-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 464 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

ฮอร์โมน






สารธรรมชาติจากสิ่งมีชีวิตและสารสังเคราะห์

ในตอนนี้ขอกล่าวถึงเฉพาะสารธรรมชาติจากสิ่งมีชีวิตและสารสังเคราะห์ที่ มนุษย์เราสังเคราะห์สร้างขึ้นเพื่อใช้กับมนุษย์ ถ้าจะเปรียบเทียบให้ใกล้ตัวและเข้าใจได้ง่ายก็น่าจะเปรียบเทียบได้กับการใช้ ปุ๋ยคอกกับการใช้ปุ๋ยเคมีในการเกษตร คือ ปุ๋ยคอกเป็นปุ๋ยที่มาจากซากพืช ซากสัตว์ มูลสัตว์ต่างๆ มาหมักโดยการทำงานของจุลินทรีย์เล็กๆ ย่อยสลายซากมูลเหล่านั้นให้แตกสลายเป็นสารอาหารของพืชในปุ๋ยคอกจึงมีความ สมดุลของสารอาหารต่างๆ ตามธรรมชาติที่อยู่ในพืช สัตว์ และมูลอย่างครบถ้วนสมบูรณ์


นอกเหนือจากนั้นสิ่งทีมีคุณค่าเกินกว่าจะประเมิน ได้คือพลังชีวิตของชีวมวลจากจุลินทรีย์ และ จากซากพืช สัตว์ และมูลเหล่านั้น เนื่องจากเป็นสารที่มาจากสิ่งมีชีวิตเมื่อตายลงจึงปลดปล่อยพลังชีวิตที่สะสม ไว้ออกมาย่อยสลายตัวเอง บวกกับพลังชีวมวลของจุลินทรีย์ทำให้ซากมูลเหล่านั้นปลดปล่อยธาตุอาหารออกมา เป็นอณูเล็กๆ ให้พืชสามารถดูดซับไปใช้ได้ทั้งธาตุอาหาร และ พลังชีวิตไปพร้อมๆกัน พลังชีวิต , พลังชีวมวลนี้ ความจริงก็คือ เอนไซม์และฮอร์โมนต่าง ๆ ในพืชและสัตว์ หรือ จุลินทรีย์นั่นเองในทางการแพทย์แผนไทยจัดอยู่ในธาตุไฟและระบบการทำงานของ ธาตุไฟ

ปุ๋ยเคมี หรือ ปุ๋ยที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้นโดยการใช้ปฏิกิริยาทางเคมี หรือ ฟิสิกส์ ประกอบด้วยสารที่เป็นธาตุบริสุทธิ์หรือสารประกอบของแร่ธาตุต่างๆ มาผสมกัน เช่น ปุ๋ย NPK สูตรต่างๆ คือ ปุ๋ยเคมีที่ประกอบด้วยธาตุไนโตรเจน (N2), ฟอสฟอรัส (P3) และ โปรแตซเซียม (K2) ในสัดส่วนต่างๆ กันโดยขาดความสมดุลของธาตุอาหารอื่นๆ และ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธาตุอาหารในรูปของเคมีแร่ธาตุเหล่านี้ การแตกตัวเป็นอณูให้พืชดูดซับมักจะแตกตัวได้น้อยกว่าสารอาหารอื่นที่เป็น ธรรมชาติและที่สำคัญปุ๋ยเคมีไม่มีพลังชีวิตคือไม่มีเอนไซม์ และฮอร์โมนที่จำเป็นเป็นสำหรับพืชผสมอยู่เลยจากการใช้ของเกษตรกรก็พบได้ว่า ปุ๋ยคอกมีคุณสมบัติเหนือกว่ามีพลังชีวิตให้พืชเจริญเติบโตแข็งแรง และให้ผลผลิตที่ดีกว่าปุ๋ยเคมีผลผลิตที่ได้รสชาติคุณภาพต่างๆดีกว่า ที่สำคัญ ปุ๋ยคอกยิ่งใช้นานไปสมดุลของดินยิ่งอุดมสมบูรณ์มีฮิวมัส มีจุลินทรีย์ในดิน ช่วยสร้างสารอาหารและพลังชีวิตพวกเอนไซม์ฮอร์โมนที่พืชต้องการดินจะร่วนซุย ชุ่มชื้นที่เรียกว่า ดินดำน้ำชุ่ม ในขณะที่ดินที่ใช้ปุ๋ยเคมียิ่งใช้นานไปสมดุงของดินยิ่งเสียดินจะแข็ง และเสียสภาพไป ฮิวมัส จุลินทรีย์ต่าง ๆ ไม่สามารถทนต่อความเป็นกรด – ด่าง ที่เกิดจากสารเคมีได้จนสภาพดินแข็งแห้งตายไป เกษตรกรเรียกว่า ดินตายต้องใช้การฟื้นฟูเป็นระยะๆ เพราะผลผลิตตกต่ำจนไม่อาจปลูกพืชได้ต่อเนื่อง



สารธรรมชาติ ได้แก่ สารจากธรรมชาติที่มาจาก 3 แหล่ง คือ

1. สารธรรมชาติจากแร่ธาตุวัตถุที่ไม่มีชีวิตซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติในรูปของ ธาตุสารประกอบของผสมต่างๆ ธาตุวัตถุเหล่านี้เกิดขึ้นมาในเงื่อนไขต่างๆ ของธรรมชาติมีการสั่งสมทำปฏิกิริยาในสภาวะแวดล้อมของธรรมชาติที่ใช้เวลาตาม ความเหมาะสมได้แก่ หิน แร่ เกลือ ต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในทางเภสัชกรรม เพื่อส่งเสริมบำรุงเลี้ยง บำบัด รักษา มนุษย์ สัตว์ พืช


2. สารธรรมชาติจากพืชเรียกว่าพืชวัตถุ ซึ่งสามารถแบ่งสารธรรมชาติจากพืชได้เป็น 3 กลุ่ม หรือ ประเภท คือ
สารปฐมภูมิ .... ได้แก่ สารที่พืชผลิตขึ้นเพื่อใช้ในการส่งเสริมบำรุงเลี้ยงชีวิตให้เติบโด ได้แก่สารเส้นใย แป้ง น้ำตาล ไขมันในพืชทั่วๆไป ซึ่งมนุษย์เรานำมาใช้เป็นอาหารเป็นหลัก


สารทุติยภูมิ .... ได้แก่ สารกลุ่มที่พืชสังเคราะห์สร้างขึ้นมาใช้งานเฉพาะเพื่อปกป้องตัวเองจากศัตรู เช่น ยางไม้ น้ำมันหอมระเหย สารเคมีต่าง ๆ ทั้ง แทนนิน (สารฝาด) อัลคาลอยด์ (สารขม) ตลอดจนสารที่มีลักษณะเฉพาะต่างๆ นอกจากนั้นสารทุติยภูมิยังหมายถึงสารกลุ่มที่พืชใช้เพี่อบ่งบอกแสดงความเป็น ตัวตน, สารกลุ่มที่พืช สร้างขึ้นเพื่อรักษาตนเองเมื่อเกิดบาดแผลบาดเจ็บหรือสร้างขึ้นในสภาพที่ วิกฤตจำเป็น เพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์ เหล่านี้เป็นสารที่พืชแต่ละชนิดสร้างขึ้นเป็นพิเศษ จึงมีฤทธิ์มีสรรพคุณซึ่งเราสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้นอกเหนือจากอาหาร เช่น ใช้เป็นยา เป็นสารเสริมสุขภาพบำบัดรักษา เป็นเวชสำอาง เป็นต้น


สารกลุ่มที่ 3 คือ พลังชีวิตจากพืช ได้แก่ เอนไซม์ต่างๆ ที่พืชแต่ละชนิดสังเคราะห์ขึ้นรวมทั้งฮอร์โมนเพศต่างๆ สารกลุ่มนี้มีคุณวิเศษเสริมสร้างพลังชีวิตให้แก่เราทั้งในทางอาหาร ทางยารักษาโรค และ ทางบำบัดรักษาด้วยเวชสำอาง เช่น ฮอร์โมนพืชต่าง ๆ ในพืชโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สารกลุ่มสเตอรอล ไอโซฟลาโวน เอนไซม์ เช่น ในมะละกอ ในสัปปะรด และ เอนไซม์ อีกมากมายที่มีประโยชน์ต่อระบบ เมตาบอลิซึ่มของเราซึ่งเรายังขาดการศึกษาวิจัยในประโยชน์ของมัน


สารทั้ง 3 กลุ่ม จากพืชโดยรวมแล้วมีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์เรามากเป็นทั้งอาหารที่ จำเป็นยารักษาโรค และ เวชสำอางเพื่อบำรุงรักษาร่างกายซึ่งในปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยี และความรู้มาสกัดต่างๆ ของพืชวัตถุมาใช้ประโยชน์ในผลิตต่างๆ ทั้ง 3 ด้าน คือ เป็นอาหาร หรือ อาหารเสริม , เป็นยารักษาโรค และเป็นเวชสำอาง สารสกัดที่ใช้อาจเป็นในรูปของสารสกัดจาก ธรรมชาติโดยตรง , สารจากการสกัดหยาบหรือสารสกัดในรูปองค์รวมให้ได้สารรวมของพืชนั้นๆ และสารสกัดบริสุทธิ์จากพืชหรือสารสกัดจากพืชที่แยกสารชนิดต่างๆ ในพืชออกจากกันเป็นกลุ่มสาร ชนิดเดียวกัน หรือ สารสกัดจนถึงขึ้นเป็นสารสกัดเชิงเดียว


3. สารธรรมชาติจากสัตว์ เรียกว่า สัตว์วัตถุ  ก็เช่นเดียวกับสารจากพืช คือ เป็นสารธรรมชาติที่ได้จากสัตว์ไม่ ว่าจะเป็นได้จากส่วนของเนื้อ หนัง ขน เล็บ ขา กระดูก เลือด อื่น ๆ เราสามารถนำมาใช้โดยตรง หรือ นำมาสกัดเป็นสารสกัด เพื่อใช้ประโยชน์ เช่นเดียวกับพืช เช่น น้ำผึ้ง นมผึ้ง กาวผึ้ง เขาวัว กระดูกงู โปรตีนจากไหม เอนไซม์จากไส้เดือน รังนกนางแอ่น กระดองเต่า เกล็ดลิ่น ดีงู ดีหมี ดีตะพาบน้ำ เอ็นขากวาง เขากวางอ่อน อื่น ๆ


สารสังเคราะห์ได้แก่ สารที่มนุษย์สังเคราะห์สร้างขึ้นมา  โดยอาศัยโครงสร้างพื้นฐานจากสารธรรมชาติ นำมาเลียนแบบโครงสร้างสังเคราะห์ขึ้นใหม่ทั้งหมดโดยแตกต่างจากสารในธรรมชาติ เป็นสารที่ไม่มีในธรรมชาติดั้งเดิม และในปัจจุบันมักมีเป็นสารเคมีเชิงเดี่ยว การใช้ประโยชน์มักเป็นการนำพาแก้ปัญหาเฉพาะปัญหานั้นๆ จึงมักขาดการเชื่อมโยงลักษณะองค์รวมบูรณาการเหมือนสารธรรมชาติที่มีลักษณะ โครงสร้างเป็นองค์รวม บูรณาการเป็นวิทยาศาสตร์ธรรมชาติคือมีความสมดุล โดยธรรมชาติ









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-05-10 (2999 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©