ปุ๋ยข้าวกอนั้นโต แล้วกอไหนที่ได้ก็ไม่โตใช่หรือไม่ .... รากข้าวเจริญยาวไปกินปุ๋ยที่ตกห่างๆได้เองหรือ

- ตอนทำเทือก ในแปลงนาไม่มีต้นพืชอะไรกีดขวาง เดินสดวก เลือกหว่านตามจุดได้ตามใจชอบ การให้ปุ๋ยชนิดเม็ด ทั้งปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมี หว่านไปก่อน โดนน้ำก็จะละลายเอง จากนั้นใช้อีขลุบหรือลูกทุบย่ำ ลูกทุบหรืออีขลุบจะกวาดเนื้อปุ๋ยที่ละลายแล้วให้กระจายไปทั่วแปลง อยากให้เนื้อปุ๋ยไปอยู่ตรงไหนก็ลากอีขลุบลูกทุบไปตรงนั้น เนื้อปุ๋ยที่ละเลงอยู่ในเนื้อดินทุกตารางนิ้วแบบนี้ ข้าวทุกกอย่อมได้รับปุ๋ยเท่ากัน เสมอกัน อย่างทั่วภึง

– ปลูกข้าวลงไปแล้ว วิธีการช่วยให้ข้าวทุกกอได้รับเนื้อปุ๋ยเท่ากัน ทำได้โดย “ละลายปุ๋ยในน้ำ” ก่อน เนื้อปุ๋ยเท่าไหร่ก็เท่านั้น ผสมน้ำเท่าที่จำเป็นต่อเนื้อที่ แล้วเดินฉีด ปรับหัว ฉีดให้เม็ดใหญ่ๆ ฉีดแหวกต้นข้าวลงไปที่หน้าดินเลย

- จากปุ๋ยอินทรีย์ ขี้ไก่อัดเม็ด +เพิ่มยิบซั่ม +เพิ่มน้ำหมักระเบิดเถิดเทิง +ปุ๋ยเคมีสูตร 16-8-8 สำหรับข้าวระยะตั้งท้อง ลงไปด้วย เท่ากับทำงานครั้งเดียวได้ 2-3 เด้ง มิดีกว่ารึ

- ในขี้ไก่มี P-K สูง มีงานวิจัยระบุว่า ถ้าใช้ร่วมกับยิบซั่มจะได้ประโยชน์สูงสุด ถ้าใส่ขี้ไก่อย่างเดียวเดี่ยวๆ P-K จะระเหยหายไปในอากาศ พืชจึงไม่ได้รับประโยชน์

** มองอะไร มองให้ไกล มองให้กว้าง - คิด วิเคราะห์ เปรียบเทียบ .... หมายความว่าอย่างไร ?



(2)
จาก อาจารย์อุดม ศรีเชียงสา….
( เรื่องนี้ ย๊าว ยาว ..อ่านกันตาแฉะเลย อยากรู้เรื่องขี้ไก่...ทนอ่านหน่อยครับ)

http://www.asoke.info/kudinfa/appendix/udom_seechiengsa.html

โทษภัยของมูลสัตว์ อันดับแรกที่เป็นอันตรายที่สุดเดี๋ยวนี้คือขี้ไก่ โดยเฉพาะไก่พันธุ์เนื้อ ผมได้ไปรู้จักกับคนเลี้ยงไก่ จึงเห็นโทษภัยของไก่ พวกเรายังไปหลงใหลกับขี้ไก่กันมาก

เมื่อก่อนเขาเลี้ยงไก่ ๔๕ วัน ต่อมาก็คิดสูตรให้เหลือ ๔๐ วัน เขาจะต้องเร่งเนื้อไก่ให้มีไขมันน้อย เอาสารเร่งใส่กับหัวอาหารเข้าไปให้ไก่กิน เมื่อเราเอาขี้ไก่มาใส่พืชผักอะไรจะเกิดขึ้น นอกจากสารเร่งแล้ว ไก่บางตัวก็แค่ ๓๕ วันเท่านั้น และเมื่อไก่เป็นหวัดเขาก็จะฉีดวัคซีนเข้าไป บางครั้งไก่ไม่สบายเขาจะเอาออกมาขาย....เมื่อไก่ไม่สบาย เขาก็ฉีดยาเข้าไป เพราะฉะนั้นคนฆ่าไก่นี่เขาจะไม่กินตับ ไต ของมันเลย มีแต่พวกเราเท่านั้นที่ไปกิน หัวไก่เขาตัดทิ้งไปเลยเพราะยาฉีดมาก นี่คือเรื่องจริง

เมื่อเราเอาขี้ไก่พวกนี้มาใส่ผัก ผักจึงงาม มันกลายเป็นสิ่งเสพย์ติดของพวกทำเกษตรกรรม เพราะพอใส่ผักก็จะงาม เราก็คิดว่าขี้ไก่ดี

เมื่อก่อนผมก็เคยใส่ ผักก็จะงาม แต่ใส่ไปสักระยะหนึ่งผักก็จะเปื่อย นอกจากเปื่อยแล้วจะเกิดรา เกิดรากเน่าขึ้นมา แสดงว่ามันไม่ใช่ของแท้ หากเอาขี้ไก่มาใส่พืชผัก ๔-๕ วัน เพลี้ยก็จะขึ้นเลยครับ จะขึ้นใบผักหมด

มูลวัว-ควาย หากเอามาใส่พืชผักโดยตรงจะเป็นสื่อให้แมลงต่างๆ ทำให้เกิดโรคราเน่า พวกแมลงเพลี้ยต่างๆจะมากินผัก เมื่อมันมากินผักของเรา หากเราไม่รู้จักวิธีกำจัดมัน มีทางเดียวคือเราเดินเข้าไปหาร้านขายสารเคมี สุดท้ายเราก็เอาสารเคมีมาใช้

บางคนปลูกข้าว หญ้าขึ้นไปเอายาฆ่าหญ้ามาฉีด หญ้าตาย แต่ข้าวไม่ตาย แต่คนฉีดตายไปหลายคนแล้ว เพราะฉะนั้นข้าวตามท้องตลาดจึงไม่ใช่ข้าวไร้สารพิษ

แม้แต่พี่น้องของผมปลูกข้าวก็ฉีดกรัมม็อกโซนไปฉีดหญ้าเหมือนกัน เป็นมาทุกปี แต่ต่อมาเขาก็ตาย เพราะฉะนั้นขอให้หลีกเลี่ยงขี้ไก่ ครั้นจะเอาขี้ไก่ก็ให้เอาไก่ที่เราเลี้ยง

ต่อมาขี้หมู หมูที่เขาเลี้ยงทุกวันนี้ก็เหมือนกันกับไก่มีสารเร่งให้หมูเจริญเติบโต และสารไปเร่งสกัดให้หมูเป็นเนื้อแดง สามฉีดยาเข้าไปอีก หากเราไปหลงกับมูลสัตว์ อยากให้หลีกเลี้ยงขี้ไก่ ขี้หมู

แต่มูลวัว มูลควาย ก็อันตรายเพราะมันไปกินหญ้าที่เขาฉีดยา แสดงว่าอันตรายมันรอบด้าน แม้แต่ผมปลูกผัก น้ำที่ไหลมาจากภูเขามันก็ไม่ปลอดสารร้อยเปอร์เซ็นต์ หากเราจำเป็นต้องเอามูลสัตว์ไปใส่ผัก ก็ให้หมักเสียก่อน อย่าใส่สดๆ มิฉะนั้นเพลี้ยจะขึ้น แต่หากเอาไปหมักแล้วจะปลอดภัยกว่า แม้แต่ผักของผมก็ไม่มีรา แมลงก็ไม่มี

นาของผม ผมใช้สูตรเอาฟาง เมื่อเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว ก็โน้มฟางลงดิน แล้วปล่อยน้ำเข้าประมาณ ๓ เดือน ฟางก็จะใส่เน่า นาของผมปีแรกได้ข้าว ๑๐๐ กว่า ปีต่อมาได้ ๒๐๐ เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ แค่ผมมีฟาง

ฟางให้ธาตุฟอสฟอรัส โปแตสเซียม ไนโตรเจน ฟางที่เน่าย่อยสลายอยู่กับดินไปเรื่อยๆมันจะไปปรับดินจากดินที่เค็มเป็นดินที่มีความสมดุล นาของผมเมื่อก่อนพ่อตาเผาฟาง ข้าวก็ไม่ดี

ต่อมาผมบอกให้ทำอย่างที่ผมทำ เดี๋ยวนี้ได้ข้าว ๒๐๐ กว่า ถ้าหากเราอยากให้มันดีต่อไปอีก เรามาดูพืชตระกูลถั่วทุกอย่าง

ถั่วที่ดีที่สุดคือต้นก้ามปู ต้นจามจุรี ต้นบก ต้นอะไรก็ได้ที่เป็นฝัก เราพยายามปลูกไว้ตามไร่ตามนา มันจะให้แร่ธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม หากเรามีฟางและถั่วมันจะรวมกัน มันก็จะให้แร่ธาตุ NPK ซึ่งอยู่ในปุ๋ยเคมีที่เราไปซื้อตามท้องตลาด

แล้วทำไมผมจึงไม่ให้ซื้อปุ๋ยเคมี เพราะมันเป็นสารเคมี เมื่อเป็นมันเป็นสารเคมี ดินเป็นธรรมชาติ เมื่อเอาสารเคมีไปใส่ผสมกับธรรมชาติ ต่อไปพวกสัตว์ต่างๆที่อยู่ในดินจะตายหมด ดินก็จะกลายเป็นกรด โดยเฉพาะดินในเมืองไทยมีแนวโน้มจะเป็นกรดหมด ส่วนด่างไม่ค่อยมี ส่วนมากอยู่ทางลพบุรีเท่านั้น

ดินเป็นกรดเกิดจากเราไปใส่ปุ๋ยเคมีเป็นจำนวนมาก ปุ๋ยเคมีที่เราใส่ไปปุ๊บ ๑๐๐ % จะไปทำหน้าที่ช่วยพืชเพียง ๔๐% อีก ๖๐ % จะละลายไปกับน้ำหมด แล้วไปตกค้างที่พื้นดินหมด ในปุ๋ยเคมีครั้นเราเอาไปใส่ในพืชผักบ่อยๆจะทำให้ดินเราเสื่อม หลังจากดินเสื่อมดินก็จะป่วย คือดินเป็นดินแข็งดินด้านดินดาน ปีต่อไปเราใส่เพิ่มไปเรื่อย สุดท้ายดินก็จะเกิดอาการน็อค

แถวบ้านผมปลูกอ้อยจนมีอยู่มีกิน ปัจจุบันปลูกอ้อยไม่เกิดเลย เอาปุ๋ยเคมีมาใส่ก็ไม่เกิด สุดท้ายก็ต้องขายที่ให้เจ๊กไป เจ๊กเขาเอาตามผม ช่วงเดือน ๖ เขาหว่านถั่วมะแฮะและโสนลงไป หว่านถี่ๆหมดทุกปี พอเดือน ๑๐ ก็ไถกลบ ดินที่เคยเป็นดินทราย เขาก็ปรับฟื้นขึ้นมา เราเคยขายให้เขาไร่ละ ๒๐๐๐ บาท แต่ตอนนี้ ๔ หมื่นเขาก็ไม่ขายให้ ต่อมาก็กลายเป็นลูกน้องเจ๊กอยู่แถวนั้น

หากเราใช้ปุ๋ยเคมีเราก็มีโอกาสทำกินแค่ในยุคของเราเท่านั้น รุ่นลูกรุ่นหลานเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ เมื่อลูกเราเรียนจบแล้วส่งลูกไปอยู่ในเมือง ไม่เคยสอนให้ลูกลำบาสักครั้ง เมื่อลูกเราไม่เคยลำบาก ต่อไปเขาจะต้องลำบาก วันนี้น้ำตาเขาไม่ออก วันหน้าน้ำตาเขาจะออก

เพราะฉะนั้นหากเราสอนลูกให้ลำบาก ให้หัดปลูกผัก สอนให้พึ่งตัวเอง มีอัตตาหิ อัตตโนนาโถ แต่เราไม่เคยสอน แต่อยากให้ลูกเป็นเจ้าเป็นนาย แข่งกัน

ผมดีใจที่มีโอกาสพูดให้พี่น้องฟังว่า ปุ๋ยเคมีให้เลิก หากไม่เลิกตอนนี้ลูกหลานเราจ้างเขาก็ไม่ทำนาให้เรา ตั้งแต่ตอนนี้เขาก็ไม่ทำนาให้เรา ต่อไปเมื่อดินเสื่อมลงเขาก็จะขายหมด ขายให้เจ๊ก เจ๊กก็ฉลาดกว่าก็ปรับปรุงดินเอา ซื้อถั่วซื้องามาปรับปรุงดิน ปัจจุบันนี้เจ๊กเขาขายเมล็ดพืชให้ชาวนาแล้ว เขาเร็วมาก ผมอยากให้เราเลียนแบบเขา เขาปลูกถั่วแล้วเก็บไว้ขายให้เรา นี่คือคนจีน ไม่มีความจนในคนขยัน

สติกขวีโร สูตรปุ๋ยอาจารย์อุดมเป็นสูตรพืชสด คนจีนสร้างดินโดยวิธีปลูกพืชตระกูลถั่ว ไถกลบ มันจะเป็นปุ๋ยในตัว นอกจากนั้นจะมีสูตรจากหมอเขียว อยากจะให้ฟังภาพรวมของสูตรทั้งหมด



หมอเขียว
จากประสบการณ์ในการทำเรื่องไร้สารพิษ ผมเริ่มทำตั้งแต่ปี ๓๘ ความจริงก็แอบทำมาเรื่อยๆ เพราะว่าเจอทางตันเรื่องของสุขภาพเหมือนกัน ตอนนั้นอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วเจอคนเป็นมะเร็งแล้วก็รักษาไม่หาย

ทีนี้ตัวเองก็ตัดสินใจมาเป็นนักวิชาการอยู่ที่สถานีอนามัย สาธารณสุข ออกมาเพื่อที่จะทำเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น อยู่โรงพยาบาลทำยากเหมือนกัน แล้วเรียนรู้มาเรื่อยๆ

ทุกวันนี้เรื่องปลูกผักไร้สารพิษนี่ไม่ยากแล้ว ทำง่ายมากถ้าเรารู้ว่าจะทำอย่างไร
การปลูกผักไร้สารพิษ หัวใจอยู่ที่ดินดีเท่านั้น มีส่วนประกอบที่สำคัญมากๆอยู่ ๒ ประการเท่านั้นที่ทำให้ดินดี คือ จุลินทรีย์ และอินทรีย์วัตถุ ....
(หมายเหตุ) ลุงคิมก็พูดอย่างนี้

อินทรียวัตถุ คือเศษซากพืชซากสัตว์ ที่มันย่อยสลายได้ง่าย อินทรีย์คือสิ่งที่มีชีวิต อินทรีย์วัตถุคือเศษของสิ่งมีชีวิต คือซากพืชซากสัตว์

เมื่อเราใช้ดินไปจนเสื่อมหมดแล้ว ก็ใส่เคมีลงไป อินทรีย์วัตถุก็ไม่เหลือ วิธีแก้ไขก็ง่าย เอาแค่เอาจุลินทรีย์ไปใส่เอาอินทรีย์วัตถุใส่ลงไป จะต้องใส่ทั้งสองอย่าง

ที่ผ่านๆมา จุลินทรีย์ถูกปั่นหุ้นให้เป็นยาวิเศษ จนลืมอินทรีย์วัตถุ จนใช้จุลินทรีย์อย่างเดียวก็พอ
จริงๆไม่พอ แล้วที่ๆใช้จุลินทรีย์ได้ผล มันงาม มีจริงแต่ที่ตรงนั้นมีอินทรีย์วัตถุอยู่มากแล้ว มันก็ได้ผล แต่ในที่ๆไม่มีอินทรีย์วัตถุ คือดินก้นสระแล้วใส่จุลินทรีย์ยังไงจ้างก็ไม่เกิด แม้จะใส่ปุ๋ยเคมีก็ไม่งามเลย เพราะฉะนั้นจะต้องครบองค์ประกอบ ครบองค์รวม


ในเรื่องของน้ำหมักขยะมีอยู่หลายสูตร

หนึ่งน้ำแม่จากผักหมักจะไปบำรุงต้นอ่อน

อันที่สองน้ำผลไม้หมักหรือน้ำพ่อ ส่วนนี้บำรุงต้น ดอก

ช่วงหลังมีการประยุกต์จากผลไม้มาเป็นถั่วเหลืองด้วย ใช้ถั่วเหลืองแทนผลไม้ได้ผลดี(ของอจ.สมหมาย) เร่งได้ประสิทธิภาพดี

เมื่อข้าวเฝือใบ ก่อนที่ข้าวจะตั้งท้องเอาไปพ่นใส่ แต่ถ้าเอาน้ำแม่ไปใส่ก็จะยิ่งเฝือใบไปใหญ่ ก็ต้องรู้หลักการใช้

สูตรดินหมัก
ช้ได้ผลดีทีเดียว เอาดินดีที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่(ไม่ใช่เอาดินจากป่านะครับ) มีซากพืชซากสัตว์ คือใบทับถมกันมาหลายปี

ส่วนมากเอาจากโคนต้นไผ่ ๑ กก.
ผสมกับรำอ่อน ๑ กก. คลุกเข้าด้วยกัน
ใส่น้ำตาลทรายแดง ๒ ช้อน เอาไปคลุก

พรมน้ำให้ได้ความชื้นพอหมาดๆ แล้วคลุมผ้าทิ้งไว้ใต้ต้นไม้ที่เอามา ในที่ร่ม ๓ วัน เสร็จแล้วมาผสมกับน้ำ ๒๐ ลิตร น้ำตาล ๑ กก. อันนี้เป็นสูตรของดินหมัก หมักไว้ ๗ วันก็ใช้ได้

[size=128น้ำหมักขยะ [/size]ก็คือ
ช้ขยะ ๓ กก. น้ำตาล ๑ กก. น้ำ ๑๐ ลิตร
ทำเหมือนกัน สูตรน้ำหมักขยะใช้ได้ พวกผมก็ทดลองทุกสูตร ก็ใช้ได้ทุกสูตร อยู่ที่ว่าทำหรือเปล่า(ลุงคิมบอกว่า - ทุกอย่างอยู่ที่ใจ)

ในเรื่องของการป้องกัน และการไล่แมลง มันทำได้ ๓ ลักษณะ

(1) สูตรไล่แมลงแบบหมัก ของอาจารย์อุดม หากเราไม่มีครบก็ตัดออกก็ได้ ไปผสมกับตัวอื่นที่แมลงไม่กิน ก็เอามาแทน ไม่มียูคาลิปตัส ใช้สาบเสือ ดาวเรือง หญ้าที่ไม่มีกลิ่นฉุน ก็เอามา

(2) อีกแบบหนึ่ง คือ แช๋ ๑-๓ วัน ที่สวนของผมใช้ส่วนใหญ่ถ้าหมักไม่ทันก็ไม่ได้ใช้ครับ ใช้แช่พืชที่ไล่แมลงได้ ไม่ว่าจะเป็นบอระเพ็ด แช่ ๑-๓ คืน บางทีก็แค่ ๑-๒ ชม.มาทุบๆ แช่แบบมีเทคนิคพิเศษก็คือ แช่เสร็จแล้วเราจะแช่ใส่น้ำซาวข้าว เสร็จแล้วก็เอาไปพ่นเลย
เหมือนใช้น้ำนม พืชจะออกดอกออกผลได้ดี อันนี้ก็เป็นเทคนิค

(3) หรือจะแช่ใส่น้ำธรรมดาก็ได้ ๑-๓ วันก็เอาใส่พ่นแมลงได้ สูตรนี้ไม่ต้องรอนาน ยิ่งจะให้ใช้เร็วก็เอาไปต้ม เอาตัวที่ไล่แมลงได้ทั้งหมดไปต้มแล้วไปพ่นไล่แมลง ก็ใช้ได้เหมือนกัน เป็นทิศทางอยู่ ๓ ลักษณะที่เราจะใช้แบบไร้สารพิษ

เมื่อเราทำหมักเป็น ก็เป็นสูตรปุ๋ยหมักสูตรต่างๆ มี ๒ สูตรหลักๆที่เราเรียนรู้กัน คือ

สูตรที่ ๑ ใช้ทั่วๆไปสำหรับคนมีเงิน ก็จะมีแกลบดิบ หรือแกลบเผา ๑ ส่วน มีรำอ่อน ๑ ส่วน มูลสัตว์ หรือกากถั่ว ๑ ส่วน มาคลุกเข้าด้วยกัน ผสมจุลินทรีย์รดเข้าไปให้ได้ความชื้น ๔๐-๖๐ % ที่เราเรียนรู้กัน มูลสัตว์หรือกากถั่วอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ใครจะใส่ทั้งสองอย่างก็ได้ โดยสูตรเดิมของเขานี่จะมีเฉพาะแกลบดิบ รำอ่อน มูลสัตว์ พอเรามาประยุกต์ก็จะมีกากถั่ว แกลบเผาด้วยถ้ามี ก็จะใช้ได้ผลดี อัตราส่วน ๒๕-๒๐๐ กก.ต่อไร่ถ้าใส่นาข้าว ถ้าถามว่าใส่มากใส่น้อยอยู่ที่ดินของเรา ดินดีก็ใส่น้อยลง หากดินไม่ดีก็ใส่มากหน่อย

สูตรที่ ๒ เป็นสูตรที่คิดค้นขึ้นมาและทดลองมามาก ชาวบ้านเอาไปทดลองใช้แล้ว ได้ผลดีมาก แล้วที่สวนเองก็ใช้สูตรนี้ เพราะไม่ต้องซื้อรำอ่อน แต่ใครสามารถซื้อมาใส่ก็ดี แต่มันค่อนข้างแพง ก็มาใช้สูตรนี้ ต้องใช้ความขยัน

ส่วนผสมก็มี
(1)แกลบเผาหรือขี้เถ้า ๑ ส่วน มันจะทำหน้าที่เป็นด่างที่ไปล้างสภาพความเป็นกรดที่เราใส่ปุ๋ยเคมีมาก ใช้แค่ส่วนเดียว ที่ใช้น้อยเพราะว่าถ้าใส่มากจะเค็มมาก จะไปกัดพืชทำให้พืชเสียหาย

ถ้าเราสังเกตภูมิปัญญาโบราณ ถ้าเขาเผากองเศษพืชต่างๆ ถ้าเราต้นไม้ไปปลูกตรงกลางมันจะไม่งาม แต่ถ้าปลูกรอบๆมันจะงาม แสดงว่ามันไม่ต้องการขี้เถ้ามาก แกลบเผาพืชไม่ต้องการมากหรอก นิดหน่อยก็พอ ไม่ต้องถึง ๑ ส่วนก็พอ ไม่มีก็ไม่ต้องใช้ เพราะในป่าจริงๆไม่มีขี้เถ้า ไม่มีแกลบเผา ในป่าจะมีแต่พืชสด

(2) แกลบดิบ ๓ ส่วนเพื่อจะให้โครงสร้างของดินหลวมๆ เวลามันเปื่อยก็จะกลายเป็นปุ๋ย แต่เราไม่ได้หวังปุ๋ยจากมันเร็ว เพราะมันเปื่อยช้า ใช้แค่ไม่ให้โครงสร้างของดินแน่นเกินไป ให้ได้ระบายอากาศได้ดีขึ้น อัตราส่วนนี้เป็นอัตราส่วนที่ใช้ทั่วๆไป ได้ผลดี ปรับเปลี่ยนได้ตลอด

(3) ที่สำคัญคือพืชสดสับละเอียด ๑๐ ส่วน เพราะผมจะเน้นในเรื่องของสาบเสือ มาทดลองแล้วหมักปุ๋ย (ต้นสาบเสือภาษาอีสานต้นร้องห้าง ต้นเทิน) เวลาเรามีบาดแผลมาเคี้ยวแล้วแปะ ต้นฝรั่งก็ใช่ ใช้พวกนี้สับละเอียด

เฉพาะสาบเสือตัวเดียวมาปั่นละเอียด ทิ้งไว้ ๔ วันจุลินทรีย์จะเดินเต็ม แล้วจะเปื่อยเน่า โดยไม่ต้องใช้น้ำหมักก็ได้

พืชสดที่ดีก็จะมีสาบเสือ ถั่ว งา แล้วก็พืชอื่นๆที่เน่าเปื่อยไว แต่หญ้าคาจะแห้ง ไม่เปื่อย ชาวบ้านจึงเอามามุงเฉียงนา

สรุปแล้วเราต้องเลือกใช้ ช่วงที่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยไว ต้องเลือกที่มันเปื่อยไว ที่ผมทดลองแล้วใช้สาบเสือ ทดลองปลูกคะน้าได้ยอดดอกสูงแค่คอ ใบได้สูงแค่เข่า ใบเท่าใบบอน ไม่เท่าของอาจารย์อุดมได้เท่าหัว

ผมทดลองในถั่ว พริก มะเขือ ข้าว ปรากฏว่างามทั้งหมดเลย ปลูกมะเขือมันแตกกิ่งตั้งแต่โคนขึ้นมาเลย แตกกิ่งไปทั่วเลย แตกตั้งแต่โคนขึ้นมา ปลูกประมาณไร่หนึ่ง
หลังจากใช้พืชสดสับละเอียด มันจะมีข้อดี ถ้าเป็นสาบเสือหรืออะไรฉุนๆ มันจะไล่แมลงได้ด้วย แล้วเปื่อยไวด้วย

แล้วจะมีมูลสัตว์ ๑๐ ส่วนถ้ามี ส่วนของสวนผมไม่ได้ใช้ แต่ชาวบ้านที่มาเรียนรู้เขาจะมีมูลสัตว์อยู่แล้ว ทดลองคลุกสูตรนี้ใช้จุลินทรีย์รดไปใช้กับข้าว งามมากเลย ไม่ต้องซื้อปุ๋ยเคมี

ชาวบ้านเขารวมตัว ๘ คนผลิตวันหนึ่งได้เป็นตัน มันจะมีเครื่องปั่นตัวอย่างอยู่ที่นี่ อยู่ที่โรงปุ๋ย เครื่องละ ๔๐๐๐ บาท ใช้ทั้งหมู่บ้านเลย

ถ้าจะให้ได้ผลมากขึ้น สูตรนี้จะไม่มีรำอ่อน แต่ถ้าใครมีรำอ่อนจะใส่ก็ดี ที่ไม่มีรำอ่อนเพราะผมจะใช้น้ำซาวข้าวหรือน้ำแช่ถั่วรดกองปุ๋ยแทนรำอ่อน เพราะน้ำซาวข้าวทิ้งค้างคืน จะมีวิตามินอะไรก็ออกมาเยอะพอสมควรแทนรำอ่อน

ต่อไปกลับไปทำธนาคารน้ำซาวข้าวได้แล้ว เก็บทุกวันๆ ผมก็เอาถังไปที่บ้านชาวบ้าน เพราะเขาทิ้งทุกวันอยู่แล้ว ก็มารดกองปุ๋ยตลอดเวลา

แต่ถ้าไม่มีน้ำซาวข้าว ไม่มีรำอ่อน ก็ไม่เป็นไร ก็ใช้น้ำธรรมดาได้ เพราะประสิทธิภาพเขาสูงอยู่แล้ว ถ้าเกิดมีปัญหาว่าพืชที่เราปลูกลงไปมันโตช้า วิธีแก้คือเอาน้ำซาวข้าวหรือน้ำแช่ถั่วไปรดเลย

หรือเอาน้ำยูเรียแบบไม่ต้องซื้อ ใช้ยูเรียแบบในตัวเรา คือปัสสาวะผสมเลย
ใส่สัก ๑-๒ แก้วต่อน้ำ ๒๐ ลิตรไปรด จะงามมาก ผมทดลองทั้งน้ำซาวข้าว น้ำแช่ถั่ว และน้ำยูเรีย ใช้ได้ผลทั้ง ๓ อย่าง ในการเพิ่มประสิทธิภาพ

ปุ๋ยพืชสดที่ดี มีทั้งสาบเสือ ถั่ว งา และพืชอื่นๆที่เน่าเปื่อยเลย จะมีวิธีสังเกตว่ากองปุ๋ยที่ใช้ได้ดีหรือไม่ได้ดีเมื่อคลุกน้ำซาวข้าวเข้าไปแล้ว กี่วันถึงจะใช้ได้.....๔ วันถึงจะใช้ได้ โดยดูตรงที่ว่ามันเย็นแล้ว เพราะเราต้องพลิกกลับกองได้ แต่ถ้ามันร้อนจนต้องกระชากมือออกมายังใช้ไม่ได้ ไปลงในพืชจะเฉาหมด เชื้อราจะขึ้นหรือไม่ก็ได้ แต่ส่วนใหญ่ราสีขาวจะขึ้นเต็ม ใช้ได้ ถ้าจะให้ดีเอามือไปล้วงดู อุ่นๆก็ใช้ได้ แต่ร้อนใช้ไม่ได้

พืชสดจะดีกว่ามูลสัตว์ ตรงที่ว่าไม่ต้องผ่านลำไส้สัตว์(ลุงคิมก็พูดบอกแบบนี้) เพียงแต่ว่าจะมีวิธีใดให้เขาละเอียดได้ไวขึ้น เขาจะมีสารอาหารเยอะ แล้วใส่จุลินทรีย์ลงไป

ที่จริงมูลสัตว์ สัตว์ก็กินพืชเข้าไป ส่วนหนึ่งไปเป็นตัวสัตว์ กากก็จะออกมาพร้อมกับจุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้ เราก็ผลิตจุลินทรีย์ไปใส่ซะเลย จริงๆเรานั่นแหละทำมูลสัตว์เอง เอาจุลินทรีย์ไปใส่แทน ไม่ต้องผ่านท้องสัตว์ก็จะได้ปุ๋ยสะอาดมีประสิทธิภาพสูง
เหมือนกับอจ.อุดมว่า

ที่น่ากลัวตอนนี้คือมูลไก่กับมูลหมูหลายที่ไปทำเริ่มประสบกับปัญหามูลไก่กับมูลหมูมาก ช่วงหลังมาพืชเริ่มเป็นโรค เราจึงพยายามไม่ใช้พวกนี้ ถ้าใช้ก็เป็นมูลวัวมูลควายจะดีกว่า แต่ถ้าไม่ใช้ได้เลยดีกว่าที่สุด และปลอดภัยกว่าที่สุด แต่ใครมีก็ใช้ไปเถอะในส่วนมูลวัวมูลควาย

ในส่วนวิธีใช้ที่ให้มีประสิทธิภาพเร็วจะมีอยู่ ๒ ลักษณะ
๑. เอาไปชงไว้ก่อนในที่ๆเราอยากจะปลูกอะไรลงไป ชงไว้แล้วก็รดน้ำ ๑ สัปดาห์ แล้วก็เอาไปใช้
๒. อีกวิธีหนึ่ง คือเมื่อเราไปปลูกเอาไว้แล้วเราจะไปใส่เพิ่ม ควรจะมีการพรวนดินรอบๆสักนิดหนึ่ง แล้วใส่พวกนี้ลงไปเอาดินกลบ เรียกว่ายังไงก็ได้ ให้ดินเปื่อยไวลงไปสู่พื้นดินได้ไว ให้ดินกลบเอาวัชพืชคลุม จะเอาฟางคลุมก็ได้ ในเรื่องนี้จะช่วยให้ประสิทธิภาพของปุ๋ยเร็วขึ้น ดีกว่าที่เราจะไปวางไว้เฉยๆแล้วให้เขาซึมลงเอง เพราะสังเกตใบไม้ที่ดินกลบจะเปื่อยไว ก็จะลงรากพืชได้ไวในส่วนนั้น

(3)
อาจารย์นักบุญ
ผมขอเสริมนิดหนึ่ง แต่ก่อนผมมีปัญหาว่าจะปลูกพืชจะทำยังไงถึงจะมีปุ๋ย ตอนนี้คำตอบมาแล้ว ไม่ยาก แต่ก่อนจะทำปุ๋ยได้ ต้องทำจุลินทรีย์ก่อน หมักจุลินทรีย์ทำยังไง มีปัญหาเรื่องน้ำตาล เดี๋ยวนี้ไม่ต้องใช้น้ำตาลแล้ว

เพราะผมทดลองไปครั้งแรก
ใช้น้ำตาลทรายแดง ๑ กก. ขยะ ๓ ส่วน แล้วก็น้ำ ๑๐ ส่วน
แต่ขณะนี้พอทำไปๆ ผมเอาน้ำซาวข้าวใส่ลงไป แล้วก็ใส่ข้าวแห้ง ที่เรากินเหลือ ข้าวเหนียว ข้าวเจ้า เพราะข้าวจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล แป้งจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล

ตอนนี้เจอคำตอบแล้ว ต่อมาผมไม่ใช้น้ำตาลเลยเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว ผมทำทุกอาทิตย์ แต่น้ำซาวข้าวเทลงไปทุกวัน ข้าวที่เหลือในหม้อขูดลงไป มันจะเปลี่ยนจากแป้งเป็นน้ำตาลทันที จากคาร์โบไฮเดรทมันจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล เพราะฉะนั้นมันจะขึ้นฝ้าทันทีเป็นกลูโคลส เป็นอะไรก็แล้วแต่ขอให้เป็นจุลินทรีย์ก็แล้วกัน

ได้คำตอบแล้ว หลายเดือนแล้วที่ผมไม่ได้ใช้น้ำตาลเลย ทำครั้งแรก ๆ แต่อย่าตักหมด ให้มันขึ้นมาเกือบเต็มแล้วช้อนใส่ถังที่เตรียมไว้ที่จะทำจุลินทรีย์ คราวนี้เชื้อมันยังมีอยู่ เราก็เอาเศษผักต่างๆลงไปๆ เอาน้ำซาวข้าวใส่ลงไป พอมันเต็มเราก็ตักออกใส่อันใหม่ แต่อย่าเทหมด เพราะเชื้อมันยังอยู่ ไม่ได้ใส่น้ำตาลเลย เจอคำตอบแล้ว อาทิตย์หนึ่งเต็มหมด

เศษอาหาร เปลือกผลไม้เราเอาลงถังหมด แล้วอะไรก็แล้วแต่ คนเข้าด้วยกัน ไม่มีกลิ่นเหม็นเลย ไม่ต้องใส่น้ำตาลเลย ไม่มีหนอน เสร็จแล้วเอาไปทำปุ๋ย ไม่ยาก

แต่ก่อนมีปัญหาต้องขี้วัวขี้ควาย ใบไม้ร่วงลงมา ได้หญ้ามา ผมเอาสับๆใส่เข้าด้วยกัน แต่ดีที่สุดคือใบสาบเสือกับสาบแร้งสาบกา เพียง ๓ วันเดินเชื้อขาวเลย คนไปเป็นปุ๋ย
ผมใส่แกลบดำ ๑ ส่วน แกลบขาว ๒ ส่วน เอาดินมาช่วย ๑ ส่วน เสร็จแล้วเอาขยะ เกี่ยวอะไรมาได้ไม่ว่าจะเป็นสาบเสืออะไรก็ได้มาหมด ใส่ลงไป ชงใส่กัน ไม่เกินอาทิตย์หนึ่งได้ใช้เลย โดยเฉพาะสาบเสือกับสาบแร้งสาบกา ชั้นยอดเลย

เพราะฉะนั้นไม่ต้องใส่น้ำตาลแล้ว ขอให้มีข้าว โดยเฉพาะวัดใดที่มีข้าวแห้ง สุดยอด น้ำมวกบ้านเราทุกหลังคาขอเขา เวลาทำปุ๋ยไม่ยาก มีปัสสาวะก็ใส่ลงไป แต่ผมไม่ผสมสองต่อหนึ่งบัว ผมผสมน้ำมวกปนขยะ ชั้นยอดเลยครับ เพราะฉะนั้นสวนเราเกิดหญ้าก็เกี่ยวๆก็เอามาสับใส่เลย ไม่ต้องไปซื้อที่ไหน ในสวนของเรานี่แหละ หญ้าขึ้นก็ตัดมาสับใส่เลย รถไถที่ไถหญ้าเราก็เอามาชงใส่กันเลย เรียบร้อยนี่คือคำตอบ ทดลองทำพืชผักงามมาก ผักบุ้งตอนนี้กำลังงาม ชั้นยอด

เพราฉะนั้น รสจะเปรี้ยว ไม่เหม็น เหมือนทำเหล้าเลย ข้าวไม่ต้องใส่มากหรอกครับ ข้าวแห้งเป็นตัวเชื้อ ข้าวเหนียวจะดีกว่าข้าวเจ้า ไม่ได้กำหนดเลยครับเศษอาหารที่เหลือใส่ลงไปเลยครับ ไม่ต้องทิ้งอะไรเลย ยกเว้นถุงพลาสติก

ไม่ต้องมีสูตร คือมีอะไรใส่ลงไปหมดเลย เพราะมันย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยหมดเลย ไร้กระบวนท่า แต่ดีที่สุดคือสาบเสือ เพราะมันย่อยเร็วที่สุด นอกนั้นก็ตามมีตามเกิด สาบเสือย่อยเร็วมันก็จะเป็นอาหารก่อน พวกแกลบย่อยที่หลังก็กินทีหลังจะกินได้นาน ก็คิดว่าไม่ต้องใส่น้ำตาลก็ได้ ขอให้มีข้าวเท่านั้น

สาบเสือเอามาสับก็จะเปื้อนมือ เล็บจะเปื้อน ใส่ถุงมือยางป้องกัน ตามถนนมีมากมาย เราไปเกี่ยวเอามาเลย ใบเป็นขน ไม่เกิน ๓ วันย่อยหมดเลยครับ ถ้าหากมีกลิ่นเหม็นก็เติมน้ำตาลลงไปได้ แต่ถ้าไม่มีกลิ่นก็ไม่ต้องเติมน้ำตาลเลย

ที่เสนอมาทั้งหมด ทุกอย่างเหมือนที่ลุงคิมพูดบอกไว้เลย...
....ดินต้องมาก่อน ๆ ๆ ๆ ...
... จุลินทรีย์ กับอินทรียวัตถุ เปรียบเหมือนเลือดสุพรรณ มาด้วยกันต้องไปด้วยกัน




เขียนแล้ว มันส์ ...ยังมีอีกแยะ แต่ยาวมากแล้ว คงไม่มีใครเข้ามาอ่าน.....อ่านคนเดียวก็ได้ (วะ) จบครับ



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
anonsoneel
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 08/01/2013
ตอบ: 44

ตอบตอบ: 23/04/2014 1:37 pm    ชื่อกระทู้: อีีกหนึ่งที่ติดตามอ่าน ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ไหว้สา สวัสดีครับคุณลุงคิม อ้ายหนานแดง
ได้ความรู้เยอะเลยครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
cherm
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011
ตอบ: 237

ตอบตอบ: 23/04/2014 3:05 pm    ชื่อกระทู้: อยู่ตรงนี้อีกคน ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีค่ะ ลุงคิม
สวัสดีค่ะ ทิดแดง และ สมช.ทุกท่านค่ะ


อยู่ตรงนี้อีกคน ที่อ่าน ครับทิดแดง

ยัยเฉิ่ม เจ้าค่ะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 23/04/2014 8:05 pm    ชื่อกระทู้: อจ.อุดมฯ ปลูกกะหล่ำปลีหนักหัวละ 5 กิโล ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อนสมาชิกทั้งหลายหลาก

เพื่อให้เรื่องของ อจ.อุดม ศรีเชียงสา ครบถ้วนสมบูรณ์ ผมก็มีรูปของท่านมานำเสนอด้วย (อจ.อุดม ฯ ท่านเป็นครูจริง ๆ ครับ)คนบ้าอะไรปลูกกะหล่ำอินทรีย์หนักหัวละ 5 กิโลกรัม อ่านเรื่องแล้ว กูจะบ้าตาย....





(1) หนังสือที่ อจ.อุดมเขียนและพิมพ์ออกจำหน่าย....ไปหาดูเหอะ หาให้ตายก็ไม่มีวันเจอ เพราะขายหมดไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว มั๊ง






(2) นี่แหละครับกะหล่ำหัวละ 5 กิโล ของ อจ.อุดม ฯ 200 หัวหนัก 1 ตัน ต๊าย ตายยยยยยย....





(3) อจ.อุดมฯ อยู่กลุ่มราชธานีอโศก ครับ






(4) สองคน ตา ยาย อจ.อุดมและภรรยา เกษตรประณีต 1 ไร่พึ่งตนเอง






(5) อจ.เคยพูดถึง ปลูกข้าวอินทรีย์ได้ไร่ละเกือบ 200 ถัง แต่ อจ.ก็ไม่เคยบอกให้ฟังแบบ จะ ๆ ...แค่ปลูกกะหล่าหนักหัวละ 5 กิโล คนเค้าก็หาว่าผมบ้าแล้ว.. ถ้าบอกว่าปลูกข้าวได้ไร่ละเกือบ 200 ถัง ผมก็ยิ่งบ้าหนักเข้าไปซีคุณ....


ความจริงมีเรื่อง หนุก ๆ แบบ บ้า ๆ อีกยาวววว แต่ขอจบแค่นี้ก็แล้วกันนะครับ

ความจริง ผมมีเบอร์โทรของ อาจารย์ ...แต่ ไม่รู้ว่าเอาเก็บไว้ที่ไหน หาไม่เจอ..


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©