ผู้ส่ง |
ข้อความ |
kimzagass |
ตอบ: 11/12/2011 7:00 pm ชื่อกระทู้: |
|
ธรรมชาติกุหลาบ :
- ชอบดินเหนียวมีอินทรีย์วัตถุ มากกว่า ดินร่วนมีอินทรีย์วัตถุ
- ชอบความชื้นน้อยๆ สม่ำเสมอ
- ชอบดินปลูกที่คลุมด้วยหญ้าไซ
- ตอบสนองต่อกระดูกป่น ดีมากๆ
- ต้องการแสงแดด 100%
- ต้นพันธุ์ดีระบบรากไม่ค่อยแข็งแรง แก้ไขด้วยการใช้ต้นพันธุ์พิ้นเมืองหรือกุหลาบ
ป่าเป็นตอ แล้วเปลี่ยนยอดเป็นพันธุ์ดี
- ในสภาพอุณหภูมิสูง (ร้อน/ภาคกลาง....15 วันออกดอก) ดอกเจริญเติบโตเร็ว
กว่าสภาพอุณหภูมิต่ำ (หนาว/ภาคเหนือ.....20 วันออกดอก)
เตรียมดิน-เตรียมแปลง :
- ไถดินตากแดด 15-20 วันแดดจัด เพื่อฆ่าเชื้อโรค
- ใส่ "ยิบซั่ม - กระดูกป่น -มูลไก่-มูลวัวเนื้อ" ปริมาณ 25% ของเนื้อดิน
- พรวนดินคลุกเค้าให้เนื้อดินกับอินทรีย์วัตถุเข้ากันดี
- ยกแปลง ให้สันแปลงสูง 50-80 ซม.
- คลุมหน้าดินสันแปลงด้วยหญ้าไซหนาๆ
- รดด้วย "ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 8-24-24 (เพิ่มไขกระดูก-มูลค้างคาว) 1-
2 ล./ไร่ ให้ 2 รอบ ห่างกันรอบละ 10-15 วัน เพื่อเป็นการบ่มดิน
- บ่มดินครบกำหนดแล้วนำต้นกล้าลงปลูก
หมายเหตุ :
การติดตั้งระบบสปริงเกอร์ ให้ติดตั้งสำหรับให้ทางรากเท่านั้น ไม่ควรให้ทางใบ เพราะ
ช่วงที่กุหลาบออกดอก หากดอกถูกน้ำจะทำให้กลีบดอกช้ำ หรือเสียหาย
การบำรุง :
ระยะต้นเล็ก :
ทางใบ :
- ให้ "น้ำ 20 ล. + ไบโออิ 20 ซีซี. + ยูเรีย จี. 1 ชต." ทุก 7 วัน
- ให้ "แคลเซียม โบรอน" เดือนละ 1 ครั้ง
- ฉีดพ่นสารสมุนไพรสูตรรวมมิตร ทุก 3-5 วัน ตอนเย็น
ทางราก :
- ให้ "น้ำ 100 ล. + ปุ่ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 + ยูเรีย จี. 200
กรัม" ฉีดพ่นโคนต้น ทั่วบริเวณทรงพุ่ม ตอนเย็น ทุก 10-15 วัน
- ให้น้ำ ทุก 3-5 วัน ช่วงหน้าแล้ง
ระยะต้นให้ดอกแล้ว :
ทางใบ :
- ให้ "น้ำ 20 ล. + UN (ไบโออิ-ยูเรก้า-ไทเป...อย่างละ 10 ซีซี.) ทุก 5-7 วัน
- ให้แคลเซียม โบรอน 20 วัน/ครั้ง
- ฉีดพ่นสารสมุนไพรสูตรรวมมิตร ทุก 3-5 วัน ตอนเย็น
ทางราก :
- ให้ "น้ำ 100 ล. + ปุ่ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 8-24-24 (เน้นไขกระดูก/1-2
ล.)/ไร่" ฉีดพ่นโคนต้น ทั่วบริเวณทรงพุ่ม ตอนเย็น ทุก 10-15 วัน
- ให้น้ำ ทุก 3-5 วัน ช่วงหน้าแล้ง
หมายเหตุ :
- การฉีดพ่นน้ำ (ทุกชนิด) ทางใบ ต้องระวังดอกที่โตแล้วจะได้รับความกระทบ
กระเทือน
- กุหลาบเป็นพืชที่ออกดอกได้ตลอดทั้งปีแบบไม่มีฤดูกาล หลังตัดแต่งกิ่งแตกยอด
ได้ยอดยาวแล้วออกดอกเอง โดยไม่ต้องเปิดตาดอก
- หลังตัดแต่งกิ่งแล้ว กุหลาบภาคกลาง ช่วงหน้าร้อนจะออกดอกใน 15 วัน แต่ถ้า
เป็นกุหลาบภาคเหนือ อากาศเย็นกว่า จะออกดอกใน 20 วัน หลังตัดแต่งกิ่งเสมอ
บำรุงกุหลาบให้ออกวันวาเลนไทน์ :
**** บำรุงเรียกก้านดอก.....ให้ "น้ำ 20 ล. + ไบโออิ 20 ซีซี. + จิ๊บเบอเรล
ลิน 20 ซีซี." หลังตัดแต่งกิ่ง ทุก 3-5 วัน จนกว่าจะได้ขนาดยาวกิ่งตามต้องการ
**** บำรุงเรียกดอก.........ให้ " น้ำ 20 ล. + ฮอร์โมนไข่ไทเป 20 ซีซี."
เมื่อได้ขนาดยาวของก้านดอกตามต้องการแล้ว 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 3-5 วัน
**** บำรุงเรียกก้านดอกยาว
- เลือกกิ่งกลางอ่อนกลางแก่ (กิ่งประธาน) โน้มกิ่งลงระนาบกับพื้น ยึดกิ่งกับหลัก
ให้มั่นคง ตัดปลายกิ่งที่รอยต่อระหว่างกิ่งแก่ (เปลือกสีเทา) กับกิ่งอ่อน (เปลือกสี
เขียว) ตัดกิ่งเล็กกิ่งน้อยด้านในออกให้หมด หรืออาจจะเหลือ 1-2 กิ่งในจำนวนกิ่ง
ทั้งหมด 10 กิ่งก็ได้
- ตัดปลายกิ่ง (ประธาน) และกิ่งเล็กกิ่งน้อยแล้ว บำรุงเรียกกิ่งใหม่ด้วย "น้ำ 20
ล. + ไบโออิ 20 ซีซี. + จิ๊บเบอเรลลิน 20 ซีซี." ทุก 3-5 วัน.....พร้อมกับให้
ทางรากด้วย "น้ำ 100 ล. + ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (1 ล.) + ยู
เรีย จี. 200 กรัม" ทุก 5-7 วัน ตอนเย็น ที่โคนต้นบริเวณทรงพุ่ม
- หลังจากให้ "ไบโออิ + จิ๊บเบอเรลลิน" ไปแล้ว ที่ข้อของกิ่งประธานจะเกิดยอด
ใหม่จำนวนมาก ให้คัดเลือกไว้ 1-2-3 กิ่ง จัดระยะให้ห่างเท่าๆกันเพื่อเฉลี่ยสาร
อาหาร แล้วบำรุงด้วยสูตรเดิมต่อไป ซึ่งกิ่งที่แตกใหม่ก็จะยาว (สูง) ขึ้นเรื่อยๆ เป็น
กิ่งตรง ขนาดใหญ่อวบอ้วน ในต้นที่มีความสมบูรณ์มากๆ สภาพแวดล้อม (แสงแดด/
อุณหภูมิ) เหมาะสม อาจได้ความยาวกิ่ง 80 ซม. - 1 ม.
- เมื่อได้กิ่งที่มีขนาดยาวตามต้องการแล้วให้ลงมือเปิดตาดอกด้วย "ฮอร์โมนไข่
ไทเป" กุหลาบกิ่งนั้นก็จะออกดอก.....กุหลาบก้านยาวพิเศษ (80 ซม.) ราคาสูง
กว่ากุหลาบก้านสั้น (20-30 ซม.) หลายร้อยเท่าตัว
**** ต้องการตัดดอกวันที่ 14 ก.พ. ให้ลงมือตัดแต่งกิ่งในวันที่ 1 ก.พ. ถ้าใน
ธรรมชาติมีตัวเลขและสูตรสำเร็จก็จะได้ดอกในวันที่ 14 ไม่ผิดพลาด.....แต่ เมื่อใน
ธรรมชาติไม่มีตัวเลขและสูตรสำเร็จ ก็ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาด โดยตัดแต่งกิ่งวันที่
29 - 30 - 31 ม.ค. 1 - 2 ก.พ. หรือ -3 / +2 ของวันตัดดอก แบบนี้ก็น่าจะ
ได้ดอก 25-50% ของกุหลาบทั้งสวนตรงวันวาเลนไทน์พอดี
*** ระเบิดเถิดเทิง-ไบโออิ-ไทเป-ยูเรก้า สูตรอยู่หน้าเว้บ *****
************* ทำเอง-ชัวร์-ประหยัด **************
.. |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 02/12/2011 2:47 pm ชื่อกระทู้: |
|
กุหลาบ 7 สี รับวันวาเลนไทม์
ดูรายการคุณไตรภพเมื่อเย็นวานนี้ กุหลาบของมิสลิลลี่ช่อละ 19?,000 บาทที่มี
99 ดอก อยากให้คนรับแปลกใจและตกใจ ต้องให้เก็บเงินปลายทางด้วยน๊ะ
คนรับคงลืมวันแห่งความรักปีนี้ไปตลอดชีวิตแน่ๆ
http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3366070
. |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 30/11/2011 11:39 am ชื่อกระทู้: |
|
กุหลาบแจ๊คพ็อต
วันวาเลนไทน์ 14 ก.พ. ที่ผู้คนทั่วโลกถือเป็น "วันแห่งความรัก" แม้วันนี้เป็นวัน
ทางศาสนาคริสต์ แต่ด้วยความหมายของคำว่า "ความรัก" จึงทำให้ผู้คนในศาสนา
อื่นๆ ถือโอกาสมอบความรักแก่คนที่ตนรักด้วย มิใช่ประพฤติปฏิบัตามตามหลัก
ศาสนาคริสต์ แต่เป็นการแสดงออกของใจบริสุทธิ์ต่อคนที่ตนรัก เพราะความรักคือ
สิ่งที่ดี
กุหลาบดำ กุหลาบม่วง กุหลาบน้ำเงิน กุหลาบฟ้า กุหลาบสลับสี.....สำหรับความ
รู้สึกพิเศษ ทั้งจากผู้ให้และผู้รับ สนนราคาดอกละ เรือนร้อย-เรือนพัน ต่อดอก
สัญญลักษณ์แห่งความรักที่ผู้คนทั่วโลกถือปฏิบัติ คือ "ดอกกุหลาบแดง"
มิใช่เฉพาะกุหลาบสีแดงเท่าทั้น ที่หมายถึงความรัก.....ยังมีกุหลาบสีอื่นที่สื่อความ
หมายในแง่มุมต่างๆอีก เช่น
ความหมายของสีกุหลาบ
*** กุหลาบแดงและขาวรวมกัน สื่อความหมายให้รู้ว่า "สองเราเป็นหนึ่งเดียวกัน"
*** กุหลาบสีชมพู หมายถึง ความงดงามและความอ่อนโยน
*** กุหลาบสีเหลือง บอกเป็นนัยว่า "ขอเป็นชู้ทางใจ" หรือ หมายถึงความสุข สนุกสนาน ร่าเริง
*** กุหลาบสีส้ม เพื่อบอกความในใจถึงความรักและสิ่งที่ผ่านมา
*** กุหลาบแดงเข้ม (สีเหมือนไวน์แดง) แทนคำว่า "เธอช่างสวยเหลือเกิน"
*** กุหลาบสีขาว บอกว่า "ฉันรักเธอด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน"
*** กุหลาบตูม ที่มีทั้งใบและหนาม บอกให้รู้ว่า "แม้ฉันจะวิตกอยู่บ้าง แต่รู้ว่าเธอคงไม่ปฎิเสธ"
*** กุหลาบตูมที่ริดใบทิ้งหมด แสดงให้เห็นว่าผู้ให้รู้สึกทุกสิ่งทุกอย่าน่ากลัวไปหมด
*** กุหลาบตูมที่ริดหนามทิ้งหมด แสดงให้เห็นถึงความหวังที่มีอย่างเปี่ยมล้น
*** กุหลาบตูมสีแดง แสดงให้เห็นถึงความรักที่ไร้เดียงสา "รักของฉันเพิ่งแรกแย้ม และอ่อนต่อโลก"
*** กุหลาบตูมสีขาว แสดงถึงความมีเสน่ห์น่าหลงใหล ไร้เดียงสาในเรื่องความรัก
*** กุหลาบบานหนึ่งดอก และกุหลาบตูม 2 ดอก อยากบอกว่า "นี่คือความรักที่ฉันแอบซ่อนไว้"
*** กุหลาบบานสีแดง บอกให้รู้ว่า "ฉันรักเธอเข้าแล้ว"
*** กุหลาบสีแดงที่โรยแล้ว เขาอยากจะบอกให้คุณรู้ว่า "ความรักของเรานั้นจบลงแล้ว"
*** กุหลาบสีขาวที่โรยแล้ว แทนความหมาย "เสน่ห์ของเธอมันจืดจางลงแล้ว"
*** กุหลาบไร้หนาม ให้รู้ว่า "เธอช่างมีเสน่ห์น่าหลงไหลแม้ยามแรกพบ"
*** กุหลาบดอกเดียวแทนความหมาย "รักฉันแม้เรียบง่าย แต่ก็มั่นคงกับเธอผู้เดียว"
http://www.siamkane.com/jstory_view.php?id=1306
สี ดอกกุหลาบ แทนใจ
กุหลาบแดง ..... ไม่ใช่แค่เพียงบอกว่า ฉันรักเธอ, ผมรักคุณ ธรรมดาๆ เท่านั้น แต่
ลึกลงไปถึง รักความดีงามภายในใจ ของเขาและเธอ คือ ความรัก ความปราถนา
ความเคารพ
กุหลาบแดงเข้ม (สีเหมือนไวน์แดง) แทนคำว่า..... เธอช่างสวยเหลือเกิน คือ ความงามที่เจ้าตัวไม่ตระหนัก
กุหลาบสีขาว บอกว่า...... ฉันรักเธอด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน คือ ความบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งใดแอบแฝง
กุหลาบสีชมพู ......โดยทั่วๆไป จะหมายถึง ความอ่อนโยน คือ ความสุข ความชื่นชม มิตรภาพ
กุหลาบสีชมพูอ่อน ..... แสดงความขอบคุณ คือ ความนิ่มนวล ความร่าเริง และความชื่นชม
กุหลาบสีชมพูเข้ม ..... ให้ความหวังว่าแค่ชอบๆ เท่านั้น คือ ความรู้สึกสำนึกบุญคุณ
กุหลาบสีเหลือง บอกถึง......ความแคร์และห่วงใย ที่จะรักใครสักคน คือ มิตรภาพ ความห่วงใย ความยินดี หรือ ความเป็นอิสระ
กุหลาบสีส้ม บ่งบอกถึง......ความใคร่และความต้องการ คือ การแสดงความกระตือรือร้น และความตื่นตาตื่นใจ
กุหลาบสีม่วง คือ ......ความรักแรกพบ และ ความมีเสน่ห์หา
กุหลาบแดงและขาวรวมกัน ......สื่อความหมายให้รู้ว่า สองเราเป็นหนึ่งเดียวกัน คือ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
กุหลาบแดงและเหลืองรวมกัน คือ .....ยินดีด้วย
http://www.prakard.com/default.aspx?g=posts&m=815819
จำนวนดอกกุหลาบ และ ความหมาย ที่แสนจะโรแมนติค
1 = เธอเป็นหนึ่งเดียวของฉันเท่านั้น
2 = มีเพียงเธอ กับ ฉัน
3 = ฉันรักเธอ
5 = การให้ที่ไม่มีอะไรต้องเสียใจ
7 = เราจะพบกับเรื่องมงคล
8 = ชดเชยวันเวลาที่ขาดหายไป
9 = อยู่ด้วยกันให้ยืนยาวและมั่นคง
11 = รักเธอที่สุด
12 = ฉันรักเธอ เธอก็รักฉัน เรารักกัน
24 = ฉันคิดถึงเธอตลอดเวลา
33 = รักกัน 3 ชาติ
50 = ความรักที่ยืนยาวชั่วนิรันดร
66 = ความรักของเรา เหมือนสายน้ำไม่เคยหยุดนิ่ง
100 = เราจะถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรด้วยกัน
1xx = รักเรายืนยาวชั่วนิรันดร
108 = ความรักของฉันจะไม่มีที่สิ้นสุด
365 = ฉันคิดถึงเธอทุก-ทุกวัน
999 = รักเธอชั่วฟ้าดินสลาย
1,0xx = ฉันรักเธอเพราะเธอเป็นเธอ
9,999 = แทนความจริงใจทั้งหมดที่ฉันมีให้เธอจากนี้และตลอดไป
10,000 = รักเธอเป็นหมื่น-หมื่นปี
http://www.prakard.com/default.aspx?g=posts&m=815819
. |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 29/11/2011 9:57 pm ชื่อกระทู้: |
|
เคล็ดลับ ปลูกกุหลาบให้ออกดอกตลอด และดอกใหญ่
เห็นถามกันมากว่า ทำไมกุหลาบแสนสวยที่ซื้อมาจากร้าน พอมาถึงมือเรา ดอกกลับ
เล็กลง และสุดท้ายต้นกลับตายไปเสียอีก ก็เลยมีข้อแนะนำดีๆ ที่เกิดจาก
ประสบการณ์การปลูกกุหลาบของตัวเอง มาฝากนะคะ
1. ไม่ต้องรดน้ำทุกวัน อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งก็พอค่ะ และห้ามรดโดนดอกและใบ
เด็ดขาด ปลูกไว้หน้าบ้านตรงระเบียง เคยรดน้ำจากบนระเบียง คิดว่าเวลาดอกมัน
ฉ่ำน้ำดูสดชื่น แต่กลับเป็นว่า พอโดนแดด ดอกเฉา หมดสวยเลยค่ะ
2. กุหลาบไม่ชอบดินร่วน ถ้าปนกรวดนิดๆ จะดีมาก และชอบแดดจัดๆ ปลูกกลาง
แจ้งเลยค่ะ ถ้าดินแห้งๆ กุหลาบกลับออกดอกตลอด พอดินเปียกชื้น กลับไม่ค่อย
ออกดอก
3. เวลาออกดอกแล้วบาน หรือ โรย ไม่ต้องเสียดาย ให้ตัดทิ้งเลยค่ะ ดอกใหม่จะได้
โตๆ ขอย้ำ ยิ่งตัดกิ่ง ดอกยิ่งดก และดอกโต
4. ตัดกิ่งที่ยาวๆ เกะกะ ออกให้เหลือสั้นๆ ก็พอนะคะ ยิ่งกิ่งก้านยาว ดอกจะยิ่งเล็ก
และสุดท้าย ต้นจะตายไปเลย
5. ที่บ้านปลูกเป็นสิบๆ ต้น มีแทบทุกสี ปลูกมาจะครบปี ใส่ปุ๋ยแค่ตอนเอาลงหลุม
และใส่ปุ๋ยคอกแค่ครั้งเดียว ไม่ได้ดูแลเป็นพิเศษเลษ แต่ดอกออกตลอด และดอก
ใหญ่มากๆ ค่ะ
http://talk.mthai.com/topic/139479 |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 29/11/2011 9:14 pm ชื่อกระทู้: |
|
'ดอกกุหลาบ' ราคาพุ่ง รับวาเลนไทน์ ทั่วไทยแห่ซื้อคึก
บรรยากาศก่อนวันวาเลนไทน์ คนหนุ่มสาวทั่วไทยออกมาจับจ่ายซื้อ "ดอกกุหลาบ"
กันอย่างคึกคัก ขณะที่ราคาต่อดอกมีราคาพุ่งสูงกว่าช่วงปกติ จากราคาห่อละ 50
ดอก/70-80 บาท ปรับเป็น 180 บาท ขณะที่กุหลาบนอกขายดอกละ 60 บาท
จากปกติ 30 บาท...
เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่จ.ตาก เกษตรกร เกษตรกรผู้ปลูกดอก
กุหลาบ อ.พบพระ จ.ตาก ต่างเร่งตัดดอกกุหลาบคัดเกรดชนิดควบคุมดอกให้บาน
ตามสั่ง คือ วิธีการหุ้มดอกด้วยถุงยางตาข่าย เพื่อควบคุม หรือบังคับไม่ให้ดอกบาน
ด้วยวิธีการนี้จะทำให้ดอกกุหลาบมีสีสวยดอกใหญ่...
http://www.ethailand.com/th/news/-80618.html
http://www.cmflower.com/cart/rose-farm.asp |
|
|
kimzagass |
|
|
kimzagass |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 29/11/2011 9:57 am ชื่อกระทู้: |
|
โรคราสนิม (Rust)
เกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่งซึ่งแพร่กระจายได้ดีในอากาศชื้น โรคนี้มักเกิดในฤดูฝนและ
เกิดกับใบแก่ โดยที่ใต้ใบจะมีผงสีส้ม คล้ายผงแป้ง ส่วนด้านบนของใบจะมีจุดสี
เหลืองหรือสีน้ำตาลเกิดขึ้น
วิธีการป้องกันและรักษา เด็ดใบที่เกิดโรคทิ้งรวมทั้งใบที่ร่วงตามพื้นดินทิ้งด้วย
หลีกเลี่ยงการรดน้ำที่ใบเพราะเชื้อราจะแพร่กระจายได้ดีในน้ำ หากจำเป็นอาจฉีด
พ่นด้วยยาที่มีส่วนประกอบของกำมะถัน
โรคราแป้ง (Powderly mildew)
เกิดจากเชื้อราSphaerotheca pannosa ที่สปอร์ของราแพร่กระจายมาตามลม
เชื้อนี้จะระบาดได้ดีโดยเฉพาะในอากาศที่กลางคืนหนาวและชื้นส่วนกลางวันอากาศ
อุ่นและแห้ง โดยมากมักเกิดกับใบย่อยหรือยอดอ่อน ที่ใบจะมีลักษณะเป็นผงสีขาว
คล้ายแป้งเคลือบอยู่บนผิวใบทั้งด้านบนและใต้ใบ ทำให้ใบหงิกงอ ถ้าเป็นมากใบ
อาจเปลี่ยนเป็นสีม่วงหรือดำและร่วง ถ้าเป็นที่ดอกตูมดอกจะไม่บาน
วิธีการป้องกันและรักษา กำจัดใบที่เกิดโรครวมทั้งใบที่ร่วงตามพื้นดินทิ้ง ฉีดพ่น
ด้วยยาเบนเลท คาราเทนหรือกำมะถันผง สำหรับกำมะถันผงควรฉีดพ่นในช่วงเช้า
หรือเย็น ถ้าใช้ในวันที่อากาศร้อนจัดจะทำให้ใบไหม้
โรคใบจุดดำ (Black spot)
โรคนี้เกิดขึ้นตลอดทั้งปีแต่จะเกิดรุนแรงมากในช่วงฤดูฝน หรือฤดูหนาวที่มีน้ำค้าง
มาก สปอร์ของราที่อยู่บนใบแก่ที่ร่วงตามพื้นดินหรือที่อยู่ตามง่ามกิ่งจะปลิวไปติดใบ
ที่ไม่เป็นโรค เมื่อได้รับความชื้นติดต่อกันประมาณ 6-8 ชั่วโมง สปอร์จะงอกเข้าไป
ในต้น หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ อาการก็จะปรากฎขึ้น ใบกุหลาบที่เกิดโรค
จะเป็นจุดดำบริเวณผิวด้านบนของใบ ขนาดจุดประมาณ 1/4 นิ้ว ในแต่ละจุดจะเห็น
เส้นใยเป็นขุย เมื่อเป็นมากใบจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและร่วง กุหลาบจะชงักการเติบโต
วิธีการป้องกันและรักษา กำจัดใบหรือต้นที่เกิดโรคโดยนำไปเผาไฟทิ้ง หลีกเลี่ยง
การรดน้ำที่เปียกต้นและใบเนื่องจากใบที่เปียกจะเป็นที่เพาะเชื้อราได้อย่างดี ควรฉีด
พ่นยากำจัดเชื้อราที่ใบและต้นเพื่อเป็นการป้องกันก่อนเกิดโรคเพราะเมื่อเกิดโรค
แล้วจะไม่มียารักษาได้
โรคแอนแทรกโนส (Anthracnose)
เกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่งที่สามารถแพร่กระจายได้ดีในน้ำคล้ายกับโรคของใบจุดดำ
พบในช่วงที่มีฝนตกชุก โดยจะมีจุดสีแดงหรือสีน้ำตาลเป็นวงเล็กๆ บนผิวใบด้านบน
วงนี้จะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวขอบม่วง เมื่อเป็นมากใบจะเหลืองและร่วง
วิธีการป้องกันและรักษา ใช้วิธีเดียวกันกับการป้องกันรักษาโรคใบจุดดำ
โรคราสีเทา (Botrytis)
ดอกตูมจะเป็นจุดสีน้ำตาล และลุกลามขยายใหญ่ ทำให้ดอกเน่าแห้ง
วิธีการป้องกันและรักษา เพื่อไม่ให้ดอกกุหลาบถูกฝนควรปลูกกุหลาบในโรง
เรือนพลาสติก กำจัดใบหรือต้นที่เกิดโรค ฉีดพ่นสารเคมีด้านข้างและด้านบนดอก
ด้วย คอปเปอร์ ไฮดร๊อกไซด์ แมนโคเซ็บ หรือ คอปเปอร์ อ๊อกซี่คลอไรด์ เพื่อไม่ให้
เชื้อราแพร่กระจาย
โรคหนามดำ
เกิดกับหนามของกิ่งอ่อนและลุกลามตามกิ่งก้าน ทำให้ก้านเหี่ยวแห้งในที่สุดต้นจะ
ตาย โดยแผลจะมีลักษณะเป็นรูปวงรี
โรคราน้ำค้าง(Downey mildew)
เชื้อสาเหตุ เชื้อรา Peronospora spasa ลักษณะการทำลาย อาการจะแสดงบน
ใบ กิ่ง คอดอก กลีบเลี้ยง และกลีบดอก การเข้าทำลายจะจำกัดที่ส่วนอ่อน หรือส่วน
ยอด โดยจะเกิดรอยปื้นสีดำที่ส่วนบนของใบ รอยดำนี้จะต่างจากโรคใบจุดดำ เพราะ
จะมีลักษณะค่อนข้างเป็นสี่เหลี่ยมและใบจะร่วงหลังจากรอยดำปรากฏขึ้นเพียงไม่กี่วัน
http://lms.thaicyberu.go.th/officialtcu/main/advcourse/presentstu/course/bm521/pantipa09_2/rose/content/disease.htm |
|
|
kimzagass |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 29/11/2011 8:48 am ชื่อกระทู้: |
|
การตัดแต่งกิ่ง :
เมื่อตากุหลาบเริ่มแตกควรเด็ดยอดเหนือใบสมบูรณ์ใบที่สอง เป็นระยะเวลา 2-3
เดือน เพื่อให้กิ่งกระโดงแตก ตัดแต่งกิ่งให้เป็นพุ่มกุหลาบโปร่งและไม่สูงเกินไป ควร
ตัดดอกกุหลาบในระยะที่ดอกยังหุบแน่นที่สุด แต่สามารถบานได้เมื่อปักแจกันใส่น้ำ
ธรรมดา และตัดในช่วงเช้าหรือเย็น ไม่ควรริดใบหรือหนามออก หลังจากตัดดอก
แล้วนำไปแช่ในน้ำอุ่น อุณหภูมิ 41-43 องศา ซ. ประมาณ 30 นาที เพื่อให้ดอก
กุหลาบดูดน้ำได้เต็มที่
ก่อนที่จะนำกุหลาบส่งไปขายต้องมีการคัดเกรด ดังนี้
- เกรดพิเศษ ความยาวก้านดอกตั้งแต่ 60 ซม. ขึ้นไป
- เกรด เอ. ความยาวก้านดอกตั้งแต่ 50 ซม.
- เกรด บี. ความยาวก้านดอกตั้งแต่ 40 ซม.
- เกรด ซี. ความยาวก้านดอกตั้งแต่ 30 ซม.
ดอกที่มีความยาวก้านดอกน้อยกว่า 30 ซม. ถือว่าเป็นดอกตกเกรด หลังจากนั้นจึง
นำมาเข้ามัด โดยจัดให้ส่วนบนของดอกเสมอกัน ห่อด้วยกระดาษ และตัดก้านให้
เสมอกัน จำนวนดอกในแต่ละมัดขึ้นอยู่กับขนาดดอกและความต้องการของตลาด
ข้อแนะนำ :
1. ควรมีการคลุมแปลงปลูกกุหลาบ โดยใช้วัสดุง่าย เช่น หญ้าแห้ง ฟางข้าว ซัง
ข้าวโพด เป็นต้น เพื่อรักษาความชื้น อุณหภูมิ รวมทั้งเพิ่มความโปร่งของดินและ
ป้องกันวัชพืช
2. การเก็บรักษาดอก มี 2 วิธี คือ
- นำไปแช่ในน้ำยารักษาสภาพดอกไม้ อุณหภูมิ 2 องศา ซ. ประมาณ 2-3 ชั่วโมง
เก็บได้นาน 4-5 วัน
- ใส่กล่องรองด้วยพลาสติกเก็บไว้ในห้องเย็น อุณหภูมิ 0.5-3 องศา ซ. เก็บได้
นาน 1-2 สัปดาห์
3. ขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการปลูกกุหลาบได้ที่ กองส่งเสริมพืชสวน กรมส่งเสริมการ
เกษตร โทร. 0-2561-4879
http://www.thaismefranchise.com/?p=3621 |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 29/11/2011 8:29 am ชื่อกระทู้: |
|
ดร.เศรษฐพงศ์ เลขะวัฒนะ
นักวิชาการเกษตร กลุ่มไม้ดอกไม้ประดับ กองส่งเสริมพืชสวน กรมส่งเสริมการเกษตร
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกุหลาบ
กุหลาบมีชื่อวิทยาศาสตร์ Rosa hybrids ชื่อสามัญคือ กุหลาบ หรือ rose อยู่ใน
วงศ์ : Rosaceae มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเซีย
ความสำคัญทางเศรษฐกิจ
กุหลาบเป็นไม้ตัดดอกที่มีการปลูกเป็นการค้ากันแพร่หลายทั่วโลกมานานแล้ว
กุหลาบเป็นไม้ตัดดอกที่มีการซื้อขาย เป็นอันดับหนึ่งในตลาดประมูลอัลสเมีย ประ
เทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นตลาดประมูลไม้ดอก ที่ใหญ่ที่สุดของโลก เมื่อ พ.ศ.
2542 มีการซื้อขายถึง 1,672 ล้านดอก และมักจะมียอดขายสูงสุดในประเทศต่าง
ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ดอกชนิดอื่น ๆ โดยประเทศที่ผลิตกุหลาบรายใหญ่ของโลก
ได้แก่ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน สหรัฐอเมริกา โคลัมเบีย เอกวาดอร์ อิสราเอล
เยอรมนี เคนยา ซิมบับเว เบลเยียม ฝรั่งเศส เม็กซิโก แทนซาเนีย และมาลาวี เป็นต้น
ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกกุหลาบตัดดอกประมาณ 5,500 ไร่ กระจายอยู่ทั่ว
ทุกภาคของประเทศ แหล่งปลูกที่สำคัญได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก นครปฐม
สมุทรสาคร ราชบุรี และกาญจนบุรี มีการขยายตัวของพื้นที่มากที่สุดใน อำเภอพบ
พระ จังหวัดตาก ซึ่งปัจจุบันประมาณว่ามีพื้นที่การผลิตถึง 3,000 ไร่ เนื่องจาก อ.
พบพระ มีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม พื้นที่ไม่สูงชัน และค่าจ้างแรงงานต่ำ (แรง
งานต่างชาติ)
การผลิตกุหลาบในประเทศไทยอาจแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะคือ การผลิตกุหลาบใน
เชิงปริมาณ และการผลิตกุหลาบเชิงคุณภาพ
การผลิตกุหลาบเชิงปริมาณ หมายถึงการปลูกกุหลาบในพื้นที่ขนาดใหญ่ หรือปลูก
ในพื้นที่ราบ ซึ่งจะให้ผลผลิตมีปริมาณมาก แต่ผลผลิตไม่ได้คุณภาพ เช่น ดอกและ
ก้านมีขนาดเล็ก มีตำหนิจากโรคและแมลง หรือการขนส่ง อายุการปักแจกันสั้น ทำ
ให้ราคาต่ำ การผลิตชนิดนี้ต้องอาศัยการผลิตในปริมาณมากเพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้
ส่วนการผลิตกุหลาบในเชิงคุณภาพ นิยมปลูกในเขตภาคเหนือ และบนที่สูง โดยปลูก
กุหลาบภายใต้โรงเรือนพลาสติก ในพื้นที่จำกัด มีการจัดการการผลิตและการปฏิบัติ
หลังการเก็บเกี่ยวที่ดี ใช้แรงงานที่ชำนาญ ทำให้กุหลาบที่ได้มีคุณภาพดี และปัก
แจกันได้นาน ตลาดของกุหลาบคุณภาพปานกลางถึงต่ำ (ตลาดล่าง)
ในปัจจุบันถึงขั้นอิ่มตัว เกษตรกรขายได้ราคาต่ำมาก ส่วนตลาดของกุหลาบที่มี
คุณภาพสูง (ตลาดบน) ผลผลิตในประเทศยังไม่เพียงพอ และขาดความต่อเนื่อง ทำ
ให้ยังต้องนำเข้าดอกกุหลาบจากต่างประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ และมาเลเซีย เป็นต้น
ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตกุหลาบคุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง หากแต่จะต้อง
ผลิตในพื้นที่ที่เหมาะสม คือ พื้นที่สูงมากกว่า 800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล หาก
ปลูกในที่ราบจะได้คุณภาพดีในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น ดังนั้นการผลิตกุหลาบมีแนวโน้ม
เพิ่มพื้นที่การผลิตบนที่สูงมากขึ้น
พันธุ์และการคัดเลือกพันธุ์ที่เหมาะสม
กุหลาบสามารถจำแนกได้หลายแบบ เช่น จำแนกตามลักษณะการเจริญเติบโต
ขนาดดอก สีดอก ความสูงต้น และจำแนก ตามลักษณะของดอก เป็นต้น ในที่นี้ได้
จำแนกกุหลาบเฉพาะกุหลาบตัดดอกตามลักษณะการใช้ประโยชน์ ทางการค้าใน
ตลาดโลกเป็น 5 ประเภทดังนี้
กุหลาบดอกใหญ่ หรือ กุหลาบก้านยาว (large
flowered or long stemmed roses)
กุหลาบประเภทนี้เป็นกุหลาบไฮบริดที (Hybrid Tea: HT) ที่มีดอกใหญ่ แต่การ
ดูแลรักษายาก ผลผลิตต่ำ (100-150 ดอก/ตร.ม./ปี) และอายุการปักแจกันสั้น
กว่า เมื่อเปรียบเทียบกับกุหลาบ Floribunda มักมีก้านยาวระหว่าง 50-120
เซนติเมตร กุหลาบดอกใหญ่ได้รับความนิยมมากในประเทศสหรัฐอเมริกา
โคลัมเบีย เอกวาดอร์ เม๊กซิโก ญี่ปุ่น ซิมบับเว โมร๊อกโก ฝรั่งเศส และ อิตาลี พันธุ์
กุหลาบดอกใหญ่ที่เป็นที่นิยมในตลาดต่างประเทศได้แก่ พันธุ์ เวก้า (Vega:
แดง), มาดาม เดลบา (Madam Delbard), วีซ่า (Visa: แดง), โรเท โรเซ
(Rote Rose: แดง), คารล์ เรด (Carl Red: แดง), โซเนีย (Sonia: ชมพูส้ม),
เฟิร์สเรด (First Red: แดง), โพรฟิตา (Prophyta: ปูนแห้ง), บิอังกา
(Bianca: ขาว), โนเบลส (Noblesse: ชมพูส้ม) และ แกรนด์ กาลา (Grand
Gala: แดง) เป็นต้น
กุหลาบดอกกลาง หรือ กุหลาบก้านขนาดกลาง
(medium flowered or medium stemmed roses)
เป็นกุหลาบชนิดใหม่ ซึ่งมีลักษณะระหว่างกุหลาบดอกใหญ่ และเล็ก เป็นกุหลาบ
Hybrid Tea ให้ผลผลิตสูง (150-220 ดอก/ตร.ม./ปี) อายุการปักแจกันยาว และ
ทนการขนส่งได้ดี ความยาวก้านระหว่าง 40-60 ซม. แหล่งผลิตที่สำคัญได้แก่ประ
เทศเนเธอร์แลนด์ เยอรมนี อิตาลี อิสราเอล ซิมบับเว เคนยา พันธุ์ที่นิยมปลูกได้แก่
พันธุ์ ซาช่า (Sacha: แดง), เมอร์ซิเดส (Mercedes: แดง), เกเบรียล
(Gabrielle: แดงสด), คิสส์(Kiss: ชมพู), โกลเด้นทาม (Goldentime:
เหลือง), ซาฟารี(Safari: ส้ม) และ ซูวีเนีย (Souvenir: ม่วง) เป็นต้น
กุหลาบดอกเล็ก หรือ กุหลาบก้านสั้น (small flowered
or short stemmed roses)
เป็นกุหลาบที่ได้รับความนิยมปลูก และบริโภคกันมากในยุโรป โดยเฉพาะ เยอรมันนี
และเนเธอร์แลนด์ กุหลาบก้านสั้นนี้เป็นกุหลาบ Floribunda ที่ให้ผลผลิตสูง
(220-350 ดอก/ตร.ม./ปี) อายุการปักแจกันยาว และทนต่อการขนส่งดีกว่า
กุหลาบดอกใหญ่ มักมีความยาวก้านระหว่าง 30-50 เซนติเมตร แหล่งผลิตกุหลาบ
ดอกเล็กได้แก่ประเทศ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี อิสราเอล และเคนยา พันธุ์ที่นิยมปลูก
ได้แก่พันธุ์ ฟริสโก (Frisco:เหลือง), เอสกิโม (Escimo: ขาว), โมเทรีย
(Motrea: แดง), เซอไพรซ์ (Surprise: ชมพู), และ แลมบาด้า (Lambada:
แสด) เป็นต้น
กุหลาบดอกช่อ (spray roses)
เป็นกุหลาบชนิดใหม่ ให้ผลผลิตต่ำต่อพื้นที่ (120-160 ดอกต่อตารางเมตรต่อปี)
ความยาวก้านระหว่าง 40-70 ซม. มักมี 4-5 ดอกในหนึ่งช่อ และยังมีตลาดจำกัด
อยู่ เช่นพันธุ์ เอวีลีน (Evelien: ชมพู) เดียดีม (Diadeem: ชมพู) และ นิกิต้า
(Nikita: แดง) เป็นต้น
กุหลาบหนู (miniature roses)
มีขนาดเล็กหรือแคระโดยธรรมชาติ ความสูงของทรงพุ่มไม่เกิน 1 ฟุตให้ผลผลิตสูง
450-550 ดอก/ตร.ม./ปี มีความยาวก้านดอกระหว่าง 20-30 ซม. ยังมีตลาด
จำกัดอยู่ยกเว้นในประเทศญี่ปุ่น แอฟริกาใต้ และอิตาลี
การคัดเลือกพันธุ์กุหลาบในปัจจุบันจะคำนึงถึงประโยชน์ และความคุ้มค่าที่ผู้บริโภค
จะได้รับ มากกว่าการที่ดอกสวยสะดุดตาแต่เมื่อซื้อไปก็เหี่ยวทันที ดังนั้นการคัด
เลือกพันธุ์กุหลาบในปัจจุบันมักมีข้อพิจารณา ดังนี้
1. ผลผลิตสูง ปัจจุบันกุหลาบดอกเล็กให้ผลผลิตสูงถึง 300 ดอก/ตร.ม./ปี
2. อายุการปักแจกันนาน พันธุ์กุหลาบในสมัยทศวรรษที่แล้วจะบานได้เพียง 5-6
วัน ปัจจุบันกุหลาบพันธุ์ใหม่ๆ สามารถปานได้ทนถึง 16 วัน
3. กุหลาบที่สามารถดูดน้ำได้ดี
4. กุหลาบที่ไม่มีหนามหรือหนามน้อยเพื่อความสะดวกในการจัดการ
5. สี สีแดงยังคงครองตลาดอยู่ รองลงมาคือสีชมพู สีอ่อนเย็นตา และสองสีในดอกเดียวกัน
6. กลิ่น เป็นที่เสียดายที่กุหลาบกลิ่นหอมมักไม่ทน แต่ก็มีการผสมพันธุ์กุหลาบตัด
ดอกกลิ่นหอมบ้าง สำหรับตลาดท้องถิ่น
7. มีความต้านทานโรค และทนความเสียหายจากการจัดการสูง
การขยายพันธุ์กุหลาบ
กุหลาบ สามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธี เช่น การตัดชำ การตอน การติดตา และการ
เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อให้ได้ต้นกุหลาบที่มีระบบรากที่แข็งแรง และให้ผลผลิตสูง
เกษตรกรมักนิยมกุหลาบพันธุ์ดีที่ติดตาบนตอกุหลาบป่า
การปลูกและการจัดการ
สภาพที่เหมาะสมในการปลูก
พื้นที่ปลูก
ควรปลูกในที่ที่ระบายน้ำได้ดี มีความเป็นกรดเล็กน้อย พีเอ็ช ประมาณ 6-6.5 และ
ได้แสงอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
อุณหภูมิ
อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเจริญของกุหลาบคือ กลางคืน 15-18 องศาเซลเซียส
และกลางวัน 20-25 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นช่วงอุณหภูมิที่จะทำให้ได้ดอกที่มี
คุณภาพดี และให้ผลผลิตสูง หากอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส การเจริญเติบ
โตและการออกดอกจะช้าอย่างมาก หากอุณหภูมิสูงกว่า 28 องศาเซลเซียส ควรให้
มีความชื้นในอากาศสูงเพื่อชลอการคายน้ำ
ความชื้น
ความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสมกับการเจริญของกุหลาบคือร้อยละ 70-80
แสง
กุหลาบจะให้ผลผลิตสูง และดอกมีคุณภาพดี ถ้าความเข้มของแสงมาก และช่วงวันยาว
การให้น้ำ และปุ๋ยกุหลาบ
การให้น้ำ
ให้น้ำระบบน้ำหยด หรือใช้หัวพ่นน้ำระหว่างแถวปลูก อัตรา 6-7 ลิตร/ตร.ม./ วัน
หรือ 49 ลิตร/ตร.ม./สัปดาห์ อาจให้ทุกวัน วันเว้นวัน หรือ 2-3 วันต่อครั้ง แล้วแต่
สภาพการอุ้มน้ำของดิน อย่ารดน้ำให้ดินแฉะตลอดเวลา ควรให้ดินมีโอกาสระบาย
น้ำ และมีอากาศเข้าไปแทนที่บ้าง ดังนั้นใน 1 สัปดาห์ หากปลูกในโรงเรือนจะต้อง
ใช้น้ำประมาณ 78,400 ลิตร หรือ 78.4 คิวบิคเมตร ต่อไร่ น้ำที่ใช้ควรมีคุณภาพดี
มี pH 5.8-6.5
การให้ปุ๋ยก่อนปลูก
ปุ๋ยก่อนปลูกคือปุ๋ยที่ผสมกับเครื่องปลูกก่อนการปลูกพืช ซึ่งให้ประโยชน์ 2 ประการ คือ
1. ให้ธาตุอาหารที่พืชต้องการอย่างเพียงพอตั้งแต่เริ่มปลูก
2. ให้ธาตุอาหารบางชนิดในปริมาณมากและเพียงพอสำหรับการปลูกพืชตลอดฤดู
ซึ่งทำให้สามารถงดหรือลดการให้ปุ๋ยนั้น ๆ ได้
ระหว่างการปลูกพืชการให้ธาตุอาหารทุกชนิดแก่พืชในขณะปลูก ทำได้ลำบากเนื่อง
จากมีถึง 14 ธาตุ ธาตุบางชนิดจะมีอยู่ในดินอยู่แล้ว บางชนิดต้องให้เพิ่มเติม หาก
เป็นไปได้ควรส่งดินไปตรวจเพื่อรับคำแนะนำว่าควรปรับปรุงดินได้อย่างไร ซึ่ง
ตัวอย่างสามารถส่งไปตรวจที่กองเกษตรเคมี กรมวิชาการเกษตร กรุงเทพฯ
การให้ปุ๋ยระหว่างปลูก
ปริมาณ และสัดส่วนของธาตุอาหาร
การให้ปุ๋ยระหว่างปลูกพืช เนื่องจากธาตุอาหารส่วนใหญ่จะมีอยู่ในดินแล้วเมื่อปลูก
พืชจึงยังคงเหลือธาตุ ไนโตรเจน และโปแตสเซืยม ซึ่งจะถูกชะล้างได้ง่าย ดังนั้นจึง
ต้องให้ปุ๋ย ทั้งสองในระหว่างที่พืชเจริญเติบโต ซึ่งการให้ปุ๋ยอาจทำได้โดยการให้
พร้อมกับการให้น้ำ (fertigation)
การให้ปุ๋ยพร้อมกับน้ำสำหรับกุหลาบ หากให้ทุกวันจะให้ในอัตราความเข้มข้นของ
ไนโตรเจน 160 มก./ลิตร (ppm) และหากให้ปุ๋ยทุกสัปดาห์ควรให้ในอัตราความ
เข้มข้นของไนโตรเจน 480 มก./ลิตร
สัดส่วนของไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P2O) และโปแตสเซียม (K2O) สำหรับ
กุหลาบในระยะต่าง ๆ คือ
- ระยะสร้างทรงพุ่ม 1 : 0.58 : 0.83
- ระยะให้ดอก 1 : 0.5 : 0.78
- ระยะตัดแต่งกิ่ง 1: 0.8 : 0.9
การตัดแต่งกิ่งกุหลาบ
การดูแลกุหลาบระยะแรกหลังปลูก
เมื่อตากุหลาบเริ่มแตก ควรส่งเสริมให้มีการเจริญทางใบ เพื่อการสะสมอาหาร และ
สร้างกิ่งกระโดง เพื่อให้ได้ดอกที่มีขนาดใหญ่ และก้านยาว ซึ่งทำได้ด้วยการเด็ด
ยอดเป็นระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน โดยเด็ดส่วนเหนือใบสมบูรณ์ (5 ใบย่อย) ใบ
ที่สองจากยอด เมื่อดอกมีขนาดเท่าเมล็ดถั่วลันเตา จากนั้นกิ่งกระโดงจะเริ่มแทง
ออก ซึ่งกิ่งกระโดงนี้จะเป็นโครงสร้างหลักให้ต้นกุหลาบ ที่ให้ดอกมีคุณภาพดี
การตัดแต่งกิ่ง
การตัดแต่งกิ่งกุหลาบปฏิบัติได้หลายวิธี แต่ละวิธีจะใช้หลักการที่คล้ายกัน คือ ตัด
แต่งเพื่อให้ได้กิ่งที่สมบูรณ์เพื่อการตัดดอก และเพื่อให้ได้กิ่งกระโดง (water
sprout หรือ bottom break) มากขึ้น และจะรักษาใบไว้กับต้นให้มากที่สุด เพื่อ
ให้ได้กิ่งที่สมบูรณ์ที่สุด ควรรักษาให้พุ่มกุหลาบโปร่ง และไม่สูงมากเกินไปนัก เพื่อ
สะดวกต่อการดูแลรักษา และแสงที่กระทบโคนต้นกุหลาบจะช่วยกระตุ้นให้เกิดกิ่ง
กระโดงอีกด้วย การตัดแต่งกิ่งที่นิยมในปัจจุบันได้แก่การตัดแต่งกิ่งแบบ ตัดสูงและต่ำ
การตัดแต่งแบบ ตัดสูงและต่ำ (สูงและต่ำจากจุดกำเนิดของกิ่งสุดท้าย) เป็นการตัด
แต่งเพื่อให้มีการผลิตดอกสม่ำเสมอทั้งปี
1. การตัดสูง
2. การตัดต่ำ
โรคกุหลาบ
กุหลาบเป็นไม้ตัดดอกชนิดหนึ่งที่มีศัตรูมากพืชหนึ่ง ดังนั้นการป้องกันและกำจัดศัตรู
กุหลาบให้มีประสิทธิภาพ ผู้ปลูกควรทราบลักษณะสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และ
วงจรชีวิตของศัตรูนั้น ๆ รวมทั้งการป้องกันกำจัด และการใช้สารเคมีให้มี
ประสิทธิภาพเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายแก่ตัวเองและผู้อื่น และควรฝึกเจ้าหน้าที่ให้หมั่น
ตรวจแปลง และสังเกตุต้นกุหลาบทุกวันจะช่วยให้พบโรคหรือแมลงในระยะเริ่มแรก
ทำให้สามารถกำจัดได้ง่าย ในการฉีดพ่นสารเคมีควรใช้สารเคมีชนิดเดียวกันติดต่อ
กันอย่างน้อย 2-3 ครั้งเพื่อให้สารนั้น ๆ แสดงประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ จากนั้นนั้น
ควรสับเปลี่ยนกลุ่มของสารเคมีเพื่อลดการดื้อยา
1. โรคราน้ำค้าง (Downey mildew)
เชื้อสาเหตุ เชื้อรา Peronospora spasa
ลักษณะการทำลาย อาการจะแสดงบน ใบ กิ่ง คอดอก กลีบเลี้ยง และกลีบดอก การ
เข้าทำลายจะจำกัดที่ส่วนอ่อน หรือส่วนยอด
2. โรคราแป้ง (Powdery mildew)
เชื้อสาเหตุ เชื้อรา Sphaerotheca pannosa
ลักษณะการทำลาย อาการเริ่มแรกผิวใบด้านบนจะมีลักษณะนูน อวบน้ำเล็กน้อย
และบริเวณนั้นมักมีสีแดง และจะสังเกตเห็นเส้นใย และอัปสปอร์ สีขาวเด่นชัดบนผิว
ของใบอ่อน ใบจะบิดเบี้ยว และจะถูกปกคลุมด้วยเส้นใยสีขาว ใบแก่อาจไม่เสียรูปแต่
จะมีราแป้งเป็นวงกลม หรือรูปทรงไม่แน่นอน
3. โรคใบจุดสีดำ (black spot: Diplocarpon rosae)
เป็นโรคที่พบเสมอ ๆ ในกุหลาบที่ปลูกเป็นแปลงใหญ่ ๆ หรือปลูกประดับอาคารบ้าน
เรือนเพียง 2-3 ต้น โดยมากจะเกิดกับใบล่าง ๆ อาการเริ่มแรกเป็นจุดกลมสีดำ
ขนาดเล็กด้านบนของใบ และจะขยายใหญ่ขึ้นหากอากาศมีความชื้นสูง และผิวใบ
เปียก หากเป็นติดต่อกันนาน จะทำให้ใบร่วงก่อนกำหนด ต้นโทรม ใบและดอกมี
ขนาดเล็กลง
4. โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส
ลักษณะอาการแตกต่างกันไปตามชนิดของไวรัส เช่น ใบด่างซีดเหลือง หรือด่างเป็น
ซิกแซก
5. โรคราสีเทา (botrytis:Botryotinia fuckeliana syn. Botrytis
cinerea) มักพบในสภาพอุณหภูมิต่ำ ความชื้นสัมพัทธ์สูง และการระบายอากาศไม่
ดีพอ ดอกตูมจะเป็นจุดสีน้ำตาล และลามขยายใหญ่และเน่าแห้ง การป้องกันกำจัด
เพื่อไม่ให้ดอกกุหลาบถูกฝนควรปลูกกุหลาบในโรงเรือนพลาสติก การป้องกันควร
ฉีดพ่นสารเคมีด้านข้างและด้านบนดอกด้วย คอปเปอร์ ไฮดร๊อกไซด์ แมนโคเซ็บ
หรือ คอปเปอร์ อ๊อกซี่คลอไรด์
6. โรคกิ่งแห้งตาย (die back)
เกิดจากตัดกิ่งเหนือตามากเกินไปทำให้เชื้อราเข้าทำลายกิ่งเหนือตาจนเป็นสีดำ
และอาจลามลงมาทั้งกิ่งได้ ดังนั้นจึงควรตัดกิ่งเหนือตาประมาณ 1/4 นิ้ว ทำมุม 45
องศาเฉียงลง
แมลงและไรศัตรูกุหลาบ
1. ไรแดง (Spider mite)
2. เพลี้ยไฟ (Thrips)
3. หนอนเจาะสมอฝ้าย (Heliothis armigera)
4. หนอนกระทู้หอมหรือหนอนหนังเหนียว (onion cutworm: Spodoptera exigua)
5. ด้วงกุหลาบ (rose beetle: Adoretus compressus)
6. เพลี้ยหอย (scale insect: Aulucaspis rosae)
7. เพลี้ยอ่อน (aphids: Macrosiphum rosae และ Myzaphis rosarum)
การเก็บเกี่ยว
ระยะเก็บเกี่ยว
ระยะที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยวกุหลาบ คือ ตัดเมื่อดอกตูมอยู่หรือเห็นกลีบดอกเริ่ม
แย้ม (ยกเว้นบางสายพันธุ์) หากตัดดอกอ่อนเกินไปดอกจะไม่บาน ในฤดูร้อนควรตัด
ในระยะที่ยังตูมมากกว่าการตัดในฤดูหนาวเพราะดอกจะบานเร็วกว่า
http://www.ku.ac.th/e-magazine/august43/rose.htm |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 29/11/2011 7:36 am ชื่อกระทู้: |
|
ราคากุหลาบตาก กิ่งใหญ่ เฉลี่ยรายเดือน ประจำปี 2554 ตลาดสี่มุมเมือง
เดือน ............. เฉลี่ย ............... สูงสุด ................... ต่ำสุด
ม.ค. ........... 275.48 ............ 340.00 ................ 240.00
ก.พ. ........... 421.43 ............ 900.00 ................ 240.00
มี.ค. ........... 271.61 ............ 340.00 ................ 180.00
เม.ย. .......... 222.22 ............ 280.00 ................. 80.00
พ.ค. ........... 137.10 ............ 160.00 ................. 80.00
มิ.ย. ........... 124.17 ............ 160.00 ................. 100.00
ก.ค. ........... 158.52 ............ 180.00 ................. 120.00
ส.ค. ........... 177.74 ............ 360.00 ................. 120.00
ก.ย. ........... 178.33 ............ 280.00 ................. 130.00
ต.ค. ........... 178.18 ............ 400.00 ................. 160.00
พ.ย. ............... - .................... - .......................... -
ธ.ค. ............... - .................... - .......................... -
วัน/เดือน/ปี ............... เฉลี่ย ............ สูงสุด .............. ต่ำสุด
22/10/2554 ........... 180 .............. 180 .............. 180
21/10/2554 ........... 160 .............. 160 .............. 160
20/10/2554 ........... 180 .............. 180 .............. 180
19/10/2554 ........... 160 .............. 160 .............. 160
18/10/2554 ........... 160 .............. 160 .............. 160
17/10/2554 ........... 160 .............. 160 .............. 160
16/10/2554 ........... 160 .............. 160 .............. 160
15/10/2554 ........... 180 .............. 180 .............. 180
14/10/2554 ........... 160 .............. 160 .............. 160
13/10/2554 ........... 160 .............. 160 .............. 160
12/10/2554 ........... 160 .............. 160 .............. 160
11/10/2554 ........... 160 .............. 160 .............. 160
10/10/2554 ........... 400 .............. 400 .............. 400
09/10/2554 ........... 160 .............. 160 .............. 160
08/10/2554 ........... 160 .............. 160 .............. 160
07/10/2554 ........... 160 .............. 160 .............. 160
06/10/2554 ........... 160 .............. 160 .............. 160
05/10/2554 ........... 160 .............. 160 .............. 160
04/10/2554 ........... 160 .............. 160 .............. 160
03/10/2554 ........... 260 .............. 260 .............. 260
02/10/2554 ........... 160 .............. 160 .............. 160
01/10/2554 ........... 160 .............. 160 .............. 160
http://www.taladsimummuang.com/dmma/portals/PriceListItem.aspx?id=080101041 |
|
|
kimzagass |
|
|