หน้า: 1/6
ลองกอง-ลางสาด
ลักษณะทางธรรมชาติ
* เป็นไม้ผลยืนต้นอายหลายสิบปี ต้นที่ จ.นราธิวาส ถึงวันนี้อายุกว่า 100 ปี ยังไม้ผลผลิตดี ปลูกได้ทุกพื้นที่ของประเทศ ปลูกมากในเขตภาคใต้และภาคตะวันออกเพราะมีฝนชุก ดังนั้นหากจะปลูกในเขตที่มีฝนน้อยก็จะต้องมีแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างพอเพียง ลองกอง-ลางสาดเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายมีอินทรียวัตถุมาก ระบายน้ำได้ดี ไม่ทนต่อน้ำขังค้างนาน ชอบอยู่แซมแทรกกับไม้ผลอื่น เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด สะตอ มะไฟ
* สหรัฐอเมริกาประเทศที่ได้ชื่อว่ามีเทคโนโลยีสูงสุด นำลองกอง-ลางสาดไปทดลองปลูกที่ฟลอริดา. แคลิฟอร์เนีย. ปรากฏว่าไม่ประสบความสำเร็จ กับอีกส่วนหนึ่งปลูกที่ฮาวายก็พอจะประสบความสำเร็จอยู่บ้างเมื่อต้นลองกอง-ลางสาดเจริญเติบโตได้แต่คุณภาพไม่ดี แสดงว่าแม้เทคโนโลยีวิทยาศาสตร์จะสูงเลิศเพียงใดก็ยังไม่สามารถเอาชนะเทคโนโลยีธรรมชาติได้นั่นเอง
* ลองกอง-ลางสาดเป็นไม้ป่า ดังนั้นก่อนลงมือปลูกให้ปลูกไม้พี่เลี้ยง เช่น กล้วย ทองหลาง หรือเงาะ ทุเรียน มังคุด สะตอ ก่อนอย่างน้อย 1-1 ปีครึ่ง บำรุงไม้พี่เลี้ยงจนกระทั่งยืนต้นได้ดีแล้วจึงลงมือปลูกลองกอง-ลางสาด เพราะลางสาด-ลององระยะต้นเล็กต้องการแสงแดดน้อย (รำไรๆ) แต่ต้องการความชื้นที่หน้าดินและความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศสูง แม้แต่ช่วงที่ต้นโตถึงขนาดให้ผลผลิตแล้วก็ยังต้องมีไม้อื่นแซมแทรกอยู่ เพียงแต่ไม่ต้องบังแสงแดดแล้วเท่านั้น......ลงมือปลูกต้นกล้าลองกอง-ลางสาดแล้วไม้พี่เลี้ยงบังแสงแดดได้ไม่ดีก็ให้ใช้ทางมะพร้าวช่วยบังแดดเสริม
* ต้นที่ปลูกโดยเพาะเมล็ดทำให้ได้ระบบรากแก้วดีมากแต่เมื่อโตขึ้นจะสูงชะลูด การแตกกิ่งข้างน้อยส่งผลให้มีตำแหน่งออกดอกติดผลน้อยไปด้วย แก้ไขโดยปลูกด้วยกิ่งตอนหรือกิ่งทาบที่ไม่มีรากแก้วหรือมีแต่รากฝอยก่อนแล้วเสริมรากด้วยต้นที่มีรากแก้ว 1-2 ต้น
* เป็นพืชระบบรากตื้นหากินบริเวณผิวหน้าดิน ช่วงอายุต้น 1-3 ปีแรกควรพรวนดินโคนต้น 1-2 ครั้ง/ปี หลังจากต้นโตให้ผลผลิตแล้วไม่ควรพรวนดินโคนต้นแต่ให้ใช้วิธีการพูนดินล่อรากแทน
* ลางสาดมีระบบรากค่อนข้างแข็งแรง จำนวนมาก และหาอาหารเก่ง แต่ลองกองมีระบบรากไม่สู้แข็งแรง จำนวนไม่มากและหาอาหารไม่เก่งนัก จึงให้ปลูกลูกู หรือลางสาด
แบบเพาะเมล็ดก่อนแล้วเปลี่ยนยอดเป็นลองกอง
* ธรรมชาติลองกอง-ลางสาดช่วงอายุต้น 1-2 ปีแรก (ยังไม่ให้ผลผลิต) จะเจริญเติบโตทางสูงมากกว่าทางข้าง โดยลำต้นประธานจะแตกกิ่งข้างและเมื่อกิ่งข้างนั้นโตขึ้นก็จะเจริญทางสูงมากว่าทางข้างเหมือนกัน ระยะนี้ยังไม่ควรตัดแต่งกิ่งข้างแต่ปล่อยให้ต้นแตกกิ่งอย่างอิสระไปก่อน จนกระทั่งเริ่มให้ผลผลิตปีแรกหรือเห็นว่าต้นโตพร้อมที่จะให้ผลผลิตแล้วจึงตัดแต่งกิ่งที่เจริญทางสูงนั้นออก คงเหลือไว้ประมาณ 3-5 กิ่ง/ต้น กระจายรอบทิศทาง กิ่งล่างสุดชิดพื้นควรสูงจากพื้น 50-80 ซม.ทำให้เหลือต้นเป็นลำเปล้าเดี่ยวๆซึ่งจะช่วยให้การลำเลียงน้ำเลี้ยงไปยังส่วนต่างๆของต้นดีขึ้น
* วิธีปลูกแบบระยะชิดแล้วควบคุมขนาดทรงพุ่มไม่ให้เจริญทางสูงด้วยพาโคลบิวทาโซล อัตรา 1.5 กรัม/ต้น หรือใช้ทั้งวิธีราดสารพาโคลบิวทาโซลควบคู่กับการควั่นกิ่งปีละครั้ง/กิ่ง ก็สามารถควบคุมขนาดทรงพุ่มได้เช่นกัน การราดสารพาโคลฯ และการควั่นกิ่งไม่ส่งผลเสียต่อการออกดอกและคุณภาพของผลผลิต
* ออกดอกติดผลที่ลำต้นและใต้ท้องกิ่งแก่อายุ 2 ปีขึ้นไป ต้นที่สมบูรณ์มากๆก็อาจจะออกดอกติดผลที่ใต้ท้องกิ่งอายุปีเดียวได้ การออกดอกจะออกแบบทยอยซึ่งอาจใช้ระยะเวลานานถึง 2 เดือนจึงครบทุกตาดอก แต่ในต้นที่มีความสมบูรณ์สูงจะออกดอกได้นานกว่า 2 เดือนจนถึงออกดอกได้ตลอดปีแบบไม่มีรุ่น และฤดูกาลเลยได้
* ลองกอง-ลางสาด ที่อั้นตาดอกดีแต่เปิดตาดอกแลฃ้วไม่ออกดอก ให้เพิ่ม ”แคลเซียม โบรอน + สาหร่ายทะเล” สลับ 1-2 รอบ จะช่วยให้ออกดอกได้ดี
* ออกดอกทั้งเป็นช่อเดี่ยวและเป็นกระจุก บางครั้งออกมาเป็นช่อเดี่ยวก่อนแล้วมีช่อชุดหลังออกตามมาอีกจนเป็นกระจุก ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้น......แต่ละกระจุกมีตั้งแต่ 5-20 ช่อ
* การมีดอกจำนวนมากและเป็นดอกต่างรุ่นกัน ทำให้ยุ่งยากอย่างมากต่อการบำรุง ทั้งช่วงที่ยังเป็นดอกและช่วงที่พัฒนาเป็นผลแล้ว จึงจำเป็นต้องตัดแต่งช่อดอกออกบ้าง โดยเลือกตัดทิ้งช่อดอกก้านสั้น, ช่อดอกไม่สมบูรณ์ก้านเรียวเล็กหรือคดงอ, ช่อดอกที่เกิดในง่ามกิ่ง, ช่อดอกชี้ขึ้นหรือเกิดที่ด้านบนของกิ่ง, ช่อดอกที่เกิดปลายกิ่ง ..........ใน 1 กระจุกควรมีช่อดอก 2-4 ช่อ และห่างจากช่อข้างเดียงไม่น้อยกว่า 20-30 ซม.เพื่อให้ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ
* ดอกชุดที่ออกก่อน (เดี่ยวหรือกระจุก) มักสมบูรณ์กว่าดอกชุดที่ออกตามหลัง ดังนั้นเมื่อมีช่อดอกออกมาตามหลังจะต้องพิจารณาคุณลักษณะและตำแหน่งว่า จะมีโอกาสได้รับน้ำเลี้ยงอย่างเพียงพอหรือไม่ จากนั้นจึงเลือกตัดทิ้งหรือเก็บไว้
* ในช่อที่มีผลจำนวนมาก แม้จะได้บำรุงยืดช่อแล้วผลก็ยังเบียดกันจนแน่นอยู่อีกก็ต้องซอยผลออกบ้าง ให้พิจาณาผล 2-3 ผลแรกที่โคนก้านช่อ ถ้าอยู่ชิดกับกิ่งมากให้ตัดออกเพราะผลเหล่าเมื่อโตขึ้นจะเบียดกับกิ่งจนทำให้ก้านช่อขาดได้ ส่วนผลอื่นๆที่อยู่ภายในช่อให้พิจาณาตัดผลที่เล็กกว่าออกเพราะผลแบบนี้นอกจากจะโตไม่ทันผลใหญ่แล้วยังกีดขวางการขยายตัวของผลใหญ่ให้เสียรูปทรงอีกด้วย
* ถ้าผลในช่อเบียดกันมากจนไม่สามารถตัดผลใดผลหนึ่งออกได้เพราะอาจจะกระทบกระเทือนผลใหญ่ข้างเคียง ให้ปลายเข็มแทงผลที่ต้องการตัดออก เมื่อผลมีแผลจะมียางไหลออกมา ประมาณ 7-10 วัน ผลนั้นก็จะหลุดจากขั้วเอง
* ธรรมชาติของดอกลองกอง-ลางสาดจะเริ่มบานและผสมติดจากดอกที่โคนช่อก่อน แล้วจะผสมติดตามลำดับจนถึงปลายช่อ เมื่อดอกในช่อทุกดอกผสมติดจนพัฒนาเป็นหมดแล้ว ให้ตัดผลเล็กสุดที่ปลายช่อ 2-3 ผลออก จะช่วยให้ทุกผลที่เหลือในช่อนั้นแก่เก็บเกี่ยวได้ภายในระยะเวลาใกล้เคียงกันหรือเกือบพร้อมกัน
* ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ มีทั้งเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกันและผสมกันเองได้ ไม่จำเป็นต้องรับเกสรตัวผู้จากต่างดอกหรือต่างต้น ดอกที่ออกมาจึงสามารถพัฒนาเป็นผลได้ทั้งหมด ยกเว้นกรณีที่ต้นไม่สมบูรณ์เพราะขาดสารอาหาร หรือสภาพอากาศวิปริตอย่างรุนแรงเท่านั้น
* เกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างไม่สมบูรณ์เกิดจากขาดสารอาหาร/ฮอร์โมนหรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม (อากาศร้อนหรือฝนตกชุก) แล้วผสมกันแล้วพัฒนาเป็นผลจะเป็นผลไม่สมบูรณ์ ไม่โต รูปทรงบิดเบี้ยว
* ลองกอง-ลางสาดมักติดผลเป็นพวงจำนวนมากบนก้านช่อเพียงก้านเดียว ผลจึงเบียดกันทำให้เสียรูปทรง จึงควรบำรุงยืดก้านช่อให้ยาวขึ้นเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับผลแต่ละผลขยายตัวได้มากขึ้นด้วย จิ๊บเบอเรลลิน อัตรา 100 ซีซี./น้ำ 100 ล. โดยให้ครั้งแรกเมื่อช่อดอกยาว 2-3 ซม. ให้ครั้งที่สองเมื่อช่อดอกยาว 8-20 ซม. และให้ครั้งที่สามเมื่อดอกบานได้ 1 ใน 4 ของจำนวนดอกในช่อ........เนื่องจากดอกลองกอง-ลางสาดออกไม่พร้อมกันแต่จะทยอยออกนานถึง 2 เดือน อายุดอกจึงไม่เท่ากัน ดังนั้นการฉีดพ่นจิ๊บเบอเรลลินจึงต้องฉีดทีละช่อตามลำดับความพร้อมก่อนหลัง
* เปลือกต้นหรือกิ่งใหญ่ลองกอง-ลางสาดแห้งเป็นสะเด็ด (คุดทะราด) ให้ฉีดพ่นด้วยปุ๋ยน้ำชีวภาพบ่อยๆ ฉีดให้โชกจนเปียกทั่วลำต้นหรือกิ่งที่เป็นสะเก็ด จุลินทรีย์ในปุ๋ยน้ำชีวภาพจะช่วยย่อยสลายให้สะเก็ดบนเปลือกเหล่านั้นหลุดร่วงจนผิวเปลือกสะอาดได้ สะเก็ดเหล่านี้นอกจากเป็นแหล่งอาศัยของหนอนต่างๆ แล้วยังเป็นแหล่งสะสมเชื้อราอีกด้วย เมื่อไม่มีสะเก็ดหรือเปลือกสะอาดดี ตาดอกซึ่งอยู่ใต้เปลือกก็จะสมบูรณ์ดีไปด้วย
* ระยะพัฒนาของดอก.......ในช่อดอกเดียวกัน ดอกที่โคนช่อออกก่อนแล้วดอกอื่นๆจะออกตามจนสุดปลายช่อใช้เวลา 5 สัปดาห์ กว่าดอกปลายช่อจะออกมาได้ดอกโคนช่อซึ่งออกก่อนได้บานและผสมติดเป็นผลเรียบร้อยแล้ว ดอกจะบานอยู่นาน 3-5 วัน
* ระยะพัฒนาการของผล......ในต้นเดียวกัน เมื่อช่อดอกชุดแรกเริ่มออกมาแล้วช่อดอกชุดหลังจะออกตามมาติดต่อกันนาน 19 สัปดาห์ อายุผลตั้งแต่เริ่มติดถึงแก่เก็บเกี่ยวได้ 14 สัปดาห์ การที่ช่อดอกออกไม่พร้อมกันจึงทำให้ผลแก่เก็บเกี่ยวได้ไม่พร้อมกัน แก้ไขโดย ผลช่อไหนแก่ก่อนให้เก็บก่อนและผลช่อไหนแก่ทีหลังให้เก็บทีหลังหรือทยอยเก็บไปเรื่อยๆ ซึ่งต้องเก็บเกี่ยวประมาณ 3-5 รอบจึงหมดทั้งต้น
* การที่ผลลองกอง-ลางสาดในช่อเดียวกันแต่ต่างอายุกันถึง 5 สัปดาห์จึงทำให้ผลแก่ไม่พร้อมกัน แก้ไขโดยฉีดพ่น อีเทฟอน 20 ซีซี./น้ำ 100 ล. เมื่อผลเริ่มเปลี่ยนสีเปลือกจากสีเขียวเป็นสีเหลืองได้ 10-20 เปอร์เซ็นต์ โดยฉีดใส่ที่ช่อผลนั้นโดยตรง จะช่วยให้ผลแก่พร้อมกันทั้งช่อภายใน 2 สัปดาห์ การฉีดพ่นอีเทฟอน.จะไม่มีผลต่อการร่วงของผลเมื่อสุกหรือระหว่างขนส่งแต่อย่างใด
* หลังจากเก็บเกี่ยวลงมาแล้วปล่อยทิ้งให้ลืมต้น 1-3 วันจะได้รสชาติและกลิ่นดีขึ้น
* การที่ผลลองกอง-ลางสาดหลังจากเก็บเกี่ยวมาแล้วหลายวันมักร่วงจากขั้ว แก้ไขโดยใช้ เอ็นเอเอ. 40 ซีซี./น้ำ 100 ล. ฉีดพ่นใส่ช่อผลโดยตรงช่วงที่เปลือกผลเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองหมดทั้งช่อแล้ว จะช่วยให้ลองกอง-ลางสาดอยู่บนแผงจำหน่ายโดยผลไม่หลุดจากขั้วนาน 20-30 วัน........ในช่อที่ไม่ได้ฉีดพ่นเอ็นเอเอ.ผลมักหลุดจากขั้วเร็วหรือฝากแผงได้นานไม่เกิน 10 วัน
ข้อแตกต่างระหว่างลองกองกับลางสาด :
ผล : เปลือกลองกองหนากว่าลางสาด, สีเปลือกลองกองเหลืองซีดแต่ลางสาดสีเหลืองสดใส, เนื้อลองกองขาวไสแต่เนื้อลางสาดขาวขุ่น, ผลลองกองมีจุกแต่ผลลางสาดกลมเรียบ, เมื่อสุกเปลือกลองกองไม่มียาง และเปลือกล่อนจากเนื้อดีแต่เปลือกลางสาดมียางขาวขุ่นและเปลือกล่อนจากเนื้อไม่ดี, เมื่อสุกลองกองเนื้อแห้งแต่ลางสาดฉ่ำน้ำ, ลองกองมีจำนวนเมล็ดน้อยกว่าลางสาด ลองกองบางผลไม่มีเมล็ดเลย, ช่อผลลองกองยาวกว่าลางสาด, ความหวานลองกอง 16-19 ความหวานลางสาด 15-16 องศาบริกซ์.
ใบ : ใบลองกองมีคลื่นใหญ่ร่องลึกแต่ใบลางสาดค่อนข้างเรียบ, ใบลองกองขมจัดแต่ใบลางสาดไม่ขม.
สายพันธุ์
ลางสาด : ลางสาดสาวอ. ลางสาดปาดี.
ลองกอง : ลองกองแห้ง. ลองกองน้ำ. ลองกองแปแมร์หรือแกแลแม.
ลองกองเทียม : เกิดจากลองกองผสมกับลางสาด ร่องน้ำตาที่ใบตื้น ใบไม่เป็นมันวาวเหมือนลองกอง แต่ทรงพุ่มและการออกดอกติดผลเหมือนลองกอง ผลแก่จัดรสหวานสนิท
การขยายพันธุ์
ตอน.ทาบกิ่ง. เพาเมล็ด(กลายพันธุ์). เพาะเมล็ดเสริมรากเสียบยอด(ดีที่สุด)
ระยะปลูก
- ระยะปกติ 6 X 6 ม. หรือ 8 X 8 ม.
- ระยะชิด 4 X 4 ม. หรือ 4 X 6 ม.
- ปลูกแซมแทรกในไม้ผลอื่นๆ (ไม้พี่เลี้ยง) ให้พิจารณาตามความเหมาะสม
เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ
- ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม +มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา(แห้งเก่าข้ามปี)ปีละ 2 ครั้ง
- ให้ยิบซั่มธรรมชาติ ปีละ 2 ครั้ง
- ให้กระดูกป่น ปีละ 1 ครั้ง
- คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่มล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
หมายเหตุ :
- การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่ ปลาสด เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชายเขตทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องหลายๆปีจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้นตอน
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตกใบอ่อน ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่ การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาดของเชื้อราได้
- ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง
เตรียมต้น
ตัดแต่งกิ่ง :
ต้นเล็กยังไม่ให้ผลผลิต :
ตัดทิ้งกิ่งที่ไม่เหมาะสมต่อการออกดอกติดผล เช่น กิ่งมุมแคบ กิ่งเรียวเล็กหรือกิ่งหางหนู กิ่งชี้เข้าในทรงพุ่ม กิ่งชี้ลง กิ่งไขว้
ต้นโตให้ผลผลิตแล้ว :
ตัดทิ้งกิ่งฉีดหัก กิ่งเป็นโรค กิ่งแห้งตาย กิ่งหางหนู กิ่งที่มีกาฝาก
ทั้งนี้ลักษณะโครงสร้างต้นลองกอง-ลางสาดที่ดีควรมีใบด้านนอกทึบแต่ด้านในโปร่ง ดังนั้นการเลือกตัดกิ่งออกกับคงเหลือกิ่งไว้ต้องคำนึงถึงช่วงที่ติดผลในภายหน้าด้วย นิสัยการออกดอกของลองกองไม่จำเป็นต้องกระทบหนาว แต่การตัดแต่งกิ่ง-เรียกใบอ่อนช่วงต้นหน้าฝนจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์เต็มที่ดีกว่าการตัดแต่งกิ่งในช่วงอื่น
ตัดแต่งราก :
- ระยะต้นอายุยังน้อยไม่ควรตัดแต่งราก แต่ถ้าต้องการสร้างรากใหม่ให้มีประสิทธิภาพในการหาอาหารดียิ่งขึ้นใช้วิธีล่อรากด้วยการพูนโคนต้นด้วยดิน 3 ส่วนกับอินทรีย์วัตถุ 1 ส่วน
- ต้นอายุหลายปี ระบบรากเก่าและแก่มาก ให้พิจารณาตัดแต่งรากส่วนปลายออก 1 ใน 4 ด้วยการพรวนดินรอบทรงพุ่มลึก 10-15 ซม. หลังจากให้ฮอร์โมนบำรุงรากไปแล้วต้นจะแตกรากใหม่จำนวนมากขึ้นและมีประสิทธิภาพในการดูดซับสารอาหารได้ดีกว่าเดิม
หมายเหตุ :
ลองกอง เป็นผลไม้ในสกุลเดียวกับลางสาดและดูกู มีถิ่นกำเนิดที่หมู่เกาะมลายู อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และตอนใต้ของไทย ลองกองเป็นผลผลิตที่ให้คุณภาพดีกว่าลางสาดและดูกู มีเมล็ดน้อยหรืออาจจะไม่มีเมล็ด ลองกองแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิดคือ
1. ลองกองแห้ง ผลสุกเนื้อใสเป็นแก้ว เนื้อแห้ง หวาน มีกลิ่นหอม ส่วนเปลือกหนามีสีเหลืองคล้ำและไม่มียาง
2. ลองกองน้ำ ผลสุกเนื้อค่อนข้างฉ่ำน้ำ สีเปลือกเหลืองสว่างกว่า
3. ลองกองปาลาแมหรือลองกองแปร์แมร์ ผลสุกเนื้อนิ่ม กลิ่นไม่หอมเหมือนลองกองน้ำ เปลือกบางและมียางเล็กน้อย
การเลือกซื้อลองกอง
o ควรชิมก่อนว่าหวานหรือไม่
o เลือกลองกองผิวเรียบ ไม่มีรอยด่างดำมากเกินไป และควรมีขนาดผลใกล้เคียงกัน
o ผลลองกองจะมีลักษณะใกล้เคียงกับลางสาด ให้สังเกตผิวเปลือก ลางสาดผิวจะมันและเรียกว่าผลลางสาดจะเล็กกว่าลองกอง หากแกะเปลือกออกจะมียางสีขาว ๆ แต่ลองกองจะไม่มียาง
ประโยชน์จากลองกอง
o ประโยชน์ ลองกองเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินบีและฟอสฟอรัส มีสรรพคุณ ในการลดความร้อนที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย การทานลองกองเป็นประจำ จะช่วยป้องกันอาการร้อนในภายในช่องปากได้ด้วยลองกอง (Long Kong) ชื่อวิทยาศาสตร์Aglaia Dookkou Griff. Family :Meliaceae
ลองกอง เป็นผลไม้ในสกุลเดียวกับลางสาดและดูกู มีถิ่นกำเนิดที่หมู่เกาะมลายู อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และตอนใต้ของไทย ลองกองเป็นผลผลิตที่ให้คุณภาพดีกว่าลางสาดและดูกู มีเมล็ดน้อยหรืออาจจะไม่มีเมล็ด
ลองกองแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ
1. ลองกองแห้ง ผลสุกเนื้อใสเป็นแก้ว เนื้อแห้ง หวาน มีกลิ่นหอม ส่วนเปลือกหนามีสีเหลืองคล้ำและไม่มียาง
2. ลองกองน้ำ ผลสุกเนื้อค่อนข้างฉ่ำน้ำ สีเปลือกเหลืองสว่างกว่า
3. ลองกองปาลาแมหรือลองกองแปร์แมร์ ผลสุกเนื้อนิ่ม กลิ่นไม่หอมเหมือนลองกองน้ำ เปลือกบางและมียางเล็กน้อย