-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 138 บุคคลทั่วไป และ 1 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

พืชสวนครัว





ชะอม


1.พันธุ์
ได้แก่

1.1 พันธุ์ยอดใหญ่ ลักษณะต้นสูงใหญ่ แตกยอดได้ดีในหน้าแล้ง

1.2 พันธุ์ยอดขนาดกลาง ให้ยอดดีทั้งหน้าฝนและหน้าแล้ง

1.3 พันธุ์ยอดเล็ก เป็นพันธุ์ยอดตรงคล้ายยอดกระถิน เมื่อตัดต้นจะแตกยอดใหม่ได้ดี


2. การเตรียมดิน
ไถตากดิน 7 วัน พรวนดิน ย่อยดิน ยกร่องโดยปลูกแบบร่องผัก หรือยกร่องแบบร่องข้าวโพดฝัก
อ่อนก็ได้ ขุดหลุม ใส่ปุ๋ยคอกประมาณ 1 กำมือต่อหลุม ระยะปลูกระหว่างต้นประมาณ 60 x ระหว่างแถว 100
เซนติเมตร


3. การปลูก
ใช้ท่อนพันธุ์ที่เป็นกิ่งตอน หรือกิ่งที่ตัดมาจุ่มน้ำยาเร่งราก และปลูกได้เลย กลบดินรดน้ำให้ชุ่ม


4. การให้น้ำ
ควรปล่อย อาทิตย์ละ 2 ครั้ง


5. การใส่ปุ๋ย
ควรให้ปุ๋ยคอก และเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 50 กก.ต่อไร่ พรวนดินกลบโคนต้น แล้วปล่อยน้ำตาม


6. การเก็บเกี่ยว
ชะอม จะเก็บผลผลิตได้เมื่อทรงพุ่มสูงประมาณ 1 เมตร แล้วค่อยตัดแต่งกิ่งต้น โดยใช้กรรไกรตัด
แต่งกิ่ง


7. โรคและแมลง
ได้แก่ โรคเหี่ยวตาย และแมลงคือ เพลี้ยไก่แจ้ และหนอนผีเสื้อ แก้ไขโดย ขุดทิ้ง และพ่นสารเคมี
เช่น อิมิดาโดลพริด และไซเปอร์เมทริน


ที่มา  :  กรมวิชาการเกษตร


****************************************************************************************************************************************************



สมยศ ศรีสุโร

เดินห่าง...จากความจน ปลูกชะอมเพิ่มอีกแล้วครับท่าน

คงไม่มีใครปฏิเสธ ถ้าผมจะเขียนบอกคุณว่า ตัวเราเท่านั้นที่สามารถกำหนดเส้นทางเดินของเราเอง ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัว
เป็นผู้กำหนด ที่สำคัญคืออยู่ที่จังหวะการก้าวเดินไปบนเส้นทางเดินแห่งชีวิต เมื่อมีโอกาสที่ดีที่สุดเพียงแค่เสี้ยววินาที
คุณจะสามารถคว้ามันไว้ได้หรือไม่เท่านั้น ว่ากันว่าในชีวิตความเป็นคนทั้งชีวิต บางคนโอกาสที่ดีเปิดทางให้เดินทางเข้า
มาหาตั้งหลายครั้ง บางคนโอกาสดีๆ อาจจะมีเพียงแค่ครั้งเดียว เช่นกันบางคนทั้งชีวิตไม่เคยได้รับโอกาสดีๆ เลย แม้จะ
พยายามเดินทางหามาทั้งชีวิต แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร เส้นทางที่ก้าวเดินไปจะเป็นอย่างไร ขรุขระแค่ไหน ทุกเส้นทาง
เดินจะไม่ยอมเปิดโอกาสให้สำหรับคนที่หัวใจท้อแท้ อ่อนแอ วังวนและฝังใจอยู่กับอดีตที่ผ่านมา ไม่คิดที่จะทำปัจจุบัน
วันนี้ให้ดีที่สุด แน่นอนคนนั้นย่อมหาโอกาส เดินห่าง...จากความจน ได้ยากมากๆ จริงไหม? ครับ ฉะนั้น ท่านผู้อ่านที่
พร้อมจะก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อที่จะเดินห่าง...จากความจน ต้องสู้ลูกเดียว เดินหน้าสู้มันไป ถอยได้บ้างเล็กน้อย แต่
ห้ามท้ออย่างเด็ดขาด

ก็ยังเป็นที่สนอกสนใจสำหรับแฟนๆ ของผมเกี่ยวกับเรื่องของชะอม ถึงกับโทรศัพท์ไปหาไม่ขาดสาย แฟนๆ ที่ต้องการ
ปลูกชะอมยังมีอีกในหลายๆ จังหวัด โดยเฉพาะทางอีสานและทางใต้ ถึงขั้นสละเวลาอันมีค่าเดินทางมาเยี่ยมเยือนผม
และดูแปลงสาธิตที่สวนผม เมื่อพิจารณาบวกลบคูณหารเรียบร้อยก็ตัดสินใจสั่งกิ่งชะอมพันธุ์ที่ผมเรียกว่า ชะอมกิ่งพันธุ์
ไม้เค็ด 2009 ไปปลูกกันมากมายทีเดียว ชนิดคาดไม่ถึง แล้ววินาทีนั้นเองผมบอกกับตัวเองว่า เราจะใจจืดใจดำกับ
แฟนๆ ได้อย่างไร ว่าแล้วก็ตัดสินใจปลูกชะอมเพิ่มอีกรูปแบบหนึ่งที่แปลกกว่าเดิม เพื่อว่าแฟนๆ ไปเยี่ยมเยียนจะได้
เห็นของจริงๆ ก่อนการตัดสินใจง่ายขึ้น

จากที่เดิมผมเคยปลูกชะอมเป็นแปลงสาธิต ประมาณ 200 ต้น ในเดือนพฤษภาคม 2552 จนเก็บยอดไปหลายครั้งแล้ว
ลำต้นก็พอที่จะสามารถตอนได้บ้างแล้ว ถัดไปจากแปลงชะอมที่มีอยู่แล้ว ผมปลูกสับปะรดไว้ประมาณ 400 ต้น แล้ว
แซมด้วยต้นตะไคร้ ในเนื้อที่กว้างประมาณ 7 เมตร ยาวประมาณ 120 เมตร เป็นถนนทางเดินรอบสวนดังที่เคยเขียน
บอกไว้ สุดท้ายก็ตัดสินใจรื้อแปลงสับปะรดกับตะไคร้ออกทั้งหมด ปรากฏว่าดินแทบไม่ต้องปรับแต่งอะไรทั้งสิ้น เพราะ
รากของสับปะรดกับตะไคร้ทำให้ดินร่วนซุยชนิดไม่น่าเชื่อ

ลงมือกันเลยนะครับ สำหรับการปลูกชะอมครั้งที่ 2 ในแบบฉบับของ เดินห่าง...จากความจน ก่อนอื่นปรับพื้นให้เรียบ
เล็กน้อยชนิดพอให้เห็นว่าเรากำลังจะปลูกพืช แล้วต่อมาก็วางท่อสปริงเกลอร์ตรงกลางแปลง กะว่าให้น้ำเหวี่ยงไปได้ 2
ข้าง เท่าๆ กันจะได้ให้กระจายเต็มพื้นที่ แล้วก็ลงมือปลูก แต่ครั้งนี้จะแตกต่างจากครั้งแรก 2 ประการ ประการแรก คือ
ครั้งแรกปลูกกว้าง 5 แถว แต่ครั้งนี้ปลูกกว้าง 4 แถว ยาวตลอดแนว ความยาวของแปลงที่ปลูกแต่ระยะถี่กว่าเดิม คือ
ระหว่างต้น ประมาณ 70 เซนติเมตร ครั้งแรกประมาณ 1 เมตร แต่ช่วงห่างระหว่างแถวจะกว้างมากขึ้น สรุปปลูกเที่ยวนี้ก็
เพื่อให้เดินได้ 2 แถว ซ้าย-ขวา เพื่อเก็บยอดชะอมได้สะดวกขึ้น ตลอดการให้ปุ๋ยด้วย ประการต่อมาครั้งนี้จากที่กิ่งพันธุ์
ยาวประมาณ 70-80 เซนติเมตร จะตัดให้เหลือแค่ครึ่งเดียว เพื่อต้องการให้แตกเป็นพุ่มมากกว่าเก่า ลงมือปลูกวัน
อังคารที่ 17 พฤศจิกายน 2552 ทำไม ต้องเป็นวันอังคาร สำหรับข้อนี้ผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคยปลูกชะอมบอกผมว่า หากยึดถือ
เรื่องที่เล่าขานกันมาแต่โบร่ำโบราณแล้ว ถือว่าปลูกชะอมในวันอังคารจะทำให้ได้ยอดชะอมดกและโตด้วย ผมจึงจำ
ปฏิบัติตามทุกประการ ก็ผมมันคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์นี่ครับ ท่านใดจะยึดตามก็ไม่น่าจะมีปัญหา ไม่ต้องโทรศัพท์ไป
ขออนุญาตผม ฤกษ์ลงมือปลูกต้นแรกในเวลา 9 โมง 9 นาที เหมือนครั้งแรกทุกประการ รุ่นสอง หากนับเวลานี้ก็
ประมาณ 3 เดือน แล้ว ท่านใดมีความสนใจการปลูกชะอมในแบบฉบับของ เดินห่าง...จากความจน ก็เชิญครับ ติดต่อ
ไปก่อน โทร. (081) 846-0652 กรุณานัดล่วงหน้า ผมจะได้อยู่ต้อนรับพร้อมน้ำตะไคร้หอมชนิดดื่มแล้วชื่นอกชื่นใจ รส
ชาติไทยแท้ รับประกันความผิดหวังจริงๆ

สิ่งสำคัญที่แฟนๆ ถามกันมากก็คือ ปลูกแล้วจะขายอย่างไร ผมเขียนบอกเสมอหรือตอบคำถามแฟนๆ เสมอว่า การ
บริหารจัดการอยู่ที่ตัวคนปลูกเอง เมื่อคิดจะปลูกแล้วขายไม่ได้ จะไปปลูกทำไมครับ คิดให้มันปวดสมองเปล่าๆ หันไป
ปลูกอย่างอื่นไม่ดีกว่าหรือ เอาสมองทั้งก้อนไปคิดทำอย่างอื่นดีกว่าเยอะเลย มีหลายๆ ท่านบอกกับผมว่า นำชะอมไป
ขายเอง เพราะมีผักตัวอื่นไปขายด้วย บางท่านใช้แบบเปิดท้ายขายผักทีเดียว อย่างนี้ถือว่านำหลักสูตรทางการตลาดมา
พ่วงไปด้วย บางท่านบอกว่าเก็บแล้วกำขายส่งให้กับแม่ค้าคนกลาง หรือบางท่านขายให้กับร้านขายอาหาร เหล่านี้เป็น
ต้น หากปลูกเองแล้วขายเองถือว่าประสบผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังไม่มีท่านใดบอกผมว่านำไปปรุงเมนูอาหารชนิด
ต่างๆ แล้วนำออกขายหรือมีกันแล้ว ก็ขอความกรุณาอย่างสูงส่งสายไปบอกกันบ้าง เผื่อว่าจะได้บันทึกไว้เป็นตำนานใน
รายละเอียดของชะอม แต่สำหรับผมไปติดต่อกับแม่ค้าขายผักในตลาดที่หน้าค่ายจักรพงษ์ บริเวณสถานีรถไฟ
ปราจีนบุรีโดยตรงเพียงเจ้าเดียว มีข้อแม้ว่าต้องมาเก็บเองที่สวนด้วย เก็บแล้วต้องกำเองด้วย โดยตกลงกันที่ประมาณ
70 : 30 คือ คนปลูกได้มากกว่าก็เป็นอันว่าตกลงด้วยดี ก็ช่วยๆ กันไป แบ่งกัน เดินห่าง...จากความจน ชื่อ คุณป้าบุปผา
จันทรบุตร อายุ 68 ปี แต่ยังแข็งแรง ชวนหลานสาวมาช่วยอีกแรงหนึ่ง เพราะสวนผมมีผักตัวอื่นด้วย เช่น ใบชะพลู
ตะไคร้ กะเพรา ยอดมะม่วงหิมพานต์ ยอดใบชะมวง และอื่นๆ เท่าที่มีอยู่ โดยเฉพาะผักปลังญี่ปุ่น ผมปลูกไว้เยอะ
เหมือนกัน แต่คนยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก โอกาสหน้าจะมาเขียนเล่าสู่กันฟัง แต่ถ้าใครไปเยี่ยมผมจะแจกเมล็ดผักปลัง
ญี่ปุ่นไปให้ปลูกฟรี ปลูกง่ายไม่ยาก ปรุงอาหารได้หลายเมนูทีเดียว ลักษณะที่พิเศษต่างจากผักปลังไทยคือ ยอดจะ
โตกว่าสีเขียว ผัดน้ำมันหอย ต้มจิ้มน้ำพริกก็ได้ จากค้นคว้ามาว่าคุณสมบัติมีสารเบต้าแคโรทีน แคลเซียม และ
ฟอสฟอรัส มียางลื่นนิดๆ มีคุณสมบัติเคลือบกระเพาะอาหาร ลำไส้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ป้องกันโรคเลือด มะเร็ง
เบาหวาน บำรุงหัวใจ

เป็นอันว่า ผมปลูกชะอม 2 ครั้ง ก็ไม่มาก ประมาณ 500 ต้น แต่มี 2 รูปแบบ ในการปลูกก็กะว่าเมื่อได้เต็มที่ก็จะเก็บ
ยอดสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เมื่อได้เวลาตอนกิ่งก็จะได้ปีละประมาณ 1,000-1,500 กิ่ง ไม่ได้คิดว่าจะให้ร่ำรวยหรอกครับ แค่
ปลูกไว้เป็นการบริการแฟนๆ ที่ต้องการได้เห็นของจริงก็เท่านั้น ผมถือว่าชีวิตที่เรามีความพอใจเป็นชีวิตที่มีแต่ความสุข
เพราะสุขกับทุกข์อยู่ที่ใจเราทั้งสิ้น สนใจก็เชิญกันได้นะครับ ยินดีต้อนรับทุกท่าน

บางเส้นทางเดินแห่งชีวิต บางเส้นทางเดิน เดินไปได้แล้วเวลาเดินกลับก็เดินกลับได้ชนิดสะดวกสบายไร้ขวางหนามหรือ
อุปสรรคใดๆ แต่บางเส้นทางเดินไปก็สะดวกดีอยู่หรอก แต่เวลาจะกลับยากยิ่งเหลือเกินปานว่าแทบขาดใจ แต่ก็มีอีก
บางเส้นทางเดินไปแล้วคนเดินไม่กลับมาอีกเลย ไม่ทราบว่าไปแวะทำอะไรอยู่ที่ไหน? หากเราต้องการจะเดิน ชนิด เดิน
ห่าง...จากความจน ผมเชื่อว่าทุกคนต้องใช้ความมุ่งมั่น ตั้งใจ ไม่ท้อถอย มั่นใจ ในการเดินคงจะใช้บริการเส้นทางเดิน
ชนิดแรกอย่างแน่นอน ตั้งใจเดินกันหน่อยน่ะครับแฟนๆ บ้านเราลองเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าซิครับ ฟ้าเมืองไทยของ
เราสวยกว่าเมืองอื่นๆ อีกเยอะ เชื่อผมเถอะ? ฉบับหน้า เดินห่าง...จากความจน เขียนถึงกิ่งพันธุ์ชะอมที่แฟนๆ ถามหา
กรุณาติดตามให้ได้นะครับ อีก 15 วัน สุดท้าย ผมขอฝากคอลัมน์ เดินห่าง...จากความจน ไว้ในอ้อมใจของแฟนๆ ทุก
ท่านนะครับ ขอให้รักแต่เพียงน้อยๆ แต่นาน


ที่มา  :  เทคโนโลยีชาวบ้าน







สมยศ ศรีสุโร

บนถนนเส้นนี้ไม่มีจน สมาน-วิไล คุ้มวงษ์ ปลูกชะอมไว้ 3 ไร่

เชื่อไหมครับว่า? คนเราทุกคนเกิดมา มีกรรมติดตัวกันมาทั้งนั้น มากน้อยก็อยู่ที่ตัวเราเอง เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องมาชดใช้กรรม กรรมมีหลายประเภทแตกต่างกันไป และขอให้คิดเสียว่าการที่เรามีกรรมเป็นแต่เรื่องของกรรมที่เรากระทำมา ฉะนั้นควรหาหนทางแก้วิบากกรรมเสีย ต้องลองศึกษาหาวิธีแก้กรรมให้ตัวเอง เพราะวิบากกรรมของแต่ละคนมีต่างกันไป

สำหรับผมคงมีกรรมในข้อที่ว่าเกิดมามีกลิ่นฉุนของชะอมติดตัวมา กรรมเช่นนี้เกิดจากในชาติที่แล้ว ชอบดูถูกชะอม ชอบว่าชะอมมีกลิ่นที่ไม่พึงปรารถนา กรรมที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผมได้ศึกษาแล้วมีวิธีแก้คือหมั่นถวายของหอมไม่ให้ขาด และที่สำคัญคือต้องเขียนถึงเรื่องชะอมชนิดที่ให้แฟนๆ อ่านกันจนพอใจและยอมรับ ฉบับนี้ผมต้องขอโทษเป็นอย่างสูงด้วยนะครับที่เริ่มต้นเช่นนี้ คือว่าระยะนี้ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมะมากไปหน่อยก็เลยนำมาเขียนให้อ่านกัน เพราะธรรมะสามารถสร้างความสุขให้เราได้เสมอ แต่กรรมจะดีจะชั่วอยู่ตัวเราเป็นผู้กระทำทั้งสิ้นครับท่าน?

สวัสดีครับแฟนๆ ที่เคารพรักทุกท่าน ฉบับนี้ก็เป็นการนำเสนอเรื่องที่เกี่ยวกับชะอมตามที่แฟนๆ หลายท่านมีความต้องการ ส่งเสียงตามสายไปหาว่า กรุณาช่วยตามหาสวนที่ปลูกชะอมหลายไร่หรือที่ปลูกเป็นจำนวนมาก หากเจอแล้วอย่าลืมช่วยนำมาเขียนขยายความให้อ่านด้วยจะรออ่าน เรื่องชะอมห้ามหนีหายไปไหน? เขียนถึงเรื่องอื่นก็ไม่เป็นไร? แต่ห้ามลืมเรื่องชะอม อะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับชะอมก็จงเขียนมาเถิด แล้วมีหรือ? ผมจะขัดใจพระคุณท่าน ช่วงนี้ผมกำลังหาวิธีแก้กรรมได้จังหวะพอดีจริงๆ และหากว่าแฟนๆ ต้องการให้ตามหาเรื่องที่เกี่ยวกับชะอมเป็นเช่นไรก็ส่งเสียงไปได้ ยินดีเสมอ จะพยายามอย่างสุดใจที่จะนำมาเสนอแฟนๆ ชีวิตคนเราก็มีแค่นี้แหละ เชื่อผมเถอะว่า สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนดำเนินไปตามวิถีทางของมัน เราอย่าพยายามยื่นแสงเทียนไปส่องให้พระอาทิตย์เลย

ผมเขียนเกี่ยวกับชะอมมามากกว่า 20 ตอน ไม่เคยเขียนถึงการปลูกชะอมมากมายขนาดชวนแฟนเก็บยอดชะอมส่งเป็นสินค้าออก เพียงแค่เน้นเสมอให้เห็นชัดๆ ว่า ชะอมนี้สามารถช่วยให้ เดินห่าง...จากความจน ได้จริง มีตัวอย่างให้เห็นได้จริงๆ โดยเฉพาะพี่น้องชาวไม้เค็ดบ้านผม เพราะคนเราต้องมีค่าใช้จ่ายประจำวันสำหรับครัวเรือนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่ากับข้าว ค่าลูกไปโรงเรียน โอ้ย! จิปาถะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวเกษตรกรที่ไม่มีรายได้ประจำเดือนก็ต้องนำเงินที่เก็บจากรายได้จากการขายพืชผลประจำปีออกมาใช้ หรือหากคิดเสียว่าการหันมาปลูกชะอมก็เหมือนการทำงานเป็นลูกจ้างรายวัน แต่เราเป็นนายจ้างตัวเราเอง และใช้เวลาในการเก็บยอดชะอมหรือทำงานแค่ 3-4 ชั่วโมง แต่ได้ค่าแรงเท่ากับทั้งวันหรือมากกว่า ดังนั้น พี่น้องชาวไม้เค็ดของผมจึงปลูกกันแค่เป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน มีเหลือเก็บก็ไม่มากสำหรับชะอม เงินเหลือเก็บก็คือเงินที่ได้จากพืชผลที่ออกตามฤดูกาลหรือจากขายข้าว และเอาเวลาที่เหลือไปทำกิจกรรมอย่างอื่น บางท่านก็มีสวนผลไม้ บางท่านก็ทำนาหรืออาชีพเสริมอย่างอื่นที่มีรายได้เพิ่มจากชะอม จึงสรุปได้ชัดเจนว่าปลูกชะอมแล้วมีเงินใช้ได้สะดวกขึ้น

แต่ผมได้ข่าวว่ามีครอบครัวหนึ่งอยู่ไม้เค็ดเหมือนผม แต่เป็นหมู่ที่ 9 ปลูกชะอมไว้ถึง 3 ไร่ มีต้นชะอมมากกว่า 6,000 ต้น ที่สำคัญคือ เป็นสายพันธุ์ไม้เค็ด 2009 ทั้งสิ้น ผมไม่รอช้าไปค้นหาทันที ครอบครัวที่ว่า คือ คุณสมาน คุณวิไล คุ้มวงษ์ สองสามีภรรยาในวัย 60 ปี ทั้งคู่ที่นำความขยันแนบชิดติดตัวไปทุกก้าวเดิน หน้าตาอิ่ม ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา คนไม่มีหนี้มารบกวน สีหน้าจะเป็นเช่นนี้เสมอ ขณะผมเข้าไปหาทั้งคู่กำลังจัดเก็บทำความสะอาดบ้านพักอาศัยหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จหมาดๆ แถมมีกลิ่นสีที่ทาบ้านผสมกลิ่นฉุนของชะอมปนอยู่ด้วย แสดงให้รับทราบได้ว่าส่วนหนึ่งของบ้านหลังใหม่นี้มาจากรายได้จากชะอมก็คงไม่ผิด

คุณวิไลเล่าว่า พื้นที่ที่ปลูกชะอมจำนวน 3 ไร่ นั้น เมื่อก่อนเป็นที่นา ถมดินเต็มทั้งหมด เพราะยังเหลือที่ทำนาอีกหลายไร่ เนื่องจากปลูกชะอมแล้วมีรายได้ทุกวันไม่ต้องเอาเงินที่เก็บไว้มาใช้และคนในหมู่บ้านก็ปลูกกันหลายครัวเรือน จึงสะดวกในการขายให้แม่ค้าคนกลาง เพราะสามารถรวมกันจัดหาได้จำนวนตามความต้องการของแม่ค้าในแต่ละวันที่จะเข้ามารับซื้อ ไม่ต้องเสียเวลาไปส่ง แฟนๆ ลองมาฟังการจัดการบริหารงานเกี่ยวกับเรื่องชะอมจากคุณวิไล "ฉันจะเก็บชะอมทุกวันกับพ่อบ้านตอนเช้าแค่ประมาณ 100-120 กำ เท่านั้น เก็บแล้วนำมากำ สามสี่โมงเช้าก็เสร็จเรียบร้อย จัดวางซ้อนกันไว้โดยใช้ผ้าชุบน้ำพอเปียกมาคลุมไว้อีกชั้นหนึ่งเพื่อให้ความสดคงไว้ รอแม่ค้าเข้ามารับในช่วงบ่าย ขายรับเงินสดทุกวันสำหรับยอดชะอม เวลาที่เหลือก็แยกกับแฟนไปทำอย่างอื่น แฟนอาจจะไปดูสวนหรือที่นา ส่วนฉันก็ทำขนมขายหลายอย่าง ก็ใช้ของในสวนนั่นแหละ ส่วนใหญ่จะทำข้าวต้มมัดเพราะมีลูกค้าชอบมาก ขายดีด้วย ทำเท่าไหร่ไม่ค่อยมีเหลือกลับบ้าน กล้วย มะพร้าว ใบตองที่สวนทั้งนั้น มะพร้าวจะไม่ไปขายที่ไหน เก็บไว้ทำขนมทั้งหมด ขนมฉันจึงทั้งหวานทั้งมันเพราะไม่ต้องหาซื้อมะพร้าว คุณไม่ลองชิมหน่อยหรือค่ะ?" ผมก็เลยไม่ขัดความต้องการของผู้หยิบยื่นให้ ทันทีครับผม พร้อมยืนยันได้ว่าอร่อยหวานมันจริงๆ ครับ ขอรายงานแฟนๆ ผมขอเขียนย้ำอีกครั้งว่า ทั้งคู่จะเก็บยอดชะอมทุกวัน ต่างกับที่ผมเคยเขียนบางท่านเก็บเว้นวัน บางท่านเก็บ 2 วันครั้ง บางท่านเก็บ 3 วันครั้ง หรือบางท่านก็เก็บสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แฟนๆ สังเกตไหมครับว่า อยู่ที่ว่าเราจะเลือกทางเดินให้ชะอมว่าจะเดินไปเช่นไร? เราจะต้องจัดการบริหารของเราเอง หากต้องการแบบสามีภรรยาคู่นี้ ข้อแรกคือต้องปลูกจำนวนมากต้น ประมาณว่าไม่ควรต่ำกว่า 3 ไร่ ถึงจะทำงานได้ง่าย วางแผนบริหารจัดการเรื่องเก็บยอดชะอมได้สะดวกขึ้น ประการต่อมาจะขาดไม่ได้เลยเมื่อต้องการ เดินห่าง...จากความจน ชนิดสมบูรณ์แบบจริงๆ คือต้องขยันชนิดยกกำลังมากๆ ถูกต้องไหมครับ? ทั้งคู่ทำงานทุกอย่างด้วยความขยัน พึ่งตนเอง ไม่พึ่งหาคนอื่นให้กวนใจ ทำเท่าที่คิดว่าพอในแต่ละวันให้เต็มกำลังของตัวเอง ขยันวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วไม่ต้องไปคิดให้ปวดหัวว่าพรุ่งนี้จะมีอะไรกิน? มีแต่ว่าอยากจะกินอะไร?

ภายในสวนนอกจากปลูกชะอมแล้ว ทั้งคู่ทำเป็นสวนผสมมีไม้ผลหลายชนิดปลูกไว้ มะม่วงหลายสายพันธุ์ กระท้อนเน้นอีล่ากับปุยฝ้าย มังคุด หมากไม่มากนักแค่พอให้ได้รู้ว่าที่สวนของเราก็มี แต่ก็เป็นรายได้ได้เช่นกันเมื่อมีผลผลิต กล้วยไข่ กล้วยหอม และกล้วยน้ำว้ามากหน่อย ต้นไผ่ปลูกไว้แค่ 2 กอ แต่กอใหญ่มาก ไว้ใช้แค่ประโยชน์ เช่น นำมาค้ำกิ่งไม้ผลเมื่อออกผลผลิต แต่ที่สำคัญผมเขียนเสมอว่า หากแฟนๆ คิดจะปลูกชะอม แล้วนำมากำเป็นแพก็ต้องปลูกไผ่กับกล้วยไว้ด้วย ปลูก 2 ชนิด สะดวกไปหมด ครบถ้วนเรื่องของชะอม นอกจากนี้ ทั้งคู่เน้นปลูกมะพร้าวกับมะปรางไว้เยอะกว่าตัวอื่น ประมาณว่าอย่างละ 40 ต้น ถึงหน้ามะปรางก็ทำเงินให้มากเหมือนกัน แฟนๆ ท่านใดสนใจสวนแห่งนี้ บอกได้เลยว่าสามารถเป็นแบบอย่างได้ดีมาก มีการขุดสระเก็บน้ำอีกด้วย แถมยังมีรายได้จากปลาที่เรียกว่าปลาปี ไม่ต้องเสียเวลาเลี้ยง การปลูกชะอมก็จะปลูกด้วยรูปแบบแปลกไป คือมีทางเดินตรงกลางสวนเท่านั้นที่กว้าง นอกนั้นจะปลูกชะอมแน่นไปหมด หากเป็นเด็กขนาดขวบสองขวบเดินเข้าสวนชะอมจะไม่สามารถมองเห็นตัวได้ ชะอมจะบังมิดเพราะแต่ละต้นสมบูรณ์มาก นั่นหมายถึงการเอาใจใส่ของเจ้าของ การตอนกิ่งก็เช่นกันจะค่อยทำค่อยไป ไม่ตอนครั้งเดียวหมดสวน จะค่อยทยอยตอนในแต่ละครั้งประมาณ 4,000 กิ่ง เท่านั้น เพราะต้องการเก็บยอดขายให้ได้ทั้งปีและจะตอนกิ่งแค่ช่วงฤดูที่ยอดชะอมมีราคาถูก หากเป็นฤดูที่ยอดชะอมแพงถึงกำละ15-20 บาท ของดไว้ก่อนนะครับ เพราะบ้านใหม่ยังขาดเครื่องเรือนอีกครับผม สนใจโทร. (081) 846-0652 แล้วผมจะนำพาไปชม

ขณะขับรถกลับ ผมเจอคุณลุงคนหนึ่งแก่มากแล้ว แต่ยังแข็งแรง กำลังลงมือปลูกชะอมอยู่คนเดียว จึงได้ลงไปสอบถามดู ทราบว่าอายุ 82 ปีเข้าไปแล้ว ปลูกเพิ่มใหม่จากที่มีอยู่แล้ว ที่กำลังปลูกอยู่คะเนว่าประมาณร่วมๆ 2 งาน เห็นจะได้ แถมมีการวางสปริงเกลอร์เรียบร้อยแล้ว คุณลุงบอกผมชนิดประทับใจโรงเรียนเทคโนโลยีชาวบ้านเป็นอย่างมากว่า ปลูกชะอมนี่แหละคุณลุงหายจนได้จริง เวลานั้นบังเอิญเย็นมากแล้ว ผมไม่อยากรบกวนคุณลุง สักวันหนึ่งต้องเข้าไปกราบท่านให้ได้ พร้อมนำสิ่งดีๆ ที่เกี่ยวกับชะอมมาฝากแฟนๆ หรือคงอีกไม่นานคงจะมีเรื่องราวของการปลูกชะอมที่จากไม้เค็ดไปอาศัยอยู่ที่ต่างๆ ผมจะไปติดตาม แล้วนำมาเขียนให้แฟนๆ ได้อ่านกัน ผมขอสัญญา

สุดท้ายหากแฟนๆ ถามผมว่า กรรมคืออะไร? ทำไมคนเราถึงมีกรรม? กรรมนั้นเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็เป็นกรรมได้ทั้งสิ้น กรรมย่อมขึ้นอยู่ที่การกระทำของเราเอง หากเรากระทำดีก็ย่อมได้รับสิ่งตอบแทนที่ดี ตรงกันข้ามหากเราคิดอกุศลกรรมก็ได้รับกรรมนั้นตอบแทน ฉะนั้นเราต้องเริ่มที่ตัวเรา ทำสิ่งดีๆ ให้กับชีวิตเรา เราจะได้ไม่ต้องชดใช้กรรมของเราไม่ว่าชาตินี้ ชาติหน้าหรือชาติไหน? สาธุ! พบกันอีก 15 วัน ครับผม ไม่ต้องเดาหรอกครับว่าผมจะเขียนถึงเรื่องอะไร ชะอมอีกแล้วครับท่าน



http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05106011153&srcday=&search=no









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-05-05 (5631 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©