ภาวิณี สุดาปัน
ชวนชม สวนหัสดี ดอกซ้อนหลากสี ทำได้ดี ขายได้เงิน
ปักษ์นี้ ก็ย่างเข้าสู่เทศกาลแห่งความรักแล้ว ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี อากาศกำลังดี ไม่หนาวและไม่ร้อนจนเกินไป คนที่มีคู่อยู่แล้วก็หวานกันจนน่าอิจฉา ส่วนคนที่ไม่มีคู่ก็ต้องเหงาหงอยกันตามเคย เดือนนี้ของทุกปีดอกกุหลาบจะเป็นไม้ดอกขายดีและเป็นที่ต้องการของทุกๆ วัย โดยเฉพาะวัยหนุ่มสาว แต่ช่วงนี้ดอกกุหลาบราคาจะแพงมาก
หากผู้ให้เคยให้ดอกกุหลาบเป็นประจำทุกปี เกรงว่าผู้รับจะเบื่อหรืออยากจะลองเปลี่ยนเป็นไม้ดอกชนิดใหม่ ที่มีชื่อเหมือนกันแต่เป็นดอกไม้คนละชนิดกัน มอบให้แล้วผู้รับสามารถปลูกเลี้ยงได้ตลอดทั้งปี ดูแลรักษาดีดอกก็สวยงาม (เหมือนกับคำพูด "ดอกไม้เป็นหน้าต่างของหัวใจ" คนให้ประทับใจ เมื่อเห็นต้นสวยดอกงาม คนรับก็ชื่นชอบ เพราะได้คอยเอาใจใส่ไม้ดอกที่ได้รับมาเป็นอย่างดี เสมือนต่างดูแลทะนุถนอมดอกไม้ของผู้ให้เป็นอย่างดี) นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปปลูกเลี้ยงประดับตามสวนเพื่อความสวยงามหรือนำไปเพาะเลี้ยงเพื่อขายต้นได้อีกทางหนึ่งด้วย ไม้ดอกที่กล่าวถึงนี้ คือ ชวนชม นั่นเอง ปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมของคนเล่นไม้ ส่วนชื่อไม้ดอกที่เอ่ยถึงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ก็คือ กุหลาบวาเลนไทน์ (Rose Valentine) (เป็นดอกชวนชมนะ ไม่ใช่ดอกกุหลาบ เดี๋ยวคนอ่านจะเข้าใจผิดหมด) ซึ่งจะหาดูได้ที่ สวนหัสดี เจ้าของคือ คุณสุทธิกานต์ เจียมรัตนประทีป หรือ เฮียคุ้ง อยู่เลขที่ 39/2 หมู่ที่ 3 ตำบลบึงกาสาม อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี
ปัจจุบันนี้ นับได้ว่า ชวนชม กลายเป็นไม้เศรษฐกิจของประเทศไปแล้ว ทั้งๆ ที่แต่เดิมชวนชมกลีบดอกชั้นเดียวยังไม่เป็นที่รู้จักแต่เดี๋ยวนี้พัฒนามาเป็นชวนชมกลีบดอกซ้อน 2 ชั้นบ้าง 3 ชั้นบ้าง นอกจากนี้ เกษตรกรไทยหลายท่านยังสามารถพัฒนาความหลากหลายของสีดอกไปไกลถึงเมืองนอกแล้ว (นี้ถ้าหากพัฒนาให้กลีบดอกชวนชมมีลักษณะแข็งคงจะดีไม่ใช่น้อย ดอกจะได้ไม่ช้ำง่าย) คุณสุทธิกานต์ ก็เป็นเกษตรกรผู้หนึ่งที่สามารถนำเทคนิคที่ได้จากการกลายพันธุ์ของดอกชวนชมมาพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ๆ ได้ (ถ้าหากเป็นภาษาราชการคงจะเรียกได้ว่าเป็นนักปรับปรุงพันธุ์พืชเลยละ) ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับไม้ดอกเลย แต่ก็สามารถทำอาชีพนี้ได้
จุดเริ่มต้นนั้นเจ้าของบอกว่า เกิดจากความชอบเป็นการส่วนตัว อีกอย่างหนึ่งมีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวที่สวนคุณเผด็จ จังหวัดกาญจนบุรี เลยซื้อลูกไม้ติดมือมาด้วย ซื้อบ่อยครั้งจำนวนลูกไม้ก็มากขึ้นจนสามารถขยายพันธุ์และเพาะขายเองได้ แต่ก่อนตนทำสวนส้ม บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ แต่ประสบอุทกภัยทำให้ผลผลิตเสียหาย ขาดทุนจนต้องเลิกทำอาชีพนี้ไปเลย ทำสวนส้มมาเกือบ 20 ปี หลังจากเลิกทำสวนก็หันมาปลูกชวนชมแทน ตอนนั้นทำชวนชมกลีบดอกเดียว ด้วยความที่เป็นคนขยันหมั่นเพียร ศึกษาหาความรู้อยู่เสมอๆ ทุกวันเฮียคุ้งจะเข้าสวนไม้ดอกเพื่อไปสังเกตดอกชวนชมที่อยู่ในสวน หากมีอะไรแปลกใหม่ซึ่งอาจจะเกิดจากการกลายพันธุ์ของดอกเอง ตนก็จะนำเรื่องราวที่ได้พบพานมาคิดว่าจะพัฒนาสายพันธุ์ดอกอย่างไร เพื่อให้เกิดลักษณะที่แปลก ใหม่ และสวยงามสมกับชื่อ "ชวนชม"
เฮียคุ้ง มีลูกชาย 2 คน ปัจจุบันนี้เรียนปริญญาโทอยู่ที่ประเทศจีน ลูกๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชีพนี้หรอก โดยส่วนมากเฮียคุ้งจะเป็นคนดูแลเองทั้งหมด ส่วนภรรยาจะเป็นผู้ช่วยอีกทีหนึ่ง สวนหัสดีมีพื้นที่จำนวนทั้งหมด 20 ไร่ สวนแห่งนี้จะใช้เป็นแหล่งขยายพันธุ์ต้นแม่ชวนชมมากกว่า แต่ถ้าหากเป็นตลาดที่ขายต้นไม้จริงๆ จะอยู่ที่คลองสิบสาม โดยส่วนมากลูกค้าจะไปซื้อที่นั่นกัน
ชวนชมตัวแรกที่ทางสวนหัสดีนำมาปลูกก็เป็นเพียงชวนชมธรรมดาต้นหนึ่ง ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรเลย แต่ต่อมาสามารถพัฒนาสายพันธุ์ได้ชวนชมที่มีชื่อว่า "อะเมสซิ่งไทยแลนด์" ซึ่งเป็นชวนชมตัวแรกของสวนหัสดี ขายดีมาก ซึ่งต้นตอที่ใช้เป็นแม่พันธุ์คือ ต้นตอไทยผสมกับฮอลแลนด์ โดยวิธีการเขี่ยเกสรได้สายพันธุ์ลูกผสมออกมา แล้วนำไปเป็นต้นตอแม่พันธุ์พร้อมที่จะนำไปเสียบยอดเพื่อคัดสายพันธุ์ต่อไป
สาเหตุที่เลือกลูกผสมระหว่างตอไทยกับฮอลแลนด์เพราะว่า เมื่อผสมกันแล้วจะได้ลักษณะพันธุ์ดีที่ทนทาน ความสวยงาม สีสันแปลกตาของฮอลแลนด์มา ส่วนเรื่องความคงทน แข็งแรง ดอกดกนั้น จะเป็นของตอไทย ต่อมาตนก็พัฒนาดอกชวนชมกลีบดอกชั้นเดียวมาเป็นดอกหลายสี จากนั้นก็สามารถพัฒนาเป็นชวนชมกลีบดอกซ้อน 2 ชั้น และ 3 ชั้น ได้อีก โดยปกติดอกชวนชมจะมีกลีบดอกเพียง 5 กลีบ แต่ปัจจุบันสวนหัสดีสามารถพัฒนาสายพันธุ์ให้ออกมาเป็นดอกชวนชม 6 กลีบ ได้ นับว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมาจากน้ำมือของชาวสวนโดยแท้ ลูกไม้สวนหัสดีแต่ละชนิดที่ผลิตออกมาจะมีลิขสิทธิ์ของแต่ละสายพันธุ์ ถ้าหากว่าเกษตรกรท่านใดหรือคนชอบเล่นไม้สนใจก็ไปหาซื้อได้ที่สวนหัสดี หรือที่ตลาดคลองสิบสาม สนนราคาขายอยู่ที่ ราคาต้นละ 2,000 บาท 10 ต้น ก็ราคา 20,000 บาท บางทีก็มีลูกค้ามาสั่งจอง สั่งผ่านทางอินเตอร์เน็ตบ้าง บ้างก็มาติดต่อซื้อเองที่สวน ส่วนลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาซื้อทั้งไทยและต่างชาติก็จะต้องมารับสินค้าเอง เพราะทางสวนหัสดีไม่สามารถไปส่งได้ ต้องมารับเองที่สวน ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ที่ผลิตออกมาโดยส่วนมากก็ไม่พียงพอกับความต้องการของตลาด
การปลูกการดูแลรักษาเหมือนต้นไม้ทั่วไป ต้องระวังช่วงการเปลี่ยนดินโดยเฉพาะรากต้องรอให้แห้งก่อนแล้วค่อยนำลงปลูกในกระถาง ส่วนวัสดุปลูกก็จะเป็นดินร่วนผสมปุ๋ยคอก เรื่องการให้น้ำ ให้ปุ๋ย ก็ให้ปกติ บำรุงปุ๋ยพอสมควร ช่วงที่ออกดอกดกคือช่วงหน้าแล้ง หน้าฝนจะออกดอกน้อย ปัญหาสำคัญคือเรื่องโรคและแมลงต้องคอยเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะแมลงตัวบั่ว (ลักษณะคล้ายยุง) จะชอบมาวางไข่และเจาะกินน้ำเลี้ยง ทำให้ใบแห้ง ต้นไม่โต เหี่ยวเฉาตายในที่สุด
ชวนชมสวนหัสดีมีช่องทางการจำหน่าย 3 ช่องทาง คือผ่านอินเตอร์เน็ต ตลาดคลองสิบสาม และสวนหัสดี
สำหรับเรื่องการประกวด สวนหัสดีเพิ่งได้รับรางวัลลูกไม้แปลกสวยงาม (อันดับที่ 1, 2 และ 3) มาจากงานพรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร. 9 เมื่อปีที่ผ่านมานี้เอง
เจ้าของสวนบอกว่า ตนจะไม่ค่อยส่งเข้าประกวด เพราะแข่งทีไรไม่มีที่อื่นสู้สวนของตนได้ ก็เลยต้องปล่อยให้สวนอื่นเขาประกวดกันดีกว่า ชวนชมสวนหัสดีไม่เคยหยุดการพัฒนาสายพันธุ์ มีแต่จะหาความแปลกใหม่และความสวยงามมาให้ได้พบพานกันอยู่เสมอ ท่านผู้สนใจต้องคอยติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเดือนสิงหาคมและธันวาคม คุณสุทธิกานต์ได้วางแผนไว้แล้วว่าจะนำสายพันธุ์ใหม่มาผสมเพื่อให้ได้ลูกไม้ที่แปลก สวย เข้ากับวันสำคัญของไทย ต้องรอเพื่อที่จะได้ยลโฉมชวนชมสายพันธุ์ที่กล่าวถึง
ไม้ดอกไม้ประดับก็เป็นพืชชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้มหาศาลให้กับเกษตรกรได้ หากใฝ่รู้หมั่นดู คิดหาประสบการณ์ที่แปลกใหม่อยู่เสมอๆ แล้วนำมาต่อยอดโดยการปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์จนสามารถก้าวล้ำขึ้นมาเป็นไม้ดอกเศรษฐกิจของประเทศก็ว่าได้ เฉกเช่นชวนชม
ถ้าหากมีท่านใดสนใจ สามารถติดต่อสอบถามไปได้ที่ โทร. (081) 973-4161 หรือ www.ThaiNeoDoxon.com
ที่มา : เทคโนโลยีชาวบ้าน
|
ชวนชมยักษ์ญี่ปุ่น |
|
เรามีเมล็ด ต้นกล้า ต้นชวนชมเพาะเมล็ด กิ่งตอนหรือกิ่งปักชำ ไม้เสียบยอด สายพันธุ์ยักษ์ญี่ปุ่นนานาชนิดให้ท่านเลือกสรร ดังนี้
|
|
1) |
ยักษ์ญี่ปุ่น |
|
มีถิ่นกำเนิดในอาฟริกา พบที่แทนซาเนียโซมาเลีย เคนย่า เป็นชวนชมยักษ์ชนิดหนึ่ง ที่มีลำต้นตรงใหญ่ สูงชะลูด แตกกิ่งด้านข้างน้อย ใบเรียวแคบ ใบไม่มี ขน ใบสีเขียวสดใส เห็นเส้นใบขาวเด่นชัด ดอกมีขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง ดอกสีชมพู หรือแดง กรวยดอกมีเส้นสีเหลืองชัดเจน 15-25 เส้น เป็นไม้ที่ออกดอกดกมาก จะทิ้งใบหมดหากกระทบแล้ง และออกดอกตามลำต้นและกิ่งหลัก เคยมีผู้พบเห็นในท้องถิ่นเดิมของอาฟริการายงานว่าสูงกว่า 5 เมตร มีโคนใหญ่กว่าถัง 200 ลิตร |
|
|
|
ยักษ์ญี่ปุ่นที่สะสมในไพสิฐฟาร์ม มีดังนี้ |
|
1.1) |
ยักษ์ญี่ปุ่นใบเงิน มีลักษณ์ดังนี้ |
|
- ใบสีเงินมันวาว ไม่มีขน ใบเรียว ปลายใบแหลม |
|
- มีลำต้นและกิ่งก้านที่แข็งแรง สำต้นมีขนาดใหญ่ |
|
- ดอกดก ออกดอกตามลำต้นและกิ่งก้าน ดอกมีขนาดกลางๆ ดอกสีแดงเข้ม กรวยดอกมีลายเส้นสีเหลืองชัดเจน เวลาออกดอกมักทิ้งใบ |
|
- ตามธรรมชาติติดฝักค่อนข้างยาก ฝักมีขนาดใหญ่ เมล็ดเรียวยาว |
|
- ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีใบสีเงินมันวาว มีลำต้นขนาดใหญ่ และแข็งแรง |
|
|
|
|
1.2) |
ยักษ์ญี่ปุ่นใบด่าง มีลักษณะดังนี้ |
|
- ใบด่าง มีทั้งสีเหลืองสลับเขียวปนขาว ใบห่อ ใบมัน ไม่มีขน ใบเรียว ปลายใบแหลม |
|
- มีลำต้นและกิ่งก้านแข็งแรง สำต้นสีขาวนวล |
|
- ดอกดก ออกดอกตามลำต้นและกิ่งก้าน ดอกมีขนาดเล็ก ดอกสีชมพู กลีบดอกสีชมพูเข้ม กรวยดอกสีเหลืองอ่อน มีเส้นกรวยดอกสีเหลืองชัดเจน เวลาออกดอกมักทิ้งใบ |
|
- ตามธรรมชาติติดฝักพอประมาณ ฝักมีขนาดใหญ่ เมล็ดเรียวยาว |
|
- ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดใบไม่ด่าง แต่มีลักษณะที่ดี โตเร็วและแข็งแรง |
|
|
|
|
1.3) |
ยักษ์ญี่ปุ่นกิ่งแดง มีลักษณะดังนี้ |
|
- ลำต้นกิ่งก้านสีน้ำตาลอมแดง ลำต้นมีขนาดใหญ่และแข็งแรง |
|
- ใบยาวเรียว ปลายใบมน ใบสีเขียว ใบมัน ไม่มีขน มีเส้นกลางใบสีขาวชัดเจน |
|
- ดอกดก ออกดอกตามลำต้นและกิ่งก้าน ดอกมีขนาดเล็ก ดอกสีชมพู กลีบดอกสีแดง เส้นกรวยดอกสีแดงและชัดเจน |
|
- ตามธรรมชาติติดฝักค่อนข้างยาก ฝักมีขนาดใหญ่ เมล็ดใหญ่เรียวยาว |
|
- ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีลักษณะที่ดี โตเร็ว และแข็งแรง |
|
|
|
|
1.4) |
ยักษ์ญี่ปุ่นกำแพง มีลักษณะดังนี้ |
|
- ปลายกิ่งของลำต้นจะแตกเป็นกำแพง ออกดอกด้านบนกำแพงเป็นกลุ่มๆ และออกดอกตามลำต้น ดอกสีชมพูอ่อน เส้นกรวยดอกสีแดง ดอกดกมาก เวลาออกดอกมักทิ้งใบ ทำให้เห็นดอกเต็มต้น แลดูสวยงามมาก |
|
- ใบสีตองอ่อน เรียวยาว มีเส้นสีขาวกลางใบชัดเจน |
|
- ลำต้นสีขาวนวล มีกิ่งก้านค่อนข้างอ่อน ไม่แข็งแรง |
|
- ตามธรรมชาติติดฝักพอประมาณ ฝักมีขนาดกลางๆ เมล็ดเรียวยาว |
|
- ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีลักษณะคล้ายต้นแม่ ดอกดกและออกดอกด้านบนกำแพงเป็นกลุ่มๆ
|
1.5) |
ยักษณ์ญี่ปุ่นใบมัน มีลักษณะดังนี้ |
|
- ใบมันวาวเขียวเข้ม ใบมนป้าน มีเส้นใบสีขาวชัดเจน |
|
- มีลำต้นและกิ่งก้านแข็งแรง ลำต้นสีเทาอมเขียว |
|
- ดอกดก ออกดอกตามลำต้นและกิ่งก้าน ดอกมีขนาดเล็ก ดอกสีชมพู กลีบดอกสีชมพูเข้ม เส้นกรวยดอกสีแดงชัดเจน เวลาออกดอกมักทิ้งใบ |
|
- ตามธรรมชาติติดฝักพอประมาณ ฝักมีขนาดปานกลาง เมล็ดเรียวยาว |
|
- ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีลักษณะที่ดี โตเร็วและแข็งแรง |
|
|
|
|
1.6) |
ยักษ์ญี่ปุ่นใบเล็ก มีลักษณะดังนี้ |
|
- ใบเรียวเล็ก ปลายใบแหลม สีเขียวตองอ่อน มีเส้นใบชัดเจน เส้นกลางใบด้านโคนใบสีแดง |
|
- มีลำต้นและกิ่งก้านที่แข็งแรง ลำต้นสีเทาอมเขียว มีลำต้นขนาดใหญ่ |
|
- ดอกรูปดาว สีชมพู กลีบดอกสีชมพูเข้ม ดอกมีขนาดเล็ก มีเส้นกรวยดอกสีแดงชัดเจน |
|
- ตามธรรมชาติติดฝักค่อนข้างยาก ฝักมีขนาดปานกลาง เมล็ดเรียวยาว |
|
- ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีลักษณะที่ดี โตเร็วและแข็งแรง |
|
|
|
2) |
ยักษ์ญี่ปุ่นแคระ |
|
มีถิ่นกำเนิดในอาฟริกา พบที่โซมาเลีย แทนซาเนีย เคนย่า เป็นไม้พุ่มเตี้ย มีโขดกลมอยู่ใต้ดิน ใบเรียวแคบยาวแหลม ขอบใบหยิกเป็นคลื่น ใบมันไม่มีขน ใบมีสีเขียว หรือสีเทาหรือสีน้ำตาล เห็นเส้นใบชัดเจน ดอกมีขนาดเล็ก ดอกสีชมพู แดง หรือ ลาย กรวยดอกมีเส้นสีชัดเจน ประมาณ 15 เส้น เป็นไม้ที่ออกดอกดกมากช่วงการบานนาน สายพันธุ์นี้นำเข้ามาในประเทศไทยจากแหล่งเพาะพันธุ์ในสหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ปลูกเลี้ยงกันในชื่อ ยักษ์แคระอเมริกา ยักแคระลำลูกกา ลินฟอร์มาซา และอื่นๆ อีกมากมายหลายชนิด ในปัจจุบันมีการนำไม้ชนิดนี้มาปรับปรุงและคัดเลือกสายพันธุ์ทั้งในและต่างประเทศ ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีใบและดอกสีสวยสดงดงามมากมายหลายชนิด จนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "กลุ่มลูกผสมยักษ์ญี่ปุ่นแคระ" ปัจจุบันมีการนำไม้ชนิดนี้มาทำเป็นไม้สีเสียบยอด และมีการจำหน่ายรวมกันกับไม้สีเสียบยอด" กลุ่มลูกผสมฮอลแลนด์ " จนบางครั้งหากไม่สังเกตุให้ดี จะแบ่งแยกไม้สองกลุ่มดังกล่าวข้างต้นไม่ค่อยออก |
|
|
3) |
ยักษ์ญี่ปุ่นลูกผสม |
|
มักเป็นลูกผสมระหว่างยักษ์ญี่ปุ่นกับฮอลแลนด์ ในประเทศไทยมักมีการปลูกรวมกันระหว่างยักษ์ญี่ปุ่นกับฮอลแลนด์ในแหล่งเพาะเลี้ยงต่างๆ ทำให้เกิดลูกผสมที่หลากหลายและมากมาย และมักได้ลักษณะลูกผสมที่ดีทั้ง ดอก ลำต้น และโขด มากมายนานาชนิด |
|
|
|
* ยักษ์ญี่ปุ่นลูกผสม ในไพสิฐฟาร์มที่เด่นๆ มีดังนี้ |
|
3.1) |
ยักษ์ญี่ปุ่นลูกผสม "ศรีไพสิฐ" เป็นไม้เพาะเมล็ดเป็นลูกผสมระหว่างยักษ์ญี่ปุ่นกับฮอลแลนด์ อายุ 10 ปี โขดมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 70-80 เซนติเมตร สูงประมาณ 2.20 เมตร โขดลำต้นและใบมีสีเขียว ดอกสีชมพู กลีบดอกด้านนอกสีแดง ดอกมีขนาดปานกลาง ออกดอกดกตลอดทั้งปี ให้ฝักปานกลาง เมล็ดมีขนาดยาวและใหญ่กว่ายักษ์ญี่ปุ่นแท้ ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดจะเจริญเติบโรเร็๋วมาก โดยเฉพาะโขดจะโตเร็วกว่าฮอลแลนด์ 1-2 เท่าตัว ลำต้นมักขึ้นเป็นลำต้นเดียวมีขนาดใหญ่ โขดลำต้นและใบมีสีเขียวสด ดอกสีชมพูอมแดง เหมาะสำหรับทำเป็นตอเสียบยอดไม้เดี่ยว (ยอดเดี่ยว) เพราะโขดโตไว โขดสีสวยและมีรูปทรงที่ดี หรือจะปลูกเป็นไม้จัดสวนก็ได้ เพราะมีลำต้นและกิ่งก้านที่แข็งแรง |
|
|
|
|
3.2) |
ยักษ์ญี่ปุ่นลูกผสม "ยักษ์กอ" |
|
สันนิษฐานว่าเป็นไม้ลูกผสมระหว่างยักษ์ญี่ปุ่นกับ ชวนชมสายพันธุ์อื่นๆ หลายสายพันธุ์ ไม่มีใครระบุสายพันธุ์ได้แน่นอน บ้างก็ว่าน่าจะเป็น "มัลติฟอรัม " มีลักษณะโครงสร้างลำต้นทั่วไปคล้ายชวนชมพื้นเมือง เจริญเติบโตเร็ว ต้นแม่เป็นกิ่งปักชำล้ำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 7-8 นิ้ว สูงกว่า 2 เมตร ลักษณะเด่นที่แยกได้ชัดเจนคือ ใบมีสีเขียวอมเทาเป็นมัน มีเส้นสีแดงกลางใบเห็นได้ชัดเจน มีลักษณะใบคล้ายยักษ์ญี่ปุ่น ดอกสีชมพูมีขนาดปานกลาง กลีบดอกแหลม ระยางค์อันเรณูยาวเลยส่วนกรวยดอก ออกดอกตลอดทั้งปี ให้ฝักปานกลาง เมล็๋ดสมบูรณ์ใหญ่ป้อม ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดจะเจริญเติบโตเร็วมาก โดยเฉพาะโขดจะโตเร็วกว่า ฮอลแลนด์ 1-2 เท่า ลักษณะเด่นเฉพาะตัวคือ ลำต้นจะแตกเป็นกอ จากโขดประมาณ 4-6 ลำ มีเส้นกลางใบสีแดง เหมาะสำหรับทำเป็นตอเสืยบไม้พุ่ม (เสียบหลายยอด) เพราะโขดโตไวและมีลำต้นหลายลำ หรือจะปลูกเป็นไม้จัดสวนก็ได้ เพราะมีลำต้นที่เป็นกอที่สวยงาม |
|
|
|
|
|
*** |
หมายเหตุ |
|
1.) รายการสินค้าที่เกี่ยวกับยักษ์ญี่ปุ่น บางรายการปัจจุบันมิได้มีการผลิต แต่เป็นการสะสมสายพันธุ์ในฟาร์มเท่านั้น หากท่านใดสนใจรายการสินค้านั้นๆ กรุณาสั่งผลิตหรือสั่งจองล่วงหน้า |
|
2.) ข้อความบางส่วนนำมาจากข้อเขียนของ รศ.ดร สาวิตรี มาไลย |
|
|
www.adeniumthai.com/ade_Somalense.htm -
ชวนชมต้นละ 2,000,000 (สองล้าน)
โดย สาโรจน์ มีวงษ์สม
เมื่อได้ไปเดินชมงาน พฤกษาสยาม ซึ่งจัดขึ้น ณ ชั้น 4 MCC Hall เดอะมอลล์ บางกะปิ
(งานมีถึงวันอาทิตย์ที่ 2 ก.ย.นี้) หลายคนก็ได้พบว่า นี่ไม่ใช่งานแสดงพันธุ์ไม้ธรรมดาๆ ด้วยสนน
ราคา รวมทั้งคุณค่าทางจิตใจของต้นไม้ที่นำมาแสดงนั้นสูงค่าอย่างเหลือเชื่อ หลายต้นที่ดูเผินๆ ก็เป็น
ไม้พื้นๆ แต่ลองเข้าไปดูป้ายบรรยายสรรพคุณ(และราคา) ก็จะต้องร้องโอ้โห... อะไรมันจะ
ขนาดนั้น และหลายคนก็คงจะอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามต่างๆ นานา
ชวนชม ไม้มงคลปลูกแล้วรวย เห็นจะจริงแท้ เพราะหากชวนชมมีฟอร์มต้นที่งดงามดั่งใจจะ
มีราคาถึงต้นละ 12 ล้านบาทกันทีเดียว อย่างนี้ไม่ให้เรียกว่าเป็นไม้มงคลที่ปลูกแล้วรวยก็ไม่รู้
จะว่าอย่างไง
พล.ท.เฉลิมศักดิ์ วรกิจโพคาทร เจ้าของสวนนายพล จังหวัดฉะเชิงเทรา และเป็นเจ้าของต้น
ชวนชมพันธุ์ยักษ์ซาอุ ราคา 1.5 ล้านบาท และ 2 ล้านบาท ทั้ง 2 ต้นมีอายุ 14 ปีเท่ากัน ซึ่งมี
ขนาดความสูงถึง 1 เมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 2 ฟุต นับเป็นต้นชวนชมที่ใหญ่ที่สุด และราคา
แพงที่สุดในประเทศไทยตั้งแต่มีการเพาะเลี้ยงกันมา และกว่าจะปลูกชวนชมให้มีรูปร่างที่สวย
งาม ราคาสมใจขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
(ขออภัยกำลังโหลดรูปภาพครับ)
“ผมเริ่มปลูกชวนชมมากว่า 9 ปีแล้วครับ ตั้งแต่ยังไม่เกษียณ ลองผิดลองถูกมาเรื่อยๆ กว่าจะได้
รูปทรงที่สวยงามอย่างนี้ เคล็ดลับก็คือเราต้องคอยตัดรากให้สมดุลกับโครงสร้างของลำต้น คือ
ต้องให้มีรากอยู่รอบทิศ ไม่ให้รวมไปอยู่ด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ค่อยให้ความ
สำคัญกับเรื่องนี้ พอจะเปลี่ยนกระถางก็ยกใส่ไปทั้งต้น แต่ผมจะล้างน้ำให้สะอาดและจัดแต่ง
รากให้สวยงาม ดูว่ารากมันควรจะอยู่ทิศทางไหนแล้วค่อยลงกระถางใหม่”
นอกจากนี้ยังต้องอาศัยแสงแดดจัดๆ และควรจะวางไว้กลางแจ้งให้รับแสงแดดได้อย่างเต็มที่
“ชวนชมจะชอบแดดจัดๆ ถ้าอยู่ในที่ที่มีแสงรำไรต้นก็จะไม่สวยงาม เพราะเขาเป็นไม้ที่ทนแล้ง
ดีมาก เคยเอาแขวนไว้ทั้งที่ยังไม่ได้ปลูกลงดิน ไม่ได้รดน้ำ ครึ่งปียังไม่ตายเลย และคนเลี้ยง
ก็ต้องมีความอดทนสูงคือเราก็ต้องอยู่กลางแดดเกือบทั้งวันเพื่อดูแลและตกแต่งกิ่งก้านจนต้น
ใหญ่และแข็งแรง”
ส่วนสิ่งที่ผู้นิยมเลี้ยงชวนชมยึดถือ พล.ท.เฉลิมศักดิ์ บอกว่านอกจากฟอร์มต้นต้องสวยงามแล้ว
ยังอยู่ที่ขนาดและอายุของต้นชวนชมที่จะสนนราคาให้แพงลิบลิ่วตามไปด้วย
“ลักษณะของชวนชมที่สวยงาม และจะต้องมีลักษณะต้นคล้ายๆ กับดอกเห็ด หรือคล้ายกับร่ม
ลำต้นต้องอ้วนแลดูคล้ายกับต้นไม้ดึกดำบรรพ์ คือต้องสวยให้ครบทั้งรูปทรง ลำต้น ราก และ
ฟอร์มกิ่ง ยิ่งถ้าเป็นพันธุ์ยักษ์ซาอุที่เป็นสายพันธุ์ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศแถบซาอุดี
อาระเบีย หรือประเทศอาหรับ ก็จะยิ่งได้ราคา เพราะเสน่ห์ประจำตัวของพันธุ์นี้ก็คือ กิ่งกับราก
ของมันจะสวยกว่าพันธุ์อื่นๆ กิ่งจะแผ่กว้างเป็นวงกลม ข้างล่างคือส่วนของลำต้นและรากจะต้อง
อ้วนใหญ่ แต่ต้องอ้วนแบบมีรูปทรง มีลีลาที่อ่อนช้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเพาะพันธุ์แล้วจะได้รูปทรง
ที่สวยงามทั้งหมด ใน 100 ต้นจะได้ชวนชมที่สวยงามที่สุดแค่ประมาณ 12 ต้นเท่านั้น”
ส่วนเหตุที่ทำให้ชวนชมทั้ง 2 ต้นนี้มีราคาแพงลิบลิ่ว พล.ท.เฉลิมศักดิ์เล่าให้ฟังว่า “เพราะเมื่อ
ก่อนต้นแม่พันธุ์ของ 2 ต้นนี้คือชวนชมพันธุ์ยักษ์ซาอุ ซึ่งคุณอนุชา เกียรติคุณ ผู้เป็นเจ้าของเขา
ตั้งราคาเอาไว้ที่ 1.5 ล้านบาท ซึ่งขายให้กับอุทยานสวนหินที่พัทยาไปแล้ว ทำให้ต้นลูก 2 ต้นนี้
มีราคาแพงตามไปด้วย ในสายสายตาผมมีความรู้สึกว่าทั้ง 2 ต้นนี้มีความสวยงามกว่าต้นแม่เสียอีก
เมื่อผมนำไปประกวดที่งาน สวนหลวง ร.9 ก็ได้รับถ้วยพระราชทานรางวัลยอดเยี่ยมจากสมเด็จ
พระเทพรัตนราชสุดาฯ ในปี 2549 ผมก็เลยตั้งราคาเป็น 2 ล้าน”
“แต่ตอนนี้ผมยังขายไม่ได้หรอกนะครับ เพียงแต่เป็นราคาที่เราตั้งขึ้นมาเพื่อรับประกันความ
สวยงามของต้นไม้ต้นนี้เท่านั้น ผมคิดว่าสวยงามขนาดนี้ถ้าขายต่ำกว่าราคานี้ไม่ขายดีกว่ามัน
ไม่คุ้ม แต่พอผมเอาออกมาโชว์ในงานพฤกษาสยาม ที่เดอะมอลล์ บางกะปิ ก็มีคนโทรศัพท์มา
สอบถามเรื่องราคากันเยอะมาก ผมคิดว่าน่าจะเป็นพวกนายหน้า ที่มาขอซื้อแล้วส่งไปขายที่
อินโดนีเซีย ซึ่งทางบ้านเขากำลังนิยมเล่นชวนชมกันอย่างคึกคัก และก็ชอบชวนชมที่มาจาก
ไทยมากที่สุด”
ชวนชมเป็นพรรณไม้ที่มีสีสันของดอกสวยงามสะดุดตา ทั้งยังมีรูปทรงของต้นและกิ่งก้านที่
สวยงามและอ่อนช้อยนุ่มนวล ปลูกเลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพแห้งแล้งจนได้รับสมญาว่า “กุหลาบ
ทะเลทราย” (Desert Rose) ชาวจีนเชื่อว่าชวนชมเป็นไม้สิริมงคลที่ชื่อว่า “ปู้กุ้ยฮวย” คือ ปู้
หมายถึง ร่ำรวย กุ้ย หมายถึง ความเป็นเลิศ และ ฮวย หมายถึง ดอกไม้ เมื่อรวมคำกันแล้ว
แปลว่า ดอกไม้แห่งความร่ำรวยสู่ความเป็นเลิศ
ส่วนถิ่นกำเนิดของพืชอพยพชนิดนี้ว่าพบครั้งแรกโดยนักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน ชื่อ P.FORSKAL
เป็นผู้ค้นพบครั้งแรกทางภาคตะวันออกของทวีปแอฟริกา แถบประเทศแทนซาเนียและเคนยา เมื่อปี
พ.ศ.230 สำหรับในประเทศไทยหลักฐานพอสันนิษฐานได้ว่า มีการนำชวนชมเข้ามาปลูกเลี้ยงใน
ประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 70 ปีแล้ว จากการสืบค้นของ อาจารย์วิชัย อภัยสุวรรณ (ผู้เขียนหนังสือ
“ไม้ดอกและประวัติไม้ดอกเมืองไทย”) ทราบว่า อย่างน้อยที่สุดคนไทยรู้จักเล่นชวนชมมาตั้งแต่
สมัยรัชกาลที่ 6 โดยพระนางเธอลักษมีลาวัณ พระมเหสีองค์ที่ 2 ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
เป็นเจ้านายพระองค์แรกที่ได้ทรงนำพันธุ์ชวนชมเข้าไปปลูกในพระตำหนักลักษมีวิลาศ แต่ไม่มีผู้ใดทราบว่า
ทรงนำต้นชวนชมมาจากแหล่งใด แต่ที่ปรากฏแน่ชัดคือ พระองค์ประทานชื่อดอกไม้นี้ว่า “ชวนชม”
http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=188881
[-pagebreak--]
|
ชวนชมดอกซ้อน....ใหม่ล่าสุด
ชวนชม ทั่วไปจะมีกลีบดอกชั้นเดียว มีหลายสี สวยงามน่าชมมาก ส่วน"ชวนชมดอกซ้อน" เป็นพันธุ์ ใหม่ล่าสุดเพิ่งพบมีต้นวางขายที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งนอกจากดอกจะเป็น 2 ชั้นแล้ว ดอกยังมีขนาดใหญ่ และดกอีกด้วย ผู้ขายบอกว่าชวนชมชนิดนี้เกิดจากการผสมพันธุ์ด้วยฝีมือคนไทย โดยวิธีเขี่ยเกสรแล้วได้ลูกไม้ใหม่ออกมา มีดอกเป็น 2 ชั้น แตกต่างจากดอกชวนชมทั่วไป มีด้วยกันหลายเบอร์ แต่ละเบอร์จะมีสีไม่เหมือนกัน ผู้ผสมพันธุ์ตั้งชื่อว่า "ชวนชมอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ นัมเบอร์วัน" (ภาพเสนอประกอบคอลัมน์เป็นชนิดเบอร์ 1) พร้อมทำต้นเสียบยอดกับตอชวนชมพื้นเมืองออกจำหน่าย กำลังเป็นที่ฮือฮาอยู่ในเวลานี้
ชวน ชมดอกซ้อน หรือ "ชวนชมอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ นัมเบอร์วัน" มีลักษณะทุกอย่างเหมือนชวนชมทั่วไป อยู่ในวงศ์ APOCYNACEAE เป็นไม้พุ่มสูง 1-1.5 เมตร ลำต้นกลมเกลี้ยง สีเขียวอมเทา ทุกส่วนของต้นมียางขาว ใบเป็นใบเดี่ยว มักออกหนาแน่นบริเวณปลายกิ่ง ใบเป็นรูปช้อน ปลายใบมน โคนเรียว เนื้อใบค่อนข้างหนา ผิวใบและขอบใบเรียบ เป็นสีเขียวสด
ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายยอด แต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อย 5-7 ดอก ดอกจะทยอยบานครั้งละ 3-4 ดอก ดอกโคนเชื่อมกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นกลีบดอก 5 กลีบ เรียงซ้อนกันเป็น 2 ชั้น สีชมพูเข้ม ผนังหลอดดอก ด้านในเป็นสีเหลือง มีเกสรตัวผู้ 5 อัน ดอกบานเต็มที่ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6-7 ซม. เวลามีดอกดกและดอกบานพร้อมกันจะดูสวยงามคล้ายดอกกุหลาบ น่ารักน่าชมเป็นอย่างยิ่ง "ผล" เป็นฝักคู่ รูปยาวรี เมื่อฝักแก่ แตกอ้า ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก ดอกออกตลอดปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ปักชำกิ่ง ตอนกิ่ง และเสียบยอดกับตอชวนชมพื้นเมือง ปัจจุบัน "ชวนชมดอกซ้อน"หรือ "ชวนชมอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ นัมเบอร์วัน" มีต้นขายที่ตลาดนัด ไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ แผง "คุณตวงทอง" ราคาสอบถามกันเอง
ลักษณะ เป็นไม้ชอบแดด? ไม่ชอบน้ำท่วมขัง นิยมปลูกลงกระถางใหญ่หรือเล็กตามขนาดของต้นที่จะปลูก เครื่องปลูกใช้ดิน 1 ส่วน อิฐมอญ ถ่านดำ ทุบเป็นก้อนเล็กๆ กาบมะพร้าวแห้งหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ อย่าง ละ 1 ส่วน คลุกทุกอย่างให้เข้ากัน ทำทางระบายน้ำก้นกระถางให้ดี จากนั้นนำต้นลง ปลูก นำกระถางไปตั้งประดับในที่มีแสงแดด ส่องถึงตลอดวัน รดน้ำพอชุ่มวันละครั้งตอนเช้า บำรุงปุ๋ยมูลสัตว์จำพวกขี้วัว หรือขี้ควายแห้งโรยตามหน้าดินเล็กน้อย หรือบางๆเดือนละครั้ง สลับกับใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16 ครึ่งเดือนครั้ง จะทำให้ "ชวนชมดอกซ้อน"หรือ "ชวนชมอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ นัมเบอร์วัน" แตกกิ่งก้านสาขาเพิ่มขึ้น และมีดอกดกสวยงามไม่ขาดต้น ที่สำคัญเวลาแตกกิ่งก้านมาก หรือกิ่งยาวเกินต้องการ สามารถตัดนำไปปักชำเป็นต้นใหม่ได้ครับ.
ไทยรัฐออนไลน์
โดย นายเกษตร
kaewpanya.rmutl.ac.th/2552/index.php?option=com...
|
[pagebreak--]
สายพันธุ์ชวนชมที่นิยมปลูกในประเทศไทย
1 สายพันธุ์ฮอลแลนด์ , โอบิซุม( Obesum )
- มีโขดขนาดอยู่ใต้ดิน ออกดอกง่าย มีดอกตลอดปี ติดฝักดี ลำต้นแตกแขนงมาก ใบมันสีเขียวอ่อนไม่มีขน
- ดอกสีชมพู กลีบดอกสีชมพูเข้ม กรวยดอกสีเหลือง มีระยางค์อันเรณู 5 เส้น
2 สายพันธุ์ยักษ์ญี่ปุ่น , ( Somalense )
- ลำต้นตรงใหญ่ สูงชะลูด แตกกิ่งด้านข้างน้อย ใบเรียวแคบ ใบไม่มี ขน ใบสีเขียวสดใส เห็นเส้นใบขาวเด่น
2.1) ยักษ์ญี่ปุ่น
2.2) ยักษ์ญี่ปุ่นแคระ
2.3) ยักษ์ญี่ปุ่นลูกผสม
3 สายพันธ์ยักษ์ซาอุหรือยักษ์อาหรับ , อาลาบิคัม ( Arabicum )
- ลำต้นสูงใหญ่ ใบมีขน โขดอยู่ที่โคนต้น สามารถผลัดใบได้เอง
4 สายพันธุ์โซโคทรานัม , ( Socotranum )
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
1 สายพันธุ์ฮอลแลนด์ , โอบิซุม( Obesum )
มีถิ่นกำเนิดในอาฟริกา พบทางตอนใต้ของซาอีลแทนซาเนีย ซิมบักเวย์ เคนย่า เป็นชนิดแรกที่นำเข้ามาในประเทศไทย สันนิษฐานว่านะจะนำเข้ามาจากดินโดนีเซีย ซึ่ง ชวนชมสายพันธุ์นี้พบเห็นกันทั่วไปในประเทศไทย จนบางครั้งถูกเรียกว่าพันธุ์ไทย หรือพันธุ์พื้นเมือง ลักษณะเด่นของชวนชมชนิดนี้ ลำต้นจะแตกกิ่งแขนงมาก โขดไม่ค่อยใหญ่ ใบมัน ไม่มีขนสีเขียวอ่อน ดอกสีชมพู กลีบดอกสีชมพูเข้ม กรวยดอกสีเหลือง มีระยางค์อันเรณู 5 เส้น ต่อมาภายหลังมีการนำเข้าไม้ชนิดนี้จาก สหรัฐอเมริกา ฮอลแลนด์ ไต้หวัน และมีการปรับปรุงและคัดเลือกสายพันธุ์ทั้งในและต่างประเทศ ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีโขดขนาดใหญ่ขึ้นและสีสรรของดอกมีความหลากหลาย สวยสดงดงาม จัดเป็นไม้สียอดนิยม และมีชื่อเรียกขานมากมายหลายร้อยชื่อ เช่น
มิสไทยแลนด์
แสงรัศมี
แดงสยาม
แดงขอบม่วง
แดงไต้หวัน
แดงมงคล
แดงยูโร
ไพสิฐสตาร์
บี 52
ละอองทอง
มหาลาภ
อั่งเปา
ยูเอสสตาร์
2 สายพันธุ์ยักษ์ญี่ปุ่น , ( Somalense )
1) |
ยักษ์ญี่ปุ่น |
|
มีถิ่นกำเนิดในอาฟริกา พบที่แทนซาเนียโซมาเลีย เคนย่า เป็นชวนชมยักษ์ชนิดหนึ่ง ที่มีลำต้นตรงใหญ่ สูงชะลูด แตกกิ่งด้านข้างน้อย ใบเรียวแคบ ใบไม่มี ขน ใบสีเขียวสดใส เห็นเส้นใบขาวเด่นชัด ดอกมีขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง ดอกสีชมพู หรือแดง กรวยดอกมีเส้นสีเหลืองชัดเจน 15-25 เส้น เป็นไม้ที่ออกดอกดกมาก จะทิ้งใบหมดหากกระทบแล้ง และออกดอกตามลำต้นและกิ่งหลัก เคยมีผู้พบเห็นในท้องถิ่นเดิมของอาฟริการายงานว่าสูงกว่า 5 เมตร มีโคนใหญ่กว่าถัง 200 ลิตร |
|
|
|
ยักษ์ญี่ปุ่นที่สะสมในไพสิฐฟาร์ม มีดังนี้ |
|
1.1) |
ยักษ์ญี่ปุ่นใบเงิน มีลักษณ์ดังนี้ |
|
- ใบสีเงินมันวาว ไม่มีขน ใบเรียว ปลายใบแหลม |
|
- มีลำต้นและกิ่งก้านที่แข็งแรง สำต้นมีขนาดใหญ่ |
|
- ดอกดก ออกดอกตามลำต้นและกิ่งก้าน ดอกมีขนาดกลางๆ ดอกสีแดงเข้ม กรวยดอกมีลายเส้นสีเหลืองชัดเจน เวลาออกดอกมักทิ้งใบ |
|
- ตามธรรมชาติติดฝักค่อนข้างยาก ฝักมีขนาดใหญ่ เมล็ดเรียวยาว |
|
- ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีใบสีเงินมันวาว มีลำต้นขนาดใหญ่ และแข็งแรง |
|
|
|
|
1.2) |
ยักษ์ญี่ปุ่นใบด่าง มีลักษณะดังนี้ |
|
- ใบด่าง มีทั้งสีเหลืองสลับเขียวปนขาว ใบห่อ ใบมัน ไม่มีขน ใบเรียว ปลายใบแหลม |
|
- มีลำต้นและกิ่งก้านแข็งแรง สำต้นสีขาวนวล |
|
- ดอกดก ออกดอกตามลำต้นและกิ่งก้าน ดอกมีขนาดเล็ก ดอกสีชมพู กลีบดอกสีชมพูเข้ม กรวยดอกสีเหลืองอ่อน มีเส้นกรวยดอกสีเหลืองชัดเจน เวลาออกดอกมักทิ้งใบ |
|
- ตามธรรมชาติติดฝักพอประมาณ ฝักมีขนาดใหญ่ เมล็ดเรียวยาว |
|
- ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดใบไม่ด่าง แต่มีลักษณะที่ดี โตเร็วและแข็งแรง |
|
|
|
|
1.3) |
ยักษ์ญี่ปุ่นกิ่งแดง มีลักษณะดังนี้ |
|
- ลำต้นกิ่งก้านสีน้ำตาลอมแดง ลำต้นมีขนาดใหญ่และแข็งแรง |
|
- ใบยาวเรียว ปลายใบมน ใบสีเขียว ใบมัน ไม่มีขน มีเส้นกลางใบสีขาวชัดเจน |
|
- ดอกดก ออกดอกตามลำต้นและกิ่งก้าน ดอกมีขนาดเล็ก ดอกสีชมพู กลีบดอกสีแดง เส้นกรวยดอกสีแดงและชัดเจน |
|
- ตามธรรมชาติติดฝักค่อนข้างยาก ฝักมีขนาดใหญ่ เมล็ดใหญ่เรียวยาว |
|
- ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีลักษณะที่ดี โตเร็ว และแข็งแรง |
|
|
|
|
1.4) |
ยักษ์ญี่ปุ่นกำแพง มีลักษณะดังนี้ |
|
- ปลายกิ่งของลำต้นจะแตกเป็นกำแพง ออกดอกด้านบนกำแพงเป็นกลุ่มๆ และออกดอกตามลำต้น ดอกสีชมพูอ่อน เส้นกรวยดอกสีแดง ดอกดกมาก เวลาออกดอกมักทิ้งใบ ทำให้เห็นดอกเต็มต้น แลดูสวยงามมาก |
|
- ใบสีตองอ่อน เรียวยาว มีเส้นสีขาวกลางใบชัดเจน |
|
- ลำต้นสีขาวนวล มีกิ่งก้านค่อนข้างอ่อน ไม่แข็งแรง |
|
- ตามธรรมชาติติดฝักพอประมาณ ฝักมีขนาดกลางๆ เมล็ดเรียวยาว |
|
- ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีลักษณะคล้ายต้นแม่ ดอกดกและออกดอกด้านบนกำแพงเป็นกลุ่มๆ |
1.5) |
ยักษณ์ญี่ปุ่นใบมัน มีลักษณะดังนี้ |
|
- ใบมันวาวเขียวเข้ม ใบมนป้าน มีเส้นใบสีขาวชัดเจน |
|
- มีลำต้นและกิ่งก้านแข็งแรง ลำต้นสีเทาอมเขียว |
|
- ดอกดก ออกดอกตามลำต้นและกิ่งก้าน ดอกมีขนาดเล็ก ดอกสีชมพู กลีบดอกสีชมพูเข้ม เส้นกรวยดอกสีแดงชัดเจน เวลาออกดอกมักทิ้งใบ |
|
- ตามธรรมชาติติดฝักพอประมาณ ฝักมีขนาดปานกลาง เมล็ดเรียวยาว |
|
- ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีลักษณะที่ดี โตเร็วและแข็งแรง |
|
|
|
|
1.6) |
ยักษ์ญี่ปุ่นใบเล็ก มีลักษณะดังนี้ |
|
- ใบเรียวเล็ก ปลายใบแหลม สีเขียวตองอ่อน มีเส้นใบชัดเจน เส้นกลางใบด้านโคนใบสีแดง |
|
- มีลำต้นและกิ่งก้านที่แข็งแรง ลำต้นสีเทาอมเขียว มีลำต้นขนาดใหญ่ |
|
- ดอกรูปดาว สีชมพู กลีบดอกสีชมพูเข้ม ดอกมีขนาดเล็ก มีเส้นกรวยดอกสีแดงชัดเจน |
|
- ตามธรรมชาติติดฝักค่อนข้างยาก ฝักมีขนาดปานกลาง เมล็ดเรียวยาว |
|
- ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีลักษณะที่ดี โตเร็วและแข็งแรง |
|
2) |
ยักษ์ญี่ปุ่นแคระ |
|
มี ถิ่นกำเนิดในอาฟริกา พบที่โซมาเลีย แทนซาเนีย เคนย่า เป็นไม้พุ่มเตี้ย มีโขดกลมอยู่ใต้ดิน ใบเรียวแคบยาวแหลม ขอบใบหยิกเป็นคลื่น ใบมันไม่มีขน ใบมีสีเขียว หรือสีเทาหรือสีน้ำตาล เห็นเส้นใบชัดเจน ดอกมีขนาดเล็ก ดอกสีชมพู แดง หรือ ลาย กรวยดอกมีเส้นสีชัดเจน ประมาณ 15 เส้น เป็นไม้ที่ออกดอกดกมากช่วงการบานนาน สายพันธุ์นี้นำเข้ามาในประเทศไทยจากแหล่งเพาะพันธุ์ในสหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ปลูกเลี้ยงกันในชื่อ ยักษ์แคระอเมริกา ยักแคระลำลูกกา ลินฟอร์มาซา และอื่นๆ อีกมากมายหลายชนิด ในปัจจุบันมีการนำไม้ชนิดนี้มาปรับปรุงและคัดเลือกสายพันธุ์ทั้งในและต่าง ประเทศ ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีใบและดอกสีสวยสดงดงามมากมายหลายชนิด จนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "กลุ่มลูกผสมยักษ์ญี่ปุ่นแคระ" ปัจจุบันมีการนำไม้ชนิดนี้มาทำเป็นไม้สีเสียบยอด และมีการจำหน่ายรวมกันกับไม้สีเสียบยอด" กลุ่มลูกผสมฮอลแลนด์ " จนบางครั้งหากไม่สังเกตุให้ดี จะแบ่งแยกไม้สองกลุ่มดังกล่าวข้างต้นไม่ค่อยออก |
3) |
ยักษ์ญี่ปุ่นลูกผสม |
|
มัก เป็นลูกผสมระหว่างยักษ์ญี่ปุ่นกับฮอลแลนด์ ในประเทศไทยมักมีการปลูกรวมกันระหว่างยักษ์ญี่ปุ่นกับฮอลแลนด์ในแหล่งเพาะ เลี้ยงต่างๆ ทำให้เกิดลูกผสมที่หลากหลายและมากมาย และมักได้ลักษณะลูกผสมที่ดีทั้ง ดอก ลำต้น และโขด มากมายนานาชนิด |
|
|
|
* ยักษ์ญี่ปุ่นลูกผสม ในไพสิฐฟาร์มที่เด่นๆ มีดังนี้ |
|
3.1) |
ยักษ์ ญี่ปุ่นลูกผสม "ศรีไพสิฐ" เป็นไม้เพาะเมล็ดเป็นลูกผสมระหว่างยักษ์ญี่ปุ่นกับฮอลแลนด์ อายุ 10 ปี โขดมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 70-80 เซนติเมตร สูงประมาณ 2.20 เมตร โขดลำต้นและใบมีสีเขียว ดอกสีชมพู กลีบดอกด้านนอกสีแดง ดอกมีขนาดปานกลาง ออกดอกดกตลอดทั้งปี ให้ฝักปานกลาง เมล็ดมีขนาดยาวและใหญ่กว่ายักษ์ญี่ปุ่นแท้ ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดจะเจริญเติบโรเร็๋วมาก โดยเฉพาะโขดจะโตเร็วกว่าฮอลแลนด์ 1-2 เท่าตัว ลำต้นมักขึ้นเป็นลำต้นเดียวมีขนาดใหญ่ โขดลำต้นและใบมีสีเขียวสด ดอกสีชมพูอมแดง เหมาะสำหรับทำเป็นตอเสียบยอดไม้เดี่ยว (ยอดเดี่ยว) เพราะโขดโตไว โขดสีสวยและมีรูปทรงที่ดี หรือจะปลูกเป็นไม้จัดสวนก็ได้ เพราะมีลำต้นและกิ่งก้านที่แข็งแรง |
|
|
|
|
3.2) |
ยักษ์ญี่ปุ่นลูกผสม "ยักษ์กอ" |
|
สันนิษฐาน ว่าเป็นไม้ลูกผสมระหว่างยักษ์ญี่ปุ่นกับ ชวนชมสายพันธุ์อื่นๆ หลายสายพันธุ์ ไม่มีใครระบุสายพันธุ์ได้แน่นอน บ้างก็ว่าน่าจะเป็น "มัลติฟอรัม " มีลักษณะโครงสร้างลำต้นทั่วไปคล้ายชวนชมพื้นเมือง เจริญเติบโตเร็ว ต้นแม่เป็นกิ่งปักชำล้ำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 7-8 นิ้ว สูงกว่า 2 เมตร ลักษณะเด่นที่แยกได้ชัดเจนคือ ใบมีสีเขียวอมเทาเป็นมัน มีเส้นสีแดงกลางใบเห็นได้ชัดเจน มีลักษณะใบคล้ายยักษ์ญี่ปุ่น ดอกสีชมพูมีขนาดปานกลาง กลีบดอกแหลม ระยางค์อันเรณูยาวเลยส่วนกรวยดอก ออกดอกตลอดทั้งปี ให้ฝักปานกลาง เมล็๋ดสมบูรณ์ใหญ่ป้อม ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดจะเจริญเติบโตเร็วมาก โดยเฉพาะโขดจะโตเร็วกว่า ฮอลแลนด์ 1-2 เท่า ลักษณะเด่นเฉพาะตัวคือ ลำต้นจะแตกเป็นกอ จากโขดประมาณ 4-6 ลำ มีเส้นกลางใบสีแดง เหมาะสำหรับทำเป็นตอเสืยบไม้พุ่ม (เสียบหลายยอด) เพราะโขดโตไวและมีลำต้นหลายลำ หรือจะปลูกเป็นไม้จัดสวนก็ได้ เพราะมีลำต้นที่เป็นกอที่สวยงาม |
|
3 สายพันธ์อาลาบิคัม , ( Arabicum )
- โขดอยู่ที่โคนต้น สามารถผลัดใบได้เอง
มีถิ่นกำเนิดอยู่แถบคาบสมุทรอาหรับ ทางตอนใต้และตะวันตกของคาบสมุทรอาหรับ ลำต้นสูงใหญ่ ส่วนใหญ่ใบมักมีขนละเอียดนุ่ม ดอกมักมีสีชมพูและมีขนาดเล็ก ออกดอกตามกิ่งก้านหรือลำต้น ฝักมักมีสีแดงเข้ม ฝักและเมล็ดมักมีขนาดใหญ่ ชวนชมชนิดนี้สามารถแบ่งลักษณะลำต้นออกเป็น 2 ลักษณะดังนี้
- ลำต้นสูงแบบไม้ยืนต้น จะมีลำต้นที่สูงชะลูด ลำต้นจะแตกออกจากฐานโขดหลายลำ ลำต้นชี้ขึ้นตรงมักเจริญติบโตในแนวสูงมากกว่าการขยายในแนวราบ อาจสูงได้ถึง 4 เมตร ที่พบเห็นในประเทศไทยเช่น ยักษ์หน้าวัง เป็นต้น
- ลำต้นเตี้ย ลำต้นจะขึ้นเป็นแท่งหลายแท่งจากฐานโขด มักเจริญเติบโตในแนวราบ มากกว่าแนวสูง ฐานโขดมักมีขนาดใหญ่ โขดอาจมีขนาดใหญ่ถึง 1 เมตร สูงประมาณ 2.50 เมตร ที่พบเห็นในประเทศไทย เช่น ยักษ์เยเมน เป็นต้น
ชวนชมชนิดนี้ส่วนใหญ่ทะยอยนำเข้ามาในประเทศไทย ทั้งเมล็ด กิ่ง และต้น จากผู้ที่เคยทำงานในตะวันออกกลางตลอดระยะเวลาประมาณ 20 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งได้มาจากหลายแหล่ง หลายสายพันธุ์ ชวนชมชนิดนี้มีอัตราการเจริญเติบโตเร็วกว่าชวนชมพื้นเมืองทั่วไป เพราะโขดมีขนาดใหญ่กว่ามาก ในบ้านเรานั้นมักเรียกชื่อสายพันธุ์ตามแหล่งที่นำไปเพาะเลี้ยง เช่น ยักษ์ลพบุรี ยักษ์สิงห์บุรี เพชรเมืองคง(โคราช) เป็นต้น ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็มีความแตกต่างกันไป ปัจจุบันมีการปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์ไปมาก ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดรุ่นใหม่ในประเทศไทยมีเอกลักษณ์แตกต่างจากสาย พันธุ์ดั้งเดิมมาก
ยักษ์อาหรับ ในประเทศไทย สามารถจำแนกได้ ดังต่อไปนี้
1)
|
ยักษ์เยเมน < Arabicum : Yak - Yamen> |
2)
|
ยักษ์เกษตร |
|
|
3)
|
ยักษ์สิงห์บุรี < Arabicum : Yak-sing-Bu-Ri> |
|
|
4)
|
ยักษ์ลพบุรี |
|
|
5)
|
ยักษ์หน้าวัง < Arabicum : Yak - Na - Wang> |
|
|
6)
|
ยักษ์ดำ-สายสิงห์บุรี |
|
|
7)
|
เพชรเมืองคง < Petch Muang Kong > |
|
|
|
|
8)
|
เพชรหน้าวัง A5 < Petch Na Wang A5> |
|
|
|
|
9)
|
เพชรหน้าวัง A6 < Petch Na Wang A6> |
|
|
|
|
10)
|
ยักษ์ดำ - สายโคราช < Black Giant - Korat > |
|
|
|
|
11)
|
อัศวินดำ - สายโคราช < Black Knight - Korat > |
|
|
|
|
12)
|
อัศวิน - สาย7 < Black Knight - Sai7 > |
|
|
4 สายพันธุ์โซโคทรานัม , ( Socotranum )
ไทย โซโคทรานั่ม < Thai Socotranum >
มีถิ่นกำเนิดในเขตอาหรับตอนใต้ จะพบได้มากที่สุดที่เกาะโซโคทร้าของเยเมน ถือว่าเป็นชวนชมยักษ์ที่แท้จริง มีรายงานว่าพบสูงถึง 6 เมตร โขดกว้างเกือบ 2 เมตรครึ่ง ต้นที่ได้จากการเพาะเมล็ดจะเห็นความแตกต่างจากชวนชมชนิดอื่นได้อย่างชัดเจน เอกลักษณ์เฉพาะตัวคือลำต้นจะขึ้นเป็นแท่งๆ เดียว ดูคล้ายบอนไซหรือต้นไม้ที่มีรากชี้ฟ้า ส่วนโขดจะมีรากที่ใหญ่บิดงอซับซ้อนสวยงามมาก ดอกดก ออกดอกประมาณปีละ 2 ครั้ง ในฤดูหนาวและฤดูร้อน ดอกสีชมพูมีขนาดเล็ก เวลาออกดอกมักทิ้งใบ ใบมันไม่มีขน สีเขียวเข้ม มีสีเส้นกลางใบชัดเจน
สำหรับประเทศไทยเรา มีผู้ไปทำงานที่ซาอุดิอาราเบีย นำกิ่งปักชำมาปลูกไว้ที่อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "เพชรบ้านนา" นอกจากนั้นยังมีผู้นำเข้าต้นกล้าขนาดเท่าปลายนิ้วก้อยมาปลูกและเพาะเลี้ยง ที่ ต.หนองแหน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นที่มาของ "ยักษ์หนองแหน (ดำริสิทธิโชค) " ต่อมาภายหลังมีผู้นำลูกไม้ของยักษ์หนองแหนไปปลูกที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเทริงเทรา ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "เพชรหนองแหน" หรือเจ้าของเรียกว่า "ดำริสิทธิโชค" ต่อมาภายหลังมีผูนำลูกไม้ของเพชรหนองแหน ไปปลูกที่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา จึงเป็นที่มาของชื่อ "ยักษ์บางคล้า" ในการนำเข้ามาในบ้านเราครั้งแรกนั้น เข้าใจว่าเป็นยักษ์อาหรับหรือยักษ์ซาอุ ธรรมดา ต่อมาภายหลังจึงค้นพบเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความแน่นอนชัดเจน จึงได้แน่ใจกันว่าเป็นสายพันธุ์ "โซโคทรานั่ม"
ตามธรรมชาติชวนชมชนิดนี้ติดฝักค่อนข้างยาก แต่ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีความนึ่งของสายพันธุ์สูงและมักไม่กลาย พันธุ์ จัดเป็นชวนชมสายพันธุ์ที่มีน้อยที่สุดและหาได้ยากมากที่สุด ทั้งในประเทศ และในโลกนี้ ดังนั้นทั้งเมล็ด ต้นกล้า ต้นขนาดเล็กและขนาดใหญ่ จึงมีไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด และมีราคาอยู่ในระดับสูงมาก
เรามีเมล็ด ต้นกล้า ลูกไม้เพาะเมล็ด ไม้เสียบยอด สายพันธไทย ุ์โซโคทรานั่ม นานาชนิดให้ท่านเลือกสรร
ไทย โซโคทรานั่ม ในประเทศไทย สามารถจำแนกได้ ดังต่อไปนี้
1)
|
เพชรบ้านนา > |
|
1) |
ต้นแม่เป็นกิ่งปักชำ นำเข้ามาจากประเทศซาอุดิอาราเบีย มาปลูกที่อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก |
2) |
ลักษณะเพชรบ้านนา |
|
- ลำต้นขึ้นเป็นแท่ง มักแตกเป็นพุ่มอยู่ด้านบน |
|
- มีกิ่งก้านสาขามาก กิ่งแผ่ขนานเกือบระนาบเดียวกับพื้น |
|
- ลำต้นและกิ่งก้านมีสีขาวนวล |
|
- ใบมันวาว และเรียวยาว ใบแผ่ผ่าย ใบไม่มีขนทั้งหน้าใบและหลังใบ |
|
- ให้ดอกดก ดอกสีขมพูอ่อน ดอกมีขนาดเล็ก ออกดอกมักทิ้งใบ ออกดอกในฤดูหนาว และฤดูร้อน |
|
- ตามธรรมชาติติดฝักยาก ฝักขนาดกลางๆ เมล็ดมีขนาดใหญ่ |
|
- ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีความนิ่งของสายพันธุ์สูง |
|
|
|
|
|
2)
|
เขาหินซ้อน < Thai Socotraunm : Kao-Hin-Zon> |
|
1) |
ต้นแม่ได้มากจาก ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา |
2) |
ลักษณะเขาหินซ้อน |
|
- ล้ำต้นขึ้นเป็นแท่ง กิ่งใหญ่และมีกิ่งแข็ง |
|
- รากใหญ่ กิ่งก้านแผ่คล้ายบอนไซ |
|
- ใบมัน สีเขียวตองอ่อน ใบห่อ ปลายใบแหลม ใบไม่มีขนทั้งหน้าใบและหลังใบ |
|
- ตามธรรมชาติติดฝักยาก ฝักมีขนาดกลางๆ เมล็ดมีขนาดใหญ่ |
|
- ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมีลักษณะที่หลากหลาย แต่มีลักษณะที่ดี |
|
|
|
|
|
3)
|
เอส 1 |
|
1) |
ต้นแม่เป็นไม้เพาะเมล็ด นำเข้ามาจากต่างประเทศ |
2) |
ลักษณะของ "เอส1" |
|
- โขดกลม เนียนเรียบและสวย |
|
- กิ่งก้านสาขาแตกเป็นพุ่มด้านบน |
|
- ใบมัน ใบกลมใหญ่ ปลายใบป้าน มีเส้นแดงกลางใบ |
|
- ดอกสีชมพูสด กรวยดอกมีเส้นลายแดงเข้ม |
|
- ตามธรรมชาติติดฝักยาก ฝักมีขนาดกลางๆ เมล็ดมีขนาดใหญ่ |
|
- ลูกไม้ที่ได้จากการเพาะเมล็ด มีลักษณะที่ดี และมีความนิ่งของสายพันธุ์สูง |
|
|
|
|
|
4)
|
เพชรกรุงเก่า < Petch Krung Kao> |
|
|
|
|
5)
|
บางคล้า |
|
|
|
|
6)
|
ชฏาทอง |
|
|
|
|
7)
|
ชฏาเพชร |
|
|
|
|
8)
|
มงกุฏทอง < Golden Crow> |
|
|
|
|
9)
|
มงกุฎเพชร |
|
|
|
|
10)
|
เพชรกาญจนา |
|
|
|
|
11)
|
เพชรพระนคร |
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.