ธาตุ Calcium ในระบบ Hydroponics
รศ.ดร.อิทธิสุนทร นันทกิจ ภาควิชาปฐพีวิทยา คณะเทคโนโลยีการเกษตร
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ความสำคัญของธาตุ Calcium ในระบบ Hydroponics
ปัญหาการขาดธาตุ Ca ในระบบ Hydroponics เป็นปัญหาที่พบบ่อยมากโดยเฉพาะ ในผักสลัดจะเกิดอาการ Tip burn ในมะเขือเทศและพริกหวานเกิด Blossom-end rot อาการขาด Ca มักเกิดจากมีปริมาณ Ca ไม่เพียงพอในพืช แต่ไม่ได้หมายความว่า Ca ในสารละลายไม่เพียงพอ แต่เป็นปัญหาอัตราการดูดใช้ Ca ของพืชไม่เพียงพอ กล่าวคือในสารละลายถึงแม้จะมีปริมาณ Ca ในปริมาณมากพอเพียงกับความต้องการของพืชแต่มีปัญหาอัตราการดูดใช้ Ca ไม่เพียงพอ ซึ่งอาจเป็นปัญหาของสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม หรือความไม่สมดุลของธาตุอาหารในสารละลายไม่เหมาะสม โดยเฉพาะอัตราส่วนของ Ca กับ Cation ตัวอื่นเช่น NH4+, K+,Mg++
หน้าที่ของ Ca
หน้าที่ของ Ca คือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของผนังเซลล์ คือส่วนของ Calcium pectate ทำหน้าทีคล้ายกาวเชื่อมผนังเซลล์ให้ติดกันซึ่งทำให้เซลล์มีความแข็งแรง ดังนั้นเป็นตัวทำให้ผลและใบแข็ง ถ้าขาดธาตุนี้จะทำให้ส่วนของเซลล์หลวมอ่อนแอและตายเป็นสีน้ำตาลหรือดำ และธาตุ Ca เป็นธาตุที่ไม่เคลื่อนที่ในพืช ดังนั้นจะต้องมีปริมาณ Ca ในพืชอย่างพอเพียงตลอดเวลา พืชไม่สามารถเคลื่อนย้าย Ca ไปยังเซลล์ใหม่ได้ อาการขาดจะเกิดและแสดงอาการที่ส่วนยอด ที่พบบ่อยในผักคืออาการ Tip burn โดยยอดผักสลัดใบยอดจะมีอาการขอบใบไหม้มีสีน้ำตาลหรือดำ ในมะเขือเทศและพริกหวานจะเกิดที่ปลายผลเซลตายเป็นสีดำและเน่าในที่สุด เรียกว่า Blossom-end rot ซึ่งเป็นอาการที่พบบ่อยมากทั้งที่ปลูกในดินและใน Hydroponics
การดูดใช้ Ca ของพืช Ca
เมื่อถูกดูดเข้าในต้นพืชส่วนใหญ่จะเคลื่อนที่อยู่ใน Xylem แบบ Passive transport ไปตามกระแสการไหลเวียนของสารละลายในXylem สู่ส่วนยอดของต้นพืช ดังนั้นปัจจัยที่มีผลต่อการคายน้ำของพืชซึ่งจะมีผลให้การเคลื่อนที่ของสารละลายใน Xylem ช้าลง จะมีผลต่อการดูดใช้ Ca ของพืชด้วย กล่าวคือ Ca จะเคลื่อนที่ไปตามลำสารละลายใน Xylem ดังนั้นบริเวณใดในพืชที่มีการคายน้ำน้อยเช่นส่วนยอดของใบอ่อนที่ถูกห่อหุ่มด้วยใบอ่อน หรือที่ปลายผลก็มีโอกาศที่จะขาด Ca ได้เป็นส่วนแรกในกรณีที่มีระดับ Ca ไม่เพียงพอ ส่วนใบแก่จะมีอัตราการคายน้ำสูงก็จะมีการเคลื่อนที่ไปส่วนนั้นได้เพียงพอ การป้องกันการขาด Ca อาจทำได้โดยการฉีดพ่น Ca ให้ทางใบได้ แต่ปัญหาคือการขาด Ca บางครั้งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนคาดไม่ถึงว่าจะเกิด และบางครั้งเกิดขึ้นแล้วแต่มองไม่เห็นเช่นในผักสลัดที่ใบอ่อนถูกหุ้มด้วยใบแก่ด้านนอก ใบอ่อนเกิดอาการ Tip burn โดยใบแห้งตายที่ขอบใบ และเมื่อใบออ่นโตขึ้นพ้นจากใบที่ห่อหุ้มอยู่จึงแสดงให้เห็นซึ่งเป็นการสายที่จะแก้เพาะผักสลัดที่ได้ไม่สามารถขายได้
อาการขาด Ca
เนื่องจาก Ca เป็นธาตุที่ไม่เคลื่อนที่กล่าวคือเมื่อพืชใช้ Ca เป็นองค์ประกอบของส่วนต่างๆในพืช เมื่อปริมาณ Ca ไม่เพียงพอ Ca ในส่วนต่างๆของพืชไม่สามารถเคลื่อนที่จากส่วนต่างๆเหล่านั้นไปยังส่วนเจริญอื่นๆได้ เช่นที่ใบอ่อน หรือส่วนยอด ดังนั้นอาการขาดจะแสดงที่ส่วนยอดเจริญของต้นและราก โดยอาการที่แสดงให้เห็นคือ มีการเจริญเติบโตผิดปกติของใบอ่อน ใบอ่อนจะโค้งงอลง ใบอาจแสดงขอบใบเป็นสีเหลืองและเมื่อขาดนานเข้าจะแสดงอาการใหม้เป็นสีน้ำตาลถึงดำ ซึ่งจะพบบ่อยมากในผักสลัดเป็นอาการที่เรียกว่า Tip burn ในมะเขือเทศและพริกหวาน จะแสดงอาการที่เรียกว่า Blossom-end rot โดยจะแสดงก้นเน่า และการเจริญของรากที่ขาด Ca จะเจริญไม่ดีรากสั้นและเป็นสีน้ำตาล
อาการ Tip burn ในพืชผักพืชที่มักแสดงอาการ Tip burn ได้แก่พวกผักสลัด (lettuce) โดยเฉพาะชนิดที่มีลักษณะเป็นหัวห่อและอาจพบในพวกกะหล่ำ (Cabbage) อาการขาดจะเกิดที่ใบที่อยู่ด้านในโดยขอบใบจะไหม้เป็นสีน้ำตาล ส่วนในผักพวก Spinach ใบอ่อนจะแสดงขอบใบไหม้
ในหน้าร้อนจะพบ Tip burn บ่อยขึ้นในฤดูอื่นก็อาจพบ Tip burn เช่นกัน ต้นเหตุของ Tip burn เกิดจากการขาด Ca ในส่วนที่มีอาการขาด แต่โดยทั่วไปไม่ได้เกิดจากที่สารละลายขาด Ca แต่จะเกิดในช่วงที่อัตราการดูดใช้ของ Ca ต่ำ และมีการอัตราการเจริญเติบโตของพืชอย่างร่วดเร็ว
การเกิด Tip burn จะเกิดในช่วงที่อัตราการคายน้ำของพืชสูงกว่าอัตราการดูดน้ำของราก หรือในสภาพตรงข้ามคือในสภาพที่มีความชื้นในอากาศสูงจนอัตราการคายน้ำของพืชต่ำมาก กล่าวคือทั้งสองสาเหตุ จะมีผลให้การเคลื่อนที่ของสารละลายธาตุอาหารพืชจากรากสู่ยอดถูกจำกัดพืชก็มีแนวโน้มเกิด Tip burn ปกติ Tip burn จะพบเมื่อผักสลัดใกล้เก็บเกี่ยว ใบอ่อนที่อยู่ภายในหัวผักสลัดการคายน้ำจะถูกจำกัดโดยใบข้างนอกที่ห่อหุ้มอยู่โดยเฉพาะช่วงที่ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศสูงผักมีโอกาศเกิด Tip burn ได้สูงถ้าการเก็บเกี่ยวช้า นอกจากนี้สาเหตุอีกอย่างที่อาจทำให้เกิด Tip burn คือค่าความเข้มข้นสารละลายสูง เกินไป ปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างที่สำคัญมากคือชนิดและพันธ์พืชที่ปลูก นั่นคือวิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกัน Tip burn คือเลือกพันธ์พืชที่ทนต่อการเกิด Tip burn
จากข้อมูลต่างๆสามารถสรุปปัจจัยที่ก่อให้เกิด Tip burn คือ
1. สภาพอุณหภูมิสูงและแสงแดดจัด
2. มีลมร้อนและแห้ง
3. ค่า EC สารละลายสูง
4. สภาพรากพืชเจริญไม่ดีเนื่องจากรากขาดออกซิเจน
5. สารละลายมีปริมาณ K+ และไนโตรเจนโดยเฉพาะในรูป NH4+ สูง เนื่องจากทั้งสองตัวจะยับยั้งการดูด Ca++
6. สภาพที่อากาศมีความชื้นสัมพัทธ์สูง จากสาเหตุดังกล่าวเราสามารถลดการเกิด Tip burn ได้ดังนี่
1. รักษาระดับ Ca ในสารละลายให้สูงอยู่เสมอ
2. ป้องกันไม่ให้ระดับ K+ และ NH4+สูงเกินไปในสารละลาย
3. ใช้สารละลายที่มี NO3- เป็นองค์ประกอบหลีกเลี่ยงการใช้ NH4+ เนื่องจาก NH4+ จะยับยั้งการดูดใช้ Ca++
4. พลางแสงให้กับพืชเมื่ออุณหภูมิและแสงแดดจัดเกินไป
5. เลือกพันธ์พืชที่ทนต่อการเกิด Tip burn
6. ป้องกันการเพิ่มของค่า EC ระหว่างปลูกโดยเฉพาะช่วงที่พืชมีการคายน้ำสูงมากทำให้พืชมีอัตราการดูดใช้น้ำมากกว่าธาตุอาหารทำให้ค่า EC สูงขึ้น ในช่วงนี้ต้องค่อยปรับค่า EC ไม่ให้สูงเกินไป
นอกจากนี้มีการทดลองพบว่าในการปลูกผักในระบบ NFT ในเวลากลางวันให้สารละลายธาตุอาหารพืชที่มีค่า EC=2mC/cm และในเวลากลางคืนให้ Ca(NO3)2 ที่ความเข้มข้น 100 mg/l พบว่าการเกิด Tip burn ลดลงเมื่อเทียบกับให้สารละลายอย่างเดียวทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งการให้ ในเวลากลางคืนมีผลให้ปริมาณ Ca ในใบเพิ่มขึ้นด้วย
www.kmitl.ac.th/hydro/Cadoc.htm -
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.