-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-เรียนเป็นศาสตร์-สอนเป็นศิลป-ผลเป็นปรัชญา....ขอจารึกไว้ในแผ่นดิน
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - เรียนเป็นศาสตร์-สอนเป็นศิลป-ผลเป็นปรัชญา....ขอจารึกไว้ในแผ่นดิน
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

เรียนเป็นศาสตร์-สอนเป็นศิลป-ผลเป็นปรัชญา....ขอจารึกไว้ในแผ่นดิน

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/10/2015 6:02 pm    ชื่อกระทู้: เรียนเป็นศาสตร์-สอนเป็นศิลป-ผลเป็นปรัชญา....ขอจารึกไว้ในแผ่น ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.

.... เรียนเป็นศาสตร์ สอนเป็นศิลป์ ผลเป็นปรัชญา ....

สาระเรื่องราวต่อไปนี้คือ "คำพูด" ที่เล่าสู่ฟัง ต่อ สมช.ที่ไปที่ไร่กล้อมแกล้ม
ผ่าน Flowchart ที่เป็นเสมือนสื่อการสอน ที่กรองออกมาจากลึกสุดของใจ

คนเล่า ........ เล่าแล้ว
คนฟัง ......... ฟังแล้ว

คนเล่า ต้องการให้คนฟังทำ ทำใช้ทำขายทำแจกทำเททิ้ง
คนฟัง ต้องการรู้เรื่อง รู้แล้ว ไม่ทำไม่ถามไม่ออกความเห็น

คนเล่า ไม่รู้ว่า ที่เล่าไปแล้วนั้น น่าสนใจหรือมีประโยชน์ หรือไม่
แม้ไม่น่าสนใจและไม่มีประโยชน์ เพราะไม่มี FEEDBACK เลย
ก็ขอเพียงเพื่อ "จารึกไว้ในแผ่นดิน" ก็พอ


------------------------------------------------------------------------



วัตถุดิบหลักในการทำ "ปุ๋ยน้ำชีวภาพ สูตรระเบิดเถิดเทิง"


คลิกที่ภาพ เพื่อดูภาพขนาดใหญ่ขึ้น :


1.
กุ้งกั้งหอยปลาปูงูหมึก สดใหม่จากทะเล งานนี้ต้องสั่งขาประจำตั้งแต่ก่อนออกทะเล
ให้เขากั๊กไว้ให้ ก่อนที่เรือจะส่งให้โรงงานตามออร์เดอร์ .... สั่งวันนี้จะได้เมื่อไหร่ไม่รู้
เพราะจะออกทะเลได้วันไหนไม่รู้ ออกทะเลแล้วจะกลับเข้าฝั่งวันไหนก็ไม่รู้อีก เพราะเป็น
ฤดูมรสุม ต้องดูคลื่นลมในทะเลด้วย อย่าคิดว่า มีเงินก็ซื้อได้ มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นนะ....

ง่ายนักหรือ กับการที่ฉันลืมเธอ ..... มันง่ายเสมอ สำหรับคนใจหิน
ค่ามันต่าง ห่างกันราวฟ้ากับดิน ..... รักเกิดจากปลายลิ้น กับรักที่มาจากใจ




2.
จำแนกแจกแจงออกมาจะจะ ว่าอะไรบ้าง อย่างละเท่าไหร่ในปริมาณทั้งสิ้น 500 กก.
สั่งน้อยกว่านี้ไม่รับ เพราะเสียเวลา เสียออร์เดอร์ ทุกอย่างขึ้นมาจากก้นท้องทะเลทั้งนั้น สั่ง
ไว้ว่าอะไรที่มีชีวิตจากท้องทะเลลึกทะเลตื้นเอาหมด ขาดตัวสำคัญ "ลิ้นทะเล" ไซโตไคนิน
เพราะหน้ามรสุมลิ้นทะเลไม่มี จะมีก็ตอนหน้าแล้งเท่านั้น

เท่าที่คนเกิดเขาสามยอด เรียนจบเขาน้ำโจร อยู่ลพบุรี พึงรู้จักชื่อสัตว์ทะเลก็แล้วกัน
เท่าที่รู้จัก ฉลาม งู ปลาไหล ปลาตีน กุ้ง กั้ง ปู กะเบน หอยหวาน หอยเชลล์ ปักเป้า
กะพง ดุก หมึก กะตัก แค่นี้แหละ..



3.
นี่แหละ "ฉลาม" คู่กับ งู ปลาไหล



4.
ตัวนี้ "กระเบน" บินเดี่ยว โฉบเฉี่ยว ฉวัดเฉวียน



5.
"ยัยรำพึง" เมียตาล่า แม่เจ้าบอมบ์ สมช.กลุ่มสีสันชีวิตไทย คบกันมาแค่ 10 (+) ปี
สอนแค่นับหนึ่ง วันนี้นับต่อได้ล้านแล้ว ลงทุนซื้อที่ปลูกไผ่รวกให้น้องเอาไว้สร้างอนาคต

เป็นธุระจัดการออร์เดอร์ปลาให้ สำรองจ่ายไปก่อน เท่าไหร่เท่านั้น ไม่ต้องต่อราคาเขานะ
ลุงคิมรับผิดชอบค่าปลาแล้วแถมให้ 2,000 ค่าน้ำมันรถ แถม THANK YOU อย่างแรง

ยัยรำพึงบอก "ไม่รับ-ไม่รับ .... ช่วยลุง คือ ช่วยลุง"
ลุงคิมยื่นข้อเสนอใหม่ "2,000 นี้ ให้เจ้าบอมบ์ เข้าบัญชีธนาคารให้เขา บอกว่าจากคุณตา"



6.
สับปะรด สารโบมาเลน ช่วยย่อยโปรตีนจากเนื้อปลา เหนือกว่าจุลินทรีย์ทุกประเภท



7.
ด้วยเวลา 10 นาที ปลาสดรวมมิตร 100 กก. กากน้ำตาล หัวเชื้อน้ำหมักเก่า
ถูกปั่นด้วยโมลิเน็กซ์ยักย์ เมดบายกะเหรี่ยงสวนผึ้ง ละเอียดเป็นน้ำวุ้น เข้มข้นหนืด
ย่นระยะเวลาจุลินทรีย์ได้ไม่น้อยกว่า 3 เดือน


http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4427&sid=3c4dc81d88cb1f2757793be0419cadd7

------------------------------------------------------------------


"ปุ๋ย-น้ำ-ชีวภาพ สูตรระเบิดเถิดเทิง"
แบบ ภูมิปัญญาพื้นบ้าน มาตรฐานโรงงาน มีหลักวิชาการรองรับ

หลักการและเหตุผล :
"ปุ๋ยอินทรีย์" ................. ได้จาก กุ้งหอยปูปลาทะเล เลือดไขกระดูกนมน้ำพร้าวขี้ค้างคาว
"ปุ๋ยเคมี" ..................... ได้จากในกระสอบ สูตรและปริมาณตามต้องการ
"น้ำ" ......................... ได้จากน้ำมะพร้าวโดยตรง
"ชีวภาพ" .................... คือ จุลินทรีย์
"ภูมิปัญญาพื้นบ้าน" ......... คือ ไม่เป็นโรคเอ๋อ แค่พูดรู้เรื่องก็ทำได้
"มาตรฐานโรงงาน" ........... คือ เครื่องทุ่นแรง (เครื่องปั่นโมลิเน็กซ์ยักษ) เมดบายกะเหรี่ยงสวนผึ้ง
"มีหลักวิชาการรองรับ" ...... ใน เอกสาร/ตำรา/งานวิจัย ในประเทศ/ต่างประเทศ นักวิชาการ


ส่วนผสม "อินทรีย์" ในน้ำหมักระเบิดเถิดเทิง :


1.
เลือด ... เลือดด ... เลือดดด .... เลือดดดดดดด....
ในเลือด (มนุษย์ สัตว์) มีธาตุเหลีกและไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบหลัก
เลือด.... ร่างกายมนุษย์และสัตว์ประกอบด้วย น้ำ 70% อินทรีย์สาร 30%
น้ำระเหยไปในอากาศได้ แต่อินทรีย์สารไม่ระเหย (วิชาชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์)
นานๆไป น้ำระเหยหายไปหมด ในถังจึงมีแต่กากเลือด เลือดเพียวๆ เหมือนน้ำแกงก้นหม้อ



2.
เลือดได้มาจากโรงฆ่าสัตว์ เลือดสดใหม่ป้องกันแข็งตัวใส่ "เกลือ" แก้ได้
ไม่มีเลือดจากโรงฆ่าสัตว์ ใช้เลือดไก่จากตลาดสดแทน หรือใช้เลือดคนข้างๆ ก็ได้



3.
เลือดเก่าเลือดใหม่ มันก็เลือดเหมือนกัน ไม่ใช่น้ำเลือดเพียวๆ แต่มีเศษซากอย่างอื่น
ที่คนไม่กิน ออกมาจากร่างวัวทั้งตัวอีกแน่ะ....ปุ๋ยทั้งน้านนนนนน



4.
ใส่กากน้ำตาล 3 ล. ใส่น้ำหมักเก่า 5 ล.



5.
ปั่นด้วยโมลิเน็กซ์ยักษ์เท่านั้น เพื่อให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี แค่ไม้พายธรรมดาๆ
ไม่รู้สึกหรอก เพราะกากเลือดที่ก้นถึงทั้งแน่นทั้งข้น



6.
ในขนสัตว์มีธาตุ "ฟอสฟอรัส" สูง .... ส้มผมคน ขนไก่ ก็ตัวเดียวกัน



7.
ปั่นซ้ำ 2-3-4-5 รอบ ตามความพอใจ แต่ละรอบใช้เวลาแค่ 3 นาที แรงงานคนเดียว
นี่แหละ เทคโนโลยีเครื่องทุ่นแรง



8.
"น้ำมะพร้าว" จากโรงงานทำน้ำมันมะพร้าวให้มา วิธีเก็บนานไม่ให้บูด ใส่ "สารกันบูด"
จากเดิม กุ้งหอยปูปลา20กก. +กากน้ำตาล5ล. +น้ำหมักเก่า10ล. สับปะรด2หัว
ใช้พื้นที่ถัง50ล. ว่าแล้ว เติมน้ำมะพร้าว150ล. เต็มพื้นที่ถัง200ล.พอดี
จากนั้นหมักต่อ ช้ามปี 2ปี 3ปี



9.
นมสดตกเกรดจากฟาร์ม +กากน้ำตาล +ยิสต์ สำหรับทำน้ำหมัก



10.
นมสดตกเกรดจากฟาร์ม +กลูโคส +ยิสต์ สำหรับทำไทเป



11.
ขี้ค้างคาว หมักข้ามปี กากจมลงล่าง = O.K. พร้อมใช้งาน



12.
ใส่น้ำมะพร้าวใหม่ๆ หะแรก ส่วนผสมบางส่วนจะลอยขึ้นมาที่ผิวหน้า ทิ้งไว้ระยะหนึ่ง
ก็จะจมลงก้นถังเอง



13.
ระหว่างหมัก "ฟองใหญ่" ถือว่า ยังไม่พร้อมใช้งาน



14.
ฮอร์โมนไข่ไทเป ถังละ 200 ล. พร้อมปรุงต่อสำหรับใช้งาน



15.
อินทรีย์ : จากน้ำหมักกุ้งหอยปูปลาน้ำมะพร้าว180ล.
+เลือด5ล. +ขี้ค้างคาว5ล. +นม5ล. +ไขกระดูก5ล.
เคมี : Mg Zn TE N-P-K
นี่คือ อินทรีย์ เคมี ผสมผสาน



16.
น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 สูตรบำรุงต้น 200 ล.



------------------------------------------------------------------------



"ปุ๋ย-น้ำ-ชีวภาพ สูตรระเบิดเถิดเทิง" แบบ ภูมิปัญญาพื้นบ้าน มาตรฐานโรงงาน มีหลักวิชาการรองรับ ....

หลักการและเหตุผล :

"ปุ๋ยอินทรีย์" ............... ได้จาก กุ้งหอยปูปลาทะเล เลือดไขกระดูกนมน้ำพร้าวขี้ค้างคาว
"ปุ๋ยเคมี" ................... ได้จากในกระสอบ สูตรและปริมาณตามต้องการ
"น้ำ" ....................... ได้จากน้ำมะพร้าวโดยตรง
"ชีวภาพ" .................. คือ จุลินทรีย์
"ภูมิปัญญาพื้นบ้าน" ....... คือ ไม่เป็นโรคเอ๋อ แค่พูดรู้เรื่องก็ทำได้
"มาตรฐานโรงงาน" ......... คือ เครื่องทุ่นแรง (เครื่องปั่นโมลิเน็กซ์ยักษ) เมดบายกะเหรี่ยงสวนผึ้ง
"มีหลักวิชาการรองรับ" ..... ใน เอกสาร/ตำรา/งานวิจัย ในประเทศ/ต่างประเทศ นักวิชาการ



1.
WHITEBROAD ปรับปรุงข้อมูลใหม่ UPDATE ล่าสุด ติดอยู่ข้างฝาโรงงาน ไปเมื่อไหร่ เจอเมื่อนั้น ....

จะรอ จอรอ จะรอขวัญใจ ..... จะช้าอย่างไร จะนานเท่าไร ไม่หวั่น
จะปวด ใจร้าว โศกศัลย์ ...... จะเจ็บใจช้ำจาบัลย์ ชั่วนิจนิรันดร์ จะคอย

วิธีสอนวันนั้น :
- ใช้ข้อความ SHOTWORD ที่บันทึกไว้บนบอร์ด มาขยายความเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น
- ถาม/ตอบ ปัญหา ทั้งจาก SHOTWORD และที่เกี่ยวเนื่อง
- ชี้ให้เห็นปัญหาและวิธีแก้ปัญหา เมื่อคิดจะทำเอง
- 20 ปีที่ผ่าน ยืนยันว่าใช้ได้ผล เพราะคนที่ซื้อไปคงไม่เอาไปเททิ้ง
- รักเกษตร หนีเรื่องนี้ไม่พ้นแน่ เหลือแต่ ทำใช้/ทำขาย/ทำแจก

* ทันทีที่คุณก้าวลงจากรถจะได้ยินเสียงลุงคิมพูดพูดพูด และพูดจนก้าวสุดท้ายขึ้นรถกลับบ้าน
ที่พูดทั้งหมดนั้น ไม่ใชเรื่องที่คุณอยากรู้ ไม่ใช่เรื่องที่คุณไม่รู้ แม้จะเป็นเรื่องเกษตรก็เถอะ
เพราะ คุณไม่ถาม คุณไม่พูด คุณไม่บอก เพราะฉะนั้นงานนี้ อยากรู้อะไร ถาม. ไม่รู้อะไร ถาม



2.
ชื่อนั้นสำคัญไฉน "ระเบิดเถิดเทิง" คือ BRANDNAME หรือชื่อการค้า หรือชื่อยี่ห้อ

ต้นไม้ต้นพืช ไม่รู้จักชื่อยี่ห้อ รู้จักแต่ส่วนผสมเนื้อในเท่านั้น
ต้นไม้ต้นพืช ไม่ฟังโฆษณา คนนั่นแหละเจ้ากี้เจ้าการ ถามเองตอบเองทั้งนั้น
มีความรู้แค่โฆษณา .... คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ คำโฆษณาไม่เป็นว่า ใช่หรือไม่ใช่



3.
ราชการบอกว่า "ชื่อ" อะไรก็ได้แต่ "ห้าม" มีคำว่า "ปุ๋ย" เพราะเปอร์เซ็นต์เนื้อปุ๋ยมีน้อย

ปุจฉาวิสัชนา :
เปอร์เซ็นต์ปุ๋ยน้อย ใส่เพิ่มให้ได้เปอร์เซ็นต์ตามต้องการ ........... เรียกว่า ปุ๋ย ได้ไหม ?
หว่านปุ๋ยลงไปที่ดิน รดตามด้วยน้ำหมักฯ สองอย่างรวมกันที่ดิน ... เรียกว่า ปุ๋ย ได้ไหม ?



4.
วัตถุประสงค์ในการทำ คือ ให้ได้ "ปุ๋ย" เพราะปุ๋ย คือ อาหารและส่วนประกอบอื่นๆที่จำเป็นต่อพืช

ปุ๋ย ประกอบด้วย N-P-K-Ca-Mg-S-Fe-Cu-Zn-Mn-Mo-B-Si-Na-ฮม-จุลินทรีย์
ปุ๋ยอินทรีย์ : มาจากซากพืชซากสัตว์ ที่ผ่านกระบวนการเอ็นไซม์โดยจุลินทรีย์
ปุ๋ยเคมี : มาจากซากฟอสซิล ที่ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ทางอุตสาหกรรม

ทั้งปุ๋ยอินทรีย์ และ ปุ๋ยเคมี ต่างก็มี "ข้อดี/ข้อด้อย" ประจำตัว
ทางเลือกที่ดี คือ ใช้ทั้งสองอย่าง ร่วมกันตามความเหมาะสม

วัสดุส่วนผสม (อินทรีย์) กุ้งหอยปูปลาทะเล หมักรวม, เลือดไขกระดูกนมน้ำพร้าวขี้ค้างคาวหมักแยก
ทุกตัวที่ต่างกันย่อมมีโครงสร้างทาง "เคมีชีว" ต่างกัน และโครงสร้างทางเคมีชีวหมายถึง "ธาตุ"
(สารอาหาร) ที่มีอยู่ในวัสดุส่วนผสมนั้น

ธาตุอาหาร คนสัตว์พืช คือ ตัวเดียวกัน ต่างกันที่โครงสร้างทางเคมี (โมเลกุล) เท่านั้น
ชัดเจนที่สุด คือ เปรียบกับอาหารคน ... คนกินอะไร ? แล้วร่างกายได้อะไร ?

ที่นี่ กุ้งหอยปูปลา+กากน้ำตาล+น้ำหมักเก่า รวม 50 ล. ที่เหลือเเป็นน้ำมะพร้าว 150 ล. รวม 200 ล.
ปกติสารอาหารอินทรีย์มีน้อยอยู่แล้ว เติมน้ำเปล่าลงไป สารอาหารยิ่งเจือจางลงอีก ลงท้ายไม่ได้อะไรเลย



5.
คนสัตว์กินอาหารแล้วมีกระเพาะช่วยย่อย พืชไม่มีกระเพาะต้องอาศัยจุลินทรีย์ช่วยย่อย

เพราะพืชกินธาตุอาหารที่เป็นของเหลว ด้วยวิธีการ "เมทาบอลิซึม"
การรอให้วัสดุเปื่อยยุ่ยจนเป็นน้ำวุ้นได้ ต้องใช้ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน

วิธีทำ :
"บด" : กุ้งหอยปูปลา 20 กก. บดด้วยเครื่องโมลิเน็กซ์ยักษ์ 20 นาที เหลวเป็นน้ำวุ้น
"กากฯ" : กากน้ำตาลใส่ครั้งแรก 3-5 ล. เจตนาใส่น้อย กะว่าถ้าไม่พอ ใส่เพิ่มทีหลัง ถ้าใส่เกินจะ STOP จุลินทรีย์
"จุลินฯ" : จุลินทรีย์กลุ่มย่อยสลายสัตว์ทะเลโดยเฉพาะ มีอยู่ในน้ำหมักเก่า
- จุลินทรีย์ก้นถังเป็นจุลินทรีย์ไม่ต้องการอากาศ มีพลังในการย่อยสลายเหนือกว่าจุลินทรีย์ต้องการอากาศ
- ในถังหมัก ไม่มีหนอน ไม่มีแมลงวัน ไม่เหม็นเน่า แสดงว่าจุลินทรีย์ดี

"โบมาเลน" : ธาตุธรรมชาติมีในสับปะรด ประสิทธิภาพช่วยย่อยสลายโปรตีนจากสัตว์โดยเฉพาะ

"หมัก" : ถังหมักไม่ปิดฝา เพื่อให้จุลินทรีย์ที่ปากถังได้รับอากาศ คนปากถังอาทิตย์ละครั้ง
หมัก 3 เดือน ได้ .................. ธาตุหลัก
หมัก 6 เดือน ได้ .................. ธาตุรอง
หมัก 9 เดือน ได้ .................. ธาตุเสริม
หมักข้ามปี หลายๆปี ได้ ............ ฮม.

รูปลักษณ์ :
"สี" : สีน้ำตาลไหม้หรือดำตามกากน้ำตาล
"กลิ่น" : ไม่ใช่หอมเพราะไม่ใช่น้ำอบไทย แต่เป็นกลิ่นเฉพาะตัวที่รับได้ ไม่เวียนหัว
"กาก" : หมักใหม่จะลอยขึ้นมาที่ปากถัง หมักนาน (3 เดือน) จะจมลงก้นถังแล้วอยู่อย่างนั้นจนใช้งาน
"ฝ้า" : เป็นกลุ่มแบคทีเรียที่ตายแล้ว อยู่ปากถัง คนแล้วหาย
"ฟอง" : ฟองละเอียดดี พร้อมใช้.... ฟองหยาบไม่ดี ยังไม่พร้อมใช้

"ใช้" : น้ำหมักชีวภาพฯ มีโครงสร้างโมเลกุลใหญ่ ผ่านปากใบไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องให้ทางดินเท่านั้น




6.
ธาตุอาหาร (อินทรีย์) จากวัสดุส่วนผสม N P K Ca Mg S Fe Cu Zn Mn M0 B Si Na
ฮม.จากสัตว์ทะเล ได้แก่ ฟลาโวนอยด์, ควินนอยด์, โพลิตินอล, โกรวท์ฮอร์โมน, โอเมก้า 3,


http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=1749
แหล่งธาตุอาหารธรรมชาติจากพืช...

สงสัยสงสัย (1) :
สอนชาวบ้่านให้ทำปุ๋ยแต่ไม่ได้ปุ๋ยเพราะโครงสร้างทาง "เคมีชีว" ของวัสดุที่เอามาทำไม่มีปุ๋ย
ระหว่างทำ หนอนเต็มถัง เหม็นเน่าแปดบ้าน นั่นไม่ใช่เชื้อโรคหรอกรึ ?

(.... ชีวเคมี (Biochemistry) คือ ส่วนประกอบทางเคมีของสิ่งมีชีวิต การเปลี่ยนแปลงของสารจากสารหนึ่งไปอีกสารหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงพลังงานภายในเซลล์ เรียกว่า เมแทบอลิซึม (Metabolism) โครงสร้างของโปรตีน การสังเคราะห์โปรตีน การควบคุมและการแสดงออกของยีน ....)
http://guru.sanook.com/4020/

สงสัยสงสัย (2) :
คนที่ไปสอนชาวบ้าน อ่านหนังสือออก จบปริญญา แต่ไม่รู้เรื่องเคมีชีวเป็นไปได้หรือ ?
สอนทำผิดๆ ใช้แล้วไม่ได้ผล นี่คือ "ส่งเสริม หรือ ต่อต้าน" กันแน่

สงสัยสงสัย (3) :
20 ปีกับงานนี้ ทุกขั้นตอนมีหลักการและเหตุผล มีหลักวิชาการรองรับแต่ไม่มีคนทำตาม
ไม่ทำตามแล้วยังบอกอีกว่า อย่าบ้าตามตาคิมหน่อยเลย ! ปล่อยตาคิมบ้าไปคนเดียวเถอะ !
เดี๋ยวนี้ตาคิมเป้อใหญ่แล้ว !

สงสัยสงสัย (4) :
รอบๆไร่กล้อมแกล้มเอาไปใช้แล้วได้ผล คนข้างบ้านเคยซื้อกิน กินแล้วถามว่าใช้ปุ๋ยอะไร ?
คนใช้บอกว่า "ปุ๋ยลุงคิม" .... คนข้างบ้านย้อนว่า "ตาคิมอีกแล้วเหรอ ?" หมายความว่าไง

สงสัยสงสัย (5) :
รอบๆไร่กล้อมแกล้มไม่สนใจเข้ามาเรียนรู้ บอกว่า "สวนนี้เพื่อนเยอะ" เคยคิดทำกลุ่มปลูกข้าว
เชืญบริษัทรับซื้อมา "พูดคุย/เจรจา/ข้อตกลง" แล้วทำขายส่งบริษัท คำตอบคือ "ตาคิมอีกแล้วเหรอ ?"

สงสัยสงสัย (6) :
สงสัยสงสัย (7) :




7.
หมายถึง ปุ๋ยเคมี หรือปุ๋ยสังเคราะห์ หรือปุ๋ยวิทยาศาสตร์ ที่เจตนาส่งลงไปในน้ำหมักฯ
เพื่อ เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก สารอาหารในน้ำหมักฯ ให้มีมากขึ้นจนพอเพียงสำหรับพืช

ตัวปุ๋ยเคมึหลักที่ใส่ ได้แก่ Mg Zn TE N-P-K



8.
จากหลักโภชนาการระบุ :
ผักผลไม้ มีธาตุอาหาร ......... น้อยกว่าหอยเชอร์รี่ (ในผักผลไม้มี ฮม.มากที่สุด)
หอยเชอร์รี่ มีธาตุอาหาร ....... น้อยกว่าปลาน้ำจืด
ปลาน้ำจืด มีธาตุอาหาร ........ น้อยกว่าปลาทะเล

หมอบอกคนกินเจ กินผักมากๆ จะขาดโปรตีน
ในสัตว์มีกระดูก เลือด ............................ ในผักผลไม้ไม่มี
ในปลาทะเลมี Mg Zn Na OMEGA ........... ในปลาน้ำจืดไม่มี



9.
เคยส่งไปตรวจที่กรมวิชาการเกษตร 3 ครั้ง ผลการตรวจ "ผ่าน" ทั้ง 3 ครั้ง



10. ไม่มีพืชใดในโลกหนีปัจจัยพื้นฐานเพื่อการเพาะปลูก (ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค) ไปได้

ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมี ไม่ใช่ของวิเศษ....
สมการปุ๋ยเคมี:
ปุ๋ยถูก + ใช้ผิด = ไม่ได้ผล
ปุ๋ยผิด + ใช้ถูก = ไม่ได้ผล
ปุ๋ยผิด + ใช้ผิด = ไม่ได้ผล ยกกำลังสอง
ปุ๋ยถุูก + ใช้ถูก = ได้ผล ยกกำลังสอง

สมการปุ๋ยอินทรีย์ :
วัสดุ + วิธีทำ + จุลินทรีย์ + วิธีใช้ = ได้ผล
- ทุกหัวข้อต้อง "ถูกต้อง" ......................... การใช้จึงจะได้ผล
- หัวข้อใดเพียงหัวข้อเดียว "ผิด" .................. การใช้จะไม่ได้ผล



11.
เปรียบเทียบไม้กินผลระหว่าง มะเขือ/พริก กับ ทุเรียน/ลำไย
- พริก/มะเขือ ใช้แบบ ......... อินทรีย์นำ เคมีเสริม
- ทุเรียน/ลำไย ใช้แบบ ........ เคมีนำ อินทรีย์เสริม

- บางครั้งต้องแยกแยะระหว่าง ทุเรียนต้นนี้กับทุเรียนต้นนั้น หรือลำไยต้นนี้กับลำไยต้นนั้น
นั่นคือ ตามความเหมาะสมของทุเรียนต้นนี้/ต้นนั้น หรือตามความเหมาะสมของลำไยต้นนั้น/ต้นนี้


http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=5131&sid=f2587ef07021da877e049050960331ad

--------------------------------------------------------------------


สอนด้วยความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธ :

อ่านแล้ว "คิด/วิเคราะห์" ก็รู้ได้ โดยไม่ต้องอธิบาย เพราะทุกอย่างอยู่ข้างๆตัว.....


1.
Keyword หรือ คำสำคัญ คือ คำที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนเนื้อหาสารสนเทศ โดยย่อเหลือเพียงคำที่แสดงใจความสำคัญของเนื้อเรื่อง ที่สั้น กะทัดรัด และมีความชัดเจน รวมถึงเป็นคำที่รู้จักกันเป็นสากล ทั้งนี้คำสำคัญจัดเป็นประเภทของคำที่ใช้แทนเนื้อหาสารสนเทศประเภทหนึ่ง

http://dict.longdo.com/search/keyword



2.
ผังงาน (Flowchart) คือ รูปภาพ (Image) หรือสัญลักษณ์(Symbol) ที่ใช้เขียนแทนขั้นตอน คำอธิบาย ข้อความ หรือคำพูด ที่ใช้ในอัลกอริทึม (Algorithm) เพราะการนำเสนอขั้นตอนของงานให้เข้าใจตรงกัน ระหว่างผู้เกี่ยวข้อง ด้วยคำพูด หรือข้อความทำได้ยากกว่า

ผังงานแบ่งได้ 2 ประเภท
1. ผังงานระบบ (System Flowchart) คือ ผังงานที่แสดงขั้นตอนการทำงานในระบบอย่างกว้างๆ แต่ไม่เจาะลงในระบบงานย่อย
2. ผังงานโปรแกรม (Program Flowchart) คือ ผังงานที่แสดงถึงขั้นตอนในการทำงานของโปรแกรม ตั้งแต่รับข้อมูล คำนวณ จนถึงแสดงผลลัพธ์

http://www.thaiall.com/flowchart/indexo.html



3.
ชัยอนันต์ สมุทวณิช :ให้ความหมายของการคิดวิเคราะห์ คือ การแสวงหาข้อเท็จจริงด้วยการระบุ จำแนก แยกแยะ ข้อมูลในสถานการณ์ที่เป็นแหล่งคิดวิเคราะห์ ทั้งที่เป็นข้อเท็จจริงกับความคิดเห็น หรือจุดเด่น จุดด้อย ในสถานการณ์เป็นการจัดข้อมูลให้เป็นระบบเพื่อไปใช้เป็นพื้นฐานในการคิดระดับอื่นๆ

อรพรรณ พรสีมา : การคิดวิเคราะห์ เป็นทักษะการคิดระดับกลางซึ่งจะต้องได้รับการพัฒนาต่อจากทักษะการคิดพื้นฐาน มีการพัฒนาแง่มุมของข้อมูลโดยรอบด้านเพื่อหาเหตุผลและความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบต่างๆ

http://tishafan-analysisthinking.blogspot.com/p/blog-page.html

MOTIVATION : วันหนึ่ง ใน ทีวี. อ.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พูดว่า ระบบการศึกษาของไทย ไม่ได้สอนให้คนเรียนรู้จักหลักการ คิด/วิเคราะห์" สอนแต่ให้ท่องจำ .... เริ่มจาก คิด/วิเคราะห์ นั้น เอามา เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก ด้วยหลักการ เปรียบเทียบ/ฟันธง เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ....(KIM ZA GASS)

ทุกอย่างจะสัมฤทธิ์ผลต่อเมื่อออกมาจาก "ใจแห่งความเป็นไทย" เท่านั้น
สรุป : ยาก/ง่าย อยู่ที่ใจ



4.
ภาวะผู้นำเป็นลักษณะในตัวบุคคลที่ทำให้ผู้อื่นยอมรับนับถือ.... ซึ่งอักษรแต่ละตัวในคำว่า LEADERSHIP มีความหมายบ่งชี้ถึงลักษณะต่างๆ ของผู้นำที่ดี ดังนี้ :

L คือ Listen เป็นผู้ฟังที่ดี..
E คือ Explain สามารถอธิบายสิ่งต่างๆ ให้เข้าใจได้..
A คือ Assist ช่วยเหลือเมื่อควรช่วย…
D คือ Discuss รู้จักแลกเปลี่ยนความคิดเห็น..
E คือ Evaluation ประเมินผลการปฏิบัติงาน..
R คือ Response แจ้งข้อมูลตอบกลับ…

S คือ Salute ทักทายปราศรัย…
H คือ Health มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ..
I คือ Inspire รู้จักกระตุ้นและให้กำลังใจลูกน้อง..
P คือ Patient มีความอดทนเป็นเลิศน..

https://jureewan.wordpress.com




5.
อ้างอิง : อ.วิทยาลัยเกษตรกรรมสิงห์บุรี

อ.เกษตร : วิชาที่ยากที่สุด คือ วิศวะ กับแพทย์ ?

อ.วิศวะ : วิศวะยากตรงไหน ? คนพูดกันเองทั้งนั้น .... ในงานวิศวะ หนา/แน่น/หลวม/บาง/หนัก/เบา/กว้าง/ยาว/สูง/มาก/น้อย/ฯลฯ มีเครื่องมือวัด บอกเป็นตัวเลขสเป็คให้อ่านได้เลย อันไหนผิดสเป็คก็คัดออกเปลี่ยนใหม่ .... งานเกษตรซะอีก (ชี้ไปที่ต้นไม้) เขาขาดอะไร ต้องการอะไร คนปลูกรู้ได้ไง ? มีเครื่องมือวัดมั้ย ? .... ที่ทำๆ ให้ๆ ใส่ๆ นั่นน่ะเดาเอาทั้งนั้น ไม่ใช่หรอ ? งานเกษตรนี่แหละยาก

อ.แพทย์ : คนป่วยมาหาหมอ หมอซักถามอาการ แล้วใช้เอ็กซ์เรย์ อุลตร้าซาวด์ หูฟัง กล้องส่องตรวจดูภายใน กล้องจุลทัศน์ส่องดูตัวเชื้อโรค ไม่ช้าไม่นานก็รู้สมุหฐานของโรค แล้งสั่งจ่ายยาได้เลย .... งานเกษตรซะอีก (ชี้ไปที่ต้นไม้) เขาขาดอะไร ต้องการอะไร คนปลูกรู้ได้ไง ? ถามเขาได้มั้ย ? มีเครื่องมือตรวจมั้ย ? .... ที่ทำๆ ให้ๆ ใส่ๆ นั่นน่ะเดาเอาทั้งนั้น ไม่ใช่หรอ ? งานเกษตรนี่แหละยาก

สรุป : เกษตร ยากกว่า วิศวะ+แพทย์ ....



6.
ประวัติศาสตร์เกษตรอินทรีย์ :
อียิปต์ : ......... ภาพสลักหินในปิรามิด (รูปคน โอ่ง ปลา แปลงนา .... ที่แม่น้ำยูเฟติส ประเทศอิรัค) หมายถึง ทำน้ำหมักชีวภาพจากปลา
จีน : ............ ทำน้ำหมักจาก ปลา-ถัวเหลือง-นม-เลือด รดให้กับผักมาตั้งแต่สมัยจิ๋นซี ฮ่องเต้ ผู้สร้างกำแพงเมืองจีน

สหรัฐ : ......... หลุยส์เซียน่า รัฐเดียวใหญ่กว่าประเทศไทย ปลูกข้าวทั้งรัฐ ทำนาไม่เผาฟาง แต่ เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก อะไรต่อมิอะไรที่เป็นสารอาหารพืชลงไปผสมกับฟางแล้วไถกลบ นี่คือ ทำฟางธรรมดาให้เป็นฟางซุปเปอร์ ทำมานานนับ 100 ปี วันนี้ก็ยังทำอยู่

ออสเตรเลีย : ... ใช้ BIOSOLIDS ปุ๋ยอินทรีย์แห้งผง + ปุ๋ยเคมี โรยลงพื้นทับตอซังพืชแล้วไถกลบ ใช้มานานกว่า 50 ปี วันนี้ก็ยังทำอยู่

ไทย :
- ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดแห้ง โดย ดร.อินเดีย นำเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยเมื่อสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2488) แต่เกษตรกรไทยไม่สนใจ เพราะใส่ให้กับพืชแล้วผลออกมาไม่สมใจนึก

- ปุ๋ยเคมีในกระสอบ โดยนักธุรกิจอเมริกา (มหามิตรสงคราม) นำเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยพร้อมกันกับปุ๋ยอินทรีย์ แต่ปุ๋ยเคมีใส่ให้กับพืชแล้วผลออกมาดีขึ้น ชัดเจน เกษตรกรจึงยอมรับ แล้วใช้อย่างหนัก หนักขึ้นๆ ๆๆ กระทั่งทุกวันนี้



7.
วิชาการ : มีอยู่ในสถานศึกษา เอกสาร ตำราต่างๆ
ประสบการณ์ : มีอยู่ในแปลงเกษตร เป็นของจริงที่สามารถสัมผัสได้

มหาลัยเกษตรที่ดีที่สุด คือ แปลงเกษตร
ครูเกษตรที่ดีที่สุด คือ คนในกระจก

วิชาการอย่างเดียวทำเกษตร ประสบความสำเร็จช้า เพราะต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก
ประสบการณ์อย่างเดียวทำเกษตร ประสบความสำเร็จได้เร็วกว่า แต่ไม่ถึงจุดสูงสุด

วิชาการ + ประสบการณ์ = ดีที่สุด



8.
สร้อยตระกูล (ติวยานนท์) อรรถมานะ : ให้ความหมายของทัศนคติไว้ว่า ทัศนคติ คือ ผลผสมผสานระหว่างความนึกคิด ความเชื่อ ความคิดเห็น ความรู้ และความรู้สึกของบุคคลที่มีต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใด คนใดคนหนึ่ง สถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งๆ ซึ่งออกมาในทางประเมินค่าอันอาจเป็นไปในทางยอมรับหรือปฎิเสธก็ได้ และความรู้สึกเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดพฤติกรรมใดพฤติกรรมหนึ่งขึ้น.....

https://www.gotoknow.org/posts/280647




9.
เทคโนโลยี คือ ความรู้วิชาการรวมกับความรู้วิธีการ และความชำนาญที่สามารถนำไปปฏิบัติภารกิจให้มีประสิทธิภาพสูง โดยปกติเทคโนโลยีนั้นมีความรู้วิทยาศาสตร์รวมอยู่ด้วย นั้นคือวิทยาศาสตร์เป็นความรู้ เทคโนโลยีเป็นการนำความรู้ไปใช้ในทางปฏิบัติ จึงมักนิยมใช้สองคำด้วยกัน คือ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเน้นให้เข้าใจว่า ทั้งสองอย่างนี้ต้องควบคู่กันไปจึงจะมีประสิทธิภาพสูง

http://www.kroobannok.com/50

เทคโนโลยีวิชาการ คือ ความรู้ที่มีใน หนังสือ-เอกสาร-ตำรา-สื่อต่างๆ
เทคโนโลยีชาวบ้าน คือ ความรู้ที่ได้มาจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่ปฏิบัติต่อๆกันมา โดยไม่มีเอกสารบันทึก



10.
ภาษิต 10 ล้อ บอกว่า "ลูกค้า คือ พระเจ้า"
เกษตรกรเริ่มจากเป็นผู้ผลิต ผลิตแล้วจะขายต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ขาย เมื่อขาย คนที่มาซื้อก็คือ "พระเจ้า" ใช่มั้ย ?

CASE STUDY :
ชาวนาเอาข้าวเปลือกไปขายให้โรงสี ถูกตัดราคา "ข้าวลีบ" ........ เพราะขาด Mg Zn
ชาวนาเอาข้าวเปลือกไปขายให้โรงสี ถูกตัดราคา "ท้องไข่" ......... เพราะขาด Mg Zn
ชาวนาเอาข้าวเปลือกไปขายให้โรงสี ถูกตัดราคา "ข้าวป่น" ........ เพราะขาด Mg Zn
ชาวนาเอาข้าวเปลือกไปขายให้โรงสี ถูกตัดราคา "เมล็ดไม่แกร่ง" ... เพราะขาด Mg Zn
ชาวนาเอาข้าวเปลือกไปขายให้โรงสี ถูกตัดราคา "เมล็ดไม่ใส" ...... เพราะขาด Mg Zn

รู้ทั้งรู้เพราะ UREA เป็นต้นเหตุก็ยังใส่อยู่อย่างนั้น .... บอกให้ใช้ Mg Zn ก็ว่า ร้านปุ๋ยแถวบ้านไม่มีขาย ชาวนาย่านนี้ไม่มีใครใช้ พ่อแม่ไม่เคยนำทำ ยุ่งยากเสียเวลา เครดิตไม่ได้

ชาวนาเอาข้าวเปลือกไปขายให้โรงสี ถูกตัดราคา "ข้าวปน" .... ข้าวเรื้อ เพราะปลูกซ้ำมาหลายรอบ ที่นี่แจกเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ กข105 ค็อป 1 พันธุ์แท้ ก็ไม่เอา ไม่ดิ้นรนขวยขวายที่จะหาพันธุ์แท้ค็อป 1 มาใช้

ไม่ใช้ข้าวในนาตัวเองทำพันธุ์ต่อ เพราะรู้ว่าไม่ดี จึงไปซื้อที่ร้านขายข้าวปลูก ทั้งๆที่รู้ว่าร้านนั้นก็เอาข้าวเปลือกมาจากนาแปลงข้างๆตัวเองนั่นแหละ

เคยเห็นมั้ย ผลผลิตจากแปลงตัวเองแท้ๆ ตัวเองยังไม่กล้ากิน พอขายไม่ออกก็โวยวาย หาว่าคนซื้อคนกลาง กดราคาเอาเปรียบ



11.
องค์ประกอบของความเชื่อมั่นในตนเอง พฤติกรรมของผู้ที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีลักษณะดังนี้ :
1. กล้าในการคิด การพูด และการกระทำ
2. มีจิตใจมั่นคง ไม่เชื่อคนง่าย มีเหตุผล
3. มีความรอบคอบ มีแผนงาน
4. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ชอบทำสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ
5. มีความกล้าเสี่ยง (กล้าได้กล้าเสีย)

6. มีลักษณะนิสัยชอบแสดงตัว
7. ไม่มีความวิตกจนเกินไป
8. มีความเป็นผู้นำ
9. เป็นผู้ที่รักในความยุติธรรม
10. ชอบช่วยเหลือหมู่คณะ

11. ชอบอิสระ ไม่โอ้อวด
12. ตั้งจุดมุ่งหมายไว้สูง และคิดว่าจะทำได้สำเร็จ
13. มีความเกรงใจ และเห็นใจผู้อื่น

(ชูชีพ อ่อนโคกสูง)
http://writer.dek-d.com/Antonia/writer/viewlongc.php?id=58422&chapter=11




12.
หมายถึง คุณภาพของปุ๋ยทางใบในการผ่านปากใบเข้าสู่ต้นพืช
ปุ๋ยทั้งทางใบและทางรากที่มีความน่าเชื่้อถือสูง คือ ปุ๋ยที่ผลิตจากเยอรมัน อิสราเอล สวีเดน

ทดสอบคุณภาพของปุ๋ยทางใบ (ชนิดน้ำหรือเกร็ด) โดยละลายในน้ำ พีเอช 6.0 แล้วสังเกต กากมาก = ดีน้อย, กากน้อย = ดีมาก



13.
ภาษาทหารเรียกว่า "อ่อนตัว" (flexibility) คือ การปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ ความยืดหยุ่น, การผ่อนสั้นผ่อนยาว,

ในการเกษตรหมายถึง อย่าฝากอนาคตไว้กับกิจกรรมเกษตรอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว เพราะถ้ากิจกรรมนี้พลาด นั่นหมายถึงการ "ล้ม" ลูกเดียว แต่ให้มีกิจกรรมเกษตรหลายๆอย่าง เป็น ตัวหลัก-ตัวรอง-ตัวเสริม หากตัวหลักล้มก็ยังมีตัวรอง ตัวเสริม ช่วยกู้สถานการณ์ได้ นั่นเอง



14.
คำว่านาโนเมตรอีกคำหนึ่ง ซึ่งหมายความว่า 1 นาโนเมตรเท่ากับ 1 ใน 1,000 ของไมโครเมตร หรือ 1 ใน1,000,000ของมิลลิเมตร ขนาดระดับนาโนเมตรนี้บอกระดับของโมเลกุลได้ ดังนั้นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เล็กมากๆ ระดับ 1 นาโนเมตร และไม่เกิน 100 นาโนเมตร เราจึงเรียกว่า นาโนเทคโนโลยี

เทคโนโลยีที่ว่านี้สามารถเข้ามาเกี่ยวข้องได้หลายเรื่อง ตั้งแต่ในแปลงการผลิต ไปจนถึงผลิตผลหลังการเก็บเกี่ยว หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เช่น การใช้เทคโนโลยีนาโน ในการผลิตดินอินทรีย์ที่เรียกว่า สมาร์ทซอย (Smart soil) การใช้นาโนเทคโนโลยีช่วยยืดอายุผัก และผลไม้ การเพิ่มคุณภาพเครื่องสำอางต่างๆ ที่ผลิตจากผลิตภัณฑ์เกษตร

สิ่งหนึ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์ทางการเกษตรก็คือ เรื่องการใช้นาโนเทคโนโลยีเคลือบมุ้ง หรือเสื้อผ้า แล้วให้สารที่มีฤทธิ์ฆ่าแมลงค่อยๆ ปลดปล่อยออกมา เมื่อยุงมาเกาะก็จะตาย สิ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์ในการนำมาประยุกต์ใช้กับการเกษตรก็คือ การใช้สารที่สามารถกำจัดแมลงได้โดยไม่เป็นพิษต่อคน แล้วมาเคลือบมุ้งที่ใช้ในการปลูกผักในโรงเรือน เพื่อใช้ในการกำจัดแมลงศัตรูพืช

แหล่งที่มา : รศ.ดร.พีรเดช ทองอำไพ. 2557.
http://www.nstda.or.th/news/18475-nanotec

ปัจจุบัน ปุ๋ยหรือฮอร์โมนพืช ระดับนาโนเทคโนโลยีโดยเฉพาะยังพัฒนาไปไม่ถึง ระดับอเมริกา เยอรมัน อิสราเอล เก่งขนาดไหนยังทำไม่สำเร็จเลย

ที่ซื้อๆ ขายๆ กันในท้องตลาดบ้านเราทุกวันนี้ เป็นแค่ปุ๋ยทางใบ เกรด EDTA ธรรมดาๆ เท่านั้น
ธาตุรอง ธาตุเสริม ที่ใช้ในไร่กล้อมแกล้มวันนี้ก็เกรด EDTA ... จะเอาเท่าไหร่ บอกมา



15.
ลำพังเกษตรกรแค่รายย่อย รายสองรายทำไม่ได้แน่นอน เพราะว่ามันไม่มีพลัง ไม่มี อำนาจต่อรอง เป็นเบี้ยหัวแตก "เบี้ยล่าง" ของตลาด ต้องมี ‘การรวมกลุ่ม’ เท่านั้น

เกษตรกรรายย่อยโดยทั่วไป จะมีปริมาณผลผลิตไม่เพียงพอ และไม่สม่ำเสมอ ทำให้ไม่เป็นที่สนใจของตลาด ซ้ำร้าย ผลผลิตยังไม่มีคุณภาพ ไม่ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อ ต้องจำใจขายราคาถูก

สถานการณ์อย่างนี้ การรวมกลุ่มจะช่วยลดความเสี่ยงทางการตลาด จะมีปริมาณผลผลิตที่มากพอ และถ้ามีระบบจัดการผลิตที่สามารถควบคุมคุณภาพได้ เสียงของเกษตรกรก็จะดังขึ้น มีอำนาจต่อรองมากขึ้น

การรวมกลุ่มเกษตรกรที่ทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ควรเริ่มด้วย

"ความสมัครใจ"
"ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน"
"จิตอาสา การพัฒนาร่วมกัน"

ในส่วนแกนนำของกลุ่ม จะต้องมีความสามารถประสานแผนการผลิตกับการตลาดเข้าด้วยกัน โดยมีผู้ซื้อทำหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวสารทางการตลาด ราคาซื้อ ไปจนถึงมาตรฐานคุณภาพต่างๆ ส่วนตัวเกษตรกรเองก็ต้องใช้ความรู้ ความชำนาญ และเทคโนโลียีที่มีทำการผลิตให้เป็นไปตามเป้าหมาย

บ้านเรามีการรวมกลุ่มของเกษตรมากมายหลายกลุ่ม แต่ทำไมปัญหาของเกษตรกรก็ไม่ได้ลดลง ตามกลุ่มที่เพิ่มขึ้น ? จึงคิดว่าไม่น่าจะใช่ปัญหาด้านเทคนิคการผลิต น่าจะเป็นเรื่องของวิถีชีวิต เรื่องของวัฒนธรรมการรวมกลุ่ม

เกษตรกรไม่มีวัฒนธรรมในการรวมกลุ่มอย่างเข้มแข็งจริงจัง เพราะคนไทยรักการใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่มีระบบระเบียบ ตัวใครตัวมัน และต้องพึ่งผู้นำ การรวมกลุ่มเป็นไปแบบหลวมๆ เมื่อผู้นำมีปัญหาหรือขาดผู้นำ กลุ่มก็แตก เมื่อสมประโยชน์หรือได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วก็ชิ่งหนีไปทีละคนสองคน กลุ่มก็ต้องยุบ มิหนำซ้ำ เมื่อออกไปทำของใครของมันแล้วก็ทำได้ไม่ดี พาเอาพวกที่เค้าทำดีอยู่แล้วต้องเสียหายไปด้วย

คนส่วนมากเมื่อมารวมกลุ่มกัน และที่เข้ามาตามๆ กัน มักคิดว่า "กลุ่มจะให้อะไรกับเค้าได้บ้าง"
ในทางกลับกัน ถ้าทุกคนช่วยกันคิดว่า "เราจะให้อะไรกับกลุ่มได้บ้าง" กลุ่มจึงจะพัฒนารุดหน้าต่อไปได้
ปัญหาทุกอย่าง ให้เริ่มแก้ที่ตัวเองนี่แหละ

https://www.gotoknow.org/posts/412209




16.
"ต้นทุน" .... ต้นทุนที่สูญเปล่า, ต้นทุนที่ก่อให้เกิดรายได้, ต้นทุนจ่าย, ต้นทุนแฝง, .... ภาคเกษตรปลูกพืช ค่าปุ๋ย 30%, ค่าสารเคมียาฆ่าแมลง 30%, ค่าแรง 20%,

"ตลาด" ..... ในประเทศ ต่างประเทศ ขาประจำ ขาจร ปลีก ส่ง

"ผลผลิตเพิ่ม (ปริมาณ คุณภาพ) ต้นทุนลด (ระยะสั้น ระยะปานกลาง ระยะยาว) อนาคตดี (ทุกองค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง ดีขึ้น ใหญ่ขึ้น โตขึ้น กว้างขึ้น ไกลขึ้น และ ฯลฯ)"

ปรัชญาเมธี (ผู้รู้อย่างมีเหตุมีผล รู้ด้วย COMMON SENSE ของตัวอง) บอกว่า ประเทศไทยเมืองเกษตร แต่คนไทยทำเกษตรไม่เป็น .... เหตุผล :
ทำแล้วขาย ขายแล้วขาดทุน ขาดทุนรุ่นแล้วรุ่นเล่า ..... ก็ยังทำอย่างเดิม
ทำแล้วผลผลิตออกมาไม่ได้เกรด ถูกตัดราคา .......... ก็ยังทำอย่างเดิม
ทำแบบกะรวยกว่าข้างบ้าน แต่กลับจนกว่า ............. ก็ยังทำอย่างเดิม



17.
อุปสงค์ (demand) หมายถึง ความต้องการซื้อสินค้าและบริการ
อุปทาน (supply) หมายถึง ความต้องการขายสินค้าและบริการ

demand จำนวนคนซื้อมีเท่าเดิม
supply จำนวนสินค้า มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับคนผลิต

CASE STUDY 1 :
เกษตรกรย่านพังตรุ จ.กาญจนบุรี หะแรก ปลูกหอมแบ่ง 2-3 เจ้า ๆละ 2-3 ไร่ ปีนั้นราคาหอมแบ่งสูงมากเป็นประวัติการณ์ ชาวบ้านพังตรุ ปลูกหอมแบ่งกันทั้งตำบล คิดเป็นเนื้อที่หลายร้อยไร่ ปลูกพร้อมกัน วันเก็บเกี่ยวก็ต้องพร้อมกันด้วย

แม่ค้าคนกลางคนเดิมมาเห็น เรียกเตียงผ้าใบชายหาดมานั่ง หันหลังให้แปลงหอมแบ่ง แล้วถามหาผักต้มตำ (ผักชี ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกขี้หนู มะนาว) ปรากฏไม่มี เพราะไม่มีใครปลูก งานนี้แม่ค่าทะยอยมารับหอมแบ่ง 3 งวด รวมกันแล้วได้ไม่ถึง 10% ของปริมาณทั้งหมด ที่เหลือก็ต้องเททิ้ง .... นี่ไง demand เท่าเดิม แต่ supply เพิ่มขึ้น

CASE STUDY 2 :
สองคนผัวเมีย ฝ่ายผัวอายุราว 35-40 ฝ่ายเมียอายุ 30-35 จบ ป.โท ลาออกจากงานประจำมาดูแลแม่ผัว ทั้งสองผัวเมียปลูกหอมแบ่ง 2 ไร่ บนที่เช่า ระยะเวลา 2 ปีขายหอมแบ่งได้กำไร มีเงินซื้อที่แปลงที่เช่าเอาโฉนดมาเป็นของตัวเองได้ ทำต่ออีก 2 ปีซื้อที่แปลงข้างๆ เอาโฉนดมาเป็นของตัวเองได้อีก 5 ไร่ ลงทุนค่าปุ๋ยมาซื้อที่ไร่กล้อมแกล้ม 3-4 เดือน/ครั้ง ๆละไม่กี่พันบาท ต้นทุนค่าสารเคมียาฆ่าแมลงไม่มี อันนี้เป็นผลดีที่แม่ค้าชอบมากๆ

สองผัวเมียวางแผนการตลาดแต่ละรุ่น ถ้าจะทำก่อน ต้องทำก่อนชาวบ้าน 15-20 วัน ถ้าจะทำหลัง ก็ต้องทำหลังชาวบ้าน 15-20 วันเหมือเนกัน การไม่ทำพร้อมกับชาวบ้านก็เพื่อ SUPPLY ที่ลดลงไงล่ะ



18.
Premium Brand หรือ Premium Product เป็นของที่จับต้องได้ ให้คุณค่าในความรู้สึกของผู้ซื้อหรือผู้ใช้ คนกล้าจ่ายแพงเพราะพึงพอใจในตัวสินค้าหรือแบรนด์

http://allideastudio.co.th/tips/tips-24.php



19.
GRADE หมายถึง คุณภาพของสินค้าที่สัมผัสได้ หรือมีตัวเลขชี้วัด เกิดจากฝีมือหรือความสามารถของคนหรือเครื่องจักรที่ผลิตขึ้นมา



20.
เกษตรพันธะสัญญา หรือ คอนแทรคฟาร์มมิ่ง (contract farming) คือ ระบบการเกษตร การเลี้ยงสัตว์ หรือการเพาะปลูกพืช ที่มีการทำสัญญาซื้อขายผลผลิตล่วงหน้าระหว่างฝ่ายเกษตรกร หรือเจ้าของฟาร์ม กับคู่สัญญา คือ "ผู้รับประกัน" ซึ่งมักเป็นบริษัทเอกชนที่สัญญาว่าจะซื้อผลผลิตคืนจากอีกฝ่ายในราคาที่ตกลงกันตั้งแต่ต้น เรียกว่า "ราคาประกัน" ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงได้ก็ต่อเมื่อครบกำหนดสัญญา

ข้อดีของการทำคอนแทรคฟาร์มมิ่ง :
1. เกษตรกรมีผลผลิตขายแน่นอน สามารถนำวัตถุดิบป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตได้อย่างสม่ำเสมอ และเป็นการประกันรายได้ ประกันราคาสินค้าล่วงหน้า ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีรายละเอียดไม่เหมือนกัน

2. เกษตรกรได้รับความรู้ ทั้งด้านวิชาการ การออกแบบแปลนฟาร์มมาตรฐาน และเทคนิคในการปรับลดต้นทุนในการผลิต พร้อมจัดหาวัตถุดิบและปัจจัยการผลิตต่างๆ อาจรวมไปถึงการสนับสนุนสินเชื่อทางการเงิน

3. ผลผลิตได้มาตรฐานเดียวกับที่ทางบริษัทกำหนดและตรงตามความต้องการของตลาด
4. ในยุคโลกาภิวัตน์ การตกลงราคาและเวลารับมอบสินค้ากันชัดเจน เชื่อว่าเกษตรพันธสัญญา สามารถลดความผันผวนของรายได้และผลผลิตของเกษตรกร โดยสามารถทำให้ผลตอบแทน (รายได้) ค่อนข้างแน่นอนและสูงขึ้น และช่วยให้เกษตรกรเข้าถึงเทคโนโลยีและเงินทุน

5. ช่วยให้เกษตรกรเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารและจัดการ ช่วยลดภาระงบประมาณของรัฐในการพยุงราคา สินค้าเกษตรกรรม ตลอดจนช่วยเพิ่มโอกาสการจ้างงานในภาคเกษตรกรรม

6. เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการแบ่งปันจากบริษัท เพราะมีวัตถุดิบสม่ำเสมอ ควบคุมต้นทุนได้ สามารถคาดการณ์วางแผนการตลาด รวมถึงบริษัทยังประหยัดได้จากขนาดกิจกรรม (economy of scale) เนื่องจากเป็นการผลิตขนาดใหญ่ ส่วนผู้บริโภคได้ประโยชน์จากคุณภาพสินค้าที่สูงขึ้นและราคาถูกลง

ข้อเสียของการทำคอนแทรคฟาร์มมิ่ง :
1. การทำ "คอนแทรค ฟาร์มมิ่ง" ภาคเอกชนมักจะทำสัญญาในรูปแบบสัญญาเชิงเอาเปรียบเกษตรกร ในเรื่องของผลตอบแทน ความเสี่ยง และความเป็นธรรม

2. เงินลงทุนต่อฟาร์มค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ที่จะเกิดขึ้น ทำให้การคืนทุนต้องใช้เวลานานหลายปี ขณะที่แหล่งเงินทุนของเกษตรกรมาจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ดังนั้น หากบริษัทยกเลิกพันธสัญญากับเกษตรกรในระยะสั้นหรือไม่วางแผนการผลิตให้ เกษตรกรอาจล้มละลายได้ นอกจากนี้ ยังพบว่าสัดส่วนของรายจ่าย (ต้นทุน) ต่อรายได้ของฟาร์มค่อนข้างสูง ประมาณ 27-92% จึงถือว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างมาก

3. เกษตรกรมีความเสี่ยงสูง และเสี่ยงสูงขึ้นเมื่อได้รับผลกระทบทางธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง หรือหวัดนก เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงในการสูญเสียผลผลิตมากขึ้น เมื่อรวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงาน เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าปุ๋ย ค่ายา ฯลฯ

4. การที่สัญญาไม่ได้คำนวณรายได้ค่าตอบแทนจากการผลิตที่เป็นขั้นบันไดเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน ทำให้เกษตรกรไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะถึงจุดคุ้มทุน และมีกำไรจากการลงทุนเมื่อไร จึงทำให้เกิดความเสียเปรียบ

http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/3120




21.
"ผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่อง" :
"ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ" :
- ตัวอย่าง นาข้าว .... ขายเป็นข้าวปลูกทำพันธุ์ให้แปลงข้างเคียง หรือร้านข้ายข้าวปลูก, สีเป็นข้าวกล้อง ข้าวฮาง ขายส่งหรือแขายปลีก, ทำน้ำมันรำ, ทำจมูกข้าวแค๊ปซูล
- ตัวอย่าง มะม่วง ..... ขายเป็นมะม่วงดอง, มะม่วงแช่อิ่ม, มะม่วงกวน

"ขายปุ๋ย ฮอร์โมน ยาสมุนไพร" :
- ตัวอย่าง มะม่วง-ทุเรียน-ลำไย-ฯลฯ .... อย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว บนเนื้อที่ 5-10 ไร่ ทำงานทั้งปีได้ขายหนเดียว แต่ขายปุ๋ย (อินทรีย์/เคมี-ทางใบ/ทางราก) ยาสมุนไพร ได้ มะม่วง-ทุเรียน-ลำไย-ฯลฯ อย่างละ 10-20-50 ไร่ .... ทำเป็น ใช้เป็น ขายเป็น บริการหลังการขายเป็น ปีเดียวรวยได้

- ตัวอย่าง ผักสวนครัว 5 อย่าง ๆละ 2-3 ไร่ ได้ผลผลิตเท่าที่ปลูก แต่ขายปุ๋ย (อินทรีย์/เคมี-ทางใบ/ทางราก) ได้ ผัก 10-20 อย่าง ๆละ 20-30 ไร่ .... ทำเป็น ใช้เป็น ขายเป็น บริการหลังการขายเป็น ปีเดียวรวยได้



22.
"คำสั่งซื้อ" : คือการติดต่อซื้อขายล่วงหน้าก่อนที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาด หรือเคยเป็นคู่ค้าขายกันมาก่อน หรือสั่งซื้อด้วยความมั่นใจในตัวสินค้า

เป็นหลักประกันสำหรับเกษตรกรผู้ผลิตว่ามีตลาดแน่นอน



23.
ทุกครั้งที่มีการ "เล่า/สอน/อบรม/บรรยาย/ฯลฯ สุดแท้แต่จะเรียกที่ไร่กล้อมแกล้ม จะบอกเสมอว่า "วันนี้ คุณจะได้แค่รู้ว่า ที่นี่มีอะไรเท่านั้น...." เพราะข้อมูลด้านเกษตรแต่ละหัวข้อค่อนข้างยาว แต่คุณมีเวลาเพียง 2-3-4 ชม. คงนำเสนอได้ไม่หมด ทางแก้สำหรับปัญหานี้ คือ คุณต้องมีเวลามากกว่านี้ จากวันนี้แล้วคุณมาซ้ำอีก จะซ้ำกี่ครั้งกี่รอบก็อยู่ที่คุณว่าสามารถรับได้มากน้อยแค่ไหน

ตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณเหยียบย่างมาถึงไร่กล้อมแกล้ม ผมจะพูด พูด และพูด พูดจนคุณก้าวสุดท้ายขึ้นรถเตรียมกลับบ้าน แต่ที่ผมพูด พูด พูด และพูดนั้น ไม่ได้ตรงกับที่คุณอยากรู้ แล้วก็ไม่ได้ตรงกับที่คุณไม่รู้เลย เหตุผลเดียว คือ เพราะคุณไม่ถาม นั่นเอง

บางครั้งก็ให้สงสัยเหมือนกันว่า ....
ไม่ถามเพราะรู้แล้ว ............. งั้น รู้แล้วมาทำไม ?
หรือ ไม่รู้แต่ไม่ถาม ............ เพราะตั้งคำถามไม่เป็น
หรือ ข้อมูลเรื่องราวที่นี่อ่อน .... เพราะคน สอน/พูด ไม่ได้เรียนเกษตรมาโดยตรง

กาลครั้งหนึ่ง สัญจรไป "เล่า/สอน/อบรม/บรรยาย/ฯลฯ ที่ อ.ห้วยคต อุทัยธานี เชิญชวนให้ผู้ที่มาฟัง "เขียนคำถามส่งมา 1 คำถาม แลกวารสารเกษตรใหม่ได้ 1 เล่ม" .... งานนั้นได้คำถามมาราว 200 คำถาม ครั้งแรกครั้งเดียวจริงๆ แสดงว่าคนไทยชอบ ลด/แลก/แจก/แถม ยังงั้นมั้ย

QUESTION : ถาม
ANSWER : ตอบ


-------------------------------------------------------------------

.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 04/10/2015 6:03 am, แก้ไขทั้งหมด 3 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 02/10/2015 6:03 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.

ต้นทุน V.S. ตลาด ....



2.
Flowchart แผ่นนี้ ส่วนที่เป็นภาษาอังกฤษ มิใช่โอ้อวด หรือเห่อของนอก หรือยกตนข่มท่าน
เจตนาที่แท้จริงเพื่อให้ทุกคนรู้ว่า โลกวันนี้คือ globalization ที่ทั่วโลกไม่มีพรมแดน
นั่นหมายความว่า ผู้คนทุกชาติสามารถเข้าถึงกัน มีสายสัมพันธ์กันได้ทั้งหมด

"ภาษา" ถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้คนก้าวเข้าสู่สังคมโลกได้ ....

ตัวอย่าง :
ที่กำแพงแสน ชายหนุ่มจบ ป.ตรี ไปสมัครงานที่บริษัทส่งออก เจ้าของบริษัทสัมภาษณ์
ภาษาอังกฤษว่า ต้องการให้เขานำสินค้าไปแนะนำบริษัทลูกค้าในต่างประเทศ
ชายหนุ่มตอบสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษได้เป็นที่พอใจ เจ้าของบริษัทรับทำงานทันที
สตาร์ทเงินเดือน 1 แสน ค่าคอมฯ ต่างหาก ทั้งๆ ที่ไม่ได้ดูปริญญาบัตรเลยว่า
ชายหนุ่มคนนั้นจบปริญญาอะไรมาด้วยซ้ำ

ถึงเวลาถึงยุคแล้วที่คนไทยต้องปรับตัวให้ทันสภาวะการณ์โลก
ต้องมองการณ์ไกลไปถึงต่างประเทศ ไม่ใช่มองแค่ตลาดนัดจรเท่านั้น

งานนี้แม้สื่อการสอนจะเป็นภาษาอังฤษ แต่ก็จะแปลเป็นภาษาไทย
และแปลจากภาษาไทยเป็นภาษชาวบ้านให้อีก



3.
แหม่มสาวเชื้อสาย "อเมริกัน-จีน-เวียดนาม" บินตรงจากเทกซัสมา RKK .... บอกว่า :

- พูดภาษาไทยได้คำเดียว "อร่อย" หลังจากได้ทานส้มโอ ส้มเช้ง
- ชอบการเกษตรมากๆ จึงมาอยู่เมืองไทย
- งานส่งเสริมการเกษตรของอเมริกา เน้น "ตลาด-ต้นทุน" เป็นหลัก เรื่อง ปุ๋ย/ยา แนะนำน้อยมาก
- งานส่งเสริมการเกษตรของไทย เน้น "ปุ๋ย-ยา" เป็นหลัก ยกเว้นเรื่อง "ตลาด/ต้นทุน"
- เกษตรกรอเมริกา เน้นเทคโนโลยีวิชาการ มากกว่าเทคโนโลยีภูมิปัญญาพื้นบ้าน
- เกษตรกรอเมริกา ทำทุกอย่างเพื่อให้ ลดต้นทุน-เพิ่มผลผลิต-ขยายตลาด
- เกษตรกรอเมริกา ไม่รอการช่วยเหลือจากราชการหรือรัฐบาล แต่รวมกลุ่มกันช่วยตัวเอง
- เกษตรกรอเมริกา รวมกลุ่มทำเกษตรพันธะสัญญาต่อรองกับคนกลาง

- อ่านข้อความบนแผ่น Flowchart แล้วบอกว่าบางคำ "ผิดหรือไม่ครอบคลุม" จึงแนะนำให้แก้ไข

หมายเหตุ :
- คำศัพท์ทุกคำบนแผ่น Flowchart นั้น มาจาก "นักวิชาการ" ไทยแท้ๆ .... ผิดได้ไง ?
- ผู้แนะนำเป็นเจ้าของภาษาที่แท้จริง ........................................... เชื่อได้มั้ย ?
- ปุ๋ยสไตล์ RKK ที่อเมริกาไม่มีขาย แปลงเกษตรขนาดใหญ่ เกษตรกรทำเอง
แต่ถ้าเป็นแปลงเล็กๆ สวนครัวในบ้านจึงซื้อ ....



4.
สองคน "สามี (ไทย)-ภรรยา (อเมริกัน/จีน/เวียดนาม)"
ทำสวนอยู่ที่ ปากท่อ ราชบุรี เนื้อที่ 6 ไร่ ลงมะม่วงไว้ 500 ต้น
ฝ่ายแหม่มขอซื้อส้มโอ 20-30 ลูก
บอก "ไม่ขาย" แต่จะให้ฟรีเป็นของฝาก กลับไปทานที่บ้าน
และเช่นเคย (นิสัยเรา) .... ไม่ได้ถามชื่อ


http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=5149&sid=9b597b3d013bbf1fde82c893be71d29a

------------------------------------------------------------------------


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©