-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางวิทยุ 25 N0V * สารสมุนไพร (16)
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาทางวิทยุ 22 NOV.. *งานสัญจรฯ วัดท่าตำหนัก นฐ.
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาทางวิทยุ 22 NOV.. *งานสัญจรฯ วัดท่าตำหนัก นฐ.

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11553

ตอบตอบ: 22/11/2019 5:47 am    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาทางวิทยุ 22 NOV.. *งานสัญจรฯ วัดท่าตำหนัก นฐ. ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตรทางรายการวิทยุ 22 NOV
AM 594 เวลา 08.15-09.00 (จันทร์-ศุกร์)
********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม

ผลิตรายการโดย :
กองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

จุดยืนรายการ :
* เกษตรแบบ อินทรีย์นำ - เคมีเสริม - ตามความเหมาะสม
* หัวใจเกษตร ปุ๋ย - ยา - เทคนิค - เทคโนฯ - โอกาส - ตลาด - ต้นทุน
* ปัจจัยพื้นฐาน ดิน - น้ำ - แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล - สารอาหาร - สายพันธุ์ - โรค
* พร้อมทำเองสอนวิธีทำ พร้อมซื้อสอนวิธีซื้อ

สนับสนุนรายการโดย :
*บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช .... (02) 322-9175-6
http://www.nimut.com/

* ยิบซั่มธรรมชาติ ---- เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์แมกซ์, .... ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ .... (089) 144-1112
http://www.bkgmax.com/kaset/product.html


กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (KIM ZA GASS) เป็นผู้ดำเนินรายการ

เช่นเคย รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม-ฝากข่าว ที่ (081) 913-4986 โทรศัพท์เข้ารายการคุยกันสดๆ ออกอากาศ สร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน (02) 888-0881 และอินเตอร์เน็ต เกษตรลุงคิมดอทคอม เว้บนี้ ถาม 1 บรรทัด ตอบ 1 หน้า ถนัดช่องทางไหนเลือกช่องทางนั้นตามอัธยาศัย นักรบไม่ว่ากัน THANK YOU ....

----------------------------------------------------------------------------------

โปรแกรมงานสัญจร....
เสาร์แรกของเดือน ไปที่วัดพยัคฆาราม (วัดเสือ) ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี,
เสาร์ที่สองของเดือน ไปที่วัดอัมพวัน (หลวงพ่อโหน่ง) สองพี่น้อง สุพรรณบุรี,
เสาร์ที่สามของเดือน ไปที่วัดท่าตำหนัก ถ.เพชรเกษม (ขาล่อง) ก่อนถึงแยกนครชัยศรี นคร ปฐม,
เสาร์ที่สี่ของเดือน ไปที่วัดส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปามหาสวัสดิ์ ถ.วงแหวนตะวันตก ถ.กาญจนาภิเษก ถ.ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี .....

สัญจรแต่ละครั้งแต่ละที่ สมช.ที่มา มีปัญหาอะไร เอามาคุยกัน พูดคุยถามตอบกันแบบ FACE TO FECT MOUTH TO MOUTH....
ทำ ทำถูก = ได้ผล ต่อยอด, ทำผิด = ไม่ได้ผล แก้ไขยังไง.



เก็บตกงานสัญจร 16 NOV วัดท่าตำหนัก ถ.เพชรเกษม (ขาล่อง) นครชัยศรี นครปฐม :
FACE TO FACE MOUTH TO MOUT :

สมช. 1 : หม้อปุ๋ยที่ปั๊ม หม้อปุ๋ยที่หน้าโซน ทำงานต่างกันยังไง ? ....
ตอบ : หม้อที่ปั๊ม ปุ๋ยเริ่มเดินทางตั้งแต่ปั๊มถึงต้นไม้ ระยะทางไกล้ไม่มีปัญหา เปิดปั๊มปล่อยปุ๋ยปุ๊บถึงต้นไม้ปั๊บ แต่ถ้าระยะทางไกลๆ บางครั้งระยะทางนับ 100 ม. หรือมากกว่า เปิดปั๊มปล่อยปุ๋ย น้ำค้างที่ค้างท่อไปก่อน แต่ปุ๋ยยังไม่ไปไม่ถึงต้นไม้ ระยะทางไกลมาก น้ำตกค้างในท่อมาก ต้นไม้ได้รับเต็มที่แล้ว ได้รับน้ำพอแล้วแต่ปุ๋ยยังไปไม่ถึง อีแบบนี้สำหรับไม้บางอย่างอาจน้ำมากเกิน รากเน่าได้ นั่นคือ ระยะทางจากปั๊มถึงต้นไม้ยิ่งไกลเท่า ไหร่ น้ำที่ค้างท่อไปก่อนปุ๋ยย่อมมากเท่านั้น ....

หม้อที่หน้าโซน ไม่มีอาการน้ำค้างท่อ เปิดวาวล์ปุ๊บ น้ำกับปุ๋ยออกจากวาวล์พร้อมกัน ถึงต้นไม่พร้อมกัน ไม่มีอาการน้ำเปล่าไปก่อน น้ำ+ปุ๋ยไปถึงทีหลัง ...

ขอบอกว่านี่แหละ เทคโนโลยีเครื่องทุ่นแรง สปริงเกอร์-หม้อปุ๋ย เกมส์นี้ สปริงเกอร์/หม้อปุ๋ย คือ ตัวช่วยที่ดีที่สุด ....

สปริงเกอร์ก็คือเครื่องมือฉีดพ่นธรรมดาๆตัวหนึ่ง แต่ที่ไม่ธรรมดาก็เพราะสามารถทำงานได้ทุกเวลาที่ต้องการ...
** เช้ามืด .... น้ำเปล่า หรือ น้ำ+สารสมุนไพร ฉีดล้างน้ำค้าง กำจัดราน้ำค้าง
** สาย ....... 10 โมงเช้า ให้ปุ๋ย/ฮอร์โมน +ยาสมุนไพร
** เที่ยง ...... น้ำเปล่า หรือ น้ำ+สารสมุนไพร กำจัดเพลี้ยไฟ ไรแดง แมลงปากกัดปากดูด
** บ่าย ....... ฝนตกต่อแดด ล้างน้ำฝนกำจัดแอนแทร็คโนส ให้ปุ๋ยกดใบอ่อนสู้ฝน
** ค่ำ ........ น้ำ+สารสมุนไพร ล้างช่อกำจัดราดำ กำจัดเพลี้ยจั๊กจั่น กำจัดหนอน
** มืด ........ กำจัดแมลงปากกัดปากดูด วางไข่ พาหะ

* กลางวันฝนตก : .. ฝนหยุดแดดออก (ฝนต่อแดด) ล้างน้ำฝน ป้องกัน/กำจัด แอ็นแทร็คโนส โรคใบจุด
* กลางวันฝนตก : .. ไม้ผลระยะสะสมตาดอก หรือ ปรับ ซี/เอ็น เรโช ก่อนฝนตกหรือหลังฝนหยุด ให้ปุ๋ยทางใบป้องกันการแตกใบอ่อน

* กรณีสปริงเกอร์หม้อปุ๋ย ฉีดพ่นบ่อยๆ ฉีดประจำๆ ลำพังศัตรูพืชตัวเล็กแค่ปลายไม้จิ้มฟัน จะมีภูมิต้านทานอะไรนักหนา โดนสารออกฤทธิ์ในสมุนไพรเข้าไป 2-3-4 ครั้ง ก็อยู่ไม่ได้แล้ว ปัญ หาก็คือ ฉีดบ่อยๆ ฉีดประจำๆ ชนิดวันต่อวันหรือวันเว้น ได้ไหม ? ต้องใช้เครื่องมืออะไร ? แบบไหน ? ....

ลองเปรียบเทียบระหว่าง เครื่องฉีดพ่นที่เป็นสปริงเกอร์ ฉีดพ่นครั้งละ 20-30-50 ต้น กับ เครื่องฉีดพ่นแบบลากสายยาง หรือแบบอื่นๆ ที่ฉีดพ่นทีละต้นๆ อย่างไหนประหยัด (เวลา/แรงงาน/พลังงาน/อารมณ์) ประสิทธิภาพประสิทธิผลมากกว่ากัน

ก็มีนะที่บางคนบอกว่า สปริงเกอร์ฉีดพ่นได้ไม่ทั่วทรงพุ่ม อันนี้อยากบอกว่า ไม่จริง ที่ฉีดพ่นได้ไม่ทั่วทรงพุ่มเพราะ "ติดผิดแบบ" ว่าตั้งแต่ การวางท่อ/แรงอัด-แรงดันน้ำ/หัวสปริงเกอร์...

สปริงเกอร์ที่ไร่กล้อมแกล้ม ไม้ผล 1 ต้น สปริงเกอร์ทางใบ 1 หัว ฉีดพ่นได้พื้นที่กว่า 90% ของพื้นที่ทรงพุ่ม ตอนมีลมพัดละอองน้ำจะปลิวซัดไปทั่วทรงพุ่ม 100% ทุกต้นทั่วทั้งสวน

แม้ว่าสปริงเกอร์จะทำงานได้ระดับนี้ก็ไม่ใช่ได้ผล 100% บางสถานการณ์โรคบางชนิด แมลงศัตรูพืชบางอย่างอาจจะแทรกเข้ามาได้ เพราะฉะนั้นจึงควรใช้วิธี ไอพีเอ็ม. หรือการป้องกันกำจัดแบบผสมผสาน คือ ใช้หลายอย่างร่วมกัน เช่น กับดักกาวเหนียว, แสงไฟล่อ, แสงไฟไล่, กลิ่นล่อ, กลิ่นไล่, รวมไปถึงแมลงธรรมชาติ เช่น มดแดงกำจัดหนอน แมลงตัวห้ำตัวเบียน และบำรุงพืชให้สมบูรณ์แข็งแรง เป็นภูมิต้านทานในตัวของต้นพืชเอง

เปรียบเทียบ สปริงเกอร์ vs ลากสายยาง/สพายเป้-เรือปากเป็ด-แอร์บลาสส์
- อายุใช้งาน 1-10-20-30 ปี
- ต้นทุนแรงงาน (ทำเอง/จ้าง)
- ต้นทุนพลังงาน (ไฟฟ้า/น้ำมัน)
- ต้นทุนเวลาที่ทำงาน
- ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของเนื้องาน
- สุขภาพร่างกาย (คนใช้/คนกิน)
- เครดิตความน่าเชื่อถือ (สังคม/ทั่วโลก)
- กระแสโลก
- ฯลฯ

แรงบันดาลใจ :
สปริงเกอร์-หม้อปุ๋ย อย่างเดียว 10 ปีไม่ใช้สารเคมียาฆ่าแมลงอย่างเดียวก็คุ้มเกินคุ้ม...

http://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=6049#33991
----------------------------------------------------------------------------------

สมช. 2 : สปริงเกอร์ ติดแล้วล้างตัวเองไม่ได้เพราะอะไร ?...
ตอบ : (วาดรูปให้ดูประกอบ)...เพราะวางท่อแบบ ทีละแถว ทีละร่อง ถึงท้ายแถวท้ายร่องแล้วปิดปลายท่อ ท่อใครท่อมัน ทุกท่อ ที่หัวร่องมีวาวล์ประจำแถวประจำร่อง เปิดแถวไหนร่องไหน น้ำออกเฉพาะแถวนั้นร่องนั้น เปิด 1 ร่องออก 1 ร่อง เปิด 5 ร่องออก 5 ร่อง แบบนี้แต่ละร่องเปิดแล้ว 2-3 หัวแรกออกแรง 2-3 หัวกลางออกกลาง 2-3 หัวท้ายออกค่อย บางสวนแก้ปัญหาโดยใส่วาวล์ที่สปริงเกอร์ 2-3 หัวแรก เพื่อให้น้ำออกน้อยแล้วปล่อยให้ไปออกที่หัวท้าย การแก้ปัญหาแบบนี้ก็พอได้ แต่ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะสิ้นเปลืองวาวล์โดยใช่เหตุ แถมการวางท่อแบบนี้ ปล่อยปุ๋ย/ปล่อยยา ไปกับระบบสปริงเกอร์ไม่ได้ ....

การวางท่อแบบแบ่งโซน แต่ละโซน “ขึงหัว-ขึงท้าย” ประจำโซน น้ำที่ปล่อยไปในโซนไม่มีอาการน้ำไหลวน เฉพาะโซน ทั่วทั้งโซน เปรียบเทียบแบบไฟฟ้าที่เรียกว่าแบบ “อนุกรม” ประมาณนั้น อันนี้ต้องถามช่างไฟฟ้า ....

สปริงเกอร์ที่ไร่กล้อมแกล้ม แบ่งเป็นโซนๆ แปลงไม้ผลโซนละ 50 ต้น แต่ละโซนวางไปตามแถวแต่ละแถวก่อน แล้วที่หัวแถววางท่อต่อเชื่อมระหว่างแถวทุกแถว ที่ท้ายแถวก็วางท่อต่อเชื่อมระ หว่างแถวทุกแถวเช่นกัน ในโซนจึงเป็นสี่เหลี่ยม ....

ที่เชื่อมหัวแถวติดวาวล์รวม (เมนวาวล์ อันเดียวสำหรับทั้งโซน) มีหม้อปุ๋ยติดอยู่ด้วย เมื่อเปิดเมนวาวล์ปล่อยน้ำเข้าไป เปิดเต็มที่เลย น้ำจะออกที่หัวสปริงเกอร์ หัวแรกหัวกลางหัวท้ายหัวซ้ายหัวขวา ทุกหัวพ่นแรงเท่ากันทั้งทั้งโซน ว่าแล้ว ให้ถอดหัวสปริงเกอร์ หัวใดหัวหนึ่ง เพียงหัวเดียว น้ำจะพุ่งออกที่หัวนั้นแรงมาก แรงมากๆ สังเกตน้ำที่ออกมา ถ้าใสดี แสดงว่าน้ำสะอาด แต่ถ้าขุ่นแสดงว่าน้ำสกปรก ขุ่นมากสกปรกมาก ขุ่นน้อยสกปรกน้อย ความสกปรกที่เห็นคือ “โคลน” โคลนตัวนี้นี่แหละที่ทำให้หัวสปริงเกอร์อุดตัน ....

ถ้าน้ำที่พุ่งออกมาขุ่น ให้เปิดน้ำไปเรื่อยๆ ฝุ่นโคลนในท่อทั่วทั้งโซน (ระบบน้ำวน) จะมาออกตรงนี้ น้ำจะค่อยๆใส ๆๆ กระทั่งเห็นว่าใสจนเป็นที่พอใจแล้วก็ติดหัวสปริงเกอร์เข้าที่เดิม เป็นอันเรียบร้อยร้อยเรียบ ....

คุณมงคลฯ เคยคุยกับวิศวกรน้ำเกี่ยวกับระบบการวางท่อสปริงบเกอร์ วิศวกรบอกว่า แบบไร่กล้อมแกล้ม ถูกต้องที่สุด แบบที่ติดตั้งกันทั่วๆไปน่ะผิด ....

อืมมม อันนี้ ถูกหรือผิด ดูน้ำที่พ่นออกมาจากหัวสปริงเกอร์ ทุกหัว กับประสิทธิภาพประสิทธิผลของเนื้องาน ก็แล้วกัน
-----------------------------------------------------------------------------------

สมช. 3 : รถอีต๊อก อีแต๋น บรรทุกน้ำ ...
ตอบ : (วาดรูปให้ดู) ดูตามรูป แล้วจ้างให้ช่างทำ อีต๊อก อีแต๋น ที่ไหนก็มี ถามจริง ไม่เคยเห็นเลยเหรอ อืมมม ชื่อรถแต่ละบ้านอาจจะเรียกไม่เหมือนกัน อันนี้ เอาตามรูปที่วาดให้ดูก็แล้วกัน ชื่อนั้นสำคัญไฉน ว่ามั้ย ....

ส่วนแทงค์น้ำที่จะบรรทุก อันนี้ช่างที่ที่ทำอีต๊อกอีแต๋นน่าจะแนะนำได้นะ
-----------------------------------------------------------------------------------

สมช. 4 : จุลินทรีย์ในน้ำหมักระเบิดเถิดเทิง กับ จุลินทรีย์ใน อีเอ็ม. กลุ่มเดียวกันไหม ? ...
ตอบ : อืมม ดร.สุริยา ศาสนรักกิจ ผอ.วว. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลังสถานีวิทยุจราจร สวพ.91 แยกเสนานิคม คนนี้คือ “ครู” คนหนึ่งของลุงคิม ....

ดร.สุริยาฯ เคยทำหนังสือราชการ (เน้นย้ำ....หนังสือราชการ) ไปที่คิวเซ. อีเอ็ม. ขอทราบข้อมูลจุลินทรีย์ใน อีเอ็ม. ทางคิวเซ อีเอ็ม. ตอบมาว่า “บอกไม่ได้ เพราะเป็นความลับ” ....

งานนี้ ดร.สุริยาฯ ทำเอง ศึกษาเอง ใช้วัสดุสารพัด ทั้งสัตว์และพืชราว 20-30 อย่างมาแยกหมักตามหลักวิชาการ เวลาผ่านไป 1เดือน 2เดือน 3เดือน 6เดือน 1ปี มีการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ตลอดระยะเวลา กระทั่ง 1 ปีผ่านไปจึงพบจุลินทรีย์ที่หมักด้วยปลาทะเลหมัก มีรูปลักษณะทุกอย่าง ตรง/เหมือน จุลินทรีย์ใน อีเอ็ม. เป๊ะ....

ดร.สุริยาฯ ถึงกับบอกว่า “โธ่ มาแอบอยู่นี่เอง...” และ นี่คือที่มาของชื่อ “จุลินทรีย์ อีแอบ” ที่ลุงคิมทำนั่นเอง....

ในเมื่อ อีเอ็ม.ทำจากปลาทะเล แล้วระเบิดเถิดเทิงทำจากกุ้งหอยปูปลาทะเล ทะเลเหมือนกัน หมักข้ามปีเหมือนกัน แล้วมันต่างกันตรงไหน ....

ดร.อิงะ เป็นนักวิชาการญี่ปุ่นก็จริง แต่มาอยู่เมืองไทย ทำ อีเอ็ม. ในเมืองไทย ดร.อิงะ เอาวัสดุส่วนผสมมาจากญี่ปุ่นเหรอ ที่สำคัญ ญี่ปุ่นเมืองหนาว ประเทศไทยเมืองร้อน จุลินทรีย์การ เกษตร ตัวเดียวกัน/กลุ่มเดียวกัน เหรอ....
--------------------------------------------------------------------------------------

สมช. 5 : อุณหภูมิในกองปุ๋ยหมักอินทรีย์ควรเป็นเท่าไหร่ ? ....
ตอบ : 40-50 องศา จุลินทรีย์ดี เกิด ....
60 องศา ไอกรุ่นๆ จุลินทรีย์ไตรโคเดอร์ม่า.เกิด ....
70 องศา จุลินทรีย์ทุกชนิด ตาย....
ถ้าไม่ร้อนเลย หรือความร้อนต่ำกว่า 40 องศา จุลินทรีย์ดีไม่เกิด หรือเกิดน้อยมาก แถมจุลินทรีย์เชื้อโรคเกิดได้อีกต่างหาก....

ระหว่างการหมักแล้วเกิดความร้อน มีควันลอยขึ้นมา ตรวจสอบระดับอุณหภูมิ แล้วกลับกองเพื่อระบายความร้อนและให้อากาศแก่จุลินทรีย์ กลับกอง/กดแน่น/คลุมกอง แล้วร้อน ให้กลับกองระ บายความร้อนอีก ทำซ้ำทุกครั้ง จนในกองไม่มีความร้อน ใช้มือล้วงเข้าไปในกองแล้วรู้สึกเย็น นั่นคือ “จุลินทรีย์ดี” พร้อมใช้งาน

วัสดุที่ส่งเสริมการเกิดจุลินทรีย์ คือ สารรสหวาน รำละเอียด ขี้แพะ ขี้ม้า
-------------------------------------------------------------------------------------

สมช. 6 : ซื้อสารสมุนไพรสูตรยาน็อค 10 ล. มีแถมไหม ?...
ตอบ : มี แถม 2 ล. ถามจริง ซื้อไปเยอะแยะแบบนี้ ใช้ได้ผลจริงๆเหรอ ....

คำตอบสวนทันที ถ้าใช้ไม่ได้ผลจะซื้อเรอะ หรือซื้อไปเททิ้งล่ะ ....
ถามหน่อย เมื่อไหร่จะทำสูตรเฉพาะ ฆ่าหนอน-ฆ่าเชื้อรา โดยตรงล่ะ จะได้ไม่ต้องไปบวกเพิ่มสมุนไพรฆ่าหนอน ฆ่าเชื้อราอีก ....

อืมมม คอยหน่อยนะ ทุกอย่างอยู่ในหัวนี่แหละ ที่ยังไม่ได้ทำเพราะยังไม่รู้ว่า ทำออกมาแล้วจะขายลิตรละเท่าไหร่ดี ...
ราคาเดิมนี่แหละลุง....
-------------------------------------------------------------------------------------

สมช. 7 : น้ำหมักชีวภาพทำจากพืชผัก หมักนานข้ามปี ไม่เหม็น ไม่มีหนอน วัสดุส่วนผสมเปื่อยเป็นน้ำวุ้น มีธาตุอาหารอะไรบ้าง ....
ตอบ : อยากรู้ว่ามีธาตุอาหารอะไรบ้าง ดูจากหนังสือโภชนาการ ดูว่ากินพืชอะไรแล้วได้ธาตุอาหารอะไร เมื่อเราเอาพืชนั้นมาทำน้ำหมักก็จะได้ธาตุอาหารตัวนั้นนั่นแหละ จากพืชผักธรรดาๆ มาที่วัสดุอย่างอื่นบ้างล่ะ จะได้ธาตุอาหารเพิ่มขึ้นไหม นั่นคือ ทำปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรกล้อมแกล้มไงล่ะ ....

ข้อมูลล่าสุดจาก ทีวี.สารคดีต่างประเทศบอกว่า น้ำหมักจากพืช หมักนานข้ามปี 2 ปี จุลินทรีย์จะเปลี่ยนไนโตรเจน ให้เป็นฟอสเฟต. โปรแตสเซียม. เป็นประโยชน์ต่อพืช....

คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ/ฟันธง วัสดุที่ใช้ทำน้ำหมักชีวภาพระหว่าง “ผักผลไม้-หอยเชอรี่-ปลาน้ำจืด-ปลาทะเล” แต่ละอย่างให้ธาตุอาหารอะไร มากน้อยแค่ไหน ทำแล้ว เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก ด้วย “นม-น้ำมะพร้าว-ขี้ค้างคาว-ไขกระดูก” อีก สุดท้ายก่อนใช้งาน ได้ธาตุอาหารรวมทั้งสิ้นอะไร บ้าง ....

จากอินทรีย์เพียวๆ เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก ด้วย “ปุ๋ยเคมี หลัก/รอง/เสริม” ได้ไหม ? ดีไหม ?
--------------------------------------------------------------------------------------

สมช. 8 : ลำไย เพลี้ยแป้ง ยาน็อคเอาไม่อยู่ ทำยังไง ?...
ตอบ : ใช้ยาน็อคเดี่ยว +ไวท์ออย หรือ น้ำยาล้างจานไปด้วย ....
เพลี้ยแป้ง มีแป้งหุ้มตัว สารสมุนไพร สารเคมี อะไรก็ผ่านแป้งเข้าไปไม่ได้ แต่น้ำมันไวท์ออย น้ำยาล้างจาน ซึมแทรกผ่านแป้งเข้าไปได้ ....

เพลี้ยแป้ง ไม่มีปีก ไม่มีขาเดินเอง ต้องอาศัยมดแดงเป็นพาหะ พาไปวางที่ต้นนั้นตรงนี้ของต้นพืช เพราะฉะนั้นต้องกำจัดมดแดงด้วย ถึงจะได้ผลเด็ดขาด ....

สำคัญที่สุด คือ ป้องกันกันก่อนแก้ ทั้งนี้ ไม่มีพืชใดในโลกที่ไม่มีศัตรูพืชประจำตระกูลเผ่า พันธุ์ วันนี้ยังไม่มีเพราะยังไม่มา มาเถอะเอาไม่ทัน เพราะฉะนั้นต้องกันก่อนแก้เท่านั้น แล้วก็ไม่มีสารเคมีใดในโลก ไม่มีสารสมุนไพรใดในโลก ที่สามารถทำให้ส่วนของพืชที่ถูกทำลายไปแล้วฟื้นคืนดีอย่างเดิมได้ เรียกว่า เสียแล้วเสียเลยประมาณนั้น ....

มาตรการป้องกันที่ดีที่สุดวันนี้ คือ สปริงเกอร์-หม้อปุ๋ย เทคโนโลยีเครื่องทุ่นแรงตัวนี้ประหยัด เวลา ประหยัดแรงงาน เพิ่มประสิทธิภาพประสิทธิผลของเนื้องาน เกินกินคุ้ม ติดสปริงเกอร์ครั้งเดียวใช้งานได้ 10-20-30 ปี
---------------------------------------------------------------------------------------

สมช. 9 : ต้นทุนสปริงเกอร์ สวนยกร่องน้ำหล่อ อุปกรณ์แพงไหม ? ...
ตอบ : ไร่กล้อมแกล้มซื้อที่บ้านโป่ง ท่อ พีวีซี. 1 นิ้ว เมตรละ 20.-, ท่อ พีอี. 1 นิ้ว เมตรละ 8.-, หัวสปริงเกอร์เหนือยอดแบบ พ่นน้ำละอองน้ำ 75% เม็ดน้ำ 25% อันละ 2.50.-, ปั๊ม 3 แรงม้า 75,000.- ....

ตอนที่ติดตั้ง 1 โซน 50 ต้น ราคาค่าวัสดุ 5,000 ค่าแรง 10,000 แบบนี้เลยจ้างแรงงานโซนเดียว ที่เหลือทำเอง ....

ที่อื่นราคาเท่าไหร่ ไม่รู้ เพราะแต่ละที่ คนขายแต่ละคนไม่เหมือนกัน
-----------------------------------------------------------------------------------

สมช. 10 : ผักใบ/ผักผล .... ไบโออิ. ยูเรก้า. ไทเป. ใช้ปุ๋ยตัวไหน ?...
ตอบ : ผักใบ ผักกาด ผักคะน้า ใช้ไบโออิ.ก็พอ ถ้าใช้ยูเรก้า.ใบจะใหญ่ ใหญ่มากๆ ใหญ่จนคนไม่กิน จะขายไม่ออก แต่ถ้าจะเอาใหญ่กว่าธรรมชาตินิดหน่อย ใช้ ไบโออิ.+ยูแรก้า. ....

ผักกินผล ทั้งพุ่มเตี้ยมะเขือ/พริก ทั้งเถาเลื้อยมะเขือเทศ/ถั่วฝักยาว อันนี้ใช้สหประชาชาติ. นั่นคือ ไบโออิ.+ไทเป.+ยูเรก้า. ปุ๋ย 3 ตัวนี้ บำรุงต้นสร้างความสมบูรณ์สะสม-ปิดตาดอก-บำรุงดอก-บำรุงผล ไปพร้อมๆกันเลย...

ที่สำคัญอย่าลืมอย่าขาด ทุกครั้งที่ให้ทางใบ + ยาน็อคสมุนไพร.ไปด้วย กับ ให้ไปแล้ว 2 รอบ สลับให้แคลเซียม โบรอน. 1 รอบ อันนี้นะ ผักใบทั่วๆไปจะเสี้ยนน้อย แต่ถ้าเป็นผักกุยช่าย ธรรมชาติเสี้ยนเยอะอยู่แล้ว คราวนี้เสี้ยนจะหายไปกว่าครึ่งเลยเชียวแหละ ส่วนผักกินผล เนื้อจะมาก เมล็ดจะน้อย ลูกใหญ่ ฝักใหญ่กว่าเดิมเยอะ ....

เหนือกว่าสำคัญ คือ รสชาติดี คนกินแล้วติดใจทุกคน คิดดู คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ ที่ใบพืชมีปากใบ เราให้ธาตุอาหาร ให้ฮอร์โมน ทางใบไปแล้ว ต้นพืชดูดซับเข้าไป ธาตุอาหาร ฮอร์โมน จะบำรุงต้น สร้างผลผลิตให้รสชาดตามธรรมชาติ แล้วถ้าเราฉีดพ่นสารเคมีทางใบ ปากใบก็ต้องดูดซับเข้าต้น หรือว่าเขาบ้วนทิ้งล่ะ สารเคมีคือสารพิษเมื่อเข้าสู่ต้นพืชแล้วจะทำให้รสชาดผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติ คนกินเข้าไปแล้ว ไม่ใช่ไม่อร่อยอย่างเดียวนะ แถมมีโทษต่อร่างกายอีกด้วย เรื่องแบบนี้คนทั้งโลกรู้ดี เพราะฉะนั้นถึงยุคถึงสมัยหรือยังที่เกษตรกรไทยสมควรเลิกสารเคมีแล้วหันมาใช้สารสมุนไพร. ไอพีเอ็ม. แทน ....

กรณี ไบโออิ. ยูเรก้า. ไทเป. ระเบิดเถิดเทิงสูตรตามพืช. สารสมุนไพรสูตรยาน็อค. สารสมุน ไพรสูตรเฉพาะ. จะทำเอง ทำใช้ทำขายทำแจกทำเททิ้ง หรือจะซื้อ ซื้อคนเดียว รวมกลุ่มซื้อ ก็คิดดู
---------------------------------------------------------------------------------

สมช. 11 : อัตราใช้น้ำหมักในระเบิดเถิดเทิง ในแปลงผักยกร่องน้ำหล่อ เท่าไหร่ ?....
ตอบ : เอานาข้าวเป็นหลักเพราะเป็นพื้นราบ ต้นข้าวขึ้นกระจายทั่วแปลง แปลงแบบนี้ใส่ 2 ล./ไร่ วิธีใส่ ใส่ให้กระจายทั่วแปลงทุกตาราง นิ้ว เพื่อต้นข้าวจะได้รับเหมือนๆกันทุกต้น ....

จากแปลงนาข้าวมาแปลงผักแบบยกร่อง การคำนวณพื้นที่ให้วัด ขนาดกว้าง/ขนาดยาว สันแปลงของแต่ละ ร่อง/แปลง กว้าง x ยาว ได้กี่ตารางวา นา 1 ไร่ = 400 ตารางวา กลับมาที่แปลงผักยกร่อง วัดขนาดพื้นที่แต่ละร่อง กี่ร่องรวมกันได้ 400 ตารางวา นั่นคือ ใช้น้ำหมัก 2 ล. ต่อทุกร่องที่รวมพื้นที่กันแล้วได้ 400 ตารางวา....

สวนยกร่องน้ำหล่อ ติดสปริงเกอร์แล้ว คิดใหม่-คิดเพิ่ม กั้นหัวท้ายร่องน้ำ....
*** ร่อง 1 เลี้ยงปลานิล
*** ร่อง 2 เลี้ยงปลาสลิด
*** ร่อง 3 เลี้ยงกบกระชัง
*** ร่อง 4 ปลูกผักบุ้งทอดยอด
*** ร่อง 5 ปลูกผักกะเฉด
*** ร่อง 6 ทำค้างเหนือร่องปลูกบวบ ฟักเขียว ในน้ำเลี้ยงปลา

------------------------------------------------------------------------------------


.


กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©