kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11633
|
ตอบ: 03/04/2010 3:49 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อนิจจจัง วัฏสังขารา....ส้มเขียวหวาน
ส้มเขียวหวานบางมด ปลูกที่ จ.น่าน หรือ จ.แพร่ (ไม่แน่ใจ....ไม่ใช่ประเด็น) ปัจจุบันอายุต้นกว่า 40 ปี นอกจากยังไม่ตายแล้วยังให้ผลผลิตดีเหมือนเดิมเมื่อครั้งต้นยังสาว ......... ส้มฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันอายุต้นเกิน 100 ปี นอกจากยังไม่ตายแล้วยังให้ผลผลิตดีเหมือนเดิมเมื่อครั้งต้นยังสาว
แล้วทำไม ต้นส้มย่าน รังสิต ธัญญะ หนองเสือ วิหารแดง ฯลฯ จึงมีอายุเพียง 4-8 ปี เท่านั้น หลังจากปลูกรุ่นแรกลงไปแล้ว เมื่ออายุต้นขึ้นที่ 4 ชาวสวนจะเริ่มปลูกส้มรุ่นน้องแซมแทรกระหว่างต้นรุ่นแรก นัยว่าเพื่อจะได้มีต้นส้มให้ผลผลิตต่อจากรุ่นพี่ แล้วก็ทำเช่นนี้เรื่อยๆ มา
เกษตรกรดีเด่นระดับชาติ เจ้าของฉายาระบบน้ำหยด แห่ง จ.ชุมพร ปลูกส้มโชกุน บอกว่า สู้โรคไม่ไหว โค่นทิ้งทั้งสวนแล้วลงลำไยแทน ก็ให้อดสงสัยไม่ได้ว่า ไม่รู้จักโรคส้ม แล้วรู้จักโรคลำไยหรือ.....ส้มโชกุน.ก็คือพืชตระกูลส้ม เช่นเดียวกันกับ ส้มเขียวหวาน. ส้มโอ. มะกรูด. มะนาว. พวกนี้โรคเดียวกัน
ส้มเขียวหวานย่าน รังสิต. ธัญญะ. หนองเสือ. วิหารแดง. ฯลฯ มีต้นทุนค่า ปุ๋ยและสารเคมี ตกราว 100,000 บาท/ไร่/รุ่น บนเนื้อที่ย่านนี้กับย่านใกล้เคียงรวมกันกว่า 100,000 ไร่ เมื่อคิดรวม 100,000 x 100,000 = ? ถามว่าเงินจำนวนมหาศาลนี้ไปอยู่ในมือใคร
เมื่อวันที่สวนส้มบางมดล่มสลายนั้น วิเคราะห์สาเหตุลึกๆ แล้วพบว่าเกิดจาก สารเคมี (ยาฆ่าหญ้า และสารเคมีกำจัดโรคและแมลง) และปุ๋ยเคมี. เป็นหลัก......สวนล่มไปหลายปี วันหนึ่งเกิดอัศวินม้าขาว (กุนซือ แปะแบ๊) เข้ามากู้สถานการณ์ ส่งเสริมให้ปลูกส้มเขียวหวานบางมดอีกครั้ง คราวนี้ระมัดระวังในเรื่องของสารเคมีอย่างมาก แต่ก็ไปไม่รอดเพราะ น้ำทะเล เปลี่ยนแปลง (ส้มเขียวหวานบางมดชอบน้ำแบบ ลักจืดลักเค็ม) เปลี่ยนจากน้ำทะเลสะอาดเป็นน้ำทะเลเสีย เนื่องจากสภาพแวดล้อม แต่ก็ยังพอมีหลงเหลืออยู่บ้างไม่กี่สวนที่ยังยืนหยัดสู้น้ำทะเลเสียได้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอึดไปได้สักกี่น้ำ
เมื่อครั้งชาวสวนส้มย่าน รังสิต ธัญญะ หนองเสือ วิหารแดง ฯลฯ ประท้วงโรงฟ้าฟ้าวังน้อย อยุธยา กล่าวหาว่าโรงไฟฟ้าเป็นต้นเหตุปล่อยคลื่นกระแสไฟฟ้า ออกมาทำให้ต้นส้มตาย เรียกร้องค่าเสียหายไร่ละ 20,000 บาท โดยมีน้องสาว สส.ใหญ่ แห่ง จ.ปทุมธานี เป็นแกนนำ ออกเรี่ยไรชาวสาวนส้มที่ได้รับความเสียหายให้ลงขันไร่ละ 50 บาท ถ้าใครไม่ลงขัน เมื่อได้รับเงินช่วยเหลือก็จะไม่ได้รับเงินนั้น เบื้อหลังจริงๆ น้องสาว สส.ใหญ่ คนนี้มีสวนส้มเขียวหวานอยู่ที่ อ.วิหารแดง 3,000 ไร่
โรงไฟฟ้าวังน้อยในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ต้องร้องขอนักวิชาการจาก กรมวิชาการเกษตร. และกรมส่งเสริมการเกษตร. มาให้คำตอบถึงสาเหตุที่แท้จริง นักวิชาการจากทั้ง 2 กรม ไม่สามารถยืนยันถึงผลเสียจากโรงไฟฟ้าโดยตรงได้ เพราะไม่เคยมีงานวิจัยเรื่องนี้มาก่อน ทั้งงานวิจัยในประเทศและต่างประเทศ คำยืนยันจากปากนักวิชาการจึงออกมาแบบ อ้อมแอ้ม ๆ ไม่เต็มปากเต็มคำ แต่ค่อนข้างจะเข้าข้างชาวสวนส้ม ซึ่งก็สร้างความพอใจให้แก่ชาวสวนส้มระดับหนึ่งถึงช่องทางที่จะมีโอกาสได้รับค่าชดชยความเสียหายไร่ละ 20,000 สุดท้ายจริงๆ ก็คือไม่มีข้อสรุป
โรงไฟฟ้าไม่อาจจ่ายค่าชดเชยความเสียหายทันทีโดยไม่มีหลักฐานทางวิชาการยืนยันได้ จึงร้องขอนักวิชาการจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. และ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. มาชี้ถึงสาเหตุที่แท้จริง คราวนี้นักวิชาการจาก 3 สถาบันหลักดังกล่าว ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันถึงสาเหตุต้นส้มยืนต้นตายเพราะ
1. ดินเป็นกรดจัด เนื่องจากชั้นดินตามธรรมชาติด้านล่างเป็นกรดจัด (กำมะถัน) การขุดร่องน้ำจึงเท่ากับเป็นการเจาะตาดินให้กำมะถันขึ้นมาได้
2. สภาพโครงสร้างดินชั้นบนเสียอย่างรุนแรง สาเหตุมาจาก น้ำในร่องแปลงปลูก. สะสมสารพิษจากยาฆ่าหญ้า. และสารเคมีกำจัดโรคและแมลง. อย่างต่อเนื่องยาวนานหลาย 10 ปี
3. ต้นขาดสารอาหารที่จำเป็น (แม็กเนเซียม. สังกะสี.) กับ ธาตุรอง/ธาตุเสริม และฮอร์โมน. อย่างรุนแรง ต่อเนื่องมานานหลาย 10 ปี ผลจากการวิเคราะห์ดินแล้วพบว่า ในดินมีฟอสฟอรัส. และโปแตสเซียม. ตกค้างสะสมอยู่ในปริมาณมากจนเป็นอันตรายแก่ต้นส้ม
4. ภายในต้นสะสมสารเคมีกลุ่ม ค็อปเปอร์ ออกซี่ คลอไรด์ ที่ชาวสวนใช้กำจัดโรคแคงเคอร์.จำนวนมาก สารกลุ่มนี้เมื่อสะสมภายในต้นมากๆ จะยับยั้งขัดขวางระบบลำเลียงสารอาหารจากรากไปสู่ส่วนต่างๆของต้น ทำให้ต้นไม่ได้รับสารอาหารจึงตาย
5. น้ำในร่องสวนเป็นกรดจัด สาเหตุมาจากกำมะถันใต้ดินซึมขึ้นมา กับส่วนหนึ่งเกิดจากละอองสารเคมีฆ่าแมลงปลิวลงไป แล้วชาวสวนก็นำน้ำนั้นขึ้นมารดให้แก่ต้นส้ม
6. ต้นส้มส่วนใหญ่เป็นโรครากเน่าโคนเน่า (ไฟธอปเธอร่า) หรือ รากถอดปลอก สาเหตุมาจากดินเป็นกรดจัด
7. ต้นส้มส่วนใหญ่ปลายรากด้วนและเน่า สาเหตุเพราะเมื่อรากเจริญยาวไปถึงน้ำในร่องแล้วจะหยุดการเจริญยาว กลายเป็นรากด้วนไม่สามารถดูดซับสารอาหารได้
เมื่อแนะนำถึงสาเหตุพร้อมคำอธิบายอบย่างละเอียด มีหลักวิชาการรองบรับแล้ว ก็ได้แนะนำวิธีแก้ไข คือ
1. เปลี่ยนวิธีการให้ปุ๋ยโดย ลดธาตุหลัก แล้วเพิ่มธาตุรอง ธาตุเสริม และฮอร์โมน
2. ยกเลิกระบบน้ำหล่อในร่อง โดยนำน้ำออกให้หมด หรือลดระดับผิวน้ำให้ต่ำกว่าสันแปแลง 1-1.20 ม.
3. เลิกใช้ยาฆ่าหญ้า แล้วใช้วิธีตัดแทน
4. เลิกใช้สารเคมีกำจัดโรคและแมลงโดยเฉพาะ ค็อปเปอร์ ออกซี่ คลอไรด์. อย่างเด็ดขาด แล้วหันมาใช้วิธีป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชแบบ ไอพีเอ็ม. หรือสารสมุนไพร.แทน
จากคำแนะนำแบบมีเหตุมีผล ทั้งจากภาพลักษณ์ของนักวิชาการที่ไม่มีผลประโยชน์จากผลิตภัณฑ์เคมีเพี่อการเกษตรเข้ามาเกี่ยวข้องนี้ สร้างความไม่พอใจแก่ชาวสวนส้มเป็นอันมาก ถึงขนาดโห่ฮาขับไล่ แล้วไม่ยอมรับคำแนะนำแบบนี้อีกต่อไปอย่างเด็ดขาด
วันเวลาผ่านไปนานนับปี การชุมนุมเรียกร้องจากชาวสวนยังดำเนินไปหลายครั้ง ทุกครั้งก็จะมีการเชิญนักวิชาการจากกรมวิชาการเกษตร. และกรมส่งเสริเมการเกษตร. หน่วยเดิม แต่เปลี่ยนหน้าคนใหม่เท่านั้น ซึ่งคำแนะนำจากหน่วยงานทั้งสองก็ยังอ้อมแอ้มๆ ไม่เต็มปากเต็มคำ เข้าข้างชาวสวนเหมือเดิม
สุดท้ายของเกมส์นี้ :
1. โรงฟ้าฟ้าสนับสนุนให้ชาวสวนที่มีสวนอยู่ติดโรงไฟฟ้าให้ทำสวนส้มบางมด โดยมีนักวิชาการจาก พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร. จุฬาลงกรณ์. และธรรมศาสตร์. เป็นผู้ให้คำแนะนำ ด้วยระยะเวลาผ่านไปเพียง 1-2 ปี ส้มเขียวหวานบางมดสวนนี้เจริญเติบโตให้ผลผลิตดี ถึงวันนี้ที่เวลาผ่านไป 5-6 ปีแล้วก็ยังยืนต้นสมบูรณ์แข็งแรง ให้ผลผลิตดีทั้งคุณภาพและปริมาณ ทั้งๆที่อยู่ติดรั้วโรงไฟฟ้า
2. กลุ่มชาวสวนส้มที่เคยเรียกร้องความเสียหาย ได้อพยบไปหาเช่าที่ดินย่าน กำแพงเพชร. ขอนแก่น. ลพบุรี. ถึง ฝาง เชียงใหม่ รายละ 100-500-1,000 ไร่ แล้วทำสวนส้มเขียวหวานตามแบบเดิม (ยกร่องน้ำหล่อ. สารเคมี-ปุ๋ยเคมี) ทุกอย่าง สูตรเดิมวิธีเดิม ...... สวนส้มแหล่งใหม่บางรายอยู่ได้เพียง 2 ปี ส้มยืนต้นตายทั้งแปลง บางแปลงอยู่ 4 ปียังไม่ให้ผลผลิต หรือให้ผลผลิตไม่คุ้มทุน ...... ถึงวันนี้จริงๆ เหลือน้อยรายมากที่ยังคงทนทำต่อไป แต่ส่วนใหญ่กลับมา รังสิต. ธัญญะ. หนองเสือ. วิหารแดง. ฯลฯ กลับมาแล้วเห็นคนที่ไม่ได้อพยบไปต่างประสบความสำเร็จจากการปรับทัศนคติแนวคิดเรื่องทำการเกษตรใหม่บนแผ่นดินผืนเดิม เห็นแล้วอดกลืนน้ำลายตัวเองไม่ได้
ลุงคิมครับผม |
|