ที่มาของการปลูกข้าวแบบล้มตอซัง
ปี 2539 เกษตรกรประเภท "หัวไวใจสู้" ชื่อ นายละเมียด ครุฑเงิน อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 หมู่ 9 ตำบลระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี เป็นคนช่างสังเกต และสะสมประสบการณ์ในการทำนามานาน ได้สังเกตเห็นว่าตอซังข้าวที่ถูกล้อรถเก็บเกี่ยว (combine) เหยียบย่ำล้มลงราบกับพื้นนาในขณะที่ดินมีความชื้นหมาด ๆ คือ ไม่แห้งและเปียกเกินไป หลังจากเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว 7-10 วันนั้น จะมีหน่อข้าวแทงขึ้นมาจากโคนตอซังส่วนที่ติดอยู่กับดิน เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่องเท่าที่ดินยังมีความชื้นเพียงพอ แต่ตอซังข้าวที่ไม่ถูกล้อรถเก็บเกี่ยวทับ จะมีหน่อแตกงอกออกจากข้อของต้นตอซังข้าว สังเกตเห็นว่าหน่อจะงอกช้ากว่า และขนาดเล็กกว่าหน่อที่งอก ออกจากตอซังที่ล้มลงด้วยล้อรถเก็บเกี่ยวทับ จากการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองความอยากรู้ของเกษตรกรเอง และคิดว่าสามารถลดต้นทุนลงหลายอย่าง เช่น ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าเตรียมดิน นายละเมียด ครุฑเงิน ได้ทำการทดสอบ 4 ฤดู โดยปลูกข้าวพันธุ์สุพรรณบุรี 1 พบว่า ได้ผลผลิตสูงไม่แตกต่างจากการใช้เมล็ดหว่าน อีกทั้งยังประหยัดเรื่องของเมล็ดพันธุ์ การเตรียมดิน และอายุสั้นเพียง 90 วันเท่านั้น ซึ่งวิธีการปลูกข้าวเช่นนี้เกษตรกรเรียกว่า "การปลูกข้าวด้วยตอซัง" ปี 2543 มีเกษตรกรอำเภอลาดหลุมแก้วทำตามกรรมวิธีของนายละเมียด ครุฑเงิน รวมพื้นที่ 45,000 ไร่/ฤดู และยังได้ขยายผลไปสู่เกษตรกรจังหวัดใกล้เคียง เช่น สิงห์บุรี
การปลูกข้าวแบบล้มตอซัง
"การปลูกข้าวแบบล้มตอซัง" เป็น เทคโนโลยีชาวบ้านซึ่งเกิดจาก “ภูมิปัญญาท้องถิ่น” (local wisdom หรือ indigenous knowledge) เกษตรกรเป็นผู้ค้นพบโดยบังเอิญ มีเทคนิคและวิธีการปฏิบัติ โดยไม่ต้องเตรียมดิน และไม่ใช้เมล็ดพันธุ์ปลูก ซึ่งมีเทคนิคในการปฏิบัติ โดยเกลี่ยฟางข้าวให้กระจายทั่วแปลงและย่ำตอซังให้ราบติดพื้นนา ในขณะที่ดินต้องมีความชื้นหมาด ๆ การปลูกข้าวด้วยวิธีนี้เกษตรกรบางพื้นที่เรียกว่า “การปลูกข้าวด้วยตอซัง” และนักวิชากาด้านรข้าว เรียกว่า “การปลูกข้าวข่มตอ” (lodge ratoon rice)
เทคนิคการปลูกข้าวแบบล้มตอซัง
1. แปลงที่ปลูกข้าวรุ่นแรก ต้องมีการเตรียมดินและทำเทือก ให้ได้ระดับสม่ำเสมอ และปลูกข้าวโดยวิธีหว่านน้ำตม ใช้พันธุ์ข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง อัตราเมล็ดพันธุ์ 15-20 กก./ไร่ อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 120 วัน
2. ก่อนเก็บเกี่ยวข้าวรุ่นแรกประมาณ 10 วัน ถ้ามีน้ำขังให้ระบายออกจากแปลง ถ้าไม่มีน้ำขังให้ระบายน้ำเข้าแปลง เมื่อดินในแปลงเปียกทั่วกันแล้วให้ระบายน้ำออก เพื่อให้ดินมีความชื้นหมาด ๆ คือ ไม่แห้งหรือเปียกเกินไปหลังเก็บเกี่ยวข้าว
3. เก็บเกี่ยวข้าวในระยะ “พลับพลึง” ห้ามเผาฟางเด็ดขาด และเกษตรกรจะต้องเกลี่ยฟางข้าวให้ทั่วทั้งแปลง อย่างสม่ำเสมอภายใน 1–3 วัน ด้วยอุปกรณ์ติดท้ายแทรกเตอร์ขนาดเล็ก หรือใช้แรงงานคน เพื่อรักษาความชื้น คลุมวัชพืช และเป็นปุ๋ยหมักให้แก่ต้นข้าว
4. ย่ำตอซังให้ล้มนอนราบกับดินที่มีความชื้นหมาด ๆ โดยใช้รถแทรกเตอร์หรือล้อยางย่ำไปในทิศทางเดียวกัน 2–3 เที่ยว เกษตรกรนิยมย่ำตอนเช้ามืด เนื่องจากมีน้ำค้างช่วยให้ฟางข้าวนุ่มและตอซังล้มง่าย
5. หลังจากย่ำตอซังแล้ว ต้องคอยดูแลไม่ให้น้ำเข้าแปลง โดยทำร่องระบายน้ำเมื่อมีฝนตกลงมาต้องรีบระบายออกให้ทัน ถ้าปล่อยไว้หน่อข้าวจะเสียหาย
6. เมื่อหน่อข้าวมีใบ 3–4 ใบ หรือ 10–15 วัน หลังล้มตอซัง ให้ระบายน้ำเข้าแปลงให้ดินแฉะแต่ไม่ท่วมขัง ใส่ปุ๋ยครั้งแรก สูตร 46-0-0 อัตรา 15–20 กก./ไร่ เพื่อเป็นปุ๋ยแก่ต้นข้าว และช่วยการย่อยสลายฟางได้ดีขึ้น
7. หลังจากใส่ปุ๋ยครั้งแรก 5–7 วัน ระบายน้ำเข้าท่วมขังในแปลงระดับสูง 5 ซม.
8. เมื่อข้าวอายุได้ 35–40 วัน หลังล้มตอซัง ใส่ปุ๋ยครั้งที่สอง สูตร 16-20-0 อัตรา 20 – 25กก./ไร่
9. เมื่อข้าวอายุได้ 50-55 วัน หลังล้มตอซัง ถ้าข้าวเจริญเติบโตไม่ดีให้ ใส่ปุ๋ยครั้งที่สาม สูตร 46-0-0 อัตรา
15–20 กก./ไร่
10. เมื่อข้าวอายุใกล้เก็บเกี่ยว (ประมาณ 80 วันหลังล้มตอซัง) ให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับข้อ 2 เพื่อให้ดินมีความชื้น พอเหมาะแก่การงอกของตาข้าว ซึ่งเรียกว่า “ข้าวตอที่ 2” ต่อไป
เงื่อนไขและข้อจำกัด การปลูกข้าวแบบล้มตอซัง
1. อยู่ในเขตที่มีน้ำชลประทานสมบูรณ์
2. เก็บเกี่ยวข้าวในระยะ “พลับพลึง” ซึ่งต้นข้าวจะยังสดไม่แห้งเกินไปเวลาใช้ทำเป็น “ต้นพันธุ์ (clone)” หน่อข้าวจะแตกเป็นต้นข้าวใหม่ที่แข็งแรงและเจริญเติบโตดี
3. เกลี่ยฟางข้าวคลุมตอซังให้สม่ำเสมอทั่วทั้งแปลง
4. ตอซังที่ใช้ปลูกข้าวแบบล้มตอซังต้องไม่มีโรคและแมลงรบกวน ถ้ามีโรคและแมลงรบกวนต้องไถทิ้ง เตรียมดินและปลูกแบบหว่านน้ำตมใหม่
5. การปลูกข้าวแบบล้มตอซังไม่ต้องหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวเสริม
ข้อดีของการปลูกข้าวแบบล้มตอซัง
1. ผลผลิต 800–900 กก./ไร่ ขณะที่อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 90 วัน
2. ลดค่าเตรียมดินประมาณ 150 บาท/ไร่
3. ลดค่าเมล็ดพันธุ์ 300–400 บาท/ไร่
4. ลดค่าสารเคมีควบคุมและกำจัดวัชพืช 100–200 บาท/ไร่
5. ลดค่าสารเคมีกำจัดหอยเชอรี่ 60–80 บาท/ไร่
6. ลดต้นทุนรวมทั้งสิ้น 500-700 บาท/ไร่ หรือ 30–40 % ของต้นทุนทั้งหมด
แหล่งขยายผลและพัฒนาการปลูกข้าวแบบล้มตอซัง
ปี 2542 เกษตรกรบ้านจ่า ตำบลเชิงกลัด อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี นำวิธีการปลูกข้าวด้วยตอซังมาปฏิบัติ และพัฒนาเทคนิคบางอย่าง เช่น ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร16-20-0 แทนสูตร 46-0-0 (ปุ๋ยยูเรีย) คิดค้นเครื่องเกลี่ยฟางข้าวติดท้าย รถแทรกเตอร์เพื่อเกลี่ยฟางข้าวให้กระจายคลุมตอซังทั่วทั้งแปลง และประดิษฐ์เครื่องมือย่ำล้มตอซังขึ้นมาใช้ โดยนำล้อยางรถยนต์ที่เสื่อมสภาพมาประดิษฐ์เป็นชุดพวงล้อยาง จำนวน8 - 10 เส้น ลากทับตอซังโดยติดท้ายรถแทรกเตอร์ เพื่อย่ำล้มตอซังให้ติดแนบกับพื้นนา และรับจ้างเกษตรกรรายอื่น ได้ค่าจ้างไร่ละ 100 บาท ค่าเกลี่ยฟางข้าวไร่ละ 50 บาท โดยเรียกวิธีการนี้ว่า "การปลูกข้าวแบบล้มตอซัง"
ปี 2543 พื้นที่อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี มีเกษตรกรปลูกข้าวแบบล้มตอซัง มีพื้นที่ปลูกมากกว่า 10,000 ไร่ และขยายผลไปยังพื้นที่ใกล้เคียง เช่น จังหวัดชัยนาท และสุพรรณบุรี
ที่มา : เอกสารคำแนะนำสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 การปลูกข้าวแบบล้มตอซัง : ภูมิปัญญาท้องถิ่น
อัครินทร์ ท้วมขำ
สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5
กรมวิชาการเกษตร
สิงหาคม 2547
|