-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ฟื้นฟูดินหลังน้ำท่วม เพื่อการเพาะปลูกใหม่
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ฟื้นฟูดินหลังน้ำท่วม เพื่อการเพาะปลูกใหม่
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11623

ตอบตอบ: 21/10/2011 9:27 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

หน้าที่ 2

ลำดับเรื่อง...

27. สาเหตุที่ปุ๋ยเคมีกลายเป็นสิ่งต้องห้ามในระบบเกษตรอินทรีย์
28. ปัญหาในการทำเกษตรอินทรีย์

----------------------------------------------------------------------------------








27. สาเหตุที่ปุ๋ยเคมีกลายเป็นสิ่งต้องห้ามในระบบเกษตรอินทรีย์


เพื่อลดผลกระทบด้านปุ๋ยเคมี นักวิชาการมักแนะนำให้ใช้ปุ๋ย อินทรีย์เคมี ที่ผสมกันระหว่างปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยเคมี ที่ทางกลุ่มเกษตรกรพิจารณาว่า ยังไม่แก้ไขประเด็นข้อปัญหาในระยะหลายปีที่ผ่านมา ได้ข้อโต้แย้งกันในกลุ่มเกษตรกรและนักวิชาการด้านดินและปุ๋ย ในประเด็นการพิจารณาว่า

ปุ๋ยเคมีเป็นสิ่งต้องห้ามในการทำเกษตรอินทรีย์ บางครั้งเกษตรกรบางท่านใช้คำสื่อง่ายๆว่า "ปุ๋ยเคมีเป็นสารพิษ" ไปเลย อันเนื่องมาจากอย่างน้อย ๒ ประการด้วยกัน คือ


1. เมื่อมีการใช้ปุ๋ยเคมีแล้ว มักทำให้เกิดการเข้าใจผืดว่า "ดินดี" แล้ว
• จึงมักไม่มีการดูแล บำรุงรักษาดิน
• ทำให้ดินเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว
• และต้องใช้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อรักษาระดับผลผลิต
• แบบเดียวกับการใช้สารเสพติดของคน
• และยิ่งแตกต่างมากจากการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่จำเป็นต้องใช้น้อยลงๆ เรื่อยๆ


2. ปุ๋ยเคมีมักมีราคาแพง
• มักสั่งจากต่างประเทศ
• ทำให้ต้องลงทุนสูง
• พึ่งพาตัวเองได้น้อยลง
• มีโอกาสขาดทุนได้ง่ายขึ้น
• ทำให้ทำเกษตรอินทรีย์แบบพึ่งตนเองนั้นทำไม่ได้


ที่เป็นประเด็นการกำหนดว่าปุ๋ยเคมีเป็นของต้องห้าม นอกเหนือไปจากผลการตกค้างโดยตรง คือ มีแนวโน้มทำให้มี ปริมาณธาตุอาหารที่ผิดสัดส่วนจากธรรมชาติ จากความเป็นกรด และความเป็นเกลือของปุ๋ยเคมี

นอกจากนี้ การใช้ปุ๋ยเคมี ยังต้องการน้ำเป้นตัวทำละลายในจุดที่โรยปุ๋ยค่อนข้างมากกว่าปุ๋ยอินทรีย์ จึงต้องมีน้ำมากพอจึงจะได้ผล ในขณะที่ปุ๋ยอินทรีย์ใช้ความชึ้นต่ำกว่า มีในระดับใดก็ได้และการให้ปุ๋ยเคมีที่ระดับตื้น ทำให้รากพืชส่วนใหญ่เจริญอยู่ที่ผิวดิน มีอัตราเสี่ยงต่อปัญหาการขาดความชื้น หรือฝนทิ้งช่วงได้โดยง่าย ที่เป็นข้อสังเกตของผู้นำเกษตรกร ที่นำไปสู่การกำหนดข้อห้ามการใช้ปุ๋ยเคมีดังกล่าว

ดังนั้น เพื่อลดผลกระทบด้านปุ๋ยเคมี นักวิชาการมักแนะนำให้ใช้ปุ๋ย อินทรีย์เคมี ที่ผสมกันระหว่างปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยเคมี ที่ทางกลุ่มเกษตรกรพิจารณาว่า ยังไม่แก้ไขประเด็นข้อปัญหา ทั้งสองข้างต้นจึงยังคงถือว่าปุ๋ยผสมอินทรีย์เคมีเป็นสารต้องห้ามสำหรับเกษตรอินทรีย์เช่นกัน แต่มิได้ห้ามสำหรับการทำการเกษตรเคมีที่ใช้ปุ๋ยอินทรีย์

ที่นักวิชาการบางท่านพยายามจะให้เรียกเป็นเกษตรอินทรีย์ที่มีข้อจำกัดตรงที่คำจำกัดความ ที่เกษตกรใช้ในความหมายว่า

เกษตรอินทรีย์ คือ การทำการเกษตรที่ไม่ทำลายตนเอง ไม่ทำลายทรัพยากร และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม มิได้มีข้อโต้แย้งในเชิงแร่ธาตุในส่วนประกอบแต่อย่างใด

จึงนับได้ว่าเป้นปัญหาของการใช้คำและการถกกันแบบ "คนละเรื่องเดียวกัน" หวังว่าเราคงจะเข้าใจกันมากขึ้น เพื่อการพัฒนาที่ดีกว่าเดิม




http://www.gotoknow.org/blogs/posts/439337


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 22/10/2011 7:44 am, แก้ไขทั้งหมด 4 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11623

ตอบตอบ: 21/10/2011 9:43 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

28. ปัญหาในการทำเกษตรอินทรีย์


1. ผลผลิตจะไม่ออกทั้งปี แต่ออกตามฤดูกาล เพราะเกษตรอินทรีย์เป็นการทำการเกษตรที่พึ่งพาอาศัยธรรมชาติมากกว่าการฝืนธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้ต้องการใช้สารเคมีมากขึ้นตามไปด้วย

2. ราคาผลผลิตจะสูงกว่า เพราะแม้จะใช้ปัจจัยในการผลิตลดลงแต่ต้องใช้แรงงานในการดูแลและเอาใจใส่มากขึ้น


1. หลักพื้นฐานของการทำเกษตรอินทรีย์
1. ห้ามใช้สารเคมีสังเคราะห์ทางการเกษตรทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหญ้า ยาป้องกันกำจัดศัตรูพืช และฮอร์โมน

2. เน้นการปรับปรุงบำรุงดินด้วยอินทรียวัตถุเช่นปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด ตลอดจนการปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อให้พืชแข็งแรงมีความต้านทานต่อโรคแมลง

3. รักษาความสมดุลของธาตุอาหารภายในฟาร์ม โดยใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นมาหมุนเวียนให้เกิดประโยชน์สูงสุด

4. ป้องกันมิให้มีการปนเปื้อนของสารเคมีจากภายนอกฟาร์ม ทั้งจากดิน น้ำ และอากาศ โดยจัดสร้างแนวกันชน ด้วยการขุดคู หรือปลูกพืชยืนต้น และพืชล้มลุก

5. ใช้พันธุ์พืชหรือสัตว์ที่มีความต้านทาน และมีหลากหลาย ห้ามใช้พันธุ์พืชหรือสัตว์ ที่ได้จากการตัดต่อสารพันธุกรรม

6. การกำจัดวัชพืชใช้เตรียมดินที่ดี และแรงงานคนหรือเครื่องมือกลแทนการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช

7. การป้องกันกำจัดวัชพืชใช้สมุนไพรกำจัดศัตรูพืชแทนการใช้ยาเคมีกำจัดศัตรูพืช

8. ใช้ฮอร์โมนที่ได้จากธรรมชาติ เช่น จากน้ำสกัดชีวภาพแทนการใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์

9. รักษาความหลากหลายทางชีวภาพ โดยการักษาไว้ซึ่งพันธุ์พืช หรือสัตว์ สิ่งที่มีชีวิตทุกชนิดที่มีอยู่ในท้องถิ่น ตลอดจนปลูกหรือเพาะเลี้ยงขึ้นมาใหม่

10. การปฏิบัติหลักการเก็บเกี่ยวและการแปรรูปให้ใช้วิธีธรรมชาติ และประหยัดพลังงาน

11. ให้ความเคารพสิทธิมนุษย์และสัตว์

12. ต้องเก็บบันทึกข้อมูลไว้อย่างน้อย 3 ปี เพื่อรอการตรวจสอบ




วิธีการของเกษตรอินทรีย์
1. ไม่ใช้สารเคมีใด ๆ ทั้งสิ้น เช่น ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และยาปราบศัตรูพืช

2. มีการไถพรวนระยะเริ่มแรก และลดการไถพรวนเมื่อปลูกไปนาน ๆ เพื่อรักษาสภาพโครงสร้างของดิน

3. มีการเปลี่ยนโครงสร้างของดินตามธรรมชาติ คือมีการคลุมดินด้วยใบไม้แห้ง หญ้าแห้ง ฟางแห้ง วัสดุอื่น ๆ ที่หาได้ในท้องถิ่น เพื่อรักษาความชื้นของดิน

4. มีการใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก และปุ๋ยพืชสด

5. มีการเติมจุลินทรีย์ท้องถิ่นที่มีประโยชน์

6. มีการเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วย เช่น เทคนิคการปลูก การดูแลเอาใจใส่ การขยายพันธุ์พืช การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ การให้น้ำ ตลอดจนการเก็บเกี่ยว

7. มีการปลูกอย่างต่อเนื่อง ไม่ปล่อยที่ดินให้ว่างเปล่า แห้งแล้ง ทำให้โครงสร้างของดินเสีย จุลินทรีย์ จะตาย อย่างน้อยให้ปลูกพืชคลุมดินชนิดใดก็ได้

8. มีการป้องกันศัตรูพืช โดยใช้สารสกัดธรรมชาติ เช่น สะเดา ข่า ตะไคร้ ยาสูบ โล่ตี้น และพืชสมุนไพรอื่น ๆ ที่มีอยู่ในท้องถิ่น



ดังนั้น วิธีการเกษตรอินทรีย์ จึงมิใช่เกษตรกรรมของคนขี้เกียจ ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ต้องมีความมานะพยายาม ขยัน เอาใจใส่ อดทน ประหยัด ส่งเสริมการเกษตรผสมผสาน และไร่นาสวนผสม



หลักการผลิตพืชเกษตรอินทรีย์ และการปรับปรุงดิน
1. ไม่เผาตอซัง
2. ใช้ปุ๋ยคอก, ปุ๋ยหมัก
3. ใช้ปุ๋ยพืชสด
4. ใช้ปุ๋ยชีวภาพ
5. ใช้วิธีผสมผสาน ระบบการปลูกพืชผสมผสานหลายชนิด และเกื้อกูลกัน

................. ฯลฯ ................




http://www.ekaset.net/index.php?option=com_content&task=view&id=379&Itemid=152
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11623

ตอบตอบ: 08/11/2011 7:16 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

...
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2
หน้า 2 จากทั้งหมด 2

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©