ผู้ส่ง |
ข้อความ |
kimzagass |
ตอบ: 05/10/2010 7:43 am ชื่อกระทู้: |
|
โลกโบราณว่า "ศิษย์ต้องเก่งกว่าครู" มิฉนั้นโลกก็จะไม่ก้าวหน้า ใช่ไหม ?
ครูสอนศิษย์ไปแล้ว ศิษย์ได้เป็นนายกฯ แต่ครูก็ยังเป็นครูอยู่เหมือนเดิม
โลกปัจจุบัน "ครูต้องเก่งกว่าศิษย์ 1 ก้าว" เพื่อเสริมเติมเพิ่มให้ศิษย์
ครูสอนศิษย์ไปแล้ว ศิษย์เป็นนายกฯ ครูก็เป็นประธานที่ปรึกษานายกฯ
ก้าวที่ลุงคิมต้องนำหน้าศิษย์นั้น ณ วันนี้กำลังทดสอบสูตรใหม่ คาดว่า
ใน 1 เดือน หรือหนาวนี้คงเป็นผล
ความล้มเหลว คือ ความสำเร็จ
ลุงคิมครับผม |
|
|
nokkhuntong |
ตอบ: 04/10/2010 11:29 pm ชื่อกระทู้: |
|
kimzagass บันทึก: | ดูอย่างนกขุนทองซี่ เมื่อก่อนร้อง ชิ้ว ชิ้ว แต่เดี๋ยวนี้ร้อง วู้ วู้ แล้ว... |
ได้ครูดีจ้ะ ครูลุงคิมไงคะ
ต่อไปอาจจะร้อง...ยูเรก้า...แต่อยู่ในสวนนะคะลุง ไม่ใช่ห้องน้ำ |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 04/10/2010 8:37 pm ชื่อกระทู้: |
|
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=98
ต้นลำไยอายุ 20 ปี ติดผลดกที่สุดตั้งแต่ปลูกลำไยมา น้ำหนักผลในแต่ละช่อไม่ต่ำกว่า 5 กิโลกรัมเป็นสวนลำไยของ คุณสุรชัย กิตติกรวัฒนา หมู่ 2 บ้านหนองสมณะ ต.นครเจดีย์ อ.ป่างชาง จ.ลำพูน ปลูกลำไยพันธุ์อีดอ เบี้ยวเขียว และสีชมพู่ แต่มีพันธุ์อีดอมากที่สุด ปัจจุบัน ต้นที่มีอายุ 20 ปี มีจำนวน 104 ต้น อายุ 7 ปี จำนวน 30 ต้น
-----------------------------------------------------------------------------------------------
เห็นบอกว่าลำไยที่สวนอายุ 20 ปี เลยนึกถึง "พ่อเลี้ยงสุรชัย กิตติกรวัฒนา" ตามข่าวที่ตัดมาเพียงส่วนหนึ่ง ที่นั่นเมื่อกว่า 10 ปีมาแล้ว มีประสบการณ์ตรงที่อยากเล่าให้ฟัง คือว่า....
ลำไยต้นอยู่ติดบ้าน อายุต้นกว่า 20 ปี สูงเท่าสันจั่วบ้าน 2 ชั้น เส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม 15-20 ม.
พ่อเลี้ยงตัดสินใจติดสปริงเกอร์ให้กับทุกต้นทั้งสวน เฉพาะต้นนี้ต้นเดียว ติดสปริงเกอร์ เหนือทรงพุ่ม 4 หัว, ในทรงพุ่ม 6 หัว ที่พื้นโคนต้นเขตทรงพุ่ม 6 หัว เปิดน้ำแต่ละทีอลังการ์มากกกกก
ปีนั้นเป้าหมายทำลำไยนอกฤดู กะเก็งให้ออกดอกเดือน ส.ค. แล้วเก็บเกี่ยวได้ช่วง ก.พ. ซึ่งตรงกับสารทจีนพอดี แนวทางใช้แบบ "บังคับด้วยการบำรุงต้น" แทนการ "บังคับด้วยการทรมาณต้น"
สวนนี้ "ไม่ได้ราดสารโปแตสเซียม คอเรต" สภาพต้นสนบูรณ์มาก ขนาดใบใหญ่เท่าๆกับใบมะม่วง ต่างกับสวนข้างเคียงที่บังคับแบบทรมาณต้นด้วยการราดสาร ขนาดใบเล็กเท่าปกติของลำไย
เดือน พ.ค.- มิ.ย. มีฝนตก ต้องบำรุงด้วยสูตร "กดใบอ่อนสู้ฝน" อย่างหนัก ถึงขนาดใบกร้าน ปลายใบไหม้ทั้งต้น ครั้นถึง ก.ค. ฝนทิ้งช่วง เปิดโอกาสให้เปิดตาดอกได้ งานนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูง ดอกดกมากๆ บำรุงดอกเต็มที่ก็เลยติดผลดเกมากๆ ช่วงผลเล็กบำรุงด้วยสูตร "สร้างเมล็ด" ช่วงผลกลางบำรุงด้วยสูตร "หยุดเมล็ด-สร้างเนื้อ" ทั้งทางใบทางราก ช่วงก่อบเก็บเกี่ยว 1 เดือน บำรุงด้วยสูตร "เร่งหวาน-เร่งสี-เร่งกลิ่น" ทุกขั้นตอน O.K.
เก็บเกี่ยวลำไยต้นนี้เพียงต้นเดียวได้ผลบนต้น 1,200 กก. ผลร่วงที่พื้น 200 กก. ไซส์ขนาด 55 ผล/กก. ราคาหน้าสวน 45 บาท/กก. คนรับซื้อต้องเฝ้าที่สวนเพราะเกรงจะขายคนอื่น ลำไยชุดนี้ส่งออกมาเลเซีย. สิงค์โปร์.
ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้เป็นผลพวงมาจากการบำรุงแบบ "อินทรีย์นำ-เคมีเสริม-ตามความเหมาะสมของลำไยต้นนั้น" โดยแท้
พ่อเลี้ยงสุรชัยฯ อยู่ กทม. เป็นเจ้าของโรงงานอุปกรณ์เครื่องเหล็ก ต้องนั่งเครื่องบินไปดูสวนลำไยประจำ ทำอยู่ 2-3 ปี ต้องขายสวน ไม่ใช่เพราะขาดทุน ตรงกันข้ามกลับได้กำไร แต่ที่ต้องขายสวนเพราะเจ๊งด้วยค่าเครื่องบิน
ลุงคิมครับผม |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 04/10/2010 7:32 pm ชื่อกระทู้: |
|
Rin บันทึก: | ขอบคุณคุณลุงมากค่ะ
ความรู้น้อยมากจริงๆ ค่ะ ศึกษาจนสมองบวมแต่พอจะทำ...ทำไงดีว้า....
คงต้องนั่งอ่านกระทู้และข้อมูลจนตาลายเนื่องจากมือใหม่ (ใจร้อน) จริง ๆ ค่ะ |
เกษตรน่ะ เรียนยากแต่ทำง่าย.....LEARNING BY DOING เดี๋ยวก็เป็นเอง เผลอๆ เก่งกว่าครูด้วย
ดูอย่างนกขุนทองซี่ เมื่อก่อนร้อง ชิ้ว ชิ้ว แต่เดี๋ยวนี้ร้อง วู้ วู้ แล้ว...
ลุงคิมครับผม |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 04/10/2010 7:20 pm ชื่อกระทู้: |
|
เคยตั้งข้อสังเกตุไหม.....
1.... ทำไมสารเคมีกำจัดหนอน ฉีดพ่นแล้วหนอนไม่ตาย ทั้งๆที่ลำตัวของหนอนแสนจะบอบบาง เพิ่งเกิดออกมาจากไข่ เปรียบเสมือนเด็ก ที่ภูมิต้านทานยังไม่มี แต่สามารถสู้กับฤทธิ์ของสารเคมีได้ (ขนาดคนกินยังตาย....ไม่เชื่อลองดู) คำตอบก็คือ สารเคมีที่ใช้ "เสื่อม" ในขั้นตอนผสม น่ะซี..... เกษตรกรแก้ปัญหาโดยการใส่ "เพิ่ม + แถม" ให้มากกว่าอัตราใช้ที่ระบุบนฉลาก 2-3-4 เท่า
2.... ทำไมยาฆ่าหญ้า ใช้ตามอัตราฉลากข้างขวด ฉีดพ่นแล้วหญ้าไม่ตาย คำตอบก็คือ ยาฆ่าหญ้าที่ใช้ "เสื่อม" ในขั้นตอนน่ะซี..... กรณียาฆ่าหญ้าใช้แล้วไม่ได้ผล เกษตรกรแก้ปัญหาด้วยการ "เพิ่ม+ แถม" จากอัตราใช้ตามฉลากระบุให้ใช้ 50 ซีซี.(สมมุติ)/น้ำ 20 ล. เติม "เพิ่ม + แถม" เป็น 200-250 ซีซี./น้ำ 20 ล. จึงได้ผล คือ หญ้าตาย
ทั้ง 2 กรณีสมมุตินี้ การ "เพิ่ม + แถม" แล้วได้ผล เพราะตัวสารเคมีที่ใส่ครั้งแรกเป็นตัวปรับน้ำให้เป็นกรดก่อน ครั้นใส่ครั้งสุดท้ายจึงได้ผล ไงล่ะ
การใช้สารเคมีหรือใช้ตัวมันเองเป็นตัวปรับน้ำ กับ ใช้น้ำส้มสายชูปรับน้ำ อย่างไหนจ่ายแพงกว่ากัน
ปุจฉา วิสัชนา :
- ทำไมคนขายสารเคมีจึงไม่แนะนำไห้เกษตรกรปรับน้ำก่อน คำตอบคือ ต้องการให้ใช้ครั้งละมากๆ เมื่อใช้หมดแล้วจะได้มาซื้อใหม่ ไงล่ะ
- ทำไมเกษตรกรจึงไม่ถามคนขาย คำตอบคือ ไม่รู้ ไม่มีความรู้ แล้วถ้าถามต่ออีกว่า ทำไมไม่รู้ ไม่มีความรู้ คำตอบก็คือ ไม่ให้ความสำคัญต่อสิ่งที่เรียกว่า ความรู้- วิชาการ ไม่สังเกตุ ไม่เฉลียวใจ ไงล่ะ
แล้วคุณล่ะ
ลุงคิมครับผม |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 04/10/2010 6:27 pm ชื่อกระทู้: |
|
หลักวิชาเคมีเบื้องต้น หลักสูตร ป.6 (เรียน ป.ปริญญา แล้วลืม ป.ประถม) บอกว่า "กรด + ด่าง = เกลือ + น้ำ" ปฏิกิริยา "เกลือ + น้ำ" นี้ ภาษาวิชาเคมีบอกว่าเป็น "กลาง" แต่ภาษาบ้านลุงคิมบอกว่า "เสื่อม"
- น้ำที่จะใช้มีทั้งสถานะเป็นกรด และเป็นด่าง
- ปุ๋ย/ฮอร์โมน/สารเคมี มีทั้งสถานะเป็นกรด และเป็นด่าง
ถ้าต้องการรู้ว่าอะไรเป็นกรด หรือด่าง ต้องวัดด้วย พีเอช มิเตอร์ หรือกระดาษลิสมัส เท่านั้น
- น้ำที่เป็น "ด่าง" ผสมกับ "ปุ๋ย/ฮอร์โมน/สารเคมี" ที่เป็น "ด่าง" ก็คือ "ด่าง + ด่าง = ด่าง" นั่นคือ ไม่เสื่อม แต่ใช้กับพืชไม่ได้
- น้ำที่เป็น "ด่าง" ผสมกับ "ปุ๋ย/ฮอร์โมน/สารเคมี" ที่เป็น "กรด" ก็คือ "ด่าง + กรด = เกลือ + น้ำ" นั่นคือ ใช้ไม่ได้ หรือ เสื่อม
- น้ำที่เป็น "กรด" ผสมกับ "ปุ๋ย/ฮอร์โมน/สารเคมี" ที่เป็น "กรด" ก็คื่อ "กรด + กรด = กรด" นั่นคือ ไม่เสื่อม และใช้กับพืชได้
.... โดยทั่วๆ ไป ธรรมชาติของน้ำมักเป็นด่างอยู่แล้ว เพียงแต่จะมีค่าเป็นด่างเท่าไหร่ เท่านั้น
.... โดยทั่วๆ ไป ธรรมชาติของ ปุ๋ย/ฮอร์โมน/สารเคมี มักเป็นกรดอยู่แล้ว เพียงแต่จะมีค่าเป็นกรดเท่าไหร่ เท่านั้น
ธรรมชาติของพืชชอบความเป็นกรดอ่อนๆ ทั้งทางใบและทางราก เมื่อรู้ว่า ปุ๋ย/ฮอร์โมน/สารเคมี เป็นกรด แต่น้ำที่ใช้ผสมเป็นด่าง และพืชชอบกรดอ่อนๆ ด้วย จึงจำเป็นต้องปรับค่า กรด-ด่าง ของน้ำให้เป็นกรดอ่อนๆ ก่อนผสมกัน
ต้องการปรับให้น้ำเป็นกรด ก็คือ เติม "กรด" ลงไป กรดที่ดีที่สุด เมาะสมที่สุด ประหยัดที่สุด และเป็นกรดอินทรีย์ ก็คือ "น้ำส้มสายชู" นั่นเอง
การปฏิบัติ :
ผสม ปุ๋ย/ฮอร์โมน/สารเคมี ที่เป็นกรด :
- ขั้นตอนที่ 1. ใช้ "น้ำสายชู ชนิด 5% อัตรา 1-1.5 ซีซี./น้ำที่ใช้ 1 ล." จะได้ค่า กรด-ด่าง ประมาณ 5.5-6.0 ถือว่า O.K.
- ขั้นตอนที่ 2. เติม ปุ๋ย/ฮอร์โมน/สารเคมี ลงไปตามต้องการ คนเคล้าให้เข้ากันดี
ผสม ปุ๋ย/ฮอร์โมน/สารเคมี ที่เป็นด่าง :
- เติม ปุ๋ย/ฮอร์โมน/สารเคมี ลงไปได้เลย แล้วคนเคล้าให้เข้ากันดี
ผสม ปุ๋ย/ฮอร์โมน/สารเคมี ที่เป็นกรดและด่างพร้อมกัน :
ขั้นตอนที่ 1 เติม ปุ๋ย/ฮอร์โมน/สารเคมี ที่เป็นด่างก่อน คนเคล้าให้เข้ากันดี
ขั้นตอนที่ 2 เติมน้ำส้มสายชูชนิด 5% อัตรา 2-3 ซีซี./น้ำ 1 ล. คนเคล้าให้เข้ากันดี
ขั้นตอนที่ 3 เติม ปุ๋ย/ฮอร์โมน/สารเคมี ที่เป็นกรดตามต้องการ คนเคล้าให้เข้ากันดี
หมายเหตุ :
ตามหลักวิชาการจริงๆ แนะนำให้ใช้ BUFFER ปรับให้น้ำเป็นกรดอ่อนๆ
ลุงคิมครับผม |
|
|
Rin |
ตอบ: 04/10/2010 5:28 pm ชื่อกระทู้: |
|
สวัสดีค่ะคุณ catcaty สวนอยู่เชียงใหม่ ทำลำไยในฤดู ยังไม่กล้าทำนอกฤดูค่ะ(ฮะฮ่า...ในฤดูยังทำท่าจะไม่รอดเลยค๊า..)
คุณ nokkhuntong ขอบคุณนะคะ
คุณลุงคิมคะ ว่าแต่รู้เรื่องความเป็นกรดด่างของน้ำแล้วทำอย่างไรต่อคะ (อิ..อิ..ขอ short cut ยังไม่มีเวลาศึกษาข้อมูลค๊า...) |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 04/10/2010 4:35 pm ชื่อกระทู้: |
|
โดยเฉพาะช่วง "วิกฤต" ที่ต้องระวังสุดชีวิต เพราะถ้าพลาดไปแล้วต้องกลับไปเริ่มต้นขั้นตอนที่ 1 (เรียกใบอ่อน) ใหม่ ทำให้เสียเวลา เผลอปีการผลิตปีนั้นหลุดไปเลย โน่นแหละ ๆ ไปเริ่มต้นเอาใหม่ปีการผลิตหน้า
ช่วงวิกฤตของลำไย (ไม้ผลอื่นๆ ก็เหมือนกัน) ได้แก่....
- ใบอ่อน
- ดอกตูม
- ผลเล็ก
เพราะฉนั้น "กันก่อนแก้" เป็นดีที่สุด
ลุงคิมครับผม |
|
|
nokkhuntong |
ตอบ: 04/10/2010 2:19 pm ชื่อกระทู้: |
|
สวัสดีคุณ Rin ค่ะ
ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ค่ะ
ความเป็น "กรด-ด่าง" ของน้ำ ทดสอบง่าย ๆ ได้ด้วยตัวเอง ด้วยกระดาษลิตมัส ดูรูปหน้าตาเจ้ากระดาษลิตมัส ในหน้าแรกของเว็ป ลำดับภาพที่ 27 ค่ะ คลิกไล่ภาพไปเรื่อย ๆ
หาซื้อได้ที่ร้านศึกษาภัณฑ์ (จำได้มั้ยค่ะ เคยใช้ตอนเรียนประถม-มัธยมไง) ไม่แพงด้วย
นำแผ่นกระดาษลิตมัส 1 แผ่น จุ่มลงไปในน้ำที่ต้องการตรวจสอบ แล้วนำมาเทียบสีที่กล่อง ใกล้เคียงสีใดที่สุด อ่านค่าที่เทียบได้ ก็จะทราบว่าเป็น "กรด-ด่าง" เท่าไหร่เหมาะสมพร้อมใช้หรือยัง
kimzagass บันทึก: | มาตรการกันก่อนแก้ แย่แล้วแก้ไม่ได้ ถือว่าเป็น "คติเตือนใจ" ได้ดีที่สุด |
การป้องกันไม่ว่าจะเป็นแมลงศัตรูพืชหรือโรคพืช ต้องกันก่อนแก้ คือ ฉีดพ่นป้องกันไว้ก่อนเลย ทุก 3-5 วัน เห็นไม่เห็น มาไม่มา ก็ต้องฉีดไว้ก่อน
มาแล้วเป็นแล้ว..ก็สายเสียแล้ว เสียไปแล้วเรียกกลับมาให้เป็นอย่างเดิมไม่ได้ ต้องเริ่มใหม่...จริง ๆ นะ โดนมาแล้วววว....
นกขุนทอง |
|
|
Rin |
ตอบ: 04/10/2010 6:55 am ชื่อกระทู้: |
|
ขอบคุณคุณลุงมากค่ะ
ความรู้น้อยมากจริงๆ ค่ะ ศึกษาจนสมองบวมแต่พอจะทำ...ทำไงดีว้า....
ตอนพ่นยาฆ่าหนอน ก็เลือกสูตรที่ฆ่าแมลงได้ด้วย และผสมสูตรกำจัดไข่ไปด้วย(ในใจก็คิดว่าจะใช้ยาเกินจำเป็นหรือเปล่า ..... จะบาปไหมนะ)
ส่วนเรื่องความเป็นกรด-ด่าง(เกลือ+น้ำ)ไม่ทราบค่ะ ใช้น้ำบาดาลดูดจากความลึก 85 เมตรพื้นที่ อ.แม่แตง เชียงใหม่ ต้องเอาน้ำไปตรวจความเป็นกรดด่งไหมคะ แต่ผสมยาตามฉลากค่ะ
คงต้องนั่งอ่านกระทู้และข้อมูลจนตาลายเนื่องจากมือใหม่ (ใจร้อน) จริง ๆ ค่ะ |
|
|
catcaty |
ตอบ: 04/10/2010 6:51 am ชื่อกระทู้: |
|
คุณทำสวนลำไยที่ไหนหรือครับ? ผมอยู่สอยดาวพอมีประสบการณ์เรื่องพวกนี้อยู่บ้าง (ทั้งประสบการณ์ตรงและเว็ปลุงคิม) ปีนี้ของผม 200 กว่าต้นราดสารออกดอกน่าจะเรียกได้ว่าเกือบร้อยเปอร์เซ็น ช่วงนี้ดอกกำลังใกล้จะบานแล้ว ยินดีให้คำปรึกษาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนะครับ ไม่มีเรื่องผลประโยชน์แอบแฝงใดๆ
ผมเป็นสมาชิกที่นี่มาระยะหนึ่ง ดีครับ ได้รับคำแนะนำและความรู้ที่เป็นประโยชน์จากลุงคิมและเพื่อนพ้องน้องพี่สมาชิกเรียกได้ว่ามหาศาล
ยินดีต้อนรับสู่ชมรมคนเหงื่อหยดครับผม(อันนี้เลียนแบบคุณยุทธ ไม่รู้ไปไหนไม่เห็นออกมาต้อนรับสมาชิกใหม่)
หมึกครับผม |
|
|
kimzagass |
ตอบ: 03/10/2010 7:58 pm ชื่อกระทู้: |
|
เคยพูดมานานนับ 10 ปี ทั้งในรายการวิทยุ. รายการสีสันสันจร (ตะลอนตระเวนไปสอนถึงถิ่น). เขียนในหนังสือ. ว่า...
- ไม่มีพืชใดในโลกนี้ที่ไม่มีศัตรูพืชประจำตัว วันนี้ไม่มีเพราะยังไม่มา ถ้ามาจะเอาไม่ทัน
- ในโลกนี้ไม่มีสารเคมี หรือสารสมุนไพรตัวใดสามารถทำให้ส่วนของพืชที่ถูกทำลายแล้วดีคืนเหมือนเดิมได้
- ใบอ่อนที่ออกมาแล้ว ถ้าถูกทำลายไปต้องเสียเวลาเรียกใหม่ ไม่น้อยกว่า 3 เดือน
- ปลูกลำไยหรือพืชใดก็ตาม ต้องรู้ล่วงหน้าว่า อะไรคือศัตรูพืช แล้วป้องกันล่วงหน้า
- มาตรการกันก่อนแก้ แย่แล้วแก้ไม่ได้ ถือว่าเป็น "คติเตือนใจ" ได้ดีที่สุด
- สารสมุนไพร ผสม หรือใช้รวมกับสารเคมีได้ (ในเว้บนี้มีเทคนิคการใช้ "สารสมุนไพร + สารเคมี" ว่าด้วยวิธี ลด-ละ-เลิก สารเคมี ย้อนไปดูกระทู้เก่าๆก็จะเข้าใจและรู้ว่าตัวเอง "พลาด" ตรงไหน
ทำเกษตรวันนี้ "อย่า...อินทรีย์ตกขอบ - อย่า...เคมีบ้าเลือด" ในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์
..... อินทรีย์ใช้ไม่เป็น........................ก็ไม่ได้ผล
..... เคมีใช้ไม่เป็น............................ก็สูญเปล่า
แม้ว่าเรื่องเกษตรจะไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่ก็ไม่ยากอย่างที่กลัว....ไม่รู้ต้องเรียน เรียนให้รู้....ทำลำไย รู้ลำไย เพียงอย่างเดียว แต่ให้เชี่ยว ชาญเถิด จะเกิดผล
ลำพังหนอนผิวบางๆ ภูมิต้านทานในร่างกายจะซักเท่าไหร่เชียว เพราะฉนั้นสารเคมีตัวไหนก็ได้ ขนาดคนยังตายแล้วหนอนจะรอดได้ยังไง ว่าแต่ยาฆ่าแมลงที่ใช้แน่ใจหรือว่า "ผสมถูกต้อง" หลักการเคมี "กรด+ด่าง = เกลือ+น้ำ" ตรวจสอบหรือเปล่า
ทำไมจ้องกำจัดแต่หนอน ถ้า (IF) กำจัดไข่แม่ผีเสื้อ แล้วจะเกิดหนอนไหม ? ถ้าหลอกแม่ผีเสื้อไม่ให้เข้าวางไข่ได้ แล้วจะเกิดหนอนไหม ? .... นี่คือแนวคิดในการวางแผนสู้รบกับหนอน....ตัดลมต้นไฟ ย่อมดีกว่านะ
ที่ตอบอย่างนี้ ไม่ใช้ยียวนกวนประสาท วิเคราะห์แล้วรู้ว่า คุณมีพื้นฐานเรื่องลำไยน้อยมาก
ให้ข้อมูลได้ละเอียดดีมาก ทุกอย่างเห็นภาพ แต่คำตอบมีเพียงคำเดียวว่า "เสียใจ" เพราะทุกอย่างสายเกินแก้ไปแล้ว
จุลินทรีย์ กับ สมุนไพร น่ะรวมกันไม่ได้นะ เพราะจุลินทรีย์เป็นสิ่งมีชีวิต เจอสารออกฤทธิ์ในสมุนไพร จุลินทรีย์ก็ตาย สองอย่างนี้ต้องแยกกันใช้ จึงจะได้ผล
พืชสมุนไพรแต่ละตัวมีสารออกฤทธิ์ตามธรรมชาติต่างกัน การใช้สารสกัดสมุนไพรต้องเลือกสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ตรงกับชนิดของศัตรูพืช (หนอน-แมลง-โรค) นอกจากนี้วิธีการสกัดให้ได้สารออกฤทธิ์แรงที่สุด เทคนิคการใช้ ช่วงเวลาในการใช้ ล้วนแต่มีผลทำให้ "ได้ผล หรือ ล้มเหลว" ทั้งสิ้น
ลุงคิมครับผม |
|
|
Rin |
ตอบ: 03/10/2010 5:32 pm ชื่อกระทู้: แมลงกินยอดอ่อนลำไย ทำอย่างไรดี ? |
|
เรียนถามคุณลุงคิมและทุกท่าน
รายงานตัวค่ะ เป็นชาวสวนสมัครเล่น ซื้อที่แต่ได้ต้นลำไยอายุประมาณ 20 ปีมา 200 ต้น (สวนร้างมาประมาณ 10 ปี) ก็เลยจะลองทำให้มันออกดอกออกผลค่ะ แผ้วถาง ตัดกิ่ง
จนเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนลำไยเริ่มแตกยอดอ่อนชุดที่ 2 มีหนอน + แมลง เล็กน้อย(คิดเอาเอง) เนื่องจากไม่ต้องการใช้ยาฆ่าแมลง จึงใช้จุลินทรีย์ผสมสมุนไพรไล่แมลงมาพ่น
ผ่านไป 1 สัปดาห์ กลับไปดูสวน พบว่าใบอ่อนแตกออกมามากแต่เหลือส่วนใบประมาณ 50% นอกนั้นเหลือแต่ก้าน จะพ่นยาวันนั้นก็ไม่ทัน
วันรุ่งขึ้นไปพ่นยาฆ่าแมลงพบว่า ผ่านไป 1 คืนใบอ่อนเหลือประมาณ 30% หลังพ่นยามีหนอนบนพื้นแทบทุกตารางนิ้ว
วันนี้ (3 ต.ค.53) หลังจากพ่นยาฆ่าแมลง 1 สัปดาห์ มีใบอ่อนแตก (ต่อยอด) ออกมาเล็กน้อย และส่วนใหญ่เห็นยอดใบเล็กๆ ยาวประมาณ 1 นิ้ว สีเขียวขี้ม้า ส่งสัยว่ามันจะเจริญเป็นใบสมบูรณ์ต่อไปหรือไม่ และกรณีนี้จะทำอย่างไรถึงจะมีใบลำไยเพียงพอที่จะได้ผลผลิตคะ
ขอบคุณค่ะ |
|
|