ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 30/04/2014 9:12 pm ชื่อกระทู้: กล้วยไม้ ใกล้ม้วย
. |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม....คุณ tanapole
กล้วยไม้ ใกล้ม้วย
.
บทที่ 2 Introduction
..
คุณธนพล....กรุณาอ่านหลังไมค์ด้วยครับ รอติดต่ออยู่...หลายวันแล้วครับ
เป็นอันว่า ว่าด้วยเรื่องกล้วยไม้ ใกล้ม้วย คงจะดำเนินการต่อไปได้แล้วโดย ลุงไม่ต้อง Comment
ขอให้ถือว่าเป็นการคุยกัน แบ่งปันสิ่งที่รู้ แลกเปลี่ยนกับสิ่งที่ยังไม่รู้ จะทำให้ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ได้สนุกยิ่งขึ้น...
...ใจเย็น ๆ ครับ งานนี้มีการลุ้นรับ ของกำนัล กันด้วยครับ รับรองสนุก...นักปลูกกล้วยไม้มือใหม่ ใครอยากร่วมสนุกด้วย เข้ามาคุยกันได้เลย รับรองผมมีของแจกเฉพาะสมาชิกคนบ้ากลุ่มกล้วยไม้ (มือเก่า มือโปร มือแป มือวาร์ ไม่รับ ส่วนมือไว ไม่ว่ากัน ให้เป็นทาน)..
คุณธนพลบอกว่า
พูดถึงการคุยกัน ถ้านั่งคุยกันสองคน หรือใช้โทรศัพท์คุยกัน มันก็แค่รู้กันสองคน แต่ถ้ามาคุยกันในเวปบอร์ด ซึ่งใครๆก็เข้ามาอ่านได้ แทนที่จะรู้กันแค่สองคน แต่มันจะรู้กันไปทั่ว ประโยชน์มันมากกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด
ที่บอกว่า เรื่องนี้คงจะมีคุณกับคนบ้าอย่างผมคุยกัน 2 คน หมายความว่า คงมีคุณกับผมคุยกันในเว็ปนี้เท่านั้น ใครอยากเข้ามาอ่านก็อ่านกันไป ไม่มีใครถาม.... ส่วนลุงคิมก็คงจะแวะเวียนเข้ามาให้คำแนะนำในบางกรณีที่เราคุยกันไม่ถูกเรื่อง...
ผม(คุณ)จะ(หัด)ถ่ายรูป เพื่อนำมาลงในเวปบอร์ดแห่งนี้ จะพยายามทำให้ได้ การได้เห็นภาพจะช่วยให้สื่อสารได้ตรงจุดตรงประเด็นมากขึ้น ตอนนี้ยังทำไม่เป็นครับ...
แต่ก่อนนี้ (ตามที่แนะนำในเว็บลุง)ผมใช้ image.ohozaa.com แต่ระยะหลัง รูปบางรูปที่ลงไว้มันหาย ผมขี้เกียจมาค้นรูป แล้วก็นั่งลงรูปใหม่
(ใครที่เข้ามาอ่านกระทู้ของผม กระทู้ไหน รูปไหนเลขที่เท่าไหร่ ที่เคยลงเอาไว้ แล้วมันมีคำว่า OPP
ขอความกรุณา Comment หลังไมค์ หรือจะยกกระทู้นั้นขึ้นมาด้วยก็ดีครับ ผมจะได้ตามไปลงรูปให้ครบ เพราะเวลาอ่านแล้วไม่มีรูปดูมันขาดอรรถรส)
ระยะหลัง ผมเลยเปลี่ยนมาใช้ upic.me วิธีการก็คล้าย image.ohozaa.com แต่ทำง่ายกว่า (ยังไม่ได้เขียนคำแนะนำลงในเว็ป)
คำถามต่าง ๆ ของคุณ ธนพล ผมยังไม่ตอบในตอนนี้ เอาไว้ตอบเป็นระยะ ๆ นะครับ เพราะผมมีเรื่องกล้วยไม้ที่ต้อง ....ลุย..... ไปตามขั้นตอน ขอให้ติดตามไปเรื่อย ๆ ก่อนอย่าเพิ่งเบรก เดี๋ยวเนื้อเรื่องจะไม่ Smoot. เก็บบันทึกความสงสัยเอาไว้ก่อน
... ผมขอเริ่มแบบสบาย ๆ มึงมาพาโวย ตาม Style ของผม ..คนไม่บ้า ไม่กล้าทำ ไม่ซีเครียดครับ...
และสำหรับคุณธนพล ผมเห็นแววบ้าในตัวคุณ ที่คุณเอาขวดมาตัดทำกระถางปลูกกล้วยไม้แล้ว ....อิน มากเลยแหละ....
ตรงนี้แหละที่ผมจะนำมาใช้เป็นการทดลอง....ทำให้ดู ให้เห็นกัน จะจะ....
และถ้าจะบอกขออนุญาตลุงคิมดำเนินการต่อ ลุงมักจะพูดว่า....Go Ahead ..ผมจะแปลของผมเองแบบภาษาชาวบ้าน ๆ ว่า ...มึงจะไปทำอะไรที่ไหนก็ไปเถอะไป๊ ......
ไปโลด......
กล้วยไม้เลี้ยงง่าย ตายยาก ปล่อยให้เทวดาเลี้ยง เมื่อถึงเวลาก็ยังออกดอกให้ดูชื่นใจ...ไม่เชื่อถามคุณ boonsue จากพิจิตรดูก็ได้ ..
..เมื่อช่วงเดือน ธค.56 มค.57 ช่วงนั้น กล้วยไม้สกุลช้างออกดอก ลืมขอเกสรตัวผู้ช้างจากพิจิตร มาผสมกับช้างนครปฐม .เผื่อจะกลายเป็น ช้าง ปฐมวิจิตรา.ก็ได้นะ....ตอนนี้มีดอกอะไรบานมั่งล่ะครับ เขาแกะ ไอยเรศ เอื้องกุหลาบ อยากได้เข็มแดง กับเข็มแสด หายากจริง ๆ เลย ขอเป็นเกสรก็ยังดี....
ยังมี ป่าห่าน - Hans Mayer สาวงามเมืองอุดรอีกคนนึง มีกล้วยไม้แปลก ๆ แขวนไว้แยะหลายต้นเหมือนกัน ..ตอนนี้มีอะไรบานมั่งล่ะครับ ...(ป้า ๆ กล้วยหอมที่ให้มา ผมผ่าหน่อ ขึ้นมา 3 หน่อแล้วครับ....กล้วยไม้ กับกล้วยหอม มันเกี่ยวกันตรงไหนวะเนี่ย ก็มีคำว่า กล้วย เหมือนกันไง...)
..ที่อุดรนี่มีกล้วยไม้ดังมาก ๆ อยู่ 1 ต้น ชื่อ อุดรซันไฌน์ (เป็นกล้วยไม้ใบร่องคู่ผสมระหว่าง โจเซฟฟิน แวน เบอร์โรว์(4 n โครโมโซม 2 ชุด) x กล้วยไม้ป่าสามปอยดงของไทย..ดอกมีกลิ่นหอมมาก(ดอกสามปอยดง กลิ่นหอมแรงครับ) นัยว่าเอาดอกมากลั่นเป็นน้ำหอมขายรวยเละไปเลย คนไทยไม่ค่อยรู้จัก(เพราะมันแพง)แต่ฝรั่งชอบ ลองไปดูรูปกันหน่อยครับ
(1)ด้านหน้าสวนกล้วยไม้ อุดรซันไฌน์ (ไม่ได้โฆษณานะครับลุง ใครอยากรู้ว่าอยู่ตรงไหน ติดต่อถามกันเอง....)
(2)
(3)
(4)
(5)
(6)
(2 6) ลักษณะของดอกกล้วยไม้แวนด้าใบร่อง อุดรซันไฌน์ ดอกจะไม่ดกมากนักใน 1 ช่อจะมีประมาณ 6 8 ดอก.. ดอกจะมีลักษณะค่อนไปทางต้นแม่ คือโจเซฟฟิน แวนเบอร์โร่ คล้ายดอกกล้วยไม้แวนด้าใบร่องตัดดอกสมัยก่อน ที่ชื่อ TMA ดอกบานทนมาก อยู่ได้นานเป็นเดือน .....(ทำขายมาซะไม่รู้เท่าไหร่)
(7) รูปแวนด้าใบร่อง TMA เป็นลูกผสมระหว่างแวนด้าใบร่อง โจเฟซฟิน แวน เบอร์โร่(4n) x แวนด้าใบแบนแซนเดอเรียน่า เป็นกล้วยไม้ตัดดอกยอดฮิตเมื่อสมัยก่อน หรือคนไทยชอบเรียกว่า แวนด้าก้างปลา เพราะลักษณะต้นเหมือนก้างปลาหงายก้างขึ้น
และขอบอกครับว่า แวนด้าหรือแอสโคเซนด้าใบร่องทุกชนิด ที่ผสมมากจาก โจเซฟฟิน แวน เบอร์โร่ (4n) จะเป็นหมัน ผสมต่อไม่ได้ครับ แต่เอาไป ปั่นตา เพื่อขยายพันธุ์ได้ครับ....
การปั่นตา(หรือเพาะเเล้ยงเนื่อเยื่อ)ถ้าเป็นกล้วยไม้ตัดดอกละก็ OK แต่ถ้าเป็นกล้วยไม้สวยงามไม่มีใครเค้าทำกัน...เพราะเวลามีดอก ก็นั่งดูดอกต้นเดียวกัน ทรงเดียวกัน สีเดียวกัน พรึ๋บไปทั้งสวน ก็ยิ่งบ้าหนักเข้าไปซีครับ
กล้วยไม้แวนด้าใบร่องเลี้ยงง่าย ทนทาน ออกดอกบ่อย ดอกไม่ดก แต่บานทน ใครเลี้ยงแวนด้าใบร่องไม่ออกดอก ก็เหมือนเลี้ยงกล้วยไม้สกุลช้างแล้วไม่ออกดอก ถือว่าเก่ง ....ผมเสียดายที่ โจเซฟฟิน แวน เบอร์โร่ 4 n ของผม ถูกน้ำท่วมตายเสียฉิบ..พอคุยเรื่องน้ำท่วมบ้าน ท่วมสวนทีไร มึน นึกถึงคนที่พูดว่า เอาอยู่ เลยนึกอะไรไม่ออกทุกที
ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนเป็นมะลิลา.....ครับขึ้นต้นเป็นกล้วยไม้ พอลงท้ายกลายเป็นแวนด้าใบร่อง
จบแค่นี้ก่อนแล้วกันครับ
อย่าเพิ่ง เบรค นะครับ เดี๋ยวไม่ได้ลุ้น กระถางกล้วยไม้ทำจากขวดพลาสติค....ผมจะทำให้ดู....
...
.
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
tanapole สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 31/03/2014 ตอบ: 48
|
ตอบ: 30/04/2014 10:18 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับ...
มิสอุดรฯ ของผมเคยมีอยู่ เพิ่งมาจากไปเมื่อปีที่แล้ว
เรื่องโทรฯ...รับทราบครับ ไม่ได้รังเกียจอะไร ผมเกรงใจน่ะครับ
เรื่องเอาขวดเพ็ท(พลาสติกใส ที่ใช้ทำขวดน้ำอัดลม)มาทำกระถางปลูกกล้วยไม้
คือผมเปิดดูการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ของต่างประเทศ เป็นวีดิโอ ลงไว้บนเวป Youtube
เขาเอากระถางกล้วยไม้ใส่ภาชนะที่เก็บน้ำได้ เอาน้ำใส่ แช่ทิ้งไว้สักพักก็ยกขึ้น
ผมเลยคิดว่า...หาอะไรมาทำกระถาง โดยเก็บน้ำได้และสามารถระบายน้ำออกทิ้งได้
มันน่าจะสะดวกกว่า จะให้ปุ๋ยหรือแช่ยากันเชื้อราก็สะดวก ประหยัดน้ำด้วย
ถ้ากระถางเก็บน้ำไม่ได้ต้องรดน้ำนานๆ เพื่อให้เครื่องปลูกเก็บความชื้นได้เต็มที่
แต่ถ้าเราหากระถางที่เก็บน้ำได้และระบายน้ำออกได้น่าจะดี
ใช้น้ำไม่มาก ได้ประโยชน์เต็มที่ ที่สำคัญรากกล้วยไม้ต้องได้รับอากาศด้วย
ซึ่งเจ้าขวดน้ำอัดลมพลาสติกนี่แหละที่มันตอบโจทย์ผมได้
หากท่านใดได้อ่านกระทู้นี้ จะมาร่วมกันสร้างปัญหา เอ๊ย..แก้ปัญหาก็เชิญครับ
ยินดีคุยกับทุกท่าน อะไรที่ผมรู้ก็จะบอก แต่ว่า...ส่วนใหญ่ผมจะเป็นแค่"ได้รู้มา"
ไม่ใช่"กูรู"แต่อย่างใด |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 01/05/2014 2:03 am ชื่อกระทู้: กล้วยไม้ ใกล้ม้วย |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม....คุณ tanapole
กล้วยไม้ ใกล้ม้วย
บทที่ 3 ตอนที่ 1....ลุ้นกันหน่อยครับ
..
คุณธนพล จะได้รู้มา หรือจะเป็น กูรู หรือจะกูสองรู ....ผมต้องการคุยด้วย ถ้ามัวแต่เกรงใจ จะไม่ได้ของดี ...เดี๋ยวชีพจรลงเท้า ผมมีธุระต้องขึ้นดอยแล้วคุณจะรอไปอีกยาว.....ตามใจคุณนะครับ ไม่ว่ากัน
สิบปากว่า ไม่เท่ามือคลำ สิบมือคลำ ไม่เท่ากูทำกับมือ..
...ผมจะลองทำกระถาง Youtube ตามคำบอกเล่าของคุณธนพลใช้ดูซักหน่อย.....(รูปชัดบ้าง ไม่ชัดบ้าง ห้ามว่ากันนะครับ ถ่ายได้แค่นี้ก็บุญโขแล้ว)....ไปดูกันเลย
(8 )
(9)
(8 9 ).หลังจากที่รอคุยกับคุณ ๆ ก็ไม่ติดต่อมาซักที .เกือบจะ เซ็ง อยู่แล้ว....ผมเลยลองทำตามที่คุณบอก.
คุณบอกว่า. ใช้ขวดน้ำอัดลม(ขวดเพ็ท) ขวดน้ำดื่มบ้าง เอามาตัดทำกระถาง ใช้ทางด้านที่มีฝาปิดเอามาทำกระถาง เจาะรูแขวนกับลวดแขวน โดยเอาทางปากขวดห้อยลง วัสดุปลูกใช้เปลือกสน(ชอบที่มันทน)
เวลารดน้ำ(ตี5)ผมก็ใส่น้ำจนท่วมถึงโคนต้น ให้น้ำขังอยู่ในกระถางประมาณ5-10นาที เปลือกสนจะได้ดูดซับน้ำได้เต็มที่ เสร็จแล้วผมก็เปิดฝาขวด(เป็นฝาเกลียว) เพื่อระบายน้ำออก ส่วนฝาก็เอาเก็บใส่กระป๋องเอาไว้(เปิดเพื่อให้อากาศเข้าจากด้านล่างทางปากขวด)
ลองดูว่าผมทำถูกหรือไม่...
รูปที่ 8 จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ ขวดกระถางแบบของ Youtube ก็แล้วกัน...หมายเลข 1 ปากขวดปิดฝาตัน ไม่มีรู ถ้าจะระบายน้ำ ต้องเปิดฝาให้น้ำออก .ปิด ๆ เปิด ๆ แบบนี้...มีซักร้อยกระถาง กรูตายแน่ ๆ
จากนั้นผมก็เอา Bark (ในที่นี้แปลว่า เปลือกไม้นะครับ อย่าไปแปลว่า เรือใบสามเสา หรือแปลว่า เห่า [dog bark] เข้าล่ะ มันจะยุ่งตายห่...หมดมู๊ดเลยตู).
..Bark ของคุณใช้เปลือกสน(ช่างสุดสรรหาจุงเบย) Bark ของผมใช้ Rain Tree ..ดีนะเนี่ย ที่ผมไม่ใช้เปลือกต้น มักกะลีผล (ภาษาอังกฤษ เค้าเรียก มักกะลีผม หรือ นารีผล ว่ากะไรรู้มั๊ยครับ....เค้าเรียกว่า Fruit of Karma ตรงตัวเด๊ะเลย ผลไม้แห่ง กามา....หามาปลูกซักต้น สวนแตกแน่ ๆ ...จากกล้วยไม้ ไป มักกะลีผลซะแล้ว...)
จากนั้นผมก็เอาเปลือกไม้ใส่ลงในปากขวด ปิดตัน หมายเลข 1 ในรูปที่ 9 ตามแบบของคุณจบแล้วนะ ต่อไปเป็นกระถางกล้วยไม้แบบของคนบ้าบ้าง
(10)
(11)
(10 11) ตอนนี้ก็มาถึง ขวดกระถางหมายเลข 2 ตัวปากขวดไม่มีรู ตามแบบของคุณ แต่ที่ฝาขวด ผมเจาะรูระบายน้ำ เอาไว้ วัสดุปลูก หรือศัพท์สมัยใหม่เค้าเรียกวัสดุปลูกพืชว่า Media ที่ผมใช้คือ ถ่านหุงข้าว ตามรูปที่ 11....
(12)
(13)
(12 13) อันต่อไป ขวดกระถางที่ 3 ตัวปากขวด ผมเจาะรูรอบ ๆ พรุนไปเลย รวมทั้งเจาะที่ฝาขวดด้วย เพื่อเป็นทางระบายน้ำ จากนี้ผมก็เอา เปลือกมะพร้าวสับเป็นชิ้น ๆ ใส่ลงไป
(14)
(15)
(14 15) รูป 14 เป็นก้นขวด ผมเอามาทำแทนกระถาง เป็นใบที่ 4 ผมเจาะรูพรุนหมดทั้งด้านข้างและก้น
ส่วนรูปที่ 15 กระถางใบที่ 5 เป็นกระถางดินเผาขนาด 3 นิ้ว
(16) กระถางหมายเลข 4 และหมายเลข 5 ผมใช้กาบมะพร้าวอัดใส่ลงไป เหมือนกระถางปลูกกล้วยไม้ทั่ว ๆ ไป ที่ใช้กาบมะพร้าวอัดเป็นวัสดุปลูก
(17)
(18 )
(17 18 ) อันนี้เป็นกาบมะพร้าวขนาดที่สวนกล้วยไม้ตัดดอกทั่ว ๆ ไปใช้เป็นวัสดุปลูก ในรูปที่ 18 ผูกลวดแขวนเรียบร้อย ปกติไม่เคยใส่วัสดุปลูก แต่งานนี้อยากลอง ใส่ถ่าน กับ เปลือกไม้ ลองมันดู
ปลูกกล้วยไม้ตัดดอก แต่ก่อนใช้กาบมะพร้าวอัดแท่ง ...แต่มึงอยากขายแพงนัก เรื่องอะไร กูจะต้องง้อมึง ...สวนกล้วยไม้บางแห่งก็เลยเลิกใช้ หันมาใช้กาบมะพร้าวทั้งกาบแทน ซึ่งถูกกว่ากาบมะพร้าวอัดแท่ง (ยอดขายตกวูบ หน้าจ๋อยไปตาม ๆ กัน) ขนาดว่าใช้กาบมะพร้าวทั้งกาบ ราคาก็ไม่ถูกนัก คันรถสิบล้อ อัดแน่นเต็มคัน คันละ แปดพัน ถึง หมื่น...
มะพร้าวในสวนของผม มีคนปอกเปลือกให้เสร็จ เวลาเดินเข้าสวน มีแต่เปลือกกองเป็นแถว แต่กะลาเนื้อในไม่มี.... ที่สำคัญมะพร้าวของผมได้บวชพระทุกปี... ปีนี้ได้บวชพระไปแล้ว 2 องค์ ๆ หนึ่ง ไม่ 100 ลูกก็ 150 ลูก ถ้าขายก็ลูกละ 10 บาท ...ทำบุญด้วยมะพร้าว ตายไปสงสัยได้กินแต่มะพร้าว ยังไง ๆ ก็ขอให้เจอมะพร้าวอ่อน อย่าเจอมะพร้าวทึมทึกชนิด ขึ้นคานทองก็แล้วกันเนาะ...
(19)
(20)
(19 20) ทดลองจับแขวนเรียงไล่ระดับดูความสูงต่ำ... แต่เวลาทดลองจริง ไม่ได้แขวนตรงนี้นะครับ จะแขวนไว้อีกที่หนึ่ง
ถังสีและโอ่งมังกรที่เห็น ไม่ใช่อะไรครับ ถังหมักปุ๋ยชีวภาพทั้งนั้นแหละ กุ้ง หอย ปู ปลา หมู หมา กา ไก่ ผลหมาก รากไม้ หมักไว้หมดตั้งไว้รอบบ้าน แต่ก่อนหมักปลา ยังมีกลิ่นออกบ้าง แต่พัฒนามาทำตามแนวลุงคิม มีสี แต่ไม่มีกลิ่น.....
ผมทำภาชนะปลูกตามที่คุณธนพลบอกแล้ว ขั้นต่อไปก็ต้องหาต้นกล้วยไม้มาปลูก ตกลงว่า
กระถางหมายเลข 1 ทำตามแบบที่คุณธนพลบอก ใช้เปลือกไม้เป็นวัสดุปลูก ผิดหรือถูกบอกด้วยครับ
กระถางหมายเลข 2 ทำตามแบบที่คุณธนพลบอก ใช้ถ่านเป็นวัสดุปลูก แต่ฝาเจาะรูระบายน้ำ
กระถางหมายเลข 3 ตัวกระถางและฝาเจาะรูระบายน้ำ ใช้มะพร้าวสับเป็นวัสดุปลูก
กระถางหมายเลข 4 ตัวกระถาง เจาะรูระบายน้ำรอบ รวมที่ก้นด้วย
กระถาง 1 4 เป็นกระถางจากขวดน้ำพลาสติก
กระถางหมายเลข 5 เป็นกระถางปลูกกล้วยไม้ดินเผา ขนาด 3 นิ้ว
กระถางหมายเลข 4 และ 5 ใช้กาบมะพร้าวอัดเป็นวัสดุปลูก บ้านผมพอจะหากาบมะพร้าวเป็นวัสดุปลูกได้ง่าย ปลูกนิด ๆ หน่อย ๆ แทบไม่ต้องเสียเงินซื้อ....
ยังไม่จบ.....งานนี้มีลุ้น.....อดใจรอครับ
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 01/05/2014 6:41 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
tanapole สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 31/03/2014 ตอบ: 48
|
ตอบ: 01/05/2014 3:16 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม และ คุณแดง
ไม่ใช่กระถางในยูทูปหรอกครับ
แต่เป็นการเข้าไปดูฝรั่งเขาให้น้ำกล้วยไม้กัน
เขาเอากระถางกล้วยไม้จุ่มลงถังน้ำ
ข้อเสียมันก็คือถ้าไปเจอต้นที่เป็นโรคเข้าละทีนี้ได้ติดกันทั้งบ้าน
ผมเลยประยุกต์ เอาน้ำใส่กระถางใครกระถางมัน ปลอดภัยกว่า
รูปที่คุณแดงทำ...ถูกเป๊ะเลยครับ รูปที่1 นะครับ
วัสดุปลูกของผมเป็น Bark หรือบ้านเราเรียก "เปลือกสน"
ส่วนที่เป็นฝา(คุยกับคุณแดงเมื่อสักครู่)จะเจาะเป็นรูเล็กๆก็ได้
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาปิดๆเปิดๆฝาขวด
มาถึงการเอาก้นขวดมาอัดกาบมะพร้าว อันนี้ผมชอบมาก
ต้องลองทำแน่ๆ ที่บ้านขวดเพ็ทเพียบ
55..งานนี้ต้องลอง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 02/05/2014 1:19 am ชื่อกระทู้: กล้วยไม้ ใกล้ม้วย.... |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม....คุณ tanapole
กล้วยไม้ ใกล้ม้วย
บทที่ 3 รอลุ้น ตอนที่ 2....หาต้นมาปลูก
..
เมื่อทำภาชนะเพื่อทดลองปลูกเสร็จแล้ว ขั้นต่อไปก็ต้องหาต้นกล้วยใม้มาปลูก....จะไปหาที่ไหนล่ะ....ตามผมมาซีครับ เราจะไปบุกรังกล้วยไม้กัน
(21)ที่นี่แหละครับ รับรองว่า เดี๋ยวจะได้ต้นกล้วยไม้ไปปลูก....รถคันนี้ แหร่ม มาก ๆ เลย แต่ถ้าเอาออกวิ่งตอนนี้แล้วไม่ได้ติดแอร์นะครับ กลายเป็นหมูย่างแน่ ๆ .....
(22) ตัวแสบ อันดับ 1 ...ไปไหน ไปด้วย...สังเกตชั้นวางของด้านหลัง ในโรงนะครับ เค้าเอาไว้ทำอะไร
(23) ชั้นวางขวดกล้วยไม้หลังจากที่เพาะเมล็ด ปั่นตา หรือถ่ายขวดแล้ว
(24)
(25)
(26)
(24 26) กล้วยไม้ในขวด...โตจนยันขวดขนาดนี้ เอาออกจากขวดลงปลูกได้แล้วนะครับ
(27) สถานที่นี้ ณ วันนี้ ที่เดิม ๆ คุณธนพล อาจจะเคยเห็นในรูปที่ผมเคยโพสต์ ในกระทู้ของคุณตอนต้น ๆ นะครับ สิบเบี้ยใกล้มือ ที่ผมมาเก็บข้อมูล
(28 ) มาด้วยกัน ก็ต้องไปด้วยกัน
(29)
(30)
(31)
(29 31) ลูกเจี๊ยบ ลูกเจี๊ยบ และลูกเจี๊ยบ....กล้วยไม้ที่เอาออกจากขวด เค้าจะเอาลงกระถางเจี๊ยบ(ขนาด 1 นิ้ว)ก่อน เลี้ยงไปจนกว่าจะโต เผลอ ๆ ก็อาจจะออกดอกในกระถางเจี๊ยบได้เลย..
(32) ตั้งแต่ออกจากขวดจนโตขนาดนี้ อายุก็ประมาณ 6 เดือนขึ้นไป
(33)
(34)
(35)
(36)
(33 36) เป็นกล้วยไม้ตัดดอกที่เรียกว่า Two Tone หรือดอกมีสองสี อันนี้เน้นสีแดงในกลีบมากกว่าสีขาว...ตลาดปัจจุบันชอบดอกออกสีเข้ม.....
(37)
(38 )
(37 - 38 ) ต่างกับเมื่อปี 2010 (2553 - 2554) ตลาดชอบสีแดงกับขาวสลับกันเห็นได้ชัด เค้าทำยังไง ถึงจะให้ ดอกในรูป 37 38 กลายเป็นดอกสีแดงมากกว่าขาวในรูป 35
....มังมีวิธีทังล่ายคัก.....เค้าปิดกันให้แซ่ดไปนั่น......
ตอนนี้ ก็มาถึง รังกล้วยไม้แล้ว
เมื่อไหร่จะได้ต้นไปปลูกซะทีล่ะ.......ใจเย็น ๆ ครับ......Go Ahead
..
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
tanapole สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 31/03/2014 ตอบ: 48
|
ตอบ: 02/05/2014 10:23 am ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม(เจ้าของบ้าน) และคุณแดง
แหม...คุณแดงนี่อย่างไวเลย ตามไม่ทัน คิดเร็วทำเร็ว ยอดมาก
อ้อ..คุณแดงครับ มีเรื่องขอคำแนะนำ
กรดไนตริก โดยปกติที่ทำขายกันจะมีความเข้มข้นที่ 68%
เท่าที่สืบค้นข้อมูลมา เขาต้องเอามาเจือจางลง
โดยใช้กรดไนตริก 1ส่วน เทลงในน้ำ 1 ส่วน (ห้ามเทน้ำใส่ลงในกรด)
เวลานำมาใช้ก็ใช้กรดไนตริกที่เตรียมไว้ 5 ซี.ซี. ผสมน้ำ 20 ลิตร(สำหรับน้ำประปา กทม.)
ความเข้มข้นของกรดไนตริกน่าจะอยู่ที่ 30% กว่าๆ
แต่ของปรมาจารย์แห่งทุ่งบางเขน(ไม่ใช่ท่านที่เป็นอาจารย์สอนกล้วยไม้คุณแดงนะครับ)
ท่านใช้กรดไนตริก 50% ไม่ทราบว่าจะทำ(คำนวน)อย่างไร? (ผมไม่เก่งเคมี)
อ้อ! ท่านอาจารย์ของคุณแดงนี่ ผมเคยดูท่านทาง ททบ.5 ตอนนั้นผมยังเด็ก
ท่านจะมาจัดรายการเกี่ยวกับกล้วยไม้ คนเล่นกล้วยไม้..ไม่รู้จักท่านคงจะไม่มี
อีกเรื่อง...การผสมปุ๋ยใช้เอง ผมจะใส่ธาตุรอง ธาตุเสริม ลงไปในเนื้อปุ๋ยเลย
หรือว่าเอามาใส่ทีหลังดีครับ? แล้วถ้าจะใส่ลงไปเลยควรใส่เป็นกี่% ของเนื้อปุ๋ย?
อ้อ...ลืมบอก ผมได้รู้มาว่า เรโชของปุ๋ยที่จะใช้กับกล้วยไม้ที่เหมาะสมกับภูมิภาคนี้
จะเป็น 2-1-3 (20-10-30) ซึ่งปุ๋ยสูตรนี้สามารถใช้เลี้ยงกล้วยไม้ได้ทุกวัย
การใช้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ได้ช่อดอกที่สมบูรณ์
อันนี้จริงเท็จอย่างไร ผมคงต้องทำการพิสูจน์
แล้วความเห็นของคุณแดง...คิดเห็นอย่างไรครับ?
อ้อ...ไม่ใช่ว่าจะใช้ 20-10-30 ตลอดหรอกครับ ผมจะดูต้นกล้วยไม้เป็นหลัก
ใบสุดท้ายเจริญเต็มที่เมื่อไร ก็จะใช้ 10-52-17 หรือ 0-52-34 เปิดตาดอก
ปล.เด็กผู้หญิงน่ารักมาก |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 05/05/2014 7:32 am ชื่อกระทู้: กล้วยไม้ ใกล้ม้วย |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม....คุณ tanapole
กล้วยไม้ ใกล้ม้วย
บทที่ 4 ไม่มีลุ้น ไม่หนุก
ตอนที่ 1 / 1 .เบรกแล้วสะดุด...เรื่องเก่าที่กำลังลื่นไหลก็ลืม....
มีของดีมาฝากครับ ใช้มอเตอร์ ติดที่ผ่าท่อนไม้....เจ๋งมาก
https://www.facebook.com/photo.php?v=775056689180093&set=vb.162434670442301&type=2&theater
Good Idea
ผมกำลังจะสาธิต ขั้นตอนวิธีการปลูกกล้วยไม้สกุลหวาย โดยใช้ขวดพลาสติกเป็นภาชนะปลูก ตามวิธีที่คุณธนพลแนะนำเพราะอยากลอง... ส่วนผมก็ทำตามวิธีบ้า ๆ แบบของผม อยากเปรียบเทียบว่า ในสภาพแวดล้อมของบ้านผม ต้นกล้วยไม้จะตอบสนองต่อวิธีไหนดีกว่ากัน อยากให้จบเป็นเรื่อง ๆ
พอถูกเบรก ความคิดที่ไหลลื่น ว่าจะทำอะไรต่อไปยังไง ก็หยุดชะงัก
ผมจึงพยายามที่จะยังไม่ตอบคำถาม
.เพราะถ้าตอบแล้วเรื่องต้องยาววววว เดี๋ยวงานทดลอง (ที่คิดว่า จะมีการลุ้นรางวัล) จะไม่จบ เนื่องจากกล้วยไม้ที่เตรียมไว้มันจะโตเกินไป และผมต้องการทำกล้วยไม้ให้ออกดอกในกระถางเจี๊ยบ.....
คราวนี้ ขอจำใจตอบก่อนก็แล้วกัน
คำถาม
กรดไนตริก โดยปกติที่ทำขายกันจะมีความเข้มข้นที่ 68% เท่าที่สืบค้นข้อมูลมา เขาต้องเอามาเจือจางลง โดยใช้กรดไนตริก 1ส่วน เทลงในน้ำ 1 ส่วน (ห้ามเทน้ำใส่ลงในกรด) เวลานำมาใช้ก็ใช้กรดไนตริกที่เตรียมไว้ 5 ซี.ซี. ผสมน้ำ 20 ลิตร(สำหรับน้ำประปา กทม.) ความเข้มข้นของกรดไนตริกน่าจะอยู่ที่ 30% กว่าๆ
ตอบ (ตามตำราท่านว่าไว้)
คิดง่าย ๆ ครับ อย่าทำให้มันยุ่งยาก
กรดไนตริก(หรือกรดดินประสิว)สูตรเคมีว่า - HNO3 ความเข้มข้นที่เค้าขาย 68 % เมื่อผสมน้ำในอัตรา 1 : 1 ความเข้มข้นจะลดลงเหลือประมาณ 34 %
คุณธนพลใช้ 5 ซีซี / น้ำ 20 ลิตร (หรือ 50 ซีซี / น้ำ 200 ลิตร) สำหรับน้ำประปากรุงเทพฯ . ปริมาณหรือความเข้มข้นการใช้ ตอบไม่ได้ว่า 5 ซีซี / น้ำ 20 ลิตร มากหรือน้อยไป..... น้ำประปาแถวบ้านคุณ น้ำประปาแถวบ้านผม ...% คลอรีนที่ใส่มันไม่เท่ากันแน่ ๆ เพราะน้ำประปาแถวบ้านผมเป็นน้ำบาดาล แต่น้ำที่ผมใช้รดต้นไม้เป็นน้ำคลอง ทั้งหมดจึงขึ้นอยู่กับว่า ใช้แล้วกล้วยไม้ของคุณเป็นอย่างไร
การใช้กรดไนตริกปรับสภาพน้ำ...ผมใช้ 25 ซีซี / น้ำ 200 ลิตร แค่นี้ก็เหลือแหล่แล้ว...เวลาจะใช้....เคยฟังเพลง น้ำกรดแช่เย็นมั๊ยครับ....คือสมัยก่อน ใช้น้ำแข็งก้อน ใส่ลงไป 2 3 ก้อน ปัจจุบันใช้น้ำแข็งหลอดประมาณ 6 กิโล...
..ใส่น้ำแข็งลงไปทำไม ....เพราะต้องการทำให้น้ำมีสภาพคล้ายน้ำฝนมากที่สุด
...น้ำแข็งทำให้น้ำที่ถูกปรับสภาพเหมือนน้ำฝนตรงไหน....มีตำราเล่มไหนเขียนบอกไว้บ้าง ....ไม่มีแน่ ๆ ครับ นั่นคือสิ่งที่ได้รับจากครูบาอาจารย์นอกตำรา...
เคยมีใครหรือปรมาจารย์ท่านไหนเค้าบอกคุณแบบนี้บ้างหรือเปล่าล่ะครับ..... เอ็ก อี๋ เอ็ก เอ็ก....ฟ้าสางแล้ว ตื่นได้แล้วครับ.
และค่า pH ของน้ำที่ใช้รดกล้วยไม้ หรือน้ำที่ใช้รดต้นไม้อื่น ๆ ควรอยู่ประมาณ 6 + คือเป็นกรดนิด ๆ หรือกรดอ่อน ๆ คุณเคยวัดค่า pH ของน้ำฝนที่ตกใหม่ ๆ บ้างมั๊ยครับ
..ค่า pH ย่อมาจากคำว่า positive potential of the hydrogen ions
เป็นค่าที่แสดงถึงความเข้มข้นของไฮโดรเจนไออ้อน(H+)
ถ้าคุยเรื่องนี้แล้วอีกยาว.... แค่นี้พอนะครับ
ถาม
แต่ของปรมาจารย์แห่งทุ่งบางเขน..(ไม่ใช่ท่านที่เป็นอาจารย์สอนกล้วยไม้คุณแดงนะครับ) ท่านใช้กรดไนตริก 50% ไม่ทราบว่าจะทำ(คำนวน)อย่างไร? (ผมไม่เก่งเคมี)
ตอบ
ผมสอบเคมีตก... แต่พอไปได้น้ำขุ่น ๆ ครับ .
....ถ้าใช้กรดไนตริค 50 % ผสมน้ำ 1 : 1 ความเข้มข้นจะลดลงเหลือ 25 % โดยประมาณ ...ความเข้มข้นต่างกัน 9 % ถ้าใช้เป็นสูตรผสมวุ้นเพาะเมล็ดกล้วยไม้ มีผลแน่ ๆ แต่ถ้าใช้รดน้ำกล้วยไม้ไม่น่าจะมี Effect เหมือนกินอาหาร อ่อนหวาน หรืออ่อนเค็ม แก่หวาน หรือแก่เค็ม เปรี้ยวมากหรือน้อย.....มันมีปัจจัยอื่น ๆ ประกอบอีกหลายอย่าง ฉะนั้น น้อย ๆ ไว้ก่อนเป็นดีครับ
ท่านอาจารย์ของคุณแดงนี่ ผมเคยดูท่านทาง ททบ.5 ตอนนั้นผมยังเด็ก ท่านจะมาจัดรายการเกี่ยวกับกล้วยไม้ คนเล่นกล้วยไม้..ไม่รู้จักท่านคงจะไม่มี
ท่านเป็นอาจารย์สอนกล้วยไม้ให้รุ่นพ่อผมมาก่อนครับ ....สุดยอดปรมาจารย์ในเกือบจะทุกเรื่อง ปัจจุบันท่านอายุ 90 กว่าแล้ว ยังแข็งแรง ความจำไม่ลบเลือน ท่านมีแต่ให้กับให้ครับ.... และตามที่บอกว่า ผมไม่ได้มีความรู้ในเรื่องกล้วยไม้มากนัก ดังนั้น ข้อมูลส่วนใหญ่ผมก็คงต้องอ้างอิงจากตำราของท่าน และจากสมุดโน๊ตที่ผมจดเอาไว้....ซึ่งบางเรื่องอาจไม่มีในตำรา
อีกเรื่อง...การผสมปุ๋ยใช้เอง ผมจะใส่ธาตุรอง ธาตุเสริม ลงไปในเนื้อปุ๋ยเลย หรือว่าเอามาใส่ทีหลังดีครับ?
ใส่ลงไปได้เลยพ่อมหาจำเริญ จะรออะไรอีกล่ะครับ....คุณชอบกินอาหารจืด ๆ ไม่ใส่น้ำส้ม น้ำปลาหรือยังไง
แล้วถ้าจะใส่ลงไปเลยควรใส่เป็นกี่% ของเนื้อปุ๋ย?
Itup tto you. ตามใจคุณละครับ เวลาทำอาหารเค้าใส่ผงชูรสกันแค่ไหนล่ะครับ....ส่วนผสมปุ๋ย 20 ลิตร ผมก็ใช้แค่ แตะปลายนิ้ว แค่นั้นแหละ ทำง่าย ๆ อย่ายุ่งยาก ภาษาบ้านผมเค้าเรียกว่า แค่ จิบ จิบ .
...เค้ามีทำขายเป็นซอง ๆ เล็ก ๆ มีธาตุอาหารครบถ้วนกระบวนยุทธ์ ซองละประมาณ 3 5 กรัม 1 ซอง / น้ำ 20 ลิตร และยังมี เหล็กคีเลท เป็นซอง ๆ ด้วยเช่นกัน
อ้อ...ลืมบอก ผมได้รู้มาว่า เรโชของปุ๋ยที่จะใช้กับกล้วยไม้ที่เหมาะสมกับภูมิภาคนี้ จะเป็น 2-1-3 (20-10-30) ซึ่งปุ๋ยสูตรนี้สามารถใช้เลี้ยงกล้วยไม้ได้ทุกวัย การใช้อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ได้ช่อดอกทีสมบูรณ์
.อันนี้จริงเท็จอย่างไร ผมคงต้องทำการพิสูจน์
อ้อ...ไม่ใช่ว่าจะใช้ 20-10-30 ตลอดหรอกครับ ผมจะดูต้นกล้วยไม้เป็นหลัก
ใบสุดท้ายเจริญเต็มที่เมื่อไร ก็จะใช้ 10-52-17 หรือ 0-52-34 เปิดตาดอก
แล้วความเห็นของคุณแดง...คิดเห็นอย่างไรครับ?
ผมจะยึดตำราเอาไว้เป็นแนวทางเท่านั้นแหละ เพราะความเป็นจริง อาจจะใช่ หรือไม่ใช่ ก็ได้
ต้นไม้หรือต้นกล้วยไม้จะบอกคุณเอง......คุณลองทำอาหารตามที่ตำราเขียนไว้ซีครับ ทำเสร็จ แหลกม่ายล่าย...
. ผมไม่ยึดติดตำรา และไม่สนคำโฆษณา มีปัจจัยหลายอย่างที่แตกต่างกัน อากาศบ้านคุณ อากาศบ้านผม....น้ำบ้านคุณ น้ำบ้านผม....ความชื้นสัมพัทธ์บ้านคุณ ความชื้นสัมพัทธ์บ้านผม และ ฯลฯ (ตอนทดลองใช้กระถางพลาสติกปลูกกล้วยไม้จะต้องเจอแน่ ๆ ) ต้นไม้พูดไม่ได้ แต่จะบอกได้ว่า เฮ๊ย เอาไอ้นั่นใส่ข้าหน่อย เอาไอ้นี่ให้ข้านิด มันเป็น Sense เฉพาะตัวครับ
..สวนกล้วยไม้ตัดดอกแถวบ้านผมมีเป็นร้อยสวน เล็ก(5 10 ไร่) ใหญ่(50 300 ไร่) ห้อง แลบ เพาะฝัก เพาะเนื้อเยื่อมีเป็นสิบ ดีบ้าง ไม่ดีบ้างแตกต่างกันไป .....ชาวสวนแต่ละคนโดยเฉพาะ สวนเล็ก ๆ ต้อง หูผี จมูกมด....ได้กลิ่นน้ำที่รดกล้วยไม้ ต้อง เอ๊ะ ....กลิ่นแปลกว่ะ ใช้ปุ๋ยไรวะ ใช้ยาไรวะ.....ปิดกันให้แซ่ด.....
สูตรปุ๋ยกล้วยไม้ที่ใช้กัน....2 4 1,... 2 1 3,... 6 2 3,... 3 1 2, ..
สูตรหลัก ๆ พื้น ๆ ที่ใช้ 21-21-21, 16-21-27
ไม่ก็สูตรขั้นบันได 10-20-30, 30-20-10...
หรืออาจจะ 10-30-20, 15-30-15, 8 -24-24
หรือ 13-26-7, 15-7-18, 12-4-6
แล้วก็ 20-0-0, 30-0-0, 05234,....04256 ...
และ..ยังมีปุ๋ยน้ำ กับ ปุ๋ยละลายช้า อีกด้วย
...ไอ้โน่นก็ดี ไอ้นี่ก็ดี เยอะแยะไปหมด.
พูดแต่เรื่องปุ๋ย ไม่ได้พูดถึงเรื่องยาปราบศัตรูกล้วยไม้เลยนะเนี่ย.....
มันยากที่จะบอกว่า จะใช้ปุ๋ยสูตรอะไรเป็นบรรทัดฐาน สภาพสิ่งแวดล้อมขณะนั้นจะบอกเราเอง และเราจะรู้เองโดยอัตโนมัติว่า วันนี้ใช้ปุ๋ยสูตรอะไร ....ปุ๋ยหลัก ๆ มันมีอยู่แล้ว แต่ว่า อากาศแบบเนี๊ยะ จะผสมอะไรเพิ่ม หรือต้องลดอะไรลง.. ...หรือเช่นว่า ....ฝนตั้งเค้ามา จะต้องเตรียมอะไรบ้าง...
(1) ผสมยากันเชื้อรารอไว้ได้เลย ถ้าฝนตก หลังฝนหยุด ฉีดพ่นทันที ถ้าฝนไม่ตกล่ะ ผสมไว้แล้ว ก็ฉีดพ่นไปซิครับ ไม่ได้เสียหายอะไรนี่นา.....
(2) คุณรู้จัก โปแตสเซี่ยมเปอร์แมงกาเนต (KMnO3)มั๊ยครับ ก็ด่างทับทิมงัยล่ะน้อง ได้ทั้งสาร โปแตสเซี่ยม แมงกานีส แล้วยังเป็นตัวฆ่าเชื้อโรคอย่างดีวิเศษสุด .ของดีราคาถูก ไม่มีใครเค้ามาบอกคุณแบบนี้หรอกครับ....
คุณไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ อยู่แล้ว ไม่ลองก็ไม่รู้
ปล.เด็กผู้หญิงน่ารักมาก
ตัวแสบเลยละครับ....ลูกของน้องสาวคนเล็กเจ๊รอง พ่อมันอยู่แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางอ่าวไทยนู่น ใช้ ฮ.บินจากฝั่งไปถึงแท่น ใช้เวลา 5 6 ชั่วโมง ....แม่เปิดบู๊ท ขายสินค้ากับกลุ่ม ธงฟ้า ตระเวนไปทั่ว เวลานี้อยู่หาดใหญ่ครับ ผมกับป้า เลยต้องเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ....เอาให้มันจบเรื่องการปรับสภาพน้ำให้เหมือนหรือคล้ายน้ำฝนด้วยกรดไนตริก
กำปั้นทุบดิน
.ตูม ทำไมถึงใช้กรดไนตริก เพราะกรดไนตริกทำให้น้ำธรรมดามีสภาพคล้ายน้ำฝน
อาจารย์ของผมท่านบอกไว้ว่า
..ว่ากันตามตำราเลยเนาะ.....
วัฏจักรไนโตรเจนเป็นดังนี้
1. การตรึงไนโตรเจนโดยปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดจากฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า หรือปรากฏการณ์อื่นที่ทำให้เกิดความร้อนสูง ทำให้ก๊าซไนโตรเจนทำปฏิกิริยากับก๊าซออกซิเจน ได้ก๊าซ NO และก๊าซ NO ที่ เกิดขึ้นทำปฏิกิริยากับก๊าซออกซิเจน ต่อไปได้ก๊าซ NO2
N2 + O2 ----> 2NO ดูดพลังงาน
2NO + O2 -----> 2NO2 คายพลังงาน
เมื่อฝนตกก๊าซ NO จะทำปฏิกิริยากับน้ำฝนกลายเป็น กรดไนตริก ดังสมการ
3NO2 + H2O -----> 2HNO3 + NO (กรดไนตริก)
2H+ + NO-3(ไนเตรทไนโตรเจน)
กรดไนตริกแตกตัวให้ไฮโดรเจนไอออน(H+) และไนเตรตไอออน (NO-3)
ไนเตรตไอออนที่เกิดขึ้นจะตกลงสู่พื้นดินและพื้นน้ำ พืชนำไปใช้สร้างโปรตีนต่อไป
** NO2 ส่วนหนึ่งในบรรยากาศได้จากการเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์
2. การตรึง N2 ทางอุตสาหกรรม โรงงานผลิตก๊าซแอมโมเนีย (NH3) หรือโรงงานผลิตปุ๋ยได้มีการใช้ก๊าซ N2 (แยกจากอากาศ) ทำปฏิกิริยากับก๊าซ H2 โดยวิธีกระบวนการณ์ฮาเบอร์ดังสมการ
N2 + 3H2 -----> 2NH3
ก๊าซ NH3 ที่ได้ส่วนหนึ่งนำไปผลิตปุ๋ยไนโตรเจน เช่น ยูเรียและปุ๋ยที่อยู่ในรูปของเกลือแอมโมเนีย เช่น แอมโมเนียซัลเฟต เมื่อใส่ปุ๋ยยูเรียลงในดิน แบคทีเรีย(Decomposing bacteria) จะย่อยสลายไปเป็นไนเตรต (NO3) พืชดูดซึมเอาไปใช้ในการสร้างโปรตีน ...แต่ย่อยไม่หมดหรอกครับ ส่วนที่เหลือทำให้ดินเสีย ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน บอกว่าดินไม้กินปุ๋ย ลุงคิมบอกว่า ดินเป็นกรด
3. การตรึงก๊าซไนโตรเจนทางชีววิทยา แบคทีเรียไรโซเบียมในปมรากถั่วจับก๊าซไนโตรเจนในอากาศจึงเรียกไรโซเบียมว่า Nitrogen fixing bacteria และเปลี่ยนก๊าซไนโตรเจนเป็นเกลือแอมโมเนียม (NH4+)
จากนั้นแบคทีเรียในดิน (Nitrifying bacteria)ทำหน้าที่เปลี่ยน NH4+เป็นสารประกอบไนไตรต์(NO2-)
และเปลี่ยนสารประกอบไนไตรต์ (NO2-) เป็นสารประกอบไนเตรต (NO3-) ซึ่งพืชดูดซึมนำไปใช้ในการสร้างโปรตีนต่อไป สัตว์กินพืช สัตว์ก็จะนำไปใช้ในการสร้างโปรตีนในสัตว์ เมื่อพืชและสัตว์ตายลง ซากพืชซากสัตว์และสิ่งขับถ่ายจะถูกแบคทีเรีย (Decomposing becteria) ย่อยสลายเป็นสารประกอบไนเตรต (NO3-) ต่อไป
4. แบคทีเรีย (Denitrifying bacteria) ทำหน้าที่เปลี่ยนสารประกอบไนเตรต (NO3-) เป็นสารประกอบไนไตรต์ (NO2-) ไดไนโตรเจนมอนน็อกไซด์(N2O) และในที่สุดกลายเป็นก๊าซไนโตรเจนกลับคืนสู่บรรยากาศ
ต้นไม้ที่ได้รับน้ำฝนจะงามใบเขียวปี๋......ทีนี้.......การปรับสภาพน้ำด้วยกรดไนตริก ก็เพื่อทำให้น้ำมีสภาพเหมือนน้ำฝน เมื่อเอาน้ำที่ผ่านการปรับสภาพด้วยกรดไนตริก ต้นไม้ก็จะงาม(อาจเท่า หรือไม่เท่ารดด้วยน้ำฝนก็ได้)
เมื่อใช้ กรดไนตริก....HNO3 ปรับสภาพน้ำ จะได้น้ำที่มีคุณสมบัติ คล้ายน้ำฝน
HNO3 + H2O
[H3O4] + NO3
(กรดไนตริก) (ด่าง หรือ เบส) (กรด) (เกลือ ไนเครท)
ไอ้เจ้าตัว NO3 หรือเกลือ ไนเตรท ตัวนี้แหละครับที่ทำให้น้ำมีสภาพคล้ายน้ำฝน
NO3 หรือไนเตรท(Nitrate) คือสารประกอบซึ่งมาจากการรวมตัวกันของอะตอม ไนโตรเจน1 อะตอม กับ ออกซิเจน 3 อะตอม
.
ตำราท่านว่าแบบนี้แหละ ถ้าผิด แสดงว่าผมจดมาผิด ๆ หรือไม่ก็หลับ ๆ ตื่น ๆ
บอกแล้วว่า อย่าเพิ่งเบรก เสียเวลาปลูกกล้วยไม้ในกระถางจากขวดพลาสติกไปหลายชอต เลย อดลุ้นรางวัลไม่รู้ด้วยนะขอรับ.....ความจริงผมปลูกลงภาชนะเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วัน เมย์เดย์ 1 พค.57 ป่านนี้ใกล้จะออกดอกแล้วมั๊ง...
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 08/05/2014 8:57 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
tanapole สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 31/03/2014 ตอบ: 48
|
ตอบ: 05/05/2014 8:47 am ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม, สวัสดีครับคุณแดง
ก่อนอื่นต้องขออภัยที่ขัดจังหวะ ทะลุกลางบ้อง....
จากข้อความ....."เมื่อฝนตกก๊าซ NO จะทำปฏิกิริยากับน้ำฝนกลายเป็น กรดไนตริก ดังสมการ
3NO2 + H2O -----> 2HNO3 + NO (กรดไนตริก)
2H+ + NO-3(ไนเตรทไนโตรเจน) "
และ...."
เมื่อใช้ กรดไนตริก....HNO3 ปรับสภาพน้ำ จะได้น้ำที่มีคุณสมบัติ คล้ายน้ำฝน
HNO3 + H2O
[H3O4] + NO3
(กรดไนตริก) (ด่าง หรือ เบส) (กรด) (เกลือ ไนเครท)
ไอ้เจ้าตัว NO3 หรือเกลือ ไนเตรท ตัวนี้แหละครับที่ทำให้น้ำมีสภาพคล้ายน้ำฝน "
--> คงต้องค่อยๆใส่กรดไนตริก แล้ววัดค่า pH เอา
1. วัดค่า pH ของน้ำประปา(ขังไว้ในถัง) ได้เท่าไหร่? ...จดบันทึก
2. ตวงกรดไนตริก ทีละ 1 c.c. ใส่ลงไปในน้ำ(20ลิตร)
3. วัดค่า pH ได้เท่าไหร่? จดบันทึก ถ้ายังไม่พอใจ เติมกรดไนตริกเพิ่มอีก 1 c.c.
4. วัดค่า pH ได้เท่าไหร่? จดบันทึก ถ้ายังไม่พอใจ เติมกรดไนตริกเพิ่มอีก 1 c.c.
5. ทำซ้ำจนได้ค่า pH ตามที่ต้องการ(6.5) เป็นอันเสร็จ
รวมแล้ว...น้ำประปาที่ pH ระดับนี้ ปริมาตรระดับนี้ เราต้องใช้กรดไนตริกเท่านี้...
"น้ำประปาที่ขังทิ้งเอาไว้ เมื่อเวลาผ่านไปหลายวัน ค่า pH จะสูงขึ้นเป็นด่างอ่อนๆ
เรื่องนี้ผมทดสอบมาแล้ว เอาน้ำประปา ใส่ถังปิดฝาทิ้งไว้ 2-3 สัปดาห์
วัดค่า pH ได้ 8กว่าๆ (เปิดออกจากก็อกขังไว้สองวัน วัดค่า pH ได้ ประมาณ 7.2)"
--> เรื่องอัตราส่วนของธาตุรอง ธาตุเสริม คงใส่ไม่เกิน 2% ของน้ำหนักปุ๋ย
ว่าแล้วก็ลงมือทดสอบ ณ บัด now |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 05/05/2014 6:25 pm ชื่อกระทู้: กระถางหมายเลข 1 ราขึ้น |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม....คุณ tanapole
กล้วยไม้ ใกล้ม้วย
บทที่ 4 ไม่มีลุ้น ไม่หนุก
ตอนที่ 1 / 2 ....ขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนกลายเป็นมะลิลา
ขึ้นต้นเป็นกรดไนตริก ขลุก ๆ ขลิก ๆ กลายเป็นคลอรีนในน้ำประปา
เอากรดไนตริกใส่น้ำประปา มะงุม มะงาหรา จนได้ของดีออกมา
ของดีที่ว่านี้คืออะไร.....อยากรู้ อ่านครับ
การปรับสภาพน้ำรดกล้วยไม้ด้วยกรดไนตริก..
การทดลองของคุณคือ....
--> คงต้องค่อยๆใส่กรดไนตริก แล้ววัดค่า pH เอา
--------------------
5. ทำซ้ำจนได้ค่า pH ตามที่ต้องการ(6.5) เป็นอันเสร็จ
รวมแล้ว...น้ำประปาที่ pH ระดับนี้ ปริมาตรระดับนี้ เราต้องใช้กรดไนตริกเท่านี้...
ความสนใจของคุณธนพล อยู่ที่ต้องการปรับสภาพน้ำประปาแล้ว(ลงทุน)วัดให้ได้ค่า pH 6.5 จนลืมสนใจถึงสิ่งอื่น ๆ และมองข้ามสิ่งเหล่านั้น ๆ ในข้อความที่ผมเสนอแนะไปหลายอย่าง....
อย่างแรก....ผมถามคุณว่า
คุณเคยวัดค่า pH ของน้ำฝนที่ตกใหม่ ๆ บ้างมั๊ยครับ
วัดทำไม วัดเพื่ออะไร ตัวนี้เป็นสาระสำคัญหลักของคนที่คิดจะปลูกเลี้ยงกล้วยไม้เลยแหละ
อย่างที่สอง ผมบอกว่า
การใช้กรดไนตริกปรับสภาพน้ำ....เวลาจะใช้....สมัยก่อน ใช้น้ำแข็งก้อน ๆ(ที่เรียกว่า มือ) ใส่ลงไป 2 3 ก้อน ปัจจุบันใช้น้ำแข็งหลอดประมาณ 6 กิโล...
..ใส่น้ำแข็งลงไปทำไม ....เพราะต้องการทำให้น้ำมีสภาพคล้ายน้ำฝนมากที่สุด
...น้ำแข็งทำให้น้ำที่ถูกปรับสภาพเหมือนน้ำฝนตรงไหน....
ตัวนี้ ก็เป็นสาระสำคัญหลักของคนที่คิดจะปลูกเลี้ยงกล้วยไม้อีกอันหนึ่งเช่นกันทีเดียวเจียวเลยแหละ
ยังมีอีกหลายเรื่องในข้อเสนอแนะ คุณอาจจะมองข้ามไป....ไม่เป็นไร เพราะเรื่องนี้บอกแล้วว่า เราคุยกันแค่สองคน ส่วนคนอื่นอาจแวะเวียนเข้ามาอ่านบ้าง ก็เป็นผลพลอยได้.....
คุณบอกว่า...
"น้ำประปาที่ขังทิ้งเอาไว้ เมื่อเวลาผ่านไปหลายวัน ค่า pH จะสูงขึ้นเป็นด่างอ่อนๆ
เรื่องนี้ผมทดสอบมาแล้ว เอาน้ำประปา ใส่ถังปิดฝาทิ้งไว้ 2-3 สัปดาห์
วัดค่า pH ได้ 8กว่าๆ (เปิดออกจากก็อกขังไว้สองวัน วัดค่า pH ได้ ประมาณ 7.2)"
ขอบอกว่า
คุณสนใจแค่การวัดค่า pH จนอาจจะลืมเรื่องนี้ไป
คลอรีนในน้ำประปา เมื่อกลิ่นระเหยหายไปแล้ว แต่สารละลายจากคลอรีนจะยังคงมีอยู่ ไม่ได้หายไปไหน และอยู่ในรูป หินปูน หรือ Ca ยังปนอยู่ในน้ำครับ ลองเอาน้ำประปาไปตากให้แห้งดูซีครับ จะมีคราบขาวติดอยู่ก้นภาชนะ
ลองมาดูกันหน่อยครับว่า ไอ้เจ้าคลอรีน มันเป็นยังไง
คลอรีน
เป็นสารเคมีที่ใช้สำหรับฆ่าเชื้อโรคได้มากกว่า 99% รวมทั้ง อี.โคไล (E.coli) และเชื้อไวรัส นอกจากนี้ที่สำคัญคือมีฤทธิ์คงเหลือเพื่อฆ่าเชื้อโรคในน้ำต่อไปได้อีก โดยคลอรีนที่เติมลงไปจะละลายน้ำอยู่ในรูปของคลอรีนอิสระ (Residual Chlorine) ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนในภายหลัง
รูปแบบของคลอรีน
1. ชนิดคลอรีนผง หรือที่รู้จักกันในนามของ ผงปูนคลอรีน มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด คือ
1.1 แคลเซียมไฮโปรคลอไรต์ (Calcium hypochlorite) เป็นผงสีขาว ละลายน้ำได้ดีมีสูตรทางเคมี คือ Ca(OCl)2 มักจะผลิตให้มีความเข้มข้นระหว่าง 60-70% โดยน้ำหนัก คลอรีนผงชนิดนี้หาได้ง่าย ราคาไม่แพง ไม่เป็นอันตรายต่อคนและสัตว์เลี้ยงอย่างรุนแรง ไม่ทำให้เสียรสชาติ ฆ่าเชื้อโรคในเวลาไม่นานเกินไป และยังคงมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคต่อไปได้อีก สะดวกต่อการใช้งาน และสามารถตรวจสอบประสิทธิภาพได้ง่าย ดังนั้น จึงเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุด
1.2 โซเดียมไฮโปรคลอไรต์ (Sodium hypochlorite) เป็นสารละลายใส สีเหลืองอมเขียว มีสูตรทางเคมี คือ NaOCl ความเข้มข้นประมาณ 16% โดยน้ำหนัก มีความเสถียรน้อยกว่าแคลเซียมไฮโปรคลอไรต์ ทำให้เสื่อมสภาพได้อย่างรวดเร็ว จึงควรเก็บไว้ในที่มืดและอุณหภูมิไม่สูงกว่า 30 ๐C เพื่อชะลออัตราการเสื่อมคุณภาพและอายุในการเก็บไม่ควรเกิน 60-90 วัน สำหรับสารละลายโซเดียมไฮโปรคลอไรต์ เมื่ออยู่ในสภาวะ pH ต่ำ จะระเหยเป็นหมอกคลอรีนสามารถระเบิดได้
สมการเคมีของคลอรีนผง (เมื่อผสมน้ำ)
Ca( OCl)2 + H2O ---------------> 2HOCl + CaO (หินปูน)
สมการเคมีของคลอรีนน้ำ (เมื่อผสมน้ำ)
2Na(OCl) + H2O -----------> 2HOCl + Na2 (เกลือโซเดียม)
2. สภาพความเป็นกรด-ด่างของน้ำ (pH) มีผลต่อการฆ่าเชื้อโรคของคลอรีน เนื่องจากคลอรีนจะแตกตัวเป็นไฮโปรคลอรัส (Hypochlorus : HOCl ) ซึ่งมีอำนาจในการฆ่าเชื้อโรคได้ดีเมื่อน้ำมีสภาพเป็นกรดเล็กน้อย
หาก pH สูงกว่า 7.5 จะทำให้เกิด OCl- มากขึ้น ซึ่ง OCl- นี้มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคด้อยกว่า HOCl จะทำให้ต้องสิ้นเปลืองคลอรีนมากขึ้น และหากค่า pH สูงถึง 9.5 จะเกิด OCl- ถึง 100%
เอกสารอ้างอิง
กองสุขาภิบาลอาหารและน้ำ .2549. คู่มือ Food Inspector. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. 311 หน้า
อนุพันธ์ อิฐรัตน์ .2542. ภัยเงียบจากคลอรีน. เอกสารประกอบการบรรยาย ณ ห้องประชุมกำธรสุวรรณกิจ กรมอนามัย.
คุณเคยสังเกตบ้างไหมว่า เมื่อใช้น้ำประปารดน้ำกล้วยไม้ไปนาน ๆ จะมีคราบขาว ๆ จับที่โคนกาบใบ และปลายรากไม่สดใส เพราะ CaO หรือ แคลเซียมอ๊อกไซด์ที่ละลายปนอยู่ในน้ำประปา มันเป็นหินปูน
ทีนี้ เมื่อเอา กรดไนตริก รวมกับน้ำที่มี CaO หรือหินปูนผสมอยู่ มันจะเกิดปฏิกิริยา ได้สาร แคลเซี่ยมไนเตรทออกมา
เมื่อเอา HNO3 + CaO หรือ ทางสมการเคมีจะเขียนว่า
CaO + 2 HNO3 = จะได้ H2O(น้ำ) + Ca(NO3)2 (แคลเซี่ยมไนเตรท)
Ca(NO3)2 แคลเซี่ยมไนเตรท
ใช้เป็นสารในการผลิตปุ๋ย และเป็นตัวทำละลายซิลิกา เจล
จากกรดไนตริก ได้ออกมาเป็น แคลเซี่ยมไนเตรทแล้ว ....ทำยังไงต่อไป งง.....
มาถึงตรงนี้แล้ว คุณมองเห็นอะไรบ้าง คุณคิดอะไรออกบ้างไหม.....คุณตามผมทันมั๊ยครับ.
.คุณธนพลเป็นนักวิเคราะห์ นักทดลอง และนักอะไร ต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง แค่คุยกัน ผมยอมรับในความรู้และความสามารถ ที่บางอย่างผมไม่รู้ ..
จากที่ผมจั่วหัวเรื่องบรรทัดสุดท้ายว่า
เอากรดไนตริกใส่น้ำประปา มะงุม มะงาหรา จนได้ของดีออกมา
ของดีที่ว่านี้คืออะไร...คือ..Ca(NO3)2-แคลเซี่ยมไนเตรท ยังไงละครับ
จากกรดไนตริก ได้ออกมาเป็น แคลเซี่ยมไนเตรทแล้ว
Ca(NO3)2 แคลเซี่ยมไนเตรท ใช้เป็นสารในการผลิตปุ๋ย และเป็นตัวทำละลายซิลิกา เจล
ลุงคิมสอนให้คิด ผมคิดตามที่ลุงคิมสอน จนจะกลายเป็นไอ้บ้าอยู่นี่แล้วครับลุง.....
ถึงตรงนี้ ผมรู้ครับว่า ลุงนั่งหัวร่อก๊ากแล้ว....
Calcium Nitrate สูตรเคมี Ca(NO3)2 สูตรทางฟิสิคส์หรือทางกายภาพคือ..
ปุ๋ยสูตร 15-0-0 ยังไงล่ะครับ
รูปที่ 39 ปุ๋ยแคลเซี่ยมไนเตรท Ca(NO3)2 สูตร 15-0-0
คุณอยากชวนผมออกนอกทาง พาทัวร์เข้ารกเข้าป่าซะให้เข็ด......
(ถ้าลุงเข้ามาอ่าน กรุณาดูตรงต่อจากนี้ครับ ผมลอกเค้ามาจาก)
ทีมงานชมรมเกษตรปลอดสารพิษ (เค้าบอกว่า)
มีสูตรการทำ แคลเซียมโบรอนมาฝากกัน โดยไม่ต้องไปซื้อเขาครับ มันแพงเกินไป ทำเองก็ได้ ประหยัดกว่าเยอะ สูตรง่ายๆครับไม่มีอะไรยุ่งยากสลับซับซ้อนอะไร ต้นทุนไม่กี่ตังค์ ก็ได้ผลแล้วล่ะครับ
รูปที่ 40 สารผสมทำแคลเซี่ยม - โบร่อนครับ
สำหรับสูตรจะเป็นอย่างไรไปติดตามกันเลยครับ
1. แคลเซียมไนเตรท (15-0-0 ) 1,200 กรัม( 12 ขีด)
2. โบรอนพืช 400 กรัม( 4 ขีด)
3. น้ำเปล่า 20 ลิตร
วิธีการทำ
(1) เทน้ำเปล่าลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้จำนวน 20 ลิตร และ
(2) ใส่ปุ๋ยแคลเซียมไนเตรท( 15-0-0 ) ใสลงไป แล้วคนให้ปุ๋ยละลายให้หมด พอปุ๋ยแคลเซียมไนเตรท( 15-0-0 )ละลายหมดแล้ว
(3) ก็ให้เติมโบรอนพืชลงไป คนให้ละลาย
เสร็จแล้วนำปุ๋ยแคลเซียมโบรอนที่ ผสมกันเรียบร้อยแล้วไปบรรจุใส่ภาชนะที่ปิดฝามิดชิดเก็บไว้ในที่ร่ม ในอุณหภูมิห้อง เพื่อที่จะนำไปใช้ต่อไป
วิธีการใช้
ปุ๋ยแคลเซียมโบรอน 100 ซีซี นำมาผสมน้ำ 20 ลิตร แล้วนำไปฉีดพ่นให้พืช โดยฉีดพ่นทั้งบนใบและใต้ใบ ให้ฉีดพ่นให้เปียกโชกทั้งต้น ฉีดทุก 5-7 วัน
คุณสมบัติ
ช่วยเคลื่อนย้ายฮอร์โมน ควบคุมการแบ่งเซลล์เพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ให้เป็นไปอย่างสมดุล ช่วยทำให้ผสมเกสรติดง่าย ผลดก ช่วยในการขยายผลให้ผลใหญ่ เนื้อแน่น เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มรสชาติดีให้กับผลผลิต ทำให้ขั้วดอกเหนียว ป้องกันผลร่วง ผลแตก ป้องกันโรคไส้เน่า ไส้เหลว ไส้ด้าน เพิ่มการแตกตาดอก-ยอด เสริมสร้างความแข็งแกร่งของผนังเซลล์
เห็นไหมล่ะครับว่าวิธีการทำนั้นง่ายนิดเดียว ต้นทุน 15-0-0 กิโลกรัมละ 85 บาท โบรอนพืช ครึ่งกิโลกรัม ราคา 100 บาท รวม 185 บาท เมื่อนำไปใช้ได้น้ำตั้ง 4,000 ลิตร แต่ถ้าซื้อตามท้องตลาด ลิตรละ 300-400 บาท ใช้ผสมน้ำได้ 1,000 ลิตร แค่นี้ก็เห็นความแตกต่างแล้วใช่ไหมครับ คราวนี้เลือกเอาว่าจะซื้อหรือว่าจะทำเองครับ แต่สำหรับผมแนะนำให้ทำเองนะครับ ประหยัดกว่ากันอีกบานเลย
สำหรับท่านใดที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำสูตรแคลเซียมโบรอนก็สามารถติดต่อได้ที่ ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ โทร.02-9861680-2
โดย ทีมงานชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
และสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thaigreenagro.com
แฮ่ม....ทีนี้ แคลเซี่ยมสูตรของใครจะเหนือกว่าใครลองมาดูกัน....
แคลเซียม โบร่อน สูตรซูเปอร์
โดย คิม ซากัสส์
จาก เกษตรานุสติ (ฉบับนาข้าว) เล่ม 1 หน้า10
1. น้ำ อาร์โอ (pH 7.0) 20 ลิตร + น้ำส้มสายชู 300 ซีซี
2. (15-0-0) จีเกรด 1,200 กรัม( 12 ขีด)
3. โบรอนพืช 400 กรัม( 4 ขีด)
4. ธาตุรอง / ธาตุเสริม 250 500 กรัม
5. กลูโคสน้ำ 500 ซีซี
[color=red]วิธีทำ......[/color]ถามลุงก่อนนะครับ....เพราะมันมีเคล็ดวิชานิดหน่อย คือไม่ได้ใส่เรียงตาม 1, 2, 3, 4, 5 แต่มันจะต้อง 1, แล้วก็ .......สลับ คือต้องสลับข้อ ตามความเหมาะสม.....นั่นแลฯ
ลุงเขียนบอกว่า ให้คนทางเดียวช้า ๆ ให้เข้ากันดี จะได้ หัวเชื้อเข้มข้น พร้อมใช้งาน
กว่าจะคนแต่ละอย่างละลายหมด ฮ้อย ...แขนแทบหลุด
วิธีการใช้ (ตามสูตรข้างบน)
ปุ๋ยแคลเซียมโบรอน 100 ซีซี นำมาผสมน้ำ 20 ลิตร แล้วนำไปฉีดพ่นให้พืช โดยฉีดพ่นทั้งบนใบและใต้ใบ ให้ฉีดพ่นให้เปียกโชกทั้งต้น ฉีดทุก 5-7 วัน
วิธีการใช้ (ตามสูตรของลุงคิม)
ใช้ 10 20 ซีซี / น้ำ 20 ลิตร ทุก 10 15 วัน
ขอเน้นย้ำ ห้ามใช้เกินอัตรานี้อย่างเด็ดขาด....เพราะสูตรปุ๋ยของลุง Over Dose ทุกสูตร.....ที่รู้เพราะ
ผมโดนมาแล้ว ผสม 20 ซีซี น้ำใสแจ๋ว ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น เติมอีก 20 ซีซี ซีวะเป็นไรมี
ผลออกมา มะเขือพวง ใบเหลืองร่วงกราวภายในไม่เกิน 3 วัน....เมียด่าซะกระจุย....
เชื่อหรือไม่เชื่อถาม ยัยเฉิ่ม ดูได้ ประเภทชอบกินก๋วยเตี๋ยวน้ำข้น ไม่ชอบน้ำใส เติมไปอีก 40 ซีซี ได้เรื่อง มะเขือ พี่ติ๋ม ใบร่วงกราว ข้าอยู่นครปฐม พลอยโดนหางเลขจากพี่ติ๋มไปด้วย ....อีตาบ้าแดงแนะนำดี....
จากกล้วยไม้ ใกล้จะม้วย ออกมากรดไนตริก....แล้วมาออก แคลเซี่ยมไนเตรท....จบลงด้วย แคลเซี่ยม โบร่อน.....ไม่ได้โฆษณา เพราะเสียสตางค์ซื้อครับ
สีสันชีวิตไทยก็แบบนี้แหละครับ มีหลากหลายรูปแบบ อะไรดีก็เก็บจำเอาไปทำ.....อะไรไม่ดีก็ด่าว่ากันได้ ผมสบาย ๆ อยู่แล้ว อย่าเก็บตัวเองอยู่ในโพรงเป็นนกถึดทือเลยครับ ออกมาดูโลกภายนอกเค้าบ้าง เค้าจะไปทำนาบนโลกพระอังคารกันแล้ว ....
สำหรับคุณธนพล....เลิกห่วงหาแต่ค่า pH 6.5 ได้แล้ว เพราะถ้าน้ำปรับค่าแล้วได้ 6.5 OK แต่ถ้าเอาน้ำ 6.5 เมื่อผสมปุ๋ยลงไปแล้วคุณวัดค่า pH จะเป็นเท่าไหร่ครับ คุณต้องทำให้ได้ 6.5 จึงจะ OK
หรือตามสวนกล้วยไม้เค้าใช้แค่ 6 + .....คือตั้งแต่ 6.0 6.7 หรืออาจ 6.8 ..
....ผมบอกให้ลองวัดค่า pH ของน้ำฝนที่ตกใหม่ ๆ ลองทำดูครับ ....นั่นคือค่า pH ของน้ำฝนที่กำลังตกจากฟากฟ้าสุราลัยสู่ใบพืช แล้วตกลงพื้นพสุธา.....
เขียนไปเขียนมา ยาวแฮะ......พักสายตากันหน่อยครับ
(41)
(42)
(43)
(44) ณ วันที่ 5 พค.57 ปากคลองตลาดกำละ 350.- บาท
(45) 5 พค.57 ดอกขาว กำละ 400....ดอกเหลือง กำละ 600 ดอกชมพู กำละ 800....
คุณธนพล อย่าเพิ่ง คอมเม้นต์นะครับ เพราะมีเรื่องด่วน คือ
กระถางหมายเลข 1 ที่ทำตามวิธีของคุณใช้เปลือกไม้เป็นเครื่องปลูก มีปัญหา เกิดราขึ้น เนื่องจากบ้านผม ความชื้นสูงกว่าบ้านคุณ ......ต้องแก้ไขปัญหานี้ก่อน...
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 07/05/2014 9:52 pm, แก้ไขทั้งหมด 3 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
tanapole สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 31/03/2014 ตอบ: 48
|
ตอบ: 05/05/2014 7:39 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม, สวัสดีครับคุณแดง
ข้าน้อยขอคารวะ
รอ...
ตามติด...พลาดไม่ได้
ทำไมต้องใส่น้ำแข็ง ใส่น้ำแข็งลงไปทำไม?
ในน้ำแข็งมีอะไร มีอะไรในน้ำแข็ง?
เป็นเรื่องที่ชวนให้ขบคิดและค้นคว้า
เกิดมาเพื่อเรียน เรียนแล้วต้องใช้ ถ้าไม่ใช้มันก็มีแต่ลืม กับจำไม่ได้
ขนาดจดเอาไว้ยังมีวันสูญหาย
เรื่องบางเรื่องเหมือนปลาวาฬตายน้ำตื้น
ตอนสมัยเรียนมัธยม..เรียนสายวิทย์-คณิต
แต่มันดันมาจบรัฐศาสตร์การเมืองการปกครอง
ไม่ได้รับราชการ ไม่ได้เป็นปลัดอำเภอ เป็นแค่พนักงานบริษัทเอกชน
แต่ชอบการเกษตร...มันไม่ได้มีอะไรตรงกันเลยสักเรื่อง! |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 05/05/2014 11:52 pm ชื่อกระทู้: กล้วยไม้ ใกล้ม้วย |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม....คุณ tanapole
กล้วยไม้ ใกล้ม้วย
บทที่ 4 ไม่มีลุ้น ไม่หนุก
ตอนที่ 2 ...กระถาง # 1 เครื่องปลูก(เปลือกไม้) ขึ้นรา
(บทที่ 4 ตอนที่ 1 / 2 แก้ไขข้อมูล แต่งแต้มสีสันเรียบร้อยแล้วครับ)
ผมได้ทดลองทำตามวิธีการปลูกกล้วยไม้ โดยใช้ภาชนะและวัสดุตามที่คุณธนพลแนะนำ คือ ใช้ปากขวดน้ำอัดลมพลาสติก และใช้ Bark หรือเปลือกไม้เป็นวัสดุปลูก ...และทำตามวิธีที่ชาวสวนกล้วยไม้แถบบ้านผมเค้าทำกัน ว่าผลจะเป็นอย่างไร.....โดยผมจะนำเสนอตามขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มจนเสร็จ เพื่อให้เพื่อนสมาชิกที่อยากจะปลูกกล้วยไม้ไว้ดูเล่นบ้าง ได้ดูว่าแต่ละขั้นตอนเค้าทำอย่างไร
....ในบทที่ 3 ตอน 2 ผมบุกไปถึงรังกล้วยไม้ เพื่อจะไปเอาต้นกล้วยไม้มาปลูก ก็พยายามให้เพื่อน ๆ เห็นก่อนว่า ในสวนกล้วยไม้เค้ามีอะไรกันบ้าง เพื่อเป็นแนวคิดว่า ถ้าจะทำเองบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ จะทำอย่างไร....แต่ทำแล้วไม่ราบรื่นตามขั้นตอน ต้องกระโดดไป กระโดดมา อาจทำให้การนำเสนอ เรื่องไม่ต่อเนื่องกัน มันก็จะสับสนไม่รู้เรื่อง.....
ผมได้นำต้นกล้วยไม้มาและปลูกลงภาชนะเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 พค.57 แต่เพราะผมมีภารกิจอื่นที่ต้องทำ การนำเสนอจึงอาจจะช้าไป แต่พยายามที่จะให้เรื่องต่อเนื่องกันไป เพื่อให้เพื่อนดูแล้วพอจะรู้เรื่องตามขั้นตอน
ตามที่นำเสนอไปแล้วว่า ภาชนะที่ใช้ปลูกเพื่อการทดลอง จะมี 5 ใบ ผมใส่เลขเรียงลำดับ 1 5 ดังนี้
รูปที่ 46
หมายเลข 1 ใช้ปากขวด ปิดฝาขวด ไม่มีรูระบายอากาศ วัสดุที่ใช้คือ Bark หรือเปลือกไม้ ซึงเป็นวิธีที่คุณธนพล ใช้กับกล้วยไม้ที่ปลูก
หมายเลข 2 ใช้ปากขวด ปิดฝาขวด ไม่มีรูระบายอากาศ วัสดุที่ใช้คือ ถ่านหุงข้าวก้อนเล็กประมาณหัวแม่มือ
หมายเลข 3 ใช้ปากขวด แต่เปิดฝาขวด เจาะรูระบายอากาศไว้รอบปากขวด วัสดุที่ใช้คือ กาบมะพร้าวสับเป็นชิ้นโตประมาณหัวแม่มือ
หมายเลข 4 ใช้ก้นขวด เจาะรูระบายอากาศไว้รอบ และบริเวณก้นขวดด้วย วัสดุที่ใช้คือ กาบมะพร้าวตัดยาวประมาณ 1 นิ้วมือ อัดลงในก้นขวดประมาณครึ่ง ด้านล่างเป็นที่ว่าง
หมายเลข 5 ใช้กระถางดินเผามาตรฐานขนาด 3 นิ้ว ความกว้างประมาณเท่าปากขวดและก้นขวด วัสดุที่ใช้คือ กาบมะพร้าวตัดยาวประมาณ 1 นิ้วมือ อัดลงในกระถางประมาณครึ่งกระถาง ด้านล่างเป็นที่ว่าง
จากนั้นจึงเอา ต้นกล้วยไม้ที่ปลูกในกระถางเจี๊ยบ(ขนาด 1 นิ้ว) ซึ่งปลูกตั้งแต่เอาออกจากขวด จนถึงโตตามในรูป....ปลูกลงในภาชนะตามที่เห็น.
รูปที่ 47 กระถางหมายเลข 1 หลังปลูกเสร็จ วันที่ 1 พค.57
รูปที่ 48 กระถางหมายเลข 1 วันที่ 2 พค.57
รูปที่ 49 กระถางหมายเลข 1 วันที่ 3 พค.57
(50)
(51)
(52)
(53)
รูปที่ 50 53 กระถางหมายเลข 1 วันที่ 5 พค.57 จะสังเกต มีเชื้อราเกิดที่วัสดุปลูก ......
รูปที่ 54 ปลายรากหยุดการเจริญ....
รูปที่ 55 จะเห็นเชื้อราจากเปลือกไม้ เกาะที่บริเวณรอบกระถาง
จำเป็นต้องใช้ยากำจัดเชื้อรา
รูปที่ 56 หลังจากทำการกำจัดเชื้อราแล้ว เอาออกผึ่งแดดให้แห้ง ....ความจริงควรจะโยนทิ้ง....แต่อยากทดลองว่า จะรอดหรือไม่รอด.....
รูปที่ 57 เปลี่ยนกระถางใหม่ ใช้ปากขวดอย่างเดิม แต่เจาะรูระบายอากาศรอบปากขวด และจะเปิดฝาขวดทิ้งไว้เลย จะไม่ปิดๆ เปิด ๆ ฝาขวด เพื่อให้น้ำแช่ แล้วคอยเปิดออกตามวิธีของคุณธรพล.....นอกจากนี้ยังเปลี่ยนวัสดุปลูกเป็นกาบมะพร้าวสับ + ถ่านหุงข้าว
(58 )
(59)
รูปที่ 58 - 59 จากนั้นก็เอาลงปลูก ตามเดิม
รูปที่ 60 พิจารณาถึงภาชนะที่ใช้ปลูก 3 ชนิด
ซ้ายคือปากขวด ไม่มีรู ปากขวดปิด ตามแบบของคุณธนพล เวลาใช้งาน ปิดฝาขวด เอาน้ำใส่เต็ม ทิ้งไว้ระยะหนึ่ง เปิดฝาออกระบายน้ำทิ้ง
วิธีนี้ เหมาะสำหรับคุณธนพล เพราะถนัดใช้ แต่สำหรับผมไม่ถนัด และไม่เหมาะที่จะใช้งาน อีกอย่าง บริเวณบ้านผมอากาศชื้น 3 4 วันจึงจะรดน้ำกล้วยไม้ครั้งหนึ่ง การปล่อยน้ำเข้าไปแช่ในกระถาง จึงทำให้วัสดุปลูกด้วยวิธีการนี้เกิดเป็นเชื้อรา ชาวสวนกล้วยไม้แถวบ้านผม ไม่มีใครใช้ Bark เป็นเครื่องปลูก เนื่องจากไม่คุ้มค่าและจะเกิดเชื้อราได้ง่ายเนื่องจากความชื้นสูง
ผมได้ทดลองให้เห็นแล้วว่า อากาศบ้านคุณ อากาศบ้านผม ความชื้นสัมพัทธ์บ้านคุณ ความชื้นสัมพัทธ์บ้านผม รวมทั้งปัจจัยอื่น ๆ ที่แตกต่างกัน...เช่น...น้ำ อุณหภูมิ แสงแดด และ ฯลฯ นอกจากนี้ การใช้ปากขวดเป็นภาชนะปลูก ทำงานไม่สะดวก โดนนิดโดนหน่อยล้ม สู้ใช้ก้นขวดยังจะดีกว่า
รูปตรงกลาง คือก้นขวด หากใช้เป็นภาชนะปลูกน่าจะทำงานได้สะดวกกว่าเพราะวางตั้งไม่ล้ม แต่ต้องเจาะรูระบายอากาศ และระบายน้ำ
รูปขวาสุด คือกระถางพลาสติกปลูกกล้วยไม้มาตรฐาน...จะเห็นมีช่องระบายอากาศและน้ำโปร่งมาก
ใครจะใช้แบบไหน จะประหยัดแค่ไหน ให้นึกถึงต้นกล้วยไม้ด้วยว่า กล้วยไม้ที่คุณปลูกเค้าชอบแบบไหน
(61)
(62)
รูปที่ 61 - 62 ..โดยปกติแล้ว ผมไม่ค่อยจะได้ใช้ยาป้องกันหรือกำจัดเชื้อรา เพราะมันไม่มีจะให้กำจัด และยังมีนกมาช่วยกินหนอน กินแมลง ..
..การที่ใช้น้ำหมักสูตรต่าง ๆ + สมุนไพร รดน้ำต้นไม้ เชื้อโรค เชื้อราจะไม่ค่อยมีครับ
แล้วก็ จากการสังเกต มันเป็นเรื่องแปลก(แต่จริง)ที่กลิ่นของสารอาหารในไบโออิ เมื่อรวมตัวกันแล้วหมักทิ้งเอาไว้มันจะมีกลิ่นที่ สัตว์(หนอน แมลง หมา ไก่ ไม่ชอบ หมาดม ๆ แล้วทำจมูกฟิต แล้วเดินจากไป นกก็ไม่ชอบ แต่มันบินหาอาหารแล้วมันก็ไป
อีกอย่าง ใครที่ปลูกต้นไม้แล้ว หมาชอบลงตีแปลง..ให้เกิดความแค้นยิ่งนัก..แก้ไม่ยาก ให้เอาหัวกุ้ง หรือกุ้งทั้งตัวก็ไม่มีใครว่า ต้มให้เดือด ทิ้งให้เย็น เอาน้ำหมักอะไรก็ได้ผสมลงไป เอาน้ำนั่นมาราดบริเวณที่ปลูกพืช รับรองว่าหมาได้กลิ่นกุ้งจะไม่เข้าใกล้ หรือจะเอาน้ำต้มกบก็ได้ เพราะ หมาไม่กินกุ้ง และไม่กินกบ ลองดูครับ .
ถ้าจะถามว่าทำไมหมาไม่กินกุ้ง ไม่กินกบ อันนี้ผมไม่รู้ ต้องถามหมาเอาเองครับว่าทำไมถึงไม่ชอบกินของดี ๆ ....
ยังไม่จบ คอยลุ้นกันต่อไปครับ
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 07/05/2014 2:31 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
orchid สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 07/05/2014 ตอบ: 43
|
ตอบ: 07/05/2014 12:23 am ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุง และคุณแดง ศาลายา
สมาชิกน้องใหม่ สนใจเรื่องกล้วยไม้ แต่ไม่ค่อยมีความรู้ครับ....อยากให้คุณแดงอธิบายตั้งแต่เริ่มปลูกไปตามขั้นตอนเลยครับ คนที่ไม่รู้จะได้รู้ จะได้หัดทำไปด้วย...ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีคนอ่าน อย่างน้อยก็มีผม กับคุณ tanapole ครับที่อ่าน.....
เรื่องของคุณแต่ละเรื่อง เขียนแบบสบาย ๆ เหมือนเล่าเรื่องให้ฟัง ทะลึ่งตึงตังตามนิสัยคนไทย ได้ความรู้หลากหลาย ที่บางเรื่องไม่เคยรู้มาก่อน ผมติดตามอ่านอยู่ครับ ก็อยากให้เขียนเรื่องที่ค้าง ๆ อยู่ รวมทั้งเรื่องกล้วยไม้ต่อด้วยครับ
เข้าใจหาเรื่องและมุขแปลกๆ รวมทั้งรูปผู้ชายโป๊ (กระเทย) มาลงจริง ๆ
ขอบคุณครับ...
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11623
|
ตอบ: 07/05/2014 5:16 am ชื่อกระทู้: |
|
|
orchid บันทึก: |
...ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีคนอ่าน อย่างน้อยก็มีผม กับคุณ tanapole ครับที่อ่าน.....
|
- ลุงคิมก็อ่าน....
- ชอบคุณเขียนหนังสือ มี "เว้นวรรค ย่อหน้า ขึ้นบรรทัดใหหม่" ดี แบบนี้ปลูกกล้วยไม้ได้....บางคนเขียนหนังสือแบบ ไม่เว้นวรรค ไม่ย่อหน้า บรรทัดเดียว ตั้งแต่เริ่มต้นยันจบ แบบบนี้ปลูกถั่วดี ว่ามั้่ย
- ลุงคิมต้องตามแก้ไขให้ นอกจากในเว้บจะได้ดูดีแล้ว ยังเป็นตัวอย่างให้เด็กๆ รุ่นหลังทำตามอีกด้วย.....การเขียนหนังสือน่ะ สะท้อนให้เห็นความ "ความละเอียด ประณีต" ของคนด้วย
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 07/05/2014 3:24 pm ชื่อกระทู้: ผู้หญิงเทียม |
|
|
orchid บันทึก: | สวัสดีครับลุง และคุณแดง ศาลายา
สมาชิกน้องใหม่ สนใจเรื่องกล้วยไม้ แต่ไม่ค่อยมีความรู้ครับ....อยากให้คุณแดงอธิบายตั้งแต่เริ่มปลูกไปตามขั้นตอนเลยครับ คนที่ไม่รู้จะได้รู้ จะได้หัดทำไปด้วย...ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีคนอ่าน อย่างน้อยก็มีผม กับคุณ tanapole ครับที่อ่าน.....
เรื่องของคุณแต่ละเรื่อง เขียนแบบสบาย ๆ เหมือนเล่าเรื่องให้ฟัง ทะลึ่งตึงตังตามนิสัยคนไทย ได้ความรู้หลากหลาย ที่บางเรื่องไม่เคยรู้มาก่อน ผมติดตามอ่านอยู่ครับ ก็อยากให้เขียนเรื่องที่ค้าง ๆ อยู่ รวมทั้งเรื่องกล้วยไม้ต่อด้วยครับ
เข้าใจหาเรื่องและมุขแปลกๆ รวมทั้งรูปผู้ชายโป๊ (กระเทย) มาลงจริง ๆ
ขอบคุณครับ...
. |
สวัสดีครับลุงคิม คุณ orchid
ขอบคุณสำหรับคำชม อยากให้ติมากกว่า มีอะไรผิดจะได้แก้ไข ...บ้านผมน่ะ ปลูกต้นยอไว้เกือบจะรอบบ้านแล้วครับ(ยอดอ่อนหน้าแล้งอย่างตอนนี้โลละ 40) การที่ผมเขียบนกระทู้จุดประสงค์เพื่อเอาข้อมูลมาฝากเก็บไว้ เวลาไวรัสลงคอม ข้อมูลยังอยู่.... ซึ่งมันก็ไม่ค่อยจะได้เรื่องอะไรสำหรับคนที่ไม่ชอบ แต่ผมชอบผมก็เขียนสบาย ๆ ตามแบบของผม พยายามทำให้มีสีสันตามชื่อเว็ป
สำหรับรูปผู้ชายโป๊ ผมโดนด่าหลังไมค์ซะไม่มีดี....ขนาดผู้หญิงยังดูไม่ออก แล้วผมจะไปดูออกได้ยังไง ถ้ามองผ่าน ๆ บางคนมันดูยาก แต่ถ้ามองพิศ จะเห็น....อย่างรูปเนี้ย....
เห็นทีแรก โอ้โฮเฮ๊ย..แทบจะร้องเพลง ตอนเมียไม่มีทำไมไม่เจอ ..แต่พอดูให้ดี ๆ เฮ๊อ เวรกรรม ผู้หญิงบ้าอะไร กระดูกไหปราร้าใหญ่ขนาดนี้ ไหปลาร้าลึกหมักปลาร้าได้เลย แขนเรียวเล็ก แต่ข้อมือบะเริ่มเทิ่ม โหนกแก้ม ไม่เนียน ...และ.ฯลฯ.น้องเค้าดูเหมือนผู้หญิงแต่ไม่ใช่ผู้หญิง ...ขืนเอาของจริงมาลง ผมได้โดนเจ้าตัวเค้าฟ้องเอาซีครับ แต่น้อง ๆ พวกนี้เค้าชอบให้กด Like อยู่แล้ว และเพียงแค่ทำให้ดูมีสีสันเท่านั้นแหละครับ แต่ยังไง ๆ ผู้หญิงจริงอิจฉาก็แล้วกันน่า..
ลองเปรียบเทียบกับรูปนี้ดูความเหมือนที่แตกต่าง....รูปนี้ ผมขออนุญาต อับดุล เค้าแล้วครับ...โอเคมั๊ยอับดุล ....ได้เลยน่ะนายจ๋า....
คุณ Orchid สนใจอยากปลูกกล้วยไม้ ก็คอยติดตามอ่าน คงมีอะไรที่สะกิดใจคุณบ้างไม่มากก็น้อย แต่วิธีของผมส่วนมากจะไม่ค่อยเหมือนที่ชาวบ้านเค้าทำกัน ผมชอบทำอะไรที่มันทำง่าย ๆ คือ ทำยังไงก็ได้ให้กล้วยไม้งาม มีดอกให้ชื่นชม
ขอบคุณครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Phinyo สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 25/01/2014 ตอบ: 59 ที่อยู่: นครสวรรค์
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 07/05/2014 6:12 pm ชื่อกระทู้: กล้วยไม้ ใกล้ม้วย |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม....คุณ tanapole และคุณ Orchid น้องใหม่
กล้วยไม้ ใกล้ม้วย
บทที่ 4 ไม่มีลุ้น(รางวัล)... ไม่สนุก
ตอนที่...3 เตรียมกล้วยไม้เพื่อจะปลูก
หลังจากที่ผมไปเดินหากล้วยไม้เพื่อที่จะมาปลูกตามแบบที่คุณธนพลแนะนำ ตอนนี้ก็ได้มาแล้วจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นการทดลอง......เป็นต้นกล้วยไม้ตัดดอกปั่นตา เอาออกจากขวด ปลูกอยู่ในกระถางเจี๊ยบนิ้ว ได้มา 3 ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่
(63)
(64)
(63 64) แบบนี้ชาวสวนกล้วยไม้เรียกว่า เจี๊ยบเล็ก (อย่าอ่านเพี้ยนนะครับ ยุ่งตายเลย)
ต้นโตกว่าขนาด ลูกเจี๊ยบ ที่เริ่มปลูกตั้งแต่เอาออกจากขวด แล้วก็เอาลงปลูก ซึ่งภาษาชาวสวนเค้าเรียกว่า หนีบ ในกระถางเจี๊ยบ คือกระถาง 1 นิ้ว ต้นเล็กแบบนั้น เรียกว่า ลูกเจี๊ยบ
เครื่องปลูก ลูกเจี๊ยบ หรือกล้วยไม้สมัยก่อนเค้าใช้ ออสมันด้า มันทนทานมาก ๆ ไม่ผุง่าย อยู่ได้นานหลายปี ลักษณะเป็นเส้น ๆ สีดำ โตประมาณเส้นหมี่ เป็นรากเฟิร์นชนิดหนึ่ง นำเข้าจากเมืองนอก.ไม่แน่ใจว่า มากจาก ฮาวาย หรือเปล่า
.ผมเคยเก็บเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดูว่ามันเป็นยังไง แต่ น้องน้ำเอาไปกิน เมื่อปลายปี 2554 ...น่าจะมีขายอยู่บ้างตามร้านขายอุปกรณ์กล้วยไม้ ปลูกกล้วยไม้ดีมั๊ย ตอบว่า ดี แต่มันแพง
ชาวสวนก็เลยเอากาบมะพร้าวบ้านเรา มาตัดให้ยาวประมาณ 2 องคุลี(2ข้อนิ้วมือ) แล้วยัดลงกระถางขนาด 1 นิ้ว เรียกว่ากระถางเจี๊ยบ ปรากฏว่าใช้งานได้ดีมาก ๆ ...มีเค้าทำมาขายครับ ร้อยละเท่าไหร่ไม่รู้ เพราะชาวสวนสั่งซื้อแต่ละครั้ง เป็นหมื่น หรือเป็นแสนใบ สวนกล้วยไม้ใหญ่ ๆ ใช้ทีเป็นล้านใบ ใบละ 1 บาทก็เหลือเกินแล้ว
(65) กล้วยไม้ในขวด..โตจนคับขวด..ขนาดนี้น่าจะเอาออกขวดได้แล้ว
ปลูกกล้วยไม้ให้สนุก เร้าใจ ได้อารมณ์ ต้องปลูกเริ่มจากที่เอาออกจากขวด ลุ้นให้มันโต จนถึงออกดอก ...มันถึงจะมัน... ได้ลุ้นตอนที่มันออกดอกแล้วดอกกำลังจะบาน....ถึงขนาดนอนเฝ้าดูกันเลยที่เดียว(ได้แก่พ่อผมเอง)
คำถาม...คุณรู้วิธีการเอากล้วยไม้ออกจากขวด จนถึงการลงปลูก และการอนุบาล ลูกเจี๊ยบ มั๊ยครับ....
(66)
(67)
(66 67) นี่ก็อยู่ในกระถางเจี๊ยบ แต่ต้นโตขึ้นมาหน่อย ขนาดนี้เรียกว่า เจี๊ยบกลาง ชุดนี้แหละครับที่ผมจะใช้ทำการทดลองกับเครื่องปลูก 5 อย่าง รากกำลังพุ่งเลยแหละ
(68 )
(69)
(68 69 ) อันนี้เป็น เจี๊ยบใหญ่ ต้นสูงประมาณ 10 นิ้ว ใกล้จะออกดอกชุดแรกแล้ว
ทำไมเค้าไม่เอาลงปลูกในแปลงเพื่อตัดดอก ....คำถามน่าคิด...
(70) อันนี้ ออกดอกในกระถางเจี๊ยบ ...ต่อคำถามที่ว่า ทำไมเค้าไม่เอาลงปลูกในแปลงเพื่อตัดดอก เพราะว่า
1. สวนกล้วยไม้บางสวน ไม่ชอบเสียเวลาอนุบาล ลูกเจี๊ยบ จะซื้อต้นจากขนาดเจี๊ยบใหญ่ เอาไปปลูก บำรุงอีกไม่นานก็จะตัดดอก ตัดสองสามมีด ก็คืนทุนแล้วครับ
2. อย่างดอกที่เห็นนี้ เป็นไม้ช่อสั้น ส่งนอกไม่ได้ ส่งปากคลองก็ไม่ได้ แต่จะขายให้แม่ค้าร้อยพวงมาลัยมาซื้อถึงสวน นับขายกันเป็นดอก ร้อยละสิบ ร้อยละยี่สิบก็ว่ากันไป
และยังมีแม่ค้ากำดอกไม้ขาย จะมาซื้อเป็นช่อ แม่ค้าดอกไม้กำนี่เก่งมาก สามารถกำดอกไม้ช่อสั้น ๆ ให้ดูเป็นไม้ช่อยาวได้ ยอดจริง ๆ .....ที่คุณซื้อบูชาพระนั่นแหละ จากช่อสั้น ๆ แบบนี้ทั้งนั้นแหละ
3. จะมีร้านขายต้นไม้มาซื้อทั้งเจี๊ยบ เอาไปขายต่อ ซื้อจากสวน กระถางละ 5 บาท 10 บาท เอาไปขายกระถางละ 20 30 ก็เหลือกินแล้ว
กล้วยไม้ออกดอกในกระถางเล็ก ๆ จุ๋มจิ๋มน่ารัก หนุ่ม ๆ ซื้อให้สาว .. สาว ๆ ซื้อไปประดับโต๊ะทำงาน หรือประดับคอนโด ดอกบานทนอยู่ได้นานเป็นเดือน มันดูดีกว่าซื้อดอกไม้กำไปปักแจกันมั๊ยล่ะครับ
4. ตัดดอกส่งนอกไม่ได้ แต่ส่งนอกทั้งกระถางได้ ฝรั่งชอบ ได้ราคาพอ ๆ กับตัดดอกส่งนอก ช่อละ 3 บาทเอง ส่งนอกต้นละ 10 20 บาทก็หรูแล้ว ฝรั่งซื้อไปประดับโต๊ะทำงาน หรือประดับบ้าน ดอกบานทนอยู่ได้นานเป็นเดือน มันดูดีกว่าซื้อดอกไม้กำไปปักแจกันเช่นเดียวกัน...
5. ณ ที่ตรงนี้เป็นสถานที่ทดลองของห้องแลป การเพาะหรือปั่นตาแต่ละครั้ง ต้องมีการทดสอบสูตรวุ้นอาหารที่ใช้ ว่า เลี้ยงง่าย โตเร็ว ไม่กลายพันธุ์ ดอกออกมาสีตกหรือไม่ตก มีค่าผิดเพี้ยนเบี่ยงเบนกี่ % ....ฯลฯ
ฉะนั้น ณ ที่ตรงนี้จึงเป็นแปลงทดลองของห้องแลป ..ชุดนี้หมดไป เดี๋ยวชุดใหม่ก็ออกมา ....
เป็นไงครับ ผมเจาะถึงกึ๋นมั๊ยล่ะครับ นี่แหละครับสิ่งที่ไม่มีในตำรา
(71) เปรียบเทียบให้ดู 3 ขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ...เครื่องปลูกคือ กาบมะพร้าว หาง่าย ราคาถูก ใช้ได้ดีเกินคาด คนสมัยก่อนนิยมของนอก(เพราะผู้นำสมัยโน๊น)...สู้เปลือกมะพร้าวไม่ได้
(72) ดูความสมบูรณ์ของปลายรากซีครับ ใสปิ๊ง พร้อมที่จะหากินมั๊ยล่ะครับ
(73) เมื่อได้กล้วยไม้มาแล้ว เครื่องปลูกก็พร้อมแล้ว แต่คนปลูกยังไม่พร้อมครับ พักให้กล้วยไม้เค้าหายเหนื่อยก่อนครับ....
(74)
(75)
(76)
(74 76) สภาพแวดล้อมใต้ราวปลูกกล้วยไม้ใกล้บ้านของผม ด้านบน แห้ง ด้านล่าง มีต้นเฟอร์นคลุมหน้าดิน มีความชื้นครับ
ปัจจัยอีกอย่างหนึ่งของการปลูกกล้วยไม้ให้งาม จำไว้เลยครับว่า
หัวร้อน ตีนเย็น ....ถ้าหัวร้อน ตีนร้อน กล้วยไม้ไม่ตาย แต่เลี้ยงไม่โต.... ต้องทำให้หัวร้อน ตีนเย็นให้ได้ จะทำยังไง ....ก๊อหน่านนะซี..
(77)
(78 )
(77 78 ) โปรดสังเกตสภาพภายในสวนกล้วยไม้ ด้านบนร้อนอยู่ใต้ซานแรน 60 % ด้านใต้มีร่องน้ำหล่อ นี่แหละครับที่เรียกว่า หัวร้อน ตีนเย็น
...เครื่องปลูก วัสดุพื้นบ้านแบบไทย ๆ กาบมะพร้าว ครับ ..
..และขอบอก สภาพสิ่งแวดล้อมภายในสวนกล้วยไม้แบบนี้ ไม่มีทางที่สวนไหน ๆ ใครเค้าจะเข้าไปให้คุณดูหรอกครับ ยากส์.....
มีโอกาส อยากรู้ อยากถามอะไร ถามนะครับ สิ่งใดที่ผมรู้ ผมจะบอกเท่าที่ผมรู้ ส่วนที่ไม่รู้ คงบอกไม่ได้ รับรองว่า กบนอกกะลา เอ๊ย เรื่องนอกตำราแยะเลย
คุณธนพลยังติดใจกับเรื่องการปรับสภาพน้ำ pH 6.5 อยู่อีกหรือเปล่าครับ เวรกรรม กางตำราทำจริง ๆ
คุณน่าจะหาวิธีว่า ทำยังไง เจ้า CaO ที่ปนอยู่ในน้ำประปา มันจะตกตะกอน เหลือแต่ H2O+ แล้วจาก 7.2 ที่คุณวัดได้ ปรับสภาพให้ได้ 7.0 เมื่อผสมปุ๋ยลงไปแล้วได้ pH ประมาณ 6.2 6.8 ....แต่วแหว่ว ....ตบปากตัวเองแป๊ะ....นี่แน่ะ ปากไม่ดี.....
นอกจาก....ซิลิสิค แอซิด (แร่ธาตุซิลิก้าจากหินแร่ภูเขาไฟ)...กรดไนตริก ที่คุณใช้ปรับสภาพน้ำประปาแล้ว คุณรู้จัก และไม่คิดที่จะลองใช้สารตัวอื่นอีกบ้างหรือ เช่นว่า
กรดฟอสฟอริก(H3PO4)
กรดซัลฟูริค(กรดกำมะถัน)(H2SO4)....อลูมินั่ม ซัลเฟต......เฟอริกครอไรด์ ...ลองดูครับ เผื่อจะมีอะไรซักตัวที่ ปิ๊ง กับน้ำประปาบ้านคุณ...รับรองว่าต้องมี ..แน่ ๆ เพราะมันต้องมี.....
เช่นน้ำคลองบ้านผม มัน ปิ๊งกับ กรดไนตริก และกรดฟอสฟอริก + กับ โปแตสเซี่ยมเปอร์แมงกาเนต 3 ตัวนี้ผสมกัน ตามความเหมาะสม ผมจะได้ N P K กับแร่ธาตุ มลึกกึ๊กกึ๋ย ในน้ำเรียบร้อยแล้ว
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
tanapole สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 31/03/2014 ตอบ: 48
|
ตอบ: 07/05/2014 9:20 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
สวัสดีครับลุงคิม, คุณแดง และทุกท่านที่เข้ามาอ่าน
เรื่องวิธีลดคลอรีนในน้ำประปา ไม่ยากครับ (ผมเลี้ยงปลาดิสคัส เคยใช้อยู่)
เราใช้ โซเดียมไธโอซัลเฟต(Na2S2O3 . 5H2O)
สารตัวนี้จะทำปฏิกิริยากับคลอรีน ได้ Na2S4O6 + 2NaCl + 10 H2O
เจ้าเกลือแกง(NaCl) และ Na2S4O6 นี่จะเป็นปัญหากับกล้วยไม้หรือไม่?
แต่ช่างเถอะครับ ผมไม่ได้เครียดที่จะให้ทุกอย่างเป๊ะๆ
แค่ขังน้ำในภาชนะ แล้วเปิดฝาทิ้งไว้ 1-2วัน คลอรีนในน้ำก็จะระเหยออกไป
หินปูนในน้ำประปา (เขต กทม.) ไม่ได้มีมากจนเป็นอันตรายต่อระบบรากของกล้วยไม้
ถ้าเป็นน้ำจากบ่อบาดาลสิครับที่น่ากลัว
การใช้สารตัวอื่นเช่นกรดฟอสฟอริค มีข้อดีคือ เราจะได้ฟอสฟอรัส
ความจริงมีการใช้กรดไนตริกผสมกับกรดฟอสฟอริค เพื่อใช้ปรับค่า pH ของน้ำ
นอกจากลดค่า pH แล้วยังได้ ไนโตรเจนกับฟอสฟอรัสด้วย
สารตัวนี้มีขายสำเร็จรูป พวกที่ปลูกผักแบบไฮโดรโพนิคใช้กัน
อีกเรื่อง...การเอาน้ำแข็งใส่ลงในน้ำที่จะใช้รดกล้วยไม้ ทำเพื่อลดอุณหภูมิของน้ำใช่ไหมครับ?
ยิ่งคุยยิ่งได้ความรู้ โดยเฉพาะการพูดคุยกับผู้มีประสบการณ์
ท่านที่เข้ามาอ่านอย่าได้เครียดนะครับ วิชาการมีเอาไว้อ้างอิง
คือมันต้องเป็นเรื่องที่สามารถอธิบายได้
ยกตัวอย่าง...
มีคนบอกว่าน้ำหมักจุลินทรีย์มีประโยชน์นับอนันต์ มันคือปุ๋ยที่วิเศษที่สุดในสามโลก
ผมไม่เชื่อหรอกครับ จุลินทรีย์มันไม่ใช่ปุ๋ย แต่มันช่วยให้พืชรับสารอาหารได้มากขึ้น
หากมีแต่จุลินทรีย์ ไม่มีสารอาหาร ต้นไม้เติบโตแข็งแรงได้คงเป็นเรื่องประหลาดมาก
ท่านที่ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้เพื่อความเพลิดเพลิน ลองนำไปปรับใช้ตามสภาพการณ์
หากท่านเลี้ยงกล้วยไม้ได้งามอยู่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปปรับเปลี่ยน
ทำให้มันยุ่งยาก ประเดี๋ยวจะกลายเป็นการปลูกกล้วยไม้เพื่อความทุกข์ตรม
ปัจจัยที่ทำให้กล้วยไม้มีความงดงามสมบูรณ์นั้น ไม่ได้มีเพียง น้ำและปุ๋ย
กล้วยไม้ก็คล้ายกับพืชอื่นๆ เจริญเติบโตบนปัจจัยพื้นฐานตามธรรมชาติ
ว่าแล้วก็รอเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากคุณแดง กันต่อ...
ราตรีสวัสดิ์ครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
tanapole สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 31/03/2014 ตอบ: 48
|
ตอบ: 07/05/2014 9:29 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ลืม....
ขอบคุณ คุณ ภิญโญ ด้วยครับที่เอาความรู้มาให้อ่านกัน |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 08/05/2014 12:37 am ชื่อกระทู้: |
|
|
tanapole บันทึก: | สวัสดีครับลุงคิม, คุณแดง และทุกท่านที่เข้ามาอ่าน
เรื่องวิธีลดคลอรีนในน้ำประปา ไม่ยากครับ (ผมเลี้ยงปลาดิสคัส เคยใช้อยู่)
เราใช้ โซเดียมไธโอซัลเฟต(Na2S2O3 . 5H2O)
สารตัวนี้จะทำปฏิกิริยากับคลอรีน ได้ Na2S4O6 + 2NaCl + 10 H2O
เจ้าเกลือแกง(NaCl) และ Na2S4O6 นี่จะเป็นปัญหากับกล้วยไม้หรือไม่?
แต่ช่างเถอะครับ ผมไม่ได้เครียดที่จะให้ทุกอย่างเป๊ะๆ
ผมอยากให้คุณอ่านข้อความที่ผมเสนอไว้ข้างต้นตรงนี้อีกครั้ง
คุณเคยสังเกตบ้างไหมว่า เมื่อใช้น้ำประปารดน้ำกล้วยไม้ไปนาน ๆ จะมีคราบขาว ๆ จับที่โคนกาบใบ และปลายรากไม่สดใส เพราะ CaO หรือ แคลเซียมอ๊อกไซด์ที่ละลายปนอยู่ในน้ำประปา มันเป็นหินปูน
ทีนี้ เมื่อเอา กรดไนตริก รวมกับน้ำที่มี CaO หรือหินปูนผสมอยู่ มันจะเกิดปฏิกิริยา ได้สาร แคลเซี่ยมไนเตรทออกมา
เมื่อเอา HNO3 + CaO หรือ ทางสมการเคมีจะเขียนว่า
CaO + 2 HNO3 = จะได้ H2O(น้ำ) + Ca(NO3)2 (แคลเซี่ยมไนเตรท)
Ca(NO3)2 แคลเซี่ยมไนเตรท
ใช้เป็นสารในการผลิตปุ๋ย และเป็นตัวทำละลายซิลิกา เจล
จากกรดไนตริก ได้ออกมาเป็น แคลเซี่ยมไนเตรทแล้ว ....ทำยังไงต่อไป งง.....
มาถึงตรงนี้แล้ว คุณมองเห็นอะไรบ้าง คุณคิดอะไรออกบ้างไหม.....คุณตามผมทันมั๊ยครับ.
.คุณธนพลเป็นนักวิเคราะห์ นักทดลอง และนักอะไร ต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง แค่คุยกัน ผมยอมรับในความรู้และความสามารถ ที่บางอย่างผมไม่รู้ ..
จากที่ผมจั่วหัวเรื่องบรรทัดสุดท้ายว่า
เอากรดไนตริกใส่น้ำประปา มะงุม มะงาหรา จนได้ของดีออกมา
ของดีที่ว่านี้คืออะไร...คือ..Ca(NO3)2-แคลเซี่ยมไนเตรท ยังไงละครับ
จากกรดไนตริก ได้ออกมาเป็น แคลเซี่ยมไนเตรทแล้ว
Ca(NO3)2 แคลเซี่ยมไนเตรท ใช้เป็นสารในการผลิตปุ๋ย และเป็นตัวทำละลายซิลิกา เจล
ลุงคิมสอนให้คิด ผมคิดตามที่ลุงคิมสอน จนจะกลายเป็นไอ้บ้าอยู่นี่แล้วครับลุง.....
ถึงตรงนี้ ผมรู้ครับว่า ลุงนั่งหัวร่อก๊ากแล้ว....
Calcium Nitrate สูตรเคมี Ca(NO3)2 สูตรทางฟิสิคส์หรือทางกายภาพคือ..
ปุ๋ยสูตร 15-0-0 ยังไงล่ะครับ
คุณไม่ได้สนใจปุ๋ย 15-0-0 ตัวนี้เลย กลับไปอ้าง โซเดี้ยมไธโอซัลเฟต เอามาปรับสภาพน้ำมันก็จะได้ เกลือแกง คุณจะเอาน้ำเกลือไปรดต้นไม้หรือครับ
แค่ขังน้ำในภาชนะ แล้วเปิดฝาทิ้งไว้ 1-2วัน คลอรีนในน้ำก็จะระเหยออกไป
คุณเข้าใจผิดไปแล้วมังครับ....ไอ้เจ้ากลิ่นคลอรีนมันระเหยหาย แต่ธาตุที่ปนอยู่ในน้ำไม่ได้หายไปไหนครับ ขึ้นอยู่กับว่า ทางประปาเค้าใช้สารตัวไหนใส่ลงไปในน้ำ
1.1 แคลเซียมไฮโปรคลอไรต์ (Calcium hypochlorite) เป็นผงสีขาว ละลายน้ำได้ดีมีสูตรทางเคมี คือ Ca(OCl)2 หรือ
1.2 โซเดียมไฮโปรคลอไรต์ (Sodium hypochlorite) เป็นสารละลายใส สีเหลืองอมเขียวมีสูตรทางเคมี คือ NaOCl
คณบอกว่า
หินปูนในน้ำประปา (เขต กทม.) ไม่ได้มีมากจนเป็นอันตรายต่อระบบรากของกล้วย
ไม้
ลองดูรูปนี้หน่อยปะไร
(79) (วันที่ 17-8-13...คราบหินปูนจากใช้น้ำประปารดที่กรุงเทพ...คลองสาน)ไม่รู้ว่ามันเกิดคราบหินปูนตั้งแต่เมื่อไหร่ พอไปเห็นแบบนี้ผมก็ย้ายออกมา
(80) (วันที่ 2-10-13 คราบหินปูนยังติดอยู่)
(81)(วันที่ 5-5-14 คราบหินปูนก็ยังมี ลองดูระบบรากที่เกิดจากการใช้น้ำประปารดซีครับ.....)
ไหนคุณบอกว่า หินปูนในเขต กทม.ไม่มีมาก จนเป็นอันตรายต่อระบบรากของกล้วยไม้ยังไงล่ะครับ ....ถ้าอย่างนั้น คราบหินปูนในน้ำประปาที่คลองสานนี้มาจากไหน
กล้วยไม้ต้นนี้ปลูกอยู่ที่เขตคลองสาน ผมขนย้ายมาไว้ที่นครปฐม แล้วก็ใช้น้ำบาดาลรดบ้าง ใช้น้ำคลองรดบ้าง ลองดูระบบรากที่ออกมา(รูปข้างล่าง)ซีครับ
คุณบอกอีกว่า
ถ้าเป็นน้ำจากบ่อบาดาลสิครับที่น่ากลัว
(82)
(83)
(84)
(85)
(82 - 85) ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของปลายรากกล้วยไม้ที่ใช้น้ำจากบ่อน้ำบาดาลรด
ทั้งหมดนี้จากของจริง ไม่ใช่ในตำราครับ
การใช้สารตัวอื่นเช่นกรดฟอสฟอริค มีข้อดีคือ เราจะได้ฟอสฟอรัส
ความจริงมีการใช้กรดไนตริกผสมกับกรดฟอสฟอริค เพื่อใช้ปรับค่า pH ของน้ำ
นอกจากลดค่า pH แล้วยังได้ ไนโตรเจนกับฟอสฟอรัสด้วย
สารตัวนี้มีขายสำเร็จรูป พวกที่ปลูกผักแบบไฮโดรโพนิคใช้กัน
อีกเรื่อง...การเอาน้ำแข็งใส่ลงในน้ำที่จะใช้รดกล้วยไม้ ทำเพื่อลดอุณหภูมิของน้ำใช่ไหมครับ?
คุณเคยไปอาบน้ำตกตามธรรมชาติมั๊ยครับ น้ำตกมันร้อนหรือมันเย็น มันเย็นเจี๊ยบแค่ไหน.....
แล้วน้ำฝนที่กำลังตกมันร้อนหรือมันเย็น มันเย็นแทบจะเป็นน้ำแข็ง
การที่เอาน้ำแข็งใส่ไปในน้ำที่ปรับสภาพแล้ว เพื่อให้มันเย็นเจี๊ยบเหมือนน้ำฝนจริง ๆ ครับ เพราะน้ำฝนมันเหมือนมีไนเตรทแช่เย็น ต้นไม้มันจึงงาม ....ไม่มีตำราเล่มไหนเค้าเขียนบอกคุณไว้หรอกครับ แต่อาจารย์ของผมท่านบอก แล้วผมก็จดและจำใส่สมองเอาไว้ ไม่มีวันลืม.....
ยิ่งคุยยิ่งได้ความรู้ โดยเฉพาะการพูดคุยกับผู้มีประสบการณ์
ท่านที่เข้ามาอ่านอย่าได้เครียดนะครับ วิชาการมีเอาไว้อ้างอิง
คือมันต้องเป็นเรื่องที่สามารถอธิบายได้
ยกตัวอย่าง...
มีคนบอกว่าน้ำหมักจุลินทรีย์มีประโยชน์นับอนันต์ มันคือปุ๋ยที่วิเศษที่สุดในสามโลก
ผมไม่เชื่อหรอกครับ จุลินทรีย์มันไม่ใช่ปุ๋ย แต่มันช่วยให้พืชรับสารอาหารได้มากขึ้น
หากมีแต่จุลินทรีย์ ไม่มีสารอาหาร ต้นไม้เติบโตแข็งแรงได้คงเป็นเรื่องประหลาดมาก
ท่านที่ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้เพื่อความเพลิดเพลิน ลองนำไปปรับใช้ตามสภาพการณ์
หากท่านเลี้ยงกล้วยไม้ได้งามอยู่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปปรับเปลี่ยน
ทำให้มันยุ่งยาก ประเดี๋ยวจะกลายเป็นการปลูกกล้วยไม้เพื่อความทุกข์ตรม
ปัจจัยที่ทำให้กล้วยไม้มีความงดงามสมบูรณ์นั้น ไม่ได้มีเพียง น้ำและปุ๋ย
กล้วยไม้ก็คล้ายกับพืชอื่นๆ เจริญเติบโตบนปัจจัยพื้นฐานตามธรรมชาติ
ว่าแล้วก็รอเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากคุณแดง กันต่อ...
ราตรีสวัสดิ์ครับ |
ผมมีคำแนะนำคุณธนพลและเพื่อน ๆ ที่สนใจในเรื่องต่าง ๆ ในเว็ปลุงคิมนี่แหละ
หากสนใจเรื่องไหน ก็อปปี้ ออกไปใส่ไว้ในไฟล์ Word จากนั้นก็เข้าไปแก้ไขให้มันดูดีขึ้น ตั้งชื่อไฟล์ แล้วเซฟใส่เครื่องคอม แล้วก็เซฟใส่แฟลชไดรฟ์ ถ้ามีเครื่องพิมพ์ก็พิมพ์ออกมาเก็บไว้อ่าน ถ้าไม่มีก็ไปจ้างที่ร้านคอมเค้าพิมพ์....
อ่านจากในกระทู้มันอาจจะไม่รู้เรื่อง แล้วก็จำไม่ได้หรอกครับ และผมอยากให้คุณธนพล และเพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านดูตรงนี้ครับ
(86) นี่คือกระทู้หน้าแรกของคุณ ที่คุณโพสต์เข้ามาถามปัญหา เมื่อวันที่ 13/7/2013 (เป็นการปลุกผีให้ลุกขึ้นอีกครั้ง)
(87) นี่คือข้อความที่คุณ PM ไปหาผม เมื่อวันที่ 22/04/2014
(88 )
ผมนั่งคิด นอนคิด อยู่หลายวันว่าจะเอายังไงดี....สุดท้าย ก๊อปปี้จาก PM ของคุณเอามาไว้ที่หน้ากระทู้ของคุณ เมื่อวันที่ 29/04/2014
ผมก็อปปี้จากหน้าแรก จนถึงหน้าที่คุณ PM ไปหาผม ใส่ไฟล์ Word รวมทั้งหมดได้ 25 หน้ากระดาษ A4
ผมยังไม่ได้ก๊อปปี้ต่อจากวันที่ 29-04-2014 และก็คิดว่าจะยังไม่ตอบคำถาม แต่จะเริ่มทดลองการปลูกกล้วยไม้ตามวิธี(พิสดาร)ของคุณโดยใช้ขวดพลาสติกตัด(แทนที่จะใช้ตูดขวด) คุณใช้เอาปากขวดคว่ำลงเป็นภาชนะปลูก
ดังนั้นก่อนที่จะไปเรื่องอื่น ๆ ผมจึงอยากทดลองทำตามวิธีของคุณ เพื่อให้คุณเห็นว่า วิชาการที่คุณกำลังทำตามอยู่นั้น บางครั้งเมื่อทำจริง ๆ แล้วมันไปไม่ได้ ....ก็เห็นอยู่แล้วว่า บ้านคุณใช้เปลือกไม้ได้ แต่ที่บ้านผมใช้แล้วรามันขึ้นมนวัสดุปลูก
ซึ่งมันจะตรงกับที่ลุงคิมพูดว่า ดินบ้านคุณ ดินบ้านผม น้ำ อุณหภูมิ แสงแดด ปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายอย่างของบ้านคุณกับบ้านผมมันไม่เหมือนกัน บ้านคุณอากาศแห้ง บ้านผมอากาศชื้น ทั้ง ๆ ที่ นครปฐมกับบางซื่อมันไม่ไกลกันเท่าไหร่....
เมื่อผมเริ่มปฏิบัติการ แทนที่คุณจะดำเนินเรื่องคล้อยตามผม เพื่อที่จะดำเนินเรื่องไปด้วยกัน มันจะได้สนุก...
..คุณกลับไปพูดเรื่องการปรับสภาพน้ำ แล้วก็ต่อไปเรื่องอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะ กลายเป็นการคุยกันคนละเรื่องเดียวกัน สิ่งที่ผมจะนำเสนอมันก็ชะงัก เหมือนผมกำลังคุยเรื่องหมู คุณไปออกเรื่องหมา
ทำให้ผมคิดว่า เอ คุณสนใจเรื่องที่ผมกำลังพูดอยู่หรือเปล่า และสมาชิกที่กำลังอ่าน กำลังให้ความสนใจ เค้าก็หยุดชะงักตามไปด้วย แล้วก็ต้องเอาสมองมารับรู้เรื่องใหม่ ไป ๆ มา ๆ ก็จะไม่รู้เรนื่องในทุก ๆ เรื่อง
ที่ผมไม่เปิดกระทู้ใหม่ก็เพราะคุณเป็นคนเปิดกระทู้ และต้องการให้กระทู้เรื่องกล้วยไม้ของคุณ เป็นกระทู้หลัก ส่วนผมเข้ามาเสริม เพื่อให้ดูสนุกสนาน มีสีสันขึ้น....และผมก็เอาสิ่งที่ผมมีอยู่มานำเสนอให้ดูจากของจริง ไม่ใช่ว่ากันตามตำรา....
และการที่ผมก็อปปี้ข้อความในกระทู้ของคุณเอาไว้เพื่อจะมาอ่าน แล้วตอบคำถามในภายหลัง คงจะหลังจากที่การทดลองผ่านไปแล้ว หลังจากนั้นผมจึงจะเข้ามาทะยอย ตอบคำถามเป็นเรื่อง ๆ ไป และผมไม่ได้ทำแบบนี้กับคุณคนเดียว ทุกกระทู้ที่ผมเข้าไปแจม เข้าไปตอบ ผมจะก็อปปี้เก็บไว้หมด
ผมอาจจะเป็นคนแบบทะลึ่งตึงตัง อันนั้นมันเป็นตัวผม เป็นแบบฉบับของผม แต่ความจริงแล้ว ผมใส่ใจในปัญหาของคุณ และปัญหาของเพื่อน ๆ ทุกคน
สิ่งใดที่ผมรู้ผมจะตอบ สิ่งใดที่ผมไม่รู้ก็จนใจที่จะตอบ...และคนสุดท้ายที่จะตอบได้คือลุงคิม....
คุณอาจไม่รู้ว่า ขณะที่ผมกำลังสาธิตวิธีการปลูกกล้วยไม้ ตามวิธีของคุณ ผมพยายามจะทำให้ดูตามขั้นตอน
พอคุณเลี้ยวออกไปเรื่องปรับสภาพน้ำ ผมเลี้ยวตามคุณ คนที่กำลังติดตามอ่านอยู่วงนอก ว๊ากผมมาทาง PM ทำไมไม่ทำต่อ ออกนอกเรื่องทำไม....ผมก็เลยต้องบอกคุณให้เบรก ...
ดังนั้น ต่อนี้ไป ขอให้ดำเนินไปตามขั้นตอนที่ผมจะสาธิตให้คุณและเพื่อน ๆ ดู คุณอาจคิดว่าของแค่นี้กล้วย ๆ แต่สมาชิกบางคนที่เข้ามาอ่านเกิดความสนใจอยากทำบ้างจะได้ทำได้
ขอให้ผมทดลองทำตามวิธีที่คุณทำให้จบก่อน เพื่อให้เห็นกันตามความจริงว่า การใช้วัสดุปลูกกล้วยไม้แต่ละอย่างมันดีหรือไม่ดีในสภาพแวดล้อมแห่งหนึ่งอย่างไร ถ้ามีปัญหาที่เรื่องไม่เกี่ยวเนื่องกับการสาธิต ขอให้จดเอาไว้ก่อน แล้วค่อยถามเมื่อถึงเวลา
คุณไม่เห็นหรือครับว่า จากน้ำประปามันมีคลอรีน เมื่อครอลีนระเหย มันจะเหลือ หินปูนละลายอยู่ในน้ำ เมื่อเอากรดไนตริกเติมลงไป มันจะได้ แคลเซี่ยมไนเตรท ซึ่งเจ้าตัวนี้คือปุ๋ย 15-0-0 เอามาใช้ทำ แคลเซี่ยม - โบร่อนได้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
และการที่จะทำให้หินปูนในน้ำประปาตกตะกอน ผมเสนอสารอะไรตั้งหลายอย่างให้คุณคิดว่าควรจะใช้อะไรดี แต่คุณดันเอาเจ้า โซเดียมไธโอซัลเฟตมาใช้ มันก็จะได้ เกลือแกง (NaCl) คุณบอกว่า
เจ้าเกลือแกง(NaCl) และ Na2S4O6 นี่จะเป็นปัญหากับกล้วยไม้หรือไม่?
คุณอยากรู้ก็ลองดูซีครับ ว่าการเอาเกลือถึงแม่จะเจือจางเป็น PPM มารดต้นไม้บ่อย ๆ นานเข้า ๆ มันจะเป็นยังไง.....และตามแถบริมทะเลที่ได้รับไอเค็มจากทะเล มันปลูกกล้วยไม้อะไรได้บ้าง.....
และอยากจะบอกให้คุณธนพลรู้ไว้ตรงนี้ว่า ..คุณเป็นคน ปลุกผีกล้วยไม้ ในใจผมให้ลูกขึ้นมาอีก
..เจตนาของผม...หลังการทดลองแล้ว กล้วยไม้ที่ทดลองทั้งหมด ผมจะยกให้คุณเอาไปปลูกไว้ดูเล่นเป็นที่ระลึก ตอนนี้กำลังอัดฉีดเพื่อให้ออกดอกในกระถางเจี๊ยบ....
ความจริงผมเขียนเอาไว้แล้ว แต่ยังไม่ถึง และอยู่ในการนำเสนอตอนไหนจำไม่ได้ เดี๋ยวก็เจอเอง
.
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย DangSalaya เมื่อ 15/05/2014 8:26 pm, แก้ไขทั้งหมด 3 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
toodtoo สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 13/10/2012 ตอบ: 95
|
ตอบ: 08/05/2014 1:27 am ชื่อกระทู้: สุดยอด |
|
|
สวัสดีครับลุง......
ลุงสบายดีนะครับ.....
สุดยอดเลยว่ะทิดแดงพี่กู ....ฉันก๊อปออกมาตั้งแต่หน้าแรกถึงหน้าสุดท้ายเลย ว่าจะพิมพ์เอาไว้อ่าน แต้ยังไม่ได้พิมพ์ รอตังค์ซื้อเครื่องพิมพ์ก่อน.......
ไอ้สูตรปุ๋ยทีี่ทิดเขียนบอก ๆ มาน่ะ น่าจะเอาไปประยุกต์ใช้กับพืชอย่างอื่นได้สบายมาก.... รู้นะว่ายังไม่หมด เก็บไว้เดี๋ยวก็อกแตกตายกันพอดี... บอกไปเลย สูตรล้างบาง
แล้วที่บอก กำลังอัด ลูกเจี๊ยบ ให้ออกดอกน่ะ เอาอะไร + อะไร...แย้มนิด ๆ หลังไมค์ก็ได้ ของฉันใกล้จะขันได้อยู่แล้ว ยังไม่มีทีท่าจะแพลมให้เห็นเลย
ยังไง ๆ ก็อย่าลืมเอารูปฝักกล้วยไม้ที่ผสมข้ามพันธุ์แปลก ๆ มาให้ดูกันบ้า่งล่ะ ไอ้ช้างแดงลูกผสม ใส่อะไรไปบ้างไม่รู้ ต้นเดียวติด 13 ฝัก ต้นไม่โทรมด้วย เห็นแล้วจะบ้าตาย.....ติดเข้าไปได้ยังไงกัน....
..แต่ฉันขอจอง
เข็มขาว x สามปอยขุนตาน....1 ขวด
ช้างแดง x สามปอยขุนตาน ...2 ขวด
ใบร่องดอกสีแสด x สามปอยขุนตาน 3 ขวด ....มันน่าจะแปลกดีนะ
แล้วไอ้อะไรที่แอบ ๆ ไว้น่ะ ช้างพลายกับอะไร จำไม่ได้ ขอจองด้วยก็แล้วกัน
ทิดไม่ลองเอา ช้าง กับ ม้า หรือ ม้า กับ ช้าง ผสมกันดูมั่งล่ะ
ม้า x ลา ออกมาเป็น ฬ่อ
ช้าง x ม้า ออกมาเป็นไรดี พี่หนานปันว่าไง...เป็น หม้อ ดีไม๊...ฮี่ ๆ
(อย่าเข้าใจผิดว่าผมทะลึ่ง...ช้าง x ม้าวิ่ง หรือแดงอุบลครับ)
ไอ้หริ่ง เอ็งจะเอาอะไรรีบจองนะเว๊ย ช้าหมดไม่รู้ด้วย.....เอ็งชอบช้างไม่ใช่รึ
เออทิด แล้วไอ้ฟ้ามุ้ย ที่ปีนขึ้นไปเอากันมาหลังบ้านกระเหรี่ยงล่ะ ของทิดออกดอกยัง ของฉัน เหี่ยวน่าดู
เคยฟังลุงบอกให้ใช้น้ำตาลทางด่วน ของฉันใช้ ซูเปอร์ไฮเวย์แล้วยังไม่อยากจะฟื้น มันคงคิดถึงบ้านมั๊ง
ขอบคุณครับลุง ขอบคุณทิดแดง คิดถึงว่ะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Phinyo สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 25/01/2014 ตอบ: 59 ที่อยู่: นครสวรรค์
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 08/05/2014 12:08 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
Phinyo บันทึก: | อันนี้เป็นเรื่อง โรคของกล้วยไม้ นำมาฝากกัน
โรคที่สำคัญของกล้วยไม้และการจัดการโรค<---ไฟล์นี้จะมีอยู่ 6 หน้า
เชื้อราสาเหตุโรคกล้วยไม้<---ไฟล์นี้เป็นเอกสารประกอบการสอนมี 91 หน้า
ปล.ผมไม่มีความรู้เรื่องกล้วยไม้ ถือว่าเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับผมในตอนนี้ เท่าที่ทำได้ก็คือหาลิ้งน่าสนใจมาให้อ่านเล่นๆ เพลินๆ กันไป ที่มาคงไม่ต้องอ้างอิงเพราะผมลิ้งมาโดยตรง |
สวัสดีครับลุงคิม คุณ phinyo
(ขี้เกียจพิมพ์ภาษาปะกิต ขอเรียกว่า คุณภิญโญ จะได้ป่ะ
...กลัวจะเรียกออกสำเนียงผิด จะเป็นเรื่องขึ้นมาอีก เพราะภาษาปะกิตมันไม่มีไม่เอกไม้โท...แบบคุณ Anant ชื่ออนันต์ แต่ฝรั่งอ่านว่า แอ่น แอ๊นท์ หรือคุณเห็นแบบนี้ จะอ่านว่ายังไง)
คนที่จะนำข้อมูลต่าง ๆ ไปอ้างอิง ส่วนมากจะเป็นเด็กนักเรียน ขอเอาไปเขียนทำรายงานครับ เวลาเค้าขอกันมาผมก็บอกให้เค้าหมายเหตุ ที่มา ที่ไปไว้ด้วย
เรื่องกล้วยไม้ ผมเก็บเข้ากรุไปกับน้องน้ำเสียนานแสนนานนนนนน ว่าจะไม่อะไรกับมันอีก....แต่ คุณธนพลมาปลุกผีให้ลุกขึ้นมาอีก จะไปรอดได้ซักกี่น้ำยังไม่รู้เหมือนกัน
มันเหมือนของที่เราเฝ้ารัก เฝ้าทนุถนอมมาเป็นนานแสนนาน แต่ เพียงแค่พริบตา มันละลายหายสิ้นไปกับน้ำ(เพียงแค่ไม่ถึงคืน)
คุยได้เท่าที่คุย ทำได้เท่าที่ทำครับ....
ขอบคุณที่นำเรื่องดี ๆ มาแนะนำ แล้วนำมาอ้างอิงได้ป่ะล่ะ ชักกลัว ๆ อะไรไม่ว่า กรุณาตรวจสอบ ฆ่าไวรัสซะก่อนด้วย เพราะบางไฟล์พอเปิดมันมีเสียงร้องเตือน ออดดดดด เลยไม่กล้าเปิด
บอกตามตรงเครื่องคอมของผมมันรุ่นเก่างั่ก จะสิบปีแล้วมั๊ง อัพจนช่างบอกว่า อัพไม่ไหวแล้วนะน้า.น่าจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ ...แต่มันยังทำงานได้คล่องมือดีอยู่เลยยังไม่อยากเปลี่ยน.....
... |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Phinyo สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 25/01/2014 ตอบ: 59 ที่อยู่: นครสวรรค์
|
ตอบ: 08/05/2014 12:38 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
DangSalaya บันทึก: | Phinyo บันทึก: | อันนี้เป็นเรื่อง โรคของกล้วยไม้ นำมาฝากกัน
โรคที่สำคัญของกล้วยไม้และการจัดการโรค<---ไฟล์นี้จะมีอยู่ 6 หน้า
เชื้อราสาเหตุโรคกล้วยไม้<---ไฟล์นี้เป็นเอกสารประกอบการสอนมี 91 หน้า
ปล.ผมไม่มีความรู้เรื่องกล้วยไม้ ถือว่าเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับผมในตอนนี้ เท่าที่ทำได้ก็คือหาลิ้งน่าสนใจมาให้อ่านเล่นๆ เพลินๆ กันไป ที่มาคงไม่ต้องอ้างอิงเพราะผมลิ้งมาโดยตรง |
สวัสดีครับลุงคิม คุณ phinyo
(ขี้เกียจพิมพ์ภาษาปะกิต ขอเรียกว่า คุณภิญโญ จะได้ป่ะ
...กลัวจะเรียกออกสำเนียงผิด จะเป็นเรื่องขึ้นมาอีก เพราะภาษาปะกิตมันไม่มีไม่เอกไม้โท...แบบคุณ Anant ชื่ออนันต์ แต่ฝรั่งอ่านว่า แอ่น แอ๊นท์ หรือคุณเห็นแบบนี้ จะอ่านว่ายังไง)
เรียกโญ ก็พอครับ จะสรรพนาม ไอ้ ก็ไม่ว่ากัน ผมไม่ถือครับ
คนที่จะนำข้อมูลต่าง ๆ ไปอ้างอิง ส่วนมากจะเป็นเด็กนักเรียน ขอเอาไปเขียนทำรายงานครับ เวลาเค้าขอกันมาผมก็บอกให้เค้าหมายเหตุ ที่มา ที่ไปไว้ด้วย
โดนส่วนใหญ่ของไฟล์ PDF ที่เค้าทำก็ทำมาเพื่อเผยแพร่ ก็จะมีการอ้างอิงที่มาในตัวไฟล์มันเองอยู่แล้วครับ อาจจะมีบางไฟล์ที่ไม่มีที่มา แต่เราเอาไว้อ่านหรือศึกษาเป็นการส่วนตัวได้ แต่ไม่ควรเอาไปอ้างอิงในหลักวิชาการ
เรื่องกล้วยไม้ ผมเก็บเข้ากรุไปกับน้องน้ำเสียนานแสนนานนนนนน ว่าจะไม่อะไรกับมันอีก....แต่ คุณธนพลมาปลุกผีให้ลุกขึ้นมาอีก จะไปรอดได้ซักกี่น้ำยังไม่รู้เหมือนกัน
มันเหมือนของที่เราเฝ้ารัก เฝ้าทนุถนอมมาเป็นนานแสนนาน แต่ เพียงแค่พริบตา มันละลายหายสิ้นไปกับน้ำ(เพียงแค่ไม่ถึงคืน)
คุยได้เท่าที่คุย ทำได้เท่าที่ทำครับ....
ถ้ามันจะมีโอกาสก็น่าจะลองทำใหม่ดูนะครับ youtube ครับ<---ลองคลิกไปดูครับ
ขอบคุณที่นำเรื่องดี ๆ มาแนะนำ แล้วนำมาอ้างอิงได้ป่ะล่ะ ชักกลัว ๆ อะไรไม่ว่า กรุณาตรวจสอบ ฆ่าไวรัสซะก่อนด้วย เพราะบางไฟล์พอเปิดมันมีเสียงร้องเตือน ออดดดดด เลยไม่กล้าเปิด
ไฟล์ที่ผมทำลิงค์มาให้โหลดทุกลิงค์ ผมจะโหลดเข้าเครื่องตัวเองก่อนครับ ฉะนั้นหายห่วงได้เลยครับ เรื่องไวรัส
บอกตามตรงเครื่องคอมของผมมันรุ่นเก่างั่ก จะสิบปีแล้วมั๊ง อัพจนช่างบอกว่า อัพไม่ไหวแล้วนะน้า.น่าจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ ...แต่มันยังทำงานได้คล่องมือดีอยู่เลยยังไม่อยากเปลี่ยน.....
ที่เครื่องบินล่ะ สะสมซะเยอะเลย กับเครื่องคอมยังไม่ยอมเปลี่ยนมันน่านะ
... |
_________________
โปรแกรมPhotoscape(Free)รองรับภาษาไทย โปรแกรมตกแต่งภาพ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
DangSalaya หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011 ตอบ: 1864
|
ตอบ: 08/05/2014 3:02 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
Phinyo บันทึก: | DangSalaya บันทึก: | Phinyo บันทึก: | อันนี้เป็นเรื่อง โรคของกล้วยไม้ นำมาฝากกัน
ปล.ผมไม่มีความรู้เรื่องกล้วยไม้ ถือว่าเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับผมในตอนนี้ เท่าที่ทำได้ก็คือหาลิ้งน่าสนใจมาให้อ่านเล่นๆ เพลินๆ กันไป ที่มาคงไม่ต้องอ้างอิงเพราะผมลิ้งมาโดยตรง |
สวัสดีครับลุงคิม คุณ phinyo
(ขี้เกียจพิมพ์ภาษาปะกิต ขอเรียกว่า คุณภิญโญ จะได้ป่ะ
...กลัวจะเรียกออกสำเนียงผิด จะเป็นเรื่องขึ้นมาอีก เพราะภาษาปะกิตมันไม่มีไม่เอกไม้โท...แบบคุณ Anant ชื่ออนันต์ แต่ฝรั่งอ่านว่า แอ่น แอ๊นท์ หรือคุณเห็นแบบนี้ จะอ่านว่ายังไง)
เรียกโญ ก็พอครับ จะสรรพนาม ไอ้ ก็ไม่ว่ากัน ผมไม่ถือครับ
ขอเรียก คุณภิญโญ ไปก่อนละกันนะครับ อย่าเพิ่งให้ถึงกับเรียกไอ้เลยครับ...เพราะคนผมที่เรียกไอ้ในเว็ปนี้ ก็มี ไอ้ตู่ ไอ้หริ่ง ไอ้ทิดบัติ ไอ้หนานปัน และ ไอ้ยัยเฉิ่ม....ที่ เอ็ง ข้า มึง กู กันได้ เพราะมันเป็นญาติ เป็นน้อง.....
คนที่จะนำข้อมูลต่าง ๆ ไปอ้างอิง ส่วนมากจะเป็นเด็กนักเรียน ขอเอาไปเขียนทำรายงานครับ เวลาเค้าขอกันมาผมก็บอกให้เค้าหมายเหตุ ที่มา ที่ไปไว้ด้วย
โดยส่วนใหญ่ของไฟล์ PDF ที่เค้าทำก็ทำมาเพื่อเผยแพร่ ก็จะมีการอ้างอิงที่มาในตัวไฟล์มันเองอยู่แล้วครับ อาจจะมีบางไฟล์ที่ไม่มีที่มา แต่เราเอาไว้อ่านหรือศึกษาเป็นการส่วนตัวได้ แต่ไม่ควรเอาไปอ้างอิงในหลักวิชาการ
รับทราบครับ
เรื่องกล้วยไม้ ผมเก็บเข้ากรุไปกับน้องน้ำเสียนานแสนนานนนนนน ว่าจะไม่อะไรกับมันอีก....แต่ คุณธนพลมาปลุกผีให้ลุกขึ้นมาอีก จะไปรอดได้ซักกี่น้ำยังไม่รู้เหมือนกัน
มันเหมือนของที่เราเฝ้ารัก เฝ้าทนุถนอมมาเป็นนานแสนนาน แต่ เพียงแค่พริบตา มันละลายหายสิ้นไปกับน้ำ(เพียงแค่ไม่ถึงคืน)
คุยได้เท่าที่คุย ทำได้เท่าที่ทำครับ....
ถ้ามันจะมีโอกาสก็น่าจะลองทำใหม่ดูนะครับ youtube ครับ<---ลองคลิกไปดูครับ
ขอบคุณครับสำหรับคลิปที่เติมฝันให้ผม....มองเห็นไปไกลลิบเลยละครับ
ขอบคุณที่นำเรื่องดี ๆ มาแนะนำ แล้วนำมาอ้างอิงได้ป่ะล่ะ ชักกลัว ๆ อะไรไม่ว่า กรุณาตรวจสอบ ฆ่าไวรัสซะก่อนด้วย เพราะบางไฟล์พอเปิดมันมีเสียงร้องเตือน ออดดดดด เลยไม่กล้าเปิด
ไฟล์ที่ผมทำลิงค์มาให้โหลดทุกลิงค์ ผมจะโหลดเข้าเครื่องตัวเองก่อนครับ ฉะนั้นหายห่วงได้เลยครับ เรื่องไวรัส
บอกตามตรงเครื่องคอมของผมมันรุ่นเก่างั่ก จะสิบปีแล้วมั๊ง อัพจนช่างบอกว่า อัพไม่ไหวแล้วนะน้า.น่าจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ ...แต่มันยังทำงานได้คล่องมือดีอยู่เลยยังไม่อยากเปลี่ยน.....
ที่เครื่องบินล่ะ สะสมซะเยอะเลย กับเครื่องคอมยังไม่ยอมเปลี่ยนมันน่านะ
... |
|
คนที่จะเปลี่ยนเครื่องคอมให้ผมได้ คือ ผบทบ. ครับ เค้าอุตส่าห์ ควัก ดังหนับซื้อเครื่องนี้ให้ผมเป็นของขวัญ
เครื่องบินน่ะ อันนั้มันเป็นของรัก ของชอบอันดับแรก ก่อนช่วยพ่อทำกล้วยไม้ และเป็นความฝันตั้งแต่อายุ 15 ว่าอยากเป็นศิษย์การบิน แต่ตัวเตี้ยเกินไป เหยียบกระเดื่องคันบังคับไม่ถึง ก็เลยมาทำเครื่องบินบังคับเล่นแทน....อยากหัดทำเล่ยบ้างมั๊ยล่ะครับ เว็ปลุงก็ไม่มีเรื่องนี้ซะด้วย.....ขออนุญาตลุงนิดนึงนะครับ เพราะคุณภิญโญอย่างสะกิดแผลเก่า มันเลยคัน....ถ่ายเมื่อ 8 พค.57 - 13.55
(1)
(2)
(3)
(4)
(5)
(6)
(1 - 6) อันนี้คือเครื่องบินลำแรกที่ทำตอนอายุ 15 ทำโครงไว้แค่นี้ แขวนไว้ดู เวลามองมันแกว่งไกวก็นึกถึงครูบาอาจารย์ที่สอนให้ทำ(ลุงปัญญา ศีละเตชะ...อาพิชัย ทองเปรม...รอ.จิตร จิตรรังสี)
ที่เก็บไว้เป็นที่ระลึกว่า กว่าจะตัดไม้ ขนาด 1/16 x 1/16 นิ้ว(ครึ่งหุน)ได้แต่ละอัน
มันแสนจะโหด ลองดูก็ได้ครับ....หลายคนที่มาเรียน พอเจอตรงนี้ จอดทุกราย ถ้าแค่นี้อดทนทำไม่ได้ ไอ้ที่ยากกว่านี้ก็ทำไม่ได้
เอาไม้บรรทัดขึ้นมาดูว่า ความหนาขนาด 1/16 นิ้วมันแค่ไหน แล้วตัด ไม้บัลซ่าหนา 1/16 ยาว 36 นิ้ว ให้ได้ 1/16 x 1/16 เป็นไม้ระแนงสี่เหลี่ยมยาว 36 นิ้ว หรือ 3 ฟุต ใครว่าง่าย ลองทำดู ครูของผมสอนผมมาแบบนี้ ใครอยากมาเรียนทำเครื่องบินกับผมก็ต้องแบบนี้ หรืออาจยิ่งกว่าด้วย
(7) เป็นไม้บัลซ่า แผ่นบาง ๆ กว้าง 3 นิ้ว ยาว 36 นิ้ว ความหนามีตั้งแต่ 1/32 นิ้ว ถึง 1 นิ้ว ราคาก็ถูก แพงตามความหนา
( โชคดีที่ไม้กองนี้ขนหนีน้ำได้ทัน หมดกองนี้คงซื้อรถมือสองได้คันนึงมั๊ง
(9)
(10)
(9 - 10) เป็นเครื่องยนต์ที่ใช้กับเครื่องบินบังคับลำขนาดกลาง ๆ ปีกยาวประมาณไม่เกิน 48 นิ้ว ครับ
(11)
(12)
(11 - 12) เป็นเครื่องยนต์ของอิตาลี่ ราคาเมื่อยี่บปีก่อน 6,000 ตอนนี้คงหลายตังค์( 3 หมื่นมั๊ง)เครื่องแรง เหล็กบาง เดินเบา เงียบสนิท แต่ไม่ค่อยมีใครสั่งเข้ามาเล่น เพราะมันแพง ไปเล่นไม่เครื่องของญี่ปุ่นกับของจีนกันหมด......
เก็บไว้นาน ๆ ไม่เสียเหรอ ...
.ไม่เสียหรอกครับ ถอดเครื่องออกล้างในแอลกอฮอล์ประกอบใหม่ เปลี่ยนซีล เปลี่ยนประเก็น เอาเครื่องติดแท่น เติมน้ำมันใส่ถังเดี๋ยวก็ติดให้สนั่นไปแล้ว
โดยเฉพาะใครอยู่ใกล้บ้านคนที่ตอนเย็น ๆ เปิดเครื่องเสียงดังรบกวน เอาเครื่องนี้ ถอดท่อไอเสียออก ติดเครื่องเร่งเครื่องซัก 80 % เอาสำลีอุดหูเราเอาไว้ รับรองเดี๋ยวเดียว เครื่องเสียงเงียบสนิท ติดเล่นไปซักทุ่มสองทุ่ม ให้มันรู้กันไป เดี๋ยวก็มีเสียงมาตามลม
.....โว๊ย เลิกได้แล้วโว๊ย....
....โว๊ย มึงก็หรี่เสียงบ้างซีโว๊ย....
เสียงดังไกลแค่ไหน .....ประมาณ 200-300 เมตร แต่ว่าเสียงของมันเวลาเร่ง เสียงเครื่องมัน แจ๊ดดดดดด...เสียงแหลม แสบลึกเข้าไปถึงแก้วหูเลยละครับ
เรียกว่าพอดับเครื่องแก้วหูลั่นเปรี๊ยะเลยก็แล้วกัน .....
จากล้วยไม้ พอหลาวออกไปกลายเป็นเครื่องบินเล็ก
ขออภัย คุณอยากแนะดี ขอบคุณครับลุง....
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
orchid สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 07/05/2014 ตอบ: 43
|
ตอบ: 08/05/2014 10:30 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
.
สวัสดีครับลุง คุณแดง ศาลายา
โอ้โฮ ....ยอดเยี่ยมมากๆ ครับ ....อ่านแล้วถ้าหลับตานึกภาพตามที่คุณแดงเขียน มันเหมือนการพาเที่ยวชมในเรื่องนั้น ๆ ซึ่งบางเรื่องไม่มีในตำรา แต่คุณสามารถนำเรื่องมาเล่าให้ฟังเป็นฉากๆ อย่างน้อยๆ ก็ได้รื้อฟื้นสูตรเคมีอีกครั้งด้วย
และก็เพิ่งจะรู้ครับว่า ไอ้เจ้า CaO หรือหินปูน ในน้ำประปา เมื่อโดนกรดไนตริค มันจะกลายเป็น Ca(No3)2 หรือแคลเซี่ยมไนเตรท ซึ่งคือปุ๋ยสูตร 15-0-0 ซึ่งลุงคิมใชเป็นสารส่วนผสมทำ แคลเซี่ยม - โบร่อน....
และที่น่าสนใจ คือ ที่คุณแดงเขียนว่า
นอกจาก....ซิลิสิค แอซิด (แร่ธาตุซิลิก้าจากหินแร่ภูเขาไฟ)...กรดไนตริก ที่คุณใช้ปรับสภาพน้ำประปาแล้ว คุณรู้จัก และไม่คิดที่จะลองใช้สารตัวอื่นอีกบ้างหรือ เช่นว่า
กรดฟอสฟอริก (H3PO4)
กรดซัลฟูริค (กรดกำมะถัน) (H2SO4)..
..อลูมินั่ม ซัลเฟต...
...เฟอริกครอไรด์ ..
.ลองดูครับ เผื่อจะมีอะไรซักตัวที่ ปิ๊ง กับน้ำประปาบ้านคุณ...รับรองว่าต้องมี ..แน่ๆ เพราะมันต้องมี.....
กรดไนตริก และกรดฟอสฟอริก + กับ โปแตสเซี่ยมเปอร์แมงกาเนต 3 ตัวนี้ผสมกัน ตามความเหมาะสม ผมจะได้ N P K กับแร่ธาตุ มลึกกึ๊กกึ๋ย ในน้ำเรียบร้อยแล้ว
คุณธนพลอาจไม่สังเกตสารที่คุณแดงเขียนข้างต้นแต่ได้ Coment ว่า
เรื่องวิธีลดคลอรีนในน้ำประปา ไม่ยากครับ (ผมเลี้ยงปลาดิสคัส เคยใช้อยู่)
เราใช้ โซเดียมไธโอซัลเฟต (Na2S2O3 . 5H2O)
สารตัวนี้จะทำปฏิกิริยากับคลอรีน ได้ Na2S4O6 + 2NaCl + 10 H2O
เจ้าเกลือแกง (NaCl) และ Na2S4O6 นี่จะเป็นปัญหากับกล้วยไม้หรือไม่ ?
แต่ช่างเถอะครับ ผมไม่ได้เครียดที่จะให้ทุกอย่างเป๊ะๆ
เมื่อคุณธนพลใช้ โซเดียมไธโอซัลเฟต (Na2S2O3 . 5H2O) ปรับสภาพน้ำก็จะได้
NaCl คือเกลือแกง กับ Na2S4O6 หรือโซเดียมไฮโปคลอไรต์ ไปกันใหญ่เลยคราวนี้ จากน้ำจืดกลายเป็นน้ำกร่อยไปเลย ซึ่งอันนั้นคุณใช้ปรับสภาพน้ให้เป็นน้ำกร่อย เพื่อปลาดิสคัส
การที่คุณแดงแนะนำให้คุณใช้สาร....
กรดฟอสฟอริก (H3PO4)
กรดซัลฟูริค (กรดกำมะถัน) (H2SO4)..
..อลูมินั่ม ซัลเฟต...
...เฟอริกครอไรด์ ..
แล้วบอกว่า
.ลองดูครับ เผื่อจะมีอะไรซักตัวที่ ปิ๊ง กับน้ำประปาบ้านคุณ...รับรองว่าต้องมี ..แน่ๆ เพราะมันต้องมี.....
คุณแดง ไม่บอกคุณตรงๆ เพื่อให้คุณคิดวิเคราะห์ ว่าสารที่แกนำเสนอ มันต้องมีตัวใดตัวหนึ่ง หรืออาจหลายตัวที่นำมาใช้กับน้ำประปาแล้วทำให้ หินปูน ตกตะกอน
ซึ่งเมื่อหินปูนตกเป็นตะกอน ก็จะเหลือแต่น้ำ + สารละลาย CaO ตัวนั้นในรูปของ คีเลท เราก็กรองเอาแต่น้ำ มาใช้ ส่วนเนื้อที่มันตกตะกอนก็เอาทิ้งไป..
..ซึ่งเมื่อรวมกับ กรดไนตริค ผสมเข้าไปมันก็กลายเป็น แคลเซี่ยมไนเตรท หรือ 15-0-0 ในรูป G-Grade....+ ธาตุไนโตรเจนในน้ำ ถ้าเอา โบร่อน เติมไปอีกนิด มันก็กลายเป็น แคลเซี่ยม - โบร่อน
ซึ่งความจริงแล้ว สารที่คุณแดงเสนอแนะให้คุณธนพล ใช้ได้ทุกตัวเลยละครับ ซึ่งก็จะได้ธาตุหรือสารอาหารแตกต่างกันไป และถ้าเอา KMnO3 หรือโปแตสเซี่ยมเปอร์แมงกาเนตผสมเข้าไปด้วย ก็จะมีปุ๋ย N P K + ธาตุรอง / ธาตุเสริมแทบจะครบทุกตัว.....
ก่อนที่ผมจะสมัครเข้ามาเป็นสมาชิก ผมเคยอ่านเจอว่า คุณแดงมีน้องชายอีกคนหนึ่ง รู้สึกว่าจะเก่งเรื่องผสมปุ๋ย เพราะตอนไปอบรม คุณแดงชอบเรื่องพันธุศาสตร์ ส่วนน้องชายชอบเรื่องสูตรเคมี....ขนาดพี่ชายยังแค่นี้ แล้วน้องชายจะแค่ไหนครับนี่....ผมเรียนมานิดหน่อยแค่พอรู้ กลายเป็นกบในกะลา มาจากหลังเขาซะละมังครับ
ลุงคิมพูดอยู่บ่อยๆ ว่า
ปุ๋ยถูก ใช้ผิด....ไม่ได้ผล
ปุ๋ยถูก ใช้ถูก....ได้สองเด้ง
ปุ๋ยผิด ใช้ถูก....ไม่ได้ผล
ปุ๋ยผิด ใช้ผิด....ตายจ้อย
และตรงที่คุณแดงบอกว่า
เมื่อปรับสภาพน้ำด้วยกรดไนตริค น่าจะหรือกรดอะไรก็ตาม ก่อนใช้ให้เอาน้ำแข็งใส่ลงไปด้วย ผมอ่านแล้วก็คิดอยู่ว่า เอาปุ๋ยแช่เย็นเพื่ออะไร......จะว่าให้สารเคมีเกิดปฏิกิริยา ก็ไม่ใช่
แต่พอแกบอกว่า ฝนที่กำลังตก น้ำฝนมันจะเย็นจนบางครั้งอาจจะหนาว โอ๊ย โอยบๆๆๆๆ ถึงบางอ้อเลย
การใส่น้ำแข็งในน้ำที่ปรับสภาพ เพื่อให้น้ำปุ๋ยมันจะได้เย็นเหมือนน้ำฝนที่กำลังตก.....คุณแดงเรียนจากอาจารย์ไหนครับ และมีตำราเล่มไหนเขียนบอกไว้บ้างครับ คนบ้าทำนะเนี่ย..สุดยอด ตาย ๆๆๆๆ
สำหรับเรื่องทำเครื่องบินเล็ก คุณแดงไปเขียนในกระทู้ เกษตรสัญจร 7 ก็ได้นี่ครับ ลุงคงไม่ว่า เพราะชื่อกระทู้บอกว่า เป็นเรื่องไร้สาระ ที่มีสาระ...เชียร์ครับ อยากรู้น่ะครับ และได้ข่าวมาว่า ยังมีแอบ ๆ ไว้ที่บ้านอีกยี่สิบกว่าลำไม่ใช่หรือครับ...
. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|