หน้า: 1/2
ที่มา : http://www.rakbankerd.com/agriculture/wb/show.php?Category=agriculture&No=12744&page=2
น้อยหน่า
ลักษณะทางธรรมชาติ
* เป็นพืชเมืองร้อน ปลูกได้ทุกภาค ทุกพื้นที่ และทุกฤดูกาล เจริญเติบโตดีในพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้งหรือพื้นที่ลาดเชิงเขา ชอบดินร่วนปนทรายหรือดินลูกรัง มีอินทรีย์วัตถุมากๆ ระบายน้ำได้ดี ไม่ทนต่อน้ำขังค้าง ปลูกและเจริญเติบโตได้ดีในทุกภูมิภาค
* กิ่งตอนหรือกิ่งทาบเริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุ 2-3 ปี
* ช่วงพักต้นและช่วงพัฒนาดอก-ผลต้องการน้ำพอหน้าดินชื้น แต่ช่วงปรับ ซี/เอ็น เรโช.ต้องการความแห้งแล้ง
* ต้องการแสงแดด 100 เปอร์เซ็นต์ สังเกตต้นที่ปลูกอยู่ริมศาลพระภูมิได้รับแสงจากหลอดไฟศาลพระภูมิทุกคืน ตลอดคืน และเป็นระยะเวลายาวนาน เมื่อตัดกิ่งแก่กิ่งใดกิ่งแก่กิ่งนั้นจะแตกยอดใหม่จากข้อใต้รอยตัดแล้วออกดอกติดผลเองโดยไม่ต้องบำรุงเป็นกรณีพิเศษแต่อย่างใด แสดงว่าแสงไฟทำให้น้อยหน่าออกดอกติดผลได้เหมือนแก้วมังกร
* ออกดอกพร้อมกับยอดที่เกิดใหม่หลังการตัดแต่งกิ่งเหมือนฝรั่ง
* ต้นสมบูรณ์เต็มที่เพราะได้รับการบำรุงแบบให้มีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องหลายๆปีติดต่อกัน เมื่อดอกชุดแรกออกจากช่วงปลายของกิ่งแก่แล้ว ดอกชุด 2 และชุด 3 ยังสามารถออกจากโคนของกิ่งแก่เดียวกันนั้นได้อีกด้วย
* ออกดอกติดผลได้ทั้งกิ่งชายพุ่มและกิ่งภายในทรงพุ่มที่แสงแดดส่องถึง
* ดอกสมบูรณ์เพศ ผสมกันเองภายในดอกเดียวกัน หรือต่างดอกต่างต้นได้
* เกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างไม่สมบูรณ์เกิดจากขาดสารอาหาร/ฮอร์โมน หรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม (อากาศร้อนหรือฝนตกชุก) ผสมกันแล้วพัฒนาเป็นผลจะเป็นผลไม่สมบูรณ์ ไม่โต รูปทรงบิดเบี้ยว
* แม้ไม่ตัดแต่งกิ่งก็ออกดอกติดผลได้แต่ดอกที่ออกมาจะไม่พร้อมกันเป็นชุดใหญ่ ไม่ดก และคุณภาพผลก็ไม่ดีเท่ากับดอกผลที่เกิดจากกิ่งที่ได้รับการตัดแต่ง
* ระยะ ดอก – ผลเล็ก – ผลกลาง – ผลแก่ ถ้าต้นได้รับน้ำและสารอาหารสม่ำเสมอจะช่วยให้ผลสมบูรณ์ โตเร็ว ขนาดผลใหญ่ แม้ผลไม่แก่จัดแล้วเก็บไปบ่มให้สุก กลิ่นและรสชาติก็ยังดีเหมือนผลแก่จัด ในทางตรงกันข้าม ถ้าต้นขาดน้ำและสารอาหารหรือได้รับน้ำมากเกินไปจะทำให้ผลเล็กแคระแกร็น ผลที่แก่ไม่จัดเก็บไปบ่มจนสุกแล้วกลิ่นและรสชาติจะไม่ดีด้วย
สายพันธุ์
1.น้อยหน่าพื้นเมือง
ฝ้ายหรือฝ้ายเขียว :
ขนาดผลใหญ่ที่สุดในบรรดาพันธุ์พื้นเมืองทั้งหมด สีผิวเปลือกเขียวอ่อนหรือเขียวนวล ร่องตาตื้น เนื้อเป็นทราย สีขาว กลิ่นหอมรสหวานจัด เปลือกกับเนื้อไม่ล่อน
ครั่งหรือฝ้ายครั่ง :
ขนาดผลเล็กกว่าฝ้ายเขียว สีผิวเปลือกม่วงเข้ม เนื้อสีขาวอมชมพู เนื้อเละยุ่ย กลิ่นหอมรสหวานจัด เปลือกกับเนื้อไม่ล่อน
2.น้อยหน่าหนัง
หนังเขียว :
เป็นสายพันธุ์ที่นำเข้ามาจากเวียดนาม เมื่อเทียบกับพันธุ์พื้นเมืองขนาดผลใหญ่กว่า สีผิวเปลือกเขียวนวลเหมือนกัน ตานูนน้อยกว่า ร่องตาตื้นกว่าแต่กว้างกว่า เนื้อขาวละเอียดมากกว่า กลิ่นหอมน้อยกว่า รสหวานกว่า จำนวนเมล็ดน้อยน้อยกว่า เนื้อล่อนจากเปลือก
หนังทอง :
กลายพันธุ์มาจากหนังเขียว ผิวเปลือกสีเขียวจางจนเกือบขาว เนื้อละเอียด เนื้อมาก กลิ่นหอม รสหวานไม่จัด จำนวนเมล็ดน้อย เปลือกล่อนไม่ติดเนื้อ
หนังครั่ง :
กลายพันธุ์มาจากหนังเขียว ผิวเปลือกสีม่วงเข้ม ตานูน ร่องสีชมพู เนื้อขาวอมชมพู เนื้อไม่เละ กลิ่นหอม รสหวานไม่จัด จำนวนเมล็ดน้อย เปลือกล่อนไม่ติดเนื้อ
3.พันธุ์ลูกผสม
เป็นพันธุ์ที่ผสมขึ้นมาใหม่ระหว่างพันธุ์พื้นเมืองกับพันธุ์ต่างประเทศที่คุณสมบัติดี พันธุ์ลูกผสมใหม่ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ อาติมัวร์ย่า. เพชรปากช่อง (นิยมมากที่สุด). เนื้อทอง. ฯลฯ
หมายเหตุ :
พันธุ์ลูกผสมใหม่ในกลุ่มเดียวกันกับเพชรปากช่องมีทั้งสิ้นมากกว่า 20 สายพันธุ์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อพันธุ์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอให้สายพันธุ์นิ่ง ในเบื้องต้นทราบผลว่าบางสายพันธุ์มีคุณสมบัติเหนือกว่าเพชรปากช่องและเนื้อทอง
การขยายพันธุ์
ทาบกิ่งเสียบยอดติดตาบนตอพื้นเมือง. ตอน. เพาะเมล็ด (กลายพันธุ์). เพาะเมล็ดเสริมรากเสียบยอด (ดีที่สุด).
เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ
- ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา (แห้งเก่าข้ามปี) ปีละ 2 ครั้ง
- ให้ยิบซั่มธรรมชาติ ปีละ 2 ครั้ง
- ให้กระดูกป่น ปีละ 1 ครั้ง
- คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่ม ล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบืดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
หมายเหตุ :
- การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่ ปลาสด เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชายเขตทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องหลายๆปีจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้นตอน
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตกใบอ่อน ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่ การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาดของเชื้อราได้
- ให้กลูโคสเฉพาะช่วงสำคัญ เช่น เร่งใบอ่อนเป็นใบแก่ สะสมอาหาร บำรุงผลกลาง ช่วงละ 1-2 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 20-30 วัน.....ถ้าให้บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นเกิดอาการนิ่ง ไม่ตอบสนองต่อสารอาหารหรือฮอร์โมนใดๆทั้งสิ้น
- ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง
เตรียมต้น
ตัดแต่งกิ่งเพื่อเรียกใบอ่อน :
หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตหมดต้นแล้วให้ตัดแต่งกิ่งกระโดง กิ่งคด กิ่งงอ กิ่งไขว้ กิ่งชี้ลง กิ่งชี้เข้าในทรงพุ่ม กิ่งหางหนู กิ่งแห้ง กิ่งเป็นโรค โดยตัดชิดลำต้นหรือชิดกิ่งประธานเพื่อทำให้ทรงพุ่มโปร่ง ขั้นตอนนี้ยังไม่ตัดปลายกิ่งและยังไม่ริดใบทิ้ง คงปล่อยให้อยู่กับต้นอย่างเดิม จากนั้นเริ่มบำรุงด้วยสูตร เรียกใบอ่อน ทั้งทางใบและทางราก
ตัดแต่งกิ่งเพื่อเปิดตาดอก :
บำรุงใบอ่อนที่ได้หลังจากตัดแต่งกิ่งครั้งแรกตามขั้นตอน จนถึงขั้นตอนสะสมอาหารเพื่อการออกดอกไว้ก่อน เมื่อเห็นว่าต้นแสดงอาการอั้นตาดอกเต็มที่แล้วจึงลงมือตัดแต่งกิ่ง โดยตัดแต่งกิ่งกระโดง กิ่งคด กิ่งงอ กิ่งไขว้ กิ่งชี้ลง กิ่งชี้เข้าในทรงพุ่ม กิ่งหางหนู กิ่งเป็นโรค อีกครั้ง และตัดปลายกิ่งพร้อมกับริดใบทิ้งทั้งหมดจนโกร๋นเหลือแต่ต้น แล้วงดน้ำเด็ดขาดเพื่อให้ต้นเกิดความเครียด จากนั้นจึงลงมือเปิดตาดอก ต้นที่ถูกงดน้ำมาระยะหนึ่งแล้วก็จะแตกยอดใหม่พร้อมกับมีดอกออกตามมาด้วย
ต้นสมบูรณ์จริงๆจะมีดอกออกมาพร้อมกับยอดแตกใหม่ทั่วทั้งกิ่ง แม้แต่โคนกิ่งแก่ก็ออกดอกแล้วพัฒนาเป็นผลคุณภาพดีได้ ทั้งๆที่ไม่มีการแตกยอดนำออกมาก่อน
ตัดแต่งกิ่งเพื่อปรับทรงพุ่ม :
- ตัดกิ่งบังแสงแดดต่อกิ่งอื่นออก ทำให้ทรงพุ่มโปร่งจนแสงแดดสามารถส่องได้ทั่วถึงทุกกิ่ง กิ่งที่ได้รับแสงแดดจะสมบูรณ์ดีกว่ากิ่งที่ไม่ได้รับแสงแดดหรือได้รับแสงแดดน้อย
- ตัดยอดกิ่งประธาน (ผ่ากบาล) ณ ความสูงต้นตามต้องการ นอกจากช่วยทำให้แสงแดดผ่านจากยอดเข้าสู่ภายในทรงพุ่มได้อย่างทั่วถึงแล้วแสงแดดที่ร้อนยังช่วยกำจัดเชื้อราได้เป็นอย่างดีและเพื่อควบคุมขนาดความสูงทรงพุ่มอีกด้วย
ตัดแต่งราก :
- น้อยหน่าระยะต้นอายุยังน้อยไม่ควรตัดแต่งราก แต่ถ้าต้องการสร้างรากใหม่ให้มีประสิทธิ
ภาพในการหาอาหารดียิ่งขึ้นใช้วิธีล่อรากด้วยการพูนโคนต้นด้วยดิน 3 ส่วนกับอินทรีย์วัตถุ 1 ส่วน
- ต้นอายุหลายปี ระบบรากเก่าและแก่มาก ให้พิจารณาตัดแต่งรากส่วนปลายออก 1 ใน 4 ด้วยการพรวนดินรอบทรงพุ่มลึก 10-15 ซม.หลังจากให้ฮอร์โมนบำรุงรากไปแล้วต้นจะแตกรากใหม่จำนวนมากขึ้นและมีประสิทธิภาพในการดูดซับสารอาหารได้ดีกว่าเดิม