ผู้ส่ง |
ข้อความ |
kimzagass |
ตอบ: 19/10/2011 9:21 pm ชื่อกระทู้: |
|
การวิจัยเพื่อคัดเลือกพันธุ์มะขามป้อม Clone Selection of Emblic (Phyllanthus emblica)
มะขามป้อมมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Phyllanthus emblica L. อยู่ในตระกูล Euphorbiaceae ชื่ออื่นๆเช่น emblic, emblic myrobalan, aonla, amla, emblique, officinale, bilimbi madras, myrobalan emblique เป็นพืชท้องถิ่นมีการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติอย่างกว้างขวางตั้งแต่ บริเวณประเทศเนปาล อินเดีย ศรีลังกาถึงประเทศในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และขึ้นไปจนถึงประเทศจีนตอนใต้ นอกจากนี้ยังมีการปลูกเป็นการค้าในประเทศจีน อินเดีย มอริเชียส หมู่เกาะอินเดียตะวันตก ตามธรรมชาติจะพบมะขามป้อมบริเวณป่าเบญจพรรณแล้ง ป่าละเมาะหรือตามป่าชุมชน ชอบดินลูกรังหรือดินปนทราย มะขามป้อมเป็นพืชที่ตอบสนองต่อช่วงแสงคือจะออกดอกที่ช่วงวันยาว (12 ถึง 13.5ชั่วโมง) เราสามารถพบมะขามป้อมตามธรรมชาติได้ในบริเวณพื้นที่ตั้งแต่ระดับน้ำทะเลไปจนถึงพื้นที่สูงถึง 1,500 เมตร มะขามป้อมมีการเจริญเติบโตช้ามากโดยต้นจากการเพาะเมล็ดจะให้ผลผลิตครั้งแรกเมื่อต้นมีอายุประมาณ 8 ปี
ในประเทศไทยพบว่ามะขามป้อมจะมีช่วงการให้ผลผลิตแตกต่างกันไปตามสภาพท้องถิ่น จากผลการสำรวจพบว่าในเขตภาคใต้ช่วงการให้ผลผลิตจะอยู่ในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนและบนดอยสูงที่หนาวเย็นของเชียงใหม่จะเก็บผลได้ในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม อย่างไรก็ตามก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างในแต่ละปี
แต่ก็นับเป็นข้อได้เปรียบที่เราสามารถเก็บเกี่ยวผลมะขามป้อมได้เป็นช่วงเวลาที่นานถึงประมาณ 6 เดือน
ในประเทศไทยเราผลผลิตมะขามป้อมที่บริโภคกันอยู่ส่วนใหญ่หรือเรียกได้ว่าทั้งหมดเก็บรวบรวมจากป่าธรรมชาติ การเก็บผลปะปนกันมาจากหลายต้นหลายแหล่งทำให้ไม่สามารถควบคุมปริมาณหรือคาดเดาปริมาณผลผลิตแต่ละปีได้ และก็ทำให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพ ไม่ทราบปริมาณสารสำคัญในผลซึ่งเป็นตัวกำหนดคุณภาพของผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะการนำไปผลิตเป็นอาหารเพื่อสุขภาพหรือผลิตภัณฑ์ยา
ในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม การเก็บเกี่ยวผลผลิตจากป่ามาบริโภคหรือนำมาจำหน่ายเป็นวิถีชีวิตที่ไม่น่าจะยั่งยืน นอกจากจะเสี่ยงต่อการใช้ประโยชน์จากป่าแบบเกินกำลังผลิตแล้ว การเก็บเกี่ยวแบบไม่ถูกวิธี ขาดการอนุรักษ์ บำรุงรักษายังอาจส่งผลต่อการเปลี่ยน แปลงของระบบนิเวศ และที่สำคัญอาจเสี่ยงต่อความผิดฐานบุกรุกป่าโดยไม่ตั้งใจ
มะขามป้อมเป็นผลไม้ตามธรรมชาติที่มีการใช้ประโยชน์ด้านการเป็นอาหารเพื่อสุขภาพและเป็นยาสมุนไพรในประเทศต่างๆ ที่มีการแพร่กระจายของมะขามป้อมมาช้านานแล้วรวมถึงประเทศไทยด้วย ปัจจุบันในสหรัฐอเมริกามีการจดสิทธิบัตรการใช้มะขามป้อมเป็นส่วนประกอบในยาบางตัวไปบ้างแล้ว
ผล : แก้ไอ ละลายเสมหะ กระตุ้นน้ำลาย แก้เจ็บคอ คอแห้ง คอตีบ
ใบ : แก้โรคผิวหนัง ผื่นคัน แผลมีหนองเรื้อรัง บิดจากแบคทีเรีย
เปลือก : รักษาบาดแผล แผลฟกช้ำ บิด
ราก : แก้ร้อนใน ท้องเสีย ลดความดัน รักษาโรคเรื้อน
ปมที่ก้าน : แก้ปวดกระเพาะอาหาร ปวดท้องน้อย ปวดเมื่อยในกระดูก ปวดฟัน ไอ ไส้เลื่อน
ในอินเดียใช้ประโยชน์จากใบ เปลือกและผลในอุตสาหกรรมฟอกย้อมเนื่องจากมีสารแทนนินสูง
ปัจจุบันมะขามป้อมกำลังเป็นที่จับตามองในแง่อุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ เครื่อง สำอางและยาสมุนไพร มีการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปมากมาย เช่น น้ำมะขามป้อม มะขามป้อมแช่อิ่ม มะขามป้อมดอง มะขามป้อมผง เครื่องสำอางบำรุงผิวและยอมผม เป็นยาสมุนไพรแก้ไอและเจ็บคอเป็นต้น
คุณสมบัติที่สำคัญในผลมะขามป้อมคือการมีวิตามินซีและแทนนินสูง ผลมะขามป้อมมี vitamin C สูงมาก ปริมาณ vitamin C ในแต่ละต้นจะแตกต่างกันออกไป รายงานบางฉบับกล่าวว่า น้ำคั้นจากผลมะขามป้อม 100 กรัมจะมี vitamin C อยู่ถึง 600 ถึง 1,000 มิลลิกรัม
vitamin C จากมะขามป้อมมีประสิทธิภาพเหนือกว่า vitamin C จากการสังเคราะห์ประมาณ 12 เท่า วิตามินซีสามารถทำหน้าที่จับอนุมูลอิสระในเซลล์ที่เป็นของเหลว ป้องกันเซลล์จากการถูกอนุมูลอิสระทำลาย อนุมูลอิสระเกิดมาจากทั้งภายนอกและภายในร่างกาย ได้แก่ มลพิษในอากาศ ควันบุหรี่ แสงแดด รังสีแกมมา คลื่นความร้อน ส่วนที่มาจากภายในร่างกายก็เกิดจากกระบวนการเผาผลาญของออกซิเจนภายในเซลล์หรือเกิดจากการย่อยทำลายเชื้อแบคทีเรียของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย อนุมูลอิสระทำปฏิกิริยาโยงใยในร่างกายได้มากมาย ก่อให้เกิดการอักเสบ กาทำลายเนื้อเยื่อ เกิดต้อกระจกในผู้สูงอายุ เนื้องอก โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด
รายงานของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ รัฐแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกาพบว่า vitamin C อาจสามรถฆ่าเซลล์มะเร็งได้หลังจากทดลองกับหนูสำเร็จและอยู่ระหว่างทดลองกับมนุษย์ ซึ่งสอดคล้องกับนักวิจัยในอังกฤษที่เคยมีรายงานไว้ นอกจากมี vitamin C สูงแล้วมะขามป้อมยังมี tannin อยู่ทุกส่วนของต้น โดยเฉพาะที่ผลมี tannin พวก gallotannins และ ellagitannins (ellagic tannin) ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยรักษาความเสถียรของ vitamin C ให้คงคุณภาพได้นาน แม้จะถูกแปรรูปโดยการดองหรือทำผง
ผลดิบของมะขามป้อมมี tannin สูง 8-35 % ในขณะที่เปลือกมี tannin 8-24 % ส่วนที่ใบมีอยู่ประมาณ 22-28 %
tannin ในมะขามป้อมเป็นสารสำคัญที่เป็นยารักษาโรคต่างๆ เช่น โรคในระบบหายใจ ระบบทางเดินอาหาร แผลในลำไส้ ลดไขมันและน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต( Institute for Traditional Medicine, Portland )
การมี vitamin C และแทนนินมากทำให้ผลมะขามป้อมมีคุณสมบัติทางยามากมาย ซึ่งคงจะต้องมีการศึกษาวิจัยกันอีกมาก สอดคล้องกับบทสรุปในการระดมความคิดเห็นของนักวิจัยและองค์กรด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตร ที่ให้มุ่งเน้นกระบวนการเกษตรอินทรีย์เป็นหลักและหาแนวทางวิจัยเกี่ยวกับการเพิ่มสารอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระและสารพฤกษเคมีต่างๆจากผลผลิตเกษตร
สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบนิเวศเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งมีวิสัยทัศน์ ค้นคว้าและพัฒนาระบบเกษตรอย่างยั่งยืน ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม พร้อมบริการวิชาการ สืบสานภูมิปัญญาไทย ได้เล็งเห็นความสำคัญของงานวิจัยและพัฒนาการผลิตมะขามป้อมเพื่อการใช้ประโยชน์จากมะขามป้อมในอนาคตให้เป็นไปอย่างมีทิศทาง เป็นระบบสามารถเชื่อมโยงและร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆได้ โดยปัจจุบันได้จัดทำโครงการวิจัยเพื่อสำรวจและคัดเลือกสายพันธุ์มะขามป้อมจากแหล่งธรรมชาติต่างๆ เพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่มีคุณภาพดี มีสารสำคัญที่เป็นประโยชน์สูงและมีคำแนะนำในการปลูกเลี้ยงที่ดี ขณะเดียวกันก็วิจัยเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ด้านอาหารเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางรูปแบบต่างๆ เพื่อสร้างทางเลือกทางการตลาดให้มากขึ้นเกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมมะขามป้อมครบวงจร แม้กระทั่งการผลิตยารักษาโรคโดยใช้
สารสกัดจากมะขามป้อมก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการทราบชนิดและปริมาณสารสำคัญในผลมะขามป้อมที่นำมาเป็นวัตถุดิบ
ปัจจุบันได้ดำเนินการสำรวจและเก็บตัวอย่างมะขามป้อมจากแหล่งธรรมชาติที่มีการกระจายพันธุ์หนาแน่น วิเคราะห์คุณภาพผลผลิต คัดเลือกและจัดทำแปลงรวบรวมสายพันธุ์มะขามป้อมไว้ ณ สถานีวิจัยสิทธิพรกฤดากร บ้านบางเบิด อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อศึกษาในโครงการการศึกษาและคัดเลือกพันธุ์และการผลิตมะขามป้อมเพื่ออุตสาหกรรมโดยมีสายพันธุ์ที่มี vitamin C สูง น่าสนใจ คือ K 1, K 3, K 5, P 6, P 7, P 8, B 14, B 15 (K จากแหล่งกาญจนบุรี P จากแหล่งประจวบคีรีขันธ์ B จากแหล่งบุรีรัมย์)
คณะผู้วิจัย :
นคร เหลืองประเสริฐ1 นวลปรางค์ ไชยตะขบ2 สุดประสงค์ สุวรรณเลิศ3 และนิภา เขื่อนควบ3
หน่วยงาน :
1ศูนย์ค้นคว้าและพัฒนาระบบนิเวศเกษตร2สถานีวิจัยกาญจนบุรี 3สถานีวิจัยสิทธิพรกฤดากร
สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบนิเวศเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
โทร. 08-1850-7706
http://www.rdi.ku.ac.th/kasetresearch52/04-plant/nakorn/plant_00.html |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 19/10/2011 9:11 pm ชื่อกระทู้: |
|
พาชม โรงงานมะขามป้อม อินเดีย...
คมสรัญญี
สวนมะขามป้อม มีให้เห็นทั่วเมือง ตามสองข้างทางเส้นทาง Sultanpur- Pratapgah U.P. India
ที่เมือง Pratapgrah รัฐยู.พี ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นเมืองที่มีการปลูกมะขามป้อมน่าจะกล่าวได้ว่า ลูกใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ สองปีก่อนได้เขียนเรื่องมะขามป้อมอินเดียที่ลูกโตขนาดใหญ่กว่าผลมะนาว และจากนั้นก็มีญาติโยมติดต่อสอบถามกันมากมาย บางรายก็อยากจะทำธุรกิจนำเข้ามะขามป้อมกันเลยทีเดียว จึงได้บอกคนอินเดียที่พอไว้ใจได้ให้ติดต่อประสานงานเพื่อการนำเข้าอีกไม่นานคงมีมะขามป้อมนำเข้าจากอินเดียได้ลองรับประทานกัน พอดีว่า เมื่อวานวิ่งรถผ่านเส้นทางจากพาราณสี - สาวัตถี เหลือไปเห็นป้ายเมืองPratapgagh ระยะทาง ๓๕ กิโลเมตรเท่านั้นเองก็เลยบอกคนขับให้แวะเพื่อแวะไปดูป่ามะขามป้อมและโรงงานมะขามป้อม มีโอกาสเข้าชมภายในโรงงานผลิตมะขามป้อมแปรรูปแห่งนี้ อย่างน้อยว่าด้วยเรื่องมะขามป้อม ก็มีพระพุทธพจน์ตรัสเปรียบสัณฐานของโลกมีลักษณะคล้ายผลมะขามป้อม ตรัสว่าโลกมีลักษณะกลมก่อนที่นักวิทยาศาตร์จะค้นพบเป็นพัน ๆ ปีเสียอีก และพระพุทธองค์ก็ทรงอนุญาตให้พระสงฆ์ฉันมะขามป้อมเป็นยามกาลิก คือฉันเป็นยาได้ตลอดเวลาก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับมะขามป้อมพอสมควร อินเดียถือว่ามะขามป้อมคือหนึ่งในสมาชิกครัวเรือนเลยทีเดียวเพราะมะขามป้อม เป็นยารักษาโรคต่าง ๆ ได้หลายอย่าง เอ็นทรีเกี่ยวกับมะขามป้อม http://www.oknation.net/blog/mylifeandwork/2009/01/02/entry-2
Indiaca Amla เจ้าของโรงงานMr.Aloke Kandelwal บอกว่า มีความสุขที่ได้ผลิตมะขามป้อมเพราะไม่ใช่เรื่องธุรกิจอย่างเดียวแต่มีความสุขเพราะได้ช่วยให้คนที่ทานมะขามป้อมมีสุขภาพที่ดีด้วย แต่ละปีโรงงานผลิตมะขามป้อมได้มากกว่าปีละ ๕๐๐ ตัน มะขาป้อมออกผลช่วงเดือน ตุลาคม -กุมภาพันธ์ของทุกปี โรงงานนี้มีแปรรูปมะขามป้อม ทั้งแบบแช่อิ่ม อบแห้ง น้ำดอง ผงมะขามป้อม สารพัดรูปแบบ ตามภาพด้านล่างนี้
กระบวนการแพคกิ้่ง...หลังจากแปรรูปแล้ว
มีส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย เช่น เคนาดา และออสเตรเลียด้วย
กรรมวิธีการผลิตก็สะอาด ตามมาตรฐานอินเดีย
ถังดองมะขามป้อม ใช้เวลา ๒๔ เดือนเต็ม กว่าจะได้มะขามป้อมแช่อิ่มเต็มรส
มะขามป้อมที่ผ่านการแช่อิ่มเสร็จแล้วพร้อมเข้าบรรจุ
Mr.Aloke Kendalwal เจ้าของโรงงานบอกว่า ทำธุรกิจนี้เพราะมีความสุขใจได้ช่วยให้คนสุขภาพดี
http://www.oknation.net/blog/mylifeandwork/2011/05/25/entry-1 |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 19/10/2011 7:26 pm ชื่อกระทู้: |
|
มะขามป้อมยักษ์อินเดีย
จากผลงานวิจัยจากหลายประเทศพบตรงกันว่ามะขามป้อมจัดเป็นผลไม้ที่มีปริมาณของสารแทนนินสูงเป็นชนิดที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านอนุมูลอิสระต้านสารก่อมะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง กำจัดสารพิษจากโลหะหนักออกจากร่างกายและในผลของมะขามป้อมมีปริมาณวิตามินซี สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น ๆ
วิตามินซีที่พบอยู่ในผลมะขามป้อมมีมากที่สุดในโลกเมื่อเปรียบเทียบกับพืชทุกชนิด ที่สำคัญที่หลายคนมองข้ามและไม่รู้ก็คือ ในผลของมะขามป้อมจะมีสารป้องกันการเกิดออกซิไดซ์วิตามินซี ทำให้วิตามินซีคงตัวอยู่ได้นานในผลแห้งของมะขามป้อมที่เก็บไว้ในตู้เย็น ถ้าเก็บผลมะขามป้อมผลแห้งไว้ในตู้เย็นนาน 1 ปี จะเสียวิตามินซีไปเพียง 20% เท่านั้น คนอินเดียมีความเชื่อว่าถ้ารับประทานผลมะขามป้อมเป็นประจำ จะช่วยปรับสมดุลของร่างกายให้มีความพอเหมาะพอดี การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ ซึ่งเป็นผลต่อการป้องกันโรคได้
โดยปกติในบ้านเราจะพบเห็นผลมะขามป้อมที่มีขนาดของผลเล็กแต่ถ้าผลที่ใหญ่ที่สุดจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 3.5 เซนติเมตร พ.อ.อ.กิติ ชุ่มสกุล ชาวจังหวัดนครปฐม ได้มะขามป้อมมาจากแม่ชีท่านหนึ่งที่ไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย เมื่อนำมาปลูกและให้ผลผลิตแล้วพบว่ามีขนาดผลใหญ่มากมีเส้นผ่าศูนย์กลางของผลประมาณ 4.5-5.5 เซนติเมตร หรือประมาณ 2 นิ้วเศษ ผลอ่อนมีสีเขียวอ่อนเมื่อผลแก่สีของผิวจะ เปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลือง เนื้อมีสีขาวนวลคล้ายน้ำนม แต่ละผลจะมีกลีบแบ่งเป็น ช่วง ๆ 6 กลีบ เมื่อนำผลแก่มารับประทานสดจะมีรสฝาด (ความฝาดเกิดจากสารแทนนิน) อมเปรี้ยวและติดขมเล็กน้อย แต่เมื่ออมไว้สักครู่จะหวานชุ่มคอเมื่อดื่มน้ำตามลงไปจะยังหวานชุ่มคอเป็นเวลานาน แก้ไอและแก้กระหายน้ำได้ดีมาก
พ.อ.อ.กิติยังได้บอกถึงวิธีการปลูกและการขยายพันธุ์มะขามป้อมยักษ์อินเดียว่า ลักษณะการออกดอกและติดผลในธรรมชาติ เมื่อผ่านฤดูหนาวต้นมะขามป้อมจะผลัดใบ เมื่อถึงช่วงปลายเดือนธันวาคม ต้นจะเริ่มออกใบอ่อนพร้อมดอกและมีการติดผลหลายรุ่นกว่าจะเก็บผลหมดประมาณ ปลายเดือนตุลาคม ซึ่งมีอายุของการเก็บเกี่ยวจากเริ่มติดผลอ่อนจนถึงเก็บเกี่ยวผลผลิตใช้เวลา ประมาณ 7-8 เดือน
ในการขยายพันธุ์ถ้าเพาะด้วยเมล็ดจะต้องใช้เวลานานถึง 7-8 ปี กว่าต้นจะออกดอกและให้ผลผลิต แต่ถ้าขยายพันธุ์ด้วยวิธีการทาบกิ่งเมื่อนำไปปลูกจะ เริ่มให้ผลผลิตภายใน 1 ปี และเมื่อต้นมะขามป้อมยักษ์ มีอายุได้ 3-5 ปี จะให้ผลผลิต 50-80 กิโลกรัมต่อต้นต่อปี, เมื่ออายุต้น 5-7 ปี จะให้ผลผลิต 100-150 ต่อ ต้นต่อปีและเมื่อต้นมีอายุเกิน 20 ปีขึ้นไปจะให้ผลผลิตเฉลี่ยถึง 300-500 กิโลกรัมต่อต้นต่อปี
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=568&contentID=52129
http://www.phtnet.org/news53/view-news.asp?nID=113 |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 19/10/2011 7:21 pm ชื่อกระทู้: |
|
โทร.หา พ.อ.อ.กิตติ ชุ่มสกุล (081) 943-2231
ไร่ขิงพันธุ์ไม้ สามพราน นครปฐม อ้างชื่อลุงคิมได้เลย
. |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 19/10/2011 7:18 pm ชื่อกระทู้: |
|
มะขามป้อมยักษ์ อินเดีย ติดผลดกตลอดปี
มะขามป้อมยักษ์ ยังสามารถติดผลได้ทั้งปีและผลดกอีกด้วย สายพันธุ์นำเข้าจากอินเดียมีด้วยกัน 4 สายพันธุ์ กำลังเป็นที่นิยมในเวลานี้
โดย ปกติแล้วมะขามป้อมจะมีดอกและติดผลให้เก็บรับประทานและใช้ประโยชน์ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนเมษายนของทุกๆปี แต่ มะขามป้อมยักษ์ ที่แนะนำในคอลัมน์วันนี้เป็นสายพันธุ์นำเข้าจากประเทศอินเดียโดย คุณกิติ ชุ่มสกุล นักขยายพันธุ์ไม้ผลฝีมือดีคนหนึ่ง บ้านอยู่เลขที่ 37 หมู่ 4 ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม ด้วยวิธีเพาะเมล็ดจนเป็นต้นสูงกว่า 10 เมตร และติดผลดกเต็มต้น ผลมีขนาดใหญ่มากเส้นผ่าศูนย์กลางผลประมาณ 4-5 ซม. โตกว่าผลมะขามป้อมทั่วไปถึง 2 เท่า รูปทรงผลแป้นสวยงามมาก
ที่สำคัญ มะขามป้อมยักษ์ ยังสามารถติดผลได้ทั้งปีและผลดกอีกด้วย แตกต่างจากมะขามป้อมทั่วไปที่ติดผลเพียงปีละครั้งตามที่กล่าวข้างต้น คุณกิติ ชุ่มสกุล จึงตั้งชื่อใหม่ว่า มะขามป้อมยักษ์ พร้อมขยายพันธุ์นำเอากิ่งไปเสียบยอดกับตอมะขามป้อมไทย ทำให้มีระยะการปลูกเร็วขึ้น เพียง 10 เดือน สามารถมีดอกและติดผลได้ และนำกิ่งพันธุ์ออกจำหน่ายได้รับความนิยมจากผู้ปลูกอย่างแพร่หลาย
ซึ่ง มะขามป้อมยักษ์ สายพันธุ์นำเข้าจากอินเดียมีด้วยกัน 4 สายพันธุ์ คือ เบอร์ 1 ผลรูปทรงแป้นขนาดใหญ่ติดผลทั้งปี เบอร์ 2 ผลกลมมนก้นย้อย มีผลทะวายเล็กน้อย เบอร์ 3 ผลรูปทรงแป้นติดผลเพียงปีละครั้ง และเบอร์ 4 หรือ อินเดียจัมโบ้ ชนิดนี้เป็นสายพันธุ์ล่าสุด ผลจะมีขนาดใหญ่ยักษ์ตามที่กล่าวข้างต้น ติดผลดกทั้งปี กำลังเป็นที่นิยมในเวลานี้ (ตามภาพประกอบคอลัมน์)
มะขามป้อมยักษ์ มีชื่อวิทยาศาสตร์เหมือนกับมะขามป้อมทั่วไปคือ PHYLLANTHUS EMBLICA LINN. อยู่ในวงศ์ EUPHORBIA-CEAE เป็นไม้ยืนต้น สูง 8-12 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ออกสลับเป็นสองแถวในระนาบเดียวกัน ใบเป็นรูปขอบขนาน ปลายแหลม โคนมน ดอก ออกเป็นกระจุกตามซอกใบ ดอกแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน ดอกเป็นสีเหลืองนวล ผล ของ มะขามป้อมยักษ์ มีขนาดใหญ่กว่าผลมะขามป้อมทั่วไปถึง 2 เท่าตามที่กล่าวข้างต้น ผลเป็นสีเขียวอ่อน 1 ผล มี 1 เมล็ด ติดผลดกทั้งปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและเสียบยอด ใครต้องการกิ่งพันธุ์ มะขามป้อมยักษ์ ติดต่อ คุณกิติ ชุ่มสกุล ตามที่อยู่ข้างต้น หรือ โทร.0819432231 หรือไปชมต้นจริงได้ที่ งานวิชาการของกรมส่งเสริมการเกษตร, งานเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก และ งานเกษตรแฟร์ จัดขึ้นที่ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน กทม. ระหว่างวันที่ 2426 ส.ค. และวันที่ 26 ส.ค.3 ก.ย. ที่ร้าน ไร่ขิงพันธุ์ไม้ ราคาสอบถามกันเองครับ.
นายเกษตร
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
http://www.guipa.net/3254 |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 19/10/2011 5:37 pm ชื่อกระทู้: |
|
จาก : kimzagass
ถึง : moominoy
------------------------------------------------------------------------------------
ไม้ผล "ทะวาย" หมายถึง ไม้ผลที่ออกดอกติดผลมากกว่า 1 รุ่น/ปี..... ขยายความก็คือ ปกติไม้ผลจะออกดอกติดผลปีละ 1 รุ่น เสมอ แต่ถ้าไม้ผลชนิดเดียวกัน ออกดอกติดผลปีละ 2 รุ่น หรือออกปีละ 3 รุ่น หรือออกดอกติดผลตลอดปี แบบไม่มีรุ่นก็เรียกว่า "ทะวาย" เหมือนกัน
ไม้ผลที่ออกดอกติดผลตลอดปี แบบไม่มีรุ่นที่เห็นชัดที่สุด เช่น ส้ม (ส้มโอ. ส้มเขียวหวาน. ส้มาโชกุน. ส้มเช้ง. มะกรูด. มะนาว.) มะม่วงแม่ลูกดก. มะม่วงโชคอนันต์. มะกอกน้ำ.
ไม้ผลประเภทออกดอกติดผลง่ายเรียกว่า "พันธุ์เบา" มักออกปีละ 2 รุ่น แต่ไม่ออกตลอดปีแบบไม่มีรุ่น เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้. มะม่วงขาวนิยม. มะม่วงโชคอนันต์. มะม่วงแก้วลืมคอน. ทุเรียนหมอนทอง. .... ไม้ผลประเภทนี้ ถ้าบำรุงให้สารอาหาร "ครบสูตร" สม่ำเสมอ ก็สามารถออกดอกติดผลตลอดปี แบบไม่มีรุ่นได้ เหมือนกัน
ไม้ผลประเภทออกดอกติดผลปีละ 1 รุ่น หรือ 2 รุ่น โดยการบังคับด้วยฮอร์โมน เช่น ลำไย. มะม่วง. ทุเรียน.
ไม้ผลประเภทบังคับให้ออกดอกติดผลปีละ 1 รุ่น หรือ 2 รุ่น โดยการบังคับแบบ "ตัดแต่งกิ่ง" เช่น ฝรั่ง. น้อยหน่า. ชมพู่. พุทรา.
กรณี "มะขามป้อม" (คนละสกุลกันกับมะขามเปรี้ยว/มะขามหวาน....มะขามป้อม กับ มะขามเปรี้ยว/มะขามหวาน เสียบยอด-ทาบกิ่งกันไม่ได้)
เรื่อง "มะขามป้อมทะวาย" เรียนตามตรง ยังไม่เคยพบที่ไหน แล้วก็ไม่มีข้อมูลทั้งด้านวิชาการและประสบการณ์ตรงเลย
ไม่ได้หมายความว่า "คนขายโกหก" นะ บางครั้ง/บ่อยครั้ง "คนไม่รู้ ย่อมตกเป็นเหยื่อคนฉลาด" โดยเฉพาะ "ลูกค้าขาจร" อันนี้ต้องระวัง
"มะขามป้อมอินเดีย" ที่ไร่กล้อมแกล้มปลูกไว้ 1 ต้น วันนี้อายุต้นประมาณ 1 ปี สูง 2 ม.ครึ่งแล้ว ยังไม่ออกดอกติดผล คนที่ให้ (ไม่ได้ซื้อ) มา บอกว่า ลูกใหญ่ขนาดลูกปิงปอง ก็ว่ากันไป แต่ที่ปลูกไว้เพราะต้องการคำตอบสุดท้าย เท่านั้น
ปลูกไปเถอะ ขึ้นชื่อว่า "ต้นไม้" ดีทั้งนั้น ถ้าไม่เอาไว้ให้ลูกหลานดู ก็ช่วยลดโลกร้อน
มะขามป้อมก็คือ ต้นไม้/ต้นพืช เป็นไม้เมืองร้อน (มาจากอินเดีย) เหมือนมะม่วง มะนาว. มะพร้าว. ส้มโอ. ไชโยโห่ฮิ้ว..... ถ้าปัจจัยพื้นฐานสำหรับไม้ผลยืนต้นดี-เหมาะสม และได้รับสารอาหารกลุ่มเสริมการออกดอก (สังกะสี-โบรอน) สม่ำเสมอ แล้ว "เปิดตาดอก" ก็ออกดอกได้ ดอกออกมาแล้วก็บำรุงตามขั้นตอน (8 ขั้นตอน) จนถึงเก็บเกี่ยว ต่อเนื่องไปถึงรุ่นหน้า รุ่นต่อๆไป.....แล้วทุกอย่างจะดีเอง
บำรุงไม้ผลประเภทไม่มีข้อมูล ใช้ "สูตร UN" ซี่.....ง่ายดี ไม่ออกคือไม่ออก (ธรรมชาติ) ออกคือฟลุค (ไม่ใช่ฝีมือ) |
|
|
kimzagass |
|
|