ที่มา: http://www.skn.ac.th/skl/tree/t114p1.htm
ขนุนสำปะลอ
ลักษณะทางธรรมชาติ
* เป็นไม้ยืนต้นอายุหลายสิบปี ทรงพุ่มขนาดกลางถึงใหญ่ ไม่ผลัดใบ ลักษณะทั่วๆไปคล้ายสาเก ปลูกได้ทุกพื้นที่ของประเทศ ชอบดินเหนียวร่วนมีอินทรีย์วัตถุมากๆ ระบายน้ำดี ไม่ทนต่อสภาพน้ำขังค้างนาน เจริญเติบโตดีในสภาพที่มีความชื้นสูง
* อายุต้นให้ผลผลิต 2-3 ปีหลังปลูก ให้ผลผลิตปีละ 1 รุ่น ออกดอกช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. ผลแก่เก็บเกี่ยวได้ช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. บางต้นได้รับการบำรุงดีสามารถออกดอกติดผลตลอดปีแบบไม่มีรุ่นได้
* ออกดอกติดผลปีละ 1 รุ่น ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศผสมตัวเองหรือต่างดอกต่างต้นได้
* บริโภคส่วนเมล็ดโดยนำมาต้ม รสชาติคล้ายเมล็ดขนุนหรือเก๋าลัดจีนรวมกัน ส่วนใหญ่นิยมทำไส้ขนม…….ดอกตากแห้งแล้วนำมาจุดไฟให้เกิดควันใช้ไล่ยุงได้
* นิยมปลูกไว้เป็นไม่ร่มเงาในบ้านมากกว่าปลูกเพื่อเศรษฐกิจ
สายพันธุ์
ปัจจุบันมีพันธุ์พื้นเมืองเพียงพันธุ์เดียว
การขยายพันธุ์
ตอน (ดีที่สุด). แยกหน่อที่งอกขึ้นมาจากตาราก. เพาะเมล็ด (กลายพันธุ์).
เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ
- ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา (แห้งเก่าข้ามปี) ปีละ 2 ครั้ง
- ให้ยิบซั่มธรรมชาติ ปีละ 2 ครั้ง
- ให้กระดูกป่น ปีละ 1 ครั้ง
- คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่ม ล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
หมายเหตุ :
- การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่ ปลาสด เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชายเขตทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องหลายๆปี จะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้นตอน
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตกใบอ่อน ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่......การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาดของเชื้อราได้
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตกใบอ่อน ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่และการให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาดของเชื้อราได้
- ให้กลูโคสหรือนมสัตว์สดเฉพาะช่วงสำคัญ เช่น เร่งใบอ่อนเป็นใบแก่ สะสมอาหาร บำรุงผลกลาง ช่วงละ 1-2 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 20-30 วัน........ถ้าให้บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นเกิดอาการนิ่ง ไม่ตอบสนองต่อสารอาหารหรือฮอร์โมนใดๆทั้งสิ้น
- ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง
เตรียมต้น
ตัดแต่งกิ่ง :
- ขนุนสำปะลอออกดอกที่ซอกใบปลายกิ่งอายุข้ามปี การตัดแต่งกิ่งด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตามต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก เพราะกิ่งของขนุนสำปะลอมีไส้กลวง หลังจากตัดกิ่งแล้วน้ำเข้าในไส้ได้ทำให้กิ่งเน่าเสียหาย ส่วนใหญ่ผู้ปลูกขนุนสำปะลอไม่นิยมตัดแต่งกิ่งแต่ปล่อยต้นเจริญเติบโตอย่างนั้นก็สามารถออกดอกติดผลดกได้
- ลักษณะทรงพุ่มที่ดี ลำต้นควรมีลำเปล้าเดี่ยวๆหรือกิ่งง่ามแรกสูงจากพื้น 1-1.20 ม. ความสูง 3-5 ม. กว้าง 3-4 ม. มีกิ่งประธาน 3-5 กิ่งแผ่กระจายออกรอบทิศ
ตัดแต่งราก :
- ต้นที่อายุยังน้อยไม่ควรตัดแต่งราก ถ้าต้องการสร้างรากใหม่ให้มีประสิทธิภาพในการหาอาหารดียิ่งขึ้นให้ใช้วิธีล่อรากโดยพูนโคนต้นด้วยดิน 3 ส่วนกับอินทรียวัตถุ 1 ส่วน
- ต้นอายุหลายปี ระบบรากเก่าและแก่มาก ให้พิจารณาตัดแต่งรากส่วนปลายออก 1 ใน 4 โดยพรวนดินรอบทรงพุ่มลึก 10-15 ซม. แล้วให้ฮอร์โมนบำรุงราก 1-2 รอบ ห่างกันรอละ 15-20 วัน ต้นก็จะแตกรากใหม่จำนวนมากขึ้นและมีประสิทธิภาพในการดูดซับสารอาหารได้ดีกว่าเดิม
ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อขนุนสำปะลอ
1. เรียกใบอ่อน
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 46-0-0 (200 กรัม) หรือ 25-5-5 (200 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง + จิ๊บเบอเรลลิน10 กรัม ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ ทุก 5-7 วัน ต่อการเรียกใบอ่อน 1 รุ่น
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (1-2 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มลงมือปฏิบัติทันทีหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิต
- ถ้าต้องการใบอ่อนมากขึ้นให้ฉีดพ่นซ้ำด้วยสูตรเดิมหลังจากฉีดพ่นครั้งแรก 5-7 วัน
2. สะสมอาหารเพื่อการออกดอก
ทางใบ :
- ในรอบ 7-10 วัน ให้น้ำ 100 ล. + 0-42-56 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 5-7 วัน ติดต่อกัน 2-3 รอบ แล้วให้น้ำ 100 ล. + ฮอร์โมนไข่ 25 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. สลับ 1 รอบ ฉีดพ่นพอเปียกใบ ติดต่อกัน 1-2 เดือน จะช่วยให้ต้นสมบูรณ์เต็มที่
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 หรือ 9-26-26 สูตรใดสูตรหนึ่ง (1-2 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
- ให้น้ำปกติทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติหลังจากใบอ่อนชุดสุดท้ายเพสลาด
- ปริมาณ 8-24-24 หรือ 9-26-26 ใส่มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณการติดผลในรุ่นที่ผ่านมา กล่าวคือ ถ้ารุ่นที่ผ่านมาติดผลดกมาก ผลผลิตมีคุณภาพดีมาก ให้ใส่ในปริมาณที่มากขึ้น แต่ถ้ารุ่นปีที่ผ่านมาติดผลดกน้อยหรือไม่ติดผลเลย ให้ใส่ในปริมาณปานกลาง
- การเพิ่มปริมาณปุ๋ยให้มากขึ้น หมายถึง การให้อัตราเดิมแต่ระยะเวลาให้ถี่ขึ้น เช่น จากเคยให้ 15 วัน/ครั้งก็ให้เปลี่ยนเป็น 10 วัน/ครั้ง
- ขนุนสำปะลอไม่จำเป็นต้องปรับ ซี/เอ็น เรโช. เมื่อเห็นว่าใบแก่จัดเขียวเข้มดีให้ลงมือเปิดตาดอกต่อได้เลย
3. เปิดตาดอก
ทางใบ :
สูตร 1...........น้ำ 100 ล. + ไธโอยูเรีย (500- 1,000 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.
สูตร 2..........น้ำ 100 ล. + 0-52-34 (500 กรัม) + สาหร่ายทะเล 50 กรัม + ฮอร์โมนไข่ 50 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.
สูตร 3..........น้ำ 100 ล. + ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + เอ็นเอเอ. 25 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.
ทางราก :
- ยังคงเปิดหน้าดินโคนต้นเหมือนช่วงปรับ ซี/เอ็น เรโช
- ให้ 8-24-24 หรือ 9-26-26 สูตรใดสูตรหนึ่ง (1/2-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติเมื่อต้นมีอาการอั้นตาดอกดีทั่วต้นและสภาพอากาศพร้อม
- ระหว่างสูตร 1-2 ให้เลือกใช้สูตรใดสูตรหนึ่งเพียงสูตรเดียว สลับกับสูตร 3 โดยให้ห่างกันครั้งละ 5-7 วัน ไม่ควรใช้สูตรใดสูตรหนึ่งเพียงสูตรเดียวติดต่อกันเพราะจะทำให้เกิดอาการดื้อจนเปิดตาดอกไม่ออก
4. บำรุงดอก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 10-45-10 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + เอ็นเอเอ. 100 ซีซี. + ฮอร์โมนไข่ 25 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.
ฉีดพ่นพอเปียก ระวังอย่าให้โชกจนลงถึงพื้น
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ยังคงเปิดหน้าดินโคนต้น
- ให้ 8-24-24 หรือ 9-26-26 สูตรใดสูตรหนึ่ง (1/2 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- ช่วงดอกตั้งแต่เริ่มแทงออกมาให้เห็นหรือระยะดอกตูม บำรุงด้วยฮอร์โมนเอ็นเอเอ. 1 รอบ จะช่วยบำรุงเกสรทั้งตัวผู้และตัวเมียให้สมบูรณ์พร้อมรับผสม แต่ต้องใช้ด้วยระมัดระวังเพราะถ้าให้เข้มข้นเกินไปจะเกิดความเสียหายต่อดอกและถ้าให้อ่อนเกินไปก็จะไม่ได้ผล
- ช่วงดอกตูมควรฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรให้บ่อยขึ้น เพื่อป้องกันกำจัดโรคและแมลงไปจนถึงช่วงดอกบาน
- ช่วงดอกบานควรงดการฉีดพ่นทางใบโดยเฉาะช่วงกลางวัน (08.00-12.00 น.) เพราะอาจทำให้เกสรเปียกจนผสมไม่ติดได้ หากจำเป็นต้องฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรให้ฉีดพ่นช่วงหลังค่ำ
- ระยะดอกบานถ้าตรงกับช่วงฝนชุกเกสรจะเปียกชื้นทำให้ผสมไม่ติด แก้ไขโดยกะระยะเวลาเปิดตาดอกแล้วให้ดอกออกมาไม่ตรงกับช่วงฝนชุกเท่านั้น แต่ถ้าดอกออกมาตรงกับช่วงแล้งอากาศร้อนมากเกสรจะฝ่อทำให้ผสมไม่ติดเช่นกัน แก้ไขโดยสร้างความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศและที่พื้นดิน ทั้งในแปลงปลูกและรอบๆแปลงปลูก........มาตรการบำรุงต้นให้สมบูรณ์อยู่เสมอตั้งแต่ก่อนเปิดตาดอกจะช่วยลดความสูญเสียได้เป็นอย่างมาก
- เพื่อความมั่นใจในเปอร์เซ็นต์หรือประสิทธิภาพของฮอร์โมน เอ็นเอเอ. แนะนำให้ใช้ฮอร์โมน เอ็นเอเอ.วิทยาศาสตร์แทนฮอร์โมนทำเอง ซึ่งจะได้ผลดีกว่าเพราะเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นแน่นอนกว่า
- ฉีดพ่นสารอาหารเพื่อบำรุงดอกด้วยเครื่องมือฉีดพ่นที่มีแรงลมพ่นเบาที่สุดตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อส่วนต่างๆของดอก ฉีดพ่นที่ช่อดอกโดยตรงพอเปียกหรือฉีดพ่นให้ทั่งทรงพุ่มพอเปียกใบก็ได้
- บำรุงดอกช่วงฝนชุกให้เน้น “สังกะสี และ แคลเซียม โบรอน” โดยให้เมื่อดอกออกมาแล้วหรือให้แบบสะสมล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเปิดตาดอก ด้วยวิธีให้เดี่ยวๆหรือผสมรวมไปกับธาตุอาหารอื่นๆก็ได้
- การไม่ใช้สารเคมีใดๆเลยติดต่อกันมานาน จะทำให้ให้มีผึ้งและมีแมลงธรรมชาติอื่นๆเข้ามาช่วยผสมเกสรส่งผลให้ติดผลดกขึ้น
5. บำรุงผลเล็ก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 15-45-15 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ ทุก 7-10 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- นำอินทรีย์วัตถุกลับเข้าคลุมโคนต้นให้เหมือนเดิม
- ใส่ยิบซั่มธรรมชาติ 10 เปอร์เซ็นต์ของอัตราการใส่เมื่อช่วงเตรียมดิน
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (1/2 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำปกติทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
เริ่มปฏิบัติหลังจากกลีบดอกร่วง หรือขนาดผลเท่าเมล็ดถั่วเขียว
6. บำรุงผลกลาง
ทางใบ :
ในรอบ 7 วันให้น้ำ 100 ล. + 15-45-15 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + ไคโตซาน 100 ซีซี. + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี. + สาร
สกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 7-10 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 (1/2-1 กก)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./ครั้ง/เดือน
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- ขนุนสำปะลอไม่ต้องให้ทางใบด้วย 14-7-21 หรือไม่ต้องบำรุงด้วยสูตร “หยุดเมล็ด-สร้างเนื้อ” แต่ให้บำรุงด้วยสูตร “สร้างเมล็ด-หยุดเนื้อ” นั่นคือให้ใส่ 8-24-24 เสริมด้วยมูลค้างคาวก็จะช่วยให้ขนาดเมล็ดใหญ่ขึ้น
- การบำรุงระยะผลขนาดกลางต้องให้น้ำมากสม่ำเสมอแต่ต้องไม่ขังค้าง ถ้าได้รับน้ำน้อยจะทำให้ผลแคระแกร็น
- ให้กลูโคสหรือนมสัตว์สด 1 รอบ (ไม่ควรมากกว่านี้) เมื่ออายุผลได้ 50 เปอร์เซ็นต์
- ให้ฮอร์โมนสมส่วน, ฮอร์โมนเอ็นเอเอ., ฮอร์โมนไข่. 2-3 รอบ โดยแบ่งให้ตลอดช่วงผลกลางจะช่วยบำรุงผลให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
- ถ้าติดผลดกมากควรให้ฮอร์โมนน้ำดำ. กับ แคลเซียม โบรอน. 1-2 รอบ โดยแบ่งให้ตลอดช่วงผลขนาดกลางจะช่วยให้ต้นไม่โทรมเนื่องจากแบกภาระเลี้ยงผลจำนวนมากบนต้น
7. บำรุงผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยว
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 0-21-74 (200 กรัม) หรือ 0-0-50 (200 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. หรือ
น้ำ 100 ล. + มูลค้างคาวสกัด 100 ซีซี. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สาร
สกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วันก่อนเก็บเกี่ยว ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- เปิดหรือไม่เปิดหน้าดินโคนต้น และนำอินทรียวัตถุออกหรือไม่ต้องนำออกก็ได้
- ให้ 8-24-24 (1-2 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติก่อนเก็บเกี่ยว 10-20 วัน
- การบำรุงผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยวโดยให้ทางรากด้วย 8-24-24 เหมาะสำหรับต้นที่มีผลหลายรุ่นซึ่งหลังจากเก็บเกี่ยวผลแก่รุ่นแรกไปแล้วจะช่วยบำรุงผลชุดหลังต่อ นอกจากนี้ยังทำให้ต้นไม่โทรมเหมาะสำหรับการเตรียมความพร้อมต้นต่อการปฏิบัติบำรุงรุ่นปีต่อไปอีกด้วย
*******************************
ขนุนสำปะลอ” เมล็ดอร่อยดอกกันยุง
ผู้อ่าน จำนวนมากที่เป็นคนรุ่นใหม่อยากทราบว่า “ขนุนสำปะลอ” มีลักษณะพันธุ์เป็นอย่างไร และมีประโยชน์อะไรบ้าง ซึ่งผมเคยเขียนถึงต้น “ขนุนสำปะลอ” ไปนานแล้ว แต่เมื่อมีผู้ต้องการทราบข้อมูลประกอบกับมีผู้นำเอาต้น “ขนุนสำปะลอ” ออกมาขาย
จึงถือ โอกาสสนองความต้องการอีกตามระเบียบ โดย “ขนุนสำปะลอ” จัดเป็นไม้นิยมปลูกตามบ้านมาช้านาน นอกจากจะมีใบสวยงามให้ร่มเงาดีแล้ว เมล็ด แก่จากผลหรือฝักแก่ของ “ขนุนสำปะลอ” ยังสามารถนำไป คั่วรับประทานเนื้อในรสชาติหวานมันอร่อยเหมือนกินเนื้อเกาลัดอย่างไรอย่างนั้น
ในประเทศโปรตุเกสใช้เนื้อเมล็ดเป็นเครื่องเทศได้รับความนิยมแพร่หลาย ประเทศญี่ปุ่นปัจจุบันมีการสั่งซื้อกิ่งพันธุ์ต้น “ขนุนสำปะลอ” ไปปลูกจำนวนมากนอกจากนั้น ดอก ของ “ขนุนสำปะลอ” ซึ่งเป็นรูปแท่งยาวประมาณ 10-15 ซม. ที่ออกอยู่ตามง่ามใบใกล้ ปลายยอด เป็นดอกแก่จัด สามารถตัดเอาไปกองรวมกันเป็นแท่งๆ ใส่กระด้งตากแดดให้แห้งและแข็งจนได้ที่แล้วนำไปเก็บในที่แห้งๆ ไม่มีความชื้น เมื่อถึงเวลากลางคืน หรือ ตอนค่ำ นำดอกแห้งเป็นแท่งวางบนจานสังกะสีจุดไฟส่วนปลายเอาไปวางในจุดต่างๆ ให้ควันไล่ยุงไม่ให้เข้าไปในเรือน หรือ เข้าไปกัดร่างกายได้เด็ดขาดนัก (สมัยก่อนคนที่มีบ้านอยู่ตามเรือกสวนไร่นาชอบใช้กันมาก เพราะมียุงเยอะและตัวใหญ่ด้วย)
ที่สำคัญ ควันที่จุดไม่เป็นพิษต่อการสูดดมอีกด้วยส่วน สรรพคุณทางสมุนไพร ในตำรายาโบราณ ราก ของ “ขนุนสำปะลอ” มีรสเบื่อเมา สามารถใช้เป็นยารักษา “กามโรค” ซึ่งคนในยุคสมัยก่อนเป็นกันแพร่หลายทั้งชายและหญิง ได้ชะงัดนัก โดยฝนผสมกับน้ำดื่มวันละครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1 แก้วตะไล จะค่อยๆทุเลาและหายได้ในที่สุดขนุนสำปะลอ หรือ ARTOCARUS ALTILIS FOSBERG อยู่ในวงศ์ MORACEAE เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 10-15 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มทรงกลมหนาแน่น ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ก้านใบโต ใบเป็นรูปรีกว้าง มีขนาดใหญ่ มาก ขอบใบเป็นแฉกลึกคล้ายใบสาเก ใบอ่อนมีปลอกหุ้มสีแดง เวลาใบดกจะเป็นสีเขียวสด หนาทึบ ให้ร่มเงาดีมากดอก เป็นสีเหลืองอ่อน ขนาดเล็กมาก ออกตามแกนช่อดอกที่เป็นแท่งทรงกลมยาว 10-15 ซม. “ผล” รูปกลมรี โตประมาณผลส้มโอ มีหนามตลอดผล ดูคล้ายผลสาเก เมื่อสุกมีกลิ่นหอม ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก แตกต่างจากผลสาเกไม่มีเมล็ด กินเนื้ออย่างเดียว ต้น “ขนุนสำปะลอ” มีขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวน จตุจักร โครงการ 5 แผง “คุณแต้ว” ครับ.
www.moac-info.net/.../15_p2_454_ขนุนสำปะลอ.doc -
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.