ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 30/10/2013 11:46 am ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 11 นักเรียนภูฏาน ร่วมสวดบำเพ็ญพระราชกุศล |
|
|
Ku chu sung po la...LoongKim
Dear Sir ..LoongKim and all friends.
บทที่ 1... BHUTAN (The Land of The Thunder Dragon)
ภูฏาน ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า
I'm now in BHUTAN (The Land of The Thunder Dragon) with my daughter for many days.
The keyboard in Bhutan is not THAI language...so I must print in English ....
T0 day the temperature is 7 degree celsius
very cold.
I sent some photo to you and all friends. ......
1. One airline to BHUTAN - The Land of The Thunder Tiger
Druk Air.
2.- The HIMALAYAN Mountain from plane.
3 Near Paro airport the plane is Left-turn and
4. Right-turn . And
5. Left-turn once more And
.
6. Dive down. And
..
7. Up Head to flight down.
8. Flight path to runway.
9. Touchdown the Paro airport runway.. Wow !.....
10
11
10 11 The very lovely portrait of The King and Queen of BHUTAN at the airport and everywhere.
12. Paro city seen from top of the hill .
13
14
15
13 15 Rice field in town near the airport.
16
17
16 17 Farmers carried the rice sheaves.
18
19
18 19 Red Rice seeds.
20 The road from Paro to THIMPHU the capital of BHUTAN.
21
22
21 22 The Very Large BHUDDA on the top of the hill.
23 Takin the symbul animal of Bhutan.
24.- The Bhutan's chili. Double super very very hot .
25.- Bhutan chili fried with chest call Emma Dasi
every meals every days. I cant eat. It,s very hot.
26 - Fried eggs
every meals every days.
First day -------------------- Very very good.
Second day ---------------- just so good.
Third day ------------------ Ok ( in thai word - por gin dia)
Fourth day ----------------- Lag mai long.
Fifth day -------------------- Lag mia lai leaw.
Sixth day ------------------ Just smell... awug awug
..
Seventh day To now -------- No fried eggs please
..
27
28
29
27 29 My lovely sponsor ..Lady Bird .
See you again for two or three days.
Cutdrin sei ..Thanks.
Thachi dilek
Goodluck.
Leksembae soog
. Bye bye.
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 27/02/2017 1:19 am, แก้ไขทั้งหมด 24 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
hans สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 28/04/2013 ตอบ: 146
|
ตอบ: 30/10/2013 10:34 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดี ทิดแดง หลานรัก and lovely ลูกสาว
ปาดไปไกลแท่ เป็นตาหม่วนน๊อ อิจฉาเด่ อยากไปขนาดประเทศภูถานนิ่ ต้องไปจักเถื่อ
เที่ยวเผื่อแน่เด้อบักหล่า ฝ่าวกลับมาเขียนกระทู้ให้อ่านแน่ เหงาแล้วเด้อ เป็นตาอีโตนน๊อ อาหารบ่แซ่บบ๊อ .... บ้ายบาย
ป้าพิมจ้า
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
teeen2005 สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 19/11/2012 ตอบ: 161
|
ตอบ: 31/10/2013 4:06 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
พาสาวๆ เที่ยวภูตานหรือครับพี่แดง ถ่ายรูปเรื่องเกษตรมาฝากด้วยน่ะครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Sombutt สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2011 ตอบ: 84
|
ตอบ: 05/11/2013 8:10 pm ชื่อกระทู้: ภูฏาน....ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า |
|
|
สวัสดีครับลุง....ทิดแดง....
กลับจาก ตลุย ภูฏาน หายเหนื่อยหรือยัง ....ถ้าหายแล้วช่วยลงรูปให้ดูต่อด้วย ....แล้วข้าวของภูฏานที่ทิดลงรูปนั้นน่ะ .. เหมือนข้าวหอมดอยของกะเหรี่ยงบนดอยบ้านเราหรือไม่....แล้วก็ มีเมล็ดติดไม้ติดมือมาบ้างหรือเปล่า .....
แล้วอย่าลืมแปลที่ลงไว้เป็นภาษาประกิตด้วยล่ะ ขี้เกียจเปิด Dict.
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
toodtoo สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 13/10/2012 ตอบ: 95
|
ตอบ: 08/11/2013 10:36 pm ชื่อกระทู้: ภูฏาน ภูฏาน ภูฏาน.....ดินแดนแห่งความฝัน |
|
|
สวัสดีครับลุง พี่ทิดแดง พี่ทิดบัติ ไอ้หนูหริ่ง และเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน....
ผมไม่ได้เข้ามาซะนาน งานแยะ ไม่ค่อยว่าง แต่ติดตามอ่าน...เรื่องเที่ยวภูฏานของทิด รออ่านอยู่ครับ อารัมภบท โหมโรง ไว้หลายวันแล้ว เมื่อไหร่จะออกโรงเสียที....
ได้ข่าวว่า...ปลาย ๆ ปีนี้ จะกลับไป ต่อตีน ต่อมือ อีกรอบนึง จริงหรือเปล่า .
...แฮ่ม....ยังไง ๆ ว่าง ๆ ก็เขียนลงซะทีนะ.....และเห็นด้วยกะทิดบัติว่า ช่วยแปลให้คนที่ไม่เป็นภาษาอย่างฉันได้รู้เรื่องมั่งนะ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 14/11/2013 11:48 am ชื่อกระทู้: BHUTAN (The Land of The Thunder Dragon)ภูฏาน ดินแดนแห่งมังก |
|
|
Kuchu sungpo la...LoongKim
ภาษาภูฏาน อ่านว่า....คูชู ซังโป ลา ลุงคิม ..แปลว่า ..สวัสดีครับลุงคิม (และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน)
BHUTAN (The Land of The Thunder Dragon)
ภูฏาน ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า
บทที่ 2 กรุงเทพฯ - ปาโร
เรื่องนี้ ถือเป็นการเล่าสู่กันฟังสนุก ๆ เพื่อความบันเทิงภายในบ้านนะครับ เห็นมายังไง เก็บข็อมูลได้แค่ไหน ก็เล่าได้แค่นั้นครับ
ผมติดสอยห้อยตามลูกสาว ไปที่ประเทศ ภูฏาน (คนไทยชอบเรียก ภูฐาน เค้าเรียกประเทศของเค้าว่า ภูตาน ครับ) กลับมาหลายวันแล้ว แต่ยังไม่ว่างพอที่จะเล่าเรื่องสนุก ๆ ให้ฟัง เนื่องจากถ่ายรูปไว้หลายพันรูป ถ้าขืนเอามาลงหมดทุกรูป ลุงคิมต้องปิดเว็ปแน่ ๆ ....และคงเป็นเรื่องที่ไร้สาระเกินไป... ด้วยเหตุดังนี้ ก็คงจะต้องคัดเลือกรูปให้เพื่อน ๆ ดูได้เท่าที่จำเป็น.
...ครั้นจะเขียนเรื่องว่า เกษตรสัญจร มันก็ไม่ใช่เรื่องเกษตรซะทีเดียวทั้งหมด มันมีเรื่องเที่ยว เรื่องการผจญภัย เรื่องการสัมมนาของลูกและเพื่อน ๆ เค้าด้วย แต่ผมก็พยายามที่จะวกเข้าหาเรื่องการเกษตรของภูฏานเท่าที่จะทำได้ เพราะไปเพียงไม่กี่วัน คงเก็บข้อมูลได้ไม่ละเอียดลึกซึ้งนัก จะว่าไม่ลึกซึ้งก็ไม่เชิง เพราะมีบางเรื่องที่ลึกซึ้ง และล้ำลึก จนเกินจะเล่าให้ฟังได้....
ประเทศภูฏาน เค้าจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวปีหนึ่งไม่เกิน 7,000 คน มีปีที่ กษัตริย์ จิกมี ทรงราชาภิเษกและทรงอภิเษกสมรสนั้น อนุญาตให้นักท่องเที่ยวและผู้สื่อข่าวเข้าไปประมาณ 40,000 คน
การไป ภูฏาน ก็ต้องไปกันเป็นกรู๊ป ๆ ละ ไม่เกิน 10 คน ... นอกจากนี้ต้องเสียภาษีค่าเหยียบแผ่นดิน เป็นรายหัว จ่ายเป็นรายวันครับ ด้วยข้อจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวและค่าภาษีรายหัวรายวัน นักท่องเที่ยวจึงมีไม่มากนัก
ตอนที่อยู่ภูฏาน ผมได้ส่งข้อความ เกริ่นเรื่องมาลงเว็ปลุงคิมไว้แล้ว แต่บังเอิญแป้นพิมพ์ที่นั่นไม่มีภาษาไทย เลยจำต้องกล้ำกลืนฝืนใจส่งเรื่องมาเป็นภาษาอังกฤษ .....และขอบอกว่า ถ้าใครจะไปเที่ยวภูฏาน ฝึกภาษาอังกฤษให้พอพูดพอฟังกันรู้เรื่องหน่อยนะครับ ไม่อย่างนั้น จะอายเด็กอนุบาลที่นั่น เพราะนอกจากภาษาท้องถิ่นแล้ว คนที่นั่น(ตั้งแต่เด็กอนุบาลถึงคนแก่)จะเน้น ภาษาอังกฤษเป็นหลัก แล้ว ไกด์ที่นั่นเป็นชาวภูฏาน เค้าพูดภาษาอังกฤษครับ ดีว่าลูกเค้าเก่ง ผมเลยพลอยรู้เรื่องเวลาเค้าพูดไปด้วย ถ้าขืนผมไปคนเดียวไม่หลงทางก็คงอดตาย หรือไม่ก็ตายบนอกแน่ ๆ เพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง...
ถ้าคุยยาว เพื่อน ๆ ก็จะเบื่อ ถ้าคุยสั้น ก็จะไม่รู้เรื่อง พบกันครึ่งทางนะครับ...
ขอเข้าสถานการณ์บ้านเมืองนิดนึง ผมรักในหลวงครับ และ การเกษตรที่ ภูฏาน เค้ายึกแนวทางตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงเราครับ เห็นแล้ว ทึ่ง อึ้งกิมกี่ ไปเลย ....
(1) ก่อนออกเดินทาง ลูกเค้าบอกว่า ..
..เครื่องออก 04.45 ต้องไปถึงสนามบินตีสองนะพ่อ ๆ ตื่นเต้นหรือเปล่า ..
...ตื่นเต้นบ้าอะไร เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น พ่อบินซะเบื่อแล้ว
(2) ไปถึงสนามบิน 02.27 ป้ายบอกสายการบิน Drukair เที่ยวบิน KB129 เวลา 04.45 ออกทางประตู D8A
.นั่งแกร่วรออีก 2 ชั่วโมง
(3) ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง ..ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเวลาใด สวยทุกเมื่อ
(4) อากาศตอนเกือบตีห้าที่สุวรรณภูมิ มีหมอก รูปเลยมัวไปหน่อย
(5) หน้าที่นั่งเค้าเขียนบอก ถ้าไม่มีภาษาอังกฤษคงมึน เพราะอ่านภาษาภูฏานไม่ออก ตัวหนังสือคล้ายอินเดีย+ทิเบต
(6) เที่ยวบินเที่ยวนี้ สบายมาก ที่นั่งมี 124 ที่นั่ง แต่มีคนแค่ 28 คน พอเครื่องขึ้นแล้ว อยากนั่งหรืออยากนอนตรงไหน เลือกเอาตามใจชอบ แต่อย่าเพิ่งฝันคิดว่าคนน้อยเครื่องจะเบาขึ้นนะครับ ....
(7) แอร์สาวบนเครื่อง หน้าตา...Vergin มาก ๆ อินทรีย์ธรรมชาติล้วน ๆ ไม่มีเคมีมาแต่งแต้มให้ใบหน้ามีสีสันและเทอะเลยแม้แต่น้อย ....สอบถามว่า ทำไมเที่ยวนี้คนน้อยจัง ....เค้าบอกว่า ที่รับคนน้อยเพราะเที่ยวบินนี้ใต้ท้อง Full of cargoes . จึงจำกัดคนได้ไม่เกิน 30 คน เพื่อไม่ให้ Over load weights.
Oh I see
Excuse me ..may Ive your name and your phone please. ..
พูดได้แค่นี้เสียงลูกสาวกระแอมกระไอ บอกว่า ....
...พ่อเบาเสียงหน่อย หนูจะนอน ....
โห จะนอนก็นอนไปซีวะ....กขค.จริง ๆ ลูกกู...กินแห้วแน่งานนี้ ... แต่ทว่า
.
(8 ) ....ไม่ช้าไม่นาน เธอก็มาสะกิด อมยิ้มพร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นนี้ให้ เราก็งงว่า อะไรหว่า ด้านหน้าเขียนว่า Bhutan happiness in place. แต่ด้านหลังเขียนว่าอะไร .
..เขียนว่า Dorji ....แล้วก็ตำบลที่อยู่พร้อมเบอร์โทรศัพท์ ก็เลยรู้ว่า เธอคนนี้ชื่อ Dorji ...
...เพื่อน ๆ อย่าคิดมากนะครับ คนมีมนุษย์สัมพันธ์ดีน่ะ เค้าอยากเรียกภาษาไทยให้แตกฉานน่ะครับ ไม่มีอะไรร๊อก....
(9) เครื่องขึ้นบินประมาณ ตีห้า ตอนที่เค้าปลุก ประมาณ 7 โมงเช้า บินมาได้ สองชั่วโมง เสียง ตุ๊งตุ่ง ....Good morning ladies and gentlemen
ถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ไม่มีป้ายบอกซะด้วย เห็นแต่ว่าเครื่องบินอยู่เหนือเมฆ ....กัปตันบอกว่า พระอาทิตย์กำลังขึ้นทางปีกขวา
คือยังงี้ครับ ประเทศภูฏาน อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงค่อนไปทางเหนือ ของประเทศไทย จากกรุงเทพฯ ก็บินเฉียงไปทางเมืองกาญจน์แล้วออกพม่า ถ้าไม่แวะจอดที่อินเดียก็บินตรงเข้าประเทศภูฏานเลย ...ดังนั้น เมื่อบินขึ้นเหนือ ตะวันออกก็จะอยู่ขวามือ
(10)
(11)
(10 - 11) ประมาณ 07.20 นักบินจะบอกว่า จะเห็นเทือกเขาหิมาลัยอยู่ทางปีกซ้าย ...ลิบ ๆ ปู๊นนนน
(12) ใกล้เข้ามาจะเห็นยอดเขาชัดขึ้น แต่บริเวณนี้อยู่เขตอินเดียครับ
(13) ตอนนี้เป็นเทือกเขาหิมาลัยที่อยู่ในเขตประเทศ ภูฏาน...ถ้ามอง(จินตนาการ)ดี ๆ จะเห็น เยติ มนุษย์หิมะ กำลังเดินบนยอดเขาด้วย
(14) ประมาณ 07.35 ตอนนี้เข้าเขตภูฏานแล้วครับ ยอดเขาเต็มไปหมด
(15) กำลังนั่งดูวิวยอดเขาที่เครื่องบินผ่านเพลิน ๆ จู่ ๆ เครื่องเอียงซ้ายวูบ....ลูกสาวตื่นมาถาม ......
.เครื่องเป็นไรพ่อ....
เครื่องมันเลี้ยวซ้าย หลบภูเขา ....
(16) จากนั้น เลี้ยวขวาอีกที วูบ....จะมองเห็นช่องเขาอยู่ข้างหน้า ...
(17) จากนั้นเครื่องก็เลี้ยวซ้ายตรงช่องเขาที่เห็นอีกครั้ง พอปรับระดับ ว๊าวววว จะมองเห็นถนนคดเคี้ยว ซิกแซกขึ้นยอดเขา และมองเห็นผืนนาบนเขา
(18 ) จากนี้เครื่องก็ลดเพดานบินลงทันที วูบบบบ แก้วหูลั่นเปรี๊ยะ...
(19) ผ่านยอดเขาตรงนี้ มองเห็นเป็นวัดหรือบ้านก็ไม่รู้อยู่บนยอดเขา
(20) เตรียมร่อนลงพื้นสนามบิน จะเห็นแม่น้ำ และพื้นนาอยู่ลิบ ๆ
(21) ที่นั่งมันว่างครับ ก็เลยย้ายมานั่งปีกขวาบ้าง จะเห็นบ้านคน และพื้นนาอยู่ตีนเขา เครื่องใกล้จะแตะพื้นเต็มที
(22) อีกจิ๊ดเดียวเอง จะเห็นพื้นนาข้างสนามบิน
(23) เสียง คึ่ก ๆๆๆๆ ล้อแตะพื้นสนามบิน เครื่องวิ่งไปสุดสนามแล้ววกกลับมาเพื่อจอด
(24) เครื่อง Taxi ย้อนกลับมาจอด
..ต้องขอชมว่า นักบินฝีมือเยี่ยมจริง ๆ แบบนี้ขับเครื่องบินรบได้สบาย ๆ คนไม่ได้นั่งบรรยายไม่รู้หรอกครับ ต้องนั่งถึงจะรู้ เลี้ยวซ้ายวับ ตามด้วยเลี้ยวขวา แล้วเลี้ยวซ้ายอีกที ถึงจะร่อนลงได้ ถ้าพลาด.....ก็คงติดอยู่บนเขานั่นแหละ....
(25) เครื่องจอดหน้าทางเข้าห้องผู้โดยสาร
(26)
(27)
(26 27) เครื่องที่พามาถึงสนามบิน ปาโร ...ก่อนลงจากเครื่อง ผมถามแอร์ Dorji ว่า
....May Isee you again once more.
คำตอบคือ ....Maybe .
(28 ) พระบรมสาทิสลักษณ์ ของกษัตริย์ จิกมี และพระราชินี ที่หน้าสนามบินเมือง ปาโร
(29) หน้าห้องผู้โดยสารขาเข้า ที่สนามบินเมือง ปาโร เวลา 07.55 ถ้าถามว่า หนาวมั๊ย ประมาณ 8 องศาเซลเซียสครับ ....แต่ว่าก่อนเครื่องจะลง บนเครื่องเค้าปรับอุณหภูมิให้เย็นประมาณ 8 องศามาก่อนแล้วครับ พอลงมาก็รู้สึกว่า พอดี ๆ แต่ ลมครับ ลมมันเย็นนนน.....
สำหรับเวลาบินจากกรุงเทพฯ ถึงเมืองปาโร ใช้เวลาบิน 3 ชั่วโมงพอดี ๆ แต่ว่า เวลาของภูฏาน ช้ากว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง เครื่องไปถึง 8 โมง ก็เท่ากับ 7 โมงเช้าบ้านเขา ก็ภูมิใจว่า อยู่ที่นั่น อายุน้อยลง 1 ชั่วโมง .....
(30) เห็นอาคารแล้วผมจินตนาการย้อนยุคไปเหมือนวัดเส้าหลินในหนังจีน
(31) ภายในห้องผู้โดยสารเค้าติดไฟระบบอะไรไม่รู้ แสงออกมาเป็นสีเขียวแบบนี้แหละ ตอนนี้กำลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
(32) ออกมาหน้าทางเข้า รอรถที่มารับเข้าเมืองครับ
(33) มีผู้ชายไปด้วยสองคน อีกคนเค้าไม่ชอบนั่งหน้าบอกว่า เวียนหัว ผมเลยเข้านั่งประจำหน้ารถ ...จะมีป้ายต้อนรับ บอกว่า WELLCOME TO THE LAND OF THUNDER DRAGON
(34) ระหว่างทางจะเห็นชาย หญิงแต่งกายชุดประจำชาติ เดินตามถนน ชุดผู้ชายเค้าเรียกว่า โก (Kho) ส่วนชุกผู้หญิงเรียกว่า กีร่า (Kira) คนของเค้าจะแต่งกายเหมือนกันหมด เพียงแต่ต่างสีสันเท่านั้น มองจากข้างหลังทักผิดทักถูก
(35) ประตูทางเข้าโรงแรมที่ไกด์พาเราไปกินอาหารเช้าครับ
(36)
(37)
(36 37) ภายในโรงแรม ซึ่งเหมือนยังกับวัดเส้าหลินหรือสำนักตั๊กม๊อ ในหนัง
(38 ) ดูเหมือนศาลเจ้าที่ แต่ข้างในมีพระพุทธรูปตั้งอยู่
(39) ลวดลายบนเสาในโรงแรม เขียนด้วยสี แล้วก็เขียนด้วยมือครับ ไม่รู้ว่าใช้สีอะไร มันดูด้าน ๆ แต่สวยสดใส
(40) อาหารมื้อแรกที่ภูฏาน กิงล่ายซาบายมาก ....(มื้อต่อ ๆ ไป จะรู้เอง)
(41) ออกมาหน้าโรงแรมเพื่อเดินทางต่อ มองเห็นยอดเขาหิมาลัยสูงเทียมฟ้าจากเมืองปาโร
(42) จากโรงแรมผ่านเข้าในเมืองปาโร จะเห็นตึกแถวซึ่งเป็นร้านค้าในเมืองปาโร จะสร้างและสีสันที่เขียนบนตึกเหมือนกันหมด
(43) คืนวันแรกจะพักที่เมืองทิมพู เมืองหลวงของ ภูฏานครับ จึงต้องออกเดินทางต่อ ระยะทางจากปาโร ไปทิมพู 77 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเกือบ 4 ชั่วโมง เวลาตอนนี้ 10 โมง กว่าจะไปถึงคงบ่ายแก่ ๆ เพราะแแวะเที่ยวไปตามรายทางด้วย
(44) ดอกไม้ริมทางจากระยะทางตอนหนึ่ง ปาโร ทิมพู..... สีฟ้าสดใสมาก
วันนี้พอแค่นี้ก่อนครับ รูปยังมีอีกแยะมาก
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 12/03/2014 6:49 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
cherm สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 17/11/2011 ตอบ: 237
|
ตอบ: 14/11/2013 4:09 pm ชื่อกระทู้: กำลังเพลินเลย |
|
|
สวัสดีค่ะ ลุงคิม
สวัสดีค่ะ ทิดแดง
กำลังอ่านเพลินๆ ต่อๆๆๆ นะค่ะ
ยัยเฉิ่ม เจ้าค่ะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 16/11/2013 7:44 pm ชื่อกระทู้: BHUTAN (The Land of The Thunder Dragon)ภูฏาน ดินแดนแห่งมังก |
|
|
Kuchu sungpo la...LoongKim
คูชู ซังโป ลา ลุงคิม .....สวัสดีครับลุงคิม (และเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน)
BHUTAN (The Land of The Thunder Dragon)ภูฏาน ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า
บทที่ 3 ปาโร ทิมพู ตอนที่ 1
ผมส่งข้อมูลชุดนี้ลงเว็ปลุง ตั้งแต่เมื่อคืน 3 ครั้ง เน็ตหลุดทั้ง 3 ครั้ง เซ็งครับ เซ็งกับระบบอินเตอร์เน็ตของเมืองไทย TOT เจ้าเก่า ..
..ก่อนนี้ตามสัญญาความเร็ว 7 เม็ก. ตรวจความเร็วได้ ไม่ถึง 4 เมก. ตอนนี้เพิ่มเป็น 10 เม็ก. ตรวจความเร็วได้ไม่เกิน 7 เม็ก..
..มันอิหยังกันเด๊อ โกงแม้กระทั่งความเร็วบนเน็ต เรียกว่า โกงทุกระดับประทับใจจริง ๆ .......
สมแล้วที่ต่างชาติเค้าพูดว่า Dont THAI to me.
..ตอนที่อยู่ ภูฏาน ผมส่งกระทู้เรื่องนี้ชุดแรกผ่านเน็ตที่ภูฏาน พอกดส่ง ...ไม่ถึง 3 วิ ผ่านฉลุย....ก็ว่ากันไป.....
คุยต่อครับ.........
หลังจากลงจากเครื่องที่สนามบินเมือง ปาโร ไกด์พาไปกินอาหารเช้า ประมาณ 09.30 ก็ออกเดินทางจากเมืองปาโร ไปเมืองทิมพู เมืองหลวงของประเทศ ภูฏาน (อ่านว่า พูตาน ครับ).
..อันว่าประเทศ ภูฏาน นี่นะครับ คนไทยมักเรียกว่า ภูฐาน คือจะออกเสียงเพี้ยนจาก ภูตาน กลายเป็น ภูถาน ที่ถูกต้อง จะต้องเรียก ภูฏาน (พูตาน) เพราะเค้าเรียกประเทศเค้าว่า Kingdom of Bhutan
ราชอาณาจักรภูฏาน(อ่านว่า พูตาน ครับ) ถ้าออกเสียงว่า ภูฐาน เค้าจะบอกว่า I dont know this name.
การที่เดินทางจากเมือง ปาโร ไปเมือง ทิมพู เพราะตามกำหนดการวันแรก จะต้องไปพักค้างคืนที่เมือง ทิมพู เนื่องจากลูกสาวกับเพื่อน ๆ เค้ามีธุรกรรมต้องทำที่เมือง ทิมพู จากนั้นจะเดินทางต่อไปพักค้างคืนที่เมือง ปูนาคา แล้วย้อนกลับมาทิมพู แล้วก็กลับไปพักที่ ปาโร จากนั้นก็ขึ้นเครื่องกลับเมืองไทย
ไปทั้งที ไปแค่ 3 เมืองเท่านั้นหรือ....โอ้ น้องท่าน แค่ 3 เมืองนี่ก็เดินขึ้นเขาลงเขา ขาจะฉิ่งอยู่แล้วครับ เอาเป็นว่าแค่เดินขึ้นวัด ตั๊กซัง (วัดถ้ำเสือ)วัดเดียว ระยะทางความสูงในแนวดิ่ง 900 เมตร แต่ทางเดินขึ้นวกไปวนมามันเกินกว่า 900 เมตร เดินขึ้น 4 ชั่วโมง เดินลงอีก 3 ชั่วโมง พักครึ่งทางขาไปและขากลับ อีกเที่ยวละ 1 ชั่วโมง รวมทั้งหมด 9 ชั่วโมง บางคนอาจจะใช้เวลาถึง 10 ชั่วโมง หมดเวลาไป 1 วันแล้วครับ
..คุยต่อจากที่ค้างไว้ (ผมพยายาม ย่นย่อ ตัดรูปบางรูปออกไปซึ่งมีแยะมากเลย เอาแต่เนื้อ ๆ พอครับ)
(45) พาหนะคันนี้แหละครับที่พาพวกเราตระเวนไป 3 เมือง ผมเห็นรถที่ภูฏานที่แรก ตกใจเลยเพราะรถติด ป้ายแดง ทุกคัน มารู้ทีหลังว่า ทะเบียนรถเมืองเค้าใช้ป้ายสีแดงครับ
(46) เส้นทางจากเมือง ปาโร ไปเมือง ทิมพู จะเลียบขนานไปกับแม่น้ำ ไกด์บอกว่าชื่อแม่น้ำ pachu (แม่น้ำ พาชู ครับ) ซึ่งน้ำไหลเชี่ยวกรากเลยแหละ ไม่มีคนลงเล่นน้ำเพราะ น้ำมันเย็นเฉียบ ไม่เย็นได้ไง ก็อากาศขนาดมีแดดตอน 10 โมงเช้ายังเย็น 10 กว่าองศาเลยครับ ทัศนียภาพสองข้างทาง เป็นทุ่งนาป่าเขาสวยสดงดงามเหนือคำบรรยาย.. นึกถึงเพลง เทพธิดาดอย เลยแหละ
.เส้นทางวกวน ขึ้นเขา ลงเนิน คดเคี้ยว เลี้ยวลด โขลกเขลก โยกเยก ตามหลุมบ่อ ใครใคร่หลับ หลับ ใครใคร่ อ๊วก อ๊วก ..
. เวลารถวิ่งสวนมาแต่ละครั้ง เฉียดกันขนาดเส้นยาแดงผ่าแปด เพราะถนนแคบมาก แล้วก็เสียวก้อนหินที่หล่นจากภูเขาลงมากลางถนน...
..หินภูเขาที่ภูฏาน เป็นหินร่วนเปราะ คล้ายหินผุบ้านเรา แต่ว่า เวลาต้องแสงแดด จะเหมือนมีกากเพชรอยู่ในหิน มองดู แว๊บ ๆๆๆๆ ผมถ่ายรูปเอาไว้(รูปที่ 47) แต่ดูไม่ชัด ไกด์บอกค้าเรียกว่า Sand Stone
. ผมเก็บเอามาเป็นที่ระลึก 2 ก้อนเล็ก ๆ (รูปที่ 4
(47)
(48 )
(47 48 ) รูป 47 เป็นหินที่เหมือนมีกากเพชรผสมอยู่ และรูป 48 ผมเก็บมา 2 ก้อน มันดูเป็นเงาแว๊บ ๆ เหมือนมีสีเงิน ๆ วาว ๆ ผสมอยู่ อันนี้แหละที่ไกด์บอกค้าเรียกว่า Sand Stone
(49) จากเมืองปาโร ไปทิมพู ระยะประมาณ 80 กิโลเมตร ไกด์บอกว่า ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เค้าบอกว่าจะไปกินอาหารกลางวันที่ ทิมพู กว่าจะถึงก็คงเป็นอาหารบ่ายแก่ ๆ ละครับ .....
เพราะพอมาถึงตรงนี้ แกหยุดรถเพื่อให้พวกเราลงไปชมความงามของธรรมชาติบริเวณนี้ จะเห็นว่ามีวัดเล็ก ๆ โดดเดี่ยวบนเขา ..ที่เรียกว่า ลาคัง ตั้งอยู่บนเนินเขาอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ Pachu แล้วก็จะเห็นมีแปลงนาข้าวอยู่ด้วย จะว่าวัดเล็กก็ไม่เล็กนะครับ เทียบกับรอยทางคนเดินจากแปลงนาข้าวขึ้นไปที่วัด แล้วก็บ้านชาวนาที่อยู่มุมซ้าย ตรงตีนดอย
(50) อีกมุมหนึ่งของ ลาคัง เทียบกับภูเขา ดูว่าเล็ก แต่ของจริง ดูเด่นตระหง่านอยู่บนเนินเขา ขนาดมหึมา ธรรมชาติตรงจุดนี้ ดูจากรูปถ่ายมันก็งั้น ๆ แต่ของจริงมันสวยงามสุดบรรยาย ....
กำลังอยู่ในอารมณ์สุนทรีย์ ....ผมถามไกด์ว่า ..Wheres toilet ?...ไกด์ถามว่า. Pee or crap. ผมบอกว่า pee. ไกด์บอกว่า In the bush. ผมถามต่อว่า ..If I want to crap. ไกด์บอกว่า In the bush.... ....เย้ ...
(51) การที่จะไปที่วัด หรือ ลาคัง แห่งนี้ ต้องข้ามแม่น้ำ พาชู ไปครับ แล้วน้ำข้างล่างมันไหลเชี่ยวกรากขนาดนั้น จะว่ายข้ามไปคงไม่ไหวแน่ ๆ ไม่จมน้ำตายก็ตะคริวกิน
ชาวภูฏานเค้าก็ทำสะพานข้ามแม่น้ำซีครับ การทำก็ถือว่า วิศวกรโบราณเค้าทำสะพานแขวนข้ามแม่น้ำที่เห็นแล้ว ทึ่ง สุดยอด เค้าจะสร้างป้อมสองป้อมอยู่คนละฝั่งตรงกัน แล้วขึงลวดสลิง โยงไป - มาที่ป้อมทั้งสองข้าง กว่าจะทำได้คงใช้เวลาและความพยายามมากจริง ๆ ...แล้วป้อมที่เห็นนี่ไม่ใช่เล็ก ๆ กว้างประมาณ 10 x 10 เมตร สูงขนาดตึก 3 ชั้น(เพราะมี 3 ชั้น)
(52) โซ่เหล็กที่ยึด สลิงสะพาน เส้นโตประมาณ 2 นิ้วฟุต ข้างละ 3 เส้นตรงกลางอีก 3 เส้น สะพานแขวนแบบนี้ ไม่ใช่จะทำกันได้ง่าย ๆ ยิ่งเป็นการทำของคนรุ่นโบราณ แล้วก็เป็นเมืองที่อยู่บนภูเขาแท้ ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่า เค้าทำได้ยังไง......
(53) บนตัวสะพานแขวนจากฝั่งหนึ่ง ไปอีกฝั่งหนึ่ง ความกว้างประมาณ 3 เมตร 3 คนเดินหรือขี่ม้าสองตัว เรียงหน้ากระดานข้ามได้สบาย สองข้างเป็นราวลูกกรงกั้นกันคนเดินตก สูงเท่าหัวคน แข็งแรง ....บนราวสะพาน จะมีธงมนตรา หลากหลายสีแขวนไว้ทั้งสองข้าง เต็มไปหมด
(54)
(54 55) นี่แหละครับที่เรียกว่า ธงมนตรา ทำด้วยผ้าบาง ๆ คนทำผ้ามนตราขายนี่รวยแน่ ๆ เพราะจะเห็นมีติดไว้เต็มไปหมด บนหน้าผา บนเขา ตามทางแยกของถนน ไกด์บอกว่า เพื่อความเป็นศิริมงคล
...บนธงจะจารึกตัวอักษร ซองคา เป็นบทสวดมนต์ ข้อความหลัก ๆ ก็คือ บทสวดที่ว่า โอม มณี ปัทมา ฮุม [/color[color=blue]](หมายถึง โอม ดวงแก้วมณีที่เกิดในดอกบัว)
จะมี 5 สีครับ น้ำเงิน ขาว แดง เขียว เหลือง ซึ่ง เป็นสีแทนธาตุทั้งห้า ....
น้ำเงินแทนธาตุน้ำ ขาวแทนธาตุเหล็ก(โลหะ) แดงแทนธาตุไฟ เขียวแทนธาตุลม เหลืองแทนธาตุดิน
ที่ผมรู้ ผมถามไกด์ครับ ...ไกด์ที่พาพวกเราเที่ยว จบปริญญาตรี ทำอาชีพไกด์มา 7 ปี ถามอะไรแกตอบได้ พร้อมกับมีแฟ้มข้อมูลให้ดูด้วยว่าไม่ได้มั่วนิ่มแบบไกด์ผีบ้านเรา..
...เคยเห็นนะครับ ฝรั่งบอกว่า อยากจะไป Temple of dawn ..ไกด์พาไปโน่น วัดดอน ยานนาวา ...คุณรู้มั๊ยครับว่า Temple of dawn วัดอะไร ...
(56) พื้นสะพานเป็นลวดตาข่ายแบบลูกกรงเหล็กชนิดไม่เป็นสนิมผูกมัดไว้มั่นคงแข็งแรง ตึงเป๊ะ เดินหรือจะวิ่งข้ามสบายไม่แกว่ง
(57) เมื่อยืนกลางสะพาน มองไปทางเมืองปาโร จะเห็นเขาสองลูกลงมาบรรจบกันที่แม่น้ำ โอ้...สายน้ำ สายลม แสงแดด ...บังเอิญกล้องของผมไม่ใช่กล้องระดับมือช่างภาพของ NGO ก็เลยได้ภาพมาแค่นี้แหละ เพราะบรรยากาศของจริงมันสวยสุดบรรยายจริง ๆ ....ถามไกด์ว่า ในแม่น้ำมีปลามั๊ย เค้าบอกว่า มี ปลาเทร้าต์ แต่ห้ามจับ ถ้าจะจับปลาต้องขออนุญาต ....
ไม่เหมือนเมืองไทย ไม่ว่ามีบ่อปลาที่ไหน ถ้าเขียนป้ายว่า ห้ามจับปลา มันไม่จับ แต่มันเอาแหมาทอดเลยแหละ ที่บ่อปลาของผม ผมเขียนว่า อนุญาตให้จับปลา ไม่ยักมีใครกล้ามาจับแฮะ
(58 ) ข้ามไปอีกฝั่ง มองกลับมา จะเห็นความใหญ่โตของป้อมเมื่อเทียบกับคนที่ยืนอยู่หน้าประตู 4 คน และด้านใต้ป้อม จะเห็นคราบระดับน้ำสูงเมื่อถึงฤดูฝน ...ทางด้านสูงเหนือหลังคาป้อม จะเป็นถนน ไปทางขวาไปเมือง ปาโร ถ้าไปทางซ้ายไปเมืองทิมพู แล้วบนยอดเขาจะเห็นเสาไฟฟ้าแรงสูง บนนั้นคือถนนครับ จากที่เห็นรถจอด จะวิ่งขึ้นเขาไปบนนั้น เพื่อไปเมืองทิมพู ....มันสุด ๆ ....
(59) ข้ามมาถึง เดินขึ้นเนินมาหน่อย จะมีสถูปสร้างไว้ก่อนเดินขึ้นวัด จะเห็นเป็นรอยทางเท้าโล่ง ๆ ขวามือ
(60)
(61)
(60 61) รอบ ๆ สถูป มีกองหินตั้งเรียงซ้อนกันอยู่รอบ ๆ สถูปเต็มไปหมด และทุกสถูปจะมีแบบนี้ ไม่รู้ไกด์หลอกให้เสียเงินอีกหรือเปล่าว่า ถ้าเรียงหินแล้วอธิษฐาน จะได้ในสิ่งที่ปรารถนา และจะได้กลับมาเยือนภูฏานอีก ...
(62) ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ยังไง ๆ ทำในสิ่งที่ดีย่อมได้รับสิ่งดี ๆ ของทำได้ไม่ยาก ผมก็เก็บหินแถว ๆ นั้นแหละเอามาเรียง ซ้อนกันแบบนี้แหละ ถ้าไม่มีใครทำตก ก็จะคงอยู่ ณ ที่นี้ไปอีกนานแสนนาน หวังเผื่อฟลุ๊คว่าจะได้กลับมาเยือน และ ฯลฯ ....
(63) พอดีได้ยินเสียงระฆังดังแว่ว ๆ มาจากบนวัด พระท่านคงตีระฆังเพื่อเชิญชวน ประสกน้อย ขึ้นไปทำบุญ แต่มองขึ้นไปข้างบนแล้วดูว่าไม่ไกลนัก .. ถามไกด์ว่า ไป กลับ ใช้เวลาเท่าไหร่....
ไกด์บอกว่า ประมาณ 1 ชั่วโมง เลยไม่มีใครอยากขึ้นไป ก็เลยกลับ ...ประสกน้อย ขอนิมนต์ไต้ซือ ฉันแห้วไปก่อนนะครับ...ผมวางหินซ้อนบูชาสถูปเอาไว้แล้ว หากมีโชคถูกหวยรวยโปแบบหนัก ๆ จะได้หาผ้าป่ามาทอด อมิตพุทธ
(64) เดินข้ามสะพานกลับซีเนาะเรา ยังมีคนเดินสวนมาอีก 3 คนแน่ะ สายน้ำข้างล่างเชี่ยวกรากแล้วน้ำก็เย็นเจี๊ยบอีกต่างหาก ปลาอยู่ได้ยังไง ปลาพวกนี้ต้องว่ายทวนน้ำตลอดชีวิต คงแข็งแรงน่าดู
(65) ภายในป้อมที่โยงสายสลิงสะพาน แข็งแรง กว้างใหญ่จุคนได้ไม่น้อยกว่า 50 60 คน ข้างผนังมีลวดลายภาพเขียนระบายด้วยสีน้ำ สวยงามแปลกตาครับ มีลวดลายอะไรบ้าง ไปดูกันครับ
(66)
(67)
(68 )
(69)
(70)
(71)
(66 71) ผนังอาคารต่าง ๆ ในภูฏานส่วนใหญ่ ภายนอกจะใช้สีขาวเป็นเอกลักษณ์ ส่วนภายในจะใช้สีเหลืองอมส้มแบบสีโอโรสเหมือน ๆ กัน ลวดลายดูเหมือนเป็นสีน้ำแห้ง ๆ แต่เขียนมานานแล้ว สียังสดใส ไม่รู้ว่าใช้สีอะไร ไกด์บอกว่า Natural Colours คงจะเป็นสีที่ทำด้วยวัสดุจากธรรมชาตินะครับ ทนทาน สดใส อยู่ได้เป็นร้อย ๆ ปี
(72) ไกด์บอกว่า เป็นรูปเทพแห่งอายุวัฒนะหรือเทพแห่งอายุยืนและความสมบูรณ์พูนสุข
(73) เป็นรูปพระโพธิสัตว์ในปางหนึ่ง
(74) เป็นรูปพระพุทธเจ้าสมณะโคดม ...
(75)
(75 76) ได้เวลาใกล้เที่ยงแล้ว ระยะทางยังต้องขึ้นเขา ลงดอยอีกไกล เดินทางต่อครับ
ขอพักแค่นี้ก่อนครับ... เน็ตหลุดมา 3 ครั้งแล้ว จะส่งผ่านมั๊ยเนี่ย ...
Cutdrin sei ..คัดริน เซ - Thanks.
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน
Thachi dilek
ทาชิ ดีเลค - Goodluck.
ขอให้โชคดีถูกหวยรวยแฟนนะครับ
Leksembae sook
. เลคเซมเบ ซุค - Bye bye
.ลาทีมิใช่ลาก่อน ..
..จนกว่าลุงคิมจะบอกว่า กระทู้เรื่องนี้ไร้สาระ จบได้แล้วนั่นแหละ ...แต่ถ้าจะบอกให้จบตอนนี้ ยังไม่ยอมจบ เพราะเรื่องเกษตรของ ภูฏาน ยังไม่ได้พูดถึงเลยครับ....
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 12/03/2014 6:52 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 17/11/2013 7:38 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน
BHUTAN (The Land of The Thunder Dragon)ภูฏาน ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า
บทที่ 3 ปาโรทิมพู ...ตอนที่ 2 เดินทางเข้าเมืองทิมพู
มีบันทึกหลังไมค์ถามว่า ในรูปที่ 51 ที่ผมบอกว่าความใหญ่ของป้อมสองหลังที่ยึดสะพานแขวน กว้างประมาณขนาด 10 x 10 เมตรสามารถจุคนได้ 50 60 คน และสภาพภายในป้อม ดูตามรูปที่ 65 แล้ว ยังมีรูปอื่นให้ดูอีกหรือไม่ อยากเห็น...ไม่อยากเห็นรูปอื่น แต่อยากเห็นรูปภายในป้อม แสดงไม่เชื่อว่ามันใหญ่จริง .....จัดให้ได้เลยน้อง...บอกแล้วว่ามีรูปเป็นพัน ๆ รูป ...
(77) เป็นสภาพความกว้างภายในป้อมอีกมุมนึง ลองนึกภาพว่า ถ้ายืนเข้าแถวหน้ากระดานดูนะครับ ยืนแบบไม่ต้องเบียดกัน 5060 คนน่าจะได้นะสบาย ๆ ต้องเชื่อสายตาของคนที่ไปด้วยกัน เพราะทุกคนเป็น Interior Designer ยกเว้นผมกับเด็กครับ...... จากนี้เราก็เดินทางต่อไปเมืองทิมพู
(78 ) รถวิ่งเรียบไปตามทางบนเขา มองลงมาก็จะเห็นแม่น้ำ พาชู ..ในประเทศภูฏาน จะเต็มไปด้วยภูเขา บ้านเรือนผู้คนก็ปลูกสร้างอยู่บนเขา บางคนก็สร้างอยู่บนยอดเขา แค่มองเห็นแล้วผมนึกภาพว่า เวลาจะเดินทางขึ้นลงคงลำบากและใช้เวลาพอสมควร ส่วนใหญ่ก็จะทำนาแบบขั้นบันไดและปลูกพืชอื่น ๆ บนภูเขานั่นแหละ
(79) รถวิ่งไป หลายคนหลับ สำหรับผมเวลานั่งรถไม่ชอบหลับ ชอบดูอะไร ๆ สองข้างทาง ผ่านบริเวณนี้ ชาวนากำลังเกี่ยวข้าว เกี่ยวแล้วก็เอาต้นข้าวที่เกี่ยววางเรียงกันไว้บนตอข้าว เป็นการตากข้าวให้แห้ง ก่อนที่จะหอบเอาไปตีหรือฟาดหรือนวดให้เมล็ดข้าวหลุดจากรวง คล้ายการเกี่ยวข้าวทางภาคเหนือของไทยเรา
(80) เป็นแปลงนาตามเชิงเขา เนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาล ขณะที่ผมไปเป็นขณะที่ชาวนาภูฏานกำลังเกี่ยวข้าว ถ้าจะถามว่า ชาวนาภูฏาน ทำนาบนเขาใช้น้ำจากไหน ถ้าหน้าฝนหรือหน้ามรสุมเขาใช้น้ำฝน ถ้าไม่ใช่หน้าฝนก็ใช้น้ำตกจากบนเขา วางท่อให้น้ำไหลมาเข้าแปลงนา และ รายได้หลักอีกอย่างหนึ่งของภูฏาน คือการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังกระแสน้ำตก ผลิตขายกระแสไฟให้อินเดียครับ
นอกจากนี้ ภูฏานมีน้ำเหลือเฟือ ต่อท่อเข้าไปที่น้ำตกก็มีน้ำใช้แล้ว และน้ำในแม่น้ำ ซึ่งมีหลายสาย สามารถสูบน้ำขึ้นมาใช้ได้
ไม่เหมือนนาบ้านเราที่หน้าแล้งในบางแห่ง ต้องรอน้ำจากชลประทาน ...ถ้าชลไม่ประทาน(เพราะไม่มีค่าเปิดวาล์วประตูน้ำ) ก็ไม่มีน้ำทำนา ฮ่วย โกงกินได้ทุกระดับประทับใจ ..
(81) แม้จะอยู่บนเขา ถ้ามีที่ว่างเค้าก็จะปรับพื้นให้เป็นแปลงนาเพื่อปลูกข้าว ซึ่งถือเป็นอาหารหลัก เพราะทุกคนบนโลก ต้องกินข้าวหรือกินแป้ง ซึ่งก็มาจากข้าว....
จะมองเห็นมีสะพานแขวนข้ามแม่น้ำลักษณะเดียวกับที่ ลาคัง แต่ตรงนี้ไม่มีป้อม เพราะไม่มีวัดก็เลย
ทำสะพานแบบธรรมดา จะเห็นบ้านเรือนตั้งอยู่ตามเชิงเขาเป็นหย่อม ๆ รูปทรงของบ้านจะเล็กหรือใหญ่ จะมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมคล้าย ๆ กัน ทั้งรูปทรง(สี่เหลี่ยม) โครงสร้าง และสีสัน และจะต้องมีการเขียนลวดลายด้วยสีสันที่ฉูดฉาดบาดตา....
(82) ร้านขายของริมทางผ่าน ถ้ามาคนเดียวนึกว่าเป็นบ้านคน การที่ทำทึบแบบนี้ เพราะเมื่อเวลาหน้าหนาวมาเยือนมันจะอบอุ่น ซึ่งจะเริ่มต้นประมาณเดือน ธันวาคม กุมภาพันธ์ ...ไกด์บอกว่า So very cold .
..หนาวลมห่มผ้า หนาวฟ้าผิงไฟ หนาวผู้หญิงให้อิงผู้ใหญ่ ...แต่ถ้าหนาวผู้หญิงที่ภูฏานละก็ ต้องอิงตัว จามรี เถอะนะครับ
(83) ผ่านพระสถูปทรงภูฏานนี้ไปก็เข้าใกล้เมืองทิมพูเข้าไปแล้วละครับ
(84)
(85)
(86)
(84 87) ถนนสายนี้พาเข้าเมืองทิมพู เมืองหลวงของภูฏาน จะเห็นตึกสร้างกันเป็นแถว เป็นชั้น ๆ ซ้อนขึ้นไปแบบขั้นบันได แต่ละชั้นจะมีถนนอยู่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังก็จะเป็นถนนแล้วก็เป็นตึกสูงขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง
..ขนาดว่าเป็นเมืองหลวง ก็ดูสงบเงียบ ไม่พลุกพล่าน
ตอนนี้ก็มาถึงเมืองทิมพูกันแล้ว
เท่าที่ผมสาธยายมานี้ ถ้าคุณอ่านแล้วไม่ดูแผนที่ไปด้วย ...ก็ได้แต่อ่านและดูรูปเพลิน ๆ แค่นั้นเอง แต่ไม่รู้เรื่องหรอกครับว่าอะไร ๆ อยู่ที่ไหน ...ก็บอกแล้วว่าเป็นการเล่าสู่กันฟังน่ะครับ
ก็หยุดแค่นี้ก่อนครับ....เพราะส่งมาหลายรอบแล้ว พอกดส่ง เน็ตมันหลุดทุกที....ไอ้บ้าเอ๊ย...
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
ampolk สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 14/01/2013 ตอบ: 53
|
ตอบ: 19/11/2013 3:11 pm ชื่อกระทู้: เน็ตหลุด |
|
|
สวัสดีครับ ลุงคิม,พี่ทิดแดงและสมช.ทุกๆท่านครับ
พี่แดงครับ ประเทศไทยมี 3G แล้วนะ ทำไมหลุดบ่อยจังเลยครับ หรือว่าสายแถวบ้านพี่ทิดแดงสัญญานจะรั่วลงดินมั่งครับ หรือว่าสัญญานส่งสั้นไปครับ เลยหลุดบ่อย5555 แซวเล่นนะครับ พี่ทิดแดง
อำพล เกษตรกรฝึกหัด ครับผม
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 24/12/2013 9:27 pm ชื่อกระทู้: BHUTAN (The Land of The Thunder Dragon)ภูฏาน ดินแดนแห่งมังก |
|
|
..สวัสดีครับลุงคิม และเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน
BHUTAN (The Land of The Thunder Dragon)ภูฏาน ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า
บทที่ 4 ทิมพู - เมืองหลวงของราชอาณาจักรภูฏาน ตอนที่ 1
ผมทิ้งเรื่องนี้ไปนานเป็นเดือน มาเขียนใหม่ จะจำเรื่องได้รึเปล่า....พอจำได้ครับ เพราะผมจดโน๊ตเอาไว้ ว่าวันไหนไปที่ไหนบ้าง ....ถ้าสมุดโน้ตไม่หาย คงเขียนต่อได้ ถึงแม้ว่าสมุดโน้ตจะหาย ก็คงจะพอ ดำน้ำ ไปได้แบบขุ่น ๆ ละครับ....
คราวก่อนจบลงตรงที่.....ผมพาเพื่อนเดินทางจากเมืองพาโร มาถึงเมืองทิมพู เมืองหลวงของราชอาณาจักรภูฏานแล้วนะครับ และตามที่บอกว่า ถ้าฟังผมเล่าโดยไม่มีแผนที่ให้ดู ก็จะไม่รู้ว่าผม(หลอก)พาไปทางไหนบ้าง ดีไม่ดีจะหาว่าผม มั่วนิ่ม.....งั้นเรามาดูแผนที่ของภูฏานกันก่อน เพื่อเพื่อน ๆ จะได้ร่วมสนุกไปกับผมด้วย....
(88 ) เป็นแผนที่ของราชอาณาจักรภูฏานครับ และเมืองที่ผมไปก็มีแค่ 3 เมืองเท่านั้น คือ เมืองพาโร เมืองทิมพู และเมืองปูนาคา ที่วงกลมไว้ในรูปนั่นแหละครับ ดูจากแผนที่ก็ดูว่าอยู่ไม่ไกลกันนัก ใช่แล้วครับ ถ้าเดินทางแบบเส้นตรงทั้งสามเมืองอยู่ไม่ไกลกันนัก แต่ ทั้งสามเมืองเป็นเมืองอยู่บนเขาการเดินทางต้องวกวนเวียนไปตามไหล่เขา ใช้เวลาอย่างน้อยก็ สามชั่วโมง ...รสชาดมันสนุกตรงนี้แหละครับ มันประทับใจไม่รู้ลืม
(89) มาดูจากแผนที่ดาวเทียมอีกที จะเห็นว่า ราชอาณาจักรภูฏาน เป็นประเทศอยู่บนภูเขา จะหาพื้นที่ราบได้น้อยเต็มที ตามข้อมูลที่ผมถามไกด์ เค้าบอกว่ามีพื้นที่ประมาณ 48,000 ตร.กม. ที่เห็นเป็นสีขาวทางทิศเหนือนั้น เป็นแนวเทือกเขาหิมาลัยครับ สีขาวคือหิมะที่ปกคลุมยอดเขาตลอดปี ตอนกลางของประเทศเป็นหุบห้วยและเนินเขา ทิศใต้เป็นที่ราบเชิงเขาแบบลาดเอียง... ทิศเหนือติด จีน ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติด ทิเบต ทิศใต้ตลอดแนว ติดอินเดีย
(90) เป็นแผนที่บริเวณสนามบินเมืองพาโร เป็นบริเวณที่ราบเป็นแนวยาวแห่งเดียวที่สามารถสร้างสนามบินได้ แต่นักบินต้องใช้ทักษะในการร่อนลงอย่างสุด ๆ โปรดสังเกตถนนทางขึ้นเขาที่เป็นเส้นหยักไปหยักมา ด้านเหนือสนามบินในแผนที่ให้ดี ๆ นะครับ
(91) นักบินจะพาเครื่องบินผ่านจุดนี้ เลี้ยวซ้าย วูบ แล้วหักขวา วาบ แล้วตัดเครื่องทิ้งตัวร่อนลงหัวสนามบินด้านทิศเหนือพอดี ๆ
.เหนือจุดหัวสนามบินขึ้นไปหน่อยจะเป็น Paro Collage of Education
ถัดขึ้นไปอีกนิดจะเป็น
National Museum
.คอยติดตามไปเรื่อย ๆ นะครับ
(92) เมืองพาโร เมืองทิมพู และเมือง ปูนาคา 3 เมืองในวงกลมตามแผนที่นั่นครับ ที่ผมจะเล่าให้ฟัง (เท่าที่ได้เห็น และเก็บข้อมูลมาได้ ตามกำหนดเวลาเท่าที่มี)....สามเมืองอยู่ไม่ไกลกัน แต่การเดินทางต้องไปตามถนนซึ่งคดเคี้ยวไปบนยอดเขา .....ไป 3 เมืองแค่นี้เองหรือ....แค่ 3 เมืองนี่ก็เดินตัวเบาโหวงแล้วครับ ...
(93) แผนที่เมืองทิมพู เมืองหลวงของราชอาณาจักรภูฏานครับ ตัดมาเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง ..ไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำไม่เคยหลง มาเดินหลงทางที่เมืองทิมพู ขนาดมีแผนที่นะครับ ...ก็เค้าสร้างอาคาร ออกแบบมาเหมือนกันหมด สีสันลวดลายบนอาคารก็ใช้โทนสีเดียวกันซะอีก
(94) แผนที่เมืองปูนาคา อดีตเคยเป็นเมืองหลวงของภูฏานครับ แต่การคมนาคมค่อนข้างลำบากก็เลยย้ายไปสร้างเมืองหลวงใหม่ที่เมืองทิมพู เอลักษณ์โดดเด่นของปูนาคาคือ ปูนาคาซอง (Punakha Dzong) สูงจากระดับน้ำทะเล 1,350 เมตร ใหญ่โตมโหฬาร ยังไม่เล่าตอนนี้ เดี๋ยวจืดหมด ....
(95) จากข้ามสะพานในรูปที่ 87 รถก็พามาเข้าเมืองมาที่ถนนสายนี้...เพื่อมายังที่จะต้องพักนอนคืนนี้
(96) KISA HOTEL ที่พักแรม เรียบ ง่าย สไตล์ภูฏาน..คือที่พักของนกขมิ้นคืนนี้ครับ
(97)
(98 )
(97 98 ) มองจากหน้าต่างที่พัก ผมจินตนาการอะไรของผมไปตามเรื่อง คุณจะจินตนาการอย่างไร เชิญได้ตามสะดวกครับ..
..แต่ให้โปรดสังเกตว่า ทางอาคารหลังคาสีแดงข้างล่าง มีคนอยู่กลุ่มหนึ่งยืนอยู่หน้าเนินดิน เค้ากำลังแข่งกีฬากันอยู่ สนามยาวไปทางขวามือในรูป 98 ....ใจเย็น ๆ ครับ เดี๋ยวจะได้รู้ว่าเค้าทำอะไรกัน
(99) สนามแข่งฟุตบอลระดับเมืองครับ ภูฏาน สนับสนุนกีฬาฟุตบอลมากครับ จะสังเกตเห็นรถยนต์ที่จอดจะเป็นรถคันเล็ก ๆ แบบ ECO Car
(100) มองเลยสนามฟุตบอลขึ้นไปบนเนินเขา จะมีบ้านคนปลูกไล่ระดับขึ้นไปเป็นชั้น ๆ แต่ละชั้นจะมีถนนผ่านหน้าบ้าน
(101)
(102)
(101 102) ถนนในภูฏานค่อนข้างแคบ รถที่ใช้ส่วนมากจะเป็นรถแบบ ECO Car คันเล็ก ๆ และประหยัดพลังงาน..... ภูฏาน ขายไฟฟ้าให้อินเดีย ในขณะเดียวกันก็ต้องนำเข้าน้ำมันจากอินเดีย
(103) สาว ๆ (หรือไม่สาวก็ไม่รู้) ใส่ชุดประจำชาติที่เรียกว่า ฆีร่า หรือ (Khira) เดินผ่านมา มัวแต่ตะลึงในความงาม มือมันสั่น ถ่ายด้านหน้าไม่ทัน ถ่ายเห็นด้านหลัง(แล้วจินตนาการเอาเอง)ก็แล้วกันนะครับ คุณเธอใส่ชุดเหมือนกันหมด ต่างกันที่สีของเสื้อ.... แต่ถ้าเป็นนักเรียน มองจากด้านหลังจะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เพราะแต่งเหมือนกันหมด
.....ถ้าเกิดมามีเมียเป็นชาวภูฏาน แต่งชุดเหมือนกันหมดแบบนี้ จะจำเมียตัวเองได้ป่าวหว่า....
(104) ออกจากหน้าที่พัก เดินมาหน่อย เลี้ยวเข้าถนนสายนี้ เดินขึ้นเนิน จะพาไปไหนไม่รู้ ...ไกด์ใส่ชุด โฆ หรือ โก (Kho) สีเนื้อ ยืนเอามือไขว้หลังรออยู่โน่น...เค้าไปกันหมดแล้ว ผมรั้งท้ายมัวแต่เก็บภาพอยู่นี่แหละ.....
(105) กรู๊ปที่ไป แต่ละคนบ้านนอกเข้ากรุงจริง ๆ ครับ เดินตัวเปล่าไม่ชอบ....ไม่รู้จะเป็นไอ้บ้าหอบฟางไปไหนกัน ดูพะรุงพะรังจริง ๆ..
.. จำหอนาฬิกาอันนี้ไว้ด้วยก็แล้วกัน เผื่อพลัดหลงกัน จะได้บอกเค้าถูกว่ามาจากตรงไหน ..
..ไม่ต้องกลัวครับว่า จะสื่อสารกันไม่รู้ฟัง คนภูฏาน พูดภาษาอังกฤษได้คล่องทุกระดับชั้น สำคัญว่า คุณต้องพยายามฟังเค้าพูดให้รู้เรื่องก็แล้วกัน
(106) เลยหอนาฬิกามาน้อยเดียว เจอดอกไอ้นี่ คล้ายดอกเบ็ญจมาศ หรือดอกเก๊กฮวย แต่ใบไม่ใช่ เอาเป็นว่า ดอกไม้สีเหลืองจากภูฏานก็แล้วกันนะครับ...
(107) อันนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ ...แต่ขอพระอภัยมณีนุช ดอกกุหลาบภูฏาน ดอกโตเท่าชามก็วยเตี๋ยว อะไรจะปานนั้น.....นี่ขนาดไม่ได้ใช้ ยูเรก้า สูตร 4-1-2 นะ ถ้าใช้ละก็ แกเอ๊ย ดอกโตเท่ากระด้งแน่ ๆ
...ขอแค่นี้ก่อนนะครับ....ความจริงจาก 3 กล้อง รูปมีเป็นพัน ๆ รูป เอาลงหมดคงไม่ต้องทำอะไรกันละครับ(โดนลุงด่าอีกต่างหาก) ผมก็พยายามคัดเอาที่พอดูได้มาแบ่งให้เพื่อน ๆ ได้ดูกัน ..
...คงมีซักวัน ที่เพื่อนบางคนอาจจะได้ไปเที่ยวภูฏาน.......
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 12/03/2014 6:55 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 28/01/2014 2:41 pm ชื่อกระทู้: BHUTAN (The Land of The Thunder Dragon)ภูฏาน ดินแดนแห่งมังก |
|
|
Kuchu sungpo la...LoongKim
คูชู ซังโป ลา ลุงคิม .....สวัสดีครับลุงคิม (และเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน)
BHUTAN The Land of The Thunder Dragon - ภูฏาน ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า
บทที่ 4 ทิมพู ตอนที่ 2
The School of Arts and Crafts or the Painting School.
โรงเรียนสอนงานศิลปะและงานแกะสลักแห่งภูฏาน (ภาค 1)
ผมทิ้งเรื่องนี้ไปนานเป็นเดือน เนื่องจากเกษตรสัญจร เป็นเรื่องของการบอกเล่าสู่กันฟัง เป็นเรื่องของเราเอง บางครั้งก็ต้องใช้ความคิด ซึ่งถ้าสมาชิกมีข้อสงสัยถามมา ผมก็พอจะบอกให้ฟังได้เท่าที่ผมรู้และเห็น แล้วผมพิมพ์แบบไม่สัมผัส พิมพ์ช้า ต้องใช้เวลาในการพิมพ์ ..... นอกจากนี้ เกษตรสัญจร มีเป็น 10 เรื่อง แล้วก็ต้องทำงานในสวน ในนาอีก....
....แล้วดันเสือกเขียนทำไมมากมายหลายเรื่องนัก.....
ตอบได้เลยว่า ....บางครั้งผมเก็บข้อมูลไว้ในคอมฯ บางทีโปรแกรมมันรวน หรือคอมฯ มีปัญหา...ต้องลงโปรแกรมใหม่ ข้อมูลเก่าอาจสูญหาย....ผมก็เลยเอาเรื่องของผมมาฝากเก็บไว้ในเว็ปลุง....แล้วก็ฝากไว้ใน อีแมว ใน Massenger ...ถ้าคอมฯ จุ๊ง ข้อมูลยังคงอยู่....
คราวก่อนจบลงตรงที่.....ผมพาเพื่อนเดินทางมาถึงเมืองทิมพู เมืองหลวงของราชอาณาจักรภูฏานแล้วนะครับ...คราวนี้ก็จะคุยให้ฟังต่อ...
23 ตค.56 มาถึงเมืองทิมพูก็ใกล้เที่ยง หลังจากไกด์พาเข้าที่พักแล้วก็พาออกไปหาอะไรกินมื้อเที่ยง
ไกด์ถามว่า ..จะเดินหรือนั่งรถไป....
ผมถามว่า ...ไกลไม๊....
ไกด์บอกว่า .....Not so far
.
ก็เลยบอกว่า ....Walk....
พวกแมว 9 ชีวิต(เพราะไปด้วยกัน 9 คน) บอกว่า เดินก็ดีเหมือนกัน เพราะขึ้นเครื่องตั้งแต่ตีห้า นั่งแกร่วมาอีก 3 ชั่วโมงกว่า ลงจากเครื่องที่เมือง ปาโร ก็นั่งรถต่อมาถึงเมืองทิมพู เกือบจะเที่ยง ..เดินยืดเส้นยืดสายมั่งก็ดีเหมือนกัน.....
(108) ..ไกด์พาเดินลัดตัดซอยข้างที่พัก เดินขึ้นเนิน จากซอยนี้ ออกซอยโน้น
(109) ประเทศภูฎานอยู่บนเขา บ้านเรือน ถนนหนทาง จะสร้างเป็นขั้น ๆ เป็นชั้น ๆ ลดหลั่น สูง ต่ำ ไปตามไหล่เขา จะเห็นว่า ซ้ายมือเป็นถนนสูงขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง ....การใช้รถใช้ถนน ยึดแบบ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน แล้วขับเร็วก็ไม่ได้ เนื่องจากถนนโค้งไปโค้งมา
(110) ขนาดทางลาดไม่มากนัก แมว 9 ชีวิตบางคนบ่นว่าเหนื่อย ...ภูฎานอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเฉลี่ย 300 ถึง 4,000 เมตร....ตรงนี้เป็นทางลัดเข้าใจกลางเมืองทิมพูครับ แฮ่ก ๆ
(111)
(112)
(111 112) ป้อมจราจร 1 เดียว ในเมืองทิมพู ใช้ตำรวจโบกห้ามรถ 4 ชั่วโมงเปลี่ยนกะ 1 คน....
(113)
(114)
(113 144) ไกด์พามากินข้าวมื้อเที่ยงที่นี่ครับ ได้แต่เดินดู กินอาหาร เพราะเค้ามีป้ายเขียนว่า No Photo Please ! ต้องปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด....แต่เห็นมือสถาปนิกในกลุ่มแมว 9 ชีวิต สเก็ตรูปกันมือระวิง
(115) ล้อมนตรากลางเมือง ใครมาก็หมุน ใครไปก็หมุน....มีทั่วไปหลายแห่งครับ
(116)
(117)
(118 )
(119)
(116 119) ไกด์พานั่งรถต่อมาที่นี่...The School of Arts and Crafts or the Painting School. โรงเรียนสอนงานศิลปะ ของภูฏาน ครับ....
(120) ด้านหน้ามีรูปปั้นสัตว์ 4 ตัว ...ช้าง ลิง กระต่าย และไก่...เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี ถือเป็น LOGO อีกอย่างหนึ่งของภูฏานเลยนะครับ จะมีทำขายเป็นรูปไม้แกะสลัก หรืออย่างอื่น แต่จะมีรูปสัตว์ 4 ตัวนี้อยู่ด้วย...
(121) ไม่ว่าบ้านไหน เมืองไหน ไปลา มาไหว้ ไม่เหมือนเด็กไทยรุ่นใหม่ หรือรุ่นเก่าก็เถอะ ไหว้คนไม่เป็น แล้วแบบนี้ก็อย่าหวังเลยว่า จะได้สิ่งที่เอ็งต้องการ.....
เวลาจะเข้าข้างในอาคาร เค้าจะต้องใช้ห่วงนี้เคาะที่ประตู ก๊อก ๆๆๆๆ คนข้างในเค้าก็จะมาเปิดประตูให้
(122)
(122 123) อาคารแยกเป็นห้องต่าง ๆ มีบันไดขึ้นไปชั้นบน แต่บันไดค่อนข้างจะชันมาก ๆ ขึ้นไปชั้นบนแล้วมองลงมา กูจะลงยังไงวะเนี่ย....คนภูฏานเดินลงสบาย แต่พี่ไทยต้องถอยหลังลงครับ
(124)
(125)
(126)
(127)
(128 )
(124 128 ) ตามเสา ตามรั้ว ราวบันได คานโครสร้างของอาคาร จะแกะสลักเป็นรูปลวดลายต่าง ๆ อาจจะดูแข็งไปนิด แต่ก็เป็นเอกลักษณ์งานศิลปะของภูฏานครับ ลองนึกภาพดูนะครับว่า กว่าจะแกะเสร็จแต่ละชิ้น แต่ละอัน ใช้เวลา และความตั้งใจขนาดไหน....
(129) อาคารต่าง ๆ รอบบริเวณภายในโรงเรียนครับ
(130) มีต้นกล้วยหน้าอาคารสอนการแกะสลักไม้ ...ผมพยายามเข้าไปเหล่...เพื่อจะหาหน่อเล็ก ๆ ซักหน่อ..
..ไกด์มาสะกิดแล้วบอกว่า ...This banana tree is no fruit.
... เอ๊า....แล้วปลูกไว้ทำอะไร ไม่มีลูก....
(131) ดอกไม้สีเหลือง สวยดี แต่ไม่รู้จักชื่อ ดูสวย ๆ ก็แล้วกันนะครับ
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 25/09/2016 8:54 pm, แก้ไขทั้งหมด 3 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
toodtoo สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 13/10/2012 ตอบ: 95
|
ตอบ: 19/04/2014 12:01 am ชื่อกระทู้: เมื่อไหร่จะได้ฤกษ์เขียนต่อซะที |
|
|
สวัสดีครับลุง....พี่ทิดแดง...และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
ผมหายไปนาน ลุงสบายดีนะครับ....ขอกราบรดน้ำดำหัวลุง เนื่องในวันสงกรานต์ ขอให้ลุงมีสุขภาพแข็งแรง...รวมทั้งพี่ทิดแดงด้วยครับ
กระทู้นี้ เมื่อไหร่ พี่ทิดจะได้ฤกษ์เขียนต่อซักที ค้างเติ่งมานานสองเดือนกว่าแล้วนะ....ขอถามหน่อยว่า ...คุณ Dorji เขียน จม.จดหมายหรือติดต่อพี่ทิดมามั่งป่ะ...
ข้าวไปได้สวย แต่ราคาข้าวไม่สวยครับ ...หนี้ของพ่อใกล้จะหมด เหลืออีกนิดหน่อยเองครับ พ่อยอมสิโรราบ ปลดเกษียณตัวเอง เป็นไปตามคำที่แม่เคยพูด....พี่ไม่ต้อง น้องทำเอง...
แม่ของผมเลยได้คนฝึกงานเกษตรอินทรีย์นำเคมีเสริมเพิ่มมาอีกสองคนคือ อา (น้องของพ่อทะเลาะกับเมียเลยมาขออยู่ด้วย) กับพ่อ ...ว่าอะไรว่าตามกัน
....แม่มึง เอาไง....
....ถามไอ้ตู่......
....ไอ้ตู่ เอาไงดี....
(ลุงกับพี่ทิดแดงเคยบอกไว้...เพื่อไม่ให้บาป ที่จะต้องสอนพ่อ จำต้องตอแหล)....
...เดี๋ยวถามลุงคิมกับทิดแดงก่อนนะพ่อ...
...ฮี๊ย์...ไม่ทันแด....ก...
....แม่มึง ไอ้นี่ทำไงต่อ....
....ถามไอ้ตู่.....คราวหน้า ไม่ต้องถามฉัน ถามไอ้ตู่มันเลย....
แต่พ่อก็....แม่มึง...เอาไงดี...ทุกครั้ง (ศักดิ์ศรีของคนเป็นพ่อครับลุง)
ส่วนผักริมถนนและริมคันนา ตามแนวลุงคิมและเกษตรสัญจร 9 ...วันละ 700-1,000 ทุกวัน ตอนนี้ต้องหยุดพักวันอาทิตย์ เพราะเหนื่อย ครับ...ไปๆ มาๆ พ่อบอกแม่หน้าตาเฉย
...ข้าขอวันอาทิตย์เป็นรำไพ่...
...เออแน่ะ อย่างนี้ก็มีด้วยว่ะทิด....แต่ก่อนแต่ไรไม่เห็นว่าดี...มาบัดเดี๋ยวนี้กลับขอรำไพ่....คันปากอยากจะแซว...ถ้าไม่ติดบาป ป่านนี้แซวไปแล้ว.....ทำยังไงดัครับลุง...
ขอบคุณลุง ขอบคุณพี่ทิดแดง ที่ทำให้ริมคันนาและริมถนนมีผักปลูกหลายอย่าง ไม่รกหญ้า แถมได้กะตังค์
ปล. มีคำแนะนำให้พี่ทิดแดง ใช้เว็ปคนอื่นแล้วมีปัญหา....เปิดเว็ปของตัวเองเลยดี๊...
www.ใจแคบ.คอม....... หรือ
www.ไม่มีจะกิน.คอม.... หรือ
www.ไม่รู้จักพอ.คอม.... หรือ...
ฉันเคยเปิดเจอนะทิด เว็ปอะไรอย่าไปรู้เลย. (เปิดดูใน PM)
..มีคนเค้าบอกขายหน่อกล้วยน้ำว้า ....โอ๊ยมีคนกดไลค์กันตรึม
ฉันก็ถามว่าเป็นกล้วยอะไร มะลิอ่อง หรือปากช่อง 50
....เค้าถามว่า มีด้วยเหรอ ไม่เคยได้ยินชื่อ แต่ของเค้าเป็นกล้วยน้ำว้าพันธุ์ดี กินอร่อย...
ฉันกลัวเค้าด่าว่าถามแล้วไม่ซื้อ เลยสั่งซื้อมา 1 หน่อ 60 บาท อุตส่าปลูกแล้วดูแลอย่างดีพอมีลูกรอจนแก่สุกคาต้น ทิดเชื่อมั๊ย....กล้วยน้ำว้าพันธุ์ดี ฉันบอกได้ว่า กินหมากอร่อยกว่าแยะเลย.....
ก็เข้าไปถามว่า ที่บอกว่ากินอร่อย ทำไมมันฝาดยิ่งกว่าหมากซะอีก....
เค้าบอกว่า สงสัยดินบ้านคูณไม่ดี มันเลยกลายพันธุ์....
ยังงี๊ก็มีด้วยว่ะทิด ฉันเลยตัดรากถอนโคน เอายาฆ่าหญ้าราดไปเลยรู้แล้วรู้รอด จะไปโทษเค้าก็ไม่ได้ เราเสือกไปเชื่อเค้าเอง .....
.
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
noo-ring สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 24/06/2013 ตอบ: 64
|
ตอบ: 21/04/2014 12:43 am ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีจ้าลุง.....พี่ทิดแดง....พี่ตู่
ฉันกับหนานปัน เห็นด้วยกับพี่ตู่จ้าว่า เมื่อไหร่พี่ทิดแดงจะเขียนและเอารูปมาลงต่อซะที รอจนแห้งอยู่แล้วจ้า....(นึกว่าจะไม่อยู่ซะแล้ว) ...มีพรายกระซิบแว่ว ๆ ว่ะพี่ตู่ พี่ทิดแดงกำลังแอบทำมะม่วงกวนอยู่จ้า ....บ๊าย บาย....
ขอบคุณจ้าลุง....
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 23/04/2014 9:27 pm ชื่อกระทู้: BHUTAN (The Land of The Thunder Dragon) ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้ |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม คุณตุ๊ดตู่ คุณหนูหริ่ง (เรียกเต็มยศเลยนะว๊อย)และเพื่อนสมาชิก.....
มีเหตุขัดข้องทางเทคนิคเลยยังลงรูปต่อไม่ได้ครับ
ด้วยว่า.... ตอนที่ไป ๆ กัน 9 คน แต่ละคนก็ถ่ายรูปกันอุตลุด หลังจากกลับ ยังก๊อป
รูปจากเม็มการ์ดออกไม่หมดเพราะมันเยอะ คนที่ไปด้วยก็ขอแลกเม็มการ์ดเพื่อต่างจะเอารูปที่ตัวเองไม่ได้ถ่ายออกเก็บเป็นที่ระลึก ตอนนี้ยังไม่รู้ว่า เม็มการ์ดของผมไปอยู่ที่คนไหน ส่วนของทั้ง 9 คน อยู่ที่ผม 5 การ์ด
รูปมันแยะมาก ต้องค่อยคัดเท่าทีพอจะนำเสนอได้ ขืนลงหมด เว็บลุงล่มแน่ ๆ ใจเย็น ๆ อดใจรอหน่อยครับ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 25/09/2016 10:34 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
Kuchu sungpo la...LoongKim
คูชู ซังโป ลา ลุงคิม .....สวัสดีครับลุงคิม (และเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน)
เกษตรสัญจร 11 -BHUTAN (The Land of The Thunder Dragon) Timpu 4
บทที่ 4 ทิมพูตอนที่ 3 The School of Arts and Crafts or the Painting School.
โรงเรียนสอนงานศิลปะและแกะสลักแห่งภูฏาน (ภาค2)
กระทู้นี้ ผมทิ้งไว้นาน(เป็นปี)จนลืม ฝุ่นจับเขรอะเลย....
คราวนี้จะพาไปชม โรงเรียนสอนงานศิลปะของภูฎานครับ มีชื่อเรียกว่า The School of Arts and Crafts or the Painting School.
(1) ด้านหน้าโรงเรียน จะมีรูปปั้นสัตว์ 4 ตัว ...ช้าง ลิง กระต่าย และนกยูง.โดยจะทำรูปปั้นไว้ใต้ต้นไม้..เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี ถือเป็น LOGO อีกอย่างหนึ่งของภูฏานเลยนะครับ จะมีทำขายเป็นรูปแกะสลักจากไม้หรืออย่างอื่น แต่จะมีรูปสัตว์ 4 ตัวนี้อยู่ด้วย...
(2) เป็นภาพเขียน นิทานสี่สหาย ซึ่งพบในทั่วไปในภูฎาน เล่าเรื่องราวของการอยู่ร่วมกันของสัตว์ 4 ชนิด คือ ช้าง ลิง กระต่าย และ นกยูง ซี่งต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ..
นกยูงจะหาเมล็ดผลไม้มาปลูก กระต่ายและลิงเป็นผู้ดูแลรดน้ำ ช้างจะดูแลต้นไม้ให้เติบโต และเมื่อต้นไม้ออกผลแล้ว เนื่องจากต้นไม้สูงเกินกว่าสัตว์สี่ตัวจะเอื้อมเก็บถึง พวกมันจึงช่วยเหลือกันโดยช้างจะยืนอยู่ด้านล่างสุด ตามด้วยลิง กระต่ายและนกยูง ต่อตัวกันขึ้นไปจนสามารถเด็ดผลไม้มากินได้
(3)
(4)
(3 - 4) จะมีนักเรียนชาย หญิง ที่รักการเรียนทางด้านศิลป์แขนงต่าง ๆ ในสองภาพนี้ กำลังเรียนการแกะสลักไม้....ซึ่งกำลังแกะสลักรูป ช้าง ลิง กระต่าย และนกยูง....ถือเป็นงานครูที่นักเรียนทุกคนต้องแกะรูปงานชิ้นนี้ได้....เรียนฟรีครับ...
(5)
(6)
(7)
(8 )
(5 8 ) แผนกนี่เป็นการเรียนงานปูนปั้นลวดลายต่าง ๆ ตามที่ตนชอบ...ในห้องนี้ สงบ เงียบ เพราะต้องใช้สมาธิ และใจเย็น
(9)
(10)
(9 10) คนนี้ก็เรียนแผนกช่างปูนปั้นครับ อารมณ์สุนทรีย์มากๆเลย
(11) สาว ๆ กลุ่มนี้ก็เรียนเป็นช่างปูนปั้นเช่นกัน...ใจเย๊น เย็น...ขนาดผลงานข้างหน้าที่ยังไม่เสร็จ ผมดูแล้วยังสวยงามขนาดนี้เลย
(12)
(13)
(12 13) เป็นแบบพิมพ์ลายกนกสำหรับตกแต่งงานปั้นปูนครับ
(14) เป็นแบบพิมพ์งานปูนตากลมรอให้หมาดก่อนแกะสลักเป็นลวดลาย
(15) พอปูนเริ่มหมาดก่อนแห้ง เค้าก็จะมาแกะสลัก แต่งแต้มลวดลายลงไป ตามจินตนาการของงานปูนชิ้นนั้น ๆ อาจจะเป็นเทพเจ้าปางต่าง ๆ ตามความเชื่อของชาวภูฎาน
(16)
(17)
(18 )
(16 18 ) ผลงานที่สำเร็จ 90 % แล้วละครับ รอเก็บรายละเอียดโดยอาจารย์จะมาตรวจสอบผลงานอีกครั้ง
(19) ผลงานที่สำเร็จออกมาวางโชว์ และจำหน่ายด้วย...
(20) นี่ก็เป็นงานช่างเขียนหรืองานจิตรกรรม หรืองานวิจิตรศิลป์...นักเรียน จะต้องเรียนวาดรูปเทพ ปางต่าง ๆ
(21) อาจารย์จะเขียนลักษณะของเทพองค์นั้น ๆ ให้ดูว่า ภูษาที่ห้อยชายของแต่ละองค์จะเป็นอย่างไร ก็เหมือนตัวพระ นาง ในวรรณคดีของไทยเรานี่แหละ
(22) แบบร่างภาพบนผืนผ้า ก่อนลงสีจริง
(23)
(24)
(23 - 24) เริ่มลงสีไปบางส่วน
(25) กำลังลงสีภาพพระบฏ หรือภาพ ทังก้า (Tanka)
(26) ภาพนี้เป็นภาพ พระบฎ หรือภาพทังก้า(Tanka)
พระบฏ คือ ผืนผ้าที่เขียน หรือพิมพ์รูปพระพุทธเจ้า เป็นต้นและแขวนไว้เพื่อบูชา
คำว่า บฏ มาจากคำในภาษาบาลีว่า ปฏ (อ่านว่า ปะ-ตะ) แปลว่า ผ้าทอ หรือ ผืนผ้า ส่วนมากเป็นผ้าแถบยาว มีวาดภาพพระพุทธเจ้า นิยมแขวนไว้ในสถานที่จัดพิธีกรรมในพุทธศาสนา ใช้แทนที่พระพุทธรูป เพื่อเป็นที่เคารพบูชา(จากเว็ป วิกิพีเดีย)
(27) นี่เป็นแผนกช่างเย็บปักถักร้อยครับ
(28 ) น่าจะเป็นดอกเบ็ญจมาศ
(29) ที่ภูฏาน จะมีการเรียงหินตั้งฝากไว้ตามมุมต่าง ๆ ส่วนมากจะฝากไว้ตามสถูป เพื่อเป็นการบูชา...ไกด์บอกว่า เรียงฝากไว้ เผื่อว่า อาจมีโอกาสได้ไปเยือนภูฏานอีกครั้งก็เป็นได้....
ก่อนจบคราวนี้ ผมมีเพลงภูฎาน มาฝาก ลองคลิกฟังกันดูบ้างครับ.....
เพลงแรกชื่อ Druk Yul เป็นการกล่าวถึงภูฎาน หรือ The Land of The Thunder Dragon
https://www.youtube.com/watch?v=lR3i4FvX_A0
เพลงต่อจากนี้ ...ม่ายรู้อ่ะ...ฟังเอาความไพเราะแล้วกันนะครับ
https://www.youtube.com/watch?v=9lOinKHoF18
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=iTo23kvQfx8#t=164
https://www.youtube.com/watch?v=j_hzPMpuVok
ยังมีต่อครับ
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 13/10/2016 10:29 am ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 11 -(4.1 -1) กษัตริย์ จิ๊กมี่ ให้วัดทั่วประเทศภูฏ |
|
|
Kuchu sungpo la...LoongKim
คูชู ซังโป ลา ลุงคิม .....สวัสดีครับลุงคิม
เกษตรสัญจร 11 -(4.1 -1) กษัตริย์ จิ๊กมี่ ให้ชาวภูฏานทั่วประเทศสวดมนต์ถวายในหลวง
บทที่ 4.1 ตอนที่ 1- สวดมนต์ถวายในหลวง (12 ตค.59)
(1)
(2)
(1 2) กษัตริย์แห่งภูฏาน ทรงมีพระบรมราชโองการให้วัดทั่วประเทศภูฎาน สวดถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2559 เฟซบุ๊ก
His Majesty King Jigme Khesar Namgyel Wangchuck
ของ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ได้ทรงเขียนข้อความว่า ได้ทรงมีพระบรมราชโองการให้วัดทั่วประเทศ สวดมนต์ถวายพระพรในหลวง และขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ
(3)
(4)
Jetsun Pema
[size=16]12 October 2016:
Upon the Royal Command of His Majesty The King, special prayers are being conducted in all the sacred temples throughout the country, for the well-being of His Majesty King Bhumibol of Thailand.
His Majesty King Bhumibol has been unwell and is currently undergoing medical treatment.
The Royal Families as well as the peoples of Bhutan and Thailand share warm relations of mutual friendship and goodwill.
Long live the King.
(5)
http://hilight.kapook.com/view/143333
King จิ๊กมี่ ให้ทั่วประเทศสวดมนต์ถวายในหลวง
https://www.facebook.com/QueenJetsun/posts/1116976625017031:0
Page ราชินี ภูฏาน อวยพรให้ในหลวง[/size]
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 18/10/2016 11:53 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 14/10/2016 3:45 pm ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 11 -ย่ำแดน BHUTAN กษัตริย์ จิ๊กมี่ ทรงนำจุดตะเกีย |
|
|
Kuchu sungpo la...LoongKim
คูชู ซังโป ลา ลุงคิม .....สวัสดีครับลุงคิม
เกษตรสัญจร 11-ย่ำแดน BHUTAN(4.1-2)กษัตริย์ จิ๊กมี่ ทรงนำจุดตะเกียงส่งเสด็จฯ(13 ตค.2559)
บทที่ 4.1 ตอนที่ 2- สวดมนต์ถวายในหลวง 13 ตค.59
(1)
(2)
(3)
(4)
(5)
(6)
(1 - 6) กษัตริย์จิกมี แห่งภูฏาน ทรงนำพสกนิกรจุดตะเกียงส่งเสด็จฯ หลังทราบข่าวการสวรรคตพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงให้ทั่วประเทศไว้อาลัย ลดธงครึ่งเสา
..
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 19/10/2016 12:15 am, แก้ไขทั้งหมด 3 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 16/10/2016 4:21 am ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 11 ย่ำแดน BHUTAN - กษัตริย์จิ๊กมี่และพสกนิกรสวดม |
|
|
Kuchu sungpo la...LoongKim
คูชู ซังโป ลา ลุงคิม .....สวัสดีครับลุงคิม
เกษตรสัญจร 11ย่ำแดน ภูฏาน (4.1-3)กษัตริย์จิ๊กมี่และพสกนิกรสวดมนต์ถวายในหลวง(14 ตค.2559)
บทที่ 4.1ตอนที่ 3- มิตรประเทศที่ถวายอาลัยอย่างที่สุดของที่สุดจริงๆ
หลังทราบข่าวการสวรรคต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 13 ต.ค.59
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ได้ทรงจุดเทียนถวายอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พร้อมจัดการสวดมนต์พิเศษในวัดทั่วประเทศภูฏาน เพื่ออุทิศให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
และได้ประกาศให้ในวันที่ 14 ต.ค.เป็นวันไว้อาลัยทั่วประเทศภูฏาน ลดธงครึ่งเสา รวมทั้งปิดโรงเรียนและหน่วยงานทั่วประเทศ
(มีวัดไหนในเมืองไทย สวดเพื่ออุทิศให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ กันบ้างหรือเปล่า.......อยากรู้จัง)
ถ้าสังเกตดูดี ๆ มีคนที่ไม่ได้แต่งชุดของภูฏาน แต่งชุดดำร้องไห้ นั่นคือคนไทยที่อยู่ในภูฏานครับ
(1)
(2)
(3)
(4)
(1 - 4) His Majesty The King and Her Majesty The Gyaltsuen led prayers for His Majesty the Late King of Thailand Bhumibol Adulyadej at the Thimphu National Memorial Chorten today.
(5)
(6)
(7)
(5 - 7) Prayers for His Majesty the Late King of Thailand Bhumibol Adulyadej at Thimphu Tashichhodzong were led by Her Majesty the Royal Grandmother.
(8 ) The National Flag in front of Thimphu Tashichhodzong at half mast. The flag will fly at half mast for 3 days as a mark of respect for His Majesty the Late King of Thailand.
(9)
(10)
(9 - 10) Prayers for His Majesty the Late King of Thailand Bhumibol Adulyadej, from Gasa.
(11)
(12)
(11 - 12) Prayers for His Majesty the Late King of Thailand Bhumibol Adulyadej, from Lhuentse.
(13)
(14)
(13 - 14) Prayers for His Majesty the Late King of Thailand Bhumibol Adulyadej, from Paro.
(15) Prayers for His Majesty the Late King of Thailand Bhumibol Adulyadej, from Samtse Shiv Mandir.
(16)
(17)
(18 )
(16 18 ) Prayers for His Majesty the Late King of Thailand Bhumibol Adulyadej, from Samtse.
(19) Prayers for His Majesty the Late King of Thailand Bhumibol Adulyadej, from Samdrup Jongkhar.
(20) Prayers for His Majesty the Late King of Thailand Bhumibol Adulyadej, from Trashi Yangtse.
(21) The National Flag in front of Trashi Yangtse at half mast. The flag will fly at half mast for 3 days as a mark of respect for His Majesty the Late King of Thailand.
(22) Prayers for His Majesty the Late King of Thailand Bhumibol Adulyadej, from Zhemgang.
(23)
(24)
(25)
(26)
(23 - 26) Prayers for His Majesty the Late King of Thailand Bhumibol Adulyadej, from Bumthang.
(27)
(28 )
(29)
(27 29 ) Prayers for His Majesty the Late King of Thailand Bhumibol Adulyadej, from Dagana.
(30)
(31)
(32)
(30 - 32) Prayers for His Majesty the Late King of Thailand Bhumibol Adulyadej, from Haa.
(33)
(34)
(33 - 34) Prayers for His Majesty the Late King of Thailand Bhumibol Adulyadej, from Wangduephodrang.
(35) Prayers for His Majesty the Late King of Thailand Bhumibol Adulyadej, from Zhemgang.
(36)
(37)
(38 )
(36 - 38 ) Prayers for His Majesty the Late King of Thailand Bhumibol Adulyadej, from Pema Gatshel.
(39) The National Flag in front of Pema Gatshel at half mast for 3 days as a mark of respect for His Majesty the Late King of Thailand.
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 19/10/2016 12:00 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 16/10/2016 8:56 pm ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 11 BHUTAN กษัตริย์จิ๊กมี่-พระราชินี เสด็จถึงไทย |
|
|
Kuchu sungpo la...LoongKim
คูชู ซังโป ลา ลุงคิม .....สวัสดีครับลุงคิม
เกษตรสัญจร 11ย่ำแดน BHUTAN(4.1-4) กษัตริย์จิ๊กมี่และพระราชินี เสด็จถึงประเทศไทย
บทที่ 4.1ตอนที่ 4 (15 ตค.2559)
กษัตริย์จิกมีแห่งภูฏาน-สมเด็จพระราชินีเจตซุน และพระโอรส เสด็จฯ ถึงประเทศไทย
ก่อนหน้านั้น
14 October 2016:
His Majesty The King and Her Majesty the Gyaltsuen will visit Thailand tomorrow to pay personal respects to His Majesty the Late King of Thailand Bhumibol Adulyadej.His Majesty the Late King Bhumibol Adulyadej passed away yesterday.
Meanwhile, today, thousands of people across the country visited Dzongs and temples to light butter lamps and pray in memory of His Majesty the Late King Bhumibol Adulyadej.
(1)
(2)
(3)
(1 - 3) สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จพระราชดำเนินถึงประเทศไทย เพื่อทรงวางพวงมาลา ที่หน้าพระโกศพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
เวลา 16 นาฬิกา 49 นาที วันนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระราชินี เจตซุน เพมา วังชุก และเจ้าชายจิกมี นัมเกล วังชุก โดยเครื่องบินพระที่นั่งของสายการบิน ดรุกแอร์ เที่ยวบินที่ เคบี 140 ถึงยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อทรงวางพวงมาลา ที่หน้าพระโกศพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช พระมหิตลาธิเบศร รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร และทรงลงพระนามาภิไธย เพื่อแสดงความรำลึกถึง ณ พระบรมมหาราชวังในวันพรุ่งนี้ เวลาประมาณ 10 นาฬิกา โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐนตรี ไปเฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ
ขอพระองค์ พระราชินีและพระโอรสจงทรงพระเจริญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ในวันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.) เวลาประมาณ 10.00 น. มีหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินไปถวายพระราชสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ในพระบรมมหาราชวัง
ทั้งนี้ การเสด็จมาร่วมพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี และสมเด็จพระราชินี สะท้อนความผูกพันระหว่างสองประเทศ โดยในวันที่ 13 ต.ค.สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ได้ทรงจุดเทียนถวายอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พร้อมจัดการสวดมนต์พิเศษในวัดทั่วประเทศภูฏาน เพื่ออุทิศให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ และได้ประกาศให้ในวันที่ 14 ต.ค.เป็นวันไว้อาลัยทั่วประเทศภูฏาน ลดธงครึ่งเสา รวมทั้งปิดโรงเรียนและหน่วยงานทั่วประเทศ
เมื่อวานนี้ (14 ต.ค.) เฟซบุ๊กทางการของกษัตริย์จิกมีได้โพสต์ข้อความว่าพระองค์และสมเด็จพระราชินีจะเสด็จมาประเทศไทยเป็นการส่วนพระองค์เพื่อถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
ข้อมูลจาก http://news.thaipbs.or.th/content/256698
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 19/10/2016 12:13 am, แก้ไขทั้งหมด 5 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 17/10/2016 9:32 pm ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 11 ย่ำแดน BHUTAN กษัตริย์จิ๊กมี่เสด็จวางพวงมาลา |
|
|
Kuchu sungpo la...LoongKim
คูชู ซังโป ลา ลุงคิม .....สวัสดีครับลุงคิม
เกษตรสัญจร 11 ย่ำแดน BHUTAN กษัตริย์จิ๊กมี่เสด็จวางพวงมาลาถวายในหลวง
บทที่ 4.1 ตอนที่ 5 (16 ตค.2559)
(1) วันนี้ (วันอาทิตย์ ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๙) เวลา ๐๙.๔๐ น. สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก ไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร และทรงร่วมพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ จากนั้น ทรงพระดำเนินไปทรงพระอักษรถวายความอาลัย พร้อมทั้งทรงลงพระนามาภิไธย ณ ศาลาว่าการพระราชวัง พระบรมมหาราชวัง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๙ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้วัดต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักรภูฏาน จัดการสวดมนต์ถวายพระพรชัยมงคลแด่ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ให้มีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง และ
(2) ในวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ทรงประกอบพิธีถวายโคมไฟเนย ๑,๐๐๐ ดวง และสวดมนต์เพื่อรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ที่เสด็จสวรรคต พร้อมทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ราชอาณาจักรภูฏาน จัดการไว้ทุกข์และลดธงชาติลงครึ่งเสา รวมทั้งจัดพิธีจุดโคมไฟเนยและการสวดมนต์พิเศษ เพื่อถวายความอาลัยเป็นเวลา ๗ วัน
(3)
(4)
(5)
(6)
(7)
(8 )
(9)
(10)
(11)
(12)
(13)
(3 13) กษัตริย์จิ๊กมีและพระราชินี เสด็จเข้าถวายราชสักการะพระบรมศพฯ
วันที่ 16 ตุลาคม 2559 เวลา 09.45 น. สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฎาน เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก มาทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร พร้อมทั้งทรงลงพระนามาภิไธย แสดงความอาลัย ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง
ทั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ทรงเคารพรักและเทิดทูน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันปวงชนชาวไทยต่างเคารพรักสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรภูฎานมากเช่นกัน และรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่เสด็จพระราชดำเนินมาแสดงความอาลัยในครั้งนี้
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก จะเสด็จพระราชดำเนินกลับราชอาณาจักรภูฎาน ในวันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม 2559 เวลา 04.30 น.
(ขอขอบคุณภาพจากฝ่ายช่างภาพส่วนพระองค์ กองงานส่วนพระองค์ สำนักพระราชวัง)
#KingBhumibol
#ขอพระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย
@ThaiPBS
@Ch7news
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 19/10/2016 12:12 am, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 18/10/2016 11:41 pm ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 11 ย่ำแดน BHUTAN(4.1-6) กษัตริย์จิ๊กมี่เสด็จกลั |
|
|
Kuchu sungpo la...LoongKim
คูชู ซังโป ลา ลุงคิม .....สวัสดีครับลุงคิม
เกษตรสัญจร 11 ย่ำแดน BHUTAN(4.1 - 6)กษัตริย์จิ๊กมี่เสด็จกลับภูฏาน
....คนไทยผู้โชคดี
บทที่ 4 ทิมพูตอนที่ 4.1 - 6 (17 ตค.2559)
(1)
(2)
(1 -2) กษัตริย์จิกมี พร้อมพระราชินี และพระโอรส เสด็จกลับภูฏาน
วันนี้ (17 ต.ค.2559 ) เมื่อเวลา 04.08 น. สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระราชินี เจตซุน เพมา วังชุก และเจ้าชายจิกมี นัมเกล วังชุก ไปยังห้องรับรองพิเศษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อประทับเครื่องบินสายการบิน ดรุคแอร์ เที่ยวบินที่ KB 151 เสด็จพระราชดำเนินกลับราชอาณาจักรภูฏาน
หลังจากเสด็จพระราชดำเนินมาทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมศพและทรงร่วมพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ด้วยมีพระราชศรัทธาในพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช
การเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้ถือเป็นการสานสัมพันธไมตรีอันดี ระหว่าง 2 ราชอาณาจักรให้แน่นแฟ้น ยิ่งขึ้น โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี รวมทั้งผู้บริหารและพนักงาน บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัดมหาชน และบริษัทการบินไทย จำกัด มหาชน เฝ้าทูลละอองพระบาท ส่งเสด็จ
(3) น้ำพระทัยงดงามยิ่ง!! "กษัตริย์จิกมี" น้อมพระวรกายจับมือกับคนขับรถ ก่อนเสด็จฯกลับภูฏาน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากพระราชาธิบดีจิกมี เสด็จฯลงจากรถพระที่นั่ง ได้เดินอ้อมรถยนต์พระที่นั่ง ก่อนน้อมพระวรกายพร้อมยื่นพระหัตถ์ไปจับมือกับคนขับรถ ซึ่งเป็นภาพที่สร้างความประทับใจ ต่อผู้พบเห็นและต่างปลื้มปิติกันทุกคน ที่ได้เห็นการปฎิบัติตนของพระองค์เยี่ยงบุคคลธรรมดาโดยไม่ถือพระองค์
@ThaiPBS
#ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
http://www.news-lifestyle.com/contents/at/159366/
(4) คนไทยผู้โชคดี
แห่แชร์ภาพบังเอิญพบ " ราชินีภูฏาน " ทรงตรัสให้กำลังใจคนไทย
(16 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกออนไลน์กำลังแชร์เรื่องราวสุดประทับใจที่เกิดขึ้นระหว่างประชาชนชาวไทยกับเชื้อพระวงศ์แห่งภูฏาน เมื่อมีผู้บังเอิญไปพบ สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก สมเด็จพระราชินีใน สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน ขณะเสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
โดยผู้ใช้อินสตาแกรมชื่อคุณ @nalinymph ได้โพสต์ภาพที่ถ่ายคู่กับ สมเด็จพระราชินีเจตซุนฯ พร้อมกับโพสต์เรื่องราวสุดประทับใจว่า...
"นับเป็นบุญสูงสุดของข้าพระพุทธเจ้าและครอบครัว ที่ได้เฝ้าท่านใกล้ชิดเป็นครั้งที่สอง ทรงเสด็จมาซื้อของให้เจ้าชายน้อย ทรงพระดำเนินปะปนกับสามัญชนทั่วไปโดยมีคนติดตามเพียง 1 คน จนทำให้คนแถวๆนั้นไม่ได้สังเกตว่าพระองค์เป็นใคร แต่เรากับแม่จำได้เลยเดินเข้าไปก้มกราบ ทรงดึงแม่ให้ลุกขึ้นแล้วจับมือ แม่ร้องไห้ ท่านเข้ามากอด แล้วตรัสว่า I'm so sorry for your loss. Our country is very sad.
หลังจากนั้นก็เอื้อมมือมาจับมือเรา เราน้ำตาไหล ท่านรับสั่งให้ดูแลแม่ให้ดีๆ และยกพระหัตถ์ไหว้แม่ด้วย...ปลื้มใจจนเกินจะหาคำใดๆมาพูดได้ ทรงเป็นถึงพระราชินี แต่ไม่ถือพระองค์เลยแม้แต่นิดเดียว ทรงสามารถซื้อของแบรนด์เนมได้เท่าที่ต้องการ แต่กลับเลือกแบรนด์ธรรมดาๆ...เราเชื่อว่าสมเด็จพระราชาจิกมีและพระองค์ท่านจะเป็น The Greatest King and The Greatest Queen และทรงสอนเราด้วยการกระทำว่าท่านกำลังดำเนินรอยตามปรัญชาพอเพียงอย่างที่พ่อหลวงของเราได้สอนไว้...สัญญากับตัวเองว่าจะต้องไปเที่ยวประเทศภูฏานให้ได้สักครั้งในชีวิต"
ทั้งนี้ สมเด็จพระราชินีเจตซุนฯ ทรงตามเสด็จพระราชดำเนิน พร้อมกับสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏาน มาประเทศไทย เพื่อถวายราชสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง โดยมีหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินกลับในช่วงเช้ามืดวันพรุ่งนี้ (17 ต.ค.)
ที่มา. - Sanook.com
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Wildcat หนาวดึ่ง
เข้าร่วมเมื่อ: 17/09/2014 ตอบ: 19
|
ตอบ: 07/12/2016 4:09 am ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุง น้าทิดแดง คุณออร์คิด
มีคนเค้าฝากถามว่า....น้าทิดแดง ยังติดต่อกับเพื่อนที่เป็น Air บนเครื่อง อยู่รึเปล่า...
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 27/02/2017 1:18 am ชื่อกระทู้: เกษตรสัญจร 11 ย่ำแดน BHUTAN-20 ตค.59 นักเรียนภูฏาน ร่วมสว |
|
|
Kuchu sungpo la...LoongKim
คูชู ซังโป ลา ลุงคิม .....สวัสดีครับลุงคิม
เกษตรสัญจร 11 ย่ำแดน BHUTAN - 20 ตค.59 นักเรียนภูฏาน ร่วมสวดบำเพ็ญพระราชกุศล
บทที่ 4.1 (7) 20 ตค.2559 ชาวภูฏาน มีพิธีสวดบำเพ็ญพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 วันที่ 7
ข่าวค่ำมิติใหม่ทั่วไทย
(1)
(2)
(3)
(4)
(5)
(6)
(7)
(8 )
(9)
(10)
(11)
(12)
(1 12) วันนี้(20 ตค.2559) ที่ประเทศภูฏาน มีพิธีสวดบำเพ็ญพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 วันที่ 7 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการจัดต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2559 โดยมีนักเรียนภูฏานมาร่วมสวดมนต์ด้วย
http://news.thaipbs.or.th/content/256883#ThaiPBSnews
(13)
(14)
(15)
(16)
(13 16 ) คนไทยในประเทศภูฏาน ได้เข้าร่วมพิธีสวดบำเพ็ญพระราชกุศลที่ประเทศภูฏาน จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 พร้อมๆกับข้าราชการ นักเรียน นักศึกษาภูฏาน จำนวนมาก คนไทยหลายคนบอกว่าในช่วงเวลาอยู่ต่างประเทศ ชาวภูฏานทำให้รู้สึกอบอุ่น และซาบซึ้งใจ
เสียงสวดมนต์ ดังก้องวัดชานกังคาลาคัง วัดเก่าแก่ในเมืองทิมพู ประเทศภูฏาน ชาวภูฏาน นักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ พนักงานเอกชน รวมกว่าร้อยคน ตั้งใจท่องบทสวดบำเพ็ญพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าของผู้สวดมนต์ คือพระบรมฉายาลักษณ์
บทสวดมนต์ที่นำมา คนภูฏานเชื่อกันว่าเป็นการส่งผู้ที่จากไปให้ไปสู่สรวงสวรรค์
คนไทยกลุ่มนี้ เป็นอาสาสมัคร จากโครงการอาสาสมัครเพื่อนไทยของกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ เดินทางมาให้ความรู้ด้านต่างๆ กับชาวภูฏาน เช่น การนวด สอนภาษาไทย การจัดพิธีสวดที่ภูฏาน ทำให้พวกเขามีโอกาสได้ร่วมสวดบำเพ็ญพระราชกุศล แม้อยู่ไกลบ้าน แต่ละคนเลือกไปวัดที่ใกล้ที่พักได้ เพราะจัดหลายวัดทั่วประเทศ ที่สำคัญชาวภูฎานทำให้พวกเขารู้สึกอบอุ่นในช่วงเวลาแห่งความสูญเสีย
(17) คุณวาสินี หมั่นทำ อาสาสมัครไทยในประเทศภูฏาน เล่าว่า พอชาวภูฏานทราบว่าเราเป็นคนไทย เขาแสดงความเสียใจทันที
"ขอแสดงความเสียใจด้วยที่เราได้สูญเสียองค์พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของเรา"
เพราะชาวภูฏานก็รู้สึกนับถือองค์พระมหากษัตริย์ของไทยด้วย พวกเขาทราบดีพระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญที่สร้างประโยชนืให้แก่ประเทศไทยหลายอย่าง และประเทศไทยและภูฏานก็มีความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน
(18 )
(19)
(20)
(18 20) ทุกๆวันจะมีการจุดเทียนบัทเทอร์แลมป์ การทำเชิงเทียนในลักษณะนี้ขั้นตอนค่อนข้างยาก
ในแต่ละวัน แต่ละวัดจะจุดเทียนเช่นนี้ ไม่น้อยกว่า 1 พันเล่ม เจ้าหน้าที่ของวัดชานกังคาลาคัง เล่าให้ฟังว่า
ในช่วงพิธี 7 วัน เขาตื่นตั้งแต่ตี 3 เพื่อมาทำเตรียมเทียนบัทเทอร์แลมป์ ตั้งแต่การทำความสะอาดเชิงเทียน การหล่อเทียนจนเต็มและต้องทำจำนวนมากกว่า 1 พันเล่มต่อวัน
การจุดเทียนมีความหมายตามความเชื่อของคนภูฏานว่า...จะเป็นแสงนำทางไปสู่สวรรค์
(21)
(22)
(23)
(24)
(21 24) การจัดสวดบำเพ็ญพระราชกุศลที่ประเทศภูฏาน เป็นรับสั่งของสมเด็จพระราชธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ให้วัดและสถานที่สำคัญทั่วประเทศ รวม 20 จังหวัด จัดพิธีนี้เพื่อให้ชาวภูฏาน ร่วมแสดงความอาลัย
สะท้อนให้เห็นว่าการสวรรคตขอพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นำมาซึ่งความเสียใจของปวงชนชาวภูฏานด้วยเช่นกัน
(25) คุณ วรลักษณ์ อิศรางกูร ไทยพีบีเอส รายงานจากราชอาณาจักรภูฏาน
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11627
|
ตอบ: 22/06/2017 7:52 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
..... |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|