หน้า: 1/2

ที่มา : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=gingerfever&month=10-2006&date=28&group=3&gblog=5
ทับทิม
ลักษณะทางธรรมชาติ
* เป็นไม้ผลยืนต้นอายุหลายสิบปี ทรงพุ่มสูงใหญ่ขนาดกลาง กิ่งเล็กโปร่งระเกะระกะ ปลูกได้ทุกพื้นที่ ทุกภาค และทุกฤดูกาล เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายโปร่ง มีอินทรีย์วัตถุมากๆ น้ำและอากาศผ่านสะดวก ไม่ทนต่อสภาพน้ำท่วมขังนานหรือชื้นแฉะ และต้องการแสงแดดร้อยเปอร์เซ็นต์
* ช่วงพักต้นต้องการน้ำน้อย แต่ช่วงพัฒนาดอกและผลต้องการน้ำสม่ำเสมอ
* การเจริญเติบโตของต้นโดยการแตกกิ่งหรือหน่อเรียกว่า ลำ จากส่วนโคนต้นใกล้ผิวดิน ลำนี้เมื่อโตขึ้นจะเป็นส่วนหนึ่งของต้น ซึ่งจะแตกกิ่งแขนงและกิ่งย่อยสำหรับออกดอกติดผลต่อไป
* ต้นที่ปลูกจากเพาะเมล็ดให้ผลผลิตได้เมื่ออายุต้น 2-3 ปี แต่ต้นที่ปลูกจากกิ่งตอนหรือกิ่งทาบจะให้ผลผลิตเมื่ออายุต้น 1 ปีครึ่ง - 2 ปี
* ต้นที่อายุมากๆทรงพุ่มขนาดใหญ่จะให้ผลไม่ดกและคุณภาพไม่ดี ใน 1 ต้น (กอ) ควรมีลำ 3-5 ลำแล้วตัดแต่งกิ่งให้ทรงพุ่มโปร่งจะให้ผลดกและคุณภาพดีกว่า
* ออกดอกติดผลได้ตลอดปีแบบไม่มีรุ่น การจัดแปลงปลูกแบบแบ่งพื้นที่เป็นส่วนๆแล้วปฏิบัติบำรุงให้ได้ผลผลิตคุณภาพเกรด เอ. ขนาดจัมโบ้. ได้ผลผลิตในช่วงที่ตลาดมีความต้องการสูง สามารถทำได้ไม่ยากนัก
* ออกดอกจากซอกใบของปลายกิ่งแขนงที่เกิดใหม่ในปีนั้น ดอกตัวผู้ (เกสรตัวผู้) กับดอกกระเทย (เกสรตัวผู้เกสรตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน) แยกกันคนละดอกแต่อยู่ในต้นเดียวกัน เกสรตัวผู้กับเกสรตัวเมียในดอกกระเทยผสมกันได้แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ผสมกันเองเพราะเกสรตัวผู้ซึ่งเกิดก่อนและพร้อมผสมก่อนเกสรตัวเมียฝ่อหรือบอดก่อน เกสรตัวเมียจึงต้องอาศัยละองเกสรตัวจากดอกอื่นทั้งจากต้นเดียวกันและต่างต้น.... ถ้านำเมล็ดของผลที่เกิดจากเกสรตัวผู้กับเกสรตัวเมียในดอกเดียวไปเพาะโอกาสกลายพันธุ์จะมีน้อย แต่ไม่หมายความว่าไม่กลายพันธุ์ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ นั่นคือ ยังมีโอกาสกลายพันธุ์อยู่เหมือนกัน
* เป็นพืชที่มีระบบรากตื้นหากินบริเวรผิวหน้าดิน กรณีนี้ให้พูนดินโคนต้นสูงๆแผ่กว้างทั่วพื้นที่ทรงพุ่มปีละครั้ง และแก้ไขด้วยการเสริมราก หรือปลูกโดยเพาะเมล็ด เสริมรากแล้วเปลี่ยนยอด
* ชอบสภาพแวดล้อมลักจืดลักเค็ม แปลงปลูกที่อยู่ใกล้ทะเล มีลมทะเลพัดผ่านเสมอจะให้ผลผลิตดีกว่าแปลงปลูกในพื้นที่ห่างทะเล แต่ต้นที่ปลูกในแปลงใกล้ทะเลจะมีระบบรากน้อยกว่าแปลงปลูกในพื้นที่ห่างทะเล
* ใช้ใบชาที่ชงจนน้ำจืดแล้วผสมอินทรีย์วัตถุหรือใส่โคนต้นจะช่วยให้คุณภาพผลผลิตดีขึ้น
* ออกดอกติดผลได้ตลอดปีโดยทยอยออกแบบไม่มีรุ่น
* เป็นดอกสมบูรณ์เพศผสมกันเองในดอกเดียวกันต้นเดียวกันหรือต่างดอกในต้นเดียวกันหรือจากต่างต้นได้
* เกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างไม่สมบูรณ์เกิดจากขาดสารอาหารหรือฮอร์โมน หรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม (อากาศร้อนหรือฝนตกชุก) ผสมกันแล้วพัฒนาเป็นผลจะเป็นผลไม่สมบูรณ์ ไม่โต รูปทรงบิดเบี้ยว
* อายุผลตั้งแต่ผสมติดถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 4-5 เดือน
* ไม่ควรห่อผลด้วยกระดาษหยาบเพราะจะไปเสียดสีกับผิวทำให้ผิวหยาบกร้าน
* เริ่มห่อผลเมื่อขนาดเท่ามะนาว ช่วงที่ผลยังมีสีเขียวอมเหลืองครีมเล็กน้อยให้ห่อด้วยวัสดุโปร่งแสง เมื่อถึงช่วงผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยวให้เปลี่ยนวัสดุห่อแบบโปร่งแสงเป็นทึบแสง และจังหวะนี้ถ้ามีการแย้มถุงห่อให้ผิวผลได้รับแสงแดดบ้าง ส่วนผิวผลบริเวณที่ได้รับแสงแดดจะเปลี่ยนสีเป็นสีแดง ถ้าแดดจัดก็จะเป็นสีแดงจัดมาก (แดงเลือดนก) ส่วนผิวผลบริเวณที่ไม่ได้รับแสงแดดก็จะเป็นสีเหลืองครีมเช่นเดิม.....ทั้งนี้ ผลที่สีผิวแดงมาก (กว้างและจัด) จะมีราคาดีกว่าผลที่ผิวสีเหลืองครีมธรรมดาๆ
* ทับทิมมีกิ่งขนาดเล็กยาวเก้งก้างค่อนข้างไม่เป็นระเบียบ บางกิ่งมีผล 4-5 ผล/กิ่ง บางครั้งติดผลเป็นพวง 2-3 ผล ทำให้กิ่งต้องรับน้ำหนักมากถึงขนาดโน้มเอนราบลงพื้น แก้ไขโดยการทำคอก 4 เหลี่ยมมีค้าง 1-2 ระดับล้อมต้นไว้คอยรับกิ่ง
* เป็นผลไม้ประเภทมงคลนาม เหมาะสำหรับใช้เป็นเครื่องเซ่นไหว้ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสารทจีน ตรุษจีน ไหว้พระจันทร์ เชงเม้ง ทับทิมผลขนาดใหญ่ สีแดงเลือดนก สะอาดสดใส คุณภาพเนื้อในดี จะขายได้ราคาแพงมาก แม้แต่การเซ่นไหว้ในวันปกติก็ยังใช้ได้ดี นอกจากมงคลนามแล้ว อายุหลังเก็บเกี่ยวที่อยู่ได้นาน คุณค่าทางโภชนาการสูง และคุณลักษณะอื่นๆที่เด่นเฉพาะตัว ยังเสริมให้ทับทิมเป็นผลไม้ในระดับแนวหน้าได้
สายพันธุ์
พันธุ์เมล็ดแดง :
แสงตะวัน. สายปัญญา. แดงอินเดีย. แดงมารวย. แดงเจ้าพระยา. เด่นตะวัน. อติชัย. ทับทิมใหญ่ (ทับทิมแดงหรือพิลาสี).
พันธุ์เมล็ดขาว :
ทั่วๆไปเรียกว่า ทับทิมขาวหรือพิลาขาว อยู่ในกลุ่มของทับทิมใหญ่ เนื้อสีขาวครีม กลิ่นและรสเหมือนทับทิมเมล็ดแดง แต่ต้นมีหนามมากกว่าทับทิมแดง
พันธุ์เมล็ดนิ่ม :
ทับทิมเมล็ดนิ่มที่รู้จักกันมานาน คือ สายพันธุ์จากประเทศสเปน ชื่อ อติชัย เคยมีผู้นำมาปลูกเหมือนกันย่านกลางดง ปากช่อง โคราช แต่ไม่ได้ผลเพราะทับทิมพันธุ์นี้ไม่อาจปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศร้อนอย่างประเทศไทยได้
หมายเหตุ :
ทับทิมมีทั้งพันธุ์กินผลและพันธุ์ดอก (ทับทิมกุหลาบ, ทับทิมเล็กหรือทับทิมหนู. ทับทิมซ้อน.) สำหรับเป็นไม้ประดับ......ทับทิมพันธุ์ดอกไม่ติดผลเพราะในดอกมีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียไม่สมบูรณ์แข็งแรง
ปัจจุบันมีผู้นำสายพันธุ์ต่างประเทศเข้ามาปลูก บางสายพันธุ์ได้ผลผลิตดี บางสายพันธุ์ได้ผลผลิตไม่ดี ทั้งนี้ คุณลักษณะสายพันธุ์ที่ต้องการคือ เนื้อสีแดงจัด หนา เมล็ดเล็ก นิ่ม รสไม่ฝาด ถึงขนาดรับประทานได้เลย ได้แก่พันธุ์แดงอินเดีย. แดงมารวย แดงเจ้าพระยา และเด่นตะวัน. ซึ่งผู้สันทัดกรณีบางท่านกล่าวว่า เป็นสายพันธุ์เดียวกัน แต่ต่างคนต่างตั้งชื่อกันเองเพื่อหวังผลในการจำหน่ายต้นพันธุ์
การขยายพันธุ์
- ตอน. ทาบกิ่ง. เสียบยอด. ติดตา. ปักชำ. เพาะเมล็ดเสริมรากเปลี่ยนยอด (ดีที่สุด)
- การเพาะเมล็ด (กลายพันธุ์) เมื่อล้างเนื้อหุ้มเมล็ดหมดแล้วนำลงเพาะทันทีเพราะเมล็ดทับทิมไม่มีระยะพักตัว
ระยะปลูก
- ระยะปกติ 4 X 6 ม. หรือ 6 X 6 ม.
- ระยะชิด 4 X 3 ม. หรือ 3 X 3 ม.
เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ
- ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา (แห้งเก่าข้ามปี) ปีละ 2 ครั้ง
- ให้ยิบซั่มธรรมชาติ ปีละ 2 ครั้ง
- ให้กระดูกป่น ปีละ 1 ครั้ง
- คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่ม ล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
หมายเหตุ :
- การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่ ปลาสด เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชายเขตทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องหลายๆปีจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้นตอน
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตกใบอ่อน ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่ การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาดของเชื้อราได้
- ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง
เตรียมต้น
ตัดแต่งกิ่ง :
- ทับทิมออกดอกจากซอกใบปลายกิ่งอายุข้ามปี การตัดแต่งกิ่งประจำปีหรือหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตให้ตัดเฉพาะกิ่งที่ออกดอกติดผลเพื่อสร้างใบใหม่สำหรับให้ออกดอกติดผลในปีต่อไป ส่วนกิ่งที่ไม่ออกดอกติดผลในปีนี้ให้คงไว้แล้วบำรุงต่อไป
- ตัดกิ่งบังแสงแดดต่อกิ่งอื่นออก ทำให้ทรงพุ่มโปร่งจนแสงแดดสามารถส่องได้ถึงทุกกิ่งทั่วทรงพุ่ม กิ่งได้รับแสงแดดจะสมบูรณ์ดีกว่ากิ่งไม่ได้รับแสงแดดหรือได้รับแสงแดดน้อย
- ตัดกิ่งกระโดง กิ่งในทรงพุ่ม กิ่งคดงอ กิ่งชี้ลง กิ่งไขว้ กิ่งหางหนู กิ่งเป็นโรค และกิ่งออกดอกติดผลแล้วเพื่อเรียกยอดใหม่สำหรับออดอกติดผลในรุ่นปีต่อไป การตัดแต่งกิ่งภายในทรงพุ่มควรให้โปร่งจนแสงส่องผ่านลงไปถึงโคนต้นได้
- ตัดแต่งกิ่งปกติควรตัดให้เหลือใบประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์และเมื่อใบอ่อนชุดใหม่ออกมาแล้วให้มีใบประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์จะช่วยให้การผลิดอกติดผลดี
- ตัดยอดกิ่งประธาน (ผ่ากบาล) ณ ความสูงต้นตามต้องการ นอกจากช่วยทำให้แสงแดดผ่านจากยอดเข้าสู่ภายในทรงพุ่มได้อย่างทั่วถึง แสงแดดที่ร้อนยังช่วยกำจัดเชื้อราได้เป็นอย่างดี และเพื่อควบคุมขนาดความสูงทรงพุ่มอีกด้วย
- นิสัยทับทิมมักออกดอกหลังจากกระทบหนาวได้ระยะหนึ่ง ดังนั้นจึงควรตัดแต่งกิ่ง-เรียกใบอ่อนช่วงต้นหน้าฝนแล้วเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงต่อไปตามลำดับจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์เต็มที่ดีกว่าการตัดแต่งกิ่งในช่วงอื่น หมายความว่า หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วยังไม่ต้องตัดแต่งกิ่งแต่ให้บำรุงตามปกติต่อไปก่อน จนกระทั่งเข้าสู่หน้าฝนจึงลงมือตัดแต่งกิ่ง
ตัดแต่งราก :
- ทับทิมมีระบบรากตื้น และจำนวนน้อยจึงไม่ควรตัดแต่งราก แต่ถ้าต้องการสร้างรากใหม่ให้มีประสิทธิภาพในการหาอาหารดียิ่งขึ้นให้ใช้วิธีล่อรากด้วยการพูนโคนต้น
- ต้นอายุหลายปี ขนาดทรงพุ่มใหญ่มาก ระบบรากเก่าและแก่มาก ให้พิจารณาตัดแต่งรากส่วนปลายออก 1 ใน 4 ด้วยการพรวนดินรอบทรงพุ่มลึก 10-15 ซม. หลังจากให้ฮอร์โมนบำรุงรากไปแล้วต้นจะแตกรากใหม่จำนวนมากขึ้นและมีประสิทธิภาพในการดูดซับสารอาหารได้ดีกว่าเดิม