หน้า: 1/2
มะม่วงหิมพานต์
ลักษณะทางธรรมชาติ
* เป็นไม้ผลยืนต้นอายุหลายสิบปี ปลูกได้ทุกพื้นที่ ทุกภาค และทุกเวลา เจริญเติบโตได้ดีใน
พื้นที่ลาดเชิงเขา ช่วงพักต้นต้องการความแห้งแล้งแต่ช่วงพัฒนาต้นต้องการน้ำสม่ำเสมอ
* อายุต้นที่ปลูกจากกิ่งตอนตั้งแต่หลังปลูกถึงให้ผลผลิตประมาณ 3-4 ปี แต่ต้นที่ได้จาก
การเพาะเมล็ดจะให้ผลผลิตเมื่ออายุต้น 5-6 ปี
* มีระบบรากยาวและหยั่งลงดินลึกมากเพื่อรับความชื้นใต้ดินแทนความชื้นผิวดิน โดยต้นอายุ 2
ปีมีรากยาวเป็น 2 เท่าของความสูง และมีรากฝอยแตกออกมาจากรากแก้วจำนวนมาก
* ทนต่อสภาพแห้งแล้งดี เจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินเลว มีชั้นหินมาก ชอบดินร่วนปน
ทรายหรือดินทราย น้ำไม่ท่วมขังและราบายน้ำได้ดี
* เป็นไม้ไม่ผลัดใบ แต่ถ้ามีใบน้อยเนื่องจากกระทบแล้งจนแตกยอดชุดใหม่ไม่ได้ เมื่อได้รับ
น้ำต้นก็จะแตกใบใหม่เขียวชอุ่มได้เหมือนเดิม
* ระยะต้นเล็กยังไม่ให้ผลผลิตควรริดกิ่งข้างชิดพื้นดินออก ทำให้ส่วนลำต้น (เปล้า) สูงจาก
พื้น 1-1.20 ม. หรือมีกิ่งง่ามแรกสูงจากพื้นมากๆจะได้สภาพต้นที่สมบูรณ์ให้ผลผลิตดีเมื่อโตขึ้น
* ขนาดทรงพุ่มใหญ่กิ่งภายในระเกะระกะจำเป็นต้องตัดกิ่งภายในทรงพุ่มอยู่เสมอ
* ลักษณะโครงสร้างต้นที่มีกิ่งก้านยาว ปล้องยาว จะให้ผลผลิตด้อยกว่าต้นที่กิ่งก้านและปล้อง
อวบอ้วนสั้น
* ออกดอกเป็นช่อจากปลายกิ่งที่แตกใหม่ในปีนั้น ในต้นเดียวกันมีดอกตัวผู้กับดอกสมบูรณ์
เพศปะปนกันอยู่ในกิ่งหรือก้านช่อเดียวกัน ดอกตัวผู้มีมากกว่าดอกสมบูรณ์เพศ อัตรา 8:1 โดยเกสร
ตัวผู้จากดอกตัวผู้ต่างดอกจะเข้าผสมกับเกสรตัวเมียในดอกสมบูรณ์เพศ
* ออกดอกติดผลปีละ 1 รุ่น แบบทยอยออกดอกตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค. เป็นผลแก่เก็บ
เกี่ยวได้ในเดือน ก.พ.- พ.ค.จำนวนดอกทั้งสิ้นที่ออกมาแต่ละรุ่นจะติดเป็นผลได้เพียง 3-5
เปอร์เซ็นต์เท่านั้นซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อย แก้ไขโดยปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม บำรุงต้นให้
สมบูรณ์เต็มที่ บำรุงดอกด้วยอาหารหลัก/รอง/เสริม และฮอร์โมนโดยเฉพาะตรงตามช่วงพัฒนาการ
* เทคนิคการช่วยผสมเกสรด้วยมือโดยนำเกสรตัวผู้พร้อมผสมจากดอกตัวผู้ ไปฉีดฉีดพ่นใส่
เกสรตัวเมียของดอกสมบูรณ์เพศที่พร้อมรับผสมเหมือนกัน จะช่วยให้การติดเป็นผลเพิ่มขึ้นหลาย
เท่าตัวเมื่อเทียบกับปล่อยให้ละอองเกสรตัวผู้ลอยไปตามลมหรืออาศัยเพียงแมลงช่วย
* เกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างไม่สมบูรณ์เกิดจากขาดสาร
อาหาร/ฮอร์โมนหรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม (อากาศร้อนหรือฝนตกชุก) แล้วผสมกันแล้วพัฒนา
เป็นผลจะเป็นผลไม่สมบูรณ์ ไม่โต รูปทรงบิดเบี้ยว
* ผลแก่เก็บเกี่ยวได้ไม่พร้อมกันซึ่งในแต่ละต้นจะเก็บเกี่ยวได้ถึง 3 ชุด อายุผลพันธุ์
ศรีสะเกษ 60-1 นาน 90-95 วัน พันธุ์ศรีสะเกษ 60-2 นาน 100-110 วัน
* เกี่ยวกับ ผล กับ เมล็ด ของมะม่วงหิมพานต์ยังเข้าใจสับสนกันมาก กล่าวคือ ส่วนที่เรียก
ว่าเมล็ดสำหรับรับประทานนั้นแท้จริงคือ ผล หรือ ผลจริง และส่วนที่เรียกว่าเปลือกนั้นแท้จริงคือ ผล
ปลอม การเจริญเติบโตของผลตั้งแต่ผสมติดช่วงแรก ส่วนผลจริงจะเจริญเติบโตก่อนจากนั้น ส่วนผล
ปลอมจึงจะเจริญเติบโตตาม
* การเก็บเกี่ยวต้องเก็บจากผลแก่จัดคาต้นแล้วร่วงลงพื้นแล้วเท่านั้น
* การให้ธาตุรอง/ธาตุเสริมอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยบำรุงผนังเซลล์เปลือกแข็งแน่นทำให้เชื้อ
ราเข้าทำลายเนื้อภายในผลส่วนที่เป็นเมล็ดไม่ได้
* การบำรุงทางรากช่วงก่อนเก็บเกี่ยวเพื่อเร่งหวานด้วย 8-24-24 หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิต
หมด แล้วเข้าสู่ช่วงพักต้นจะช่วยให้ต้นไม่โทรม ส่งผลให้การเรียกใบอ่อนของฤดูการผลิตรุ่นต่อไปใบ
อ่อนจะออกมาเร็วและได้ใบดีมีคุณภาพ
สายพันธุ์
พันธุ์เหลือง. และพันธุ์ครั่ง.(พันธุ์เหลืองให้ผลดกกว่าพันธุ์ผลครั่ง). ศิริชัย-25.
ศรีสะเกษ 60-1. ศรีสะเกษ 60-2.
การขยายพันธุ์
- ตอน (ดีที่สุด). ทาบ. ติดตา.
- เพาะเมล็ด (นิยมมาก) ใช้เมล็ดพันธุ์จากต้นพันธุ์ดี ให้ผลดกและสม่ำเสมอ ออกดอก
ติดผลทุกปี เมล็ดขนาดกลางจะให้ผลผลิตดีกว่าเมล็ดขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ หรือแช่น้ำเมล็ดจมน้ำ
จะให้ผลผลิตดีกว่าเมล็ดลอยน้ำ
- เพาะเมล็ดโดยหงายส่วนโค้งขึ้น ฝังดินลึก 6-8 ซม.จะงอกเร็ว
- ต้นพันธุ์ที่ได้จากการเพาะเมล็ดแล้วเสียบยอดพันธุ์ กับเสริมรากด้วยต้นกิ่งตอนจะทำให้ต้น
มีทั้งรากแก้ว รากฝอย (จากเมล็ด) และรากฝอย(จากกิ่งตอน) จำนวนมาก เมื่อต้นมีรากมากขึ้น
ย่อมหาอาหารส่งไปเลี้ยงต้นได้มากขึ้น
ระยะปลูก
- ระยะปกติ 6 X 6 ม. หรือ 6 X 8 ม.
- ระยะชิด 4 X 4 ม. หรือ 4 X 6 ม.
เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ
- ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา (แห้งเก่าข้ามปี) ปีละ 2 ครั้ง
- ให้ยิบซั่มธรรมชาติ ปีละ 2 ครั้ง
- ให้กระดูกป่น ปีละ 1 ครั้ง
- คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่ม ล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
หมายเหตุ :
- การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่ ปลาสด เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชายเขต
ทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อ
เนื่องหลายๆปีจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้นตอน
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตก
ใบอ่อน ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่ การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาด
ของเชื้อราได้
- ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพ
ความสมบูรณ์สูง
เตรียมต้น
ตัดแต่งกิ่ง :
- ตัดแต่งเพื่อการแตกยอดใหม่ให้ตัดกิ่งกระโดง กิ่งในทรงพุ่ม กิ่งคดงอ กิ่งชี้ลง กิ่ง
ไขว้ กิ่งหางหนู กิ่งเป็นโรค ทั้งนี้ภายในทรงพุ่มควรให้โปร่งจนแสงส่องผ่านลงไปถึงโคนต้นได้
- มะม่วงหิมพานต์ออกดอกติดผลที่ปลายยอดของกิ่งนอกทรงพุ่ม จึงควรตัดทิ้งกิ่งในทรงพุ่ม
ทั้งหมดและเพื่อไม่ให้แตกยอดใหม่ป้องกันทรงพุ่มทึบเกินไปให้ตัดชิดลำกิ่งประธาน
- ตัดยอดกิ่งประธาน (ผ่ากบาล) ณ ความสูงต้นตามต้องการ นอกจากช่วยทำให้แสงแดด
ผ่านจากยอดเข้าสู่ภายในทรงพุ่มได้อย่างทั่วถึงแล้วแสงแดดที่ร้อนยังช่วยกำจัดเชื้อราได้เป็นอย่างดี
และเพื่อควบคุมขนาดความสูงทรงพุ่มอีกด้วย
- นิสัยมะม่วงหิมพานต์มักออกดอกหลังจากกระทบหนาวได้ระยะหนึ่ง ดังนั้นจึงควรตัดแต่ง
กิ่ง-เรียกใบอ่อนช่วงต้นหน้าฝน แล้วเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงตามลำดับจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์เต็มที่ดี
กว่าการตัดแต่งกิ่งในช่วงอื่น หมายความว่า หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วยังไม่ต้องตัดแต่งกิ่งแต่ให้
บำรุงตามปกติต่อไปก่อน จนกระทั่งเข้าสู่หน้าฝนจึงลงมือตัดแต่งกิ่ง
ตัดแต่งราก :
- ระยะที่ต้นอายุยังน้อยไม่ควรตัดแต่งราก แต่ถ้าต้องการสร้างรากใหม่ให้มีประสิทธิภาพใน
การหาอาหารดียิ่งขึ้นใช้วิธีล่อรากด้วยการพูนโคนต้นด้วยดิน 3 ส่วนกับอินทรีย์วัตถุ 1 ส่วน
- ต้นอายุหลายปี ระบบรากเก่าและแก่มาก ให้พิจารณาตัดแต่งรากส่วนปลายออก 1 ใน
4 ด้วยการพรวนดินรอบทรงพุ่มลึก 10-15 ซม. หลังจากให้ฮอร์โมนบำรุงรากไปแล้วต้นจะแตกราก
ใหม่จำนวนมากขึ้นและมีประสิทธิภาพในการดูดซับสารอาหารได้ดีกว่าเดิม
ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อมะม่วงหิมพานต์
1.เรียกใบอ่อน
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 25-5-5(200 กรัม)หรือ 46-0-0(200 กรัม)สูตรใดสูตรหนึ่ง +
จิ๊บเบอเรลลิน 10 กรัม + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง +25-7-7(½-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติทันทีหลังตัดแต่งกิ่งและตัดแต่งรากเสร็จ
- หลังจากให้ทางใบไปแล้ว 5-7 วันถ้าต้นใดแตกใบอ่อนดีน้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ให้ฉีด
พ่นซ้ำรอบสองด้วยอัตราและวิธีการเดิม เพราะถ้าต้นแตกใบอ่อนไม่พร้อมกันทั่วทั้งต้นจะส่งผลเสียหลาย
อย่างตั้งแต่การเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่ การสะสมอาหารเพื่อการออก การปรับ ซี/เอ็น เรโช. การ
เปิดตาดอก ซึ่งจะออกดอกไม่พร้อมกันทั่วทั้งต้นและเมื่อดอกออกไม่พร้อมกันก็กลายเป็นผลไม่
พร้อมกันทำให้ยุ่งยากต่อการปฏิบัติบำรุงตามขั้นตอนอย่างมา.....แนวทางแก้ไข คือ ต้องบำรุงเรียก
ใบอ่อนให้ออกมาเป็นชุดเดียวพร้อมกันทั้งต้นให้ได้
- มะม่วงหิมพานต์ต้องการใบอ่อน 2 ชุด ถ้าต้นสมบูรณ์ดี มีการเตรียมดินและปรับปรุงบำรุงดิน
สม่ำเสมอต่อเนื่องมาหลายๆปีแล้ว หลังจากใบอ่อนชุดแรกเพสลาดแล้วให้เรียกใบอ่อนชุด 2 ต่อได้
เลย ใบชุด 2 นี้อาจจะออกไม่พร้อมกันทั้งต้นเหมือนชุดแรกแต่ก็จะออกห่างกันไม่เกิน 7-10 วัน
และหลังจากใบอ่อนชุด 2 เพสลาดก็ให้เข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงต่อไปตามปกติ
2.เร่งใบอ่อนเป็นใบแก่
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 + 0-21-74(200 กรัม)หรือ 0-39-39 (200 กรัม) สูตรใดสูตร
หนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 กรัม + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำตามปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติเมื่อใบเริ่มแผ่กางรับแสงแดดได้
- การเร่งใบอ่อนให้เป็นใบแก่ วัตถุประสงค์เพื่อเร่งระยะเวลาสู่การพัฒนาขั้นต่อไปให้เร็วขึ้น
หรือเพื่อให้รอดพ้นจากการทำลายของแมลงปากกัดปากดูดที่ชอบกัดกินใบอ่อนพืช
- สารอาหารในกลุ่มเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่มีฟอสฟอรัส.และโปแตสเซียม. นอกจากช่วยเร่งใบ
อ่อนเป็นใบแก่แล้วยังช่วยเสริมประสิทธิภาพขั้นตอนสะสมอาหารเพื่อการออกดอกได้ด้วย
- ต้นที่สะสมความสมบูรณ์เต็มที่มานานหลายปีติดต่อกัน หลังจากใบอ่อนเริ่มแผ่กาแล้วสามารถ
ข้ามขั้นตอนการบำรุงไปสู่ขั้นตอนเปิดตาดอกได้เลย ทั้งนี้ฟอสฟอรัส.กับโปแตสเซียม. นอกจากช่วย
เร่งใบอ่อนเป็นใบแก่ได้แล้วยังช่วยเปิดตาดอกได้อีกด้วย
3.สะสมอาหารเพื่อการออกดอก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 0-42-56(200 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ แคล
เซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 5-7 วัน 2-3 รอบ ฉีดพ่นพอเปียกใบ ติดต่อกัน 1-2 เดือน จะช่วยให้ต้นสมบูรณ์เต็มที่
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24(1-2 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
- ให้มูลค้างคาว 100-200 กรัม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติเมื่อใบเพสลาด
- แนวทางบำรุงให้ต้นได้สะสมอาหารเพื่อการออกดอกไว้มากที่สุดควรเตรียมแผนใช้เวลาบำรุง
2 เดือน โดยให้กลูโคสหรือนมสัตว์สดรอบแรกเมื่อเริ่มลงมือบำรุง และให้รอบสองห่างจากรอบ
แรก 20-30 วัน
- วัตถุประสงค์เพื่อให้ต้นได้สะสมสารอาหารทั้งกลุ่มสร้างดอก-บำรุงผล (ซี.) และกลุ่ม สร้าง
ใบ-บำรุงต้น ไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จนกระทั่งเกิดอาการอั้นตาดอก ไม่มีการแตกใบ
อ่อนออกมาอีก ถ้าต้นแตกใบอ่อนออกมาใหม่ก็จะต้องย้อนกลับไปบำรุงที่ขั้นตอนเร่งใบอ่อนให้เป็นใบ
แก่อีกครั้งซึ่งทำให้เสียเวลา
- ช่วงหน้าฝนสวนยกร่องน้ำหล่อ หรือพื้นที่ลุ่มปริมาณน้ำใต้ดินมาก แนะนำให้บำรุงทางใบ
ด้วยสูตร “สะสมอาหารปกติ” โดยการให้ก่อนฝนตก 1 ชม.หรือให้ทันทีหลังฝนหยุดใบแห้ง
ให้บ่อยๆได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งหรือช่วงระยะเวลาให้
- เพื่อให้ต้นได้มีการสะสมอาหารเพื่อการออดอกมากยิ่งขึ้น แนะนำให้ใส่มูลค้างคาว 100-
200 กรัม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. โดยละลายน้ำรดโคนต้นบริเวณชายพุ่มจะเป็นการดียิ่งขึ้น ในมูลค้าง
คาวมีสารอาหารในการสร้างเมล็ดจะช่วยให้ได้ส่วนเมล็ดใหญ่ขึ้น
- ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงขั้นต่อไป คือ ปรับ ซี/เอ็น เรโช. ให้ทบทวนความทรงจำเมื่อครั้ง
เรียกใบอ่อนแล้วใบอ่อนออกมาพร้อมกันเป็นชุดเดียวทั่วทั้งต้นหรือไม่ ถ้าใบอ่อนออกมาพร้อมกันดีทั่ว
ทั้งต้นให้ปรับ ซี/เอ็น เรโช.ต่อไปได้เลย แต่ถ้าใบอ่อนออกมาไม่พร้อมกันเป็นชุดเดียวทั่วทั้งต้นและ
ค่อนข้างต่างรุ่นกันมากก็ให้บำรุงสะสมอาหารเพื่อการออกดอกต่อไปอีก 2-3 รอบ เพื่อรอให้ใบอ่อน
ชุดหลังสะสมอาหารจนอั้นตาดอกดีเท่ากับใบอ่อนชุดแรกจากนั้นจึงลงมือปรับ ซี/เอ็น เรโช. ทั้งนี้
วัตถุประสงค์เพื่อทำให้มีดอกออกมาพร้อมกันเป็นชุดเดียวกันทั่วทั้งต้นนั่นเอง
4.ปรับ ซี/เอ็น เรโช
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100ล.+ นมสัตว์สด 100-200 ซีซี.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100ซีซี.+ แคล
เซียม โบรอน 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ ระวังอย่าให้ลงพื้น
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
งดน้ำ เปิดหน้าดินโคนต้น
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติเมื่อสังเกตเห็นความสมบูรณ์ของต้นชัดเจน
- ต้นที่มีอาการอั้นตาดอกดีจนพอใจแล้วไม่ต้องฉีดพ่นกลูโคสหรือนมสัตว์สดเพิ่มอีกแต่ถ้าต้นมี
อาการอั้นตาดอกไม่ดีหรือยังไม่น่าพอใจ แนะนำให้ฉีดพ่นกลูโคสหรือนมสัตว์ทางใบอีกซ้ำอีก 1
รอบ โดยเว้นระยะเวลาให้ห่างจากที่เคยให้เมื่อช่วงสะสมอาหารไม่น้อยกว่า 30-45 วัน
- วัตถุประสงค์เพื่อ “เพิ่ม” ปริมาณสารอาหารกลุ่มสร้างดอก-บำรุงผล (ซี.)และ
“ลด” ปริมาณสารอาหารกลุ่มสร้างใบ-บำรุงต้น (เอ็น.)
5.เปิดตาดอก
ทางใบ :
- ในรอบ 7 วันให้น้ำ 100 ล.+ ไธโอยูเรีย (500 กรัม)หรือ 0-52-34(500 กรัม)
สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 กรัม + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1 รอบกับให้
น้ำ 100 ล.+ ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี.+ เอ็นเอเอ.25 ซีซี.+ สาหร่ายทะเล 50 กรัม + สาร
สกัดสมุนไพร 250 ซีซี. อีก 1 รอบ ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ยังคงเปิดหน้าดินโคนต้น
- ให้น้ำพอหน้าดินชื้นหรือพอให้ต้นได้รู้สึกตัว
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติเมื่อต้นมีอาการอั้นตาดอกทั่วทั้งต้นหรือทุกจุดที่สามารถออกดอกได้
- อาจจะพิจารณาใส่ 8-24-24 (100-200 กรัม)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.อีก 1 รอบก็
ได้ด้วยการละลายน้ำรดโคนต้นพอหน้าดินชื้นเพื่อเสริมของเก่าที่ใส่เมื่อช่วงสะสมอาหารและช่วงที่ปรับ
ซี/เอ็น เรโช.
- หลังจากเปิดตาดอกแล้ว ถ้าดอกออกมาไม่มากพอ สาเหตุมาจากตั้งแต่ช่วงเรียกใบอ่อนแล้ว
ใบอ่อนออกมาไม่พร้อมกันทั่วทั้งต้น ระหว่างที่ดอกชุดแรกยังเป็นดอกตูมอยู่นั้น ให้เปิดตาดอกซ้ำอีก
1-2 รอบด้วยสูตรเดิม หรือจนกระทั่งดอกชุดแรกบานแล้วจึงยุติการเปิดตาดอกซ้ำ
6.บำรุงดอก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 15-45-15(200 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริ 100 ซีซี.+ เอ็นเอ
เอ.100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7
วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรช่วงค่ำ ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ 8-24-24 (½ กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ยังคงเปิดหน้าดินโคนต้น
- ให้น้ำพอหน้าดินชื้น
หมายเหตุ :
- ให้ “เอ็นเอเอ. หรือ เอ็นเอเอ.+ จิ๊บเบอเรลลิน” ช่วงดอกตูมแทงออกมายาว 2-3
ซม. 1 ครั้ง จะช่วยบำรุงเกสรทั้งตัวผู้และตัวเมียให้สมบูรณ์พร้อมรับการผสมแต่ต้องใช้ด้วยระมัดระวัง
เพราะถ้าให้เข้มข้นเกินไปจะเกิดความเสียหายต่อดอกและถ้าให้น้อยเกินไปก็จะไม่ได้ผล
- ช่วงดอกเริ่มแทงออกมาใหม่ๆให้แคลเซียม โบรอน.1 รอบ จะช่วยให้ดอกสมบูรณ์ผสมติดดี
- ฉีดพ่นสารอาหารเพื่อบำรุงดอกด้วยเครื่องมือฉีดพ่นที่มีแรงลมพ่นเบาที่สุดตามความเหมาะสม
เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อส่วนต่างๆของดอก ฉีดพ่นที่ช่อดอกโดยตรงพอเปียกหรือฉีดพ่นให้ทั่ง
ทรงพุ่มพอเปียกใบก็ได้
- บำรุงดอกช่วงฝนชุกให้เน้น “ฮอร์โมนน้ำดำ และ แคลเซียม โบรอน” โดยให้เมื่อดอก
ออกมาแล้วหรือให้แบบสะสมล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเปิดตาดอก ให้แบบเดี่ยวๆหรือผสมรวมไปกับธาตุ
อาหารอื่นๆก็ได้
- ช่วงดอกตูมควรฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรให้บ่อยขึ้น เพื่อป้องกันกำจัดโรคและแมลงจนถึงช่วง
ดอกบาน
- ระยะดอกบานถ้าตรงกับช่วงฝนชุกเกสรจะเปียกชื้นทำให้ผสมไม่ติด แก้ไขโดยกะระยะเวลา
บำรุงให้ดอกออกมาไม่ตรงกับช่วงฝนชุกเท่านั้น แต่ถ้าดอกออกมาตรงกับช่วงแล้งอากาศร้อนมาก
เกสรจะฝ่อทำให้ผสมไม่ติดเช่นกัน แก้ไขโดยการสร้างความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศและที่พื้นดิน ทั้งใน
แปลงปลูกและรอบๆแปลงปลูก......มาตรการบำรุงต้นและดอกให้สมบูรณ์อย่างแท้จริงอยู่เสมอ
สามารถช่วยลดความสูญเสียได้เป็นอย่างมาก
7.บำรุงผลเล็ก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 15-45-15 (200 กรัม) + + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 25 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นทางใบพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7(½-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./
เดือน
- นำอินทรีย์วัตถุกลับเข้าคลุมโคนต้นพร้อมกับเสริมยิบซั่มธรรมชาติ อัตรา 1 ใน 10 ส่วนของ
อัตราที่เคยใส่เมื่อช่วงเตรียมต้น
- ให้น้ำแบบค่อยๆเพิ่มปริมาณน้ำทีละน้อยๆของการให้น้ำ 3-4 รอบเพื่อให้ต้นรู้ตัว
หมายเหตุ :
- เริ่มบำรุงเมื่อผลจริงขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว หรือหลังกลีบดอกร่วง
8.บำรุงผลกลาง
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 15-45-15(200 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม(100 ซีซี.)+แคล
เซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.ทุก 7-10 วัน ฉีดพ่นทางใบพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 8-24-24(½-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ
- เริ่มบำรุงเมื่อเปลือกหุ้มเมล็ด (ผลจริง) เริ่มแข็ง
- วัตถุประสงค์เพื่อขยายขนาดเมล็ด (ผลจริง) และลดขนาดเนื้อ (ผลปลอม)
- ให้สังกะสีคีเลต. 1-2 รอบห่างกันรอบละ 1 เดือนเพื่อบำรุงเมล็ดให้ใหญ่และคุณภาพดี
- ถ้าต้นติดผลดกมากควรให้ฮอร์โมนน้ำดำ.กับ แคลเซียม โบรอน. 1-2 รอบ โดยแบ่งให้
ตลอดระยะผลกลางจะช่วยให้ต้นไม่โทรมเนื่องจากรับภาระเลี้ยงผลมาก
9.บำรุงผลแก่
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 0-0-50(200 กรัม)หรือ 0-21-74(200 กรัม)สูตรใดสูตร
หนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วันก่อนเก็บเกี่ยว ฉีดพ่นทางใบ
พอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ 13-13-21 หรือ 8-24-24 สูตรใดสูตรหนึ่ง (½-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำเพื่อละลายปุ๋ยแล้วงดน้ำเด็ดขาด
หมายเหตุ :
- เริ่มให้ก่อนเก็บเกี่ยว 7-10 วัน 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน
- การให้ 13-13-21 เหมาะสำหรับต้นที่มีผลรุ่นเดียวกันทั้งต้น แต่หลังจากเก็บเกี่ยวผล
ผลิตแล้วต้นมักโทรมจึงต้องเร่งบำรุงฟื้นฟูความสมบูรณ์ของต้น (เรียกใบอ่อน) กลับคืนมาโดยเร็วแล้ว
จึงเข้าสู่วงรอบการบำรุงใหม่
- การให้ 8-24-24 เหมาะสำหรับต้นที่มีผลหลายรุ่นในต้นเดียวกันซึ่งนอกจากหลังจากเก็บ
เกี่ยวผลผลิตจนหมดต้นแล้วต้นไม่โทรม ช่วยบำรุงผลรุ่นหลังต่อ และทำให้ต้นมีความสมบูรณ์
พร้อมสำหรับให้ผลผลิตรุ่นปีต่อไปอีกด้วย