-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-พุทราจัมโบ้......ประสบการณ์ตรง
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - พุทราจัมโบ้......ประสบการณ์ตรง
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

พุทราจัมโบ้......ประสบการณ์ตรง

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 16/03/2010 6:29 pm    ชื่อกระทู้: พุทราจัมโบ้......ประสบการณ์ตรง ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

การุณย์ มะโนใจ

พุทรายักษ์ซุปเปอร์จัมโบ้ ทำเงินแสน ที่พะเยา

มีเกษตรกรไทย ได้นำเอาพุทรายักษ์สายพันธุ์ใหม่จากประเทศพม่ามาทดลองปลูกในไทยได้ผล
ผลิตมีขนาดผลใหญ่มาก มีรูปทรงคล้ายกับผลแอปเปิ้ล รสชาติหวาน กรอบ และมีน้ำหนักผล
เฉลี่ย 5-7 ผล ต่อกิโลกรัม นับเป็นพุทราที่มีขนาดผลใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีการปลูกพุทราใน
ประเทศไทย หลังจากนั้น ได้มีการเผยแพร่พุทราสายพันธุ์นี้ออกไปปลูกในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
ผลตอบรับกลับมาว่าดีจริง สร้างรายได้ดีให้กับเกษตรกรผู้ปลูกทุกรายไป

ในขณะเดียวกัน ยังมีพุทรายักษ์อีกสายพันธุ์หนึ่งที่มีการนำสายพันธุ์มาจากไต้หวัน มาทดลองปลูก
ในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและได้ตั้งชื่อสายพันธุ์ว่า "พุทรานมสด" ซึ่งที่จริงแล้วคือ พันธุ์ "ซื่อ
หมี่" เป็นพุทราที่มีทรงผลใหญ่ทรงกระบอก มีน้ำหนักผลเฉลี่ยใกล้เคียงกับพุทราซุปเปอร์จัมโบ้
จากการสอบถามผู้ปลูกพุทราหลายคนพบว่า เมื่อนำพุทรานมสดมาปลูกในเขตที่มีอากาศร้อน เช่น
พื้นที่บริเวณภาคกลาง หรือภาคเหนือตอนล่าง จะได้ผลผลิตที่มีคุณภาพด้อยกว่าที่ปลูกในเขตพื้นที่
ภาคเหนือตอนบน ในขณะที่พันธุ์ซุปเปอร์จัมโบ้ปลูกได้คุณภาพดีในเกือบทุกพื้นที่ ไม่ว่าอากาศจะ
ร้อนหรือหนาวก็ตาม

ปัจจุบัน พุทราพันธุ์ซุปเปอร์จัมโบ้ และพุทรานมสดได้เข้ามาแทนที่ตลาดพุทราสายพันธุ์อื่นๆ ที่
ปลูกอยู่ในบ้านเรา แต่เกษตรกรจะต้องผลิตพุทราทั้งสองสายพันธุ์นี้ให้แก่และเก็บผลผลิตได้ใน
ช่วงตลอดฤดูหนาว คือระหว่างเดือนธันวาคมถึงมกราคมของทุกปี จะได้พุทราที่มีรสชาติยอดเยี่ยม
ความจริงแล้วพุทราซุปเปอร์จัมโบ้เป็นพันธุ์ที่ออกดอกและติดผลดกมาก สามารถกำหนดการออก
ดอกและติดผลได้ตลอดทั้งปี แต่ถ้าผลิตให้ออกตลาดในช่วงฤดูฝนมักจะพบว่ารสชาติจืดและไม่
อร่อยถึงแม้ว่าจะมีขนาดผลที่ใหญ่มากก็ตาม หลายคนไม่เชื่อว่าพุทราซุปเปอร์จัมโบ้ปลูกไปได้
เพียงครึ่งปีจะเริ่มให้ผลผลิตในเชิงการค้าได้แล้ว ทำให้เป็นไม้ผลที่คืนทุนเร็วที่สุดชนิดหนึ่ง

มีคำแนะนำสำหรับเกษตรกรที่จะปลูกพุทรายักษ์ซุปเปอร์จัมโบ้ว่า ควรจะเตรียมต้นพันธุ์และเริ่ม
ปลูกในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน

พื้นที่ปลูกจะต้องมีแหล่งน้ำที่ดี ถ้าเป็นไปได้ติดระบบน้ำสปริงเกลอร์ ต้นละ 1 หัว ปลูกไปได้เพียง
3-4 เดือน ต้นจะเริ่มออกดอกติดผล จะเก็บผลผลิตรุ่นแรกขายได้ในช่วงเดือนธันวาคมปีเดียวกัน
คือตั้งแต่เริ่มปลูกจนเก็บเกี่ยวผลผลิตใช้เวลาเพียง 8 เดือน เท่านั้น

ปัญหาที่สำคัญของเกษตรกรที่ปลูกพุทรายักษ์สายพันธุ์นี้ก็คือ การปลิดผลและในบางพื้นที่มีการ
ห่อผล เนื่องจากเป็นพุทราที่ติดผลดกมาก ถ้าไม่ปลิดผลทิ้งบ้างถ้าเป็นต้นพุทราที่เริ่มปลูกใหม่อาจ
จะทำให้กิ่งฉีกขาดได้ ในช่วงเลี้ยงผลต้นพุทราจะต้องไม่ขาดน้ำ ถ้าปลูกทิ้งปลูกขว้างนอกจากจะ
ผลไม่ใหญ่แล้ว เนื้อจะเหนียว แมลงศัตรูที่สำคัญอยู่ในช่วงออกดอกและเริ่มติดผลคือ เพลี้ยไฟ
และโรครา ถ้าเกษตรกรควบคุมเพลี้ยไฟไม่ได้ ผิวบริเวณที่ก้นผลจะลายทำให้ราคาตก เพราะผิวไม่สวย

คุณลุงเจริญ คำโล อยู่บ้านเลขที่ 75 หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านตุ่น อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา ซึ่ง
ปลูกพุทราจัมโบ้อยู่เล่าให้ฟังว่า ที่จริงพุทราจัมโบ้ มันมีหลายสายพันธุ์ ที่ออกผลมีขนาดใหญ่เกือบ
เท่าผลแอปเปิ้ลก็มี แล้วก็ขนาดเล็กรองลงมาก็มี แต่ถ้าเป็นต้นกล้าเล็กๆ จะดูไม่ออกเลยทีเดียว
และคุณลุงเจริญก็ได้ให้คำแนะนำมาว่า ถ้าอยากจะได้ไม้ผลที่ตรงตามเราต้องการละก็ ประการแรก
ต้องหาแหล่งผลิตให้ได้เสียก่อนว่าอยู่ที่ใด จากนั้นเข้าไปเจรจากับเจ้าของสวนว่า ต้องการกิ่งพันธุ์
จากต้นแม่ ถ้าตกลงกันได้ ก็ให้เขาขยายพันธุ์ให้ แล้วนัดวันกันมารับของ ราคาคุยกันเอาเอง หรือ
อีกวิธี ก็ต้องหาร้านที่มีชื่อเสียงที่ดี ซื่อสัตย์ต่อลูกค้าให้เขาหากิ่งพันธุ์ให้ พุทราเป็นไม้ผลยืนต้นอายุ
หลายปี แล้วก็ขึ้นในที่มีอินทรียวัตถุดีพอควร เพราะเขามีนิสัยคล้ายๆกับฝรั่ง คือให้ผลผลิตเร็วใน
เวลาไม่นาน แถมยังออกไม่เป็นรุ่นด้วย กิ่งไหนแก่ ก็ออกก่อน กิ่งเล็กกิ่งน้อยก็ชอบออกเรื่อยๆ
ต้องมีการตัดแต่งกิ่งเสมอๆ ไม่ให้หนาแน่นทึบ

เนื่องจากพุทราเป็นไม้ผลที่มีพุ่มกว้างพอสมควร แต่ที่สวนของคุณลุงเจริญจะตัดแต่งและบังคับ
ทรงพุ่มมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ให้เกินกว่า 3 เมตร แล้วเว้นระยะช่องทางเดินไว้ 1 เมตร ดังนั้น หลุม
ปลูกจึงมีระยะ 3 เมตร ต่อหลุม หรือต้น ทีนี้เมื่อเราได้ระยะแล้ว ก็ขุดหลุมเตรียมเหมือนฝรั่ง แต่ว่า
หลุมพุทราจะกว้างและลึกกว่าฝรั่ง คือมีขนาดรัศมีวงกลม 50 เซนติเมตร และลึก ไม่เกิน 30
เซนติเมตร เนื่องจากพุทรามีการเจริญเติบโตเร็วกว่าฝรั่ง รากจะเดินเร็วกว่า การกินอาหารก็กิน
มากกว่า ก็ต้องทำหลุมให้เขาใหญ่หน่อย จากนั้นก็ใส่อินทรียวัตถุและธาตุอาหาร อย่าลืมใบมะรุม
แห้ง แต่ถ้าไม่มีก็เอาใบสะเดาแก่ใส่ลงไปคลุกให้เข้ากัน แล้วเอาต้นพันธุ์ลงปลูกเหมือนฝรั่ง

วิธีการดูแลในระยะนี้อย่าขาดน้ำ ต้องมีการให้สม่ำเสมอ พอหน้าดินชื้น พุทราไม่ชอบน้ำแฉะ ช่วง
สัปดาห์แรก ให้น้ำเปล่าๆ ก่อน พอเห็นว่าไม่เฉา อยู่รอดได้แน่ ทีนี้ก็เริ่มให้สารอาหารทางใบปุ๋ย
เป็นน้ำชีวภาพทำเอง 2 ช้อนแกง ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นตอนเช้าช่วงที่รู้สึกว่าแดดจะเริ่มร้อน
แต่อย่าให้เกินเที่ยง ทุกๆ 5 วัน ทำครั้งหนึ่ง

สมุนไพรก็ทำเอง ฉีดพ่นในช่วงเย็นๆ แดดร่มลมตก ใช้สัก 5 ช้อนแกง ผสมกับน้ำเปล่า 20 ลิตร
ให้ทุกๆ 3 วันครั้ง

ทางดินไม่ต้องไปใส่อะไร นอกจากให้น้ำวันเว้นวันพอให้หน้าดินชื้น แค่นี้เดี๋ยวก็แตกก้าน แตกใบ
อ่อน แล้วทีนี้พอพุทราเริ่มโต สูงประมาณ 80 เซนติเมตร ก็เริ่มตัดแต่งกิ่ง ระวังกิ่งที่ออกใหม่ มัน
จะยาวแถมเรียวอีกด้วย หากยาวมากเกินงามก็เล็มๆ ออกบ้าง ช่วงนี้พุทราก็จะออกดอกออกผล ก็
อย่าไปเสียดายลิดออกให้หมด ขืนปล่อยไว้ด้วยความอยากได้ไวๆ ละก็ ต้นจะโทรมเร็ว

คุณลุงเจริญ บอกว่า ศัตรูในช่วงนี้คือ เพลี้ยอ่อน แต่จะเพิ่มเจ้าผีเสื้อสมุทร จะเข้ามาวางไข่ แถวๆ
ใต้ใบ คอยสังเกตดูว่าใบไหน มันม้วนเป็นขนมทองม้วนละก็ใช่เลย จับเด็ดใบออกแล้วทำลาย ทาง
แก้ก็ไม่ยาก ให้น้ำพุทราตอนเย็นๆ รดให้ทั่ว ทั้งใต้ใบ บนใบ แค่นี้ก็พอ อยากรู้ว่าทำไมเหรอ ง่ายๆ
จำไว้ แมลงทุกชนิดที่ชอบวางไข่ ไม่ชอบพื้นผิวที่มีความเปียกชื้น นอกจากจะวางไข่ไม่ติดแล้ว ไข่
ที่ถูกวางเมื่อโดนน้ำหรือความชื้นมันจะฝ่อ นี่แหละเจ้าพวกนี้มันถึงชอบวางไข่ใต้ใบ แต่ถ้าใครอยาก
จะใช้สมุนไพรด้วยก็ยิ่งดี

เอาสมุนไพรที่มีกลิ่นแรงๆ ฉุนๆ ที่สวนคุณลุงเจริญใช้สาบเสือ ข่า ตะไคร้หอม หางไหล แค่นี้ก็พอ
เอาตัวรอดได้

ช่วงระยะสะสมตาดอกเพื่อการออกดอกช่วงนี้พุทราที่เราปลูกก็เป็นสาวแล้ว พอที่จะออกดอกออก
ลูกได้ ทางดินก็หว่านปุ๋ยขี้วัว บางๆ ให้รอบ แล้วคลุมด้วยเศษใบไม้ รดน้ำแบบพอชื้น วันเว้นวัน ทีนี้
ต้องหมั่นสังเกตดูเรื่อยๆ ว่า หากใบแก่ที่โคนกิ่งเริ่มมีสีดำ และใบอ่อนที่ปลายกิ่งเริ่มเขียวเข้ม นั่นก็
แสดงว่า กิ่งนั้นพร้อมที่จะออกดอกแล้ว

ระยะออกดอกติดผล ไม่ต้องทำอะไรมาก คอยระวังเจ้าแมลงกินใบมันจะมากัดกิน นอกนั้นเชื่อ
หรือไม่ว่า จะมีของดีที่ไม่ได้เชิญ จะมาช่วยเราผสมเกสร นั้นคือ ผึ้ง ไม่รู้ว่ามาจากไหน คงจะแอบ
ซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ แถวนั่นแหละ เพราะเวลาดอกบานแล้ว กลิ่นหอมก็ปล่อยให้บานไปเรื่อยๆ จนติด
ผล ส่วนทางดิน ให้น้ำแบบโชยๆ อย่าให้ขาดน้ำ พุทราขาดน้ำเมื่อใด ขาดใจเมื่อนั้น ระยะติดผล
อ่อนที่สวนก็บำรุงเหมือนตอนดูแลระยะแรกเลย ง่ายๆ ไม่ต้องคิดมาก ทางดินรดน้ำพอชื้นวันเว้น
วัน ถ้าฝนตกก็ไม่ต้องรด

ระยะบำรุงผล เมื่อผลเริ่มมีขนาดเท่าลูกมะนาว ช่วงนี้จะมีแมลงวันทองกับด้วงกัดใบ เพลี้ยไฟ จะมา
เยี่ยมเยือน และก็มาเป็นทีมโดยมิได้นัดหมาย ก็ใช้สารชีวภาพที่ทำไว้ฉีดไล่แมลงทั้งหลาย ขณะ
เดียวกันก็คอยปลิดผลเหี่ยว ผลเสียรูปเสียทรงทิ้งลงตะกร้า อย่าทิ้งลงบนพื้น หากพบเห็นก็เอาโยน
ลงบ่อน้ำ หรือไม่ก็ทำบ่อซีเมนต์ใส่น้ำ เอาไว้ใส่ผลไม้ที่เสีย หรือถังทำปุ๋ยหมักน้ำชีวภาพ เพราะถ้า
ขืนทิ้งไว้บนดินล่ะก็เท่ากับเป็นการสร้างบ้านให้เจ้าพวกนี้มาอยู่

เนื่องจากพุทราไม่เหมือนผลไม้อื่นที่ต้องเก็บเกี่ยวก่อนผลแก่ได้ที่แล้วทิ้งให้ลืมต้น แต่พุทราจะ
เก็บก็เมื่อผลแก่เท่านั้น ข้อสังเกต คือ ผลจะมีผิวเป็นมันวาวและเนียน ไม่นวล สีจะออกเป็นสีเขียว
ตองอ่อนออกจางนิดๆ ถ้าสียังเข้มก็ยังไม่แก่

ข้อสังเกตในกิ่งเดียวกันจะมีลูกรุ่นอื่นออกตามมา ดังนั้น จึงต้องพิจารณาเอาเองว่า ถ้าต้องการเก็บ
ไว้เพื่อเอาผล เราก็บำรุงดูแลต่อไป แต่ถ้าเห็นว่าสมควรจะต้องตัดแต่งกิ่ง ก็ให้ลิดลงเพื่อเตรียมทำ
กิ่งใหม่ได้

กิ่งพุทราจะยื่นยาวเป็นแนวตรง แต่เมื่อติดผลและผลมีขนาดใหญ่กิ่งก็จะโน้มลงมาเอง ให้เอาไม้ไผ่
รวกมาทำเป็นคอกล้อมต้น นอกจากนี้ ยังจะช่วยประคองกิ่งไม่ให้ฉีกขาดได้ ปัจจุบัน คุณลุงเจริญ
เก็บเกี่ยวผลผลิตเฉลี่ยวันละ 120 กิโลกรัม ในช่วงเดือน ธันวาคมถึงมกราคม 2 เดือน ก็ 60 วัน
ผลผลิตรวม 7,200 กิโลกรัม เป็นเกรด เอ 30 เปอร์เซ็นต์ เกรดบี 70 เปอร์เซ็นต์ ราคาขายอยู่ที่
25 และ 20 บาท ตามลำดับ ในพื้นที่ 3 ไร่ ทำรายได้ดีพอสมควร

ข้อปฏิบัติหลังเก็บเกี่ยว ให้ตัดแต่งกิ่งที่ให้ผลแล้วออก กิ่งกระโดง กิ่งไขว้ กิ่งที่ไม่พึงประสงค์ และ
ยอดประธานที่เราต้องการควบคุมความสูง ทุกแผลที่ตัดให้ใช้สีน้ำมันทาปิดแผล เพื่อป้องกันโรค
เข้าทำลาย

กรณีทำสาว สามารถตัดกิ่งทำสาวใหม่ได้ในตำแหน่งที่ต้องการ ตัดด้วนๆ เลยไม่ตายหรอก แต่ก่อน
ตัดต้องใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก พรวนดินกำจัดวัชพืช รดน้ำให้ชุ่ม ล่วงหน้า 1 สัปดาห์ แล้วตัด และให้
เหลือกิ่งใดก็ได้ที่มีใบเอาไว้ 1 กิ่ง หลังจากตอหรือกิ่งที่ถูกตัด เกิดใบอ่อนหรือกิ่งใหม่ออกมา จึง
ค่อยตัดกิ่งที่เอาไว้ออก

สนใจพุทราจัมโบ้แลกเปลี่ยนความรู้หรือดูงาน ติดต่อ คุณลุงเจริญ คำโล ตามที่อยู่ข้างต้น หรือที่
เบอร์ โทรศัพท์ (054) 423-228 หรือ (081) 026-9336


ที่มา : เทคโนโลยีชาวบ้าน


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 03/04/2010 5:39 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 18/03/2010 6:50 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ประสบการณ์ตรง :

..... เป็นผลไม้ที่มีชื่อหลากหลาย ต่างคนต่างตั้งชื่อกันเองตามใจชอบทั้งๆ ที่เป็นสายพันธุ์เดียวกัน ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อต้นพันธุ์มาปลูก ต้องยึดหลัก "ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ดูให้แน่ดูถึงยาย....ซื้อต้นไม้ไปให้ถึงสวน ชมและชิมผลจากต้นแม่" นั่นแล.....พุทราจัมโบ้. แนะนำสายพันธุ์ทรงผลแป้นๆ แป้นเหมือนผลแอปเปิ้ล.เท่านั้น แล้วจะไม่ผิดหวัง

..... สายพันธุ์ "พุทรานมสด" ที่ อ.วิหารแดง จ.สระบุรี แท้จริงคือพันธุ์ "จัมโบ้" ทรงผลแป้นธรรมดาๆ แต่เจ้าของบำรุงด้วย "นมสด" ประจำ ทำให้เนื้อแน่น กรอบ แต่ฉ่ำน้ำคล้ายนมสด ทำให้อร่อยไปอีกรูปแบบหนึ่ง.....พุทราทุกสายพันธุ์ตอบสนองต่อ "นมสด" ดีมากๆ

..... เลือกกิ่งพันธุ์ที่ "ตอน" จากยอดชี้ขึ้น เมื่อนำลงปลูกจะโตเร็ว อานยุ 6-8 เดือนออกดอกติดลผลได้ แต่ถ้าใช้ต้นพันธุ์ที่ "ตอน" จากกิ่งชี้ลง เมื่อนำลงปลูกจะโตช้า นั่งหลุม ออกดอกติดผลช้าด้วย

..... เทคนิคการปลูกแบบเสียบยอดบนตอพื้นเมือง นอกจากได้ระบบรากที่สมบูรณ์ แข็งแรง หาอาหารเก่งแล้ว ยังช่วยให้ต้นอายุยานนานอีกด้วย

..... เป็นผลไม้ที่ต้องห่อผล ถ้าไม่ห่อ นอกจากทำให้ผลไม่โตแล้ว คุณภาพเนื้อจะไม่ดี กลิ่นรสไม่ดี แถมมีแมลงวันทองเข้าทำลายอีกด้วย

..... การทำค้างแบบองุ่น แล้วบำรุงเลี้ยงกิ่งให้เจริญยาวอยู่บนค้างนั้น จะช่วยให้การทำงานสดวกและง่ายกว่าการปล่อยให้ต้นเจริญยาวทางสูงเหมือนไม้ผลทั่วๆไป

..... ฯ ล ฯ


ลุงคิมครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©