-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-* เกษตรยุคนี้ต่อยุคหน้าถึงยุคต่อๆ ๆๆไป
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - * เกษตรยุคนี้ต่อยุคหน้าถึงยุคต่อๆ ๆๆไป
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

* เกษตรยุคนี้ต่อยุคหน้าถึงยุคต่อๆ ๆๆไป

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11657

ตอบตอบ: 07/06/2023 6:36 am    ชื่อกระทู้: * เกษตรยุคนี้ต่อยุคหน้าถึงยุคต่อๆ ๆๆไป ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.

*** คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ บนเหตุและผล :

*** ผลผลิต เพิ่ม .... ต้นทุน ลด ..... อนาคต ดี .....:


***เชื่อไหม? ดีไหม? ได้ไหม? เอาไหม? ..... ทำยังงไง? ? ?.... :

***************************************** *****************************************



* เกษตรคิดใหม่ ที่น้อย-ได้มาก
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=6645


เนื้อที่ 1 ไร่...
* หน่อไม้รวก. ให้ผลผลิต 300 ครั้ง /ปี

* มะพร้าว. ให้ผลผลิต 16-18 ครั้ง /ปี
* ปาล์มน้ำมัน. ให้ผลผลิต 20-24 ครั้ง /ปี
* สละ. ระกำ. ชมพู่. ฝรั่ง. มะกอกน้ำ. ขนุน. มะละกอ. ให้ผลผลิตหลายๆ ๆๆ ครั้ง /ปี

- สละแซมกับมะพร้าว.
http://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=7126&sid=5a8cf906ce96dbbf109dda8faa002831

- ฝรั่ง เกดรด เอ จัมโบ้ โกอินเตอร์ ขึ้นห้าง.
http://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=7162&sid=90740101e9c27efcc733af808d3209ac


* ไม้ผลทะวาย. ให้ผลผลิต 2-3 ครั้ง /ปี
- มะนาว.
http://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=7178&sid=6f5d31e939df4481e89e59a0ee6f8630

- ส้มเขียวหวาน ออกตลอดปี-แจ๊คพ็อต.
http://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=6741

- ทุเรียนหมอนทองระยะชิด :
http://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=5933


* ผักกินยอด ยืนต้น. ให้ผลผลิต 12 ครั้ง/ปี
- หวานป่า หวานบ้าน ชะอม กระถิน

* แตงโม. แคนตาลูป. ลงมือปลูกทุกวันที่ 1 ของเดือน ครบทุกเดือนในรอบปี จะมีผลผลิตให้เก็บได้เดือนละครั้ง
- ไอเดียร์สไตล์ลุงเรื่องแตงโม.
http://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=7192&sid=01daebbaacc07577ae868c83e2fe323d

* เกษตรแจ๊คพ็อต เช่น กล้วยหอมเทศกาล. ผักชีหน้าฝน. แก้วมังกรตรุษจีน.
- กล้วยหอมราคาแพงสุด.
http://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=7111&sid=18f4177264135a4703cab2f762ad1242

- ผักชีแจ๊คพ็อต.
http://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=7112&sid=b22e9e4bb321fb0e4a5899fed9181a01

- ต้นหอมแจ๊คพ็อต.
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=6991

- แก้วมังกรนอกฤดู.
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=6760

* ผลผลิตเพิ่ม เช่น สำปะหลังได้ 30+ ตัน/ไร่. อ้อยได้ 50+ ตัน/ไร่. ข้าวได้ 2+ ตัน/ไร่
- สำปะหลังแบบก้าวหน้า.
http://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=7188&sid=73710bdac44ed73515e357f26021eb79

- นาข้าว ยุคใหม่.
http://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=7198&sid=e2fbacd3447abc0d31f96706fb9a18fb



74.บราซิลเก่งเรื่องทำอ้อย (วังขนาย อ้อย 100 ตัน/ไร่) :
http://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=6829&sid=989848a10635c227462fa6dba33f1d73



* ฯลฯ
- ไอเดีย ผลผลิตเพิ่ม ต้นทุนลด อนาคตดี.
http://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=7093&sid=d4b23070dbe7072d4dbf4a3a4d0f45e0




**************************************************************



จาก W ไป H
- W. = WHO WHAT WHEN WHERE WHY
- H. = HOW


- 18. เกษตร 5W. 1H.
http://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=6829&sid=989848a10635c227462fa6dba33f1d73


- พืชใช้น้ำวันละ 1 ล. แต่คนให้ 20 ล.
http://kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=6107


วิธีฉีดพ่นฮอร์โมนและปุ๋ยน้ำทางใบให้ถูกวิธี :
การฉีดพ่นฮอร์โมน ปุ๋ยน้ำ หรือสารเสริมการเจริญเติบโตต่างๆ ทางใบ ทำให้พืชดูดซึมสารเหล่านั้นไปใช้ได้เร็ว แต่ถ้าจะให้ได้ผลที่สุด มีประสิทธิภาพที่สุด ต้องฉีดพ่นให้ถูกวิธี เพื่อให้พืชได้ประโยชน์สูงสุดที่ฉีดพ่นนั้น คือ

1. เลือกเวลาให้ถูก :
การใช้ปุ๋ยน้ำ ฮอร์โมน หรือสารเสริมการเจริญเติบโตต่างๆ ทางใบ แนะนำให้ฉีดพ่นตอนเช้าระหว่าง 06.00-09.00 น. จะมีประสิทธิภาพดีที่สุด หรืออย่างช้าอย่าให้เกิน 10.00 น. เพราะช่วงเช้าอากาศยังไม่ร้อนมากพืชจะเปิดปากใบกว้างที่สุด ทำให้การดูดซึมทำได้เร็ว และพืชนำไปใช้ต่อในกิจกรรมสังเคราะห์แสงได้ทันที

หากฉีดพ่นตอนเที่ยงหรือบ่ายช่วงที่อากาศร้อนมาก พืชจะปิดปากใบเพื่อลดการระเหยของน้ำ ส่งผลให้ดูดซึมสารที่ฉีดพ่นได้ช้าหรือน้อยลง และสารที่ฉีดพ่นจะถูกแดดเผาและระเหยไปก่อนที่พืชจะดูดซึมไปใช้ได้หมด

ส่วนการฉีดพ่นตอนเย็นก็ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากพืชไม่ดูดซึมสารที่เราฉีดพ่น นอกจากนี้ยังกลับคายน้ำออกมาดันสารที่เราฉีดพ่นทิ้งไปเสียอีกด้วย และกลางคืนอากาศเย็น ความชื้นสัมพัทธ์สูง สารที่ฉีดพ่นจะเปียกใบอยู่อย่างนั้นตลอดทั้งคืน มีความเสี่ยงสูงทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย

มีข้อยกเว้นสำหรับสารชีวภัณฑ์หรือจุลินทรีย์ ควรฉีดพ่นตอนเย็นถึงค่ำ เพราะจุลินทรีย์จะได้มีเวลาฟื้นตัวหรือขยายตัวตลอดทั้งคืน ขณะที่การฉีดพ่นตอนเช้าหรือเที่ยง จุลินทรีย์ส่วนมากจะถูกแดดเผาตายไปเป็นส่วนใหญ่

2. ดูสภาพอากาศที่เหมาะสม :
ควรฉีดพ่นตอนฟ้าเปิด อากาศไม่ครึ้ม ควรดูพยากรณ์อากาศด้วยว่าฝนจะไม่ตก เพราะช่วงที่ฟ้าปิด ครึ้มฟ้าครึ้มฝน เป็นช่วงที่ความชื้นในอากาศสูง พืชไม่ค่อยคายน้ำ ปากใบไม่เปิด ส่งผลให้กิจกรรมการดูดซึมทั้งทางรากและใบลดน้อยลงไปมาก และถ้าตามมาด้วยฝนตกด้วยจะยิ่งเสียหายเพราะสารที่ฉีดพ่นจะถูกน้ำฝนชะล้างไปเสียหมด
ถ้าจำเป็นจริงๆ ให้ผสมสารเร่งการดูดซึมลงไปด้วยก็พอช่วยได้บ้าง

3. ฉีดพ่นให้ถูกวิธี :
เน้นฉีดพ่นเข้าใต้ใบ เนื่องจากปากใบพืช 70% อยู่ใต้ใบ อีก 30% อยู่บนใบ การฉีดพ่นปุ๋ย ฮอร์โมน หรือสารบำรุงพืชทางใบจึงควรฉีดเข้าไปที่ใต้ใบ

ด้วยหลักการง่ายๆ นี้ การฉีดพ่นฮอร์โมน ปุ๋ยน้ำ หรือสารเสริมการเจริญเติบโตต่างๆ ทางใบ ก็จะมีประสิทธิภาพ พืชนำไปใช้ประโยชน์ได้สูงสุด

5. ลักษณะดินดี ปลูกอะไรก็ได้ผล :
ดินดี คือ ดินที่เพาะปลูกแล้วพืชงาม โตเร็ว ปลูกพืชหัวก็หัวใหญ่ ปลูกไม้ดอกก็ออกดอกดก ปลูกไม้ผลก็ผลดกน้ำหนักดี ดินแบบนี้มีลักษณะสำคัญ 5 อย่าง ลองมาดูกันว่าลักษณะ 5 อย่างของดินดีนั้นมีอะไรบ้าง

ข้อดีของการผสมปุ๋ยเคมีใช้เอง :
ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม มียอดการใช้ปุ๋ยเคมีรวมปีละประมาณ 6 ล้านตัน แต่การใช้ปุ๋ยนี้ไม่คุ้มค่ากับราคาปุ๋ยเคมีที่ค่อนข้างแพง ทางแก้คือต้องผสมปุ๋ยเคมีใช้เอง

ปลูกพืชต้องรดน้ำเท่าไหร่จึงจะพอ :
การปลูกพืชให้ได้ผลดีเรามักพูดกันติดปากว่า ดินดี น้ำดี แต่คำว่าน้ำดีนั้นแค่ไหนถึงเรียกว่าน้ำดี ถ้าเราขุดบ่อมีแหล่งน้ำดีแล้วจะต้องดูดขึ้นไปรดน้ำให้พืชมากแค่ไหนพืชถึงจะพอ

ปุ๋ยเคมี ใช้ผิดชีวิตเปลี่ยน :
ปุ๋ยเคมี เป็นปุ๋ยที่มีราคาแพงแต่ใช้แล้วพืชให้ผลผลิตสูง เกิดความคุ้มค่าและได้กำไรดี แต่น่าเสียดายที่หากใช้ปุ๋ยเคมีผิดวิธีเงินที่จ่ายไปนั้นอาจจะไม่ได้ประโยชน์เลย สุดท้ายมีแต่ขาดทุน

วิธีใส่ปุ๋ยเคมีให้ได้ผลดีด้วยคาถา 4 ถูก :
ปุ๋ยเคมีเป็นปุ๋ยละลายเร็ว สูญหายไว และราคาแพง การใส่ปุ๋ยเคมีจึงต้องใช้ให้ถูกวิธีเพื่อให้ประหยัดที่สุด และได้ผลดีสุด

https://npkthailand.com


6 เคล็ดลับการให้ปุ๋ยทางใบเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อพืชมากที่สุด :[color=red]
เนื่องจากการให้ปุ๋ยทางใบในแต่ละครั้งนั้นมีต้นทุนเรื่องแรงงาน เวลา และต้นทุนเรื่องปุ๋ยดังนั้นการให้ปุ๋ยแต่ละครั้งควรคำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของพืช และวิธีการ ให้อย่างไรพืชสามารถนำไปใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด นั่นหมายถึงการลดต้นทุนการทำเกษตรอีกทางหนึ่ง เรามาดูเคล็ดลับ

1. ต้องให้น้ำพืชก่อนเสมอ หรือพืชต้องอยู่ในภาวะที่ไม่ขาดน้ำ
2. การให้ปุ๋ยทางใบในช่วงเช้าเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากอุณหภูมิ ความเข้มของแสงที่ไม่สูงเกินไปความชื้นสัมพัทธ์และความชื้นในดินพอเหมาะ (ใบพืชมีความเต่ง) ใบพืชมีความเต่งเพราะอัตราการดูดน้ำของรากสมดุลกับอัตราการคายน้ำ เมื่อใบพืชเต่งไขและเคลือบผิวจะมีลักษณะฟู ยอมให้ตัวสารละลายผ่านได้ง่าย ในขณะเดียวกันถ้าพืชขาดน้ำจะทำให้ใบพืชสูญเสียความเต่ง ไขและเคลือบผิวของใบแฟบลงและแน่น ทำให้สารละลายผ่านยาก ดังนั้นการให้สารอาหารพืชทางใบในขณะที่ใบพืชเต่ง อัตราการดูดสารอาหารเข้าไปใช้จึงสูง

3. ใบพืชที่มีอายุน้อยสามารถดูดสารละลายธาตุอาหารได้ดีกว่าใบพืชที่แก่กว่า เพราะใบอ่อนมีการสะสมสารเคลือบผิวและสารคิวตินยังไม่หนา มากจึงทำให้สารละลายธาตุอาหารเคลื่อนที่ผ่านได้เร็วกว่าใบแก่

4. ปริมาณธาตุอาหารหลักในพืช มีผลต่อความสามารถในการดูดซับธาตุอาหารเสริมทั้งทางใบและทางราก เช่น การมีไนโตรเจนในปริมาณเพียงพอ จะส่งเสริมการดูด Mg ทั้งทางใบและทางราก

5. ศึกษาการใช้ปุ๋ยอย่างละเอียด เนื่องจากความเป็นกรดและด่างอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อพืช การให้ปุ๋ยทางใบที่มีความเข้มข้นที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิดอาการใบไหม้ได้

6. เพิ่มประสิทธิภาพด้วยสารจับใบ เพราะสารจับใบช่วยลดแรงตึงผิวของน้ำ ช่วยเพิ่มการแพร่กระจายของสารละลายกับผิวใบทำให้เพิ่มพื้นที่สัมผัส ผิวใบจึงเปียกอย่างทั่วถึง

จะเห็นได้ว่าเคล็ดลับเหล่านี้เป็นเรื่องง่ายๆ ที่เราสามารถทำได้เพื่อช่วยเราลดต้นทุนการทำการเกษตรได้ครับ อย่าลืมนำไปใช้กันนะครับ

https://www.cowboyplantfoods.com/6-secret-foliar-feeding/



ข้อดีและข้อเสีย ของการใช้ปุ๋ยทางใบ (ปุ๋ยน้ำและปุ๋ยเกล็ด) :
ปุ๋ยทางใบ :

ปุ๋ยทางใบ หมายถึง ปุ๋ยที่เป็นสารละลายแล้วฉีดพ่นทางใบเพื่อให้ธาตุอาหารแก่พืช
เนื่องจากรากพืชสัมผัสอยู่กับอนุภาคดินและสารละลายของดินโดยตรง รากจึงดูดธาตุอาหารได้ตลอดเวลาส่วนใบพืชอยู่ในอากาศ จะมีโอกาสดูดธาตุอาหารได้เฉพาะจากสารละลายที่มาสัมผัสใบเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ใบจึงได้รับธาตุอาหารตามธรรมชาติจากน้ำฝนและน้ำค้าง การฉีดพ่นปุ่ยทางใบให้แก่พืชเป็นการช่วยให้พืชได้รับธาตุอาหารได้มากขึ้นและเร็วขึ้น

ชนิดของปุ๋ยทางใบ :
ปัจจุบันใช้ปุ๋ยทางใบมี 2 ชนิด
1) ปุ๋ยเกล็ด คือปุ๋ยเคมีชนิดแข็งที่มีสภาพเป็นรูปผลึกของสารประกอบ ผลิตจากการนำแม่ปุ๋ยชนิดต่าง ๆ มาผสมกับให้ได้สูตรที่ต้องการเป็นปุ๋ยที่ละลายน้ำง่าย

2) ปุ๋ยน้ำหรือปุ๋ยเหลว คือปุ๋ยที่ได้จากการละลายแม่ปุ๋ยในน้ำให้ได้สัดส่วนเป็นปุ๋ยสูตรต่าง ๆ โดยที่แม่ปุ๋ยจะถูกละลายได้ทั้งหมด วิธีใช้ปุ๋ยเพียงแต่นำมาเจือจางด้วยน้ำในอัตราที่พอเหมาะแล้วนำไปฉีดพ่นพืชได้ทันที

ข้อดีของการใช้ปุ๋ยทางใบ :
1. ช่วยให้พืชเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากการย้ายปลูกและตั้งตัวได้แล้ว
2. ใช้กับอาการขาดธาตุอาหารในระยะแรก ๆ ได้ดี
3. ใช้ผสมกับการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดโรคแมลง และควบคุมวัชพืชได้เป็นการประหยัดแรงงาน
4. ใช้กับพืชที่ปลูกในดินที่มีปัญหา เช่น ดินเค็ม ดินเปรี้ยวจัด ดินทรายจัด ดินเหนียวจัด หรือดินที่มีปัจจัยแวดล้อมขวางการดูดใช้ธาตุอาหารทางระบบราก

5. ใช้ในการเสริมธาตุหลัก คือ ไนโตรเจนในรูปปุ๋ยยูเรียและการใช้ธาตุรอง และธาตุอาหารเสริมแก่พืช
6. พืชสามารถดูดธาตุอาหารโดยทางใบได้มากกว่า และเร็วกว่าการดูดทางราก ต้นไม้จึงใช้ประโยชน์จากธาตุอาหารได้เร็ว

7. ช่วยให้พืชฟื้นตัวเร็ว หลักจากชะงักเนื่องจากกระทบแล้งหรือถูกโรคแมลงทำลาย
8. ปุ๋ยน้ำ มีความสม่ำเสมอของเนื้อปุ๋ยแน่นอนกว่าปุ๋ยชนิดแข็งและปุ๋ยเกล็ด มีปริมาณเนื้อปุ๋ยรวม (N+P2O5+K2O) สูงกว่าปุ๋ยเม็ดทำให้ทุ่นค่าใช้จ่ายในการขนส่งมากกว่า

9. ปุ๋ยน้ำผลิตง่ายและเปลี่ยนแปลงปรับปรุงสูตรได้ง่าย จึงผลิตได้มากสูตรกว่าปุ๋ยชนิดแข็ง
10. ง่ายต่อการขนส่งและการใช้

ข้อเสียของการใช้ปุ๋ยทางใบ :
1. โดยทั่วไปการใช้ปุ๋ยทางใบเพียงอย่างเดียวไม่สามารถจะให้ธาตุอาหารแก่พืชได้อย่างเพียงพอในปริมาณที่เท่าเทียมกับปุ๋ยทางดิน เพราะถ้าให้ในระดับความเข้มข้นสูงเกินไปอาจทำให้พืชใบไหม้

2. การให้ปุ๋ยทางใบเพียงอย่างเดียวจะทำได้เฉพาะกับพืชที่ให้ผลตอบแทนสูงมากเท่านั้น เพราะจะต้องให้ปุ๋ยบ่อยครั้งตามกำหนดเวลาอย่างสม่ำเสมอ

3. ปุ๋ยน้ำชนิดสารละลายไม่สามารถผลิตให้มีเกรดสูง ๆ ได้ โดยทั่วไปมักมีปริมาณของธาตุอาหารรวมของ (N+P2O5+K2O) ไม่เกิน 30 เปอร์เซ็นต์

4. ปุ๋ยเกล็ดมักมีคุณสมบัติดูดความชื้นจากอากาศได้ง่ายกว่าปุ๋ยเม็ด แม้จะมีการใส่สารป้องกันความชื้นแล้วก็ตามทำให้เสื่อคุณภาพเร็ว

5. ราคาต่อหน่วยของธาตุอาหารในปุ๋ยเม็ดและปุ๋ยเกล็ดเพราะโดยทั่วไปปุ๋ยน้ำจะมีเกรดต่ำกว่าปุ๋ยชนิดแข็ง
6. ราคาต่อหน่วยของธาตุอาหารในปุ๋ยเกล็ดสูงกว่าราคาต่อหน่วยของธาตุอาหารในปุ๋ยเม็ดมาก เพราะแม่ปุ๋ยที่ใช่ในการผลิตปุ๋ยผสมชนิดเกล็ดมีราคาแพงกว่าแม่ปุ๋ยที่ใช้ในการผลิตปุ๋ยเม็ด

7. ปุ๋ยน้ำละลายาตุอาหารเสริมและธาตุอาหารรองได้น้อย ยกเว้นปุ๋ยน้ำที่ใช้แม่ปุ๋ยในรูปของสารประกอบพวกโพลิฟอสเฟตและสารคีเลต

8. ปุ๋ยน้ำโดยทั่วไปจะควบคุมคุณภาพได้ยากกว่าปุ๋ยเม็ดและปุ๋ยเกล็ด

คุณสมบัติหรือลักษณะของปุ๋ยทางใบที่ดี :
ปุ๋ยทางใบที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้ :

1. ปุ๋ยพืชที่มีสูตรสูง อย่างน้อยควรมีผสมรวมของ N+P2O3+K2O ไม่น้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ สำหรับปุ๋ยน้ำและ 60 เปอร์เซ็นต์สำหรับปุ๋ยเกล็ด

2. ควรประกอบด้วยธาตุอาหารเสริมบางธาตุ หรือหลายๆ ธาตุนอกเหนือจากธาตุอาหารหลัก N-P-K
3. ควรเป็นปุ๋ยที่มีความเป็นกรดมากพอ ที่เมื่อนำไปละลายน้ำในระดับความเข้มข้น 0.25 – 0.30 เปอร์เซ็นต์ของตัวปุ๋ย (ซึ่งเป็นอัตราที่ใช้อยู่ในประเทศไทย) จะได้ส่วนผสมของสารละลายปุ๋ยที่มีค่า pH ระหว่าง 4.5 – 6.0 ทั้งนี้เนื่องจากค่า pH ในช่วงดังกล่าวใบพืชจะสามารถดูดธาตุอาหารได้ดีและเร็วกว่าค่า pH ของปุ๋ยที่ต่ำหรือสูงกว่านี้

4. ปุ๋ยน้ำควรเป็นปุ๋ยประเภทสารละลายที่ไม่มีความดัน
5. ปุ๋ยเกล็ดความเป็นปุ๋ยที่สามารถละลายน้ำได้เร็วและละลายได้น้ำทั้งหมด
6. ปุ๋ยน้ำควรเป็นปุ๋ยที่ผลิตจากแม่ปุ๋ยฟอสฟอรัสในรูปของสารประกอบหรือสารละลายโพลิฟอสเฟต
7. ปุ๋ยเกล็ดควรอยู่ในรูปผลึกขนาดเล็ก ที่มีความบริสุทธิ์สูงได้ชื้นง่ายและไม่ควรมีค่าความชื้นมากกว่า 1 เปอร์เซ็นต์

ข้อมูล : สำนักนิเทศและถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดิน
ที่มา : สำนักนิเทศและถ่ายทอดเทคโนโลยีการพัฒนาที่ดิน

http://sql.ldd.go.th/KMBlog/Content.aspx?BlogID=101


......................................................................................................................




ชาวสวนทุเรียนควรรู้ อีก 5 ปีจะเกิดอะไร ทั้งโอกาสและความเสี่ยง
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2651868


ทุเรียนไทย 2 แสนล้านบาท จะพังเพราะปุ๋ยและยา ? ?
https://www.palangkaset.com


พาณิชย์จับมือเกษตร ผลักดันผลไม้ไทยสู่ตลาดโลก
https://www.nationtv.tv/news/pr/378920772


ปลื้ม 'ทุเรียน มังคุด ลำไย' สุดฮอต ชาวจีนแห่ซื้อ
https://www.thaipost.net/economy-news/395856/

**************************************************************




.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 02/06/2024 2:09 pm, แก้ไขทั้งหมด 5 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11657

ตอบตอบ: 29/06/2023 9:32 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
การใช้แสงเทียมปลูกผักสลัด Red Oak ในที่ร่ม
https://ag2.kku.ac.th/kaj/PDF.cfm?filename=145_Hor28.pdf&id=3617&keeptrack=3

นวัตกรรมการปลูกพืชผักในที่ร่มด้วยแสงจากหลอด LED
https://www.grandpaurbanfarm.net/?p=1466


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©