-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 447 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

ชมพู่มะเหมี่ยว







ที่มา: http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=baandin&month=12-2008&date=22&group=7&gblog=10



ชมพู่มะเหมี่ยว                        


          ลักษณะทางธรรมชาติ                       
       * ปลูกได้ทุกพื้นที่ ทุกภาค และทุกฤดูกาล  เจริญเติบโตได้ดีทั้งในดินดำร่วนและดินเหนียว มีอินทรีย์วัตถุมากๆ ระบายน้ำดี  ต้องการความชื้นสูงทั้งในดินและความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ  การมีกล้วยแซมแทรกระหว่างต้นหรือแถวปลูกจะช่วยให้มะเหมี่ยวสมบูรณ์อยู่เสมอ
       * ต่างจากชมพู่อื่นตรงที่ต้นยิ่งแก่หรือยิ่งอายุมาก  ยิ่งให้ผลดก  ผลใหญ่  และคุณภาพดี โดยไม่ต้องตัดแต่งกิ่งทำสาว                       
       * ออกดอกติดผลจากทุกด้านของกิ่งแก่อายุข้ามปี ต้นที่สมบูรณ์มากๆออกดอกติดผลตามลำต้นแม้แต่ที่โคนรากก็ออกดอกติดผลได้ด้วย
       * ออกดอกติดผลตลอดปีแบบไม่มีรุ่น  การออกดอกจากท้องกิ่งมักออกพร้อมกันทั้งกิ่ง และกิ่งใดออกดอกติดผลจนเก็บเกี่ยว แล้วเว้นระยะประมาณ 3-4 เดือนก็จะออกดอกชุดใหม่อีก
       * ขยายพันธุ์ด้วยวิธีตอน.  ทาบกิ่ง.  ติดตา.  เสียบยอด.  ต้นที่ปลูกโดยการเพาะเมล็ดเสริมรากเปลี่ยนยอดจะโตเร็ว ให้ผลดก และคุณภาพดีโดยต้นไม่โทรม........การเพาะเมล็ดด้วยเมล็ดที่สมบูรณ์ 1 เมล็ดเมื่อนำไปเพาะจะเกิดต้นกล้า 4-7 ต้น  ใช้ขยายพันธุ์ได้ทุกต้นโดยไม่กลายพันธุ์                       
       * ให้ผลผลิตได้ 2-3 ปีหลังปลูก  เมื่อผลผลิตรุ่นแรกออกมาแล้วรุ่นต่อไปก็จะออกตามมาเรื่อยๆ                       
       * ทนต่อสภาพน้ำท่วมขังค้างนานได้ดี                       
       * เนื่องจากมะเหมี่ยวออกดอกติดผลแบบไม่มีรุ่น หลังจากที่ต้นเริ่มให้ผลผลิตแล้วต้องใช้.......


         วิธีบำรุงแบบมี  “ดอก + ผล”  หลายรุ่นในต้นเดียวกัน  ดังนี้
                        
         ทางใบ  :                       
       - ให้น้ำ  100 ล.+ ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 กรัม + สารสกัดสมุนไพร 200 ซีซี.  ฉีดพ่นพอเปียกใบ  ทุก 7-10 วัน
        - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 3-5 วัน                          
         ทางราก  :                       
       - ใส่ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 21-7-14 (2 รอบ) สลับกับ  8-24-24 (1 รอบ) ห่างกันรอบละ 20-30 วัน  (1-1.5 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
       - ให้น้ำปกติ  ทุก 2-3 วัน                        
  
         หมายเหตุ :                       
       - ให้แคลเซียม โบรอน. และฮอร์โมนน้ำดำ. 1-2 เดือน/ครั้ง
       - ให้จิ๊บเบอเรลลิน.  และ เอ็นเอเอ. 2-3 เดือน/ครั้ง
       - ให้ทางดินด้วยน้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิงและจุลินทรีย์หน่อกล้วย 2-3 เดือน/ครั้ง
       - ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/วัวนม + มูลไก่ไข่/ไก่เนื้อ + มูลค้างคาว)+ ยิบซั่มธรรมชาติ  6 เดือน/ครั้ง                       
       - ใส่กระดูกป่นปีละ 1 ครั้ง                       
       - สวนยกร่องน้ำหล่อให้ลอกเลนก้นร่องขึ้นพูนโคนต้นปีละ 1 ครั้ง
       - ให้มูลค้างคาว 1-2 กำมือ/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. โดยละลายน้ำรดบริเวณชายพุ่ม จะช่วยเสริมการออกดอกดีแต่มีข้อเสียที่เมล็ดจะมากและใหญ่  เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาให้ดีว่าจะเอาดอกผลมากๆหรือเอาเมล็ดขนาดใหญ่
       - ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง      




สราวุฒิ ศรธนานันท์/สมุทรสงคราม

"ชมพู่" เป็นผลไม้ที่มีหลากหลายพันธุ์ แต่ละพันธุ์ต่างก็มีรสชาติแตกต่างกันไป ทั้งด้านผลผลิตและราคา แต่ชมพู่ก็เป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของเมืองไทยเป็นที่นิยมรับประทานกันทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ชมพู่ที่ขึ้นชื่อที่สุดอาจเป็นของจังหวัดเพชรบุรี ที่เรียกกันว่า "ชมพู่เพชร" แต่ที่จังหวัดสมุทรสงครามมีเกษตรกรปลูกชมพู่กันมากมายหลายพันธุ์เช่นกัน แต่ละพันธุ์ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้ชมพู่เมืองเพชรบุรี และที่เคยแนะนำไปแล้วคือชมพู่ "น้ำดอกไม้" ที่นับวันจะหายาก เพราะมีผู้นิยมปลูกกันน้อยมาก และยังเป็นของใหม่ในตลาดผลไม้ จึงมีการสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกกันมากขึ้นตามปกติเกษตรกรในจังหวัดสมุทรสงครามจะปลูกชมพู่เพียงเป็นพืชแซมเท่านั้น ไม่นิยมปลูกกันเป็นหน้าเป็นตา หรือเป็นล่ำเป็นสัน เนื่องจากชมพู่เป็นผลไม้ที่เก็บไว้ไม่คงทน เก็บวันขายวันทำนองนั้น
ในฉบับนี้ขอแนะนำชมพู่ "มะเหมี่ยว" ของจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นชมพู่พันธุ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากของผู้บริโภคผลไม้โดยทั่วไป"ชมพู่มะเหมี่ยว" มีลักษณะผลคล้ายลูกแอปเปิ้ล และมีกลิ่นหอมคล้ายๆ กลิ่นดอกกุหลาบ ชาวต่างชาติจึงเรียกชมพู่มะเหมี่ยวว่า "โรสแอปเปิ้ล" ชมพู่มะเหมี่ยวมีรสชาติหวานอร่อย เนื้อนุ่ม น่ารับประทานจึงเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ และที่สำคัญ ชมพู่มะเหมี่ยวมีแห่งเดียวที่จังหวัดสมุทรสงครามเท่านั้น

นายวิเชียร ตันติรักษ์ อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่24 หมู่ 2 ต.สวนหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงครามกับนายสนธยา ตันติรักษ์ อายุ 42 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่2 ตำบลสวนหลวง 2 พ่อลูกซึ่งประสบความสำเร็จในการปลูกชมพู่มะเหมี่ยว โดยเริ่มแรกปลูกไว้ดูเล่นหน้าบ้านและไว้รับประทานเองเพียง 2 ต้นเท่านั้น แต่ให้ผลดกจึงเก็บไปขายที่ตลาด ปรากฏว่ามีผู้ติดใจรสชาติ จนเป็นที่ต้องการของท้องตลาด และขายได้ราคาดี จึงขยายพันธุ์และพื้นที่ปลูกเพิ่มมากขึ้นเป็น 3 ไร่เศษๆ ประมาณ 120 ต้น ในขณะนี้มีรายได้จากชมพู่มะเหมี่ยวประมาณปีละ 1 แสนกว่าบาท โดยชมพู่มะเหมี่ยวออกผลผลิตปีละ 2 ครั้ง คือในช่วงเดือนธันวาคม และมกราคม

ผู้ใหญ่สนธยา กล่าวว่า แรกเริ่มเดิมทีการปลูกชมพู่มะเหมี่ยวของเกษตรกรในแถบนี้ ยังไม่เป็นล่ำเป็นสันนัก เนื่องจากขาดความรู้ความชำนาญในเรื่องการดูแล และการรักษา อีกทั้งราคาชมพู่มะเหมี่ยวไม่ดีเท่าที่ควร แต่ปัจจุบันแนวโน้มทางด้านราคาดีขึ้นมาก จึงมีเกษตรกรหันมาปลูกชมพู่มะเหมี่ยวกันมากขึ้น ปัจจุบันมีเกษตรกรปลูกชมพู่มะเหมี่ยวในจังหวัดสมุทรสงครามประมาณ 100 กว่าราย ถือว่าเป็นผลไม้หลักของจังหวัดสมุทรสงคราม รองมาจากส้มโอและลิ้นจี่ แต่ที่น่าเสียดายชมพู่มะเหมี่ยวมักติดดอกออกผลไม่ดกเหมือนชมพู่พันธุ์ธรรมดา กิ่งหนึ่งจะติดลูกประมาณ1-3 ลูกเท่านั้น แต่ลำต้นใหญ่ จึงใช้พื้นที่มากในการเพาะปลูกกว่าพืชชนิดอื่นๆ ส่วนใหญ่จะปลูกเป็นพืชแซม ในสวนลิ้นจี่และส้มโอ เป็นต้น


วิธีการเพาะปลูกชมพู่มะเหมี่ยวนั้น มีด้วยกันหลายวิธี เริ่มแรกขยายพันธุ์ด้วยการใช้การเพาะเมล็ดในถุงพลาสติก ซึ่งมีขุยมะพร้าวและปุ๋ยคอกผสมอยู่ด้วย รดน้ำทุกวัน ซึ่งก็ประสบความสำเร็จพอสมควร แต่ข้อเสียคือ เมื่อโตขึ้นลำต้นจะสูง ให้ผลผลิตช้า และที่สำคัญคือกลายพันธุ์ได้ง่าย จึงหันมาใช้วิธีทาบกิ่งแทน ซึ่งปรากฏว่าได้ผลผลิตดีกว่าวิธีแรก เนื่องจากการทาบกิ่งพันธุ์เป็นการช่วยเสริมความแข็งแรงของราก และการเจริญเติบโตของลำต้นก่อนนำไปปลูกได้ดี ยังเป็นการย่นระยะเวลาในการเลี้ยงต้นพันธุ์ และต้นของชมพู่มะเหมี่ยวก็ยังเป็นพุ่มสวยงาม ต้นกล้าที่ได้จากการทาบกิ่งเมื่ออายุได้ 6 เดือนก็สามารถย้ายไปปลูกได้เลย ต่อจากนั้นก็เป็นขั้นตอนของการดูแลรักษาซึ่งก็ไม่ยุ่งยากมากนัก เพียงแต่รดน้ำวันเว้นวัน และให้ปุ๋ยตามความจำเป็น คือให้ปุ๋ยสูตรเสมอ15-15-15 ช่วงก่อนออกดอก ส่วนในช่วงให้ผลผลิตต้องใช้สูตร 13-13-21


ชมพู่มะเหมี่ยวจะให้ผลผลิตเมื่ออายุ 3-5 ปี ในระยะแรกจะให้ผลผลิตประมาณ 20-30 กิโลกรัมต่อ1 ต้น เมื่อลำต้นมีอายุเกิน 10 ปีขึ้นไป ก็จะให้ผลผลิตประมาณ 60-80 กิโลกรัมต่อ 1 ต้นและต่อ1 ปี แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและดินฟ้าอากาศด้วย ส่วนเรื่องการป้องกันและการกำจัดศัตรูพืชในชมพู่มะเหมี่ยว ศัตรูที่สำคัญของชมพู่มะเหมี่ยวคือหนอนที่ชอบเจาะเข้าไปทำลายลำต้น ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยหลาวไม้ทำเป็นลิ่มตอกอัดเข้าไปตรงรูที่หนอนเจาะ หนอนจะตายไปเอง ส่วนหนอนด้วงที่กัดกินใบ ที่ชอบระบาดในหน้าหนาว ควรใช้สารเคมีจำพวก "เมตโธมิล" หรือ "แลนเนต" ผสมกับสารป้องกันเชื้อรา ฉีดพ่นในช่วงชมพู่มะเหมี่ยวเริ่มติดผลเท่านั้น ซึ่งจะไม่เกิน 3 ครั้งต่อ 1 ปี แต่ที่สำคัญก็คือ ไม่ควรฉีดพ่นสารเคมีใดๆ ในช่วงใกล้เก็บเกี่ยวผลผลิต เพื่อหลีกเลี่ยงการตกค้างของสารเคมี อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้


ช่วงเวลาการติดดอกถึงดอกบานของชมพู่มะเหมี่ยว ใช้เวลาประมาณ 45-60 วัน ช่วงติดผลอ่อนจนถึงช่วงเก็บเกี่ยวจะใช้เวลาประมาณ 60 วันเมื่อผลชมพู่เริ่มโตประมาณหัวนิ้วมือและมีสีแดงออกเรื่อๆ เกษตรกรจะเริ่มใช้ถุงพลาสติกชนิดมีหูหิ้วขนาด 8 คูณ 10 นิ้ว ห่อผลชมพู่ เมื่อผลชมพู่มะเหมี่ยวแก่ได้ที่ก็จะออกสีแดงเข้ม และส่งกลิ่นหอมแสดงว่าพร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยว เกษตรกรจะต้องระวังในการเก็บเกี่ยวเป็นพิเศษ ไม่ให้ผลช้ำเพราะชมพู่มะเหมี่ยวเป็นผลไม้ที่มีผิวเปลือกบาง และมีอายุในการขายค่อนข้างสั้น หลังจากเก็บเกี่ยวมาแล้วก็จะนำมาบรรจุในเข่งที่มีความหนาเป็นพิเศษบุด้วยใบตองทุกชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผลชมพู่กระทบกัน ซึ่งจะเป็นการง่ายในการส่งไปจำหน่ายราคาขายส่งอยู่ในระหว่างกิโลกรัมละ 50-70 บาทส่วนทางด้านการตลาดมีจำหน่ายแน่นอนที่ตลาดแม่กลอง สมุทรสงคราม และที่ตลาดศรีเมือง จังหวัดราชบุรี ตลาดสี่มุมเมือง กทม. และตลาดผลไม้ทั่วๆไป ในราคากิโลกรัมละ 80-100 บาท


ผู้ใหญ่สนธยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ชมพู่มะเหมี่ยวเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่เกษตรกรน่าจับตามอง เพราะไม่ว่าจะเป็นทั้งในด้านรูปลักษณ์ สีสันขนาดของผล รสชาติที่หอมหวาน และอร่อยแล้วแนวโน้มทางการตลาดของชมพู่มะเหมี่ยวก็มีทีท่าว่าจะสดใสไม่แพ้ผลไม้เลื่องชื่ออย่างอื่นของจังหวัดสมุทรสงคราม เช่น ลิ้นจี่ ส้มโอ ส้มแก้ว และมะพร้าวน้ำหอม ถ้าหากใครสนใจอยากจะขอคำแนะนำในการปลูกชมพู่มะเหมี่ยว ยินดีให้คำแนะนำอย่างเต็มที่ ตามที่อยู่ดังนี้ 24 หมู่ 2 ต.สวนหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม โทรศัพท์034-715-583 และ 08-9224-0084



http://www.ryt9.com/s/bmnd/782936






                               









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2009-07-16 (7143 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©