-
MySite.com :: ทบทวนกระทู้ - ขยายผลการทำปุ๋ยสู่ชาวบ้าน
ผู้ส่ง ข้อความ
somchai
ตอบตอบ: 13/10/2009 11:34 pm    ชื่อกระทู้:

เยี่ยมมากเดินหน้าต่อไป ค่อยๆเดิน อีกหน่อยต้องมีสมาชิกชาวสวนเพิ่มขึ้นแน่นอนครับ
Pum_NWF_Rayong
ตอบตอบ: 13/10/2009 10:09 pm    ชื่อกระทู้:

นับเป็นก้าวที่ 3 หลังจากนับ 1 ที่ไร่กล้อมแกล้ม นับ 2 ที่การรวมกลุ่มเกษตรกรคลื่นลูกใหม่จังหวัดระยองในการทำปุ๋ยใช้เอง และนับ 3 ที่การขยายผลสู่กลุ่มเกษตรกรในชุมชนที่เราอยู่ และยังสานต่อเจตนารมณ์ของลุงคิม ที่ช่วยเกษตรกรอีกถึง 15 ครอบครัวในการลดต้นทุนการทำปุ๋ย โดยเริ่มจากแคลเซียมโบรอน สำหรับปีนี้เกษตรกรกลุ่มนี้สามารถลดต้นทุนแคลเซี่ยมโบรอนไปได้ถึง 24,750 บาท Very Happy

ปุ้มระยอง รายงาน
Pum_NWF_Rayong
ตอบตอบ: 13/10/2009 10:08 pm    ชื่อกระทู้:



ของผมครบแล้วครับ
Pum_NWF_Rayong
ตอบตอบ: 13/10/2009 10:07 pm    ชื่อกระทู้:



หลังทำเสร็จ ก็ถึงเวลาแจกจ่าย
Pum_NWF_Rayong
ตอบตอบ: 13/10/2009 10:06 pm    ชื่อกระทู้:

พวกผู้หญิงก็จับกลุ่มเสวนาเรื่องการลดต้นทุน และประโยชน์ของการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนฯ




ร่วมแรงแข็งขัน เอ้า….พอ…….
Pum_NWF_Rayong
ตอบตอบ: 13/10/2009 10:05 pm    ชื่อกระทู้:



สมาชิกบางท่านขอมีส่วนร่วมด้วย







“ผมขอลองด้วยคนสิ”
Pum_NWF_Rayong
ตอบตอบ: 13/10/2009 10:04 pm    ชื่อกระทู้:



คุณชวนพิศ เหรัญญิก กลุ่มเกษตรกรคลื่นลูกใหม่จังหวัดระยอง ก็มาช่วยกับเขาด้วย




เกษตรกรสมาชิกกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปรับปรุงคุณภาพมังคุด กำลังพิสูจน์ความหวานของกลูโคส
Pum_NWF_Rayong
ตอบตอบ: 13/10/2009 10:02 pm    ชื่อกระทู้:



ใส่วัตถุดิบทีละตัว ช้าๆ ให้ส่วนผสมละลายดีด้วย Moulinex ที่ปรับแต่งเรียบร้อยแล้ว


Pum_NWF_Rayong
ตอบตอบ: 13/10/2009 10:00 pm    ชื่อกระทู้:



เริ่มแรกก็ต้องเช็คค่า pH น้ำที่จะใช้กันก่อน





คุณวรวิทย์ กำลังปรับค่า pH น้ำให้ได้ตามต้องการ ….NW ระยอง ร่วมด้วยช่วยกันดีจัง
Pum_NWF_Rayong
ตอบตอบ: 13/10/2009 9:57 pm    ชื่อกระทู้:



ทุกคนให้ความสนใจฟังกันเป็นอย่างดี

Pum_NWF_Rayong
ตอบตอบ: 13/10/2009 9:57 pm    ชื่อกระทู้:



คุณจิรภัทร กำลังแนะนำวัตถุดิบในการทำแคลเซี่ยมโบรอนใช้เอง ซึ่งปกติเกษตรกรกลุ่มนี้ซื้อแคลเซี่ยมสำเร็จรูปพร้อมใช้จากท้องตลาดในปีที่ผ่านมา
Pum_NWF_Rayong
ตอบตอบ: 13/10/2009 9:56 pm    ชื่อกระทู้:

ในที่สุดกำหนดวันทำปุ๋ยให้กับกลุ่มวิสาหกิจฯทั้ง 2 กลุ่มนี้ก็มาถึง

กำหนดการขยายผลสู่วิสาหกิจชุมชนฯ
13 ต.ค 52 เวลา 13:00 น. สมาชิกเกษตรกรของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปรับปรุงคุณภาพมังคุด ตำบลเนินฆ้อและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมังคุดคุณภาพเทศบาลเมืองแกลง จังหวัดระยองมาถึง ณ จุดนัดหมาย
ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรคลื่นลูกใหม่จังหวัดระยอง คุณชวนพิศ, คุณวรวิทย์, คุณวิวัฒน์, คุณกฤษณะ มาร่วมงานกันอย่างพร้อมเพรียง โดยมีคุณจิรภัทรและคุณมาราดีเป็นแม่งาน



คนละไม้คนละมือ NW Rayong เรา แข็งขันไม่ใช่เล่น
Pum_NWF_Rayong
ตอบตอบ: 01/10/2009 2:16 pm    ชื่อกระทู้:

ที่มา http://us.geocities.com/moralcamp/dh1.html



อริสโตเติ้ล นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของกรีกได้กล่าวไว้ว่า "มนุษย์เป็นสัตว์สังคม (Human being is social animal)" เพราะมนุษย์มีการอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเป็นหมวดหมู่ มิได้ใช้ชีวิตอยู่เพียงคนเดียวตามลำพังแต่อย่างใด เนื่องจากมนุษย์ต้องทำกิจกรรมร่วมกันอยู่ตลอดเวลา ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และแต่ละชีวิตต่างก็ต้องการที่จะเสริมสร้างความสุข ความมั่นใจ และความปลอดภัยให้กับตนเองอยู่เสมอ สังคมจึงเป็นแหล่งรวมศูนย์ทางความคิดที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นมา เพื่อแสวงหาคำตอบทุกๆอย่างให้กับตนเอง


สังคมในทุกระดับชั้นเป็นแหล่งรวมคนหลายๆคนเข้าด้วยกัน ซึ่งในจำนวนผู้คนเหล่านั้น แต่ละคนต่างก็มีชีวิต มีจิตวิญญาณ มีความรู้สึกนึกคิดและมีจุดหมายปลายทางที่แตกต่างกันออกไป และด้วยเหตุนี้เองบางครั้งจึงทำให้สังคมต้องเกิดปัญหาหรือมีความสับสนวุ่นวายขึ้น อันเนื่องมาจากความแตกต่างทางด้านความคิดของแต่ละคน ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่สังคมมีปัญหาขึ้นจะเป็นด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม ผู้ที่จะทำหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้หมดสิ้นไปได้ ก็หาเป็นใครที่ไหนไม่ หากแต่เป็นหน้าที่ของสมาชิกทุกๆ คนนั่นเอง ที่จะต้องสามัคคีร่วมใจกันแก้ไขปัญหาและพัฒนาสังคมของตนเองให้ดีและมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น


ปลวกซึ่งเป็นเพียงสัตว์ตัวเล็กๆ แต่ในความเล็กนั้น ปลวกกลับสามารถที่จะสร้างจอมปลวกอันเข้มแข็งใหญ่โตเท่าภูเขาลูกเล็กๆขึ้นมาได้ ซึ่งลมฝนและพายุไม่สามารถจะทำลายลงได้ ทั้งนี้ก็เพราะปลวกเป็นสัตว์ที่รู้จักช่วยเหลือกัน รู้จักความสามัคคี ทำงานกันเป็นทีม และมีความรู้สึกรับผิดชอบต่อหน้าที่อยู่ตลอดเวลา

ความสามัคคีจึงเป็นบ่อเกิดแห่งความสำเร็จทั้งปวง ความสามัคคีจึงเป็นแหล่งพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะสร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าและความมั่นคงให้เกิดขึ้นได้ และเป็นสิ่งที่สมาชิกในสังคมทุกๆคนควรที่จะตระหนัก เอาใจใส่ และสร้างสรรค์ขึ้นให้มากที่สุด


ในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสหลักธรรมอันจะเป็นแนวทางในการเสริมสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในสังคมเอาไว้ 6 ประการด้วยกัน ซึ่งอยู่ในหมวดธรรมที่เรียกว่า "สาราณียธรรม 6 " ซึ่งมีความหมายว่า หลักธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกถึง เป็นหลักธรรมที่จะเสริมสร้างความรู้สึกที่ดีให้เกิดขึ้นต่อกันและกันอยู่เสมอในยามที่ระลึกถึงกัน ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างความสามัคคีมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันให้เกิดขึ้นด้วย


หากสังคมใดต้องการที่จะเสริมสร้างความสามัคคีและความเป็นปึกแผ่นให้เกิดขึ้น ก็ควรที่จะต้องนำเอาหลักธรรมธรรมทั้ง 6 ประการ ไปใช้อยู่ตลอดเวลา กล่าวคือ:-


1. เมตตามโนกรรม หมายถึง การคิดดี การมองกันในแง่ดี มีความหวังดีและปรารถนาดีต่อกัน รักและเมตตาต่อกัน คิดแต่ในสิ่งที่สร้างสรรค์ต่อกัน ไม่อิจฉาริษยา ไม่คิดอคติ ไม่พยาบาท ไม่โกรธแค้นเคืองกัน รู้จักให้โอกาสและให้อภัยต่อกันและกันกันอยู่เสมอ


2. เมตตาวจีกรรม หมายถึง การพูดแต่สิ่งที่ดีงาม พูดกันด้วยความรักความปรารถนาดี รู้จักการพูดให้กำลังใจกันและกัน ในยามที่มีใครต้องพบกับความทุกความผิดหวังหรือความเศร้าหมองต่างๆ โดยที่ไม่พูดจาซ้ำเติมกันในยามที่มีใครต้องหกล้มลง ไม่นินทาว่าร้ายทั้งต่อหน้าและลับหลัง พูดแนะนำในสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ พูดอย่างใดก็ทำอย่างนั้น ไม่โกหกมดเท็จ


3. เมตตากายกรรม หมายถึง การทำความดีต่อกัน สนับสนุนช่วยเหลือกันทางด้านกำลังกาย มีความอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่เบียดเบียนหรือรังแกกัน ไม่ทำร้ายกัน ให้ได้รับความทุกขเวทนา ทำแต่ในสิ่งที่ถูกต้องต่อกันอยู่ตลอดเวลา


4. สาธารณโภคี หมายถึง การรู้จักแบ่งปันผลประโยชน์กันด้วยความยุติธรรม ช่วยเหลือกัน ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ไม่เอารัดเอาเปรียบ และมีความเสมอภาคต่อกัน เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกันอยู่เสมอ


5. สีลสามัญญตา หมายถึง การปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อบังคับหรือวินัยต่างๆอย่างเดียวกัน เคารพในสิทธิเสรีภาพของบุคคล ไม่ก้าวก่ายหน้าที่กัน ไม่อ้างอำนาจบาตรใหญ่ ไม่ถืออภิสิทธิ์ใดๆทั้งปวง


6. ทิฏฐิสามัญญตา หมายถึง มีความคิดเห็นเป็นอย่างเดียวกัน คิดในสิ่งที่ตรงกัน ปรับมุมมองให้ตรงกัน รู้จักแสงหาจุดร่วมและสงวนไว้ซึ่งจุดต่าง ของกันและกัน ไม่ยึดถือความคิดของตนเป็นใหญ่ รู้จักยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นอยู่เสมอ


หลักธรรมทั้ง 6 ประการข้างต้น เป็นหลักธรรมสำหรับการเสริมสร้างความสามัคคีและความเป็นปึกแผ่นให้เกิดขึ้นในสังคม อันจะนำมาซึ่งความสุข ความสันติ ความมั่นคง และความเจริญก้าวหน้าทั้งทั้งหลายทั้งปวง ดั่งพระพุทธวจนะบทที่ว่า "สมคฺคยานํ ตโป สุโข ความสามัคคีของหมู่คณะเป็นเหตุนำความสุขมาให้"


สังคมที่เราอยู่ในปัจจุบันนี้คงจะมีความสงบสุขและน่าอยู่มากกว่านี้ยิ่งนัก ถ้าหากว่าสมาชิกในสังคมแต่ละคนได้นำเอาหลักธรรมที่กล่าวข้างต้นมาใช้

แต่ที่สังคมดูเหมือนมีปัญหา มีความแตกแยก และวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะว่าทุกคนละเลยหลักธรรมเหล่านี้ และกระทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม กล่าวคือ ขาดความรักความเมตตา อิจฉาริษยากัน นินทาว่าร้ายกัน เบียดเบียนและรังแกกัน เห็นแก่ตัว ถืออภิสิทธิ์ อ้างอำนาจบาตรใหญ่ และมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน ต่างคนต่างก็ถือความคิดของตนเป็นใหญ่อยู่ตลอดเวลา

คนไทยได้ชื่อว่าเป็นคนที่ใจดีมีความรักความเมตตา ใจบุญสุนทาน ยิ้มเก่ง โอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นนิสัยปกติทั่วไปของคนไทยเกือบทุกคน และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคนไทย ซึ่ง อาจจะเรียกว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ของไทยเลยก็ว่าได้


สังคมคนไทยคงจะมีความสงบสุข มีความเจริญก้าวหน้า มีความอบอุ่นและน่าอยู่มากกว่าทุกวันนี้มากมายนัก ถ้าหากว่าคนไทยทุกคน เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน ยอมรับในความแตกต่างซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และรู้จักการให้อภัยกันอยู่ตลอดเวลา.


เรามาร่วมมือกันพัฒนาสังคมของเราให้มีความอบอุ่นและน่าอยู่กันเถอะ โดยการเสริมสร้างความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันให้เกิดขึ้นในสังคมของเรา

แล้วเราจะได้พบกับสันติภาพและความอบอุ่นที่เราแต่ละคนต่างก็ปรารถนาและใฝ่ฝันหากันอยู่ตลอดมา
Pum_NWF_Rayong
ตอบตอบ: 01/10/2009 1:58 pm    ชื่อกระทู้:

ทีมา [url]http://pcoc.moc.go.th

บทความเรื่อง “ความสามัคคี”

ความสามัคคี คือ การรวมพลังกับคนอื่น เพื่อทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งด้วยความพร้อมเพียงกันให้สำเร็จสมประสงค์ การรวมกำลังกับคนอื่น จะเพิ่มขีดความสามารถทำงานใหญ่ได้สำเร็จ การรวมกำลังอาจจะเป็น กำลังกาย กำลังความคิดเห็น กำลังความรู้ สุดแต่ผู้ใดจะมีกำลังอย่างใด แล้วใช้กำลังความสามารถที่มีอยู่ด้วยความพร้อมเพียง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยไม่มีการวิวาทบาดหมางกัน

ความพร้อมเพียงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หมายถึง การทำหน้าที่ ใครมีหน้าที่อย่างใดก็ทำหน้าที่อย่างนั้น ไม่สับสน เกี่ยงงานรักษาหน้าที่ของตนให้ดำเนินไปด้วยดี ประเทศชาติที่มีคนพร้อมเพรียงอย่างนี้ ย่อมนำไปสู่ความเจริญมั่นคง ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความสุขความเจริญ และเป็นสิ่งคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ ไปด้วย

ความพร้อมเพรียงกันจำแนกเป็น 2 อย่าง คือ

1. การพร้อมเพรียงกันทางกาย ได้แก่ การช่วยกันสนับสนุนส่งเสริมการงาน ของหมู่คณะให้สำเร็จลุล่วงไม่รังเกียจเกี่ยงงอน แก่งแย่งชิงดีกัน หรือแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่า

2. การพร้อมเพรียงกันทางใจ ได้แก่ มีใจรักใคร่หวังดีต่อกัน ไม่บาดหมาง เกลียดชัง มีความคิดเห็นกลมเกลียว ช่วยกันคิดอ่านการงานของหมู่คณะด้วยใจซื่อตรง และหวังประโยชน์ส่วนรวม เป็นใหญ่ ไม่ทำความคิดเห็นแตกต่าง แก่งแย่งกันหรือคิดชิงดีกันด้วยอำนาจ ถือทิฎฐิมานะ

ความสามัคคี เป็นสิ่งคุ้มครองป้องกันภัยอันตราย ถ้าชาติใดมีความสามัคคีพร้อมเพียงกัน ชาตินั้นก็มีพลังต่อสู้เข้มแข็ง หากมีชาติอื่นมารุกรานก็สามารถรวมกำลังต่อสู้เพื่อรักษาอิสรภาพไว้ได้
การแตกความสามัคคีจะเป็นผลร้าย นำความหายนะมาสู่หมู่คณะ ตลอดถึงประเทศชาติ ความสามัคคีของชาติคือ บุคคลในชาติต่างทำหน้าที่ของตนเอง ถ้าต่างไม่ทำหน้าที่หรือเกี่ยงงอนกัน

พนักงานต่าง ๆ ทำงานล่าช้าผลัดวันประกันพรุ่ง หรือใช้อำนาจข่มขู่ราษฎร คนก็เบื่อหน่ายชิงชัง ประชาชนไม่ยอมเสียภาษีเท่าที่ควร ก็จะพัฒนาประเทศชาติไม่ได้เต็มที่ ชาวไร่ชาวนาไม่ทำหน้าที่ให้ได้ผลผลิตเต็มที่ก็ย่อมทำให้เกิดการขาดแคลนและทำให้ราคาสินค้าต่าง ๆ พลอยสูงขึ้น ตำรวจไม่ทำหน้าที่ โจรผู้ร้ายชุกชุม ทหารไม่ทำหน้าที่ฝึกหัดอบรมเตรียมความพร้อมไว้ป้องกันประเทศชาติ คือต่างไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตน ประเทศชาติก็จะถึงความพินาศล่มจม ซึ่งเป็นผลมาจากการแตกความสามัคคีทั้งสิ้น

เหตุที่ทำให้ความสามัคคีแตกร้าว มักเป็นด้วยบุคคลคิดถึงประโยชน์ของตนยิ่งกว่าประโยชน์ของหมู่คณะ


หลักการปลูกฝังความสามัคคีในหมู่คณะ จะต้องปลูกความรักใคร่นับถือกันให้มีขึ้น ได้แก่

1. ต้องฝึกตนเป็นคนสุภาพ อ่อนน้อม และมีเมตตากรุณา
2. ประพฤติอยู่ในธรรม อันเป็นความหนักแน่น มั่นคง ได้แก่ ความซื่อสัตย์ต่อกัน รู้จักยับยั้งข่มใจ อดทนต่อความยากลำบาก และรู้จักเสียสละ
3. ละเว้นอัธยาศัยที่จะก่อความไม่พอใจแก่ผู้อื่น เช่น ดุดื้อถือดี อาฆาต พยาบาท เป็นต้น
4. ประพฤติสิ่งที่จะปลูกความสามัคคีให้เกิดขึ้นเช่นกัน มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ ถ้อยคำไพเราะ ประพฤติแต่สิ่งอันเกิดประโยชน์แก่กันวางตนเสมอต้นเสมอปลาย
5. แต่ละคนพยายามปฏิบัติตนให้เป็นผู้สมควรแก่ความรักใคร่ นับถือ โดยตั้งอยู่ในศีลธรรมมีความซื่อสัตย์
Linda
ตอบตอบ: 29/09/2009 8:50 am    ชื่อกระทู้:

สวัสดีลุงคิม และเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ

ของหนูเนี่ยอารมณ์เดียวกับพี่นุกูลเลยค่ะ แอบอิจฉากลุ่มระยองนิดนึง ที่จังหวัดกาญจนบุรีมีหนูคนเดียวหรือป่าวก็ไม่รู้ (ตอนที่ไปเรียนที่ไร่กล้อมแกล้ม ลุงคิมพูดว่า อยู่แค่นี้ทำไมถึงเพิ่งจะมา) ตอนนี้หนูพยายามจะให้ลุงกำนันช่วยรวมกลุ่มให้หน่อยค่ะ อยากสอนชาวบ้านให้ทำสารสกัดสมุนไพรไล่แมลงค่ะ ส่วนฮอร์โมนไข่และอย่างอื่นกำลังอยู่ในช่วงการทดลองค่ะ ยังไม่กล้าไปสอนเลยเพราะยังไม่แน่ใจค่ะ ยังแอบโทรปรึกษาพี่อ้อบ่อยๆ ฮิฮิ
Pitipol
ตอบตอบ: 28/09/2009 7:49 pm    ชื่อกระทู้:

เนื่องจากมีปัญหาวัตถุดิบ จึงต้องมีการเลื่อนกำหนดการทำไปอีกไม่มีกำหนด ครับผม
Aorrayong
ตอบตอบ: 28/09/2009 6:40 am    ชื่อกระทู้:

nw5208061 บันทึก:
เดินช้าๆ แต่มั่นคง....ยั่งยืน

เดินเร็วๆ แต่ล้มลง....สมน้ำหน้า

คุยก่อนทำ....ขี้โม้

ทำก่อนคุย....สะใจ

อ๊อด ระยองครับ


พี่อ้อชอบการนำเสนอของคุณอ๊อดนะ สั้นๆ แต่รู้สึกแสบๆ คันๆ เป็นตัวตนที่แท้จริง นำเสนอในสิ่งที่คิด คิดในสิ่งที่นำเสนอ ไม่สร้างภาพ
ott_club
ตอบตอบ: 26/09/2009 11:11 pm    ชื่อกระทู้:

เดินช้าๆ แต่มั่นคง....ยั่งยืน

เดินเร็วๆ แต่ล้มลง....สมน้ำหน้า

คุยก่อนทำ....ขี้โม้

ทำก่อนคุย....สะใจ

อ๊อด ระยองครับ
nukul
ตอบตอบ: 26/09/2009 12:31 pm    ชื่อกระทู้:

สวัสดีครับลุงคิมและเพื่อนๆทุกท่าน..........

แหมเห็นแล้วอิจฉาจังเลยครับ รวมตัวกันได้ถึงขนาดนี้ น่าชื่นชมจริงๆครับ..............

น่าเสียดายที่ จ.ประจวบฯ มีผมอยู่คนเดียวแต่ไม่เป็นไรครับถ้าแนวทางที่พวกเรากำลังทำอยู่นี่สำเร็จผลขึ้นมาล่ะก็ คงจะมีเกษตรกรชาวประจวบฯมารวมกลุ่มแบบชาวระยองบ้าง................

ดีใจด้วยนะครับ
นุกูล...
Aorrayong
ตอบตอบ: 26/09/2009 10:58 am    ชื่อกระทู้:

ขอบคุณแทนน้องๆค่ะ

ใครจะรู้บ้างว่า.....กำลังใจ....เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
thumsiri
ตอบตอบ: 26/09/2009 10:40 am    ชื่อกระทู้:

ผมก็มาให้กำลังใจเช่นกันครับ....สู้ ๆ ต่อไป... Very Happy
somchai
ตอบตอบ: 26/09/2009 9:46 am    ชื่อกระทู้:

ให้กำลังใจกับทุกๆคนครับ

ผมเองได้แต่มองดูอยู่ข้างหลัง รอดูความสำเร็จของทุกๆคน

การก้าวเดินไปอย่างมีแบบแผน และไตร่ตรองน่าจะดีกว่าการก้าวกระโดดแบบไม่รู้จุดมุ่งหมาย

อีกหน่อยการเดินแบบนี้ จะต้องมีแถวที่ยาวแน่นอนในภายหน้า

เอาใจช่วยครับ

สมชาย กลิ่นมะพร้าว
Aorrayong
ตอบตอบ: 26/09/2009 9:05 am    ชื่อกระทู้:

เป็นสิ่งที่ดีมาก ที่ขยายผลได้เร็ว แต่น้องๆอย่าลืม "ต้องแม่นสูตร แม่นหลักการ" เพราะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวบ้าน เราคงต้องทำมากกว่าแค่สอนให้ผลิต ต้องแนะนำหลักการ หรือแม้กระทั่งการติดตามผลที่ได้หลังจากทำตามแนวทางนี้

พรุ่งนี้ นอกจากการทำสารสมุนไพร,ทำฮอร์โมนไข่ที่เหลือ เราจะร่วมกันวางแผน "โครงการขยายผลการผลิตปุ๋ยและฮอร์โมนให้แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนตำบลเนินฆ้อ จ.ระยอง"ด้วย

สำหรับทีมที่เริ่มทดลองแปลงสาธิตนาข้าว ให้เตรียมข้อมูลและแผนดำเนินงาน มาช่วยกันวิเคราะห์

รวมทั้ง จะวางแผนการประชุมของสมาชิกเกษตรกรคลื่นลูกใหม่ที่จะจัดขึ้นที่สำนักงานเกษตรจังหวัดในครั้งต่อไป ให้พวกเราร่วมกันนำเสนอวาระที่ประชุม ยกตัวอย่างเช่น มีสมาชิกเสนอแผนในการจัดตั้งและจดทะเบียนกลุ่มของพวกเรา เป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน
Pitipol
ตอบตอบ: 26/09/2009 1:02 am    ชื่อกระทู้: ขยายผลการทำปุ๋ยสู่ชาวบ้าน

เมื่อวันพุธที่ 24 กันยายน 2552 ได้มีการประชุมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนตำบลเนินฆ้อ จ.ระยอง โดยมีคุณดำระยองเป็นเลขาฯ คุณป้าแขกระยองเป็นที่ปรึกษา (ส่วนผมโอ ระยองเป็นผู้สังเกตุการณ์) ซึ่งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนตำบลเนินฆ้อนี้ ได้ร่วมกันขายมังคุดใส่กล่อง ประสบผลสำเร็จเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา
ในวาระหนึ่งของการประชุมครั้งนี้ คุณดำได้เสนอการเพิ่มผลผลิต และลดต้นทุน โดยการรวมผลิตปุ๋ยและฮอร์โมน เหมือนกับกลุ่ม NW ระยอง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ จากชาวบ้านกลุ่มนี้ จึงได้มีมติว่าจะร่วมกันผลิตฮอร์โมนน้ำดำและแคลเซียมโบรอน ในวันอังคารที่ 29 กันยายน 2552 นี้ โดยมีกลุ่ม NW ระยอง มาเป็นพี่เลี้ยงให้


คุณดำกำลังอธิบายสรรพคุณ วิธีการใช้ และต้นทุนการผลิต ในแต่ละตัวอย่างที่นำมาให้ดู




ชาวบ้านรับฟังกันเป็นอย่างดี




ดูตัวอย่างกันให้ชัดๆ เอามาให้ดูทั้งระเบิด 3 ปี ฮม.น้ำดำ ฮม.ไข่ แคลเซียมโบรอน อเมริกาโน




ป้าแขกขอพูดเสริมอีก ถึงประโยชน์ในการรวมกลุ่มกันผลิต




"เอ้า! ใครอยากทำบ้างครับ..." ผมเป็นผู้เช็คตามสมุดเซ็นชื่อเลย ดูว่าใครมีความประสงค์จะทำบ้าง




จากรูปมีทั้งหมด 10 คน มีเพิ่มทีหลังอีก 1 คน (จากรายชื่อทั้งหมด 20 คน เป็น NW อยู่แล้ว 4 คน เป็นครอบครัวเดียวกันอีก 3 คน ยังไม่กล้าลงชื่อ 3 คน เพราะฉะนั้น มีคนสนใจจะทำ 11 คนจาก 14 คน คิดเป็นประมาณ 78%)




ประชุมเสร็จ บางคนขอแบ่งฮม.น้ำดำไปทดลองใช้ก่อนเลย




ลุงคนนี้สวนอยู่ริมทาง ให้เยอะหน่อย ถ้าได้ผลแล้วจะได้เห็นกันทั้งหมู่บ้าน