ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
orchid สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 07/05/2014 ตอบ: 43
|
ตอบ: 31/05/2014 3:00 am ชื่อกระทู้: ขอรูปตัวอย่างครับ |
|
|
.
สวัสดีครับลุง พี่ทิดแดง
เรื่อง "ไม้ยกหน้า" ก็พอจะเข้าใจละครับ แต่ช่วยสงเคราะห์อีกซักนิดเถอะครับ ขอความกรุณา ลงรูปขั้นตอนการยกหน้าจากของจริงด้วยเถอะครับ อยากร่วมสนุกด้วย แต่ยังไม่ค่อยรู้อะไรซักเท่าไหร่เลยครับ
และข้อมูลต่างๆ ที่นำเสนอ ขนาดไม่เป็นวิชาการ แค่ภาษาชาวบ้านๆ คนเรียนเคมียังมึน คนที่ไม่ได้เรียนคงเมาหมัด.....
ผมว่า คนที่เอาเคมีมาเขียนเป็นภาษาชาวบ้านๆ ได้นี่ ถือว่าสุดยอด แล้วยิ่งมาเจอ ปุ๋ยกล้วยไม้สูตรลุงคิมเข้าอีก ถือว่าเป็น "สุดยอด ซูเปอร์ปุ๋ย" เลยก็แล้วกัน
ขอบคุณครับ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 02/06/2014 1:57 am ชื่อกระทู้: ส่งคืนสู่ธรรมชาติ |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
กล้วยไม้ป้าห่าน....ตอนที่ 2 - 1 มิย.57 ส่งกล้วยไม้ป้าห่าน คืนสู่ธรรมชาติ....
(Ref: Data # 17 -29-05-57)
ขอคั่นจังหวะคุณ ออร์คิด เรื่อง ยกหน้าไว้ก่อนนิดนึง เพราะป้าห่านอุตส่าห์ส่งกล้วยไม้ฝากมาให้ผมช่วยเลี้ยงดู เลยขอเอาใจท่านผู้ สว. ก่อนครับ เผื่อโอกาสหน้า มีอะไร แกจะได้ โยน ๆ มาที่ผมอีก แล้วถ้าเกิดมัน แตกกอ หน่อแยะ จะได้เอามาแบ่งปันกันไปปลูกยังไงล่ะครับ
จากการที่ ผมได้รับกล้วยไม้จากป้าห่านตอนบ่ายวันที่ 29 พค.57 หลังจากที่ให้กินน้ำฝน แล้วปล่อยทิ้งให้ชินสภาพอากาศนครปฐมบอกว่า อีก 3 วันค่อยว่ากันใหม่.... วันนี้ 1 มิย. ครบ 3 วัน ถึงเวลาที่จะส่งกลับคืนสู่ธรรมชาติแล้วละครับ
ขอบอกเล่าก่อนครับว่า ....ในการเขียนของผม ผมไม่ได้ใช้ภาษาวิชาการ เป็นการที่ผมนึกว่า ผมนั่งคุยกับเพื่อน ๆ ดังนั้นเวลาผมคุยกับเพื่อน ก็จะใช้ภาษาพูด เช่นแทนที่จะใช้ว่า จะทำอย่างไร ผมก็จะใช้ว่า ผมจะทำยังไง ..อาจจะมี วะ ๆ หวะ ๆ โว๊ย ๆ มึงมาพาโวย ซึ่งผมถือว่า เพื่อนกันก็คุยกันแบบนี้
คำพวกนี้ ผู้ดีเค้ารับฟังไม่ได้ อันนั้นก็เป็นเรื่อง และเป็นโลกของ ผู้ดีเค้า ไม่เกี่ยวกับผม ก็ได้แค่ปลูกต้นไม้ในเกมส์อินเตอร์เน็ตเท่านั้นแหละ
และ ผมฝากถึงป้าห่านนิดนึงครับ .ไม่ได้จู้จี้ จุ๊กจิ๊ก ...หากป้าจะฝากกล้วยไม้หรือต้นไม้อะไร ให้ผมช่วยเลี้ยงดู(แต่ไม่ปูเสื่อ เพราะอากาศมันร้อน) กรุณา ไม่ต้องห่อ จับยัดใส่กล่องมาได้เลยครับ หรืออาจใช้ห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ก็ได้ครับ ถ้าห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ ต้นไม้มันคายน้ำ มันก็ชื้นอยู่ในกระดาษหนังสือพิมพ์ และหมึกพิมพ์จะช่วยป้องกันเชื้อราได้ทางหนึ่งครับ ถ้าใส่กล่องมาเลย สบายมาก เพราะในกล่องมีที่ว่าง จะช่วยระบายอากาศได้เป้นอย่างดี
ถ้า ใส่ถุงพลาสติก มันอบ เป็นน้ำเหงื่อ ทำให้ใบร่วง และเกิดเชื้อราเข้าด้วย...
แต่ถ้าห่อกระดาษหนังสือพิมพ์แล้วจะใส่ถุงพลาสติกอีกชั้นนึง กรุณา เจาะรูถุงพลาสติกให้เป็นรู ๆ เพื่อช่วยระบายอากาศด้วยนะครับ แบบถุงใส่ผักน่ะครับ
(19) อีกระจุกนี้ ที่ป้าห่านส่งมาให้ การเอากล้วยไม้คืนสู่ธรรมชาติ คิดมา 3 วันแล้ว ผมจะทำยังไง ยังงง ๆ อยู่
(20) คงต้องทำแบบนี้ ตัดแยกไอ้เจ้ากระจุกเล็ก ๆ ที่ติดมาออกก่อน เพื่อแยกปลูกต่างหาก ก็แยกได้ 2 กระเจี๊ยบ ...เล็กแบบนี้ ถ้าอยู่ป่า OK แต่ถ้าอยู่บ้าน ผมคงต้อเอาลงกระถางเจี๊ยบไว้ก่อน ส่วนต้นกอใหญ่ ว่ากันทีหลัง
(21) วันที่แกะกล่อง ไอ้เจ้าเขาแกะ มีใบติดอยู่ 4 ใบ
(22) หลังจาก 3 วันผ่านไป ใบร่วงไป 3 เหลือ 1 เดียว ทั้งนี้เกิดจาก การอบมาในถุงพลาสติก ความอบอ้าวทำให้ใบร่วง..... ความจริงแล้วนะครับ ถ้าป้าห่านจับใส่กล่องมาโดยไม่ใส่ถุงพลาสติก จะดีกว่า เพราะเนื้อที่ในกล่องมีที่ว่าง จะช่วยระบายอากาศได้เป็นอย่างดี ...
(23) การเอากลับคืนสู่ป่า เขาแกะ และไอ้เจ้ากระเปี๊ยก ระยะนี้ ต้องการความชื้นสูง เขาแกะใช้ลงกาบมะพร้าว ส่วนเจ้ากระเปี๊ยก ลงเจี๊ยบเล็กอัดกาบมะพร้าว
น่าวิตกว่า เขาแกะ มันจะไปรอดมั๊ยหว่า คงต้องใช้เวลานานพอสมควรละครับ มี 2 กรณี ไม่รอดก็ตาย
(24) ไอ้เจ้ากอนี้ล่ะ ทำยังไงต่อ.....
(25) ผมก็ไปเดินหากิ่งไม้แห้ง ๆ มาได้ท่อนนึง โตกว่าแขน เล็กกว่าขา ตัดแบ่งเป็น 3 ท่อน
(26)
(27)
(28 )
(26 28 ) ไม่ช้า ไม่นาน ผมก็จับเอามามัดติดกับท่อนไม้ แต่กรุณาสังเกตว่า จากกิ่งไม้แห้ง ไม่มีเปลือก พอเอากล้วยไม้มามัดติดท่อนไม้ เปลือกมันงอกมาได้ยังไงล่ะครับ....เปลือกไม้จริง ๆ ไม่ใช่ของปลอม .ลายสวยซะด้วยนา
ปล่าวหรอกครับ ผมเห็นคุณธนพล แกชอบใช้ Bark (เปลือกไม้) เป็นวัสดุปลูก ผมใช้ใส่กระถางปลูกแล้วมันราขึ้น ....ถ้าจะทดลองเอามาปลูกกล้วยไม้ป่าเลียนแบบธรรมชาติ โดยมี Bark ให้มันยึดเกาะ ผมก็อยากรู้ว่า ผลมันจะเป็นยังไง....
(29) เบื้องหลังการถ่ายทำ ....รูปที่ 26 - 28 เป็นภาพเบื้องหน้า รูปที่ 29 เป็นเบื้องหลังภาพครับ
รูปอาจไม่ค่อยชัด เนื่องจากถ่ายตอนเที่ยง
(30) ส่วนเจ้าลูกเจี๊ยบ ผมเอามาฝากไว้ในกระเช้าช้าง เพื่อให้มันเกื้อกูลซึ่งกันและกัน..
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 20/06/2014 5:54 pm, แก้ไขทั้งหมด 3 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
tanapole สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 31/03/2014 ตอบ: 48
|
ตอบ: 02/06/2014 9:51 am ชื่อกระทู้: |
|
|
.
สวัสดีครับลุงคิม, คุณแดง และ สมาชิกทุกท่าน
ถึงมือหมอแดงแล้ว น่าจะรอดนะ
คุณแดงไปลอกเปลือกไม้อะไรมาครับ น่าจะเก็บความชื้นได้ด้วย รากน่าจะเกาะดี
ผมก็เพิ่งได้ "ไอยเรศ" มา เกาะขอนมาแล้ว
เอาความรู้เรื่องน้ำแข็งมาประยุกต์ใช้....
ใช้ขวดน้ำดื่มขนาด 1.5 ลิตร...ตัดก้นออก เจาะรูแขวน
แล้วเอาน้ำแข็งบดใส่ ปล่อยให้น้ำแข็งค่อยๆ ละลาย
ทีฝาขวดเจาะรู 1 รู เพื่อให้น้ำค่อยๆ หยด (น้ำหยดลงบนขอน)
เอาน้ำแข็งใส่ประมาณ 6 โมงเช้า กว่าจะหมดขวดก็ประมาณ 10 โมงเช้า
น้ำเย็นๆ...ค่อยๆ หยด รากพอเปียกชื้นๆ ไม่แฉะทั้งวัน พอบ่ายแก่ๆก็แห้งแล้ว
วิธีนี้คุณแดงคิดว่ายังไงครับ ?
วันไหนจะให้ปุ๋ยก็เอาฟ็อกกี้ฉีดพ่นเอา
ถ้าผมจะเอาน้ำละลายปุ๋ยแล้วเอาไปใส่ช่องฟรีซ ทำเป็นน้ำแข็งก้อน
มันจะเป็นยังไง ? ต้องลอง....กลัวอย่างเดียว
กลัวว่าแม่บ้านจะเอาน้ำแข็ง (ปุ๋ย) มาใส่น้ำหวาน...
สวัสดีครับ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
hans สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 28/04/2013 ตอบ: 146
|
ตอบ: 02/06/2014 8:02 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
.
สวัสดีค่ะลุงคิม ทิดแดง และสมาชิก ทุกท่าน
แดงจ๋า ขอโทษจ้าหนูม่ายลู้ ก็เลยห่อ เดี๋ยวแก้ตัวใหม่ให้เฉิดฉายไปเลย ก็จะเป็นจากป่าอีกหละ
คนแถวนี้เขาไม่มอง ความลับไม่บอกว่าอะไร 5 5 5 5 5 ปล่อยให้งง เดี๋ยวเห็น
ป้าห่านจ้า
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 02/06/2014 11:30 pm ชื่อกระทู้: กล้วยไม้ ใกล้ม้วย |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม....คุณ tanapole คุณ Orchid และเพื่อนสมาชิก
กล้วยไม้ ใกล้ม้วย
บทที่ 6.1 ตอนที่...1 ...ปุ๋ยแช่เย็น
ขอแซงคิวคุณ ออร์คิด เรื่อง สาธิตการปลูกกล้วยไม้ยกหน้า.ก่อนละกันนะน้องนะ คุยกันหลังไมค์ OK แล้วนะ (เออน่า เดี๋ยวจะมี แมงวันให้เป็นการปลอบใจ เอาไม้ยกหน้าที่สาธิต ไปโด๊ปต่อแล้วกัน)
มันเป็นเรื่องด่วน แบบไหนดีล่ะ....มันมีด่วนอยู่ 4 ระดับ.....ด่วน ด่วนมาก ด่วนที่สุด แล้วก็ ด่วน ฉห. กล้วยไม้ป้าห่านอยู่ในเกณฑ์ระหว่าง ด่วนมาก กับด่วนที่สุด ก็ผ่านไปโดยสวัสดิภาพ
แต่ปัญหาของคุณธนพล จะให้ ด่วน อยู่ตรงไหน ขอได้โปรด พิจารณา อนุมัติ....
ปัญหาของคุณธนพล ผมขอยกมาตรงนี้
ผมก็เพิ่งได้ "ไอยเรศ" ..เกาะขอนมาแล้ว
เอาความรู้เรื่องน้ำแข็งมาประยุกต์ใช้....
สนุกกับนักทดลองอีกละงานนี้
ใช้ขวดน้ำดื่มขนาด 1.5 ลิตร.
..ตัดก้นออก เจาะรูแขวน
แล้วเอาน้ำแข็งบดใส่ ปล่อยให้น้ำแข็งค่อยๆ ละลาย
ทีฝาขวดเจาะรู 1 รู เพื่อให้น้ำค่อยๆ หยด (น้ำหยดลงบนขอน)
คุณธนพลนี่ชอบใช้ ปาก (ขวด) ซะจริง ๆ
ส่วนผมน่ะ ชอบ ตูด (เป็ดพะโล้)
เห็นหรือยังล่ะครับว่า คนเราน่ะ คนเหมือนกัน แต่ชอบเหมือนกันซะที่ไหน นี่แหละครับที่ลุงคิมพูดว่า ความเหมือนที่แตกต่าง....แม่นบ่ครับ ป้าห่าน อ่านเพลินจนนั่งจะหลับอยู่แล้ว
คุณบอกว่า ... เอาน้ำแข็งใส่ประมาณ 6 โมงเช้า กว่าจะหมดขวดก็ประมาณ 10 โมงเช้า น้ำเย็นๆ...ค่อยๆ หยด รากพอเปียกชื้นๆ ไม่แฉะทั้งวัน พอบ่ายแก่ๆก็แห้งแล้ว
วิธีนี้คุณแดงคิดว่ายังไงครับ ?
ผมจะไปว่ายังไง ทุกอย่างไม่มีอะไรตายตัว... แต่คุณให้น้ำ แม้จะเป็นระบบ หยดก็ตาม ให้ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึง 10 โมงเช้า.....นาน 4 ชั่วโมง ผมว่าผิวหน้ามันแห้ง แต่ข้างใต้ล่างมันจะเปียกเอาน่ะน๊า....ยิ่งภาชนะของคุณ ป็นพลาสติก ไม่มีช่องระบายอากาศ ระบายลมด้วย ผมกลัวว่ามันจะฉะซะด้วย
ผมบอกแล้วว่า อย่าไปยึดติด....ทำอย่างไรก็ได้ ให้ต้นกล้วยไม้มันงาม ระบบ ต้น ใบ ราก และอื่น ๆ มัน ใสปิ๊ง ถูกตาถูกใจเราพอแล้ว...ต้นกล้วยไม้จะบอกคุณเอง
อธิบายเป็นภาษาชาวบ้าน บางครั้งก็เขียนยากเหมือนกัน ... ผมไม่ชอบที่จะอธิบายโดยไม่มีรูปประกอบ อย่างน้อย ๆ เพื่อน ๆ สมาชิก จะได้เห็นของจริง....ลองดูรูประบบราก กล้วยไม้ของคนบ้า กันจั๊กน้อย....
และขอบอกล่าว กราบขออภัยด้วยครับ การที่เอารูปมาให้ดู ก็เพื่อการศึกษา ไม่ได้คิดว่าจะเอามาโอ้อวดแต่อย่างใดเลยครับ และกล้วยไม้ของผมแต่ละต้น กว่าจะมาถึงครงนี้ ทรหดอดทน ผ่านอาการปางตายมาทั้งนั้น ...ถ้าผมทำคนที่โทรมใกล้จะตาย ให้ฟื้นคืนมีชีวิตชีวาได้แบบกล้วยไม้ คงจะเป็นมหากุศลดีไม่น้อยเลยเนาะ
งานนี้ สีสันชีวิตไทยจริง ๆ ระบายสีเปรอะไปหมด ...รอลุงด่าอยู่นี่แหละ...มึงจะระบายสีอะไรกันนักกันหนา ....
รำคาญตาก็อย่ามาเปิดอ่านซีครับ ....กระทู้คนบ้า ก็แบบนี้แหละ ยิ่งร้อนอยู่ด้วย
(242)
(243)
(244)
(245)
(246)
(247)
(248 )
(รูปที่ 242 248)..กล้วยไม้ของผมรดด้วยน้ำคลอง น้ำประปาหมู่บ้าน บางคราล่อน้ำซาวข้าวผสมกลูโคสฉีดก็ยังมี ขนาดเดือนเมษา พฤษภา ไม่มีดอกให้ดู เห็นรากแบบนี้ ก็ชื่นใจแล้วครับ
พูดถึงน้ำประปาหมู่บ้าน วันดีคืนดี ยัย โฉมเฉลา คานทอง ฝ่ายสาธารณสุขเทศบาล แม่สั่งให้ใส่คลอรีนซะ หอมฟุ้ง ซักผ้าขาวงี้ ขาวนวลเช้ง ซักผ้าสี สีซีดเป็นไก่ต้ม อาบน้ำพอตัวแห้ง ไม่ต้องทาแป้งครับคนสวย ผิวนวลเช้งกระเด๊ะ ยิ่งกว่าทาแป้งพม่า ไปเลย
ทีนี้มาดูวิธีการของผม....ตรงจุดนี้ผมเอาไว้ใกล้ตัว เพื่อ โด๊ป ไอ้ต้นที่มันโทรม ๆ และผมชอบครับที่จะลุ้น ต้นไมที่มันโทรม ๆ ใกล้จะตายมิตายแหล่ แล้วทำให้มันกลับฟื้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีก
(249 )
(250)
(รูปที่ 249 - 250) วันที่ 2 มิย.57 เวลา 17.59 ก็วันนี้ เมื่อเย็นนี้หมาด ๆ ...ผมตักน้ำแข็งหลอด สามสี่ช้อน มาใส่ ตูด ขวดน้ำอัดลมขนาดประมาณ 500 มล.หรือ 500 ซีซี (ขวดขนาดราคา 10 บาท) (คุณธนพล ชอบใช้ ปาก ผมชอบใช้ ตูด)
ผมตัดปากขวดออก เอาปลายเข็มหมุด แทงเข้าที่ ตูดขวด แล้วเจาะรูใกล้บริเวณที่ตัดปากขวดทิ้ง เอาลวดแขวน
แทงจิ๊ดเดียวพอให้เป็นรูตามด(จิ๊ก สั้น ๆ นะครับ) อย่าแทงไปทั้งเข็มล่ะ รูตามด น้ำมันจะหยด ติ๋ง ๆ ถ้าแทงเข้าไปทั้งเข็ม น้ำมันจะพุ่งจี๊ดเลย
จากนั้นก็ผูกแขวนกับราวที่ทำเอาไว้ คงไม่ต้องบอกนะครับว่า ทำราวแขวนขวดทำยังไง ของพวกนี้มันไม่มีใครบอกคุณหรอกครับ เพราะมันแค่ หญ้าปากคอก แต่ขออภัย หญ้าแก่ เหนียวไปหน่อยเท่านั้นเอง
(รูปที่ 251) คุณบอกว่า วันไหนจะให้ปุ๋ยก็เอาฟ็อกกี้ฉีดพ่นเอา
(ผมอ่านแล้ว คิดในใจนะว่า....ทำไมไม่เอาปุ๋ยผสมลงไป แล้วหยดให้ต้นไม้มันกินปุ๋ยไปทีเดียวเลยว๊า..
..ปุ๋ยทางดิน ทางใบ ทางราก มันก็ปุ๋ยครือกันนั่นแหละ ต้นไม้มันกินได้ทุกทิศทุกทางอยู่แล้ว ..
..พ่นฟ๊อกกี้ ฟืด ให้ สิบฟืดด้วยเอ้า หวังจะให้เข้าทางใบ กล้วยไม้กินยังไม่ทันอิ่ม ละอองฝอย ๆ ที่จะเข้าทางปากใบ ปลิวไปหมดแล้ว ....เฮ้ย กูไล่งับปุ๋ยไม่ทันว่ะ มึงล่ะ ...กูก็เหมือนกัน
ถ้าผสมน้ำปุ๋ยให้หยด แหมะ ๆๆๆ รากดูดกินกัน จ๊วบจ๊าบ ๆ ซักชั่วโมงก็อิ่มแปร้ แย๊ว....นี่ล่อให้ถึง 4 ชั่วโมง รากบวมเต่ง เป็นรากแช่อิ่ม
พอรากแช่อิ่ม ..ก็เหมือนคนตะกละ กินอิ่มจนเกินขนาด จุกตายโหง อาหารไม่ย่อย ผิดสำแดงอีกต่างหาก ก็หมดแรง จะออสโมซิสก็ไม่ไหวแล้ว แบบนี้ อยู่เฉย ๆ ดีกว่า
ไอ้เจ้าใบก็บอก ส่งน้ำส่งปุ๋ยมาเร็ว ๆ ย่อยจะหมดแล้ว
เจ้ารากก็บอก กูกินอิ่มเกินไป ส่งไม่ไหวว๊อย ขอพักก่อน
เจ้าใบก็บอก อาหารหมด ไม่มีอะไรทำ กูก็ขอพักมั่งซีวะ
..สุดท้ายทั้งระบบ ใบเหี่ยว ต้นเหี่ยว รากเริ่มเน่า เอวังฯ สบายดี)[/color]
ก็นี่ ณ วันนี้ วันที่ 2 มิย.57 เวลา 18.02 ผมก็เอาน้ำผสมปุ๋ย เทใส่ลงไปใน ตูด ขวดน้ำอัดลม
(รูปที่ 252) น้ำผสมปุ๋ยแช่น้ำแข็งเย็น ๆ ก็จะหยดลงที่ต้นกล้วยไม้ ทีละติ๋ง ทีละติ๋ง ขวดน้ำอัดลม 10 บาท ใช้เวลา 1 ชั่วโมงน้ำหมดขวด แค่นี้ก็ แฉะ จะแย่อยู่แล้ว
....ทำไมครับ ผมให้ปุ๋ยกล้วยไม้ตอนหกโมงเย็น ใครมีปัญหา ว่ามา
รู้อะไรต้องรู้ให้จริง รู้ไม่จริงอย่ามาคุย เพราะที่เห็นอยู่นี่ ของจริง .และคุณเคยเห็นบ้างไหมว่า สวนกล้วยไม้ บางสวน เค้าแอบเปิดไฟให้ปุ๋ยกล้วยไม้ตอน สี่ทุ่ม .หรือ 22.00 น. ตามยามอุบากองเป๊ะ ...ปลอดศูนย์ พูนสวัสดิ์ ภัยพิบัติ ลาภบ่มี ..
..ลุงคิมไม่ต้องมานั่งยิ้มเลย ....ทำฝนเทียมกลางดึก ...แล้วทีน้ำฝนมันตกตอนกลางคืน ตื่นเช้ามา ทำไมต้นไม้งามป๊อล่ะ ผิดธรรมชาติหรือเปล่า
(รูปที่ 253) น้ำปุ๋ยแช่เย็นในขวด ตอนผสมใหม่ ๆ มันจะเย็นประมาณ 1-2 องศาซี ตอนที่หยดลงมา ผ่านอากาศ ความสูงจากขวดถึงกล้วยไม้ ประมาณ 2 ฟุต อุณหภูมิของน้ำจะเหลือประมาณ 3 - 4 องศาซี เท่ากับน้ำฝนที่กำลังตกพอดี ๆ ไม่ขาดไม่เกิน นี่คือเคล็ดวิชาที่ไม่มีในตำรา และไม่มีใครเค้าบอกคุณหรอกครับ
(254)
(255)
(รูปที่ 254 255) ปุ๋ยที่คนบ้าใช้(เพราะบางอย่างคนดีหาซื้อไม่ได้)........ก็มี O14 (โอ 14) อย่าถามเพราะผมไม่รู้ว่าคืออะไร ผมหน้าด้านไปขอแบ่งจากสวนกล้วยไม้มาใช้ เป็นสูตรลับเฉพาะของเค้าครับ
.จากนั้นก็มี...น้ำยาเร่งราก...ที่ขวดฝาเขียวปลายแหลมคือ .ไบโออิ.... ขวดเล็ก ๆ ฝาแดง ยากันเชื้อรา 1 ขวดมีน้ำยาแค่นั้นแหละ...1 ขวดใช้ผสมน้ำ 200 ลิตร ผมใช้นิดเดียว ก็แค่ จิบ ๆ .....ขวดถัดไปก็น้ำหอม จาก ฮงฮวดครับ สำหรับไล่แมลง คุณชอบกลิ่นอะไรก็บอกคนขาย เค้าจัดให้คุณเอง บอกแล้ว สูตรคนบ้าใช้ ไม่มีในตำราทั้งนั้นเลย
ส่วนรูป 255 คือปุ๋ยปลากลั่น จาก ตปท. เป็นปุ๋ยทางใบครับ พ่อของผมใช้มาแต่ปางบรรพ์....ของไทยก็มีครับ แต่สกัดไขมันออกไม่หมด เลยใช้ดีสำหรับปุ๋ยทางดิน
ถ้าเอา ระเบิด 30-10-10 เอามาทำให้เป็น Emulsion ก็จะเป็นปุ๋ยสำหรับให้ทางใบแบบนี้ แต่อย่าทำเลยครับ เพราะลุงขายลิตรละ 100 ดีแล้วครับ ขืนทำออกมาแบบนี้ สงสัย ลิตรละ หมื่น มั๊ง ....
คุณธนพลมัวแต่ใช้ ฟ๊อกกี้ ไม่ทันกิน.
.ปลูกกล้วยไม้ ไม่รู้ใจกล้วยไม้ เอะอะก็กางตำรา ..กล้วยไม้น่ะนะครับ มันต้องการอาหารตลอด 24 ชั่วโมง
และ..กล้วยไม้ที่โทรม จำเป็นต้อง โด๊ป ....หน้าร้อนแบบนี้ ผมให้ปุ๋ยทุกวัน วันละ 2 รอบ 10 โมงสาย และ บ่าย 3 โมงเย็น สลับสูตร บอกแล้วว่า คนไม่บ้าไม่กล้าทำ..เดี๋ยวไปดูกันว่า จากกล้วยไม้แห้ง ๆ โทรม ๆ ใช้วิธีการแบบนี้แล้ว มันเป็นยังไง
ถ้าผมจะเอาน้ำละลายปุ๋ยแล้วเอาไปใส่ช่องฟรีซ ทำเป็นน้ำแข็งก้อน
มันจะเป็นยังไง ? ต้องลอง..
คุณมัวแต่จะลอง ผมไม่ต้องรอ อ่านจากคำถามของคุณแล้ว ทำให้คุณดูทันที งาน จบเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว ไม่ต้องเชื่อ และอย่าเพิ่งเชื่อ
อยากจะบอกว่า กล้วยไม้ที่ทดลองปลูกให้คุณดู มันออกดอกมาแล้ว ผมเด็ดช่อดอกทิ้งไปสองรอบแล้ว....คงเจอน้ำประปาเพียว ๆ รดมั๊ง มันกลัวตาย เลยแย่งกันออกดอก
..กลัวอย่างเดียว กลัวว่าแม่บ้านจะเอาน้ำแข็ง (ปุ๋ย) มาใส่น้ำหวาน...
อันนี้ขอร้องเลยครับ พ่อมหาจำเริญ และขอตำหนิคุณด้วยว่า อย่าทำบ้า ๆ แบบนี้เป็นอันขาด นอกจากว่าคุณอยากจะแต่งงานใหม่.... เขียนป้ายติดบอกให้เรียบร้อย และบอกให้ทุกคนรับรู้เอาไว้ด้วย ....เดี๋ยวก็ได้ ออกราก ออกดอกกันตรึมไปทั้งบ้านหรอก...(ดอกไม้ประดับ หน้างาน)
เพราะแถวบ้านผม ซื้อยาฆ่าแมลงมา กลัวคนจะรู้ เปลี่ยนขวดใส่ขวดยาธาตุน้ำแดง เอาใส่ไว้ใต้ตู้กับข้าว.... ตัวไม่อยู่ เมียปวดท้อง หายาธาตุกิน เจอขวดยาธาตุใต้ตู้กับข้าว .....กุศลา เรียบร้อย ....ผมได้กินข้าวต้มรอบดึก 9 วัน (งาน 7 วัน ...ล้างของรวบรวมของ 1 วัน เก็บของส่งวัดอีก 1 วัน)
(รูป 256 ) กล้วยไม้ป้าห่าน ต้นอื่น ๆ ก็ส่งคืนกลับสู่ธรรมชาติเรียบร้อยไปแล้ว เหลือต้นนี้ครับ ยังต้องขัดสีฉวีวรรณกันก่อน เพราะ มีเพลี้ยเกร็ดลงจับที่หลังใบครับ งานนี้คงต้องใช้สารเคมีละครับ เพราะถ้านั่งขูดเพลี้ยออก กลัวใบจะช้ำ
คุณแดงไปลอกเปลือกไม้อะไรมาครับ น่าจะเก็บความชื้นได้ด้วย รากน่าจะเกาะดี
(รูป 257) เปลือกฉำฉา เปลือกจามจุรี หรือเปลือกก้ามปู อ่ะครับ วิตามิน N (ไนโตรเจน)เพียบ....ก่อนใช้แช่ยากันเชื้อราซะก่อนด้วยล่ะ...ขนาดแช่แล้ว เอาใส่ปากขวดทดลอง(หมายเลข 1) รายังขึ้นเล๊ย อากาศบ้านผมค่อนข้างชื้นครับ
บทที่ 6.1 ตอนที่ 2
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ....ขอนำเสนอให้จบชุดนี้ไปเลย จะได้หายข้องใจว่า ภาชนะที่ใช้ทดลองปลูก ทั้งหมด 10 ต้น ภาชนะอะไร ให้ผลตอบสนองกับกล้วยไม้ดีที่สุด .....ไปดูกันครับ
(258)
(259 )
(260)
(261)
(262)
(รูปที่ 258 262) กล้วยไม้ชุดนี้ ปลูกลงกาบมะพร้าว เมื่อ 1 พค.57 เวลาผ่านไป 1 เดือน รากแทงทะลุกาบมะพร้าวออกมาแบบนี้แล้ว ..เห็นกันจะ ๆ แบบนี้แล้ว จะให้ผมพูดว่ายังไงล่ะครับ
และผมก็ได้บอกคุณธนพลไว้แล้วว่า กล้วยไม้ทดลองทั้งหมด 10 ต้น ชุดนี้ หลังจบการทดลองแล้ว ผมยกให้คุณธนพล เป็นที่ระลึกทั้งหมด แบบนี้แล้ว ผมจะเสแสร้งลักไก่เพื่ออะไรครับ ..ในขณะที่....
(263)
(264)
(รูปที่ 263 264) ภาชนะปลูก หมายเลข 1 เนื่องจากปลูกได้ 4 วัน ราขึ้น เลยต้องเปลี่ยนวัสดุปลูกจาก Bark เป็น มะพร้าวสับ + ถ่านหุงข้าว...ปลูกวันเดียวกัน แต่ปลูกลงปากขวดพลาสติกคว่ำเอาปากขวดลง.....
... มีการแตกหน่อใหม่ แต่รากวิ่งวนเวียนอยู่ในวัสดุปลูก ไม่แทงออกมายันภาชนะปลูก เพราะอะไร เดี๋ยวจะบอกครับ
(265)
(266)
(265 266) ภาชนปลูกหมายเลข 2 ใช้ถ่านหุงข้าวล้วน ๆ เป็นวัสดุปลูก ใช้ปลูกลงปากขวดพลาสติกเอาปากขวดลงเช่นกัน
มีการแตกหน่อใหม่ รากเดินลงในถ่าน มีรากที่ออกมายันภาชนะปลูก แต่หดกลับ เพราะอะไร เดี๋ยวจะบอก
(267)
(268 )
(269)
(267 269) ภาชนะปลูกหมายเลข 3 ใช้กาบมะพร้าวสับล้วน ๆ เป็นวัสดุปลูก ใช้ปลูกลงปากขวดพลาสติกเช่นกัน
มีการแตกหน่อใหม่ มีรากที่ออกมายันภาชนะปลูก แต่หดกลับ เพราะอะไร เดี๋ยวจะบอก
(270)
(271)
(270 271) ใช้กาบมะพร้าวอัด เป็นวัสดุปลูก ใช้ปลูกลง ตูด ขวดพลาสติก มีการแตกหน่อใหม่ แต่ไม่มีราก ออกมาให้เห็นซักรากเดียว เพราะอะไร เดี๋ยวจะบอก
สรุปได้ว่า การใช้ขวดพลาสติกเป็นภาชนะปลูก
(1) อบ ร้อน ความชื้นสูงเกินไป
(2) กลางวันอากาศร้อน พลาสติกจะร้อน รากกล้วยไม้ ไม่ชอบ อบ ไม่ชอบร้อนแบบอบ ๆ ...พอรากจะเดิน มาเจอร้อน รากก็หด
(3) พลาสติกมันลื่น รากไม่สามารถยึดเกาะได้
บ้านผมทำแบบนี้ไม่ได้ แต่บ้านคุณธนพล อาจจะทำได้ จึงหาตำตอบที่เหมาะสมไม่ได้ และผมคงไม่ใช้วิธีนี้ปลูกกล้วยไม้ สู้กาบมะพร้าวไทย ๆ ไม่ได้ เดือนเดียวรากเกาะแล้ว
(272)
(273)
(272 273) ใช้กาบมะพร้าวอัดลงกระถางดินเผา เป็นวัสดุปลูก รากเดินดี
(274)
(275)
(276)
(277)
(274 277) กระถางเจี๊ยบเล็ก ที่ปลูกลงกระถาง 3 นิ้ว เจริญงอกงาม อวบอั๋นตามวัย
(278 )
(279)
(280)
(281)
(278 - 281) กล้วยไม้ เจี๊ยบใหญ่ ในชุดเดียวกัน แต่ไม่ได้อยู่ในการทดลอง ผมแยกปลูกต่างหาก มี 10 กาบมะพร้าว เริ่มให้ดอกช่อแรก ..
.อย่าคิดว่าปลูกในกระถางเจี๊ยบ ออกดอกไม่ได้ ก็เห็น ๆ อยู่นี่ยังไงล่ะครับ หรือว่านี่ไม่ใช่ดอกกล้วยไม้ในกระถางเจี๊ยบ
เพื่อวันนี้ที่รอคอย(คำตอบ ไม้ยกหน้า) กล้วยไม้ 10 กาบมะพร้าวชุดที่ดอกกำลังจะบานชุดนี้ ผมยกให้คุณ ออร์คิด เอาไปปลูกดูเล่นต่อก็แล้วกัน....อ่านหลังไมค์ครับ
และผมก็คิดว่า กระทู้นี้ เป็นกระทู้ที่ทำให้ผมมีเพื่อนคุย อย่างน้อย ก็มีคุยกันสามคนเท่านั้น นอกจากนาน น๊าน ลุงคิมจะเข้ามาจอยซักครั้ง
ทำไมผมไม่เก็บเอาไว้เอง....โถคุณก็ จะให้ผมดูไม้ตัดดอก โทนสีเดียวกัน สิบ ยี่สิบกระถางทุกวัน ๆ นี่น่ะนะ ทั้งเบื่อ ทั้งเซ็ง สู้กล้ำกลืนฝีนใจดูคนที่บ้าน ผมว่าจะสวยกว่ากันตั้งแยะ....เหอ ๆๆๆๆ
ทั้งคุณ ธนพล และคุณออร์คิด ...ถือว่าเป้นการทดลอง สนุกสนานร่วมกันนะครับ
และอีกไม่นาน ผมก็อาจจะมี กล้วยไม้ขวด จากที่ผมผสมติดฝักเอาไว้ เอามาลุ้นเล่นตั้งแต่ออกจากขวด จนถึงวันที่มันจะออกดอก มันกว่า สนุกกว่ากันแยะเลย ใครอยากปลูกกล้วยไม้(ไทย ผสม ไทย)ตั้งแต่ออกจากขวด เตรียมตัว เตรียมใจเอาไว้ .....เดือนนี้ก็คงจะมีส่งเข้าห้องแลปได้บ้างละน่า
เอ ความจริง ผมบอกไว้ว่า จะลุ้นกล้วยไม้ทดลองชุดนี้ ให้ออกดอกในเจี๊ยบ จากนั้นถือว่า จบการทดลอง แบบนี้ งานนี้ก็จบแล้วซีนะครับ....หรือว่ายังไงครับ....
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 15/06/2014 6:24 pm, แก้ไขทั้งหมด 5 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
tanapole สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 31/03/2014 ตอบ: 48
|
ตอบ: 03/06/2014 10:00 am ชื่อกระทู้: |
|
|
.
สวัสดีครับลุงคิม, คุณแดง และสมาชิกทุกท่าน
ปุ๋ยปลาแอตลาส...ผมหาหลายร้านแล้วไม่มีขาย..
ระเบิดฯ ของลุงคิมผมว่าน่าจะใช้ได้ ต้องลองดู
กาบมะพร้าวเรือใบนี่ดีจริงๆ รากเดินได้เร็ว
แถมเก็บกับความชื้นและปุ๋ยได้อย่างพอเพียง
เรื่องการให้ปุ๋ยเวลา 22 น.
เรื่องนี้มีงานวิจัยสนับสนุนอยู่ครับ ขอบอกเล่าแบบสั้นๆ...
ผมไปอ่านเจอในวารสารวิทยาศาสตร์การเกษตร
เป็นงานของ "พรรณี ชื่นนคร และ สุนทรี ยิ่งชัชวาลย์"
พบว่ากล้วยไม้ส่วนใหญ่ ที่มีใบหนา จะเป็นพืชแบบ CAM
คือ มีการเปิดปากใบในเวลากลางคืน เพื่อการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์
ปากใบจะเริ่มเปิดตั้งแต่ช่วงเวลา 22 น. (มันไม่เป๊ะหรอกครับ)
ทั้งนี้ ความชื้นสัมพัทธ์จะต้องสูงด้วย ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 70%
การให้ปุ๋ยทางใบในช่วงที่เหมาะสม คือ ช่วงที่ปากใบเปิด
จากงานวิจัยนี้ยังพบว่า ใบของกล้วยไม้ (ใช้หวายบอมโจทดลอง)
จะมีอัตราการคายน้ำสูงสุดในช่วงเวลา 3 น.
(ผมคิดเอง...เมื่อเป็นเช่นนี้ ระบบรากน่าจะดูดน้ำเข้าสู่ลำต้นได้มากที่สุดในช่วงเวลา 3 น.
--> ย้ำว่า ตรงส่วนนี้ผมคิดเอาเอง คงต้องพึ่งลุงคิมแล้วครับ)
พืชระบบ CAM นั้นจะปิดปากใบในเวลากลางวัน เพื่อลดการสูญเสียน้ำ
ดังนั้น ไม่ต้องกลัวว่าในเวลากลางวันกล้วยไม้จะขาดน้ำ
การโชยน้ำ (เป็นละอองฝอย) ในเวลากลางวัน เป็นไปเพื่อการลดอุณหภูมิให้ต่ำลง
รออ่านตอนต่อไปของคุณแดงอยู่ครับ...
สวัสดี
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 03/06/2014 3:34 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
tanapole บันทึก: | .
สวัสดีครับลุงคิม, คุณแดง และสมาชิกทุกท่าน
ปุ๋ยปลาแอตลาส...ผมหาหลายร้านแล้วไม่มีขาย..
ปัจจุบันคงหายากซักหน่อย แต่พอหาได้ครับ สนามหลวง 2 ลองเดินถาม ๆ ดู
282 สมบัติเก่าแก่ของพ่อ ต้นตระกูลปุ๋ย แอทลาส (สูตรเดิม 5-1-1)..... ชั้นใช้มาตั้งแต่พวกแกยังไม่เกิด
ลุงคิมเคยพูดเสมอ ๆ ว่า ฝรั่งเค้าใช้ปุ๋ย Organic พวกนี้มานานกว่า 60 - 70 ปีแล้ว ปุ๋ยปลาแกลลอนนี้ อายุก็ประมาณนั้น
รูป 283 แอทลาสรุ่นใหม่ สูตร 4-1-1
(284)
(285)
(286)
(รูป 284 286) ปุ๋ยปลาของ บ. อลาสก้า สูตร 5-1-1 ....รูป 2 5 เป็นปุ๋ยปลาทางใบ สวนกล้วยไม้เค้าจะสั่งตรงจาก ตปท.ครับ
รูป 287 ปุ๋ยปลาชาวประมง ของไทย รายละเอียด กระทู้ 1346..หน้าโฆษณา
มีปุ๋ยปลาอีกอัน ชื่อ ไมร่อน ลองหา ๆ ดูแถวสนามหลวง 2 ครับ ไม่แน่ใจว่า ร้านป้า พรพันธุ์ มีหรือเปล่า ส่วนยี่ห้ออื่น รวมทั้งยี่ห้อดัง ๆ นอกเหนือจากนี้ ขึ้นอยู่กับคุณครับ....
อยากรู้เรื่องปุ๋ยปลา(ทะเล)...คลิก
วิธีทำปุ๋ยหมักจากปลาทะเล - Fish Emulsion Fertilizer
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2936&highlight=fish+emulsion
ปุ๋ยน้ำหมักจากปลาทะเล
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2945&highlight=fish+emulsion
ใช้น้ำหมักปลาพ่นทางใบเร่งการเจริญเติบโต
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2879&highlight=fish+emulsion
ระเบิดฯ ของลุงคิมผมว่าน่าจะใช้ได้ ต้องลองดู
ไม่เหมาะจะใช้กับกล้วยไม้ที่มีวัสดุปลูก เพราะจะถูกย่อยสลายภายในไม่เกิน 6 - 8 เดือน กาบมะพร้าว 3 - 4 เดือนก็ยุ่ยแล้วครับ
กาบมะพร้าวเรือใบนี่ดีจริงๆ รากเดินได้เร็ว
แถมเก็บกับความชื้นและปุ๋ยได้อย่างพอเพียง
ของมันชัวร์อยู่แล้วครับ เพราะเหตุนี้ สวนกล้วยไม้ถึงได้ใช้เป็นวัสดุปลูกยังไงล่ะครับ
เรื่องการให้ปุ๋ยเวลา 22 น.
เรื่องนี้มีงานวิจัยสนับสนุนอยู่ครับ ขอบอกเล่าแบบสั้นๆ...
ผมไปอ่านเจอในวารสารวิทยาศาสตร์การเกษตร
เป็นงานของ "พรรณี ชื่นนคร และ สุนทรี ยิ่งชัชวาลย์"
พบว่ากล้วยไม้ส่วนใหญ่ ที่มีใบหนา จะเป็นพืชแบบ CAM
คือ มีการเปิดปากใบในเวลากลางคืน เพื่อการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์
ปากใบจะเริ่มเปิดตั้งแต่ช่วงเวลา 22 น. (มันไม่เป๊ะหรอกครับ)
ทั้งนี้ ความชื้นสัมพัทธ์จะต้องสูงด้วย ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 70%
การให้ปุ๋ยทางใบในช่วงที่เหมาะสม คือ ช่วงที่ปากใบเปิด
จากงานวิจัยนี้ยังพบว่า ใบของกล้วยไม้ (ใช้หวายบอมโจทดลอง)
จะมีอัตราการคายน้ำสูงสุดในช่วงเวลา 3 น.
อันนั้นเป็นเรื่องของนักวิชาการพูด แต่ของจริงที่ผมเห็นกับตา เค้าให้น้ำตอน 22.00 น.พอเวลา 05.30 เค้าก็เริ่มตัดดอก เวลา 9.00 ก็หยุด เพื่อใช้เวลา จัดช่อ แพคของ....เวลา 15.00 - 15.30 ปิ๊น ๆ รถติดแอร์มารับแล้วครับ
(ผมคิดเอง...เมื่อเป็นเช่นนี้ ระบบรากน่าจะดูดน้ำเข้าสู่ลำต้นได้มากที่สุดในช่วงเวลา 3 น.
--> ย้ำว่า ตรงส่วนนี้ผมคิดเอาเอง คงต้องพึ่งลุงคิมแล้วครับ)
พืชระบบ CAM นั้นจะปิดปากใบในเวลากลางวัน [/b]เพื่อลดการสูญเสียน้ำ[/b]
ดังนั้น ไม่ต้องกลัวว่าในเวลากลางวันกล้วยไม้จะขาดน้ำ
การโชยน้ำ (เป็นละอองฝอย) ในเวลากลางวัน เป็นไปเพื่อการลดอุณหภูมิให้ต่ำลง
คุณธนพล พูดถึงพืชระบบ CAM มาครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วนะครับ
ครั้งแรก อยู่หน้าแรกที่เปิดกระทู้ ....สมาชิกบางคนอาจค้างคาใจเพราะไม่รู้ว่า อะไรคือพืชระบบ CAM
ผมขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคำว่าพืชระบบ CAM ให้มากกว่านี้อีกหน่อยนึงครับว่า CAM น่ะ แคม เฉย ๆ หรือ แคมเมร่า หรือ แคมมารูน หรือ แคมรี่ ...เพื่อที่สมาชิกบางคนอาจไม่ทราบ จะได้ทราบทั่วกัน
รออ่านตอนต่อไปของคุณแดงอยู่ครับ...
รับรองว่า คงจะมีเรื่องสนุก ๆ ที่ไม่เป็นวิชาการ และหามีในตำราไม่ อีกแยะเลยครับ
สวัสดี
. |
ข้อมูลในบทที่ 6.1 ตอนที่ 1 ปุ๋ยแช่เย็น
มีการแก้ไขใหม่หลายแห่ง ถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลดี ๆ กรุณาเปิดย้อนไปอ่านดูซักนิดนะครับ
ขอบคุณครับ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 04/06/2014 10:40 am ชื่อกระทู้: กล้วยไม้ ใกล้ม้วย ตอน ยกหน้ามาปลูก |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม....คุณ Orchid คุณธนพล
กล้วยไม้ ใกล้ม้วย
บทที่ 6.2 ตอนที่...2 ยกหน้ามาปลูก
คุณ ออร์คิด บอกว่า.....
ขอความกรุณา ลงรูปขั้นตอนการยกหน้าจากของจริงด้วยเถอะครับ อยากร่วมสนุกด้วย แต่ยังไม่ค่อยรู้อะไรซักเท่าไหร่เลยครับ
คุณอยากร่วมสนุกด้วย ถ้าคุณกล้าพอที่จะบ้าอย่างผม มีอะไรสำแดงออกมาเล๊ย....ไอ้ที่บอกว่า ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่นี่แหละ ผมกลัวใจเลยจริง ๆ ...คุณถามผมตะละอย่าง ไม่แอ๊บแบ๊ว ก็แอ๊บบ้า ....บางคำถาม ผมพลิกตำราหายังไม่เจอเลย.....
มีคำถามหลังไมค์อยู่คำถามนึง.....กล้วยไม้ เสียบยอดได้มั๊ยคะ
ฟังแล้ว มึน ซึมไปเลย...ไม่บอกสกุลซะด้วยว่ากล้วยไม้สกุลไหน ผมส่งคำถาม ถามต่อไปที่ ท่านอาจารย์
ท่านบอกว่า เอ....แล้วท่านก็เงียบ...เงียบจริง ๆ ด้วยละ
ดังนั้น ..ถ้าจะตอบคำถามนี้ คงต้องร่ายยาวตั้งแต่ สุไหงปาตี ยัน เชียงตุงมั๊งเนาะ ...ช่างคิด ช่างถามแต๊ ๆ
(288 )
(289)
(288 - 289) ผมจะยกหน้า ไม้คู่หน้า ที่เห็นในรูป ตรงที่ลูกศรชี้นั่นแหละ เอาออกมาปลูกให้คุณ ออร์คิด ดูนะครับ..
..คนที่ทำเป็นแล้ว Go Ahead ไปให้ไกล ๆ เลย ไม่ต้องดู ใครทำไม่เป็นจะดูก็ได้ ไม่ดูก็ได้ ไม่ว่ากัน เพราะมันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนักหนา แต่มันก็ไม่ง่ายนัก
(290)
(291)
(290 291) ใช้กรรไกรตัดกิ่งไม้ ลับใบมีดให้คม ๆ หน่อย ...ใครมีก็ใช้ ใครไม่มีก็ใช้มีดคม ๆ ก็ใช้ได้เหมือนกัน ไม่ต้องวิ่งไปหาซื้อกรรไกรตัดกิ่งไม้มาใช้ให้มากเรื่อง เปลืองสตางค์เปล่า ๆ ... ทำง่าย ๆ ครับ อย่าไปทำอะไรให้มันยุ่งยาก ประหยัดได้เท่าไหร่เป็นดีเท่านั้น....
เอาปลายกรรไกรทางโค้งกดลงไปใต้ไม้ลำที่สองหรือลำหลัง กดลงไปเลย ไม่ต้องกลัวไม้จะเจ็บ
แต่ถ้ากดลงไปแล้วมีเสียงร้อง โอ๊ย ละก็ ตัวใครตัวมันนะครับ .
..กดลงไปให้เกือบสุด แล้วบีบด้ามกรรไกร มันจะดัง กริ๊บ ..แสดงว่า ขาดจากต้นแม่แล้ว ...แต่ถ้าใช้มีด คุณต้องกดหลังลำที่สอง กดลงไปครับ ถ้ามีดคม ๆ มันก็จะขาดเร็ว ปึ๋ดเดียวขาด
(292) ก็ค่อย ๆ ดึงให้แยกออกจากกัน ...แล้ว ดึงออกมาเลย รากขาดบ้างไม่เป็นไร ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต
(293) ดึงออกมาก็เป็นแบบนี้ รากยั๊วเยี๊ยไปหมดเลย นี่แหละครับ ไม้ยกหน้า
(294 ) จากนั้นก็เอาปูนแดงทารอยแผลที่ตัด ทั้งต้นเดิมและต้นที่ตัด ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง......ปลูกต้นไม้ ปลูกกล้วยไม้ ขาดไม่ได้คือปูนแดง .เป็นแผลทาปูนแดง ยุงกัดมดกัด ทาปูนแดง เมียด่า เอาปูนแดงทาที่ปากไปเลย..ใช้ดีนักแล ฯ ของฝรั่งใช้อะไร I dont know......
(295) รากยาวยั้วเยี้ยเลย ใครอยากจะเอารากไว้ก็ได้ไม่มีใครว่า แต่ผมจะตัดเหี้ยนเตียนโล่ง เพราะเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์ อีกไม่ช้าไม่นานมันก็จะแห้งไปเอง พอรากแห้ง โดนความชื้น เชื้อราก็มาเยือน สู้ตัดให้สั้นดีกว่า เพราะอีกไม่นานมันก็จะแตกรากใหม่ออกมาเอง
และที่ลำหน้าจะเห็นมีรากอ่อนที่หน่อใหม่ด้วย ...ไม่ต้องกลัวครับ รากนี้จะกุดและหยุดเจริญแน่ ๆ อีกนานกว่าจะเดินหน้าต่อ อยากยกหน้าก็ต้องทำใจหน่อยนะคุณออร์คิดนะ..
.สวนกล้วยไม้บางสวนที่ทุนน้อย หรือทุนหนาก็ตาม หากต้องประหยัด เค้าจะใช้วิธียกหน้าแยกหน่อ ออกไปปลูก
แล้วลำหลังเค้าทำยังไง.....ลำหลังเค้าจะ รื้อออกหมด แล้วก็ตัดแยกเป็น ลำเดี่ยว ๆ และวิธีของเค้าคือ กดกรรไกร ตัด ฉับๆๆๆๆ ไม่รั้งรอรี จากนั้นก็ ดึง ๆๆๆๆ โยนใส่เข่ง จะมัวมานั่งพินิจพิจารณาช้าอยู่ไม่ได้ เพราะแยกที่เป็นแสน ๆ ต้น..
. ส่วนกาบมะพร้าวและกระบะเอาออกทิ้งกองสูงท่วมหัว ....ถ้ามีเครื่องย่อยเศษพืชนะ เอาพวกนี้ไปย่อยทำปุ๋ยหมัก สบายแฮเลย
จากนั้นก็ตัดแต่งปลายรากให้เกลี้ยงเกลา เหลือแต่ลำโด่เด่ เอาลงแช่น้ำยา กันรา กันแมลง .ซัก 5 10 นาที เอาขึ้นจากถังแช่ ใส่เข่ง...เอาไปวางเรียงเป็นแถวบนกาบมะพร้าวในโรงเรือนใต้ซาแรน เปิดสปริงเกลอร์ รดน้ำเช้าและบ่าย เติมน้ำยาเร่งราก เร่งแตกหน่อลงไปด้วย ไม่ช้า ไม่นาน มันก็อาจจะแตกหน่อ หรือแตกตะเกียง หรือแตกทั้งหน่อและตะเกียง
....รอจนแตกลำที่สอง ก็แยกเอาลงเจี๊ยบ แบบเดียวกับการเอาออกขวด .แต่มันจะโตเร็วกว่าไม้จากขวด เพราะมันเคยโตมาแล้ว โด็ปไม่เกินสองเดือน. ก็ตัดดอกช่อแรกได้แล้ว ..โอกาสหน้าถ้าผ่านไปเจอสวนไหนเค้าทำแบบนี้ ผมจะเอารูปมาลงให้ดู เห็นแว๊ป ๆ จำไม่ได้ว่าสวนไหน....
(296) ผมเตรียมกระถางอัดกาบมะพร้าวไว้พร้อมแล้ว ..จะเห็นว่า ผมตัดรากซะโกร๋นเลย
(297) งัดกาบมะพร้าวที่อัดขึ้นมาจากขอบกระถาง ประมาณในรูปนั่นแหละ แหวกช่องไว้หน่อย
(298 ) เอาต้นที่เราเตรียมไว้ใส่ลงไป แล้วกดกาบมะพร้าวลงกระถาง กาบมะพร้าวจะหนีบต้นกล้วยไม้เอาไว้ ถ้ากลัวจะหลุด ก็หาไม้มาปัก เอาลวดผูกมัดเอาไว้.....ถ้าทำชำนาญ จะหนีบแน่นไม่ต้องปักไม้ให้เสียเวลา
จบกระบวนการวิธีแยก และวิธีปลูก ไม้ยกหน้า.. คุณออร์คิด สงสัยอะไร ตอนไหน ถามเลย สมองกำลังลื่น ถ้าถามย้อนหลังบางที่ต้องนั่งนึก.....ทำง่าย ๆ แต่มีหลักการ ผลงานจะออกมา เนียน ไม่ใช่ทำง่าย ๆ แต่มั่ว ผลงานที่ออกมา ก็จะดูไม่งาม
(299) ทีนี้ก็มาดูการตัดตะเกียงมาปลูกกันบ้าง....
(300) ผมก็ตัดตรงที่ลูกศรชี้ในรูป 299 ออกมา ก็จะเป็นแบบนี้ อย่าลืมเอาปูนแดงทาที่รอยแผลซะด้วยนะครับ
(301)
(302)
(301 302) ก็เอาหนีบลงกาบมะพร้าวในกระถาง ค่อย ๆ เบามือไว้ ระวังอย่าให้รากช้ำก็แล้วกัน
(303) เสร็จแล้วครับ ทำง่าย ๆ อธิบายซะยาวใช้เวลา แต่ถ้าทำจริง ๆ ไม่ถึงนาทีก็เสร็จแล้ว
อาจสงสัยว่า
(1)ทำไมผมเอาลำหน้าเอียงไปอีกทางหนึ่ง แทนที่จะหันหน้าออกมาทางนี้ และ
(2)ทำไมไม่ปลูกกลางกระถาง กลับไปปลูกริมกระถาง
เพราะเหตุว่า
(1) กล้วยไม้สกุลหวาย เป็นกล้วยไม้ที่มีการเจริญเติบโตแบบ เดินหน้าในแนวราบ ที่เรียกว่า มีการเจริญเติบโตและรูปทรง แบบ Sympodial เรียกทับศัพท์ว่า ซิมโปเดี้ยล ซึ่งก็จะมี สกุลแคทลียา สกุลเด็นโดรเบี้ยม(หวาย) ...สกุลออนซีเดี้ยม สกุลเอพิเด็นดรั้ม มีสกุลอะไรอีกล่ะ นาน ๆ จะเรียกขานซะที....นึกไม่ออก สกุล ซิมบีเดี้ยมมั๊ง....รู้ไว้แค่นี้ก่อนละกัน ขืนคุยต่อเดี๋ยวไม่จบ เพราะเรื่องมันยาวววว
และไอ้เจ้าที่เรากำลังปลูกอยู่นี้ มันอยู่ในสกุลหวาย โคนลำหน้ามันอยู่ด้านนี้ แต่ปลายยอดมันหันไปทางด้านโน้น พอมันเริ่มเจริญ ยอดมันจะตั้งตรงขึ้นมาเอง
(2) ที่ปลูกริมกระถาง แล้วหันลำหน้าเข้ากระถาง เพื่อว่า เมื่อมันเจริญจนแตกหน่อใหม่ หน่อมันจะแตกออกมาทางด้านหน้า ราบไปกับพื้นเครื่องปลูก มันจะเข้ามากลางกระถางไปจนสุดกระถาง จากนั้นถ้าเราไม่แยก มันก็จะล้นกระถาง ของผมก็มีให้เห็น ทำไมไม่แยก .....ก็ความขี้เกียจน่ะซีครับ
(304 ) นี่ก็ปลูกไม้ยกหน้าอีกต้นหนึ่ง ซึ่งลำหลัง เสียหายยับเยิน ลำหน้าก็เหี่ยว คงต้องลุ้นกันอีกระยะนึง(ยาว)ละครับ
(305) เวลาหนีบ ต้องหนีบแล้วกดลงกระถางให้แน่น เมื่อคว่ำกระถางแล้ว ต้นกล้วยไม้จะไม่หลุดออกมา
(306) จากนั้นก็เอามาแขวนพักฟื้นไว้ก่อน
(307)
(308 )
(307 308 ) แยกตะเกียงมาปลูก
เอามาลุ้นมากกว่า
(309)
(310)
(311)
(309 311) ยกหน้ามาปลูก ก็เอามาลุ้นอีกนั่นแหละ ...ใครดี ใครอยู่ละครับงานนี้....
(312)
(313)
(314)
(312 314) มีคนเค้าสนใจวิธีการปลูกโดยใช้ปากขวดพลาสติกแทนกระถาง ขอให้ผมช่วยทำให้เค้าหน่อย ...จัดให้เต็ม ๆ เลย ทั้งปากขวด ทั้งตูดขวด
(ทิดคต สามีเจ๊ใหญ่ครับ)
(315)
(316)
(315 316) อันนี้ ยกหน้ามาปลูกใส่กะลามะพร้าว ผมปลูกกลางกะลาไปเลย เป็นไงเป็นกัน
(317) ลวดที่ใช้มัดกล้วยไม้กันล้มตอนปลูกใหม่ ๆ ผมใช้ลวดหุ้มพลาสติกที่เค้าใช้มัดสายปลั๊กไฟ ดีกว่า และถูกเงินกว่าใช้ ฟิวส์ ผมซื้อยกม้วนกันเลย ใช้ได้เอนกประสงค์
ไม้ยกหน้า ยกตะเกียงปลูก ก็มีแค่นี้ สงสัยถามซะตอนนี้เลยจะดีครับ เรื่องมันจะได้ต่อเนื่องกัน
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 04/06/2014 9:03 pm ชื่อกระทู้: กล้วยไม้ ใกล้ม้วย ตอน กล้วยไม้จากพิจิตร |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
คุณ boonsue ฝากกล้วยไม้ เกือบใกล้จะม้วย ให้แดง ศาลายา....
(Ref: Data # 18 -04-06-57)
ผมได้รับ วันที่ 4 มิถุนายน 57 ....แกะกล่องออกมา โอ้โฮ เพียบ (กระดาษที่หุ้มห่อ) มีอะไรบ้าง มาดูกันครับ
(1) ข้างกล่องเขียนว่า ระวังแตก หัก ...ไม่มีอะไรแตก ไม่มีอะไรหัก มีแต่เหี่ยว แค่สองวันเองนะ(ส่งวันที่ 2 ถึงวันที่ 4 เวลา 14.24 น.) ไม่เป็นไร แบบนี้ชอบ ได้ลุ้น
(2) ไหน มีอะไรบ้างจ๊ะ
กะเรกะร่อน 1 กอ แยกเป็นสองกอได้มั๊ย ...น่าจะได้...เดือน พค. ปีหน้า 58 คงได้ดูดอกนะ
ต่อไปเป็นอะไร กะร่อกะแร่ ....ไม่มี มีแต่ ช้างจากป่าพิจิตร มีรากยาวมา 2 งา เพิ่งผ่านการออกดอกมาหมาด ๆ ก้านดอกยาวเฟื้อยเลย ถ้าได้ดอกมาตอนต้น ๆ ปี ป่านนี้เป็นฝักใกล้จะเข้าห้องแลป เพาะได้แล้ว
ต่อไป เป็นเอื้องกุหลาบ ยอดเดิมกุด แตกยอดออกมาใหม่ สองยอด แหมดีจังเลย Two in One ต้องระวังว่า ใครจะมาฟันไปซะก่อน....สงสัยต้องทำตำหนิ มัดลวด ตีตราครั่งให้หมดทุกต้นซะดีมั๊ง
(3) ที่ประทับใจโก๋ คือ แผ่นนี้ครับ หวานจ๋อยท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผา ร้อนจนน้ำแข็งละลายก็แล้วกัน
ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้ก็กินน้ำฝนนครปฐมไปพลาง ๆ ก่อน รออีกสองสามวันค่อยว่ากันใหม่
สงสัยว่า ผมคงต้องเปืด ศูนย์ รับโด๊ป กล้วยไม้ ใกล้ม้วย ซะดีมั๊ยครับ....
(4) ผมขับรถรับ ส่ง ลูกหลาน ต้องผ่านป้ายอันนี้ทุกเช้าและเย็น.....อยู่ใกล้บ้าน ไม่เคยเข้าด้านหน้าซักครั้ง แต่เข้าด้านหลัง ...
(5) ถ้าคนบ้าอย่างผมจะทำบ้าง ปิดป้าย เปิดศูนย์ไปเลย คงไม่เป็นไรนะ
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 20/06/2014 6:40 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
boonsue สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 04/07/2013 ตอบ: 36
|
ตอบ: 05/06/2014 10:59 am ชื่อกระทู้: |
|
|
.
สวัสดีค่ะ
...แหมน้าก้อ อายเขาน่ะ...
กระดาษมันเยอะ เพราะกลัวใบมันจะหัก ต้องเลี้ยงอีกยาว เพราะสภาพที่ไป ก็ เป็นกล้วยไม้ ใกล้ม้วยอยู่แล้ว...
กล้วยไม้ที่ส่งไปอยู่กับหนูมาหลายปี ก็ได้เท่านี้ อยู่กับน้าอาจมีลูกมีหลานเป็นร้อย (เผื่อได้อานิสงส์)
ป้ายรับปฐมพยาบาลกล้วยไม้ อ่านแล้วขำ หัวเราะดังก็กลัวเพื่อนจะได้ยิน
ถูกใจมากเลย ให้ 2 ไลค์ คิดได้ยังไงจ๊ะคนบ้า
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย boonsue เมื่อ 05/06/2014 11:59 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 05/06/2014 11:26 am ชื่อกระทู้: เทวดามาเข้าฝัน |
|
|
boonsue บันทึก: | สวัสดีค่ะ
แหม๋น้าก้อ อายเขาน่ะ
กล้วยไม้ที่ส่งไปอยู่กับหนูมาหลายปี ก็ได้เท่านี้ อยู่กับน้าอาจมีลูกมีหลานเป็นร้อย (เผื่อได้อานิสงส์)
ถูกใจมากเลย ป้ายรับปฐมพยาบาลกล้วยไม้ อ่านแล้วขำ หัวเราะดังก็กลัวเพื่อนจะได้ยิน
คิดได้ยังไง |
สวัสดีครับลุงคิม คุณ boonsue....
เรื่องจริง ของจริง คนบ้าจริง ต้องอายใคร.....
เมื่อคืนนี้ เทวดามาเข้าฝัน ทีแรกนึกว่าจะมาตามทวงเอากล้วยไม้คืน แค่ท่านกลับบอกว่า
เค้าอยู่กับฉันมานาน ตอนนี้ โล่งไปหน่อย เบาแรงขึ้นนิด ยังไง ทิดก็ช่วยสงเคราะห์ต่อจากฉันด้วยก็แล้วกัน
ขอลาพักร้อนชั่วคราว จะไปดู อุ่นเครื่อง บอลโลกซะหน่อย ....ไปละนะ
อ้าว จะถามเลขเด็ดซักหน่อย ไปซะแล้....คนตีหวยเก่งก็ไม่พูดกันซะอีก ....
เทวดานี่เลขอะไรหว่า.....เอาไงดี.....ต้องแบบนี้
เขียนแล้วก็พับใส่ไว้ในถุงโดเรม่อนของเจ๊ใหญ่ พอได้เลขมาแกก็จะไปบอกปู่...ฝากให้มันด้วย....ปู่บ่นนะครับ...
.เห็นกูเป็นบุรุษไปรษณีย์หรือยังไง มึงเล่นอะไรกันวะนี่...
เรื่องป้าย...ก็คุณธวัชชัย เค้ายังติดได้ ที่ห้องแลป เค้าก็มี (แต่ยังไม่ได้ผ่านไปถ่ายรูป) น้าจะมีกะเค้ามั่งไม่ได้รึไง...
กะเรกะร่อนนี่แตกเป็นกอใหญ่ ปกติจะชอบอยู่กับต้นไม้ ตอนนี้ปลูกใส่อะไรแหมะพักร้อนไว้ก่อนดี
นึกออกแล้ว ใสปิ๊ง....คุณ Boonsue คอยติดตามดูก็แล้วกัน ...รับรอง ขำกลิ้งละคราวนี้
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 06/06/2014 1:40 am ชื่อกระทู้: กล้วยไม้ ใกล้ม้วย...แกะกล่องชุดใหม่ |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
ตอนที่ 3(1) - 5 มิย.57 ป้าห่านส่งกล้วยไม้ มาให้อีกกล่อง....ร่อแร่ ๆ ๆ ๆ
(Ref: Data # 17 -29-05-57 (3)-5-6-57 )
ตั้งแต่เปิดป้าย ศูนย์ไม่มีอะไรจะให้เรียนรู้ รู้สึกว่า งานเข้าแยะนะครับ
วันนี้ 5 มิย.57 ผมได้รับกล้วยไม้ของป้าห่าน จากอุดรมาอีกกล่อง...เป็นรายการเซอร์ไพร้ส์ ที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ
(31) เปิดกล่องอออกมา ว๊าว.....อีรุงตุนังมาเลย กาเรการ่อน....เอื้องกุหลาบมาลัยแดง...ฝักแห้งแตกระแหง(เมล็ด)ระเหยหาย
(32) กาเรการ่อน ร่อแร่ ๆ สงสัยบวชเพิ่งสึก หรือไม่ก็ไปอยู่กับพระมา สีจีวรยังติดอยู่เหลืองอ๋อยเลย
ถ้าจะถามว่า สวยมั๊ย ก๊อต้องตอบว่าสวย แต่สวยแบบต้องมองพิศ หรือเรียกว่า สวยหลบใน
(33) นิมนต์ฉันน้ำฝนนครปฐมไปก่อนนะหลวงพี่
(34) กาเรการ่อน จากพิจิตร ...กินน้ำฝนนครปฐมอิ่มแปล้ เพลินเลยนะ .ถ้าจะถามว่า สวยมั๊ย ก๊อต้องตอบว่าสวยอีกนั่นแหละ สวยแบบไหนล่ะ สวยแบบซึ้ง ๆ ยังไงล่ะครับ
(35)
(36)
(37)
(35 37) อยากจะบอกทั้งคุณ boonsue และป้าห่านว่า กาเรการ่อนที่ให้ผมมามันออกดอกแล้ว(ตามในรูป) ทั้งสองคนอาจจะเคยเห็น แต่ผมไม่ได้เห็นมา น๊าน นานแล้ว
อยากจะบอกอีกว่า ที่ให้มา เป็นกล้วยไม้ประเภทที่ชอบอากาศร้อน อดแห้ง อดแล้งยังไงก็ไม่ตาย แต่ถ้าปล่อยให้อดอยากละก็ เหี่ยวลง ๆ ๆ สุดท้ายก็ เฉาตาย
อย่าดูถูกว่า กาเรการ่อน เป็นกล้วยไม้กระจอก ดอกเล็ก นะครับ เป็นกล้วยไม้อยู่ในสกุล ซิมบีดี้ยม(Genus : Cymbidium) เป็นกล้วยไม้ตัดดอกที่อยู่ในสกุลสูงเลยที่เดียวเจียว ช่อหนึ่งราคาเป็นร้อย(ไปดูที่ดอยอ่างขาง เห็นอดแล้ว น้ำลายหก ซ๊วย สวย เค้าให้ผม ๆ ไม่กล้ารับ ไม่มีตังค์ติดแอร์ให้มันอยู่ ) ในขณะที่หวายตัดดอกที่ผมกำลังทดลอง ตอนนี้แค่ช่อละ 2 3 บาทเอง.....
กล้วยไม้กาเรการ่อน มีชื่อเรียกว่า ซิมบีเดี้ยม ฟินเลย์โซเนียนั่ม (Cymbidium findlaysonianum) .
คือจัดอยู่ใน วงศ์ : กล้วยไม้ (Family : Orchidaceae )
อยู่ใน สกุล : ซิมบีเดี้ยม (Genus : Cymbidium)
จัดอยู่ใน ขนิด : ฟินเลย์โซเนียนั่ม ( Species : findlaysonianum)
การเขียนชื่อสกุล(Genus จีนัส) และ ชนิด (Species) ของกล้วยไม้ ตามหลักสากลหรือ ภาษาสากล เค้ากำหนดให้ต้องเขียน ตัวเอียงนะครับ ....ชื่อสกุล ใช้อักษรตัวใหญ่ ชื่อชนิดอักษรตัวเล็ก
และถ้า วันหน้า ผมเอากาเรการ่อน ของคุณ boonsue ไปผสมกับ กาเรการ่อนของป้าห่าน.....
สมมุติ เอา Boonsue x Hans Mayer ( H เป็นแม่ B เป็นพ่อ)
..ลูกที่ออกมาก็ยังเป็น (Cymbidium findlaysonianum) แต่จะจดทะเบียนเป็นชื่ออะไร เค้าเรียกว่า เป็น Varity อาจจะชื่อ sueyer ก็จะเขียนดังนี้ (Cymbidium findlaysonianum var. sueyer (วาร์. ซูเย่อร์ เขียนตัวตรง)
ทีนี้ในทางกลับกัน ถ้าผมเอากาเรการ่อน ของป้าห่าน ไปผสมกับกาเรการ่อนของคุณ boonsue บ้าง
สมมุติ เอา Hans Mayer x Boonsue ( H เป็นพ่อ B เป็นแม่)
..ลูกที่ออกมาก็ยังเป็น (Cymbidium findlaysonianum) แต่จะจดทะเบียนเป็นชื่ออะไร อาจจะชื่อ boonhans ก็จะเขียนดังนี้ (Cymbidium findlaysonianum var. hanssue (วาร์. ห่านสู้ เขียนตัวตรง)
รู้ไว้ใช้ว่า และควรจะรู้ และจำเป็นต้องรู้ เผื่อไปเห็นกล้วยไม้อะไร เค้าเขียนไว้ จะได้รู้ว่า ไอ้เจ้านี่ เป็นพันธุ์แท้ หรือพันธุ์ลูกผสม เห็นภาษาไทย(นักวิชาการแยะ)แต่ไม่มีทางรู้ เพราะเขียนมั่ว แต่เห็นเค้าเขียนภาษาอังกฤษ จะรู้ทันที
เรื่องกล้วยไม้ เขียนย๊าก ยาก ตอนนี้เพิ่งจะเริ่มปฐมบท บอกแล้วแค่เกาะขอบขากางเกงอาจารย์เท่านั้น แม้จะมีบางตอนผมอาจจะทะลึ่งตึงตัง ก็เป็นไปตามชื่อเว็ปว่า สีสันชีวิตไทย เป็นเว็ปที่มีสีสัน และมีแต่การให้และการแบ่งปัน..
. แต่ผมจะไม่ยอมให้เสียชื่อ เกษตรลุงคิม ดอท คอมเป็นอันขาด
แค่บอกชื่อ วงศ์ (Family) ชื่อสกุล(Genus) ชื่อชนิด(Species) ชื่อเฉพาะ (Varity) แต่นี้ก็มึนแล้วมั๊ง
ก็มันยังเพิ่งจะเริ่มอยู่แค่ปรับสภาพน้ำ ยังเริ่มแค่ทดลองปลูก แล้วก็เพิ่งจะยกหน้าปลูก ยังไม่ได้ยกหลัง ยกข้าง ยกกลางปลูกเลย
ผมก็เพิ่งจะเปิดศูนย์ รับอภิบาล(Dope)กล้วยไม้ใกล้ม้วย เท่านั้น งานเข้าเพียบเลย .แต่ละต้นที่ได้มา เหี่ยวเหมือนคนให้ ..ถ้าเจ๊รองกลับมาจะเข้าบ้านถูกมั๊ยเนี่ย รกยังกะป่าหิมพานต์ อะไรก็ไม่รู้ อีรุงตุงนัง ห้อยกระโตงกระเตงเต็มไปหมด ผมเองยังเดินงง .
..มีอยู่คืนนึงเดินผ่าน โป๊ก ชนกระถางเต็มเปา ดาวขึ้นพราวเลย แม้จะมืด แต่ทางนี้เคยเดินสะดวก เอากระถางมาแขวนเองแล้วลืม .....เจ็บนี้ต้องจำ.
(38 ) เอื้องกุหลาบมาลัยแดง แอรีดีส มัลติฟลอรั่ม (Aerides multifloum).....หลับตานับ ตาย ไม่ตาย ตาย ไม่ตาย นับไป นับมาหลับ... ตื่นขึ้นมา หาย
(39)
(40)
(39 40) เอื้องกุหลาบมาลัยแดง ดูเพื่อเป็นกำลังใจ
(41) ฝัก อิหยังบ่ฮู้ กาเรการ่อนมั๊ง.....แก่จัดจนแห้ง
(42) ฝักแก่เกินการ แห้งจนฝักแตก ทำอะไรไม่ได้แล้วครับ ฝักแตกปั๊บ เชื้อราเข้าปุ๊บ.....ลองแกะออกมาดูก็ได้
(43)
(44)
(43 45) เปิดฝักออกมาดู พอฝักแตก เมล็ดบางส่วนจะปลิวไปตามลมโดยธรรมชาติ เพื่อแพร่พันธุ์ เมล็ดที่เหลือจะเห็นเป็นละอองฝุ่นสีเหลืองเข้ม เล็กกว่าปลายเข็มหมุด ส่วนจุดสีดำ ๆ คือเชื้อราครับ
กลัวว่าสาวพิจิตรจะน้อยใจ ...ทีของหนูไม่เห็นมีดอกสวย ๆ ให้ดูบ้างเลย.... จัดให้แล้วจร้า
(46) อาเรดีส ฟัลเคตั้ม (Aerides fulcatum) เอื้องกุหลาบกระเป๋าเปิด
(47) อารีดีส ออราตั้ม ( Aerides ordoratum) เอื้องกุหลายกระเป๋าปิด
เขียนไปเขียนมาชักจะมึน .....
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 20/06/2014 6:44 pm, แก้ไขทั้งหมด 3 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
hans สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 28/04/2013 ตอบ: 146
|
ตอบ: 06/06/2014 1:26 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
.
สวัสดีจ้า ทิดแดง
เขาดึงมาจากต้นไม้ในป่าเลยนะ คนเผาถ่านกะลังตัด เขาบอกเอาไปหยัง ในป่าหลายแถะแต่กี้แห่งหลาย
ของป้าก็มีออกดอกไปแล้ว ดอกที่ให้ไปนั่นช้างกระ แก่ไปเหมือนคนให้เนาะ
แล้วมาลัยกุหลาบป่าแถวบ้านป้ามีเหมือนกัน ต้องจ้างคนไปเอาปีกลายเอามาผูกตามต้นไม้
ป้าห่านจ้า
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 06/06/2014 8:21 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
hans บันทึก: | .
สวัสดีจ้า ทิดแดง
เขาดึงมาจากต้นไม้ในป่าเลยนะ คนเผาถ่านกะลังตัด เขาบอกเอาไปหยัง ในป่าหลายแถะแต่กี้แห่งหลาย
ของป้าก็มีออกดอกไปแล้ว ดอกที่ให้ไปนั่นช้างกระ แก่ไปเหมือนคนให้เนาะ
แล้วมาลัยกุหลาบป่าแถวบ้านป้ามีเหมือนกัน ต้องจ้างคนไปเอาปีกลายเอามาผูกตามต้นไม้
ป้าห่านจ้า
. |
สวัสดีครับลุงคิม...ป้าห่าน ...
ป้าครับ เมื่อปลายปี 54 น้ำท่วมมหาวินาศ ต้นหมากรากไม้ รวมทั้งกล้วยไม้ของผมตายเกือบหมด กล้วยไม้ที่รอดมาได้เพราะ ดึง ๆๆๆๆ โยนขึ้นไว้บนหลังคาบ้าน ส่วนหนึ่งจมน้ำตาย บางส่วนถูกน้ำพัดพาไปต่อหน้าต่อตา น้ำท่วมแค่หน้าอก ไหลแรงยืนแทบไม่อยู่ต้องเอาเชือกผูกเอวเอาไว้
กล้วยไม้พันธุ์ลูกผสม ตายไม่เสียดาย หาใหม่ได้ แต่กล้วยไม้ไทย ๆ มันตาย ผมน้ำตาซึม เพราะบางต้นเป็นสมบัติจากพ่อ เฝ้าทนุถนอมฟูมฟักเลี้ยงดูมา บางต้นอยู่กันมาเป็นสิบ ๆ ปี บางต้นอย่างเช่น เอื้องเงินหลวง เข็มแดง แข็มแสด สามปอยขุนตานจากแพร่ ที่รูปทรงดอก งามยิ่งกว่ามิสยูนิเวอร์ส อีกหลายอย่าง ที่มันหาไม่ได้อีกแล้ว
(1 - 2) สามปอยขุนตาน ต้นเดียวกัน รูป1 บานเมื่อ 5 มีนา 56 เวลา 13.50 รูป 2 บานเมื่อ 10 มีค.57 เวลา 15.04 วันเวลา ห่างกัน 1 ปีที่รอคอย ดอกสามปอยจากป่าโดยทั่วไปกลีบบนจะบินเหมือนปีกนก
(3) สามปอยจากป่า จะหารูปทรงหรือ ฟอร์มดอก และสีเข้มแบบนี้ได้ที่ไหนครับ มิสยูนิเวอร์ส ยังงามสู้ไม่ได้ คือถ้าต้นนี้ยังอยู่ มันก็จะออกดอกมาเป็นแบบนี้ตลอดกาล แต่ คุณอาภัสสรา หรือคุณพรทิพย์ เวลานี้ จะงามสู้สามปอยดอกนี้ได้หรือไม่
(4 - 5) ฟ้ามุ่ยบ้านกระเหรี่ยงบนยอดดอย
(6) ฟ้ามุ่ย เพื่อนกระเหรี่ยงให้มา ผมปลูกไว้ที่ปาย
(7) ฟ้ามุ่ย เพื่อนกระเหรี่ยงให้มา ผมเอาลงมาปลูกที่นครปฐม ชนะเดิมพันมาแล้ว กระเหรี่ยงบอกว่า ปลูกกรุงเทพ จะไม่ออกดอก แต่ลุ้นจนออกดอกเมื่อ 10 ตค.54 .
...มันไม่มีราคามากนัก แต่เพื่อนรักให้มา แล้วลุ้นจนออกดอก มันมีค่าทางใจ แต่ผมรักษามันเอาไว้ไม่ได้ แต่ต้นที่ปายยังอยู่ จะให้ผมไปเอาลงมาอย่างนั้นหรือ ...มันอยู่ที่นั่น เทวดาเลี้ยงก็ออกดอกเพราะอากาศมันช่วย และมันประดับอยู่หน้ากระท่อม จันทร์สว่าง ผมขึ้นไปก็ได้นอน ได้มองเห็น เพื่อนลงมาก็มานอนที่นี่ มองไปก็ได้เห็น
(8 ) ฟ้ามุ่ยจากอาจารย์ให้พ่อ ผมรับมรดกมาจากพ่อ ดอกฟ้ามุ่ยรูปทรง ลายสมุกเด่นชัดแบบนี้ ต้นละแสน หรือล้านยังหาไม่ได้เลยครับ และผมก็รักษามันไว้ไม่ได้
และกล้วยไม่ที่ป้าห่านกับคุณบุญซื่อมีน้ำใจส่งไปให้อีก โอย ๆๆๆๆ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ต้องลุ้นกันสุดฤทธิ์ มัน...ยังไงล่ะ... มันพูดไม่ถูกครับ ทำให้มีกำลังใจน่ะครับ....
กล้วยไม้ป่า ออกดอกปีละครั้ง แต่เสน่ห์ของมันคือการออกดอกปีละครั้ง เช่นว่า ถึงปลาย ๆ ปีเดือนธันวา จะได้ลุ้นดูดอกช้าง และมกรา ไปจนถึงเมษาจะได้ดูช้างไอยรา เอื้องต่าง ๆ ออกดอกบานไล่กันไป
และน้ำผึ้งที่เรียกว่าน้ำผึ้งเดือนห้า ซึ่งเป็นน้ำผึ้งที่มีราคาสูงเพราะเอาไปทำยา ก็จะได้จากดอกกล้วยไม้ป่าหลาย ๆ อย่างในช่วงระหว่างตั้งแต่เดือน ธันวาคม ถึง พฤษภาคม เพราะน้ำผึ้งเดือนห้ามันจะมีกลิ่นเกสรดอกกล้วยไม้โดยเฉพาะดอกกล้วยไม้ที่ชื่อว่า เอื้องผึ้ง ถือว่าสุดยอดน้ำผึ้งเดือนห้า ผสมยากิน รับรอง ....เหอ ๆ ๆ ๆ ไม่หายก็ตาย...
ผมเคยมาที่อุดร เมื่อสองปีก่อน ได้กล้วยไม้ไทยที่เขามาขายในตลาดมาหลายต้น มีอยู่ต้นไม่รู้จักชื่อ ต้นใหญ่เบ้อเริ่ม แต่ออกดอกมาเล็กนิดเดียว ต้องใช้แว่นขยายส่อง
ป้าบอกว่า กล้วยไม้ในป่ายังพอหาได้ ผมอยากให้ป้า บอกเขาให้เอามา ซื้อเก็บเอาปลูกไว้ อีกไม่นานมันจะเหลือเพียงตำนาน เพราะมันไม่มี คนไม่รู้จักคุณค่า ถ้าป้าคิดว่ามันรกบ้าน ป้าซื้อแล้วส่งไปให้ผม ๆ จะโอนเงินมาให้ ....
ความจริงผมว่าผมไม่อยากคุยเรื่องกล้วยไม้อีก มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับว่า คนที่เรารักกำลังจมน้ำ แต่เราช่วยเขาไม่ได้ เลยคิดว่าจะหยุดแล้วเก็บไว้ในความทรงจำ แต่
เพื่อนหลายคน โดยเฉพาะคุณธนพล คุณภิญโญ ไอ้ตู่ ไอ้หริ่ง ไอ้ทิดบัติ คุณออร์คิด ป้าห่าน คุณบุญซื่อ และ คนใกล้ชิด และเพื่อนหลังไมค์อีกหลายคน มีส่วนช่วยเป็นกำลังใจ ปล้ำผีลุก ปลุกผีนั่ง เกิดเป็นแรงบันดาลใจ ให้ผม ฮึด ขึ้นมาอีกครั้ง เอาก็เอาวะ ...
.แต่จะทำอะไรได้แค่ไหนตอบไม่ได้ เพราะบางเรื่องมันต้องนึกย้อนอดีตอันยาวไกลนานแสนนาน แต่ถ้าเป็นเรื่องที่โดนพ่อเอาขันอลูมิเนียมเคาะหัว มันจำแนบสนิทติดทนนาน ฝังใจไม่ลืมเลือน ...พ่อไม่ได้เคาะแรงนะครับ แค่ โป๊ก เบา ๆ พอน้ำตาซึม
ขอบคุณครับ .... |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
tanapole สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 31/03/2014 ตอบ: 48
|
ตอบ: 06/06/2014 9:34 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม, คุณแดง และสมาชิกทุกท่าน
เรื่องการสังเคราะห์แสงของพืช
เท่าที่ทราบก็มีแบบ C3, C4 และ CAM
95% ของพืชในโลกจะมีการสังเคราะห์แสงแบบ C3
แบบ C4 จะมีการตรึงก๊าซ CO2 สองครั้งโดยเกิดขึ้นในช่วงกลางวัน
แบบ CAM (Crassulasean acid metabolism) จะคล้ายกับแบบ C4
แต่แบบ CAM จะมีขบวนการตรึงก๊าซ CO2 ในเวลากลางคืน
ดูดจับ CO2 เอาไว้ในเซลล์(ในรูปของกรดมาลิก)
เมื่อมีแสงจึงดึง CO2 ที่เก็บไว้มาเข้ากระบวนการสังเคราะห์แสง
พืชที่มีกระบวนการสังเคราะห์แสงแบบ CAM มักจะเป็นพืชอวบน้ำ
เช่นตะบองเพชร กล้วยไม้(ไม่ทั้งหมด แต่น่าจะเป็นส่วนใหญ่)
สับปะรด มอสและเฟินบางชนิดเป็นต้น
สรุปว่า การสังเคราะห์แสง จะเกิดขึ้นในเวลากลางวัน
สิ่งที่แตกต่างคือรูปแบบการตรึง CO2
ช่วงเวลาที่พืชจะเปิดปากใบนั้นจะแตกต่างกันตามระบบการตรึง CO2
เมื่อเปิดปากใบเพื่อรับ CO2 ก็ย่อมมีการสูญเสียน้ำ(คายน้ำ)
เมื่อมีการคายน้ำ ก็จะมีกระบวนการดูดน้ำจากทางรากเข้าสู่ส่วนต่างๆของลำต้น
ถ้ามีการคายน้ำ โดยที่ไม่มีการดูดน้ำเข้าไปทดแทน พืชจะขาดน้ำ
การให้ปุ๋ย..จะเกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าวหรือไม่..ผมยังไม่สรุป
บางตำราบอกว่าปุ๋ยจะซึม(ออสโมซิส)เข้าสู่กล้วยไม้ได้ทั้งทางราก ลำต้น และใบ
ท่าน ศ.ระพี สาคริก ท่านเขียนไว้ว่าควรให้ปุ๋ยแก่กล้วยไม้ในช่วงเช้าก่อนแดดแรง
ถ้าไม่มีแสง พืชก็จะไม่สังเคราะห์แสง
ผมเห็นในรูปที่คุณแดงเอามาลงไว้ในกระทู้นี้
คุณใช้ปุ๋ยควบคุมการปลดปล่อย(ออมโมโค้ท)
ข้อดี...ไม่ต้องพะวงว่าจะให้ปุ๋ยกล้วยไม้เวลาไหน
เพราะมันจะค่อยๆปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาเรื่อยๆทีละน้อยๆ
ตราบเท่าที่มีความชื้น นอกจากความชื้นแล้ว
อุณหภูมิก็เป็นอีกปัจจัยที่กำหนดอัตราการปลดปล่อยสารอาหาร
อุณหภูมิยิ่งสูง ยิ่งปลดปล่อยสารอาหารออกมามาก(ต้องอ่านรายละเอียดที่กล่องเอา)
ขออธิบายเท่านี้นะครับ เรื่องนี้สามารถหาอ่านจากอินเตอร์เน็ตได้
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ผมไม่ใช่ผู้รู้นะครับ....อย่าเข้าใจผิด
ผมเป็นแค่นักอ่าน อ่านแล้วก็สงสัย สงสัยก็ถามจากผู้รู้ หรือพิสูจน์เอาเอง
อ่านมาก หลายตำรา พางง...พอลงมือปลูกก็ปลูกเลี้ยงแบบสะเปะสะปะ
ไอ้ที่รู้มา...กับเวลาทำจริง มันบอกไม่ถูก อาจผิดขั้นตอน หรือทำเกินตำราก็เป็นได้
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
เห็นฟ้ามุ่ยแล้วเสียดาย....ฟอร์มดอกสวยจริงๆ
สามปอยก็สวย
สามทุ่มกว่าแล้ว...ขอตัวไปให้น้ำกล้วยไม้ก่อนครับ
สวัสดีครับทุกท่าน |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
orchid สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 07/05/2014 ตอบ: 43
|
ตอบ: 09/06/2014 11:05 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุง คุณ ธนพล
คุณธนพล บอกว่า
เรื่องการสังเคราะห์แสงของพืช
เท่าที่ทราบก็มีแบบ C3, C4 และ CAM
95% ของพืชในโลกจะมีการสังเคราะห์แสงแบบ C3
แบบ C4 จะมีการตรึงก๊าซ CO2 สองครั้งโดยเกิดขึ้นในช่วงกลางวัน
แบบ CAM (Crassulasean acid metabolism) จะคล้ายกับแบบ C4
แต่แบบ CAM จะมีขบวนการตรึงก๊าซ CO2 ในเวลากลางคืน ดูดจับ CO2 เอาไว้ในเซลล์(ในรูปของกรดมาลิก) เมื่อมีแสงจึงดึง CO2 ที่เก็บไว้มาเข้ากระบวนการสังเคราะห์แสง
การนำเสนอของคุณ เป็นแบบที่เหมือนว่าคุณรู้คนเดียว ผมคิดน่าจะมีสมาชิกหลายคนรวมทั้งผม อ่านแล้วงง ไม่รู้เรื่อง ไม่ clear น่าจะแสดงข้อมูลที่ละเอียดมากกว่านี้... เรื่องบางเรื่องพูดสั้น ๆ คนเข้าใจ แต่เรื่องบางเรื่องพูดสั้น ๆ ไม่ได้ เช่นเรื่องที่คุณพูดถึงนี้ เพราะมันเป็นเรื่องในเชิงวิชาการ กรุณาอธิบายขยายความให้เป็นภาษาชาวบ้าน ๆ ให้เข้าใจง่าย ๆ อีกซักหน่อยได้ไหมครับ....
และผมอยากถามคุณธนพลว่า การสังเคราะห์แสงของพืช แบบ C3, C4 มันเป็นยังไงครับ และพืชแบบไหนที่เรียกว่า พืช C3, C4 สมาชิกอีกหลายท่านไม่รู้แน่ ๆ ว่ามันคืออะไร....
คุณสรุปว่า การสังเคราะห์แสง จะเกิดขึ้นในเวลากลางวัน
ผมคิดว่า ไม่น่าจะถูกต้องนะครับ เพราะ คำว่า สังเคราะห์แสง มาจาก Photosynthesis ไม่ใช่ Sunsynthesis . Photo.จึงน่าจะหมายถึง แสง ที่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในเวลากลางวันเท่านั้น เพียงแต่ให้มีแสง พืชก็สามารถสังเคราะห์แสงได้แล้ว
ผมเคยเห็นตอนไปเที่ยวบนดอยบางแห่ง เป็นโรงเรือนมีหลังคาคลุม ตั้งแต่ตอนเย็นเค้าจะเปิดไฟ พาดยาวเป็นแถวไปตามสันดอย ...มองกลางคืน จะเหมือนมีหนอนยักษ์....อยากถามว่า เค้าเปิดไฟไว้ให้ใคร เพื่อทำอะไรครับ
เรากำลังคุยกันถึงเรื่องกล้วยไม้ ผมมีรูปจากห้องแลปเพาะกล้วยไม้ มาให้ดู
รูปที่ 1 มีคำอธิบายว่า อุณหภูมิห้อง 24 องศา ซี ความสว่าง 2,000 ลักซ์ เปิดนาน 14 ชั่วโมงต่อวัน
(อะไรคือ ลักซ์ ...ลักซ์ คือค่าความสว่างที่แสงตกกระทบ....
1 ลักซ์ คือ ความสว่างที่เกิดจากแสง 1 ลูเมน ตกลงบนพื้นที่ 1 ตารางเมตร นั่นคือ 1 ลักซ์ = 1 ลูเมน / 1 ตารางเมตร ดังนั้น 2,000 ลักซ์ คือ 2,000 ลูเมน / 1 ตร.เมตร สว่างจ้าแสบตา เพราะปกติไฟอ่านหนังสือความสว่างจะประมาณ 400 ลักซ์ หรือ 400 ลูเมน/ 1 ตร.เมตร)
(2)
(3)
(4)
(1-4) ขอถามคุณธนพลว่า การที่เค้าปิดไฟในห้องแลป เหนือขวดกล้วยไม้ที่เพาะแล้ว ซึ่งวางบนชั้น ๆ นั้น เค้าเปิดไฟไว้ทำไม เพื่ออะไรครับ
(5) พอดีผมไปเจอรูปเกี่ยวกับคำอธิบายเรื่องการสังเคราะห์แสง ซึ่งดูแล้วก็พอจะเข้าใจแบบง่าย ๆ แต่เค้าใช้คำว่า Light คือแสงสว่าง แต่ไม่ได้บอกว่ากลางวันหรือกลางคืน ซึ่งก็น่าจะสรุปได้วา ขอให้เป็นแสงสว่าง พืชก็สังเคราะห์แสงได้แล้ว.
ช่วงเวลาที่พืชจะเปิดปากใบนั้นจะแตกต่างกันตามระบบการตรึง CO2
เมื่อเปิดปากใบเพื่อรับ CO2 ก็ย่อมมีการสูญเสียน้ำ(คายน้ำ)
เมื่อมีการคายน้ำ ก็จะมีกระบวนการดูดน้ำจากทางรากเข้าสู่ส่วนต่างๆของลำต้น
ถ้ามีการคายน้ำ โดยที่ไม่มีการดูดน้ำเข้าไปทดแทน พืชจะขาดน้ำ
อ่านแล้ว มึน ครับ
การให้ปุ๋ย..จะเกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าวหรือไม่..ผมยังไม่สรุป
คุณจะรออะไรอยู่อีกล่ะครับ กรุณา สรุปเลยครับ อยากรู้ว่าผลเป็นอย่างไร
บางตำราบอกว่าปุ๋ยจะซึม(ออสโมซิส)เข้าสู่กล้วยไม้ได้ทั้งทางราก ลำต้น และใบ
ท่าน ศ.ระพี สาคริก ท่านเขียนไว้ว่าควรให้ปุ๋ยแก่กล้วยไม้ในช่วงเช้าก่อนแดดแรง
ถ้าไม่มีแสง พืชก็จะไม่สังเคราะห์แสง
ท่านอาจารย์ก็เขียนไว้ชัดแล้วนี่ครับว่า ถ้าไม่มีแสง พืชก็จะไม่สังเคราะห์แสง ดังนั้น ถ้ามีแสง พืชก็จะสังเคราะห์แสง (ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน) และบังเอิญผมไปอ่านเจอในกระทู้ 2521 คุณสมบัติ ได้นำเสนอไว้ในหน้า 14 วันที่ 7-6-57 ....ผมขอคัดลอกมาให้อ่าน..)...... พี่น้องเค้าคุยกันแบบพี่น้องจริง ๆ
...ไอ้ทิด คำว่า สังเคราะห์แสง มันมาจาก Photosynthesis อาจารย์ท่านเคยบอกว่า เป็นกระบวนการที่พืชสร้าง คาร์โบไฮเดรท โดยการรวมตัวกันของ CO2 กับ H2O เมื่อมีแสงกับ คลอโรฟิลด์ ....เมื่อมีแสงก็หมายความว่า ขอให้มีแสง แต่ไม่จำเป็นต้องแสงอาทิตย์ก็ได้นี่หว่า ....
....ก็จริง....แล้วไง ทิดคิดจะทำพิเรนอะไรอีก....
...กูว่านะ...อยากให้มึงลอง ฉีดปุ๋ยในคืนพระจันทร์วันเพ็ญวันขึ้น 15 ค่ำ ....
...โหทิด เข้าใจคิดพิเรนดีแท้ ทิดทำที่นาทิดก็แล้วกัน ฉันกลัวไม่แม่โพสพ ไม่ก็นางไม้ออกมาช่วย ไม่โสภาแน่ ๆ แล้ว แค่นี้คนเขาก็ว่าฉันกับอ้ายยก เป็นผีบ้า ทำอะไรไม่เหมือนใครเค้าอยู่แล้ว....
...นาบ้านข้า พื้นมันแฉะ เดินเหินลำบาก กลางคืนยุงแยะ แล้วก็หมูหมามันเห่า เกรงใจคนเค้าจะหลับจะนอน มึงนั่นแหละ บ้านมึงยุงไม่ค่อยมี แสงจันทร์นวลผ่อง อากาศเย็นสบาย น่า นะ งานทดลองวิจัยนะโว๊ย .....ฯลฯ...ร่ายยาวจนข้าใจอ่อน ..สรุป... ให้อ้ายยกฉีดก็ได้น่า บอกอ้ายยก กูให้ แบล๊คกลมนึง
...ไหน ๆ ก็ไหน ๆ บ้าก็บ้าวะ ไม่ลองก็ไม่รู้ แต่แบล็ค มันเป็นเหลี่ยม แบล็คกลม น่ะแบล็คอะไร....
....แบล็คแคท....
...ชะอุ๊ย แต่มันไม่ค่อยจะกลมกล่อมนา...
อยากอ่านต่อ คลิกเลยครับ
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=2521&start=325
ขออธิบายเท่านี้นะครับ เรื่องนี้สามารถหาอ่านจากอินเตอร์เน็ตได้
จบเรื่องง่ายดีแท้...ผมไม่ได้ดูถูก เพราะไม่กล้า แต่สมาชิกลุงคิมบางท่านเปิดกระทู้อ่านได้ ตอบกระทู้ได้ แต่ไปหาอ่านจากอินเตอร์เน็ตคงไม่สะดวกนัก....
...ส่วนผมก็ลองเปิด ๆ หาดูจากเน็ต....ก็ไปเจอเข้า 2 รูป น่าสนใจ ขอเก็บมาฝากคุณธนพล และเพื่อนสมาชิกนะครับ
(6) นอกเหนือจากที่คุณธนพล เอาปากขวดมามาปลูกกล้วยไม้แล้ว จากในรูป ดัดแปลงใช้ปากขวดพลาสติก เอามาปลูกผัก ผมว่า เท่ห์ไปอีกแบบ
(7) ส่วน ก้นขวด ในเน็ตเค้าเอามาดัดแปลง ปลูกผักต่าง ๆ ... ส่วนทิดแดง เอารูปก้นขวดมาปลูกกล้วยไม้
มีหลากหลายมุมมองดีจริง ๆ .....
ฟังคุณคุยเรื่องการทดลองต่าง ๆ เกี่ยวกับกล้วยไม้มาตั้งนาน ....เอารูปกล้วยไม้ของคุณมาแชร์ให้เพื่อน ๆ ดูกันบ้างซีครับ....
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 10/06/2014 10:02 am ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
กล้วยไม้ป้าห่าน
ตอนที่ 3 (2) - 6 มิย.57 เพาะเมล็ดกล้วยไม้แบบธรรมชาติ...ฝากเทวดาดูแล
(Ref: Data # 17 -29-05-57 (3-2)
ตามที่ผมบอกป้าห่านว่า ฝักกล้วยไม้ที่ส่งไป มันแก่เกินกำหนดเพราะมันแห้งจนฝักแตก ราเข้าฝัก ไม่สามารถจะเพาะได้ในห้องแลป
ปกติถ้าจะเอาฝักเข้าเพาะในแลป อายุฝักควรจะประมาณ 4 - 5 เดือน(เพาะฝักอ่อน) และ 6 10 เดือน(เพาะฝักแก่) และอายุฝักประมาณ 8 เดือน ผลที่ออกมาจะค่อนข้างดี....การเพาะฝักอ่อน กับการเพาะฝักแก่ วิธีการเหมือนกัน แต่วิธีทำต่างกัน...ฟังดูกวน ๆ
ต่างกันอย่างไร
....เหมือนการคลอดลูกก่อนกำหนด กับการคลอดตามกำหนด วิธีการเหมือนกัน คือการคลอดลูก แต่วิธีคลอดก่อนกำหนด กับคลอดตามกำหนด มันต่างกัน ผมเปรียบแบบนี้พอมองเห็นภาพเข้าใจนะครับ
ผมมีลูก แต่ไม่เคยคลอดลูก ก็เลยอธิบายยาก....ถามน้อง ๆ สาว ๆ ที่ผมเอารูปเค้ามาลง เค้าก็บอกว่า.... หนูอยากจะคลอด แต่ไม่มีที่จะคลอด จะทำ Gift ก็ไม่ Get ซะอีกด้วย ...กรรมของพวกเอ็ง อยากเกิดมาสวยผิดที่
ฝัก ช้าง ที่ป้าห่านส่งไปให้ จะทิ้งก็เสียดาย นึกไปนึกมา เอามือคลำที่หัว พ่อเคย โป๊กนี่หว่า ...แต่ก็ไม่เคยทำเองกับมือซักที จะช้าอยู่ทำไม ส่ง....Line ถึง ไอ้ทิดบัติ....บอกเล่าว่า จะทำยังงี้ ๆ ...สิ่งที่ตอบกลับมา...
..ทิดเล่น Line เป็นแล้วเหรอ ...
คำที่ผมตอบกลับคือ ...อึ๊ ยังไม่เป็น ให้ไอ้เจไดมันทำให้....
....โห อายเด็ก ไม่รู้จักหัดทำเอง....
....อย่านอกเรื่องเอาเรื่องที่ถาม...หรือมึงจะตอบป้าห่านเอง...
ความจริงก็อายเด็ก เข้าเล่น Line ยังไม่เป็นจริง ๆ ครับ แต่ถ้าให้ออก ลาย ละก็ ถนัดนัก)
....ทิดตอบเองเหอะ ฉันสุ้มเสียงไม่ค่อยมี เกรงใจป้าแก ...งั้นคอยแป๊บ เดี๋ยวติดต่อกลับ ....
แบบนี้ก็ดีเนาะ ไม่ต้องเสียค่าโทรศัพท์ แถมติดกล้องส่องหน้า เห็นตาเวลาคุยกันซะอีกด้วย โลกมันแคบขึ้นทุกที แล้วใจคนก็แคบตามไปด้วย..... แม้กระทั่ง ยัยเฉิ่ม ยังอยู่ในห้องแคบ ๆ ท่ามกลางความมืดอันหนาวแหน็บ เลยครับ....(ดันแซวข้ามกระทู้อีกแน่ะ)
วี๊แหว่ วี๊แหว่ ๆ ๆ เสียงโทร.เข้ามา ..
.เฮ๊ย .ใครมาเปลี่ยนเสียงโทรศัพท์พ่อวะเนี่ย เสียงเป็นมงคลดีจังเลย
....ปฏิเสธกันให้วุ่น
หนูเปล่า หนูก็เปล่า สงสัยป้าใหญ่มั๊ง ไม่ก็ป้ารอง ...(น่าน มันโทษป้ามันไปนั่น ถ้าเจ๊ใหญ่ กับเจ๊รองตั้งเสียงเองได้ หมางอกเขาแน่ ๆ ขนาดกดเลขยังไม่ค่อยจะเป็น)..
.เอ้าดูถี อาเค้าว่าไง....
บรรยายความ ตามไท้ เสด็จย่าง....สรุป ได้ความว่า
....ทิด ลองใช้วิธีธรรมชาติ แบบที่ฉันเคยทำให้พ่อ มันอาจจะฟลุ๊ค ขึ้นมาซัก สามสี่ต้น ก็ถือว่า ได้ผล ทิดลองทำตามที่บอก... ก็แล้วกัน.......
....มึงเอาไปทำเลยดีมั๊ย จะส่ง อีเอ็มเอส ไปให้....
....ไม่ทันแล้วทิด ฝักมันแตก กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้แล้ว ทิดทำนั่นแหละดีแล้ว จะได้พูดว่า ....มึงทำกับมือ....
....เฮ๊ย ตอนท้ายฟังทะแม่ง ๆ มึงว่าใหม่ซิ ....
ก็ฝักมันอยู่ที่ทิด ฉันถึงบอกว่า มึงทำกับมือ ก็ถูกแล้วไง เพราะทิดเป็นคนทำ ถ้าฉันทำฉันก็ต้องบอกว่า กูทำกับมือ .... แค่นี้นะทิด ฝนมันตก ฟ้าคะนอง เดี๋ยวแผ่นดินเกิดไหวขึ้นมาอีกจะยุ่ง...รักทิด คิดถึงทุกคนว่ะ
เป็นไงป้าห่าน กับคุณบุญซื่อ มันรีบตัดบท ตัดสายไปเลย ทั้งลูกทั้งหลาน ทั้งน้อง มันแสบดีมั๊ยล่ะ
เพาะกล้วยไม้โดยวิธีธรรมชาติ ตามคำบอกเล่าของผู้ที่เคยทำ อาจไม่มีประสบการณ์ซักเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ทำบ่อย...
(1) แกะเอาเยื่อหุ้มเมล็ดในฝัก ไปเคาะ ๆ กับเปลือกกิ่งไม้ที่อยู่ร่มรำไร เมล็ดมันจะร่วงหล่นไปติดที่เปลือกไม้ หมั่นให้ความชื้นให้เหมือนอยู่ในป่า...แต่ในบ้านไม่เหมือนในป่า ต้องเพิ่มน้ำยาที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดราก..จากนั้นก็คอย ค๊อย คอย 2 เดือน 3 เดือน ถ้าเกิดมีสีเขียวขึ้นคล้ายตะไคร่น้ำเกาะ ก็น่าจะใช่
แต่ใครจะปีนขึ้น ปีนลง ต้นไม้ เอาน้ำไปพ่นให้มันชื้น เกิดตกลงมามันไม่คุ้ม..
(2) หรือใช้วัสดุที่อมน้ำเก็บความชื้นได้ดี ปัจจุบันก็คงจะมีแต่กาบมะพร้าวเท่านั้นแหละ
หรือใช้กระดาษทิชชู่พรมน้ำพอชื้น แต่กลัวราขึ้น....
หรือจะใช้ผ้าเช็ดหน้าขนหนูสี่เหลี่ยมผืนเล็ก ก็ไม่ได้อีก เพราะน้ำยาที่ติดมากับผ้า เพาะถั่วงอกยังไม่ขึ้น ทำให้เมล็ดไม่งอก
หรือจะใช้จานเลี้ยงเชื้อ คงจะขึ้น แต่ต้องไปซื้อถึงวิทยาศรม ไปกลับ 130 กม. ผมคงไม่ ซีเรียส หวังผลขนาดนั้น
ใช้กาบมะพร้าวก็แล้วกัน....จากนั้นก็ทำตามวิธีที่ 1 คือ เพิ่มน้ำยาที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดราก..แล้วก็คอย ค๊อย คอย 2 เดือน 3 เดือน ถ้าเกิดมีสีเขียวขึ้นคล้ายตะไคร่น้ำเกาะ ก็น่าจะใช่ ไปดูรูปกันครับ
(48 ) ลองฝากเมล็ดไว้กับวัสดุปลูกในกระถางกล้วยไม้ อยากจะงอกก็งอก ไม่อยากงอกก็ไม่ต้องงอก...
(49)
(50)
(51)
(52)
(53)
(54)
(49 54) เอาเยื่อหุ้มเมล็ดมาเคาะลงบนวัสดุปลูก คือกาบมะพร้าวที่อิ่มน้ำ งอกคืองอก ไม่งอกคือไม่งอก... กรุณาสังเกต ละอองเล็ก ๆ สีเหลืองอ่อน ๆ เป็นจุด ๆ คล้าย ฝุ่น เกาะบนกาบมะพร้าว นั่นแหละครับเมล็ดกล้วยไม้ เล็กเท่าปลายเข็มหมุด
(55) ส่วนเปลือกหุ้มเมล็ด ผมเอามาโรยบนวัสดุปลูกเผื่อจะฟลุ๊คมันอาจจะงอก
สำหรับน้ำยาเร่งให้เกิดราก ตามที่ทิดบัติเค้าบอกมา. ลุงคิมก็เคยบอก คือ - น้ำตาลทางด่วน....ก็เป็นสารจำพวก กลูโคส แลคโต๊ส ฟรุ๊คโต๊ส และ V.B1 ความเข้มข้น...ppm
..หาได้จากที่ไหน.....ถ้าถามลุงคิม ๆ จะบอกว่า ที่ไหน ๆ ก็มียกเว้นบ้านคุณ....
ผมขอนำเสนอต่อด้วย ตอนที่ 3(3) ....เปิดมดลูก ฝักอ่อนเลยนะครับ
พอดีมันมีวัตถุดิบอยู่เลยนำเสนอได้ ถ้าไม่มีก็ไม่ได้ดูของดี.....
ผมเก็บข้อมูลนี้ไว้ตั้งแต่วันที่ 31 พค.57 แล้วละครับ คิดว่า ถ้าไม่นำเสนอให้สมาชิกรู้ ผมก็เก็บเอาไว้ศึกษาของผมเอง ผมทำได้เท่าที่ผมรู้ นอกเหนือจากที่ผมไม่รู้ก็จนปัญญา ..
ความจริงการเปิดฝัก ต้องทำในตู้เพาะที่ปลอดเชื้อคือทำในห้องแลป.. แต่นี่ฝักมันเสีย(หล่นก่อนกำหนด) ผมก็เลยคิดว่า เอามาทำให้เพื่อน ๆ ดูดีกว่า....
(56) ตู้เพาะกล้วยไม้. ใบนี้...มรดกจากพ่อ ราคาเมื่อปี 2510 ซื้อทองได้ 20 บาท จำได้เลยว่า แม่ผมบ่นซะกระบุงโกยไม่หมด (ตอนนู๊นทองหนัก 1 บาทราคา 450 บาท)....ทำด้วยไม้สัก ฝีมือเข้าไม้โดยช่างร้านเฟอร์นิเจอร์เซี่ยงไฮ้
(57) ตู้เพาะปัจจุบันมีรูปทรงหลายแบบ ตู้นี้ใช้ในห้องแลป ค่อนข้างจะ ไฮเทค มีอุปกรณ์เพียบ ราคาก็เพียบ เหยียบแสน แต่รับงานปีเดียวก็เกินคุ้ม
(58 ) โรงเรียนไหนไม่แจ้ง...ดูท่าทางน้องหนูจากรูปแล้ว ไม่ธรรมดาจริง ๆ ..ถ้าน้องหนูทำได้ขนาดนี้ เรียนจบออกไปไม่ต้องทำงานเป็นลูกจ้างใครเค้าหรอกหนู และไม่ต้องเอาใบปริญญา ปริญแหยะ อย่างลุงคิมพูด เพียงแต่เปิดสองหู สองตา ฟังสิ่งที่อยู่รอบตัวพอแล้ว ....
ให้พ่อแม่ลงทุนเปิดห้องแลป รับงานเอง ฝีมือดี ๆ รับรอง งานจุกก้น ไม่มีเวลาจะกินจะนอน ไม่มีเวลาแม้กระทั่งเวลาจะขี้ ไม่มีทุน ไปที่ K-Bank ยื่น Project ให้เค้าดู Lab เล็ก ๆ งานแบบนี้ลงแรก ๆ 4 5 แสน หนูจะจ่ายคืนปีละแสน K-Bank บอกเอาไปเลยหนูจ๋า จ่ายคืนปีละแสน สบาย ๆ
ตราบใดที่ยังมีการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ ไม่อดตายครับ ขอให้ ฝีมือดี(สูตรวุ้นอาหารต้องดีด้วย) ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัดและอดทน
..เจองานเหมาะ ๆ สวนกล้วยไม้ 100 ไร่ 200 ไร่ มาให้ปั่นตา 1 ล้านหรือ 2 ล้านต้น ๆ ละ 2 บาท เจองานนี้ ช๊อคแน่ ๆ
....รายได้มาจากไหน
1.- ค่าเปิดบริสุทธิ์(เปิดฝัก) มีเมล็ดหรือไม่มีก็ตาม ที่อื่นผมไม่รู้ แต่แลปที่ผมใช้บริการ ค่าบริการฝักละ 100 (ผมละโดนประจำ ผสมข้ามสายพันธุ์ ยากที่จะมีเมล็ด แม้กระทั่งเยื่อในมดลูกก็ไม่มีให้ขูดเอาไปเพาะเลี้ยง เดี๋ยวมีรูปให้ดู)
มีตู้เพาะแล้วทำไมไม่ทำเอง งานเพาะกล้วยไม้ งานช้างพญาฉัททันต์ เชียวนะคุณ แค่เตรียมสูตวุ้นอาหารก็หูตูบแล้ว ทำนิด ๆ หน่อย ๆ จ้างเค้าดีกว่า นอกจากให้เค้าเพาะแน่น แล้วซื้อวุ้น มาถ่ายขวดเอง
2.- เพาะถ่ายขวดไม่เกินขวดละ 60 ต้น ขวดละ 100 ทำแบบสบาย ๆ ไม่เร่งรีบ วันละ 50 ขวด...ก็วันละ 5,000 (เท่าที่เคยเห็นเด็กห้องแลปทำในห้องแอร์เย็นสบาย ได้ ชม.ละ 15 ขวดวันละ 120 ขวด ค่าแรงขวดละ 3 - 5 บาท...)
หักต้นทุนทุกอย่างให้ไปเลย 50 % ก็ยังเหลือวันละ 2,500 ....เดือนละ 75,000 ...
ให้พ่อกับแม่ไปเลย คนละ เดือนละ 10,000
ค่าจ้างคนทำความสะอาดเดือนละ 5,000 งานห้องแลป สบายตายโหง ไม่เอาก็ไม่ต้องเอา
3.- หักแล้วเหลือ 50,000 (ถ้าขยันทำเกินกว่าวันละ 50 ขวดก็ได้มากกว่านี้)
.เอาไปนอนบัญชี K-Bank เดือนละ 40,000 แค่นี้ K-Bank ก็ยิ้มแก้มตุ่ยแล้ว เงิน 5 แสนกูไม่สูญแน่
4.- พกติดตัวไว้โก้ ๆ 10,000 ....อยู่ห้องแลปจะใช้อะไรนักหนา กินกงสี ก็ที่ให้พ่อกับแม่คนละหมื่นนั่นแหละ ท่านจะเอาไปหนาย....
5.- หยุดพักผ่อนวันพุธ (เสาร์ อาทิตย์หยุดไม่ได้เพราะลูกค้าแยะ) ...หยุดกลางวัน ทำงานกลางคืนซีว๊อย
ขอบอกอีกนิด ผมไม่ได้เก่งนะครับ ทิ้งเรื้อเรื่องกล้วยไม้มานาน รู้แค่พื้น ๆ แบบเดิม ๆ ที่เคยรู้ เทคโนโลยีใหม่ ๆ ไม่ต้องมาถามผม อาจจะรู้ แต่ไม่ซึ้ง ก็คงคุยได้เท่าที่ผมรู้เท่านั้น
.
(59) เป็นฝักอ่อนของกล้วยไม้ที่หลุดหลังการผสมผ่านไป เดือนกว่า ๆ เป็นคู่ผสมระหว่าง ช้าง กับ ควาย เง็ง...จะหาว่าผมกวน.....เพราะผมเอาช้าง มาผสมกับควายจริง ๆ
ช้าง ผสมกับ ม้า คือ สกุลช้าง x สกุลม้าวิ่ง หรือแดงอุบล (เห็นของป้าห่านมีอยู่ต้นนึง)
ช้าง ผสมกับ ควาย คือ สกุลช้าง x สกุลลิ้นกระบือ ....กระบือ ไม่ใช่ควายรึไง ผมพูดผิดตรงไหนครับ นี่แหละภาษาชาวบ้าน จำง่าย ๆ.....
ฉะนั้น ฝักอ่อนที่มันหลุดร่วง เพราะเป็นการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง ช้างประหลาด กับลิ้นกระบือ เคยฟังเพลง.....ที่รัก เราคงรักกันไม่ได้ มั๊ยครับ ....ช้างกับควาย ก็คงเข้ากันไม่ได้เช่นกัน.... เอ ทีม้า กับ ลา ทำไมยังออกมาเป็น ฬ่อ ได้นี่นา .....ต้องถามลุงคิม ทหารม้าเก่า ครับ.....ฮี๊ ๆๆๆๆ
(60) ก็มีฝัก เข็ม กับ สามปอย อายุ 4 เดือน มันหลุดเช่นกัน ผมเลยจับมาเทียบกัน
(ซ้าย) สกุลเข็มขาว x สกุลแวนด้า สามปอยขุนตาน ธรรมดามันเคยผสมได้ ออกมาเป็น แอสโคเซ็นด้า.....ชื่ออะไรไม่รู้ เวลาจดทะเบียนตั้งชื่อ ต้องค้นหาว่าเคยมีใครจดเอาไว้หรือยัง ถ้ามีแล้วก็ต้องใช้ชื่อนั้น แต่เป็น วาไรตี้ แดงศาลายา ....อาการหลุดร่วงอาจเกิดจาก....หลายสาเหตุ ให้โทษ เชื้อรา ไว้ก่อน
(ขวา) สกุลช้าง x สกุลลิ้นกระบือ ฝักอ่อนมาก ๆ ผ่าออกดู ไม่มีเยื่อหุ้มเมล็ดให้เห็นเลย ถ้ามีเยื่อติดอยู่บ้าง และเป็นฝักที่สมบูรณ์ คือไม่เหลือง ไม่หลุดร่วง ก็อาจเอาไปเพาะลี้ยงเนื้อเยื่อได้ แต่ฝักนี้ หลุดร่วง มีเชื้อราเข้าแล้ว คงทำอะไรไม่ได้นอกจากจดข้อมูลเอาไว้ศึกษา เพื่อหาทางแก้ไขต่อไป..
.จะทำยังไงต่อ ....เรื่องยาวครับ ขี้เกียจเขียน....เอาไว้ถึงเรื่องการเพาะเมล็ด ค่อยว่ากันอีกครั้ง....
(61) ฝักอ่อนมาก ก็เอาทิ้งไป ส่วนฝักซ้าย เอามาผ่าดูข้างใน
(62) ภายในฝัก จะเห็นเยื่อหุ้มเมล็ดฟูเต็ม มีเมล็ดค่อนข้างสมบูรณ์ กรณีถ้าฝักไม่เสีย สามารถนำไปเพาะฝักอ่อนได้สบาย
(63) แกะเยื่อหุ้มเมล็ดออกมา เมล็ดยังอ่อนและติดอยู่ในเยื่อหุ้มเมล็ด ไม่มีเมล็ดร่วงหล่นให้เห็น ก็มันยังอ่อนติดอยู่ที่เยื้อหุ้มนี่ครับ
(64) เมล็ดช้างของป้าห่าน เมล็ดแก่ สมบูรณ์ดี แต่ฝักแตก เชื้อราเข้าฝักแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเสี่ยงเพาะตามธรรมชาติ....ซึ่งความหวังค่อนข้างจะ ริบหรี่ และรางเลือน แต่ก็มีความหวัง จริงมั๊ยครับ
จบแค่นี้ก่อนครับ(หิวข้าว)
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 20/06/2014 6:47 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
tanapole สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 31/03/2014 ตอบ: 48
|
ตอบ: 10/06/2014 10:46 am ชื่อกระทู้: |
|
|
.
.
สวัสดีครับลุงคิม, คุณแดง, คุณ orchid
ที่ผมบอกว่าพืชจะสังเคราะห์แสงในช่วงกลางวัน หมายถึงตามธรรมชาติ
ส่วนการใช้แสงไฟช่วย เป็นการเสริมที่ไม่ใช่ธรรมชาติครับ
แสงไฟก็ต้องมีความเหมาะสมด้วย แสงไม่เหมือนกัน..ไม่เหมือนกันจริงๆ
คุณภาพของแสงจากหลอดชนิดต่างๆ นั้นไม่เหมือนกัน
(ผมเคยเลี้ยงไม้น้ำและปลาสวยงาม)
ที่จริงผมควรจะบอกว่าพืชจะสังเคราะห์แสงได้ดีก็ต่อเมื่อมีแสง(ที่เหมาะสม)
เรื่องการให้ปุ๋ยเวลาไหนถึงจะเหมาะสม คงยังไม่สรุป
เพราะผมยังไม่ได้ทำการพิสูจน์ ได้แค่อ่านๆมาเท่านั้น
กล้วยไม้ที่ปลูกเลี้ยงไว้ก็ไม่ได้มีมากมายอะไรประมาณ50ต้น(กระถาง)
ปัจจุบันรดน้ำตอน 04 น.
คืนไหนฉีดสารป้องกันเชื้อรา จะรดน้ำเวลา 21 น.
รอให้น้ำแห้งพอหมาดๆหน่อย ก็ฉีดพ่นสารป้องกันเชื้อรา งดการรดน้ำตอนเช้า
ส่วนวันอื่นๆ ตื่นมารดน้ำเวลา 04.00 น. กว่าจะเสร็จเกือบๆชั่วโมงครึ่ง
แบบขวดก็เติมน้ำ สักพักปล่อยน้ำออก(ทดลอง)
การปลูกแบบทั่วๆไป ก็รดน้ำตามปกติ
ให้ปุ๋ยทุกวัน ผสมปุ๋ยไปกับน้ำเลย น้ำ 50 ลิตร + ปุ๋ยเกร็ด 15 กรัม + แคลเซี่ยมโบรอน 10 ml.
+B1 10 ml. ผสมแบบเจือจางมากๆ (ในปุ๋ยเกร็ดจะมี TE อยู่แล้ว)
การให้ปุ๋ยแบบเจือจางทุกวัน...บางคนบอกว่าไม้จะเน่าตาย เลยต้องลองดู
ปุ๋ยที่ใช้เป็นปุ๋ยที่ผสมเอง เรโช 2:1:3 ซื้อแม่ปุ๋ย ธาตุรอง ธาตุเสริม จากคุณชาตรี
(ซื้อที่วัดส้มเกลี้ยง) ลองใช้เรโช 2-1-3 ยาวๆไปจนกว่าไม้จะออกดอก
การใช้ปุ๋ยเรโชนี้ ได้มาจาก ศูนย์บ่มเพาะอาชีพกล้วยไม้ ระพี-กัลยา สาคริก(เพชรบุรี)
ส่วนวิธีผสมปุ๋ยต้องคำนวนเอาเอง...
แม่ปุ๋ย 0-52-34 = 20 g. *(ตามสูตรคำนวน 19.23 กรัม)
13-0-46 = 50 g. *(ตามสูตรคำนวน 51 กรัม)
46-0-0 = 30 g. *(ตามสูตรคำนวน 29.06 กรัม)
ได้ N-P-K = 20.3 - 10.4 - 29.8 เกิน/ขาดนิดหน่อย
ลองสูตรนี้ก่อน ผสมทีละ 100 กรัม หมดแล้วทำใหม่ อ้อ + TE ประมาณ2.5 g.
*เนื่องจากเครื่องชั่งไม่ละเอียดพอ จำเป็นต้องปัดทศนิยมเป็นจำนวนเต็ม
ยังมีสูตรการผสมปุ๋ยอีกแต่ยังไม่ทำ...
สูตรที่สอง เรโชเดิม 2-1-3
แม่ปุ๋ย 12-60-0 = 17 g.
13-0-46 = 66 g.
46-0-0 = 21 g.
ปุ๋ยสองสูตรนี้ต่างกันตรงชนิดของ N (ไนโตรเจน)
สูตรที่สองจะได้ N จาก NH3, NH4, Urea
ส่วนสูตรแรกจะได้ N จาก NH3, Urea ไม่มี NH4
ความจริงผมไม่ต้องผสมปุ๋ยเองก็ได้...ซื้อสำเร็จรูปสบายกว่า กล้วยไม้มีน้อย
แต่ความอยากรู้ อยากลอง เลยต้องลำบาก...
เรื่องรูปกล้วยไม้ที่ปลูกเลี้ยงไว้ จะพยายามเอามาลงให้ดูครับ
ขอตัวทำงานก่อนครับ
สวัสดีครับ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 15/06/2014 7:13 pm ชื่อกระทู้: (Clean)คุณ boonsue |
|
|
.
.
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
ขัดสีฉวีวรรณ(Clean)คุณ boonsue (กล้วยไม้ นะครับ) ก่อนปลูก....
(Ref: Data # 18 -04-06-57)
กล้วยไม้ที่ได้รับจากคุณ boonsue เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 57 ...ก่อนจะปลูก เป็นธรรมเนียมที่ผมจะต้องจับ อาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณ เสียก่อน เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอม(โรคและแมลง) ...โดยจับแช่ยากันเชื้อรา จากนั้นก็ตามด้วยยาป้องกันแมลง ...เรียกว่ากันไว้ดีกว่าแก้ เพราะถ้าแย่แล้วไปหมดทั้งรัง
(6)
(7)
(8 )
(9)
(10)
(6 10) ทำความสะอาดเสร็จ จากนั้นก็เอาขึ้นแขวน ผึ่งลมให้แห้ง
(11) เอื้องกุหลาบต้นนี้ ไม่แน่ใจว่า จะเหมือนกับในรูปที่ 9 และ 10 หรือเปล่า เพราะสกุลเอื้องกุหลาบ มีหลายสายพันธุ์ รอออกดอกมาก็รู้เอง ถ้าเป็นคนละสายพันธุ์ก็ดี จะได้จับคู่กับซะเลย
(12) กาเรการ่อน ก็พักฟื้นไว้ก่อน....
(13)
(14)
(13 14) นี่ก็มาจากป่าบนดอย....มะลิป่าครับ ไม่ค่อยอยากจะโต มีดอกออกมาไม่กี่ดอก แต่ตอนกลางคืน กลิ่นมันหอม ฉุน สุดขั้วหัวใจ
ความจริงก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแต่อยากบอกเพื่อนสมาชิกว่า เมื่อซื้อหรือรับกล้วยไม้มาใหม่ ให้เอาไว้นอกโรงเลี้ยงก่อน จนกว่าจะได้พ่นยากันเชื้อรา หรือยาป้องกันแมลงเสียก่อน เป็นการป้องกันสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด .
...ไม่ต้องอื่นไกล บ้านคุณธนพล ใช้ Bark หรือเปลือกไม้เป็นวัสดุปลูกได้ แต่บ้านผมใช้ไม่ได้ แค่ 3 วันเชื้อราเข้าเครื่องปลูก เพราะบ้านผม ความชื้นสูงกว่าบ้านคุณธนพล....
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 20/06/2014 6:49 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 17/06/2014 12:24 am ชื่อกระทู้: กลวยไม้ ใกล้ม้วย ตอน ทำไมต้อง Clean ก่อนปลูกและ.ก่อนนำเข้าโ |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม ...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
ทำไมต้อง Clean ก่อนปลูก..และ..ก่อนนำเข้าโรงเรือน
(Ref: Data # 18 -04-06-57)
ตามที่ผมบอกว่า......กล้วยไม้ที่ได้รับมาจากไหนก็ตาม ...ก่อนจะปลูก ก่อนจะนำเข้าโรงเรือนรวมกับกล้วยไม้ต้นอื่น ๆ ...เป็นธรรมเนียมที่ผมจะต้องจับ อาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณ เสียก่อน เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอม(โรคและแมลง) ...โดยจับแช่ยากันเชื้อรา จากนั้นก็ตามด้วยยาป้องกันแมลง ...เรียกว่ากันไว้ดีกว่าแก้ เพราะถ้าแย่แล้วจะเสียหายไปหมดทั้งรัง
ผมไม่ชอบพูดลอย ๆ ไม่มีหลักฐาน.....ผมมีรูปของจริงให้คุณดูครับ......
(15)
(16)
(15 - 16) วันที่ 5 มิย.57 ผมรับกล้วยไม้จากป้าห่าน.....เปิดกล่องออกมา ...ดีใจก็ส่วนดีใจที่ได้รับอนุเคราะห์ ป้าห่านมีน้ำใจส่งไปให้
แต่เห็นของในกล่องแล้ว ซึม พูดไม่ออก แต่มาถึงวันนี้ จำเป็นต้องบอก.....เพราะด้วยความที่ป้าห่าน รู้เท่าไม่ถึงการณ์หลายอย่าง.ทำให้ต้นกล้วยไม้ถูกเชื้อรา เชื้อโรค ทำลาย
(1)..ต้นกล้วยไม้มันยาวกว่ากล่องที่ใส่ ป้าห่านเลย จับใบมันหักพับเพื่อให้ใส่ลงกล่องได้ ใบที่ถูกหักพับแล้ว จะกลับฟื้นคืนตั้งตรงอีกไม่ได้แล้ว เหมือนก้านใบตองที่ถูกหัก จะกลับคืนดีเหมือนเดิมอีกไม่ได้...ไม่ว่าใบจะเน่าเสีย หรือไม่เน่าก็ต้องตัดทิ้งลูกเดียว น่าเสียดาย.....ต้องรอจนกว่าจะแตกใบใหม่ ....การแตกยอด แตกใบใหม่ของ กาเรการ่อน ต้องรอความเมตตาจากน้ำฝนครับ
(2) ป้าห่าน จับใส่กล่องรวมกันมาหลายอย่าง โดยที่ไม่ได้แยกแล้วห่อเป็นอย่าง ๆ
วัสดุที่ใช้ห่อกล้วยไม้ลงกล่องดีที่สุดคือ กระดาษสา..หรือ.กระดาษฟาง หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ กรณีส่งออกต่างประเทศ ต้องใช้กระดาษสาอย่างเดียว
(3) กล้วยไม้หลายอย่างเมื่อไม่ได้ถูกห่อ อยู่รวมกันในกล่อง จะอบ...ร้อน..ที่สำคัญ จะ.คายน้ำ การคายน้ำในกรณีนี้จะออกเป็นเหงื่อ เป็นหยดน้ำ ..เชื้อราชอบนักหนา
..แต่ถ้าใช้กระดาษห่อ การคายน้ำจะทำให้กระดาษที่ห่อเปียกชื้น แต่กระดาษสาหรือกระดาษฟาง เป็นวัสดุจากธรรรมชาติ แม้จะชื้น แต่มีคุณสมบัติพิเศษ ที่สามารถยับยั้งหรือชลอการแพร่กระจายของเชื้อราได้ สวนกล้วยไม้ส่งออกบางแห่ง เค้าใช้กระดาษสา(สีขาว)ห่อช่อดอกกล้วยไม้ก่อนบรรจุลงกล่อง.... จากการคายน้ำในที่อบ ร้อน ทำให้เกิดเชื้อรา เชื้อโรคพืช สปอร์จากเชื้อราเข้าทำลายบริเวณที่เป็นแผล ดูจุดที่ลูกศรชี้ในรูปครับ
(17) ต้นนี้ ใบยอดเน่าเข้าถึงยอดอ่อน เข้าสู่ลำต้น ภาษาคนเล่นกล้วยไม้เค้าเรียกว่า ....เน่าเข้าไส้ ...ในวงกลมสีแดง ใบมีรอยหักพับเชื้อราดำเข้าเริ่มจะเน่า
(18 ) ต้นนี้ โคนใบล่างสุดฉีกขาด เริ่มเน่า แต่พอลุ้นไหว ถ้าเป็นยอดเน่า ก็จะเหมือนต้นในรูปที่ 17
(19) ผมเอามีดเผาไฟ ชุบแอลกอฮอล์ ตัดรอยที่ป้าห่านพับใบ ผ่านไปอีก 2 วัน ใบที่ถูกตัดมีลักษณะเป็นแบบนี้ เนื่องจากเชื้อราเข้าไปอยู่ในเนื้อใบเสียแล้ว สุดที่จะเยียวยา....
(20) ใบที่เสียหายทั้งหมด ถูกตัดทิ้งด้วยความเสียดายอย่างที่สุด
ใบกล้วยไม้เป็นส่วนสำคัญที่สุด เนื่องจากต้นมันเป็นหน่อ โตขนาดไม่เกินหัวแม่มือ หรือประมาณปลายนิ้วก้อย อยู่ที่โคนนิดเดียวเท่านั้น นอกนั้นเป็นใบมีหน้าที่หาอาหารไปเลี้ยงต้น ถ้าใบเสีย ต้นก็ตาย
(21) นี่คือจุดที่เกิดจากเหงื่อที่กลายเป็นหยดน้ำ หยดลงบนใบในขณะที่อบอยู่ในกล่อง แค่หยดน้ำเล็กนิดเดียว เมื่อเกิดเชื้อราจะขยายตัวลุกลาม เป็นแบบนี้แหละครับ
(22)
(23)
(22 23) เมื่อเกิดเป็นเชื้อราแล้ว แก้ไม่ได้ ต้องตัดทิ้งลูกเดียว รักษาส่วนที่เหลือ เท่าที่จะทำได้
(24) เชื้อราในซอกกาบใบจากรูปที่ 18 หลังจากตัดออกทิ้งแล้ว ต่อมาจะกลายเป็นแบบนี้ ครับ
(25) เชื้อราที่เกิด คือ ไฟทอปธอร่า ....ยาที่ป้องกันได้มีชื่อสามัญว่า เบโนมีล....ชื่อการค้าว่าอะไร ไปเดินหาดูตามร้านขายปุ๋ย ขายยาครับ..... ส่วนเชื้อราอื่น ๆ ยาที่ป้องกันมีชื่อสามัญว่า แคปแทน ยาตัวนี้เก่า เก๋ากึ๊ก ...เก่าแก่มาก ผมเห็นพ่อใช้ยาตัวนี้มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์
(26) ต้นนี้ เอาอยู่....แผลแห้ง ใบอ่อนเริ่มสดใส แบบนี้ 50 / 50 รอลุ้นให้แตกรากใหม่เท่านั้น ถ้าแตกรากใหม่ ผ่านแน่ ๆ ครับ.....
(27)
(28 )
(27 28 ) กล้วยไม้ 10 กาบมะพร้าว..รุ่นเดียวกับที่กำลังทดลองภาชนะปลูก....แต่รุ่นนี้ ออกดอกก่อน สำหรับรุ่นที่ทดลอง ในกาบมะพร้าว 5 ต้น(หรือในเรือใบตามที่คุณธนพลเรียก) ออกดอกไปแล้ว แต่ผมเด็ดทิ้ง รอดอกชุดใหม่......
ทีนี้ว่า จะให้ผมนั่งดู ดอกกล้วยไม้ตัดดอกสีเดียวกัน ทุกวัน ๆ เซ็งตายแน่
(29)
(30)
(31)
(29 31) มันต้องมีสีสันที่หลากหลายครับ มันถึงจะมีชีวิตชีวา เข้ากับบรรยากาศ สีสันชีวิตไทยหน่อย จาก ม่วงอมน้ำเงิน เหลือง แดง ....ยังขาดหวายสีชมพูหวานแหวว หวายเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา....
(32) ขอจบรายการชุดนี้ด้วยอะไรอีกล่ะ ไม่มีอะไรครับ ตั้งแต่เปิดศูนย์ไม่มีอะไรจะให้เรียนรู้ รับปฐมพยาบาล กล้วยไม้ที่ใกล้จะม้วยนี่ งานเข้าเพียบเลย....นี่ก็เป็น ลูกกล้วยไม้ในกระถางเจี๊ยบ....มีคนเค้าฝากมาให้ผมช่วย หนีบ ลงเจี๊ยบให้หน่อย...มีอุปกรณ์มาให้ครบครัน.หนีบก็หนีบ ไม่ได้ว่าอะไร ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน....หนีบให้แล้วจะมาเอาเมื่อไหร่ก็มาเอาไปเอง
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 20/06/2014 6:50 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
tanapole สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 31/03/2014 ตอบ: 48
|
ตอบ: 17/06/2014 11:01 am ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม, คุณแดง
ตามอ่านอยู่ครับ
แต่ระยะนี้งานเยอะ ไม่ค่อยได้เข้ามาดู
ช่วงนี้ฝนตกบ่อย....
กำลังทดลองใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มากับกล้วยไม้อยู่...ก็น่าจะเอาอยู่นะ
สามวันฉีดพ่นไตรโคเดอร์มาที...(สัปดาห์ละสองครั้ง)
สวัสดีครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
orchid สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 07/05/2014 ตอบ: 43
|
ตอบ: 17/06/2014 11:27 am ชื่อกระทู้: ยาป้องกันเชื้อรา |
|
|
สวัสดีครับลุง พี่ทิดแดง
คำอธิบาย และรูปเชื้อรา ไฟท็อปเธอร่า จากของจริง ชัดแจ่ม กระจ่างใสมาก ขอบคุณครับ..
.อะไรไม่ว่า บอกชื่อตัวยาให้อีกด้วย ถามที่ร้านขายต้นไม้เค้าก็บอกแค่ว่า ไปบอกร้านขายปุ๋ยขายยาว่า ขอซื้อยากันเชื้อรา เค้าก็จัดให้มา ใช้แล้วก็ไม่ค่อยจะได้ผล เพราะมันเป็นเชื้อราคนละชนิด
ทิดแดงบอกชื่อสามัญมาแบบนี้ คงหาได้ไม่ยาก เบโนมีล ก็ยาป้องกันเชื้อรา แคปแทน ก็ยาป้องกันเชื้อรา ทำให้รู้ว่า เชื้อราแต่ละชนิด ใช้ยาไม่เหมือนกัน
ถ้าหากไม่เป็นการรบกวนมากเกินไป ขอความกรุณา บอกชื่อการค้าหลังไมค์ให้ผมด้วยเถอะครับ จะได้ไม่ไปซื้อสะเปะสะปะที่ไม่ตรงประเด็นในการใช้งาน....เพราะชื่อสามัญเหมือนกันก็จริง แต่ความเข้มข้นต่างกัน ผลในการใช้ก็จะต่างกันไปด้วย.....
ขอบคุณครับ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
tanapole สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 31/03/2014 ตอบ: 48
|
ตอบ: 18/06/2014 2:08 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม, คุณแดง, คุณ ออร์คิด
สารป้องกันและกำจัดเชื้อรา....
(ส่วนใหญ่) น้ำที่ใช้ผสม มีค่าpH 5.6-6.5
ฤทธิ์ยาจะคงตัวอยู่ได้นานกว่าน้ำที่เป็นด่างอ่อนๆ
เชื้อราไฟทอปธอรา ใช้ เมทาแลคซิล ก็ได้
แต่อย่าใช่ติดต่อกัน ให้สลับไปใช้สารอื่นด้วย
เมทาแลคซิล เป็นสารออกฤทธิ์ประเภทดูดซึม
ซึ่งสารออกฤทธิ์ประเภทดูดซึม จะไม่ใช้ติดต่อกันหลายครั้ง
ถ้าเป็นหนักๆก็ใช้แค่ครั้งเดียว ครั้งต่อไปก็ใช้สารตัวอื่น
สวัสดีครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11623
|
ตอบ: 18/06/2014 7:19 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
.
น่าจะหาข้อมูล ใช้สารสมุนไพรกับกล้วยไม้บ้างนะ
คิดดู เรือนกล้วยไม้มีหลังคาซาแลนไม่สูงนัก ฉีดสารเคมีในเรือนกล้วยไม้แล้วอากาศไม่ถ่ายเท
จะเกิดอะไรขึ้นกับคน โดยเฉพาะคนฉีด เจ้าของเรือนกล้วยไม้ รับเนื้อๆ
กล้วยไม้ส่งออก มีสารเคมีปนเปื้อน เสียตลาด เสียเชื่อเสียงประเทศไทยนะ
คลิก :
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4174
โรคกล้วยไม้...
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 18/06/2014 8:25 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
kimzagass บันทึก: | .
น่าจะหาข้อมูล ใช้สารสมุนไพรกับกล้วยไม้บ้างนะ
คิดดู เรือนกล้วยไม้มีหลังคาซาแลนไม่สูงนัก ฉีดสารเคมีในเรือนกล้วยไม้แล้วอากาศไม่ถ่ายเท
จะเกิดอะไรขึ้นกับคน โดยเฉพาะคนฉีด เจ้าของเรือนกล้วยไม้ รับเนื้อๆ
กล้วยไม้ส่งออก มีสารเคมีปนเปื้อน เสียตลาด เสียเชื่อเสียงประเทศไทยนะ
คลิก :
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4174
โรคกล้วยไม้...
. |
สวัสดีครับลุงคิม...คุณธนพล
ผมกำลังจะเขียนอยู่พอดีเลยครับ เรื่องมันยาว ขอบอกคุณธนพลสั้นๆ ก่อนครับว่า
ข้อมูลที่คุณธนพลนำเสนอนั้น มันสั้น ห้วน เหมือนกำปั้นทุบดิน คุณรู้อยู่คนเดียว ไม่มีรายละเอียดเท่าที่ควร สมาชิกที่ไม่รู้เรื่องซื้อมาใช้ ตายแน่ๆ พูดมากเดี๋ยวเจ้าของยาเค้าจะมาเล่นงานผมเข้าอีก อันตรายแบบเดียวกับยา "อบาเม็กติน" ปลาตายทั้งคลอง....
เพราะไอ้เจ้า ยาที่คุณบอก(ชื่อสามัญ กับชื่อการค้า ตัวเดียวกัน) ให้ใช้กำจัดเชื้อรา ไฟทอปธอร่า มันเป็นยาดูดซึมที่ซึมล้ำลึกจากละอองที่มองไม่เห็นจะเข้าทาง ตา(ตาฟาง ขี้ตาแยะ) หู(อื้อ) คอ (แห้งตีบ) จมูก(หายใจขัด ๆ) ปาก(แห้ง) รูขุมขนทางผิวหนัง(เวลาเหงื่ออกจะแสบผิว) ผมพูดได้แค่นี้แหละ
ฉีดพ่นกล้วยไม้ปลูกดูเล่นพอได้ ถ้าคนฉีดไม่กลัวตาย แต่ฉีดกล้วยไม้ส่งออก เพียงแค่ด่านกักกันโรคพืชก็ไม่ผ่านการตรวจแล้ว เพราะฤทธิ์ตกค้างนานกว่า 90 วัน
ผมรู้ว่าลุงคิมไม่ชอบสารเคมีและยาฆ่าแมลง
แต่กับกล้วยไม้ บางครั้งต้องจำยอมครับ เช่นกรณีกล้วยไม้ของป้าห่านที่ส่งไปให้ผม อาการมันรุนแรงมากแค่เปิดกล่องออกมา 3 วัน เน่าเละ ต้องล้างทำลายเอาไฟเผา แล้วต้องป้องกันไม่ให้ลุกลามต่อด้วยการเอาปูนแดงละลายน้ำ เอากล้วยไม้ลงแช่ทิ้งแก้ขัดไม่ให้เชื้อลุกลามต่อไว้ก่อน ประมาณ 10 นาทีเอาขึ้นผึ่งลม ในรูปที่ผมเอาแขวนไว้นั่นแหละครับ ดูอาการก่อนว่าเป็นอย่างไร เลยยังไม่ได้เขียนบอกเอาไว้
ผมพยายามเลี่ยงการใช้สารเคมี จะใช้เฉพาะที่จำเป็นต้องใช้ และใช้ที่อันตรายน้อยที่สุด ที่สำคัญต้องไม่มีฤทธิ์ตกค้างนานเกิน 5-7 วัน และไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์เลือดอุ่น
ผมรู้ครับว่ายาตัวนั้นใช้กำจัดเชื้อราไฟท๊อปธอร่าได้ แต่ผมไม่แนะนำให้สมาชิกใช้ จึงแนะนำยาตัวอื่น หากคุณธนพลจะใช้ยาตัวนั้นกำจัดเชื้อราละก็ นิมนต์ใช้ไปคนเดียวนะครับ แล้วก็เตรียมตัวพบกับ บันได 3 ขั้น
1 อัมพฤก อัมพาต
2 มะเร็งในเม็ดเลือด
3 วัดที่ใกล้บ้านคุณ
ก่อนนำเสนอ กรุณาเจาะข้อมูลให้ลึกกว่านี้อีกหน่อยนะครับ แล้วเวลานำเสนอ กรุณาเสียเวลาพิมพ์หน่อย นำเสนอให้หมดเปลือก ไม่ใช่มีการกั๊กเอาไว้ เสนอแบบครึ่งๆ กลางๆ หรือเสนอแบบที่คุณรู้คนเดียว เห็นใจเพื่อนสมาชิกที่มือใหม่ด้วยครับ
แบบเดียวกับที่คุณบอกว่า กล้วยไม้เป็นพืชแบบ CAM และพืช C3, C4 ...เสนอมาแบบครึ่งๆ กลางๆ แบบนั้นคนที่ไม่รู้ อ่านแล้วไม่รู้เรื่อง อะไร แคม ๆ อะไร ซี3 ซี4 น่าจะมีถึง ซี10 หรือไม่ก็ ซีม่า
ใจเย็นๆ ครับ เดี๋ยวผมจะร่ายยาวให้ถึงกึ๋น เพื่อนๆ จะได้รู้ว่ามันคืออะไร และมันเป็นมาอย่างไร..... (กำลังให้น้องชายรวบรวมข้อมูลอยู่ครับ )
ขอบคุณครับลุง
คุณธนพลเอารูปกล้วยไม้ของคุณมาแชร์ให้เพื่อน ๆ ดูบ้างซีครับ ลงรูปไม่เป็น ส่งรูปผ่าน อีเมล์มาที่ผม ๆ จะลงให้แบบป้าห่าน
...แต่ก่อนผมใช้โปรแกรม Image.ohozaa.com แต่ปรากฎว่า รูปหายแยะมาก ต่อมาผมเลยใช้โปรแกรม Upic.me ค่อยดีขึ้น.....คงต้องตามไปแก้ไขรูปที่หายในกระทู้เก่า ๆ แยะเลยละครับ เขียนแต่คำพูด แต่ไม่มีรูป มันไม่สนุก เผลอ ๆ ไม่รู้เรื่องเอาด้วย
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 18/06/2014 9:51 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|