-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 499 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

มะละกอ




หน้า: 1/4



                มะละกอ                          


      ลักษณะทางธรรมชาติ                       

    * เป็นไม้ผลยืนต้นอายุหลายสิบปี ปลูกได้ในทุกพื้นที่ ทุกภาคและในดินทุกชนิด เจริญเติบโต
ได้ดีในดินดำร่วนหรือดินเหนียวปนทรายมีอินทรีย์วัตถุมากๆ ระบายน้ำได้ดีมีความชื้นแต่ไม่ทนต่อสภาพ
น้ำท่วมขังค้างนาน

    * การที่มะละกอมีอายุเพียง 3-5 ปีหรือกลายเป็นพืชอายุข้ามปีเท่านั้น เนื่องมาจากการจัดการ
เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานด้านการเกษตร (ดิน-น้ำ-แดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-อาหาร-พันธุ์-โรค) ไม่ถูก
ต้องตรงกับความต้องการตามธรรมชาติที่แท้จริงของมะละกอ
                            
    * ให้ผลผลิตตลอดปีแบบไม่มีรุ่น แต่จะให้ผลผลิตมากปีละ 3 รุ่น
                        
    * ออกดอกจากซอกก้านใบทุกก้าน ถ้ามีใบมาก (ไม่เรียกว่าเฝือใบ) จะมีดอกและผลมากตาม
มาด้วย

    * ตอบสนองต่อปุ๋ยน้ำ-ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพและฮอร์โมนธรรมชาติดีมาก
                          
    * ต้องการมะละกอต้นเตี้ยให้ปลูกต้นกล้าลงแปลงจริงช่วงเดือน ธ.ค.– มี.ค.(หน้าแล้ง)แล้ว
รดน้ำบ้างพอให้ยืนต้นได้ซึ่งต้นจะไม่ตายแต่โตช้ากว่าปกติเท่านั้น ครั้นเมื่อถึงอายุให้ผลผลิตได้ก็จะออก
ดอกติดผลตามปกติแต่ต้นจะเตี้ย                         

   * ต้นกระเทย : คือต้นที่มีดอกสมบูรณ์เพศ เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่ในดอกเดียว
               กัน และผสมกันเองได้  ผลที่เกิดมาตรงตามสายพันธุ์เดิม
                        
   * ต้นตัวผู้   : คือต้นที่ดอกมีแต่เกสรตัวผู้  ไม่สามารถเป็นผลได้
                        
   * ต้นตัวเมีย :  คือต้นที่ดอกมีแต่เกสรตัวเมีย ต้องอาศัยละอองเกสรตัวผู้จากต่างต้น จึงทำให้
               ผลที่ออกมาผิดเพี้ยนไปจากสายพันธุ์เดิม
                         
   * ต้นที่ปลูกจากเพาะเมล็ดต้องรอให้ต้นโตจนมีผลผลิตออกมาให้เห็น (ประมาณ 6-8 เดือน)
จึงจะรู้ว่าเป็นต้นกระเทย. ต้นตัวผู้ หรือต้นตัวเมีย  ซึ่งค่อนข้างใช้เวลานาน  บางคนแก้ปัญหาโดย
หยอดเมล็ดหลุมละ 3 เมล็ด หรือปลูกต้นกล้าหลุมละ  3 ต้น แล้วบำรุงเลี้ยงไปตามปกติ จนกระทั่ง
ทุกต้นมีดอกหรือผลออกมาให้เห็นจึงเลือกตัดต้นตัวผู้และต้นตัวเมียทิ้ง  คงเหลือแต่ต้นกระเทยไว้
เพียงต้นเดียว  แต่ถ้าเป็นต้นตัวเมียหรือต้นตัวผู้ทั้งหมดก็ตัดทิ้งทั้งหมด  หรือถ้าเป็นต้นกระเทยทั้ง
หมดก็จะเก็บไว้เพียงต้นเดียว                       

    * สภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างมาก  เช่น  หนาวจัด  ร้อนจัด  มีผลต่อการแปรปรวนของ
เพศดอก โดยต้นตัวผู้หรือต้นตัวเมียอาจจะให้ผลผิดเพี้ยนไปบ้าง เมื่อเข้าสู่สภาพอากาศปกติแล้วอาการ
แปรปรวนทางสายพันธุ์นี้จะหายไป ส่วนต้นกระเทยจะไม่มีอาการแปรปรวนทางสายพันธุ์แต่อย่างใด
เพียงแต่ปริมาณผลผลิตอาจจะลดลงบ้างเท่านั้น

    * วิธีทำมะละกอ 1 ต้นให้เป็น 3 ต้น  โดยเริ่มจากปลูกต้นแรกก่อนรอจนกระทั่งรู้แน่ว่าเป็น
ต้นกระเทย  เมื่อมะละกอกระเทยต้นแรกนี้โตขึ้นสูง 1-1.20 ม. ให้ตัดต้นเหลือเป็นตอสูงจากพื้น
30-50 ซม. ทาแผลด้วยปูนกินหมากเพื่อป้องกันเชื้อโรค มีถุงพลาสติกครอบไว้ป้องกันน้ำ แล้วบำรุง
ต่อไปตามปกติ ตอจะยอดแตกใหม่จำนวนมากก็ให้เลือกเก็บไว้ 2-3 ยอดอยู่ตรงข้ามกัน ยอดที่เหลือ
ทั้งหมดให้ตัดทิ้ง  จากนั้นบำรุงต่อไปตามปกติ  เมื่อยอดทั้ง 3 โตขึ้นก็จะให้ผลผลิตเหมือนมะละกอ
ทั่วๆไปกลายเป็นมะลำกอ  3 ต้นบนตอเดียวกัน

     * มะละกออ่อนแอต่อสารกำจัดวัชพืช (ยาฆ่าหญ้า) อย่างมาก เพียงกลิ่นระเหยลอยตามลม
ก็ทำให้มะละกอต้นนั้นเกิดอาการใบหงิกเสียหายได้          

     * มะละกอไม่ชอบดินแฉะ  หรือรากแช่น้ำ  แนะนำให้ทำร่องระบายน้ำจากทรงพุ่มพร้อมกับ
พูนดินโคนต้นให้สูงๆไว้  จะช่วยให้อายุยืนนานขึ้น          

     * โรคใบหงิกหรือใบด่างเกิดจากเชื้อไวรัสโดยมีแมลงปากกัดปากดูดทุกประเภทเป็นพาหะ 
ปัจจุบันไม่มีสารเคมียี่ห้อใดในโลกแก้ไขโรคนี้ได้  แนวทางแก้ไข  คือ  1) ป้องกันแมลงพาหะ
โดยการฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรให้ตรงกับชนิดแมลงและช่วงจังหวะที่แมลงนั้นจะเข้ามา   2) บำรุง
ต้นให้สมบูรณ์ด้วย  ธาตุรอง/ธาตุเสริม  อยู่เสมอ

     * ไม่ควรปลูกพืชที่ล่อแหลมต่อการแพร่ระบาดของเพลี้ย (ทุกชนิด) แซมแทรกหรือใกล้
เคียงกับแปลงปลูกมะละกอ  เพราะเพลี้ยจะเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสมาสู่มะละกอได้
                        
     * ลงมือเพาะเมล็ดมะละกอช่วงเดือน ม.ค. แล้วย้ายกล้าลงปลูกในแปลงจริงช่วงเดือน มี.
ค.  จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตชุดแรกได้ในช่วงเดือน ต.ค.  ช่วงนี้มะละกอราคาดีเนื่องจากไม่มีผลไม้
อื่นเป็นคู่แข่ง

     * การเก็บเกี่ยวผลแก่จัดตรงกับช่วงฤดูหนาวที่อากาศค่อนข้างหนาว เมื่อผลนั้นสุกความหวาน
จะลดลง  ดังนั้นจึงควรเก็บเกี่ยวสำหรับรับประทานผลสุกในช่วงฤดูแล้งจึงจะได้ความหวานสูง
                         

       สายพันธุ์
                       
       พันธุ์รับประทานผลสุก
  :  แขกดำศรีสะเกษ. แขกดำท่าพระ.  แก้มแหม่ม.
                         โกโก้ก้านดำ. เรดเลดี้. ฮาวายหรือไซโล.  ซันไรท์.
                         ปากช่อง-1. แขกนวล  แขกหลอด. พีเอ เนื้อแดง.
                         พีเอ เนื้อเหลือง.
       พันธุ์รับประทานผลดิบ  :  พื้นเมือง.   สายน้ำผึ้ง.   วัดเพลง.
                         

      
การขยายพันธุ์ 
       ตอน :
                       
     - ใช้มีดคมๆเฉือนกิ่งเฉียง 45 องศาขึ้นไปทางยอด ลึก 1 ใน 3 ของความกว้างของบริเวณ
ที่จะตอน ใช้ใบไม้หรือกระดาษคั่นระหว่างแผล ทิ้งไว้จนหมดยาง หุ้มด้วยตุ้มตอนขุยมะพร้าวธรรมดาๆ
ประมาณ20-30 วันเริ่มออก  เมื่อเห็นว่าออกรากดีแล้วให้ตัดลงมาอนุบาลในถุงดำต่อ  จนกระทั่ง
ต้นแข็งแรงดีจึงลงปลูกในแปลงจริง
     - ต้นมะละกอที่ลำต้นสูงมากๆให้ตอนที่คอจากยอดลงมา 50-80 ซม.ด้วยวิธีการเดียวกัน 
เมื่อนำลงปลูกและรากเดินดีจะออกดอกติดผลทันที  นอกจากนี้ยังได้มะละกอต้นเตี้ยสายพันธุ์เดิมอีก
ด้วย
     - ต้นกระเทยพันธุ์ดีให้ตัดตอ บำรุงเรียกยอด เมื่อยอดโตเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้วแล้ว
ให้ตอนจากยอดที่แตกใหม่นั้นด้วยวิธีการตอนแบบเดียวกัน ก็จะทำให้ได้ต้นพันธุ์เดิมเพิ่มขึ้นจำนวนมาก

      เสียบยอด :                       
   1. ตัดตอต้นกระเทย บำรุงเรียกยอด                        
   2. ตัดตอต้นตัวผู้หรือต้นตัวเมีย  บำรุงเรียกยอด  เมื่อยอดโตประมาณ  1 ซม.ให้ตัดยอด
ทำง่ามหนังสติ๊ก แล้วตัดยอดจากต้นกระเทยทำเป็นลิ่มมาเสียบลงบนง่ามหนังสติ๊กของต้นตัวผู้หรือตัว
เมีย  เสร็จแล้วรัดแผลด้วยเทปพลาสติกเหมือนการเสียบยอดไม้ผลทั่วๆไป  เมื่อยอดโตที่เสียบขึ้น
จะให้ผลเหมือนต้นกระเทยเดิม 
                      
      เพาะเมล็ด :                       
   1. เลือกเมล็ดในผลจากต้นแม่ที่เป็นต้นกระเทย แข็งแรง ตั้งตรง อวบอ้วน ปล้องถี่ ออกดอก
ติดผลตั้งแต่ต้นยังเตี้ย และให้ผลผลิตจำนวนมากติดต่อกันเป็นเวลานานๆ  คุณภาพผลดี
   2. เลือกผลสุก 50-75 เปอร์เซ็นต์คาต้น ผ่าผลนำเมล็ดออกมาแล้วล้างเนื้อและเปลือกหุ้ม
เมล็ดออก  แช่เมล็ดในไคตินไคโตซาน.หรือธาตุรอง/ธาตุเสริม. 6-12 ชม. นำลงเพาะใน
กระบะหรือถุงดำหรือในแปลงปลูกจริงทันที ทั้งนี้เมล็ดมะละกอไม่ต้องการพักตัว ถ้าเก็บไว้นาน
เปอร์เซ็นต์ความงอกจะลดลงจนไม่งอกหรืองอกขึ้นมาจนโตแล้วก็จะให้ผลผลิตไม่ดี.......เมล็ดที่
ได้จากผลสุกงอมเมื่อนำไปขยายพันธุ์ต่อจะเกิดอาการกลายพันธุ์สูงมาก

      สร้างเมล็ดพันธุ์ :                       
   1. คัดเลือกต้นแม่พันธุ์กระเทยที่มีคุณสมบัติดีพร้อมทุกประการ ปฏิบัติบำรุงตามขั้นตอนเพื่อให้
ได้ผลคุณภาพดี
   2. เลือกดอกสมบูรณ์ที่สุดของต้น 1-2 ดอกอยู่ตรงข้ามกัน  ช่วงใกล้บานให้ห่อดอกด้วยถุง
ใยสังเคราะห์  ปิดปากถุงให้มั่นคงเพื่อป้องกันการผสมข้ามและเพื่อเปิดโอกาสให้เกสรในดอกผสมกันเอง
   3. เมื่อดอกที่ห่อด้วยถุงใยสังเคราะห์ผสมติดเป็นผลแล้ว และเมื่อขนาดผลโตเท่ามะนาวให้ถอด
ถุงออกแล้วบำรุงต่อไปตามปกติ  จนกระทั่งได้อายุผลเหมาะสมสำหรับเอาเมล็ดมาเพาะขยายพันธุ์จึง
เก็บผลนั้นมา
   4. นำเมล็ดที่ได้ไปเพาะตามปกติ ต้นที่เกิดมาเมื่อโตขึ้นจะให้ผลผลิตตรงตามสายพันธุ์ต้นแม่
ค่อนข้างสูง  หรืออาการกลายพันธุ์ค่อนข้างน้อย                         

      ปักชำ :                                  
   1. ตัดต้นกระเทยตั้งแต่โคนถึงยอดออกเป็นท่อนๆ ยาว 10-15 ซม. มีตุ่มตาหลายๆตา ตัด
ท่อนพันธุ์ด้วยมีดคมจัดเพื่อให้แผลเรียบ ตัดเป็นท่อน แช่ไคตินไคโตซานหรือธาตุรอง/ธาตุเสริม นาน
6-12 ชม.
   2. แช่ครบกำหนดแล้วนำขึ้นผึ่งลมให้แห้ง  ทาแผลด้วยปูนกินหมาก  ทิ้งไว้ในร่มอากาศถ่าย
เทสะดวกนาน 24-48 ชม.เพื่อให้ท่อนพันธุ์เกิดความเครียด                       
   3. นำท่อนพันธุ์ที่เครียดดีแล้วปักในวัสดุเพาะชำธรรมดา  ให้ตุ่มตาฝังดินลึก 2-3 ตุ่ม  คลุม
ทับด้วยเศษฟางบางๆ  รดน้ำแบบพ่นฝอยวันละ 4-5 ครั้ง  เมื่อท่อนพันธุ์แตกรากและใบแล้วจึง
แยกออกมาเพาะต่อในถุงดำ อนุบาลในโรงเรือนจนกระทั่งแข็งแรงดีจึงนำลงปลุกในแปลงจริงต่อไป
                         

     เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ                         
   - ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา (แห้งเก่าข้ามปี) ปีละ 2 ครั้ง
   - ให้ยิบซั่มธรรมชาติ  ปีละ 2 ครั้ง                       
   - ให้กระดูกป่น  ปีละ 1 ครั้ง                         
   - คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่ม ล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
   - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
                        
     หมายเหตุ :                       
   - การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่  ปลาสด  เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชายเขต
ทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อ
เนื่องหลายๆปีจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้นตอน
   - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตกใบ
อ่อน  ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่.....การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่
ระบาดของเชื้อราได้
   - นิสัยมะละกอออกดอกติดผลได้ตลอดปีแบบไม่มีรุ่น  การบำรุงด้วยกลูโคสหรือนมสัตว์สด 1-
2 เดือน/ครั้ง แม้ว่าจะช่วยให้ออกดอกติดผลและคุณภาพดี  แต่การให้ต้องระวัง  เพราะถ้าให้บ่อย
เกินไปจะทำให้ต้นเกิดอาการนิ่ง ไม่ตอบสนองต่อสารอาหารหรือฮอร์โมนใดๆทั้งสิ้น
   - ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพ
ความสมบูรณ์สูง

    ระยะปลูก                       
  - ระยะปกติ  4 X 6 ม. หรือ  6 X 6 ม.                       
  - ระยะชิด   4 X 4 ม. หรือ  4 X 3 ม.  




                    ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อมะละกอ
                        

     1. ระยะกล้า
                       
        ทางใบ :                        
     - ให้น้ำ 100 ล.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.  
ฉีดพ่นพอเปียกใบ  ทุก 10-15 วัน                       
     - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                        
       ทางราก :                       
     - ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7(1-2 กก.)/เดือน/ไร่
     - ให้น้ำเปล่าปกติ  ทุก 2-3 วัน      

     2. ระยะต้นโตให้ผลผลิตแล้ว                       
        ทางใบ :                       
     -  ในรอบ 7-10 วันให้น้ำ 100 ล.+ 0-42-56(200 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุ
เสริม 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.1 ครั้งกับให้น้ำ 100 ล.+ 21-7-14(400 กรัม)+ ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี.+ เอ็นเอเอ. 25 ซีซี.+ ไคโตซาน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ
     - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                        
       ทางราก :                       
     - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24  สลับกับ  21-7-14 (250 กรัม)/เดือน/ไร่
     - ให้น้ำเปล่าปกติ  ทุก 2-3 วัน                       

       หมายเหตุ  :                        
     - ให้ฮอร์โมนน้ำดำ กับ แคลเซียม โบรอน  2  เดือน/ครั้ง  จะช่วยให้ต้นเขียวสดสมบูรณ์
อยู่เสมอ และช่วยให้คุณภาพผลผลิตดีมาก   


       บำรุงแบบ  "เหมาจ่าย" 
       
ทางใบ :
     - ในรอบ 1 เดือน (4 สัปดาห์) ให้ฮอร์โมนไข่ สูตรไต้หวัน 1 ครั้ง สลับด้วย  ฮอร์โมน
น้ำดำ  กับ  แคลเซียม โบรอน.  อย่างละ 1 ครั้ง
       ทางราก :
     - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24  สลับครั้งกับ  21-7-14(250 กรัม)/เดือน/ต้น 
    










หน้าถัดไป (2/4) หน้าถัดไป


Content ©