-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบปัญหาเกษตร 1 JUN *กลุ่มชาวนา, อยากเลี้ยงโคขุน
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบปัญหาเกษตร 1 JUN *กลุ่มชาวนา, อยากเลี้ยงโคขุน

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11568

ตอบตอบ: 01/06/2014 9:04 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบปัญหาเกษตร 1 JUN *กลุ่มชาวนา, อยากเลี้ยงโคขุน ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางรายการวิทยุ 1 JUN

AM 594 เวลา 08.10-09.00 & 20.05-20.30 ทุกวัน และ FM 91.0 (07.00-08.00 / วันอาทิตย์)

********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...
... บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6

... ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธันเดอร์แคล, เอ็ม.แคล--- ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112

... และ บ.มายซัคเซส อะโกร--- ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต,
สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

----------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2 )“คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณอรุณ” (085) 058-1737 ในร้านโครงการหลวง ตลาด อตก.

7) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
8 ) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------



จาก : (087) 000-3834 xx
ข้อความ : ผมเป็นกรรมการกลุ่มชาวนา อ.หันคา จ.ชัยนาท อ่านในเน็ต ข้าวไรซ์เบอร์รี่ปลูกได้ไหม ปลูกแล้วขายที่ไหน การซื้อขายจะแน่นอนไหม....
ตอบ :
@@ อ่านในเน็ต แสดงว่าเล่นเน็ตเป็นแต่เปิดไม่เป็น เพราะแทบทุกเรื่องที่อยากรู้มีในเน็ตนั่นแหละ อยากรู้เรื่องอะไร เปิดกูเกิ้ลก่อน แล้วพิมพ์เรื่องที่ต้องการรู้ลงไป พิมพ์แล้วกด ENTER ตึ้งเดียว เรื่องเดียวกันที่อยากรู้จากสารพัดแหล่งจากทุกมุมโลกก็ออกมา .... แต่ที่ลุงคิมตอบนี้ ตอนนี้ยังไม่มีในเน็ต แต่ต่อไปก็จะไปอยู่ในเน็ตเอง โดยกูเกิ้ลนั่นแหละ LINK เอาไป คำตอบจากลุงคิมตรงนี้ออกมาจากใจลุงคิมโดยเฉพาะ คิดเองเขียนเองแล้วก็พูดเอง ประมาณนี้....

@@ เป็นผู้บริหารกลุ่ม :
- เตรียมตอบคำถาม....ทำก่อนซี่ ได้ผลแล้วจะทำตาม....ทำแล้วไม่ได้ผล ใครรับประกัน .... เคยทำแล้ว ไมได้ผล .... อย่าบ้าตามตาคิมหน่อยเลย....ปล่อยตาคิมบ้าไปคนเดียวเถอะ.... ฯลฯ

- ทำใจให้บริสุทธิ์ ตั้งใจช่วยเขาจริงๆ จงให้มากกว่ารับ บนพื้นฐาน “รวยด้วยกัน”
- ศึกษาจากกรณีศึกษา ความสำเร็จของกลุ่มที่สำเร็จ และความล้มเหลวของกลุ่มที่ล้มเหลว
- สร้างความพร้อมแห่งภาวะผู้นำให้กับตัวเอง
- จะสอนจะทำต้อง แม่นสูตร แม่นหลักการ
- เป็นกรรมการกลุ่ม เล่นอินเตอร์เน็ตเป็น แต่หาข้อมูลในเน็ตไม่เป็น....เง็ง (ว่ะ)

@@ สอน สมช. ให้เขา คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ เป็นโดย ....
– สร้างพลังใจ .... รวมกันเราอยู่ แยกหมู่เราตาย .... รวยด้วยกันแล้วจะรวยทุกคน .... กะรวยกว่าข้างบ้านจะจนกว่าข้างบ้าน .... กะรวยคนเดียวจะจนอยู่คนเดียว
- สอบถาม บ้านไหนมีหนี้ บ้านไหนไม่มีหนี้
- สอบถามถึงความต้องการที่แท้จริงออกมาจากใจของเขาต่อการรวมกลุ่ม
- ยกตัวอย่าง หลากหลายกลุ่ม ที่ประสบความสำเร็จจากการรวมกลุ่ม เพื่อสร้างแรงจูงใจ
– รวมทุกปัญหาของทุกคน แล้วจัดกลุ่มปัญหา
- แยกกลุ่มปัญญหาแล้วร่วมกัน คิด/วิเคราะห์ สาเหตุแห่งปัญหา

@@ กลยุทธในการดำเนินงาน :
- แปลงวิชาการให้เป็นการปฏิบัติ
- เปรียบเทียบระหว่าง เทคโนโลยีชาวบ้าน กับ เทคโนโลยีวิทศาสตร์
- จัดทำแปลงสาธิต หลายๆแปลง หลากหลายเทคโนโลยี
– ติดตั้งป้ายบันทึกต้นทุนที่ข้างแปลงปลูก
- ติดตั้งป้ายบอกสาเหตุแห่งความล้มเหลว
- จัดสัมมนาข้างแปลง เรียนรู้จากของจริง
- ตรวจสอบทัศนคติที่เกิดจากการได้เรียนรู้
- เปิดโอกาสให้สมาชิกได้เสนอแนะ

@@ ปลูกได้ไหม ? ขายที่ไหน ?
- ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ปลูกได้ทั่วประเทศ ตั้งแต่เหนือสุดเชียงราย ลงไปถึงไต้สุดนราธิวาส.... อากาศเหนาวเย็นอย่างชียงราย จะได้เมล็ดสีดำดีกว่าภาคไต้เท่านั้น

- นอกจากข้าวสีดำอย่างไรซ์เบอร์รี่แล้วยังมีข้าวสีดำยี่ห้ออื่นที่คนกินเพื่อสุขภาพต้องการ เช่น สินเหล็ก, สุโขทัย, มะลิแดง, สังหยด, ลืมผัว. ฯลฯ

- ขายที่ไหน เปิดอินเตอร์เน็ต มีแหล่งรับซื้อเยอะแยะมากมาย หรือขายเองตามแหล่งท่องเที่ยว

-------------------------------------------------------------



จาก : (088) 618-7287xx
ข้อความ : มีที่ดิน 15 ไร่ อยู่สกลนคร สนใจการเลี้ยงวัวเนื้อ ต้องเตรียมตัวอย่างไร ขอให้ตอบตอนเย็นนี้....ขอบคุณ
ตอบ :
เกริ่น .... ก่อนจะทำอะไร ทำความรู้จักหรือศึกษาเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำโดยละเอียดเสียก่อน ศึกษาให้รู้ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว ศึกษาความล้มเหลวมากๆ ให้รู้ว่าความล้มเหลวนั้นเกิดจากสาเหตุใด มีวิธีการ ป้องกัน/แก้ไข ไหม ? .... สร้างความพร้อมให้กับตัวเอง โดยการ “อ่าน” หนังสือมากๆ อ่านแล้วบันทึกหัวข้อรายละเอียดไว้ให้ครบ (การเขียนช่วยให้ “จำและเกิดความคิดใหม่” ได้ดีกว่าการอ่านอย่างเดียว .... เขียน 1 ครั้ง ได้มากกว่าอ่าน 100 ครั้ง .... อย่าขี้เกียจ แต่จงขยันอ่าน) อ่านมากๆแล้ว ไปดูของจริงให้เห็นกับตา จับกับมือ แล้ว “สอบถาม/สังเกตุ” หาข้อมูลทั้งที่เป็นความสำเร็จและความล้มเหลว เน้นความล้มเหลวให้มากกว่าความสำเร็จ .... แหล่งเรียนนรู้ที่ดี เช่น สหกรณ์โพนยางคำ สกลนคร, ม.เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน นครปฐม, ฟาร์มขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ของเอกชน, ฯลฯ .... เรียนรู้ด้วยตัวเอง เรียนจากประสบการณ์ตรงของคนอื่นก่อน แล้วเสริมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง LEARNING ALL THE LIFE เรียนรู้ตลอดชีวิต

เรียนเกษตรด้านปศุสัตว์โดยตรงได้ปริญญาตรี จบมาแล้วต้อง “เรียนรู้ด้วยตัวเอง” เพื่อสร้างประสบการณ์ตรงให้กับตัวเองต่ออีก 1-2-3 ปี ถึงปฏิบัติได้จริง ในเมื่อเราไม่ได้เรียนด้านปศุสัตว์มาโดตรง ก็เรียนแบบ “สร้างประสบการณ์ให้กับตัวเอง” คือ เรียนโดยการปฏิบัติด้านปศุสัตว์ก็เลือกเอา “โคขุน” โดยเฉพาะ .... เป็นไปได้ไหม จะดีไหม ไปสมัครเป็นคนงานที่สหกรรณ์โพนยางคำ ซะเลย ยื่นข้อเสนอ ไม่เอาเงินเดือน ขอแค่มีข้าวกิน มีที่ซุกหัวนอน เท่านั้น ขอทำงานทุกอย่างแล้วแต่จะสั่ง นาน 1ปี 2ปี ก็ว่ากันไป การเรียนรู้แบบนี้ นอกจากจะได้ทั้งความรู้ด้านวิชาการแล้ว ยังได้ประสบกาณ์ตรงทำกับมือ และได้รู้จักวงการเลี้ยงโคเนื้อด้วย .... ถ้าไม่มีความรู้ทางวิชาการเลย ไม่มีประสบการณ์เคยทำกับมือมาเลย คุณจะลงมือทำเลยก็ได้ มีเงินก็ “สร้าง/ซื้อ” เข้าไป แล้วคุณเคยคิดไหมว่า กว่าจะประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงได้ คุณต้อง “สร้าง/ซื้อ” อีกเท่าไหร่ งานเกษตรไม่ใช่เรื่องยากแต่มีรายละเอียดขั้นตอนมาก งานนี้ ยากหรือง่าย อยู่ที่ใจ

ที่ดิน 15 ไร่ แบ่งโซนดีๆ มีแหล่งน้ำถาวร ติดสปริงเกอร์ หม้อปุ๋ยหน้าโซน กันเนื้อที่มา 2-3 ไร่ ทำคอกวัว (คอกวัว ไม่ใช่คอกควาย) ที่เหลือปลูกไม้ผลยืนต้น ระยะห่างระหว่างต้น 6 x 6 ม. เลี้ยงหญ้าสำหรับวัวโดยเฉพาะระหว่างต้นไม้ผล .... ซื้อลูกวัวพันธุ์ลูกผสม 50% มาเลี้ยง 10 ตัว แล้วตัดหญ้าทุก 3 วันให้วัวกิน ให้อาหารเสริมบ้างเป็นครั้งคราว เลี้ยงวัว 2 ปีได้ขาย เป็นเงินเท่าไหร่ ได้ไม้ผลขาย เป็นเงินเท่าไหร่

คิดการณ์ไกล 3-5 ปีในอนาตต เลี้ยงวัวแบบปล่อยให้หากินหญ้าในสวนเอง โดยแบ่งเป็นแปลงๆ ทีละแปลง ๆละ 2-3 ไร่ มีรั้วแข็งแรงกั้นไว้เพื่อบำรุงหญ้า แล้วเลือกลงไม้ผลประเภทคนนิยม ต้นใหญ่ใช้เป็นร่มให้วัวอาศัยได้หลบแดดได้ ผลไม้ที่คนกิน วัวก็ชอบกิน .... ปลูกต้นไม้ผลแบบเพาะเมล็ดก่อนเพื่อเอาลำเปล้าสูงๆ แรกๆอาจจะมีรั้วแข็งแรงล้อมต้นไม้ใหญ่ไว้ก่อน ไม่ให้วัวเข้าไปเบียดกับต้นไม้ กระทั่งได้ความสูงเปล้าประมาณ 1 ม. หรือตามต้องการแล้ว จัดการ “เปลี่ยนยอด” เป็นพันธุ์ดี แรกๆก็เลี้ยงยอดให้โตทางสูงมากกว่าทางข้างไปก่อน ติดสปริงเกอร์ “ลอยฟ้า” บำรุงทั้งต้นไม้ผลและหญ้าเลี้ยงวัว นอกจากวัวแล้ว เลี้ยงห่านร่วมด้วย วัวกับห่านอยู่ด้วยกันได้ แม้แต่บนต้นไม้เลี้ยง “มดแดง” เอาไข่ได้อีกแน่ะ

เลี้ยง “วัวแซมห่าน” ในสวนตัวเอง ไม่ต้องเป็นเด็กเลี้ยงวัว ไล่ต้อนวัวไปหากินหญ้า สบายกว่ากันไหม ?


@@ วัวเนื้อ โคขุน สหกรณ์โพนยางคำ :
โคขุนโพนยางคำ เป็นเนื้อโคคุณภาพสูง จากหมู่บ้านโพนยางคำ ตำบลโนนหอม อำเภอเมือง สกลนคร โคเป็นโคเนื้อลูกผสมไทย-ฝรั่งเศส โดยมีการตกลงจัดตั้งเป็นสหกรณ์โพนยางคำ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ แม้จะมีราคาสูงกว่าเนื้อโคปกติก็ตาม

หลังจากลูกโคสายเลือดผสมมีอายุประมาณ 2 ปีแล้ว ก็จะเข้าสู่วิธีการ "ขุนโค" โดยจัดการถ่ายพยาธิ ฉีดวัคซีน และตอน ก่อนที่จะนำเข้าคอก ทางสหกรณ์ใช้เทคนิคการให้โคฟังเพลงเพื่อให้วัวกินอาหารได้มาก โดยเชื่อว่าเนื้อวัวที่ได้จะนุ่ม เลี้ยงด้วยอาหารธรรมชาติเป็นหลัก แบ่งเป็นอาหารหยาบที่ใช้หญ้าหรือฟาง เสริมด้วยอาหารสูตรพิเศษที่ใช้ธัญพืชในการผลิต ซึ่งเชื่อกันว่าเนื้อโคจะมีกลิ่นหอมและรสหวานยิ่งขึ้น และที่คอกวัวนั้นมีการดูแลความสะอาดเป็นอย่างดี ทำความสะอาดพื้น เก็บมูล อาบน้ำวัว แปรงขัดขน ให้วัวกินอาหารได้มากขึ้น ซึ่งวิธีการดังกล่าวช่วยย่นระยะเวลาการขุนโคจากเดิมประมาณ 1 ปี ลงเหลือ 8-9 เดือน

ในปี พ.ศ. 2554 ราคาเนื้อโคขุนโพนยางคำเกือบ 30 รายการ มีตั้งแต่หนึ่งร้อย ถึงหนึ่งพันบาทต่อกิโลกรัม เนื้อที่มีราคาต่ำสุด คือ เนื้อย่าง (5 กก.) กก.ละ 115 บาท ที่มีราคาสูงที่สุด คือ เนื้อสันใน กก.ละ 1,050 บาท ซึ่งโรงแรมดุสิต โฮเต็ล ในเขตเทศบาลเมืองสกลนคร จำหน่ายสเต๊กในราคาเริ่มต้น 280 บาท และเมนูชาบูเริ่มต้นที่ 350 บาท

อาชีพโคเนื้อในปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้น และรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุน ชาวบ้านผู้เลี้ยงโคขุนคนหนึ่งบอกว่า ได้กำไรจากการเลี้ยงโคขุนโพนยางคำ ปีละกว่า 300,000 - 350,000 บาท

ในปีแรกสหกรณ์มีสมาชิก 50 คน ปัจจุบันมีสมาชิกกระจายอยู่ใน 18 อำเภอของจังหวัดสกลนคร แล้ว ยังมีสมาชิกในจังหวัดหนองคาย และจังหวัดนครพนมด้วย จนถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2552 สหกรณ์มีสมาชิก 4,702 ราย ปัจจับปี 57 น่าจะมี สมช.มากกว่านี้

http://th.wikipedia.org




การเลี้ยงโคขุน คือ อะไร ?
การเลี้ยงโคขุน หมายถึง การเลี้ยงโคให้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยได้รับค่าอาหารที่ค่อนข้างดีอย่างเต็มที่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง คือ นอกจากจะให้โคกินอาหารหยาบ (หญ้าหรือฟาง) แล้วยังมีการให้กินอาหารข้น (อาหารเสริม) เพิ่มเติมอีกด้วย ทำให้โคเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ได้เนื้อที่มีคุณภาพดี

ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลี้ยงโคขุน :
การที่จะเลี้ยงโคขุนเพื่อให้ได้กำไรนั้น จะต้องพิจารณาและตอบคำถามต่างๆ ต่อไปนี้ว่า จะสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้ได้หรือไม่ ถ้าแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านี้ได้ ก็จะสามารถเลี้ยงโคขุนได้ โดยไม่ขาดทุน คือ
1. รักโค หรือไม่ ?
2. มีปัญหาทางสังคม หรือไม่ ?
3. มีทุนพอ หรือไม่ ?
4. หาโคที่ดีมาขุน ได้หรือไม่ ?
5. มีปัญหาเรื่องอาหารโค หรือไม่ ?
6. มีความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงดูโคขุนมากพอ หรือไม่ ?
7. มีเวลาดูแลกิจการพอ หรือไม่ ?
8. มีลู่ทางเรื่องตลาด หรือยัง ?


ประเภท และธุรกิจการเลี้ยงโคขุน :
1. เลี้ยงแม่โคเพื่อผลิตลูก : ขายให้กับผู้เลี้ยงโคขุน การเลี้ยงโคประเภทนี้ ผู้เลี้ยงต้องเลี้ยงแม่โคเพื่อใช้ผสมกับพ่อโคพันธุ์ดี หรือผสมเทียมโดยใช้น้ำเชื้อของพ่อโคเนื้อพันธุ์ดี เพื่อผลิตลูกโคเพศผู้ที่มีลักษณะเหมาะสมต่อการขุน ส่วนลูกโคตัวเมียผู้เลี้ยงอาจจะคัดเอาไว้เป็นแม่ทดแทนในฝูงต่อไป

2. เลี้ยงโคขุน : ผู้เลี้ยงจะหาซื้อโครุ่นเพศผู้จากแหล่งต่างๆ มาขุนอาจเป็นการขุนแบบโคมัน ขุนลูกโคอ่อน หรือขุนโคขุนคุณภาพดี

3. เลี้ยงแม่โคผลิตลูก และขุนเอง : เป็นการเลี้ยงที่รวมเอาธุรกิจแบบที่ 1 และ 2 รวมกัน เมื่อมีลูกโคเพศผู้เกิดขึ้นก็จะนำมาขุนส่งโรงฆ่า


วิธีการขุนโคเนื้อ :
วิธีขุนโค แบ่งออกเป็น 2 วิธี ตามการให้อาหาร คือ ....
1. ขุนด้วยอาหารหยาบเพียงอย่างเดียว : โดยให้หญ้าสดที่มีคุณภาพดี ตัดให้กินหรือปล่อยเลี้ยงในทุ่งหญ้า การขุนวิธีนี้ไม่แตกต่างกับการเลี้ยงโคเนื้อทั่วไปมากนัก แต่ต้องใช้ระยะเวลานานในการเพิ่มน้ำหนักตัวตามต้องการ ได้เนื้อที่ไม่ค่อยมีคุณภาพดีเท่าที่ควร แต่ก็อาจเหมาะสมกับความต้องการของตลาดในท้องถิ่น ซึ่งไม่ต้องการบริโภคเนื้อที่มีคุณภาพสูงมากนัก และค่าใช้จ่ายในการขุนวิธีนี้ต่ำอีกด้วย

2. ขุนด้วยอาหารหยาบ เสริมด้วยอาหารข้น : เป็นธุรกิจการขุนโคที่ลงทุนสูง มุ่งให้ได้เนื้อโคขุนคุณภาพดี ส่งขายให้กับตลาดเนื้อชั้นสูง แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ตามอายุและคุณภาพเนื้อที่ได้ดังนี้ คือ ....

- การขุนลูกโคอ่อน : เพื่อส่งโรงฆ่าเมื่ออายุน้อย ส่วนใหญ่นิยมใช้ลูกโคนมเพศผู้ เริ่มขุนตั้งแต่ลูกโคอายุ 1 สัปดาห์ หรือหลังจากได้รับนมน้ำเหลืองตามกำหนดแล้ว อาหารที่ใช้ลงทุนจะใช้หางนมผงเป็นหลัก ใช้เวลาขุนจนลูกโคมีอายุประมาณ 6-8 เดือน โคจะมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วได้เนื้อที่คุณภาพดี เมื่อส่งโรงฆ่า

- การขุนโคที่เริ่มขุนเมื่อโคมีอายุประมาณ 1 ปีครึ่ง หรือมีน้ำหนักประมาณ 200-250 ก.ก. ใช้ระยะเวลาขุนประมาณ 6 เดือน ให้ได้น้ำหนัก 400-450 ก.ก. แล้วส่งโรงฆ่า เป็นรูปแบบการขุนที่นิยมกันแพร่หลายในปัจจุบัน ส่วนใหญ่นิยมใช้โคเนื้อลูกผสมที่ทดสอบแล้วว่า มีการเจริญ เติบโตดี คุณภาพเนื้อที่ได้จะดีกว่าการขุนในรูปแบบอื่นมาก และเกษตรกรหันมายึดเป็นอาชีพกันมากขึ้นในปัจจุบัน

- การขุนโคที่มีอายุมาก หรือโคที่โตเต็มวัยแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นโคที่ปลดจากการใช้แรงงาน ซึ่งมีอายุมักจะไม่ต่ำกว่า 5 ปี เป็นการขุนเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อเพียงบางส่วน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการเพิ่มไขมันหุ้มซาก โดยไม่สนใจไขมันแทรกในเนื้อ จะใช้เวลาในการขุนประมาณ 3 เดือน โคที่ได้จากการขุนประเภทนี้ โดยทั่วไปนิยมเรียกกว่า "โคมัน"

การสร้างคอกขุน :
ลักษณะและขนาดของคอกโคขุนย่อมแตกต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพสถานที่และขนาดของกิจการแต่ก็พอจะสรุปหลักการได้ดังนี้
1. สถานที่ :
- เป็นที่ดอน ระบายน้ำได้ดี หรืออาจจะต้องถมพื้นที่ให้สูงกว่าระดับปกติ เพื่อไม่ให้น้ำขังในฤดูฝน
- ควรมีทางให้รถบรรทุกเข้าออกได้เพื่อความสะดวกในการนำโคเข้าขุนและส่งตลาด - ควรให้ความยาวของคอกอยู่ทิศตะวันออก-ตะวันตก
- วางแผนให้สามารถขยายกิจการได้ในอนาคต


2. ขนาดของคอก :
- โรงเรือนอาจจะประกอบด้วยคอกขังเดี่ยวหลายๆ คอกตามจำนวนโคที่ต้องการขุน แต่ละคอกควรมีขนาด กว้าง 2 ม. ยาว 4 ม.

- หากต้องการขุนแบบรวมหลายตัวในคอกเดียวกัน พื้นที่คอกไม่ควรน้อยกว่า 8 ตร. ม. /ตัว มีหลังคาประมาณ 1 ใน 3 ส่วนที่เหลือให้เป็นที่โล่ง หรือมีร่มไม้ก็ยิ่งดี

- ถ้าพื้นที่ต่อตัวน้อยเกินไป จะมีปัญหาเรื่องพื้นคอกแฉะ แม้กระทั่งฤดูแล้ง แต่ถ้ามากเกินไปก็จะต้องเสียพื้นที่มาก และสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการสร้างคอก

- ถ้าจะสร้างหลังคาคลุมพื้นที่คอกทั้งหมดก็ได้ มีข้อดีที่ไม่ทำให้พื้นคอกแฉะในฤดูฟน แต่ก็มีข้อเสียหลายประการ คือ สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ และโคอาจจะขาดวิตามิน ดี. เพราะไม่มีโอกาสได้รับแสงแดด


3. พื้นคอก :
- พื้นคอกโคขุนสามารถเทคอนกรีตทั้งหมดได้ก็เป็นการดี เพราะจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องพื้นคอกเป็นโคลนในฤดูฝนได้ แต่ต้องการประหยัดก็อาจจะเทคอนกรีตเฉพาะพื้นคอกส่วนที่อยู่ใต้หลังคาก็ได้ หากพื้นคอกส่วนใต้หลังคาเป็นดินจะมีปัญหาเรื่องพื้นเป็นโคลน ไม่ว่าจะเป็นฤดูแล้งหรือฤดูฝน

- พื้นคอนกรีตหนา 7 ซ.ม. ไม่ต้องผูกเหล็ก สามารถรับน้ำหนักโคขุนได้ สำหรับฟาร์มขนาดใหญ่ถ้าต้องการให้รถแทรกเตอร์ (รถไถ) เข้าไปในคอกได้ จำเป็นจะต้องเทคอนกรีตให้หนา 10 ซม. และผูกเหล็กหรือไม้รวกก็ได้

- ผิวหน้าของพื้นคอนกรีต ควรทำให้หยาบโดยใช้ไม้กวาดมือเสือครูดให้เป็นรอย และพื้นคอกควรมีความลาดเอียงจากด้านหน้าลงด้านหลังคอกประมาณ 2-4% หรือทำมุมประมาณ 15 องศากับพื้นราบ เพื่อให้น้ำล้างคอกและปัสสาวะไหลลงท้ายคอกได้ง่ายขึ้น ท้ายคอกควรมีร่องน้ำกว้าง 30 ซ.ม. พื้นรางลาดเอียงไปตามแนวที่ต้องการระบายน้ำออกไป เมื่อพ้นแนวคอกควรทำทาง หรือร่องน้ำไห้ไหลไปใช้ในแปลงหญ้าได้ด้วย
- พื้นคอกส่วนใหญ่ที่เป็นคอนกรีตใต้หลังคา ควรจะปูด้วยวัสดุที่ซับความชื้นได้ดี ได้แก่ แกลบ ขี้กบ ขี้เลื่อย ฟาง หรือซังข้าวโพด ข้อดีก็คือทำให้โคไม่ลื่น ไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดคอกทุกวัน อีกทั้งมูลโคพร้อมวัสดุรองพื้นนี้นับว่าเป็นปุ๋ยหมักอย่างดีสำหรับแปลงหญ้า การเปลี่ยนวัสดุรองพื้นคอกควรทำ 1-2 ครั้ง /เดือนในฤดูฝน และประมาณ 3 เดือน /ครั้งในฤดูแล้ง แกลบ 1 ลูกบาศก์เมตร ปูพื้นคอกได้ 10-12 ตร.ม. (หนา 7 ซ.ม.) หรือแกลบ 1 กระสอบป่าน ปูพื้นได้ 2 ตร.ม. พื้นคอกส่วนที่เป็นพื้นดินหรือส่วนที่อยู่นอกหลังคาไม่จำเป็นต้องมีวัสดุรองพื้น

- ควรทำบ่ากั้นแกลบไม่ให้ไหลจากส่วนใต้หลังคาคอนกรีตไปยังส่วนที่เป็นพื้นดิน
- การปูวัสดุรองพื้นนี้อาจไม่จำเป็นเสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ผู้เลี้ยงบางรายนิยมการล้างทำความสะอาดพื้นคอกทุกวัน ซึ่งได้ผลดีเช่นเดียวกันแต่สิ้นเปลืองแรงงานค่อนข้างมาก จากประสบการณ์สรุปว่า ในฤดูแล้งควรใช้วิธีปูวัสดุรองพื้น ส่วนในฤดูฝนควรใช้วิธีทำความสะอาดคอกทุกวัน

- มีผู้ทดลองใช้ซีเมนต์บล็อคเป็นพื้นคอกโคขุนแทนการเทคอนกรีต ปรากฎว่าไม่สามารถทนน้ำหนักโคได้ แต่ถ้าเป็นซีเมนต์บล๊อคที่สั่งอัดพิเศษโดยใส่ส่วนผสมปูนซีเมนต์ลงไปมากกว่าปกติ จะสามารถใช้ปูเป็นพื้นคอกโคขุนได้


4. หลังคา :
- สามารถทำด้วยวัสดุต่างๆ กัน เช่น กระเบื้อง สังกะสี จาก หรือแฝก
- ถ้าหลังคามุงด้วยสังกะสีควรให้ชายล่างหลังคาสูงจากพื้นดินประมาณ 2.5 ม. มิฉะนั้นจะทำให้อากาศภายในคอกในฤดูร้อนร้อนมาก

- ถ้าหลังคามุงจากหรือแฝก ชายล่างของหลังคาควรให้สูงจากพื้นดิน 2.5 ม. เช่นกัน ถ้าต่ำกว่านั้นโคจะกัดกินหลังคาได้


5. เสาคอก :
- เสาคอกด้านหน้าควรอยู่ในแนวขอบรางอาหารด้านหลัง ไม่ควรเลยออกมาจากขอบรางทั้งด้านภายในรางและภายนอกรางด้านหลัง เพราะจะสะสมสิ่งสกปรก สามารถทำด้วยวัสดุต่างๆ กัน เช่น ไม้เนื้อแข็ง ไม้ไผ่ ไม้สน เหล็ก แป๊ปน้ำ หรือคอนกรีต

- เสาไม้ เสาเหล็ก และแป๊ปน้ำ มักมีปัญหาเรื่องเสาขาดคอดิน ต้องแก้ไขโดยการหล่อคอนกรีตหุ้มโคนเสาสูงจากพื้นดินประมาณ 30 ซ.ม. การหุ้มโคนเสามักจะเกิดปัญหาการแตกร้าวของคอนกรีต ซึ่งสามารถแก้ได้โดยใช้ท่อปล่องส้วม หรือท่อแอสล่อนเป็นปลอกหุ้มภายนอกอีกชั้นหนึ่ง

- เสาคอนกรีตเสริมเหล็ก มีความคงทนถาวรดีมาก แต่มีปัญหาในการกั้นคอกเพราะไม่สามารถตอกตะปู หรือเจาะรูน๊อตได้

- เสาไม้สนขนาด 4 นิ้ว มีอายุใช้งานเพียงประมาณ 1 ปี หรือผ่านเพียง 1 ฤดูฝนเท่านั้น โคนเสาระดับพื้นดินก็จะหักเสาไม้ไผ่ (ไม้ซอ) มีความคงทนกว่าไม้สนเล็กน้อย

- การใช้เสาคอนกรีตฝังดิน และโผล่ขึ้นมาเหนือพื้นดินเล็กน้อย แต่ต่อด้วยเสาไม้นั้น มักจะเกิดปัญหาโคนเสาบริเวณรอยต่อหักเมื่อถูกแรงกระแทกของโค


6. รั้วกั้นคอก :
- สามารถทำด้วยวัสดุต่างกันเช่น ไม้เนื้อแข็ง ไม้ไผ่ ไม้สน แป๊ปน้ำ เป็นต้น
- ไม้สน และไม้ไผ่ มีอายุใช้งานได้ประมาณ 1 ปีเศษ หรือผ่าน 1 ฤดูฝนเท่านั้น

- รั้วกั้นคอกรอบนอกควรกั้นอย่างน้อย 4 แนว แนวบนสุดสูงจากพื้นดินอย่างน้อย 150 ซ.ม. ส่วนรั้วที่แบ่งคอกย่อยภายใน ควรกั้นอย่างน้อย 3 แนว

- การกั้นรั้วคอกควรให้ไม้หรือแป๊ปน้ำที่ใช้กั้นอยู่ด้านในของเสาเพราะเมื่อถูกแรงกระแทกจากโค เสาจะได้ช่วยรับแรงไว้
- ตาไม้หรือสิ่งแหลมคมในคอก ต้องกำจัดออกให้หมด


7. รางอาหาร :
- ควรอยู่ด้านหน้าคอก สูงประมาณ 60 ซ.ม. กว้างประมาณ 80-90 ซ.ม. ก่ออิฐฉาบปุนและขัดมัน ขอบรางด้านนอกเป็นแนวตรงดิ่งไม่เอียงเฉียงออกมาหรือลอยสูงจากพื้นทำให้เกิดมุมอับที่สะสมสิ่งสกปรก ขอบรางด้านหน้าสูงกว่าด้านหลังประมาณ 10-20 ซ.ม.

- พื้นผิวภายในรางฉาบเรียบโดยด้านล่างของรางทำเป็นแนวโค้งมนไม่มีมุม เจาะรูที่ก้นรางด้านหนึ่งเพื่อให้น้ำระบายออกได้ ท้องรางลาดเทเล็กน้อยไปทางด้านที่มีรูระบายน้ำ

- รางอาหารที่แคบเกินไปจะมีปัญหาเรื่องอาหารตกหล่นมากขณะที่โคยืนเคี้ยวอาหาร ปากโคจะยื่นเลยรางอาหารออกมา

- การทำรางอาหารเตี้ยมากเกินไป ทำให้โคต้องก้มมากในขณะกินอาหาร แต่ถ้าสูงเกินไปจะมีปัญหาสำหรับโคขนาดเล็ก

- โคขุนระยะแรกต้องการรางอาหารยาวประมาณ 50 ซ.ม. ต่อโคขุน 1 ตัว และประมาณ 65 ซ.ม. ในระยะปลาย


8. อ่างน้ำ :
- อ่างน้ำควรวางอยู่ในจุดต่ำสุดของคอก หรืออาจจะวางอยู่นอกคอกแล้วทำช่องให้โคโผล่หัวออกไปดื่มน้ำได้

- ขนาดของอ่างน้ำสูงประมาณ 60 ซ.ม. กว้าง 80 ซ.ม. ยาว 90 ซ.ม. ก่ออิฐ ฉาบปูนขัดมัน มีรูระบายน้ำด้านล่าง หรืออาจควรคำนวณให้สามารถบรรจุน้ำได้พอเพียงสำหรับโคทุกตัวในคอกโค 1 ตัวดื่มน้ำวันละ 20-30 ลิตร หรือโคขุนที่กินหญ้าสดหรือเปลือกสับปะรดเป็นอาหารหยาบต้องการกินน้ำวันละ 5% น้ำหนักตัว ส่วนโคขุนที่กินฟางหรือหญ้าแห้งเป็นอาหารหยาบต้องการน้ำประมาณวันละ 10% น้ำหนักตัว


9. มุ้ง :
ในบริเวณที่มียุง หรือแมลงวันรบกวน มุ้งมีความจำเป็นมาก ข้อดีของมุ้ง คือ ...
- ป้องกันการรบกวนและดูดเลือดจากแมลงต่างๆ
- ป้องกันแมลงและผีเสื้อตอมตา อันเป็นสาเหตุให้เกิดตาอักเสบและพยาธิในตา

- ลดการหกหล่นของอาหาร กล่าวคือ ถ้ามีแมลงมากโคจะแกว่งศีรษะเพื่อไล่แมลงขณะกินอาหาร ทำให้อาหารหกหล่น

- มุ้งที่ใช้เป็นมุ้งไนล่อนสีฟ้าควรเป็นเบอร์ 16 หน้ากว้าง 2.5 ม. ยาว 30 ม. จะใช้มุ้งตาถี่กว่านี้ (เบอร์ 20) ก็ได้ แต่ราคาแพงขึ้น และทำให้การระบายอากาศในคอกไม่ดีนัก การเย็บมุ้งให้เข้ากับรูปทรงของคอกสามารถเย็บด้วยมือ หรือจ้างร้านเย็บผ้าใบ


การคัดเลือกโคเข้าขุน :
โคขุนที่ดีควรมีคุณสมบัติ ดังนี้ ....
- หาซื้อได้ง่าย และราคาถูก
- เลี้ยงง่าย ทนโรค ทนเห็บ โตเร็ว ประสิทธิภาพการใช้อาหารสูง สามารถเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อได้ดี คุณภาพซากดี คือ มีเนื้อมาก

- โครงสร้างใหญ่ กระดูกใหญ่โดยดูที่กระดูกแข้ง
- หน้าอกกว้าง โดยดูจากระยะห่างระหว่างโคนขาหน้า โคนขาหน้ามีกล้ามเนื้อนูนเด่น
- ไหล่กว้าง แนวหลังตรง ท้ายไม่ตก สะโพกกว้างและใหญ่ เอวลึกและใหญ่ ซึ่งแสดงว่ากระเพาะใหญ่กินอาหารได้มาก

- ขาสั้นและแข็งแรงสมส่วนกับลำตัว ขาตรงตั้งฉากกับพื้นและอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกันพอสมควร
- กระดูกเชิงกรานและปลายกระดูกก้นกบด้านซ้ายและขวาควรห่างกันมาก ซึ่งแสดงว่าโคมีสะโพกหน้าและยาว

- ลำตัวยาว ไม่ลึกมากนักเพราะส่วนล่างของลำตัวจะมีเนื้อน้อย
- หน้าสั้น ดวงตานูนแจ่มใส รูจมูกกว้าง ปากกว้าง และใหญ่


หลักในการพิจารณาจัดหาโคเข้าขุน
1. พันธุ์โค : การเลือกซื้อโคเข้ามาขุน ควรจะพิจารณาเลือกซื้อพันธุ์โคที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโคขุนด้วย เช่น โคพันธุ์เมืองตลาดชั้นสูงไม่ต้องการเพราะซากเล็ก ไขมันแทรกน้อย หน้าตัดเนื้อสันเล็ก พันธุ์โคที่เหมาะสมในการนำมาขุนควรเป็นโคลูกผสมที่มีสายเลือดโคยุโรปอยู่ในช่วง 50-62.5% เพราะพบว่าโคที่มีสายเลือดของโคยุโรปอยู่สูงกว่านี้ จะมีปัญหาในการเลี้ยงในสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย พันธุ์โคที่เหมาะสมต่อการขุน ได้แก่ โคลูกผสมบราห์มัน, พันธุ์พื้นเมือง, พันธุ์ชาร์โรเล่ส์, บราห์มันชาร์โรเล่ส์, บราห์มันพื้นเมือง, บราห์มันลิมูซีน, ซิมเมนทอล, เดร้าท์มาสเตอร์, บราห์มันแองกัส (แบงส์กัส) เป็นต้น

2. เพศโค : ลูกโคที่จะนำมาขุนควรเป็นเพศผู้ เพราะการเจริญเติบโต และเปอร์เซ็นต์ซากหลังชำแหละสูงกว่าเพศเมีย อีกทั้งราคาก่อนขุนก็ถูกกว่าอีกด้วย ส่วนเหตุผลที่จะต้องตอนลูกโคเพศผู้ก่อนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับวิธีการเลี้ยง กล่าวคือ หากคอกขุนเป็นคอกขังเดี่ยวก็ไม่มีความจำเป็นต้องตอน มีการศึกษาพบว่า โครุ่นเพศผู้ไม่ตอน จะมีการเจริญเติบโตสูงกว่าโครุ่นเพศผู้ตอน และมีประสิทธิภาพการใช้อาหารสูงกว่า แต่โคตอนจะมีไขมันแทรกดีกว่า หากตลาดมีความต้องการและให้ราคาดีก็ควรจะตอน ในกรณีที่ต้องเลี้ยงโคขุนในคอกรวมกันและขนาดของโคมีความแตกต่างกัน การตอนจะช่วยลดความคึกคนองของโคที่ใหญ่กว่า ลดการรังแกตัวอื่นลงไปได้

2. อายุของโค :
มีความสัมพันธ์กับระยะเวลาขุน กล่าวคือ ถ้าขุนโคอายุน้อยจะต้องใช้เวลามากกว่าการขุนโคใหญ่ เช่น โคหย่านม ใช้เวลาขุนประมาณ 10 เดือน, แต่ถ้าเป็นโคอายุ 1 ปี ใช้เวลา 8 เดือน, โคอายุ 1.5 ปี ใช้เวลาขุน 6 เดือน, โคอายุ 2 ปี ใช้เวลาขุน 4 เดือน, และโคโตเต็มวัยใช้เวลาขุน 3 เดือน ดังนั้น ถ้าตลาดระยะสั้นดีหรือต้องการผลตอบแทนเร็ว ก็ควรขุนโคใหญ่ แต่ถ้าตลาดระยะยาวดีหรือตลาดยังไม่แน่นอนควรขุนโคเล็ก เพื่อยืดเวลาและโคจะเจริญเติบโตไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะประวิงเวลาไม่ได้เพราะระยะหลังๆ ของการขุนโคใหญ่จะโตช้ามาก

ถ้าผู้เลี้ยงมีประสบการณ์ในการเลี้ยงโคขุนน้อยควรขุนโคใหญ่ เพราะมีปัญหาในการเลี้ยงดูน้อยกว่าโคเล็ก แต่ถ้าผลิตเนื้อโคขุนส่งตลาดชั้นสูง โคที่ขุนเสร็จแล้วไม่ควรมีอายุเกิน 3 ปี และถ้าผลิต "โคมัน" ส่งตลาดพื้นบ้าน ควรเลือกโคเต็มวัยมาขุน เพื่อจะได้มีไขมันมากและสีเหลือง

https://sites.google.com/site/duangponnantakul/withi-kar-leiyng-kho-khun-yang-kha


http://www.thaifrenchbeef.com/Board.html
สหกรณ์การเลี้ยงปศุสัตว์ กรป.กลาง โพนยางคำ จำกัด

http://www.thaifrenchbeef.com/ApplyMem.html
สมัครสมาชิก...

-----------------------------------------------------------



.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 15/06/2018 7:58 pm, แก้ไขทั้งหมด 5 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Rice_manager
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 29/12/2013
ตอบ: 34
ที่อยู่: อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท

ตอบตอบ: 06/06/2014 7:46 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.

ผมก็สงสัยเหมือนกันนะครับ ที่อยู่ในอำเภอเดียวกันไม่เคยได้เจอกันได้ไง
สงสัยเพราะผมเป็นเด็กแน่ๆเลย

เรื่องตลาดอย่างที่เคยคุยให้ลุงคิมฟัง "ของดีที่ขายมีเยอะ แต่ทำได้รึเปล่า"

ยังไงก็เอาใจช่วยครับ
รึจะมาเจอกันก็ได้ครับ ยินดีต้อนรับจากใจจริง








.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว เข้าชมเว็บไซต์
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©