-
MySite.com :: ทบทวนกระทู้ - 10 ปีที่สูญเปล่า
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
ตอบตอบ: 24/11/2009 10:20 pm    ชื่อกระทู้:

TO สมชาย กลิ่นมะพร้าว......TO อ๊อดระยอง & สมาชิก

เมื่อพบเจอสถานการณ์อย่างที่ว่า ก็ให้ยิ้มๆ แล้วบอกเขาไปว่า เราไม่ใช่คนเก่ง เราไม่ใช่คนดี เราไม่ใช่มูลนิธิการกุศล.....เราไม่เคยอ้าง เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เพื่อสังคมส่วนรวม หรือเพื่อใครๆทั้งสิ้น แต่อยากถามย้อนว่า ในแผ่นดินนี้.....

1. มีใครบ้างที่บอกกล้าสูตรปุ๋ยที่ตัวเองทำขายให้แก่ใครก็ได้ที่ไม่ได้ถามแม้แต่ชื่อ ?

2. มีใครบ้างที่บอกสูตรแล้วก็สอนให้ทำปุ๋ย "ทำใช้-ทำแจก-ทำขาย" โดยไม่กลัวแย่งส่วนแบ่งตลาด ?

3. มีใครบ้างที่ตั้งใจสอน ตั้งใจบอก ต้องการให้ทำเป็น ถึงขนาดขอปรามาสล่วงหน้าว่า "กลับไปแล้ว ใครทำได้ ช่วยส่งข่าวด้วย จะไปกราบ..... " ปรามาสเพื่อให้เกิดความมานะที่จะทำเองได้ เพื่อให้เกิดกำลังใจ

4. มีใครบ้างกล้าสอนชาวบ้านที่รวมกลุ่มกันมาเอง ออกค่าใช้จ่ายเอง แล้วคนสอนไม่คิดเงินหรือค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น แถมเลี้ยงข้าวด้วย......และ มีใครบ้างเคยสอนชาวบ้านที่รวมกลุ่มกัน มีเงินงบราชการสนับสนุนเป็นหมื่น สอนเสร็จให้ค่าสอนเป็น "ข้าวตังโอทอป" ถุงเดียว แม้แต่บางกลุ่มมีงบราชการสนับสนุนเป็นแสน แต่ให้ค่าสอน 700 บาท

5. ตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา ออกตระเวนสัญจรไปสอนถึง (อ.ลี้ จ.ลำพูน. - อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี - อ.พังโคน จ.สกลนคร - อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี - อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี - อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี - อ.ปรานบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์.....เฉพาะพื้นที่รอบนอก โดย กทม.เป็นศูนย์กลาง.....พื้นที่ด้านในไปครบทุกจังหวัด) ไม่มีค่าตัว. ค่าน้ำมันรถ. ค่าอาหาร. ค่าที่พัก (นอนในรถ). ค่าอุปรณ์การสอน.

6. อบรมหลักสูตร "อาสาสมัครป้องกันภัยทางอากาศ" ของหน่วย 2 รุ่นๆละ 100 คน ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน ล้วงกระเป๋าส่วนตัว ทำเสื้อยีนส์ ปักตราด้านหลัง "สีสันชีวิตไทย - สถานีวิทยุ พล.ปตอ." ให้คนละ 1 ตัว ๆ ละ 250 บาท (เน้นย้ำ....เงิน
ส่วนตัว เพราะหน่วยฯ ไม่มีงบประมาณนี้)

ทั้งหมดนี้ คือ ลุงคิม ..... A MAN CALLED KIM ZA GASS



แล้วใครบ้างในแผ่นดินนี้ที่.....
1. เกษตรกรดีเด่นระดับชาติ อดีตผู้นำชุมชน (ผูใหญ่บ้าน) เปิดสอนที่บ้านตัวเอง.....ผู้ใหญ่ไม่เก็บเงิน แต่เมียผู้ใหญ่เป็นคนเก็บเงิน หัวละ 500 บาท......ขายยาสมุนไพรคน. ขายจุลินทรีย์ป่าห้วยขาแข้ง.

2. ไปอบรม "จุลินทรีย์มีประโยชน์" ที่ อ.ปากช่อง เสียค่าอบรมหัวละ 500 บาท.....ขายหัวเชื้อจุลินทรีย์

3. ไปอบรมที่ "มูลนิธิกสิกรรม ฯ" ที่อ้างว่าเคยรับราชการในโครงการพระราชดำริ เก็บค่าอบรมหัวละ 300-500 บาท......ขายยาสมุนไพรคน. ขายสารสกัดสมุนไพรกำจัดแมลง

4. ทำกังหันลมปั่นไฟฟ้า ออก ทีวี.ว่า เป็นวิทยาทาน ใครไปอบรมเก็บคนละ 5,000 บาท

5. อมรมทำจุลินทรีย์สำหรับบ่อกุ้งที่ จ.ฉะเชิงเทรา คนสอนเป็น ดร. (เคยทำรายการวิทยุที่ วิทยุแห่งประเทศไทย แต่คนละวันกับลุงคิม) เก็บค่าอบรมหัวละ 1,500 บาท....ขายจุลินทรีย์. ขายอุปกรณ์ทำจุลินทรีย์ครบวงจร

6. อบรมทำเห็ด หลังตลาดไท คนสอนเป็น ดร. (อดีตเคยไปทำงานในนามองค์การสหประชาชาติที่อาฟริกา....หมดสัญญา สหประชาชาติไม่จ้างต่อ) เก็บค่าอบรมหัวละ 3,000 บาท.....ขายอุปกรณ์เพาะเห็ด ครบวงจร

7. อบรมทำปุ๋ยน้ำชีวภาพ สูตร ดร.อรรถ บุญนิธี. (ผัก + กากน้ำตาล 3 : 1) สูตร อ.สำรวล ดอกไม้หอม. (หอยเชอรี่ + กากน้ำตาล 1 : 1) คนสอนเป็น บรรณาธิการวารสารเกษตร เก็บค่าอบรม สูตรละ 500 บาท/หัว (2 สูตร = 1,000 บาท/หัว) สอนสูตรพิสดาร คิดต่างหากสูตรละ 1,000 บาท/หัว... สถานที่อบรมอยู่ จ.อ่างทอง...วารสารฉบับนั้นปิด (เจ๊ง) ก่อนเกษตรใหม่

8. ฯลฯ

แค่นี้ก็พอมั้ง....ยังมีอีกเยอะ

ลุงคิมครับผม

.
ott_club
ตอบตอบ: 24/11/2009 10:11 pm    ชื่อกระทู้:

วิเคราะห์
-อคติกับคน คนกับอคติ เป็นของอยู่คู่กัน แยกกันไม่ได้ครับ ใครก็ต้องบอกว่าแนวทางของตัวเองดี ของตัวเองถูกต้อง (อินทรีย์ตกขอบ เคมีบ้าเลือดอย่างว่า) โดยที่ไม่เคยคิดที่จะเปิดใจนำ 2 อย่างมารวมกันเป็น อินทรีย์นำ เคมีเสริม ตามความเหมาะสม

แล้วลุงคิมเป็นใคร จบจากมหาวิทยาลัยเกษตรที่ใหนมา มี ศ.ดร. นำหน้าไหม พูดเรื่องเกษตรออกไปใครจะเชื่อถือ นี่ก็ "อคติ"

ส่วนเรื่องแนวทางแก้ไข ตอนนี้คิดไม่ออกครับไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน ลูกหลานใครก็ลูกหลานใคร ต่างคนต่างแก้ ตัวใครตัวมัน นี่งัยมี "อคติ" แล้ว

อ๊อดครับ
somchai
ตอบตอบ: 24/11/2009 7:56 am    ชื่อกระทู้:

วิเคราะห์แบบฉบับสมชาย กลิ่นมะพร้าวนะครับ

หน่วยงานของรัฐ(บางหน่วย)ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกษตร มีส่วนในการส่งเสริมเกษตรให้ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เช่น เกษตรอินทรีย์ อาหารปลอดภัย ต้องไม่มีคำว่า เคมี โดยเด็ดขาด ต้องได้ระบบมาตรฐานการส่งออก อาจจะมองว่า ถ้ามีเคมีเข้ามาเกี่ยวข้อง คำว่า เกษตรอินทรีย์ อาจจะไม่ขลัง เลยไม่พูดถึง เกษตรแนว อินทรีย์นำ เคมีเสริม

เคยเห็นการมอบโล่ห์รางวัลเกษตรกรดีเด่นของแต่ละจังหวัด เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ที่เขาเรียกกันว่า ปาร์ชชาวบ้าน เขาคัดเลือกกันอย่างไร คนของกลุ่มสีสันชีวิตไทย ระดับๆหมอดินจังหวัดซึ่งน่าจะได้เข้ามาบ้างแต่ก็วืด ที่วืดเพราะ หน่วยงานบางหน่วยเห็นว่า กลุ่มนี้มีจิตใจไม่บริสุทธิ์ เปรียบเทียบ คือ มีการทำประโยชน์ให้กับเกษตรกรแบบค้าขายควบคู่ไปด้วย การคัดเลือกเลยตกไปสำหรับกลุ่มสีสันชีวิตไทยของพวกเรา แม้กระทั่ง กลุ่มเล็กๆที่ผมเป็นผู้ริเริ่มออกความคิด ก่อตั้ง เวปเกษตรเวปหนึ่ง ซึ่งสมาชิกบางคนของที่นี่อาจจะเป็นสมาชิกเวปนั้นอยู่ด้วย ขณะนี้ ได้ยกประเด็นของผมว่า มีใจไม่บริสุทธิ์ อ้างอิงว่า

สมชาย อยู่กับ ตาคิม สมชาย ขายปุ๋ย ขาย ยา ผมย้อนถามกลับไปว่า ขายของมันผิดตรงไหน แล้วรู้ได้อย่างไรว่าผมขาย คำตอบจากคนถามระดับ ผู้อำนวยการของหน่วยงานในกรมวิชาการเกษตร หน่วยงานหนึ่ง ก็คือ อึ้ง ครับ ตอบไม่ได้ ว่า ผมขายอะไร ขายของผิดตรงไหน

หลังจากเขาทำเวปเสร็จก็เลย ถีบหัวส่งผมออกมา ไม่ได้ตั้งสมชายเป็นผู้จัดการเวป5555 แต่จะเห็นว่า ในแหล่งท่องเที่ยว ยังมี สวนพี่วันเพ็ญกับไร่กล้อมแกล้ม อยู่ด้วย แปลกไหมครับ กับคำว่า คนกลุ่มนี้ใจไม่บริสุทธิ์

หากเปลี่ยนจาก ลุงคิม เป็น ดร. คิม ซากัสส์ ออกรายการโทรทัศน์ โฆษณามือซ้ายถือระเบิดเถิดเทิงมือขวาถือ ฮอร์โมนไข่ แบบนี้เกษตรกรชอบครับ

ผมลงข้อมูลบางส่วนไว้ที่รักบ้านเกิดเมื่อ 5-6 ผ่านมา แต่ขาดแนวร่วมแต่มีผู้สนใจมากพอสมควร

ปัจจุบันเปลี่ยนจาก รักบ้านเกิด มาเป็น เกษตรพลิกฟื้นชาติ แล้ว ลองเข้ากลูเกิ้ลแล้วลองหาดูครับ กระทู้ ท้ายๆคงยังพอมีอยู่ แม้แต่การท่องเที่ยว สวนพี่วันเพ็ญ ก็น่าจะยังอยู่ที่นั่น
ott_club
ตอบตอบ: 24/11/2009 7:46 am    ชื่อกระทู้:

อ่านแล้ววังเวง ให้สงสารคนที่บอกว่าตัวเองคือเกษตรกร เดี๋ยวค่ำๆมาช่วยวิเคราะห์ครับ
Aorrayong
ตอบตอบ: 24/11/2009 5:19 am    ชื่อกระทู้: 10 ปีที่สูญเปล่า

เวลาผ่านมาประมาณ 4 เดือนนับจากกลับจากไร่กล้อมแกล้ม ครั้งแรก จากการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ลุงคิมสอนให้พวกเราทำเอง จนถึงวันนี้ พ่อกับแม่ที่ทำสวนมาตลอดชีวิต ยอมรับว่าต้นไม้ของพวกเราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และที่สำคัญต้นทุนการผลิตลดลง ทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นมาในใจว่า ในเมื่อแนวทาง อินทรีย์นำ-เคมีเสริม ตามความเหมาะสม ได้ผล แล้วทำไมเกษตรกรถึงไม่ยอมรับ

จากคำบอกเล่าของลุงคิม 10 ปีที่ผ่านมา กับการต่อสู้เพื่อให้เกษตรกรยอมรับแนวทางที่ถูกต้อง ซื้อในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ดูเหมือนจะสูญเปล่า

"มี....ที่เขาทำตามแนวเรา เห็นผลและประสบความสำเร็จตั้งแต่ปีแรก"

ทั้งๆที่ลุงคิมมีสื่อวิทยุที่เข้าถึงชุมชน มีแฟนรายการที่ทำตามแนวทางแล้วประสบความสำเร็จ ทั้งโทรไปขอบคุณและถึงขนาดเดินทางไปขอบคุณลุงคิมด้วยตัวเองก็มี รวมทั้งแฟนพันธุ์แท้หนังสือ"เกษตรใหม่" บางคนทำตามได้บางส่วน ก็ยังสำเร็จเลย

อาจพูดได้ว่า แต่ละคนที่ทำตามแนวทางที่ลุงคิมเสนอแนะ ล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น แล้วทำไมแนวทางนี้ถึงไม่มีการกล่าวถึงกันอย่างกว้างขวาง

ถ้าเป็นแนวคิดของตัวเอง คิดว่า อาจเป็นเพราะทัศนคติที่ผิดของเกษตรกรไทย ความใจแคบ เมื่อตัวเองทำอะไรแล้วได้ผล ประสบความสำเร็จ จะหวงวิชา ไม่ยอมบอกคนอื่น ไม่มองปัญหาในภาพรวม ไม่คิดช่วยเหลือเกษตรกรคนอื่นๆ

แท้จริงแล้วคนที่น่าจะรู้และเข้าใจปัญหาได้ดีที่สุดก็คือลุงคิม แต่ข้อเสนอแนะต่างๆ ดูเหมือนว่า " ...ูทำมาหมดแล้ว"
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แต่เหมือนเราย่ำอยู่กับที่

พวกเรามาช่วยกันวิเคราะห์ปัญหาและหาแนวทางในการทำงานขั้นต่อไป