-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - นโยบายจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชาวนาไทย
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

นโยบายจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชาวนาไทย

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
Aorrayong
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 30/07/2009
ตอบ: 869

ตอบตอบ: 19/08/2010 9:36 pm    ชื่อกระทู้: นโยบายจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชาวนาไทย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ที่มา http://thairecent.com/Business/2010/701073/

ตั้งกองทุนสวัสดิการกู้ศักดิ์ศรีอาชีพชาวนา-ห่วงไร้ทายาทสืบทอด


รัฐบาลตั้งกองทุนสวัสดิการช่วยชาวนา 17 ล้านคน เพื่อต้องการให้เป็นอาชีพที่มีศักดิ์ศรี ควรต้องได้สิทธิประโยชน์เท่าเทียม ป้องกันทายาททิ้งอาชีพเดิมเข้าโรงงาน แจงลักษณะคล้ายกองทุนประกันสังคม ทั้งเงินบำเหน็จบำนาญ เงินสงเคราะห์บุตร โดยการเข้าเป็นสมาชิกแบบสมัครใจ เตรียมยกร่าง กม. เป็น พ.ร.บ. ตั้งตุ๊กตาจ่าย 3% ของรายได้ รัฐสมทบ 2% ด้านบอร์ด กขช.มีมติคงประกันรายได้ชาวนาปี 53/54 เท่าปีก่อน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) โดยระบุว่า ที่ประชุม กขช.เห็นชอบในหลักการให้มีการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชาวนา โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปยกร่างกฎหมายการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวมานำเสนอในรูปแบบพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แต่การดำเนินงานจะต้องพิจารณาดูความสัมพันธ์ระหว่างกองทุนสวัสดิการชาวนา กับกองทุนเงินออมแห่งชาติด้วย ซึ่งได้รับรายงานว่าคณะกฤษฎีกาได้ดำเนินการตรวจร่างเสร็จเรียบร้อย และจะมีการนำเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในเร็วๆ นี้

“หลักการในการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชาวนามีลักษณะคล้ายกับกองทุนเงินออม แห่งชาติ โดยชาวนาจะจ่ายเงินสมทบ ส่วนหนึ่งจากการขายข้าวในแต่ละปีเข้าสมทบในกองทุน และรัฐบาลจะออกเงินสมทบให้อีกส่วนหนึ่ง ซึ่งการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวจะใช้ระบบสมัครใจของชาวนาเองไม่มีการบังคับ”

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุม กขช.ยังเห็นชอบให้คงราคา และปริมาณข้าวเปลือกนาปี ในโครงการประกันรายได้เกษตรกรฤดูกาลผลิตปี 2553/2554 ในอัตราเดียวกับการดำเนินงานโครงการประกันรายได้ ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่าต้นทุนในการปลูกข้าว และสถานการณ์ราคาข้าวไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากปีที่ผ่านมามากนัก มีเพียงองค์ประกอบอื่นที่เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยใช้เงินไม่เกิน 40,000 ล้านบาทและได้ตั้งงบประมาณไว้เรียบร้อยแล้ว

นายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กขช.เห็นชอบการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชาวนา มีรูปแบบคล้ายๆ กับกองทุนสวัสดิการสังคม โดยจะทำในรูปแบบสมัครใจ โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปยกร่างกฎหมายเพื่อออกเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) พร้อมทั้งพิจารณาว่าจะสามารถร่วมกับกองทุนเงินออมแห่งชาติ ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาได้หรือไม่ โดยการพิจารณาครั้งนี้มีการตั้งตุ๊กตา เช่น ให้ชาวนาสมทบ 3% ของรายได้จากการขายข้าวเปลือกในแต่ละปี ขณะที่รัฐสมทบ 2 เท่า แต่ยังไม่มีข้อสรุป เพราะต้องให้กระทรวงเกษตรฯ ไปจัดทำข้อมูลโดยละเอียดเพื่อออกมาเป็น พ.ร.บ.ก่อน

สำหรับสวัสดิการของชาวนาที่ร่วมโครงการประกอบด้วยเงินบำเหน็จบำนาญ เงินชดเชยกรณีทุพพลภาพหรือเสียชีวิต เงินสงเคราะห์บุตร รวมทั้งการจัดหาปัจจัยการผลิตโดยไม่ซ้ำซ้อนกับส่วนที่รัฐบาลจัดหาให้อยู่ แล้ว เช่น ค่ารักษาพยาบาล โดยการบริหารกองทุนนี้จะประกอบด้วย 3 ฝ่าย คือ รัฐบาล ชาวนา และผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมกันนี้ กระทรวงเกษตรฯ ต้องหาวิธีบริหารจัดการกองทุนสำหรับสมาชิกบางรายไม่ให้ซ้ำซ้อนกับกองทุนอื่น รวมทั้งกรณีที่ชาวนาบางรายที่ในบ้างครั้งก็เข้ามาอยู่ในระบบของกองทุนประกัน สังคม และบางครั้งก็กลับไปทำนา

ทั้งนี้ กรณีที่รัฐบาลเห็นควรจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชาวนา เพื่อต้องการให้เป็นอาชีพที่มีศักดิ์ศรี เพราะเห็นว่าประเทศไทยมีชาวนามากถึง 3.7 ล้านครัวเรือน หรือ 15-17 ล้านคน หรือคิดเป็น 64% ของครัวเรือนเกษตรกรทั้งหมด โดยในแต่ละปีสามารถปลุกข้าวได้ผลผลิตมากถึง 30 ล้านตัน สร้างรายได้เข้าประเทศปีละ 180,000-200,000 ล้านบาท และมีการบริโภคในประเทศ คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 230,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ข้าวนับเป็นวิถีชีวิตของคนไทย และชาวนาเป็นอาชีพยากลำบาก ตากแดดตากฝน ฐานะยากจน ที่สำคัญชาวนามีอายุมากขึ้น ขณะที่คนรุ่นใหม่ปฏิเสธการสืบทอดอาชีพชาวสวน

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้ยืนราคาประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวประจำปีการผลิต 53/54 เท่ากับปีก่อน โดยข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,300 บาท รับประกันไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมจังหวัด ตันละ 14,300 บาท ไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกปทุมธานี 1 ตันละ 11,000 บาท ไม่เกิน 25 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า 5% ตันละ 10,000 บาท ไม่เกิน 25 ตัน ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 9,500 บาท ไม่เกิน 16 ตัน โดยกำหนดให้ใช้ราคานี้เป็นเวลา 1 ปี จากเดิมที่คณะอนุกรรมการ กขช. เสนอให้คงไว้ 3 ปี แต่นายกฯเห็นว่าในการกำหนดราคาประกันรายได้แต่ละปีต้องคำนึงถึงต้นทุนที่แท้ จริง เช่นในปีนี้ที่ราคาต้นทุนไม่ต่างจากปีที่แล้ว
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Aorrayong
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 30/07/2009
ตอบ: 869

ตอบตอบ: 19/08/2010 9:55 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เห็นด้วยกับโครงการนี้ แต่สวัสดิการที่ชาวนาจะได้รับนอกจากเงินบำเหน็จบำนาญ เงินชดเชยกรณีทุพพลภาพหรือเสียชีวิต
เงินสงเคราะห์บุตรแล้ว ในส่วนของการจัดหาปัจจัยการผลิต ทำไมภาครัฐต้องเข้าไปยุ่ง เชื่อว่าชาวนาทุกคนรู้ดีว่าเขาควรจะจัด
หาปัจจัยการผลิตอย่างไร หรือว่ามีผลประโยชน์แอบแฝง...อีกแล้วครับท่าน

คิดมากไปหรือเปล่า(วะ) แต่พวกคุณทำตัวน่าสงสัย ไว้ใจไม่ได้นี่เน๊าะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
nukul
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 05/09/2009
ตอบ: 32

ตอบตอบ: 19/08/2010 10:53 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิมและเพื่อนๆทุกท่าน..........

สำหรับนโยบาลของรัฐบาลดังกล่าวนั้น ในความคิดของผมก็เหมือนรัฐบาลทำตัวเป็นกระปุกออมสินนั้นแหละครับ คือการเอาเงินจากชาวนาเวลาขายข้าวได้นำมาเก็บไว้แล้วบวกเงินจากภาครัฐนิดหน่อยซึ่งก็คือกำไรจากการขายข้าวของรัฐบาล แล้วส่งคืนให้ในเวลาที่ชาวนาต้องการ??????? ใครก็เป็นได้รัฐบาลเนี่ย.............

ตามทัศนะของผม ผมว่าหากรัฐบาลต้องการช่วยชาวนาหรือเกษตรกรทุกคนในประเทศอย่างเป็นการถาวรนั้น รัฐบาลควรจัดตั้งกรมปุ๋ยแห่งชาติขึ้นมาให้อยู่ภายใต้กระทรวงเกษตรก็ได้ แล้วชาวนาหรือเกษตรกรท่านใดที่ต้องการปุ๋ยจากกรมปุ๋ยแห่งชาตินี้ให้มาขึ้นทะเบียนแล้วให้เจ้าหน้าที่แนะนำวิธีการใช้ปุ๋ย / ยา / โฮโมน ต่างๆที่ถูกต้อง แล้วรัฐบาลจะหักค่าปุ๋ยร้อยละ 2-3 ของรายได้ก็ไม่แปลก เพราะเราก็รู้ๆกันอยู่ว่าปุ๋ยกระสอบหนึ่งต้นทุนที่แท้จริงมันซะเท่าไร เผลอๆนะครับผมว่ารัฐบาลแจกฟรีเลยก็ยังได้ ดีกว่าเอาเงินมาสร้างถนน ที่ประจวบบ้านผมนะครับ ถนนมันก็ยังดีๆอยู่ พวกล่อทุบแล้วลาดยางทำใหม่ ( ถนนปลอดฝุ่น ) งบเป็นร้อยๆล้าน เดี๋ยวนี่ใครขับรถเปิดกระจกแล้วดูดฝุ่นเข้าปอดบ้างล่ะครับ ปิดกระจกเปิดแอร์กันทั้งนั้น........

หากทัศนะของผมที่เสนอไปเป็นจริงนะครับ ผมว่าชาวนาขายข้าวแค่เกวียนละ 5000 - 6000 ก็พอแล้ว เพราะไม่ต้องไปเสียค่าปุ๋ย / ยา ให้ร้านเถ้าแก่ / กำนัน คนไทยก็จะได้กินข้าวในราคาถูกลง แต่สำหรับจะขายต่างประเทศเท่าไรก็เชิญตามสบาย......... อย่างไรเราก็ต้องเอาคนไทยของเราไว้ก่อน เพื่อนๆว่าจริงไหม?

นุกูล..........
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
nukul
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 05/09/2009
ตอบ: 32

ตอบตอบ: 19/08/2010 11:06 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิมและเพื่อนๆทุกท่าน............

หากเพื่อนๆยังไม่ลืมเพลงนี้ ลองร้องอีกครั้งแล้วจะเข้าใจชาวนามากขึ้นนะครับ.......
เพลง : ชาวนา
ศิลปิน : แฮมเมอร์

ค่ำลงมืดแล้ว เสียงแว่วมาแต่ไกล
ก่อเกิดกำเนิดเกิดกาย เป็นเด็กชายที่เกิดมา
ท้องฟ้าเป็นสีดำ มืดค่ำในท้องนา
กำเนิดเกิดมา พอลืมตาก็ยากจน
*ชาวนา ชาวนา หลังสู้ฟ้า เอาหน้าลงสู้ดิน
ชาวนา ชาวนา กำเนิดเกิดมา พอลืมตาก็ยากจน
วิ่งเล่นตามท้องนา ประสาเด็กเลี้ยงคว าย
รอยตีนที่ก้าวไป เหมือนตี นคว ายที่ก้าวเดิน
ฝุ่นฟุ้งข้างกองฟาง ไม่เห็นทางจะก้าวเดิน
ผู้คนเขาหมางเมิน เขาสรรเสริญเพื่อเอาใจ
*ชาวนา ชาวนา หลังสู้ฟ้า เอาหน้าลงสู้ดิน
ชาวนา ชาวนา กำเนิดเกิดมา พอลืมตาก็ยากจน
คันไถมีคว ายนำ ตากแดดจนตัวดำ
ลำบากและตรากตรำ ต้องทนทำเพื่อได้กิน
เหงื่อไหลลงโทรมกาย เป็นสายลงพื้นดิน
เหมือนเลือดให้ดื่มกิน แต่หนี้สินยังเต็มนา
*ชาวนา ชาวนา หลังสู้ฟ้า เอาหน้าลงสู้ดิน
ชาวนา ชาวนา กำเนิดเกิดมา พอลืมตาก็ยากจน
แก่เฒ่ายังยากจน รอฝนไม่ตกมา
แสงแดดที่แผดกล้า ในดวงตาก็ฝ้าฟาง
ตะวันตกลับไป เหมือนหัวใจที่หมดทาง
ดวงตาที่ฝ้าฟาง ก็ดับลงที่ข้างนา
ชาวนา ชาวนา หลังสู้ฟ้า เอาหน้าลงสู้ดิน
ชาวนา ชาวนา กำเนิดเกิดมา
เมื่อหลับตายังยากจน.

นุกูล............
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
piglatte
หนาวดึ่ง
หนาวดึ่ง


เข้าร่วมเมื่อ: 17/08/2009
ตอบ: 17

ตอบตอบ: 20/08/2010 5:56 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เห็นจัดกันกี่โครงการ ก็ไม่ค่อยตกถึงเกษตรกรจริงๆสักเท่าไหร่ ตราบใดที่อารยะการบริหารบ้านเมืองยังเสื่อมถอย คนในชาติยังเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ประเทศคงพัฒนาไปไม่ทันคนอื่น

ดูอย่างประเทศญี่ปุ่น จีน เกาหลี ฯลฯ ที่เคยผ่านสงครามกันหนักหนาสาหัส คนในประเทศถึงเห็นแก่ความทุกข์ยากตรากตรำ จนต้องรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันต่อสู้ชีวิตโดยไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ เพื่อผลักดันให้ประเทศของตนก้าวสู่แนวหน้าแห่งการพัฒนาได้ และเมื่อทุกคนต่างทำงานภายใต้อุดมการณ์เดียวกัน คือ "เพื่อประเทศชาติ" สิ่งดีๆย่อมสนองต่อผู้ที่ตั้งใจทำ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
nokkhuntong
สาวดาม
สาวดาม


เข้าร่วมเมื่อ: 26/02/2010
ตอบ: 256

ตอบตอบ: 20/08/2010 7:55 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แก้ปัญหาไม่ถูกจุด เกาไม่ถูกที่คัน ไม่แก้ที่ต้นเหตุ ....อีกแล้ว ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร

กองทุนฯเห็นด้วยว่าสมควรมี ถ้าเกษตรขายผลผลิตแล้วมีเงินเหลือพอให้เก็บออม (นิสัยคนไทย ไม่ชอบเก็บเงินออม)
และถ้าจริงใจบริหารเป็นก็ควรมี แต่ถามว่าตอนนี้จะมีชาวนากี่% ที่มีเงินพอส่ง
กองทุนนี้ก็คล้ายๆ ประกันชีวิต (คล้ายประกันสังคม ตอนนี้เงินประกันสังคมเอาไปทำอะไรบ้าง จ่ายชดเชยอยู่ในกลุ่มก็ดีอยู่หรอก เฉลี่ยๆ กันไป ไม่มีอะไรในกอไผ่ใช่ไหม .... โดนหักอยู่ทุกเดือนเนี่ย )

ทำไมไม่แก้ปัญหาที่ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ ยา น้ำ สภาพดิน และให้ความรู้ที่แท้จริงในการทำเกษตรก่อนสำคัญมาก ๆ ......

อ๋อลืมไป มันยาก สะดุดตอบ่อย ทำอันใหม่ขึ้นมาดีกว่า...... ถ้าแก้เรื่องเหล่านี้ได้แล้ว จะตั้งกองทุนก็เอา เอาสักสิบกองทุนไหม

นักการเมือง ชอบสร้างแต่โครงการใหม่ๆให้ดูว่ามีผลงาน แล้วทิ้งปัญหาเดิม ๆ ไว้ อย่างนั้นหรือ ....พวกชอบคิด แต่ไม่ลงลึกและไม่เคยสัมผัสถึงปัญหาที่แท้จริง
หมอถ้าเขาล้างแผลที่เน่าแฟะให้คนไข้ ต้องขูดเนื้อที่เน่าออกก่อน(เจ็บปวดน่าดู) ใส่ยาแล้วปิดผ้าไว้ ต้องล้างบ่อยๆ ทำให้สะอาด ถ้าไม่ขูดเนื้อที่เน่าออก ทายาดีแค่ไหน ปิดด้วยผ้าสะอาด ๆ ไว้ดูสวย .......ยังไงก็ยังเน่าอยู่ดี Crying or Very sad
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์
eawbo
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 03/03/2010
ตอบ: 52

ตอบตอบ: 20/08/2010 10:33 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ความคิดที่จะตั้งกองทุน ฯ น่ะดี แต่วิธีการทำสุดท้ายจะลำบากชาวนา

แต่ที่ได้ประโยชน์คือ นักการเมือง ข้าราชการ และอาจจะมีนายทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11627

ตอบตอบ: 22/08/2010 1:32 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

บ้านเมืองที่มีแต่เฉพาะหน้า (เกษตรสร้างสรรค์)

กรมทางหลวงชนบทบอกว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) จำพวกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)โอดครวญและขอคืนงานจำพวก ก่อสร้าง และซ่อมบำรุงถนน กลับคืนกระทรวงคมนาคม โดยให้เหตุผลว่า งบประมาณมีน้อย และไม่มีผู้เชี่ยวชาญ

สภาพจริงกำลังหลอกหลอนแทบทุกงานที่หน่วยงานรัฐส่วนกลางเคยถ่ายโอนไปให้อปท. เห็นไหมละว่า หลักการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นนั้นสวยหรูในตำรารัฐศาสตร์ แต่เมื่อถ่ายโอนโดยอีกฝ่ายไม่พร้อม มันถึงพลอยวิบัติไม่รู้กี่มากน้อย

แทบทุกอย่างก็ว่าได้ครับที่ อปท.ไม่มีความพร้อม หรือพร้อมแต่น้อย ไม่ว่างานโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน อ่างเก็บน้ำ ฝายขนาดเล็ก ไปจนกระทั่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความคิด เช่นงานการศึกษา การทำมาหากิน

ทุกวันนี้ถ่ายโอนไปก็จริง จริงแท้ยิ่งกว่านั้นหน่วยงานรัฐเดิมยังต้องคอยเข้าไปช่วยเหลือเจือจาน ถามว่าเกิดประโยชน์อะไรหรือ? นอกจากไม่เกิดแล้ว ซ้ำร้ายยังทำลายความเข้มแข็งเดิมๆเสียย่อยยับ ชาวบ้านแทนที่จะได้ประโยชน์กลับเสียประโยชน์

ผมอยากบอกว่า นี่คือความไม่รับผิดชอบของนักการเมืองในฐานะผู้ออกกฎหมายที่ไม่ใคร่ครวญถ่องแท้ว่า สังคมไทยเป็นอย่างไร และไม่เตรียมการรองรับผลจากข้อกฎหมายที่บังคับใช้ ไม่ต่างจากข้อกำหนดว่า รัฐต้องเจียดเงินงบประมาณให้อปท.เพิ่มขึ้นปีละเท่าไหร่จนถึงเพดานกำหนดหากจำไม่ผิด 35% ของวงเงินงบประมาณ เอาเข้าจริงก็ทำไม่ได้

ผลพวงนี้ยังสร้างความระส่ำระสายให้เจ้าหน้าที่รัฐในท้องถิ่นที่ต้องถูกโอนไปอยู่กับอปท.ทั้งหลาย เพราะตระหนักดีว่า อปท.ทั้งหลายหามีความพร้อมประการใดไม่ ทั้งความคิดอ่าน กำลังคน และงบประมาณ

ยิ่งไปกว่านั้นบังเกิดช่องว่างช่องโหว่ที่แต่ละฝ่ายใช้ไปกล่าวอ้าง เช่น ส่วนกลางก็บอกว่า ถ่ายโอนให้ท้องถิ่นแล้ว ข้างท้องถิ่นก็บอกว่า ถึงจะรับถ่ายโอนก็เพียงตามกฎหมาย อย่างอื่นยังไม่พร้อม

สรุป ประชาชนตกเป็นตัวประกันของเจ้าหน้าที่รัฐส่วนกลาง และองค์กรปกครองท้องถิ่น เป็นเรื่องที่ต้องรีบทบทวนอย่างจริงจังโดยเร็ว หรือหาทางออกที่ดีกว่าสภาพปัจจุบันที่เข้าลักษณะหัวมังกุ ท้ายมังกร ได้ไหม

ที่จริงผมไม่ได้ขัดข้องกับการถ่ายโอนอำนาจ แต่มันน่าจะมีกระบวนการเตรียมความพร้อมที่ชัดเจนมากกว่าแค่ปล่อยไปก่อน มีปัญหาเดี๋ยวค่อยมาแก้

สังคมไทยเป็นสังคมแปลกและไม่น่าเอาอย่าง ตรงที่ไม่เคยวางแผน ไม่เคยบริหารจัดการ หากปล่อยสถานการณ์พาไปในทุกเรื่องของปัญหา ยกตัวอย่างการลดต้นทุนเกษตรกรเพื่อแข่งขันกับต่างประเทศรองรับเขตการค้าเสรีรูปแบบต่างๆ พูดให้ตาย เตือนให้ตาย ก็ไร้ผล ไม่มีใครขยับโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐหาคนกระตือรือร้นได้ยาก คิดแต่ว่ากว่าจะถึงตอนนั้น ตัวเองย้ายไปตำแหน่งอื่นแล้ว

เรื่องของเรื่องจึงมีแต่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ต่อให้มีการวางแผนระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว สุดท้ายแต่ละระยะจะมีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าทั้งสิ้น น่าประหลาดไหม

บ้านเมืองไหนเป็นแบบนี้ จะบอกว่า เจริญก็ไม่คงถูก มิหนำซ้ำจะหวังพึ่งอนาคตก็เป็นเรื่องยากโดยแท้


พอใจ สะพรั่งเนตร

www.naewna.com/ -
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©