-
MySite.com :: ทบทวนกระทู้ - * ซี วิ ด....ปิ้ น ปั๊ บ
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
ตอบตอบ: 27/08/2019 8:18 pm    ชื่อกระทู้:

.
..
180. รด.นิติศาสตร์

181. รด.รร.วัดเขมาฯ
182. นนส.ป. สอบตก
183. รด.ขาดฝึก
184. นนส.ป. ขว้างระเบิด
185. กล้องเล็ง M.16

186. กล่องเก็บปลอกกระสุน M.16
187. พลทหาร ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย
188. รายการวิทยุ รับทหารใหม่
189. เกษตรกรวันหยุด
190. นนส.100 คน ตก 94 คน

191. วังน้อย ภารกิจเฉพาะ
192. เก่งเกิน
193. 2 ขั้น ขั้นครึ่ง
194. สถานการณ์ตัวกำหนด
195. สมการเกษตร คิดได้ไง

196. ปุ๋ยทางใบ ให้ทางใบ
197. ทำ VS ไม่ทำ
198. เกษตรในร่ม
199. จับกวาง

แผลงแผลง แต่สร้างสรรค์
คิด วิเคราะห์ เปรียบเทียบ ฟันธง
เกษตรแฟนซี
คนบ้าไม่มีหนี้ คนดีหนี้เต็มบ้าน
ความรู้ VS ความคิด
วิชาการ VS ประสบการณ์
ช่างสังเกตุ VS ช่างจับผิด
หนี้สิน VS ทรัพย์สิน
นักคิด VS นักทำ
ฯลฯ


-----------------------------------------------------------------------



200. ส่วนลึกของใจ

คำถามที่รอคำตอบ ....
- โครงการส่งเสริมการเกษตร, ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยี, ศูนย์การเรียนรู้, ภายในโครงการประสบความสำเร็จ = ยอมรับ.... แต่แปลงเกษตรของชาวบ้านติดรั้วโครงการไม่ทำตาม ประสบความล้มเหลวในชีวิตเกษตรกรรม

- นักเรียนเกษตรสาขาพืช ปฏิเสธ สปริงเกอร์/หม้อปุ๋ย, ทำปุ๋ย/ทำยา, เทคโนโลยีเครื่องทุ่นแรง
- ศูนย์ส่งเสริมทำนาให้ดำนาด้วยมือ ปฏิเสธ รถดำ เครื่องหยอด

- โครงการส่งเสริมเกษตรกร มุ่งเน้นแต่ตลาด (ราคาผลผลิต) ไม่ส่งเสริมการบริหารต้นทุน
- โรงเรียนเกษตรที่ดีที่สุด คือ แปลงเกษตร ........ ครูเกษตรที่ดีที่สุด คือ แปลงเกษตร

- ทั่วโลกตระหนักรู้ถึงพิษภัยสารเคมีการเกษตร .... ประเทศไทยต่อต้านสารเคมีอย่างแผ่วเบา
- หน่วยงานเจ้าของทฤษฎี IPM ปฏิบัติการ เชิงรับ มากกว่า เชิงรุก

- ประเทศไทยประเทศเกษตรน่าจะมีช่อง ทีวี.เพื่อการเกษตร ที่เน้น H. มากกว่า W โดยรัฐยอมขาดทุน เพื่อเป็นรัฐสวัสดิการ เหมือนรถเมล์ รถไฟ

KIM ZA GASS
(081) 913-4986





.
kimzagass
ตอบตอบ: 08/08/2019 6:34 pm    ชื่อกระทู้:

.
.
178. นาข้าวไบโอไดนามิก :
ประวัติดิน :
เคยทำนาแบบไถกลบฟาง งดใช้สารกำจัดวัชพืช-หอยเชอรี่-ปูนา-หนูนา และ สารเคมีกำจัดโรคและแมลงติดต่อกันมาก่อน 1-2 ปี หรือ 2-4 รุ่นนาข้าว เคยได้ผลผลิต 100 ถัง/ไร่

1.เตรียมสารอาหาร :
ใส่ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 5 ล.+ 16-8-8 (10 กก./ไร่ สาดให้ทั่วแปลงระดับน้ำลึก 1คืบมือ ทิ้งไว้ 10-20 วัน

2. ทำเทือก :
ย่ำเทือกพร้อมฟาง (ย่ำกลบฟาง) ด้วยอีขลุบหรือลูกทุบ แล้วปรับเรียบหน้าเทือกให้เสมอกันทั่วแปลง ขี้เทือกลึกประมาณครึ่งหน้าแข้ง

3. ปลูก :
ปักดำต้นกล้าด้วยมือ หรือปักดำต้นกล้าด้วยเครื่อง(รถ)ดำนา หรือหยอดเมล็ดด้วยเครื่องหยอดเมล็ด ทั้งนี้ นาข้าวแบบดำให้ผลผลิต (คุณภาพและปริมาณ)– ต้นสมบูรณ์-แข็งแรง-แตกกอ-ออกรวง-ลดค่าใช้จ่าย มากกว่านาหว่าน (หว่านด้วยมือ หรือหว่านด้วยเครื่องพ่นเมล็ด)

4. บำรุง :
- ระยะกล้า

เริ่มให้เมื่ออายุข้าวได้ 20-30 วัน ให้ฮอร์โมนน้ำดำ อัตรา 1 ล./ไร่ โดยฉีดพ่นให้โชกผ่าน
ต้นและใบลงถึงพื้น ให้ 2-3 รอบ แบ่งให้รอบละเท่าๆกัน ให้ห่างกันรอบละ 7-10 วัน

- ระยะแตกกอ :
สังเกตถ้าลำต้น กลมแข็ง -ใบเขียวเข้ม ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมี แต่ถ้าลำต้น แบนนิ่ม ใบเขียว
อ่อน ให้ใส่ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (เน้น...มูลค้างคาวหมัก) 2 ล.+ 16-8-8 (10
กก.)/ไร่ โดยละลายน้ำฉีดพ่นให้โชกผ่านต้นและใบลงถึงพื้น

หมายเหตุ :
ระยะนี้ถ้าต้นสูง ให้น้ำ 100 ล.+ 0-42-65 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 กรัม + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7วัน จากนั้นจึงเริ่มลงมือให้ฮอร์โมนไข่ไทเป

ระยะตั้งท้อง : ให้ฮอร์โมนไข่ไทเป อัตรา 1 ล./ไร่ ละลายน้ำฉีดพ่นให้โชกผ่านต้นและใบลงถึงพื้น ให้ 2 รอบ แบ่งให้รอบละเท่าๆ กัน ห่างกันรอบละ 5-7 วัน

ระยะออกรวง : เมื่อต้นข้าวเริ่มออกรวงยาวประมาณ 1-2 ซม.(หางแย้) เนื้อที่ประมาณ 1 ใน4 ของทั้งแปลง ให้น้ำ 100 ล.+ เอ็นเอเอ 100 ซีซี. 1 รอบ ฉีดพ่นพอสัมผัสใบ จะช่วยให้การผสมติดของเกสรดีขึ้น

ระยะน้ำนม : ให้ฮอร์โมนน้ำดำ 2 ล./ไร่ โดยฉีดให้โชกพ่นผ่านต้นและใบ ลงถึงพื้น ให้ 4 รอบแบ่งให้รอบละเท่าๆ กัน ห่างกันรอบละ 7-10 วัน.....ระยะนี้ถ้าให้ แคลเซี่ยม โบรอน + ไคโตซาน. 1 รอบ ช่วงเริ่มเป็นน้ำนมใหม่ๆ จะช่วยให้ต้นไม่โทรม ผลผลิตดีทั้งคุณภาพและปริมาณ ทั้งนี้ธาตุแม็กเนเซียมช่วยสร้างคลอโรฟิลด์ สังกะสีช่วยสร้างแป้ง และแคลเซียมช่วยสร้างคุณภาพเมล็ด

ป้องกันโรคและแมลง :
ฉีดพ่น สารสกัดสมุนไพรทำเอง (เลือกสูตรที่ตรงกับโรคและแมลง) ทุก 5 วัน (ช่วงที่ยังไม่มีการระบาดเพื่อป้องกัน) หรือฉีดพ่นทุก 3 วัน (ช่วงที่แปลงข้างเคียงกำลังเกิดการระบาดอย่างหนักเพื่อป้องกัน)

ระดับน้ำ :
ควบคุมระดับน้ำให้พอเฉอะแฉะหน้าดิน ตั้งแต่ระยะแตกกอ ถึง เก็บเกี่ยว


179. ส้มรังสิต :
จาก : สมช. สวพ. FM 91 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ส้มเขียวหวานเมืองน่าน ไม่ออกดอกติดผล แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- รายละเอียดในคำถามน้อยไปหน่อย ต่อให้ ศ.ดร. ก็ให้คำตอบไม่ได้
- ยังไงก็แล้วแต่ ไม่ใช่แต่ส้มเขียวหวานเมืองน่าน จังหวัดเดียว ส้มเขียวหวานนราธิวาส เชียงราย กรุงเทพ อุบล กาญจน์บุรี เหมือนกันหมด ส้มเขียวหวานคือส้มเขียวหวาน หมายรวมไปถึงต้นไม้ผลอื่นๆ ทุกมะ ตั้งแต่ มะ ก.ไก่ ถึง มะ ฮ.นกฮูก ทั้งในประเทศไทย ถึงทั่วโลก เหมือนกันทั้งสิ้น คือต้องการปัจจัยพื้นฐาน “ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค” ที่เหมาะสม ตรงกับความต้องการทางธรรมชาติที่แท้จริงของเขา หากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งใน 6 ปัจจัย ไม่เหมาะสมย่อมส่งผลเสียต่อต้นไม้ที่ปลูกนั้น ไม่ตายก็ไม่โต ถึงโตก็ไม่ให้ผลผลิต ให้ผลผลิตก็ไม่มีคุณภาพ

- รู้ว่าคำถามนี้ต้องการคำตอบเพียงคำตอบเดียว คือ ใส่ปุ๋ยอะไรแล้วออกดอกติดลูกได้เลย ขอตอบว่า ในโลกนี้ไม่มี ปุ๋ยไม่ใช่ของวิเศษที่สามารถบันดาลให้ต้นไม้ผลออกดอกติดผลได้เลย โดยไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้ามีปุ๋ยวิเศษจริง ให้ปุ๋ยอะไรก็ได้ อย่างเดียวเดี่ยวๆแล้วออกดอกติดผลได้ ก็ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องการเกษตร.....ว่ามั้ย

- พืชตระกูลส้ม ส้มเขียวหวาน ส้มโชกุน ส้มโอ ส้มเช้ง มะนาว มะกรูด ออกดอกติดผลได้ตลอดปี แบบไม่มีรุ่น ต้นสมบูรณ์มากออกมาก ต้นสมบูรณ์น้อยออกน้อย ตอบสนองต่อ แม็กเนเซียม-สังกะสี อย่างมาก จึงควรให้สม่ำเสมอ ตลอดปี ทั้งช่วงมีผลบนต้นและไม่มีผลบนต้น

- ส้มเขียวหวานเมืองน่าน ส้มเขียวหวานรังสิต แท้จริงก็คือ ส้มเขียวหวานบางมด นี่แหละ เหมือนส้มโชกุนจากยะลาไปอยู่เชียงราย เปลี่ยนชื่อเป็นส้มสีทอง ความที่อากาศเมืองน่าน เมืองเชียงราย หนาวเย็นกว่าภาคกลาง หนาวเย็นกว่ายะลา ผิวของส้มเขียวหวาน ส้มโชกุน จึงออกเหลืออร่ามดีกว่าถิ่นเดิม แต่เนื้อในคุณภาพเหมือนกันทุกประการ

- ส้มเขียวหวานเมืองน่าน เมืองแพร่ อยู่มาจนถึงวันนี้อายุต้น 40-50 ปี ยังไม่ตายแถมยังให้ผลผลิตดีเหมือนเดิม แล้วส้มเขียวหวานย่านรังสิต ธัญญะ หนองเสือ วิหารแดง วังน้อย อายุแค่ 4 ปีก็ตายแล้ว ชาวสวนส้มเขียวหวานรังสิต ธัญญะ หนองเสือ วิหารแดง วังน้อย ย้ายไปกำแพงเพชร กับอีกหลายๆที่ ปลูกได้ 4 ปีก็ตายเหมือนเดิม....เพราะอะไร ?

- ก็ให้น่าหนักใจ การเอ่ยชื่อ ปุ๋ย/ฮอร์โมน/จุลินทรีย์ อะไรซักอย่าง แบบพูดตรงๆให้รู้เรื่องกันเลยนั้น ทำไม่ได้เพราะไม่เหมาะสม เสียมารยาท จะกลายเป็นเข้ามาแฝงโฆษณา ทางออกของผู้ฟัง คือ โทรสายตรงถึงลุงคิม แล้วจะบอกให้ ไม่ใช่เฉพาะแต่ปุ๋ยที่ลุงคิมทำเท่านั้น ยี่ห้ออื่นก็บอกได้

- ติดตามรายะเอียดวิธีการเล่นกับส้ม ทุกส้ม ได้จากเน็ต เกษตรลุงคิมดอทคอม


.
kimzagass
ตอบตอบ: 08/08/2019 3:47 pm    ชื่อกระทู้:

.
.

175. ชาวนายุคใหม่ :
- เลิก....มุ่งแต่เอาปริมาณผลผลิตให้ได้มากๆ แต่ให้ระวังต้นทุน ลดต้นทุนให้ได้ทุกรูปแบบ
- เลิก....ทุ่มทุนซื้อทุกอย่าง แต่ให้ทำเองทั้งหมด หรือทำเองครึ่งหนึ่ง ซื้อครึ่งหนึ่ง
- เลิก....กะรวยคนเดียว แต่ให้กะรวยด้วยกันทั้งกลุ่ม ทั้งหมู่บ้าน
- เลิก....คิดคนเดียว ทำคนเดียว แต่จงระดมแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน
- เลิก....ทำแบบเดิมๆ แต่จงเปลี่ยนมาทำตามแบบคนที่ประสบความสำเร็จ แล้วต่อยอด
- เลิก....ทำตามคนที่ล้มเหลว แต่จงเป็นตัวของตัวเอง ด้วยความมั่นใจ มีหลักวิชาการ
- เลิก....กลัวเสียเหลี่ยม เลิกมิจฉาทิฐิ แต่จงยอมรับความจริง แล้วแก้ไข ปรับเปลี่ยนประยุกต์
- เลิก....ปิดกั้นตัวเอง แต่จงเปิดโลก รับรู้ข้อมูลใหม่ๆ เสมอ
- เลิก....ตามใจคน แต่จงตามใจข้าว ข้าวต้องการอะไรให้อันนั้น ต้องการเท่าไหร่ให้เท่านั้น
- เลิก....ปล่อยวิถีชีวิตไปวันๆ แต่จงมุ่งรุ่นหน้าต้องดีกว่า ยิ่งทำยิ่งดีขึ้น ดีขึ้น และดีขึ้น
- เลิก....ทำตามประเพณี ทำตามกระแส แต่จง แม่นสูตร-แม่นหลักการ
- เลิก....เชื่อคนขายปุ๋ย-ขายยา แต่จงเชื่อซึ่งกันและกัน


176. ผักโรงเรือน :
จาก : (091) 702-34xx
ข้อความ : อยากให้ลุงคิมเล่าประสบการณ์ตรงการปลูกผักกางมุ้งว่า สำเร็จหรือล้มเหลวย่างไร มีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร มีที่อยู่สระบุรี 10 ไร่ น้ำบริบูรณ์ตลอดปี .... ขอบคุณครับ
ตอบ :
- จำคติสอนใจ หรือหลักปรัชญา หรือภาษิต 10 ล้อ ได้ไหม ที่ว่า....

* ศึกษาส่วนที่เคยเป็นปัญหา ส่วนที่จะเป็นปัญหาก่อน แล้วค่อยศึกษาส่วนที่สำเร็จทีหลัง .... หมายความว่า จะทำอะไรซักอย่างแล้วไม่มีปัญหาเป็นไม่มี เมื่อรู้ว่าปัญหาจะต้องเกิด หรืออาจจะเกิด ก็จัดการป้องกันล่วงหน้าซะก่อน แล้วปัญหานั้นจะไม่เกิด เมื่อปัญหาไม่เกิดย่อมเกิดความสำเร็จเป็นธรรมดา ในทางกลับกัน หากทำๆไป เกิดแต่ปัญหาๆ ๆๆ ปัญหาเรื่องไม่เป็นเรื่อง ปัญหาไม่คาดคิด ปัญหาซ้ำซาก เดี๋ยวก็ต๊อแต๊ ลงท้ายคือ ไม่สำเร็จ ล้มเหลว เป็นหนี้เป็นสิน .... พูดถึงปัญหาการเกษตรแล้ว ต้องยอมรับว่า บางปัญหาเกิดแล้วแก้ได้ บางปัญหาเกิดแล้วแก้ไม่ได้ต้องทิ้งไปเลย

* ทำตามคนที่ล้มเหลว ย่อมล้มเหลวยิ่งกว่า .... หมายความว่า ไม่มีความรู้ที่เป็นหลักวิชาการ ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง บางครั้งอาจจะหลงตัวเอง หลงกระแส ที่พระท่านเรียกว่า “โลภ-โกรธ-หลง” ประมาณนั้นนั่นแหละ ยกตัวอย่างง่ายๆ ชาวนา

** เห็นนาข้างๆใส่ยูเรีย ใส่ตาม ข้างบ้านใส่ 1 สอบ ใส่ 2 สอบ คิดว่า ข้ารู้มากกว่า ข้ารวยกว่า
** เห็นแปลงข้างๆ ฉีดสารเคมี ฉีดตาม ใช้สารเคมีที่แรงกว่า แพงกว่า คิดว่า ข้ารู้มากกว่า ข้ารวยกว่า
* ทำตามคนที่สำเร็จย่อมสำเร็จยิ่งกว่า .... หมายความว่า มีความรู้ที่เป็นหลักวิชาการ มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่หลงตัวเอง ไม่หลงกระแส ที่พระท่านเรียกว่า “สติสัมปชัญญะ” ประมาณนั้นนั่นแหละ ยกตัวอย่างง่ายๆ ชาวนา เหมือนกัน

**** เห็นนาข้าวแปลงข้างๆ ใส่ยูเรีย 1 กส. รู้ทันทีว่ายูเรีย คือ ไนโตรเจน.เพียงตัวเดียวเท่านั้น ว่าแล้วก็ใส่ปุ๋ยเคมีให้ครบทั้ง 3 ตัว ไนโตรเจน. ฟอสฟอรัส. โปแตสเซียม. แค่ครบ 3 ตัวไม่พอ ต้องมีอัตราส่วนระหว่าง 3 ตัวนี้ด้วย คือ ไนโตรเจน.ตัวหน้าสูง ฟอสฟอรัส.ตัวกลางต่ำ โปแตสเซียม.ตัวท้ายต่ำ นั่นคือสูตร 16-8-8 หรือ 25-7-7 หรือ 30-10-10 แล้วใส่แค่ 10 กก./ไร่ ตามหลักวิชาการที่ IRRI ศูนย์วิจัยข้าวโลก .... นอกจากปุ๋ยเคมีแล้วต้องมี “ปุ๋ยอินทรีย์” ที่เป็นอินทรีย์วัตถุ สารปรับปรุงบำรุงดิน ร่วมด้วย เพื่อช่วยให้ปุ๋ยเคมีเกิดประสิทธิภาพสูง หรือที่เกษตรกรเรียกว่า “ดินกินปุ๋ย” นั่นแหหละ แม้แต่ปุ๋ยอินทรีย์ก็ยัง คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ อีกว่า ในความเป็นอินทรีย์นั้นมีสารอาหารพืช มีจุลินทรีย์หรือไม่ ถ้ามี มาจากไหน ชื่ออะไร มีเท่าไหร่ อีกหลายๆ อย่างที่ต้องมีหลักวิชาการรองรับยืนยัน

**** พืชแต่ละอย่าง แต่ละชนิด แต่ละระยะการเจริญเติบโต และแต่ละปัจจัยพื้นฐานเพื่อเพาะปลูก (ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค) ไม่เหมือนกัน เช่น ผักกินใบ-ผักกินผล-ผักกินหัว, พืชไร่-นาข้าว, ไม้ผลพันธุ์เบา-พันธุ์หนัก ซึ่งจะโยงใยสายสัมพันธ์ไปถึงรูปแบบการบำรุง อินทรีย์นำ-เคมีเสริม หรือ เคมีนำ-อินทรีย์เสริม หรือ อินทรีย์เกาะขอบ อินทรีย์ตกขอบ เป็นต้น

กรณีผักกางมุ้งถือเป็นแค่ 1 ทางเลือกเท่านั้น นั่นหมายความว่ายังมีแบบ ปลูกผักในที่โล่ง ปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์แบบน้ำวนน้ำนิ่ง ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ ให้เลือกได้อีก

ใหม่ๆ ฮือฮากันมาก แทบทุกหน่วยงานส่งเสริม เชียร์ว่าผักกางมุ้งดียังงั้นดียังงี้ กางมุ้งแล้วจะไม่มีศัตรูพืชเลย ยังกับว่า มุ้งป้องกันศัตรูพืชได้แน่นอน 1,000% ประมาณนั้นนั่นแหละ ชาวสวนผักคล้อยตาม กางมุ้งกันยกใหญ่ แค่ปีสองปี มุ้งยังไม่ผุ สัจจะธรรมธรรมชาติก็ปรากฏออกมา ถึงวันนี้ ผลงานผักกางมุ้งไปไม่รอด ไม่ใช่เพราะมุ้งแต่เป็นเพราะโรค โรคในมุ้ง สารพัดโรครุมเร้ากันเข้าไปในมุ้ง ไม่รู้เหมือนกันว่า คนที่ส่งเสริมไม่มีข้อมูลหรือไม่รู้ว่า ภายในมุ้งน่ะ อุณหภูมิในดิน สูงกว่านอกมุ้ง 4 องศา ซ. อุณหภูมิที่สูงกว่าระดับนี้ ส่งเสริมให้เชื้อโรคในดินเจริญเติบโตขยายพันธุ์ดีกว่าภายนอกมุ้ง เป็นผลให้ผักกางมุ้งไม่มีโรคบนส่วนที่อยู่เหนือดิน แต่ส่วนที่อยู่ไต้ดิน ที่รากที่โคนต้น โรคเพรี่ยบ เมื่อมีเชื้อโรคในดินก็ต้องสารเคมีใช่ไหม

ในมุ้งน่ะ ไม่มีก็แต่หนอนเท่านั้น เพราะแม่ผีเสื้อบินเข้าไปวางไข่ในมุ้งไม่ได้ แต่ในมุ้งมีแมลงปากกัดปากดูด ประเภทตัวเล็กกว่าตาข่ายมุ้งเข้าไปได้ เพลี้ยไฟ-ไรแดง ไงล่ะ นี่ก็อุตส่าห์เอากับดักกาวเหนียวไปดัก ได้ผลดี

ถึงวันนี้ คนที่เคยส่งเสริมผักกางมุ้งพากันเงียบกริบ เหมือนส่งเสริมเสียบ ยอดส้ม/ยอดมะนาว บนตอมะสัง มะขวิด เลี้ยงได้แค่ปีสองปีกลายเป็นตีนช้าง ตอโตแต่ยอดตาย นั่นเป็นเพราะงานวิจัยยังไม่ได้สรุป รีบงัดออกมาส่งเสริม เหมือนกางมุ้งให้ผักนี่แหละ .... โถ ประเทศไทย

* ข้อดี :
- ป้องกันหนอนได้ เพราะแมลงแม่ผีเสื้อตัวใหญ่ เข้าวางไข่ไม่ได้
– ไม่ต้องฉีดสารเคมีกำจัดหนอน เพราะหนอนไม่มี
- เก็บรักษาความชื้นหน้าดิน ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ ได้ดี
- โก้ น่าเชื่อถือ

* ข้อเสีย :
- ต้นทุนโรงเรือนสูง
- ป้องกัน เพี้ยไฟ-ไรแดง ไม่ได้
– ป้องกันแมลงมุดดิน เข้าไปในโรงเรือนไม่ได้
- ป้องกันโรคทางดินไม่ได้ เพราะอุณหภูมิในโรงเรือนสูงกว่านอกโรงเรือน
- ประเภทผักสลัด ตลาดแคบ เพราะคนกินน้อย
- ประเภทผักไทย น้ำหนักน้อย คุณภาพไม่ดี เพราะในโรงเรือนแสงแดดน้อย

* ใครได้ :
- คนขายมุ้ง
- คนขายสารเคมีกำจัด เพลี้ย/ไรแดง และเชื้อโรคในดิน

* ใครเสีย :
- คนปลูกผัก
- วันดีคืนไม่ดี พายุมา โรงเรือนไม่แข็งแรงจริง พังพาบกับพื้น
– เลิกปลูกผักแล้ว เอามุ้งไปทำอะไร

* ผักกางมุ้ง บ.ยักษ์ใหญ่ ที่เมืองกาญจน์ โรงเรือนหลังละล้าน ปลูกแตงโม มะเขือเทศ สารพัดโรคแมลงศัตรูพืชที่ ใบ-ยอด-เถา-ผล เต็มไปหมด ไม่เห็นก็แต่รากในดินเท่านั้น เลยไม่รู้ว่า กางมุ้งในโรงเรือนแล้วช่วยอะไรได้บ้าง ราคาโรงเรือนขนาดนั้น ปลูกแตงโม มะเขือเทศ กี่รุ่นถึงจะได้ทุนคืน

* ผักกางมุ้งที่บางแค เนื้อที่ 3 ไร่ กลางวันกางเสร็จ กลางคืนพายุมา มุ้งราคา 5 แสนลงไปกองเอ๊าะเยาะกับพื้น
* กะเพรา-โหระพา-แมงลัก ในโรงเรือน ที่ทับยายเท้า นครปฐม ส่งออกสวิสส์เซอร์แลนด์ ปกติเปิดข้างโรงเรือนเพี่อระบายอากาศ วันไหนบริษัทรับซื้อมาตรวจก็จะปิดโรงเรือน

* ผักกางมุ้งดอกเตอร์ที่รังสิต 5 ปี ขาดทุนกว่า 5 ล้าน เพราะผักถูกตีกลับเนื่องจากสารเคมีปนเปื้อน ก็ไหนว่ากางมุ้งแล้วปลอดสารพิษไงล่ะ กับส่วนหนึ่งผักตกเกรด เพราะไม่ได้ไซส์ ที่ไม่ได้ไซส์เพราะไม่สมบูรณ์ ....

* แปลงผักของภิรมย์ อ.เมือง ปทุมธานี ทำผักแนว อินทรีย์นำ-เคมีเสริม ใช้สารสมุนไพร ไม่กางมุ้ง ส่งตลาดรังสิต แค่ 3 ปีถอยปิ๊คอั๊พป้ายแดง มาให้ลุงคิมเจิม โถๆๆ ลุงคิมไม่ใช่พระ ภิรมย์เล่าให้ฟังว่า ดอกเตอร์เอาผักที่แปลงนี่แหละไปส่งให้ลูกค้าตามสัญญา .... ดอกเตอร์เห็นสารสมุนไพรหมักในโอ่ง ถามว่า “มันจะได้ผลเหรอ ?” ภิรมย์ตอบว่า “ไม่รู้ซิครับ ผมก็ใช้ของผมอยู่เนี่ย...” ดอกเตอร์เหลือบไปเห็นคะน้าฮ่องเต้ กวางตุ้งฮ่องกง แล้วพูดว่า “ภิรมย์ นี่มันผักเมืองหนาวนะ ปลูกไม่ได้หรอก...." ภิรมย์ก็ว่า “ไม่รู้ซิครับ พรุ่งนี้แม่ค้ามารับ โลละ 45 ครับ...”

ระดับดอกเตอร์ รู้แค่นี้ ทำได้แค่นี้ ก็สมควรขาดทุน 5 ล้านหรอก .... ว่ามั้ย


177. อินทรีย์ ไม่ปุ๋ยเคมี ไม่สารเคมี :
* เตรียมดิน : ธันเดอร์แคล, ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ. .... ไถพรวนให้ละเอียด ชักร่องเป็นร่องลูกฟูก คลุมสันแปลงด้วย ไถดะไถแปร ใส่ยิบซั่ม แห้งหนาๆ รดด้วยน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง สูตรปรับโมเลกุล/ไม่ปุ๋ยเคมี 2 ล. /ไร่ ปล่อยไว้ (บ่มดิน) 20-30 วัน เพื่อให้เวลาแก่จุลินทรีย์ปรับสภาพดิน และสร้างสารอาหารรอไว้ก่อน

* เตรียมเมล็ดพันธุ์ :
- แช่เมล็ดพันธุ์ใน“น้ำอุ่น 50 องศา ซ. 1 ล. + แบลนด์ซุปไก่ 1 ซีซี.” นาน 8-12 ชม.
– ครบกำหนดแล้วนำขึ้นห่มชื้น 24-32-48 ชม. เมล็ดไหนเริ่มมีรากออกมาให้นำไปเพาะในกระบะเพาะ
- บำรุงกล้าในกระบะเพาะ ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง สูตรปรับโมเลกุล/ไม่ปุ๋ยเคมี 1 ครั้ง

*บำรุง :
- ให้ “น้ำ 20 ล. + น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง สูตรปรับโมเลกุล/ไม่ปุ๋ยเคมี 20 ซีซี. + นมสด 20 ซีซี. + สารสมุนไพร 50 ซีซี.” ทุก 5-7 วัน

- ให้สารสมุนไพรเดี่ยว ทุกวันเว้นวัน รวมกับ ไอพีเอ็ม (กับดักกาวเหนียว กับดักแสงไฟ)
- ให้น้ำสม่ำเสมอ พอหน้าดินชื้น

หมายเหตุ :
- ผักกินใบ :
ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง สูตรปรับโมเลกุล/ไม่ปุ๋ยเคมี ฉีดอาบจากใบลงถึงพื้นดินโคนต้น
- ผักกินผล : ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง สูตรปรับโมเลกุล/ไม่ปุ๋ยเคมี ทางราก ทุก 15 วัน.... ให้ฮอร์โมนไข่ไทเป สูตรปรับโมเลกุล/ไม่ปุ๋ยเคมี ทางใบ ทุก 7 วัน

- ให้เสริมด้วยปุ๋ยธรรมชาติ เช่น เศษอาหารก้นครัว, น้ำมะพร้าว, นมเหลือง, เลือดสด, ขี้เพี้ย, น้ำล้างเขียงปลา, เต้าหู้, น้ำต้มกระดูก,

* ป้องกันกำจัดศัตรูพืช :
- ติดสปริงเกอร์ หม้อปุ๋ยหน้าโซน หรือถังปุ๋ยที่ปั๊ม
- ให้"น้ำเปล่า" หรือ"น้ำ + ปุ๋ย" หรือ "น้ำ + ปุ๋ย + ยาสมุนไพร" หรือ "น้ำ + สมุนไพร" บ่อยครั้งต่อวันเท่าที่ต้องการ
- ใช้ระบบ ไอพีเอ็ม. (กับดักกาวเหนียว + แสงไฟล่อ, ปลูกพืชกลิ่นไล่แซมแทรก,



.
kimzagass
ตอบตอบ: 07/08/2019 4:46 pm    ชื่อกระทู้:

.
.

173. กับดักตัวเอง :
ต้นตอแท้จริง คือ พฤติกรรม ทัศนคติ ค่านิยม วัฒนธรรม ประเพณี ยึดติด กระแส สติ ไม่รู้ ไม่เรียน ไม่เชื่อ ไม่ลอง

ผลสำรวจกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง 20 ประเทศ ประเทศไทยมี “เทคโนโลยี-นวัตกรรม-ปัญญาประดิษฐ์” อันดับสุดท้าย เกษตรประเทศไทยทำแบบ “ทัศนคติ-วัฒนธรรม-ประเพณี” เดิมๆ ไม่ยอมรับว่าสูญเสียเพราะขาด “เทคนิค-เทคโนฯ” มหาศาล รุ่นต่อรุ่น รุ่นแล้วรุ่นเล่า ต้นตอหนึ่งของปัญหาคือ....

ไม่มีข้อมูลทางวิชาการ ไม่มีข้อมูลทางวิชาการเพราะไม่ได้เรียน ไม่ได้เรียนในโรงเรียนก็ไม่เรียนด้วยตัวเอง คือ อ่าน อ่านหนังสือ ....

ปุ๋ย กี่สูตร, กี่ชนิด แห้ง/น้ำ, กี่ประเภท ทางใบ/ทางราก, ....
ยา สมุนไพร กลิ่น-รส-ฤทธิ์ ป้องกัน/กำจัด ศัตรูพืชแต่ละชนิด แต่ละอย่าง แต่ละประเภท ....
เทคนิค (วิธีการ) - เทคโนโลยี (วิชาการ) ....
เครื่องทุ่นแรง ประสิทธิภาพประสิทธิผลของเนื้องาน ....
เป้าหมาย ผลผลิตเพิ่ม (ปริมาณ คุณภาพ), ต้นทุนลด (ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าแรง ค่าเวลา ค่าโอกาส), อนาคตดี (พันธะสัญญา), คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ เป็น, ความเชื่อมั่นในตัวเอง, ศักดิ์ศรีของตัวเอง ....

รายการสีสันชีวิตไทย ที่นี่ ส่งเสริมให้คนอ่านหนังสือ การอ่านทำให้คนมีความรู้อย่างถาวร การอ่านทำให้การซึมซับข้อมูลได้มากและดีกว่าสื่อทุกชนิด

หัวใจนักปราชญ์ สุ-จิ-ปุ-ลิ เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก อ่าน-ดู-ทำ-ใช้-คิด-วิเคราะห์-เปรียบเทียบ .... 1 H. HOW แทน W. WHO.

นักเขียน “ทมยันตี” บอกว่า คนอ่านหนังสือคือปัญญาชนที่แท้จริง เพราะคนอ่านหนังสือรู้จริง รู้อย่างมีเหตุมีผล ปลุกระดมไม่ขึ้น โฆษณาชวนเชื่อไม่สำเร็จ

ในความเป็นจริง คนเราเมื่อมีความรู้ จะทำอะไรก็ได้ ทำผิดหรือทำถูกก็รู้ ทำแล้วขาย ๆแล้วขาดทุนเพระอะไร แก้ไขยังไง ทำแล้วขาย ๆแล้วกำไร ต่อยอดขยายผลให้ดีขึ้นไปอีก ....

ปีใหม่ ได้ฤกษ์ให้ของขวัญ เขียนลายเซ็นไว้ที่หน้าปก ทุกครั้งที่หยิบขึ้นมาอ่าน เห็นลายเซ็นก็จะระลึกถึงคนให้ ของขวัญชิ้นนี้อยู่ได้ตลอดชีวิตแถม เป็นมรดกตกทอดถึงลูกหลานเหลนโหลนอีกด้วย .... ว่ามั้ย

หนังสือ “หัวใจเกษตรไท มินิ + ไม้ผลแนวหน้า” 2 เล่มราคาแค่ 800 บาท ถูกกว่า “หัวใจเกษตรไท” 1,000 บาท



174. อนุรักษ์ VS ส่งเสริม :
นิยาม :
“อนุรักษ์”
คือ การ “ทำ/รักษา” ให้คงอยู่ด้วยสภาพเดิมมากที่สุด
“ส่งเสริม” คือ การสนับสนุน หรือ นวัตกรรม (สิ่งที่ประดิษฐ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อันเกิดจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ ยังผลให้ “ประสิทธิภพประสิทธิผล” เหนือกว่าแบบเดิม

ที่ศูนย์ส่งเสริมการเกษตร โรงเรียนเกษตร โรงเรียนชาวนา ฯลฯ ทั้งของราชการและของเอกชนจิตอาสา จัดโครงการส่งเสริมการทำนาข้าวแบบ “อนุรักษ์” ในงาน สาธิต/โชว์ ด้วยของจริง
* ไถนาด้วยควาย
* ดำนาด้วยมือ
* หว่านปุ๋ยด้วยมือ
* ใช้ยาฆ่าหญ้า
* ใช้สารเคมียาฆ่าแมลง

บนความเป็นจริง :
* ไถนาด้วยแรงงานสัตว์
... ด้วยควาย ใช้ควาย 1 ตัว ไถนาได้วันละไม่เกิน 1 ไร่ .... ด้วยวัว ใช้วัว 2 ตัว ไถนาได้วันละไม่เกิน 1 ไร่ .... ต้องเลี้ยง ควาย/วัว ไว้ทำนา เลี้ยงกี่ตัว ? เลี้ยงที่ไหน ? เลี้ยงยังไง ? คนเลี้ยงเอาที่ไหน ? ฯลฯ ? ...กะเหรี่ยงปะกากะญอ ใช้ช้างไถนา .... ติมอร์ ใช้ช้างไถนา.... อเมริกา ใช้ ม้า/ลา ไถนา....

* ดำนาด้วยมือ ... ในงานใช้คน 20-30 คน (จัดฉาก) .... นาส่วนตัว คนเดียว ทำไม่ได้
* หว่านปุ๋ยด้วยมือ ..... เม็ดปุ๋ยไม่ได้ลงที่โคนกอข้าวสม่ำเสมอเท่ากันทุกกอ ข้าวกอไหนได้ปุ๋ยกอนั้นเขียวงาม กอไหนไม่ได้กอนั้นไม่เขียวไม่งาม ชาวนาบอกอ่อนปุ๋ยว่าแล้วหว่านเพิ่ม ผลคือ จ่ายเพิ่ม ดินเสีย

* ให้ปุ๋ย 2 ตัว .... ใช้ปุ๋ย 2 กส. (46-0-0+16-20-0 = 100 กก.) /ไร่ ต้นข้าวได้ปุ๋ยแค่ 2 ตั้ว คือ N. P. เท่านั้น ทั้งๆที่ต้นข้าว (พืชทุกชนิด) ต้องการปุ๋ย (ธาตุ/ธาตุอาหาร/สารอาหาร) 16 ตัว ....

ยูเรีย ทำให้ข้าวเขียวตองอ่อน เขียวไม่ทน ใบบาง ต้นหลวม อ่อนแอ โรคแมลงมาก เมล็ดลีบมาก เป็นท้องปลาซิวมาก ข้าวป่นมาก น้ำหนักไม่ดี ทำพันธุ์ข้าวปลูกไม่ดี ให้ยูเรียวันนี้ เขียวได้ใน 2-3 วัน

แม็กเนเซียม สร้างคลอโรฟีลด์ ทำให้ข้าวเขียวทน (ใบเขียวถึงวันเกี่ยว) ใบหนา สังเคราะห์แสงดี สมบูรณ์ แข็งแรง ต้นไม่ล้ม โรคแมลงน้อย

สังกะสี สร้างแป้ง ช่วยให้ข้าวไม่เป็นเมล็ดลีบ ไม่เป็นท้องไข่ปลาซิว เมล็ดแกร่งใส น้ำหนักดี บดแล้วไม่ป่น ทำพันธุ์ข้าวปลูกดี

ช่วงเวลา 7-9 โมงเช้า ใบธงจะอ่อนลู่ลง แสดงว่ายูเรียเกิน แต่ขาด ธาตุรอง/ธาตุเสริม อย่างรุนแรง)
* นาหว่านใช้เมล็ดพันธุ์ 20-30 กก. .... ต้นทุน กก.ละ 30 บาท
* ใช้ยาฆ่าหญ้า .... หญ้าไม่ตาย แค่ใบไหม้ แล้วงอกใหม่.... หญ้าถูกตัดงอกใหมได้ โตกว่าเก่าเพราะ เหง้า/หัว/ไหล ยังอยู่แถมใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

* ใช้สารเคมียาฆ่าแมลง .... จ่ายแพง ฆ่าแมลงได้แต่ต้นข้าวเสียแล้วเสียเลย

ทุกอย่างแสดงแบบโบราณเรียกว่า “อนุรักษ์นิยม” น่าจะแถมเพิ่มการไถนาด้วยช้าง ด้วยวัว ด้วยควาย ด้วยม้า จึงจะถือว่าสมบูรณ์แบบ

เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก การทำนายุคปัจจุบัน เพื่อ คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ แล้วนำไปใช้ไปปฏิบัติ:
* ไถนาโดยการย่ำเทือกประณีตด้วยรถไถเดินตาม หรือรถไถนั่งขับ
* ติดตั้งถังขนาด 80-100 ล. ที่หน้ารถไถ ใส่ “น้ำ +ปุ๋ยนาข้าว +น้ำหมักชีวภาพ” ติดก๊อกที่ก้นถัง 2 ก๊อก ซ้าย-ขวา ท้ายรถไถติดตั้ง อีขลุบ/ลูกทุบ .... วิ่งรถไถ ไขก๊อกถังปุ๋ย ปล่อยน้ำปุ๋ยให้ไหลลง มาก/น้อย-ช้า/เร็ว ตามความเหมาะสมจำเป็น เมื่อรถไถออกวิ่งจะลาก อีขลุบ/ลูกทุบ นอกจากช่วย ย่ำ/บด ขี้เทือกแล้ว ยังช่วยกระจายน้ำปุ๋ยทั่วแปลงทุกตารางนิ้วด้วย

* ย่ำเทือกประณีต (รุ่นแรก) โดยย่ำ 2-3-4 รอบ ช่วยกำจัด “หญ้า/วัชพืช” ให้ตายได้แน่นอน (ยาฆ่าหญ้าทำได้เพียงใบไหม้ ไม่นานก็งอกใหม่) ระหว่างต้นข้าวโต ให้ถอนแยก “หญ้า/วัชพืช/ข้าวปน” แบบนี้งานย่ำเทือกประณีตสำหรับนารอบต่อไปจะน้อยรอบลง

* ทำนาหยอด ด้วยเครื่องหยอดไทยประดิษฐ์ ใช้เมล็ดพันธุ์ 2-3 กก./ไร่
* เครื่องหยอดเมAล็ดแบบ “คนลาก/รถไถเล็กลาก” ทำงานได้วันละไม่น้อยกว่า 10 ไร่ ด้วยแรงงานเพียงคนเดียว MADE IN THAILAND

* บำรุงต้นข้าวให้ปุ๋ยทางราก (หว่านลงดิน) 10 กก./ไร่ ให้ปุ๋ยทางใบ +สารสมุนไพร 7-10 วัน
* ฉีดพ่นสารสมุนไพรล่วงหน้า “กันก่อนแก้” ก่อนศัตรูพืชเข้ามา
* แก้ปัญหาทุกรายการที่ “โรงสีหรือผู้ซื้อ” ตัดราคา
* ผลิตข้าวตามตลาดต้องการ เช่น ข้าวปลูก แปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม
* ทำ “ปุ๋ย-ยา-เมล็ดพันธุ์” ใช้เองเพื่อลดต้นทุน
หมายเหตุ :
- ใช้ผานโรตารี่ แทนผานจาน
- ทำเทือกนาแบบไม่ต้องไถ แต่ใช้วิธีย่ำเทือกประณีต
- ออกแบบสร้าง อีขลุบ/ลูกทุบ/โรตารี่ 3 ล้อ ล้อแรกกับล้อท้ายหมุนทางเดียวกัน ล้อกลางหมุนย้อน การหมุนสวนกันจะช่วยงานตีเทือกทำได้ดีขึ้น มากกว่าการหมุนตามกัน หรือมีเพียงล้อเดียวหลายเท่า

- ติดสปริงเกอร์แบบโอเวอร์เฮด ที่มุมคันนา ใช้ถัง 200 ล.บรรจุ “น้ำ+ปุ๋ย+ยา” ฉีดพ่นได้ครั้งละ 4 ไร่ (4 มุม)
- ลดปุ๋ยทางราก แล้วใช้ “ปุ๋ย+ยาสมุนไพร” ทางใบแทน
- สร้างแปลงแรงบันดาลใจ แรงจูงใจ

เปรียบเทียบ นาดำมือ นาดำเครื่อง นาหยอด นาหว่าน :
นาดำมือ :
เตรียมกล้า, ใช้แรงงานมาก
นาดำเครื่อง : เตรียมกล้า, หาเครื่องดำยาก, เครื่องดำราคาแพง, ซื้อต่างประเทศ
นาหยอด : ไม่ต้องเตรียมกล้า, ใช้แรงงานน้อย, หาเครื่องหยอดยาก, เครื่องหยอดราคาถูก, ไทยทำ
นาหว่าน : ไม่ต้องเตรียมกล้า, ใช้เมล็ดพันธุ์มาก, ใช้แรงงานมาก,




.
kimzagass
ตอบตอบ: 07/08/2019 1:56 pm    ชื่อกระทู้:

.
.
171. สีสันชีวิตไทย ภาษาไทย :
ครานั้นสัญจรไปไปอำเภอ ลี้ จังหวัดลำพูน แยกจากถนนพหลโยธินไป 50 กิโล 500 โค้งข้อศอก เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง สอนเสร็จโดนพ่ออุ๊ยแม่อุ๊ยด่าเสียคน....

"อู้อันหยังบ่อฮู้เฮื่อง มีแต่ปาษาปะกิ๊ด"

คุณคิดดู ภาษาเกษตรไม่มีภาษาไทย มีแต่ภาษาอังกฤษ ลุงคิมทดลองให้พ่ออุ๋ยแม่อุ๊ยพูดตาม "ฟอสฟอรัส ไฟธอปเทอร์ร่า" เอาแค่พูดตามยังพูดไม่ได้เลย แล้วคุณจะสอนเขายังไงให้รู้เรื่อง แค่พูดตามยังพูดไม่ได้
กับอีกครา ไปลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี รอยต่อ กทม.-ปริมณฑล เหตุการณ์อีหร็อบเดียวกันเกิดขึ้นอีก....

“รายการสีสันชีวิตไทย ไม่อนุรักษ์ภาษาไทย พูดแต่ภาษาอังกฤษ ๆ ๆๆ”

ลุงคิมแก้ไขให้ ต่อไปนี้จะพูดแต่ภาษาไทย...

ลุงคิม : (ถามคนนั่งใกล้สุด) ไนโตรเจน ที่นี่เรียกว่าอะไร ?
สมช. : เหมือนกัน

ลุงคิม : (ถามอีกคน) ฟอสฟอรัส ที่นี่เรียกว่าอะไร
สมช. : ไม่ทราบ

ลุงคิม : (ถามอีกคน) โปแตสเซียม ที่นี่เรียกอะไร
สมช. : ไม่รู้

ลุงคิม : ตกลง พูดว่าตกลงนะไม่ใช่ โอเค. ต่อไปนี้จะพูดภาษาไทย....ใส่ปุ๋ย “เหมือนกัน ไม่รู้ ไม่ทราบ...” ก็มีนะบางที่เรียก “ตัวหน้า ตัวกลาง ตัวท้าย.... ตัวแรก ตัวกลาง ตัวหลัง” แบบนี้แล้วมันจะรู้เรื่องกันไหม ?

สมช. : ก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี ทำไมไม่แปลเป็นภาษาไทยให้รู้เรื่องไปเลย

ลุงคิม : อืมมม อันนี้คุณต้องไปถามราชบัณฑิตสภาเอาเองนะ บ้านเมืองเราเอาภาษาชาติอื่นมาใช้ทั้งดุ้น แล้วบอกว่า “ทับศัพท์” ไงล่ะ

สมช. : จบ



172. เรียนเกษตรสไตล์สีสันชีวิตไทย :
ปรัชญาเกษตร :
* คือ หลักแห่งความรู้ และความจริงด้านการเกษตร
* ประเทศไทยมีกิจกรรมเกษตรให้เลือกทำมากที่สุดในโลก (+50 แบบ) แต่คนไทยไม่รู้จะทำอะไร ว่าแล้วทำตามข้างบ้าน
* ผู้ส่งเสริม มุ่งเน้นพุ่งเป้าไปที่ราคาในตลาด ไม่สนใจต้นทุนการผลิต .... ภาพลักษณ์ คือ ส่งเสริมธุรกิจ ขายปุ๋ย/ขายยา มากกว่า

* ผู้รับการส่งเสริม ต้นทุนสูงเพราะซื้อทุกอย่าง .... รู้ราคาตลาดล่วงหน้า แต่ไม่สนใจลดต้นทุนเพื่อเอากำไร
* งานส่งเสริม 5 W. (WHO WHAT WHEN WHERE WHY) ไม่มี 1 H. (HOW)
* งานส่งเสริม NATO (NO ACTION TALK ONLY)
* ข่าวเกษตร ทีวี. เกษตรอินทรีย์-เกษตรอินทรีย์ แต่ไม่บอกว่าอินทรีย์ที่ว่า คืออะไร ? ทำจากอะไร ? ใช้ยังไง ? ฯลฯ ? .... คนดูจึงไม่รู้อะไรเลย

* ข่าวเกษตร ทีวี. ไม่ใช้สารเคมี-ไม่ใช้สารเคมี แต่ไม่บอกว่า ใช้อะไรแทน ? ทำจากอะไร ? ใช้ยังไง ? ฯลฯ ? .... คนดูจึงไม่รู้อะไรเลย

* ทำตามคนที่ล้มเหลวย่อมล้มเหลวยิ่งกว่า .... ทำตามคนที่สำเร็จย่อมสำเร็จยิ่งกว่า
* ปลูกขาย 100 ปีไม่รวย .... ทำปุ๋ยขาย 1 ปีรวยได้
* ทำแล้วขาย ขายแล้วขาดทุน รุ่นแล้วรุ่นเล่า ไม่รู้จักโตซักที (นรม.)
* ก่อนทำ-ระหว่างทำ-ก่อนขาย คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ
* รู้คนละนิด เอามารวมกัน = รู้เยอะทุกคน
* กะรวยด้วยกัน จะรวยทุกคน .... กะรายกว่าคนอื่น จะจนอยู่คนเดียว
* ลิงญี่ปุ่น ปิดตา ปิดปาก ปิดหู .... ลิงไทย ปิดตา ปิดปาก ปิดหู ปิดใจ
* ยากหรือง่าย ทำได้หรือทำไม่ได้ อยู่ที่ใจ
* ความเชื่อมั่นในตัวเองสูง แต่เชื่อมั่นในสิ่งที่ผิด ทำแล้วย่อมล้มเหลว
* ศึกษาส่วนที่จะเป็นปัญหาก่อน ศึกษาส่วนที่สำเร็จทีหลัง
* วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือ “ป้องกัน”
* ธรรมชาติ ไม่มีตัวเลข-ไม่มีสูตรสำเร็จ-ไม่มีโวลลุ่ม-ไม่มีคันเร่ง แต่มี “ตามความเหมาะสม”
* มนุษย์เอาชนะธรรมชาติไม่ได้แต่อยู่ร่วมกับธรรมชาติ และแสวงประโยชน์จากธรรมชาติได้
*

ต้นทุน :
* รายจ่าย - ต้นทุ
น = กำไร
* ทำเอง VS ซื้อ
* ต้นทุนที่สูญเปล่า
* ต้นทุนท่วมราคาขาย
* ขาดทุน สาเหตุ/แก้ไข
* กำไร สาเหตุ/ขยายผล
* ที่นี่ที่เดียว ส่งเสริมลดต้นทุน ..... ที่อื่นทุกที่ ส่งเสริมราคาตลาด
* ยิ่งส่งเสริม เกษตรกรยิ่งจน ยิ่งเป็นหนี้ แต่ พ่อค้าปุ๋ย-พ่อค้ายา ยิ่งรวย ๆ ๆๆ
*

ลงทุน :
* ลงทุนครั้งเดียว
* พื้นที่น้อย ผลิตสินค้า "ราคาแพง" = กำไรมาก
* ทำงานทั้งปีได้ขายรอบเดียว VS ทำงานทั้งปีได้ขายหลายๆ ๆๆ รอบ
* หวังผล ระยะสั้น-ระยะปานกลาง-ระยะยาว
* เป้าหมาย ผลผลิตเพิ่ม (คุณภาพ-ปริมาณ) ต้นทุนลด อนาคตดี
* คุณภาพ ซูพรีม พรีเมียม เกรด เอ. จัมโบ้ โกอินเตอร์ ขึ้นห้าง ออกนอกฤดู ปลอดสารเคมี พันธะสัญญา คนนิยม .... VS .... เกรด ฟุตบาท
*

ความรู้ :
* เพิ่มพูนได้ เป็นมรดกติดตัวไปตลอดชีวิต ถ่ายให้ลูกหลานได้
* ทำได้โดยการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
* ไม่ได้เรียนสาขาเกษตรโดยตรง แต่เรียนด้วยตัวเอง ย่อมมีความรู้สาขาเกษตรได้
* ความรู้เรียนทันกันหมด
* LEARNING ALL THE LIVE
* วิชาการสูง สูงเท่าเดิม คนต้องขึ้นไปหา
* ความรู้ไม่มาหาเรา เราต้องไปหาความรู้
* ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
* หัวใจนักปราชญ์ยุค IT สุจิปุลิ-ฟังคิดถามเขียน .... อ่าน ดู ทำ ใช้ ขาย แจก เททิ้ง
* เกษตร ยากกว่า วิศวะ + แพทย์
* มีความรู้แค่โฆษณา
*

ความสามารถ :
* ทำได้โดยทำด้วยมือตัวเอง
* พรสวรรค์มี 1 พรแสวงมี 99
* เฮง 1 ส่วน เก่ง 99 ส่วน
*

โอกาส :
* คนเรา แพ้/ชนะ กันที่โอกาส
* คนที่จะช่วยเราได้ คือ คนในกระจก
* หลักการและเหตุผล
* แจ๊กหม่า คือ จีนประเทศเดียว แต่แจ๊คหม่ำ คือ คนกินทั่วโลก
*



.
kimzagass
ตอบตอบ: 31/07/2019 2:36 pm    ชื่อกระทู้:

.
.
167. กระดุมเกษตร :
เม็ดที่ 1 .... ตลาด
เม็ดที่ 2 .... เทคนิค
เม็ดที่ 3 .... เทคโนฯ
เม็ดที่ 4 .... โอกาส

เม็ดที่ 5 .... ใจ
เม็ดที่ 6 .... ฝีมือ
เม็ดที่ 7 .... ปชส.
เม็ดที่ 8 .... ฯลฯ

ติดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อๆไปย่อมผิดตามไปด้วย


168. หัวใจเกษตร :
1. .... ปุ๋ย
2. .... ยา
3. .... เทคนิค
4. .... เทคโนฯ
5. .... โอกาส
6. .... ตลาด
7. .... ต้นทุน


169. ปรัชญาเกษตร :
1. ผลผลิตเพิ่ม ปริมาณมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบพื้นที่ต่อพื้นที่เท่ากัน ...
คุณภาพ ซูพรีม พรีเมียม เกรด เอ. จัมโบ้ โกอินเตอร์ ขึ้นห้าง คิวซี คิวอาร์ สีสวยสด รสจัดจ้าน ปลอดสารเคมี ออกตลอดปี ออกนอกฤดู จองล่วงหน้า ....

2. ต้นทุนลด .... ซื้อ 100%, ทำเอง 100%, ซื้อ 50% ทำเอง 50%, รวมกลุ่มทำ รวมกลุ่มซื้อ
3. อนาคตดี .... พันธะสัญญา


170. สัจจะธรรมเกษตร :
* การตลาด เกษตรกรควบคุมไม่ได้........ ต้นทุน เกษตรกรควบคุมได้
* กะรวยด้วยกัน = รวยทุกคน ............ กะรวยกว่าข้างบ้าน = จนกว่าข้างบ้าน
* ตามคนที่ล้มเหลว = ล้มเหลวยิ่งกว่า .... ตามคนที่สำเร็จ = สำเร็จยิ่งกว่า
* ทำอย่างเดิม = แย่กว่าเดิม
* รู้คนละนิดคนละหน่อย เอามารวมกัน = รู้มาก ๆๆ ๆๆ
* ทุกคนมีดี เอาดีของเขามาต่อยอด ขยายผล จูงใจ
*
*




.
kimzagass
ตอบตอบ: 22/07/2019 5:50 am    ชื่อกระทู้:

.
.
165. เกษตร ผสมผสาน-ผสมผเส-ปนเปสะเปะสะปะ รวย :
สมช. : (ได้ฟัง สมช.ปรึกษาเรื่อง ฟักแซมมะเขือ พริก มาตลอด ช่วยยืนยัน) ฉันว่าทำได้นะลุง มะเขือกับพริกอยู่ไต้ค้างฟักเขียว ของฉันก็ทำอยู่
ลุงคิม : งั้นนะ

สมช. : ใช่ลุง ของฉันทำค้างฟัก ค้างถั่วฝักยาว เป็นแบบแผงทางตั้ง แผ่นเดียว เอาไม้ปักเป็นเสา ระยะห่างระหว่างเสา 3 ม. เอาตาข่ายขึงระหว่างเสาสำหรับให้เถาฟัก เถาถั่วเลื้อยขึ้นไป ค้างแบบนี้ไม่ต้องมีหลังคา ทำให้ยาวตามแนวแสงอาทิตย์ มันก็จะไม่ไปบังแสงแดดพืชอื่น
ลุงคิม : (มองหน้า สมช.คนปลูกฟักแซมมะเขือ พริก) แล้วพืชอื่นล่ะ

สมช. : ฉันน่ะทำเกษตรผสมผสานผสมผเสปนเปสะเปะสะปะ นึกจะปลูกอะไรตรงไหนก็ปลูก ปลูกทุกอย่างที่กินได้
ลุงคิม : อะไรบ้าง บอกชื่อซิ

สมช. : ประเภทเถาเลื้อยมี ฟักเขียว ถั่วฝักยาว ถั่วพู ประเภทต้นมีพริกขี้หนูหอม พริกขี้หนูยอดสน พริกชี้ฟ้าเขียว พริกชี้ฟ้าเหลือง มะเขือเปราะ มะเขือพวง มะเขือยาว ทุกอย่างที่กินได้นั่นแหละลุง
ลุงคิม : เนื้อที่กี่ไร่น่ะ ?

สมช. : 3 ไร่เองลุง
ลุงคิม : บำรุงยังไง ?

สมช. : ก็สูตรสหประชาชาติของลุง ซื้อจากลุงชาตรี เดือนครั้ง อย่างละลิตร ยาฆ่าแมลงยาเคมีฉันเลิกใช้มานานแล้ว ใช้สารสะเดา พริกแกง สาบเสือ สบู่ต้น ทุกอย่างที่ขึ้นรอบบ้านนั่นแหละลุง
ลุงคิม : สมุนไพร....อันนี้ต้องฉีดบ่อยๆนะ

สมช. : ทุกวัน วันละครั้ง ไปกับน้ำไปกับปุ๋ย
ลุงคิม : เอาเครื่องมืออะไรฉีดพ่น ?

สมช. : สปริงเกอร์ซี่ลุง ฉันน่ะ ลูกศิษย์ลุงตั้งแต่รุ่นแรกๆเลย
ลุงคิม : ยังงั้นเหรอ .... วันนี้รายได้ตรงนี้ซักเท่าไหร่ ?

สมช. : ทำกันสองคนผัวเมีย ไม่เคยจ้างแรงงาน บางส่วนส่งแม่ค้า บางส่วนเอาไปขายเองที่ตลาดนัดจร รายได้จริงๆ ก็ประมาณ 1,000 ถึง 3,000 ต่อวันแหละลุง
ลุงคิม : ต่อวัน ๆ ๆ ๆ



166. ครู-นักเรียน ยุคใหม่ :
จาก: (098) 783-01xx
ข้อความ : เรียนคุณตาคิม ซา กัสส์ กรุณนำเสนอเรื่องการทำนาข้าว ที่เป็นควมรู้กึ่งวิชาการ กึ่งภูมิปัญญาพื้นบ้าน จะเอาไปเขียนรายงานส่งอาจารย์เกษตร กราบขอบพระคุณค่ะ....เด็กหน่อย สิงห์บุรี
ตอบ :
WELCOME ชาวนาคือเกษตรกรกลุ่มใหญสุดของประเทศ.... ชาวนารอด ประเทศไทยรอด คนทั้งโลกรอด....คนถามใหม่ คำถามเก่า คำตอบเดิม.....

จาก : (098) 138-62xx
ข้อความ : เรียนคุณตาผู้พัน หนูชื่ออ้อม เรียน ม.3 ร.ร. ..?.. จ.ฉะเชิงเทรา ต้องทำโครงงานเรื่องนาข้าวหอมมะลิ หัวข้อที่หนูรับผิดชอบ คือ ปุ๋ยที่จำเป็น มีอะไรบ้าง มีประโยชน์หรือผลเสียต่อต้นข้าวอย่างไรบ้าง และเรื่องอื่นๆที่น่ารู้ค่ะ .... กราบขอบคุณ คุณตาผู้พันอย่างสูงค่ะ

จาก : (065) 148-91xx
ข้อความ : ขอให้พูดซ้ำเรื่องข้อเสียของยูเรียต่อนาข้าว จะบันทึกเสียง .... ขอบคุณครับ

จาก : (084) 428-67xx
ข้อความ : ขอบคุณลุงคิม สมการปุ๋ย อินทรีย์ เคมี ทุกอย่างชัดเจน ปฏิเสธไม่ได้เลย ขอให้ลุงคิมต่อสู้ต่อไป ขอเป็นกำลังใจครับ .... จากชาวนา สุพรรณบุรี

จาก : (062) 394-01xx
ข้อความ : ผู้พันครับ ผมคิดว่า คนที่ทำตามแนวผู้พันมีมาก แต่ไม่พูดไม่เปิดตัว เพราะไม่อยากถูกโต้แย้งที่หาข้อมูลทางวิชาการมาอธิบายไม่ได้ .... ขอบคุณครับ

จาก : (086) 184-29xx
ข้อความ : อยากให้ลุงคิมสรุปข้อเสียของยูเรียต่อต้นข้าว เท่าที่ลุงคิมมีข้อมูล .... ขอบคุณครับ
ตอบ :
สไตล์เกษตรลุงคิมดอทคอม ถาม 1 บรรทัดตอบ 1 หน้า ถาม 1 ข้อตอบ 10 ข้อ.... O.K. ?
ในหนังสือหัวใจเกษตรไท ห้อง 3 “เทคโนโลยี” เขียนไว้ว่า ....
** ขาดทุนเพราะเทคโนโลยีผิด หรือปฏิเสธเทคโนโลยี
** ซูพรีม พรีเมียม เกรด เอ. จัมโบ้ คิวซี คิวอาร์ โกอินเตอร์ ขึ้นห้าง สีสวยสด รสจัดจ้าน ปลอดสารเคมี ออกนอกฤดู ลูกใหญ่ เมล็ดเล็ก คนนิยม จองล่วงหน้าข้ามปี

** เครื่องทุ่นแรง ประหยัดฯ เพิ่มประสิทธิภาพประสิทธิผลเนื้องาน
** นาข้าว 2 รุ่น ล้างหนี้ 1 ล้านแล้วยังเหลือ 2 ล้าน VS ขายข้าว 1 แสน เหลือเงิน 40 บาท
** ชาวนาญี่ปุ่น ต้นทุน 23,000 ขายได้ 100,000 VS ชาวนาไทย ต้นทุน 3,000 ขายได้ 100,000


- ยูเรีย ทำให้ข้าวเขียวตองอ่อน เขียวไม่ทน ใบบาง ต้นหลวม อ่อนแอ โรคแมลงมาก เมล็ดลีบมาก เป็นท้องปลาซิวมาก ข้าวป่นมาก น้ำหนักไม่ดี ทำพันธุ์ข้าวปลูกไม่ดี

- แม็กเนเซียม สร้างคลอโรฟีลด์ ทำให้ข้าวเขียวทน ใบหนา สังเคราะห์แสงดี สมบูรณ์ แข็งแรง ต้นไม่ล้ม โรคแมลงน้อย

- สังกะสี.สร้างแป้ง ช่วยให้ข้าวไม่เป็นเมล็ดลีบ ไม่เป็นท้องไข่ เมล็ดแกร่งใส น้ำหนักดี บดแล้วไม่ป่น ทำพันธุ์ข้าวปลูกดี

- ช่วงเวลา 7-9 โมงเช้า ใบธงจะอ่อนลู่ลง แสดงว่ายูเรียเกิน แต่ขาด ธาตุรอง/ธาตุเสริม อย่างรุนแรง
- ข้าวต้องการสารอาหารทั้งสิ้น 16 ตัว (หลัก/รอง/เสริม) การใส่ยูเรีย 1 กส. (50 กก.) หรือ 2 กส. (100) /ไร่ เท่ากับได้สารอาหาร N. เพียงตัวเดียวเท่านั้น .... นาข้าวบางแปลงใส่ยูเรีย 2 กส. (100 กก.) + 16-20-0 อีก 1 กส. (50 กก.) รวมใส่ปุ๋ย 150 กก./ไร่ แต่ข้าวได้ปุ๋ยเพียง 2 ตัว คือ N. กับ P. เท่านั้น

- ข้าวต้องการปุ๋ยครบสูตร (N-P-K) อัตราส่วน 3 : 1 : 1 (30-10-10) 2 : 1 : 1 (16-8- 8 ) อัตรา 10-20 กก./ไร่/รุ่น แล้วต้องการ ธาตุรอง/ธาตุเสริม ฮอร์โมน

- ข้าวต้องการและตอบสนองต่อปุ๋ยทางใบกับปุ๋ยทางรากเท่าๆกัน นั่นคือ ควรให้ปุ๋ยทางใบมากครั้ง หรือ 7-10 ครั้ง จะได้ผลดีกว่าการใส่ปุ๋ยทางรากอย่างเดียว

สรุป : ลดปุ๋ยทางราก เพิ่มปุ๋ยทางใบ...ลดปุ๋ยธาตุหลัก เพิ่มปุ๋ยธาตุรอง/ธาตุเสริม ละฮอร์โมน...ต้นทุนลดลงแต่ประโยชน์เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ ยูเรีย+16-20-0
อ้างอิง : บรรยายพิเศษ กลุ่มเกษตรกร อ.บางบาล จ. อยุธยา เรียนรู้ นาข้าว-สปริงเกอร์.

- ข้อเสียของยูเรีย.ที่ชาวนาไม่เคยถาม ไม่เคยสังเกต .... คนขาย นักวิชาการเชิงพานิช ไม่เคยพูด ไม่เคยบอก คือ....
* ยูเรียต่อต้น....ทำให้ต้นข้าวเขียวอ่อน เขียวไม่ทน ใบบาง ใบอ่อน ต้นสูง ต้นล้ม ต้นหลวม ผนังเซลล์อ่อนแอ โรคมาก .... ฉายา ยูเรียล่อเพลี้ยกระโดด

* ยูเรียต่อเมล็ด .... เมล็ดไม่แกร่ง เมล็ดไม่ใส เมล็ดลีบมาก เป็นท้องไข่มาก ข้าวป่นมากน้ำหนักไม่ดี ทำพันธุ์ไม่ดี ถูกตัดราคา

* ยูเรียต่อสารอาหาร...ความเข้มข้น (เปอร์เซ็นต์) ของสารอาหารในเมล็ดข้าวน้อยกว่าที่ระบุในงานวิจัย เพราะต้นข้าวได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน

- ใส่ปุ๋ยเคมีแก่ต้นข้าวให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด 2 ช่วงเท่านั้น คือ ช่วงทำเทือก (เตรียมดิน) กับช่วงตั้งท้อง-แต่งตัว การใส่ปุ๋ยในช่วงอื่นๆ จะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ

- การใส่ปุ๋ยแต่งหน้า หรือใส่ปุ๋ยทันทีหลังปักดำ (นาดำ) หรือเมล็ดพันธุ์เริ่มงอก (นาหว่าน) ไม่เกิดประโยชน์ เพราะต้นกล้ายังไม่พร้อมรับและยังไม่มีความจำเป็นต้องให้ ทั้งนี้ระยะที่ต้นกล้างอกใหม่ๆ จะใช้สารอาหารที่มีอยู่ในเมล็ดตัวเอง (แป้งโปรตีน ไขมัน วิตามิน ฯลฯ) เป็นหลัก

- การใส่ปุ๋ยเคมีที่มีอัตราส่วนไนโตรเจน.สูง ฟอสฟอรัส. และโปแตสเซียม.ต่ำ เช่น 16-8-8 หรือ 25-7-7 หรือ 46-0-0 + 16-16-16 อัตรา 1:1 จะช่วยให้ต้นข้าวแตกหน่อดีกว่าการใส่ไนโตรเจน. เดี่ยวๆ

- นาข้าวที่ได้ 100 ถัง จะมีฟางประมาณ 1,200 กก. ......ปริมาณฟาง 1 ตัน จะให้สารอาหารพืชประกอบด้วย ไนโตรเจน 6.0 กก. ฟอสฟอรัส 1.4 กก. โปแตสเซียม 17.0 กก . แคลเซียม 1.2 กก. แม็กเนเซียม 1.3 กก. ซิลิก้า 50.0 กก.
(อ้างอิง : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)


ถ้าได้ไถกลบเศษซากต้นถั่วเหลือง (เมล็ดพันธุ์ 12 กก./ไร่) ลงไปอีกก็จะได้ ไนโตรเจน 45 กก. เมื่อรวมฟางกับต้นถั่วเหลืองแล้วจะทำให้ได้ปุ๋ยสำหรับต้นข้าวมากมาย

ดินที่สภาพโครงสร้างดีตามมาตรฐานกรมพัฒนาที่ดินระบุว่า เมื่อใส่ปุ๋ยเคมีลงไปแต่ละครั้งต้นพืชได้นำไปใช้จริงเพียง 4 ส่วน แล้วเหลือตกค้างอยู่ในดิน 6 ส่วนเสมอ ดังนั้นการใส่ปุ๋ยเคมี 1-2 รุ่นแล้วเว้น 1 รุ่น ก็จะยังคงมีปุ๋ยเคมีเหลือตกค้างจากการใส่แต่ละรุ่นที่ผ่านมาบำรุงต้นข้าวรุ่นปัจจุบันได้อย่างเพียงพอ

มาตรการบำรุงดินโดยปรับปรุงบำรุงดินด้วยอินทรีย์วัตถุ สารปรับปรุงบำรุงดินและจุลินทรีย์ อย่างสม่ำเสมอ-ต่อเนื่อง-รุ่นต่อรุ่น-หลายๆรุ่น-หลายๆปี ทำให้เกิดการสะสมอยู่ในเนื้อดิน ซึ่งจะส่งผลให้สภาพโครงสร้างของดิน ดีขึ้น ดีขึ้น และดีขึ้นตามลำดับ

- ไม่ควรปลูกข้าวอย่างเดียวแบบต่อเนื่อง รุ่นต่อรุ่น หลายๆรุ่น หลายๆปี แต่ควรเว้นรุ่นทำนา 2-3รุ่นแล้วปลูกพืชตระกูลถั่ว 1 รุ่น นอกจากจะได้เศษซากพืชตระกูลถั่วไถกลบปรับปรุงบำรุงดินแล้วยังเป็นการตัดวงจรชีวิตของแมลง และเชื้อโรคได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

- นาหว่านที่หว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูกร่วมกับเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว ต้นข้าวจะงอกและโตพร้อมๆกับต้นถั่วเขียว เลี้ยงต้นกล้าข้าวให้นานที่สุดเท่าๆกับได้ต้นถั่วสูงสุด จากนั้น จึงปล่อยน้ำเข้าท่วมนาจะทำให้ต้นถั่วตายแล้วเน่าสลายกลายเป็นปุ๋ย (ไนโตรเจน/จุลินทรีย์) สำหรับต้นข้าว

- นาดำหลังจากปักดำแล้วใส่แหนแดงหรือแหนเขียว อัตรา 2-3 ปุ้งกี๋/ไร่ หรือกระทงนา ปล่อยไว้ประมาณ 3-4 สัปดาห์ แหนจะแพร่ขยายพันธุ์จนเต็มกระทง ระดับน้ำที่เคยมีเมื่อตอนดำนาก็จะลดลงจนถึงผิวหน้าดินพร้อมๆกับแหนลงไปอยู่ที่ผิวดินด้วยแล้วเน่าสลายกลายเป็นปุ๋ย (ไนโตรเจน) พืชสดสำหรับต้นข้าว

- ดินที่อุดมสมบูรณ์ดี (ตามหลักวิชาการ) เมื่อใส่ปุ๋ยเคมีลงไปจะช่วยให้ต้นเจริญเติบโตทางใบ (บ้าใบ/เฝือใบ) ดีมาก แต่ผลผลิตกลับลดลง....แปลงนาข้าวที่มีอินทรีย์วัตถุ และสารปรับปรุงบำรุงดินมากจะให้ผลผลิตดีมากไม่เฝือใบ ทั้งๆที่ใส่ปุ๋ยเคมีน้อยกว่า ต้นข้าวงามใบ (บ้าใบ) แก้ไขโดยการให้ “โมลิบดินั่ม +แคลเซียม โบรอน” 1 ครั้ง

- สภาพดินเหนียว ดินทราย ดินดำ ดินร่วน ฯลฯ ในดินแต่ละประเภทต่างก็มีสารอาหารพืชและปริมาณแตกต่างกัน สารอาหารพืชเหล่านี้เกิดขึ้นเองตามกลไกทางธรรมชาติหรือ เกิดจากกระบวนการสารพัดจุลินทรีย์ย่อยสลายสารพัดอินทรีย์วัตถุ

วันนี้ สารอาหารธรรมชาติในดินหมดไป หรือเหลือน้อยมากจนไม่พอพียงต่อความต้องการของพืชเพื่อการพัฒนาเจริญเติบโต สาเหตุหลักเกิดจากการปลูกพืชแบบซ้ำรุ่น ต่อเนื่อง รุ่นแล้วรุ่นเล่า ซึ่งพืชคือผู้นำสารอาหารเหล่านั้นไปใช้ สาเหตุรองลงมา คือ เกิดจากมนุษย์ทำลายวงจรการเกิดใหม่ของสารอาหารตามธรรมชาติ และทำลายผู้ผลิตสารอาหาร (จุลินทรีย์) นั่นเอง ดังนั้นจากคำกล่าวที่ว่า ดินมีสารอาหารพืช ต้องเปลี่ยนใหม่เป็นพูดว่าดินเคยมีสารอาหารจึงจะถูกต้องตามข้อเท็จจริง

แนวทางแก้ไข คือ จัดการให้มีวัตถุดิบที่ก่อให้เกิดสารอาหารพืช และ ส่งเสริมผู้ผลิตสารอาหารพืช ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่สุด แล้วดินจะกลับคืนมาเป็นดินดี เหมือนป่าเปิดใหม่อีกครั้ง และจะเป็นดินดีตลอดไปอย่างยั่งยืนตราบเท่าที่ได้จัดการและส่งเสริมอย่างถูกวิธีสม่ำเสมอ

สายพันธุ์ที่เปอร์เซ็นต์เป็นเมล็ดลีบสูง แก้ไขด้วยการให้ธาตุสังกะสี สายพันธุ์ที่มีอัตราการแตกกอน้อย แก้ไขด้วยการธาตุอาหาร P และ K สูง ในช่วงแตกกอ เป็นต้น การเน้นสารอาหารเพื่อให้พืชได้รับมากเป็นกรณีพิเศษ ควรให้ทางรากโดยใส่ไว้ในเนื้อดินตั้งแต่ตอนทำเทือก หลังจากนั้นจึงให้เสริมทางใบเป็นระยะ สม่ำเสมอ

- การลดความสูงต้นของต้นข้าว ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการเพิ่มปริมาณผลผลิตและคุณภาพ นอกจากนี้ยังทำให้ต้นแข็งแรงไม่ล้มหักง่ายและโรคแมลงเข้ารบกวนน้อยอีกด้วย....ลำต้นสูงมากๆ ทำให้สิ้นเปลืองน้ำเลี้ยงไปสร้างลำต้น จึงทำให้มีสารอาหารเหลือไปเลี้ยงรวงน้อย หรือ ฟางมากเมล็ดน้อย-ฟางน้อยเมล็ดมาก ....

ต้นข้าวในน้ำที่ระดับพอเปียกหน้าดิน (ดินแฉะเล็กน้อย) จะแตกกอได้จำนวนมากกว่าต้นข้าวที่ปลูกในน้ำขังค้าง หรือท่วมโคน ....

ข้าวลำต้นสูง (น้ำมาก ไนโตรเจนมาก) จะมีรวงสั้น แต่ข้าวลำต้นสั้น (น้ำพอแฉะหน้าดินสารอาหารสมดุลทุกตัว)จะมีรวงยาว...

ต้นข้าวช่วงระยะกล้าที่ไม่ได้ให้ 46-0-0 แต่ให้ 16-8-8 แทน ควบคู่กับช่วงตั้งท้องแต่งตัวให้ 0-42-56 โดยฉีดพ่นพอเปียกใบ 1-2 รอบ จะช่วยให้ต้นข้าวไม่สูงแต่กลับเจริญเติบโตข้างอวบอ้วน เหมือนต้นไม้ผลมีอาการอั้นตาดอก....

การตัดใบยอดช่วงตั้งท้องแต่งตัวก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ต้นข้าวไม่สูงต่อ แล้วอวบ อ้วนเหมือนอั้นตาดอกได้เช่นกัน

- อากาศหนาว (15-20 องศา ซ./ภาคเหนือเกิดน้ำค้างแข็ง) ติดต่อกัน 10 วัน มีผลต่อต้นข้าวหลายอย่าง เช่น เมล็ดไม่งอก ต้นกล้าโตช้า ต้นแคระแกร็นใบเหลือง ออกดอกช้า และช่วงออกดอกเป็นช่อดอกอ่อนเกสรจะฝ่อ ผสมไม่ติด หรือผสมติดก็เป็นเมล็ดลีบ แก้ไขโดยให้ แม็กเนเซียม+ สังกะสี + กลูโคส หรือฮอร์โมนทางด่วน ล่วงหน้าก่อนหนาว 2-3 วัน และให้ระหว่างอากาศหนาว ทุก 2-3 วัน จนกว่าอากาศหายหนาว

- อากาศร้อน (สูงกว่า 35 องศา ซ.) ช่วงข้าวหลังผสมเกสรติดหรือเริ่มเป็นน้ำนมจะกลายเป็นข้าวลีบมาก แก้ไขโดยการให้ ธาตุรอง/ธาตุเสริม + เอ็นเอเอ.+ ฮอร์โมนทางด่วน ล่วงหน้าก่อนอากาศร้อน 2-3 วัน และให้ระหว่างอากาศร้อน ทุก 2-3 วัน จนกว่าอากาศจะปกติ

- สายลมแรงมากทำให้ต้นข้าวเครียด เนื่องจากต้องคายน้ำมาก มีผลทำให้เมล็ดข้าวลีบ รวงจะเป็นสีขาวคล้ายถูกหนอนกอทำลาย วิธีแก้ไขเหมือนช่วงอากาศร้อนจัด

www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=1698&page=1
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเรื่องนาข้าว



.
kimzagass
ตอบตอบ: 20/07/2019 5:56 am    ชื่อกระทู้:

.
.
163. บวชพลทหาร :
พลทหารพานฯ สังกัด ร้อย บก.ปตอ.2 ภูมิลำเนาเดิม จ.ชุมพร ปีที่เข้ามารับราชการทหารเป็นปีที่ จ.ชุมพร โดนพายุเกย์ เสียหายทั้งจังหวัด ครอบครัวนี้มีอาชีพทำสวนมะพร้าว เมื่อมะพร้าวเสียหายทั้งสวนจึงไม่มีรายได้เลย

ลุงคิมในฐานะ ฝอ.2 (ตำแห่งนายทหารการข่าว) เห็นใจจึงขอตัวมาเป็น “ทหารประจำตัว” เพื่อให้ได้รับ “เบี้ยเลี้ยงบุคคล” คือเงินเดือนที่ไม่ได้หักค่าอาหาร (เดือนละกว่า 5,000) แล้วให้พลทหารพานฯ ส่งไปให้พ่อแม่ที่ จ.ชุมพร ในขณะที่ตัวพลทหารพานฯ ยังคงอยู่ที่กองร้อย กับรับจ้างเพื่อนที่ลากลับบ้านวันเสาร์-อาทิตย์เข้าเวรเป็นการหารายได้พิเศษ วันว่างจากงานที่กองร้อย พลทหารพานฯ ก็จะขออณุญาต ผบ.ร้อย ไปกุ๊กกิ๊กๆอยู่ที่บ้านพักลุงคิมบ่อยๆ

กระทั่งปลดประจำการ กลับบ้านเดิม 3 เดือน พลทหารพานฯ ย้อนมาหาลุงคิมที่บ้าน

พลฯ พาน : ผู้พันครับ ผมมาขอความช่วยเหลือจากผู้พันครับ
ลุงคิม : ขอความช่วยเหลือ ขออะไรเหรอ ว่ามาซิ ?

พลฯ พาน : ผมอยากบวช อยากให้ผู้พันบวชให้ครับ
ลุงคิม : บวช บวชให้ บวชพระเนี่ยนะ

พลฯ พาน : ครับ บ้านผมไม่มีเงินเลย ผมอยากบวชซักพรรษาครับ
ลุงคิม : (คิดหนัก กึ่งพอใจ) อืมมม กูไม่มีลูกชาย มีแต่ลูกสาว ได้บวชคนเป็นพระซักครั้ง ถือว่าบุญโขเลยนะ งานนี้เรื่องใหญ่ พูดกับมึงคนเดียวไม่ได้หรอก พ่อกับแม่มึงต้องพูดด้วย ต้องรู้เรื่องด้วย มึงพาพ่อกับแม่มาพูดด้วย เข้าใจไหม ?

พลฯ พาน : เข้าใจครับ ผมจะพาพ่อกับแม่มาพูดกับผู้พันครับ

พลทหารพานฯ หายไป 2 อาทิตย์ คราวนี้กลับมาพร้อมหน้าพ่อหน้าแม่ การเจรจารายละเอียดเรื่องงานบวชพลทหารพานฯ วันนั้นราบรื่นทุกอย่าง เช่น

- บวชที่วัดบ้านพลทหารพานฯ...
- พิธีบวช (เครื่องบวช แจกการ์ด งานเลี้ยง ค่าใช้จ่าย) ทุกอย่างทำตามประเพณีของพื้นบ้านนั้น
โดยลุงคิมออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ....
- แจกการ์ดเชิญแขกบอกบุญแล้วได้รับเงินช่วยทั้งหมดทั้งสิ้นไม่ต้องเอามาให้ลุงคิม แต่ให้พ่อกับแม่เก็บไว้ทำทุนประกอบอาชีพต่อไป....


งานบวชครั้งนั้นสรุปค่าใช้จ่ายตั้งแต่ทำขวัญนาค นาคเข้าโบสถ์ ถึงพระออกจากโบสถ์ เป็นอันเสร็จพิธี รวมทั้งสิ้น “แสนหย่อน” นิดๆ พระพลทหารพานฯ อยู่จนครบพรรษา ออกพรรษาแล้วรับกฐินตามประเพณี

ลุงคิมพอใจ ปลื้มใจ ที่สุดเมื่อทิดพลทหารพรานฯ สึกแล้วมากราบขอบคุณถึงบ้าน


164. รากวน :
เมื่อครั้งงานสีสันสัญจรที่ร้านมานพการเกษตร หน้าที่ว่าการ อ.กำแพงแสน นครปฐม ก่อนเริ่มงานบรรยาย นศ.เกษตรระดับมหาลัยหนุ่มสาวราว 10 คน เข้ามาคุยเชิงเล่าสู่ฟัง

นศ. : ลุงคิมครับ ที่ลุงบอกว่า การขุดหลุมปลูกไม้ผลยืนต้น กว้าง-ลึก 50 ซม.น่ะ พอไม้เริ่มยืนต้นได้ ระบบรากเริ่มเดิน รากที่เจริญยาวไปถึงผนังหลุม รากเส้นนั้นจะไม่เจริญยาวแทงผนังหลุมออกไปนอกหลุม แต่จะวกกลับมากลางหลุมแล้วยาวต่อไปถึงผนังหลุมฝังตรงข้าม ถึงผนังหลุมฝังตรงข้ามแล้วจะวกกลับ กลับมากลางหลุมแล้วต่อไปจนถึงผนังหลุมอีกฝั่งหนึ่ง ไปแล้วกลับ กลับแล้วไป กลับไปกลับมาอยู่ในหลุม อันนี้แหละ “รากวน” .... แล้วลุงยังบอกอีกว่า ให้ขุดหลุมผสมดินในหลุมใหม่ ใส่อินทรีย์วัตถุ ทำหลุมปลูกแบบพูนเป็นโคก แล้วปลูกต้นกล้าบนโคก เมื่อรากเจริญเติบโตจะแทงยาวไปรอบทิศทาง ยาวไปเรื่อยๆไม่มีการวกกลับ ไม่กลับๆไปกลับมาจนเกิดเป็นรากวน


ลุงคิม : แล้วไง ?
นศ. : (มองหน้าเพื่อน) พวกผมไปถามอาจารย์ เล่าเรื่องนี้ตามหนังสือที่ลุงคิมเขียน แล้วถามอาจารย์..?.. ว่า “ใช่ไหม ?”

ลุงคิม : อาจารย์ตอบว่าไง ?
นศ. : อาจารย์ตอบว่า “ใช่ ใช่ยิ่งกว่าใช่ซะอีก”

ลุงคิม : งั้นเหรอ ?
นศ. : ผมเลยถามอาจารย์อีกว่า แล้วทำไมหนังสือที่อาจารย์..?.. เขียน ให้ขุดหลุมกว้างล่ะครับ

ลุงคิม : อาจารย์..?..ตอบว่าไง ?
นศ. : อาจารย์..?.. บอกว่า ให้ไปถามอาจารย์..?.. ที่เขียนเองซี่

ลุงคิม : หัวเราะในลำคอ แล้วเดินขึ้นเวทีเตรียมรรยาย




.
kimzagass
ตอบตอบ: 17/07/2019 6:00 am    ชื่อกระทู้:

.
.

161. เยือน RKK :
CASE นี้เริ่มจากสมาชิกระดับผู้นำสหกรณ์ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี ทัศนศึกษาที่ RKK

คำพังเพยโบราณบอกว่า "คนสวยโพธาราม คนงามบ้านโป่ง คนตรงเมืองเพชร คนใจเด็ดลพบุรี คนดีศรีอยุธยา ...."

ตอนที่ลุงคิมเป็นร้อยเอก ทำราชการพิเศษอยู่ที่ ศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพบก (ศปก.ทบ.309) หน้าที่รวบรวมรายงานจากทุกเหล่า บก-เรือ-อากาศ-ตำรวจ .... ที่น่าสนใจคือ สรุปรายงานข่าวอาชญากรรมจากฝ่ายตำรวจ บอกว่า จังหวัดที่ฆ่ากันตายมากที่สุด คือ นครศรีธรรมราช เฉลี่ยวันละ 2 ราย กับคนไต้ด้วยกันบอกว่า คนดุที่สุด คือ พัทลุง แล้วเพชรบุรีได้ฉายา "มือปืนเมืองเพชร" มาจากไหน ก็มาจากหนังสือพิมพ์ไงล่ะ

เมืองเพชร ประทับใจ 1 .... ผู้หญิง กลางสาวกลางแก่ ทำสวนมะนาว 10 ไร่ อยู่เชิงเขาที่แก่งกระจาน ต้นมะนาวอายุ 12 ปี สูง 5 ม. ทรงพุ่มกว้าง 6 ม. ใช้ปุ๋ยของที่นี่ทุกสูตร 3 ปีติดต่อกัน จนต้นสะสมความสมบูรณ์เต็มที่ ปีนั้นออกหน้าแล้ง เก็บได้ต้นละ 1,000 (+) ลูก เอาไปส่งตลาดหนองบ้วย ราคาลูกละ 6 บาท ....
เพราะสวนที่ลาดเชิงเขา การควบคุมน้ำหน้าฝนสำหรับทำนอกฤดูจึงง่าย

เมืองเพชร ประทับใจ 2 .... หนุ่มวัลลภ ทำสวนมะนาว 2 ไร่ อยู่บ้านลาด-ท่ายาง ติดสปริงเกอร์กะเหรี่ยงลอยฟ้า ต้นทุนไร่ละ 450 ใช้น้ำบาดาล สูบน้ำขึ้นมาแล้วส่งไปต้นมะนาวเลย ไม่ต้องผ่านบ่อพักใช้ปุ๋ยลุงคิมทุกสูตร 3 ปีมะนาวออกลูกไม่เลิก ร้อนหนาวฝนออกตะพึด

ลุงคิมไปเห็น บอก "ไอ้ลภ ปีนี้ถ้าไม่หยุดเอาลูกซักปี ให้เขาพักต้น มะนาวมึงตาย..."
เจ้าของหัวเราะ ตอบหน้าตาเฉย "ตายก็ปลูกใหม่ครับ ปีนี้หน้าสวน 6 บาท ไปส่งหนองบ้วย 12 บาทครับ..."
จากนั้น 2ปี 3ปี มะนาวสวนนั้นก็ยังอยู่....ไอ้ลภฯ ได้แต่งงานกับสวยสวยหมวยอึ๋ม แม่ค้าเขียงหมูในตลาดหนองบ้วย สบายไป 8 ชาติ

เมืองเพชร ประทับใจ 3 .... สายตรง สมช. บ้านลาด ท่ายาง เพชรบุรี บอก ใช้ปุ๋ยเราทุกสูตร ซื้อกับขาตรีฯ กล้วยหอมลูกใหญ่เกิน ส่งสหกรณ์ไปญี่ปุ่นไม่ได้ เลยส่งห้างแทน ปรากฏว่าได้ราคาสูงกว่าส่งสหกรณ์ เล่นเอา สมช.สหกรณ์ หลายคนเปลี่ยนเข็ม เลิกทำส่งญี่ปุ่นแล้วมาทำส่งห้างแทน เดือดร้อนสหกรณ์ต้องขอร้อง เพราะไม่มีกล้วยหอมส่งตามสัญญา ....
ลงท้าย ไม่รู้เหมือนกันว่า สหกรณ์แก้ปัญหานี้ได้หรือไม่ ยังไง

เมืองเพชร ประทับใจ 4 .... ยัยพรม-ตาน้อย สองผัวเมีย อาชีพรับจ้างลูกสาวเลี้ยงหมาในบ้าน 1 ตัว ลูกสาวคนเดียวจบปริญญาโท ทำงานราชการ รักพ่อรักแม่มาก ไม่อยากให้ลำบาก ยกเงินเดือนให้แม่หมดเลย ยัยพรมฯ ใช้เชือกปอพลาสติกทำค้างถั่วฝักยาว ต้นทุนไร่ละ 35 บาท แถวนั้นใช้ไม้รวก ตะคัดตะข่ายทำค้าง ตกไร่ละ 3,500 พอมาเห็นค้างยัยพรมฯ ก็ว่า "ยัยพรมฯ บ้า...." ยัยพรมฯ โมโห ถกเขมรกางเกงสามส่วน ร้องตะโกนตอบ "เออออ คนบ้าไม่มีหนี้ คนดีหนี้เต็มบ้าน...."

สมช. : เพื่อนกัน ไปรบเกาหลีรุ่นเดียวกัน คุยกัน มึง-กู มากับเมีย ทำสวนมะนาว สอนใจหม้อปุ๋ยเวนจูรี่ เห็นแล้่วยืนข้อเสนอ 1) ขอซื้อ คิดราคาเท่าไร ? 2) ขอฟรี ให้ไหม ? คำตอบคือ "ไม่" ทั้ง 2 ข้อ แต่ให้ทำเอง จะเอากี่อันก็ว่าไป ทำเสร็จเอาไปเลย

สมช. : จนท.เกษตร เมืองกาญจน์ ด่านมะขามเตี้ย ท่านนึงมาที่นี่ ทำเองกับมือ ทำยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี เอากลับไปทำต่อที่บ้าน ทำจนเสร็จเรียบร้อยไหม ? ทำแล้วใช้งานไหม ? ไม่รู้ ! ....
จนท.เกษตร ด่านช้าง สุพรรณบุรี อีกท่านนึงมาที่นี่ ทำเองกับมือจนเสร็จเรียบร้อย เอากลับไปแล้วใช้งานหรื

สมช. : ก่อนทำหม้อปุ๋ยอันนี้ ลุงคิมเคยไปดูงานที่ไหน ? คำตอบคือ ถามย้อน ที่ไหนมีให้ดูบ้าง ลุงคิมคิดเองทำเองไม่ได้เหรอ ?

สมช. : อ.วิชัยฯ แห่ง สจล. พา นศ.ไปดูงานมาแล้วทั่วประเทศ ไปเห็นระบบสปริงเกอร์มาแล้วทั่วประเทศ บอกว่าระบบสปริงเกอร์ RKK ราคาต้นทุนต่ำที่สุด ประสิทธิภาพใช้งานสูงสุด ประโยชน์ที่ได้รับสูงสุด

สมช. : สปริงเกอร์ที่นี่เป็นแบบ "กะเรี่ยง" คือ ยาวตัด-สั้นต่อ/ไม่พอซื้อ-ไม่ดีรื้อทำใม่ ชิ้นส่วนที่ไม่มีทิ้ง เอามา REUSE ใช้ใหม่ได้ทุกชิ้น ....
บางคนมาที่รู้วิธี REUSE อย่างเดียว บอกว่าคุ้ม เพราะที่บ้านมีชิ้นส่วนตักดทิ้งเป็นเข่ง

แปลงเกษตรที่นี่แบ่งเป็นโซนๆ เพื่อให้เหมาะสมกับกำลังพ่นน้ำสปริงกอร์ กับเพื่อการเลือกสูตรปุ๋ยสำหรับไม้ผลในแต่ละโซน ตามระยะพัฒนาการของพืช เช่น แปลงนี้ต้องการบำรุงเร่งการเจริญเติบโตก็ให้ไบโออิ แปลงนี้ต้องการบำรุงสะสมตาดอกก็ให้ 0-42-56 แปลงนี้ต้องการบำรุงผลขนายขนาดก็ให้ยูเรก้า นั่นแหละ

สรุป : เพราะพืชแต่ละชนิด แต่ละระยะการเจิญเติบโต ไม่เหมือนกันจึงต้องให้ปุ๋ยหรือฮอร์โมนตามพืชนั้นๆ



162. มะม่วง มะม่วง และมะม่วง :
จาก : (090) 481-55xx
ข้อความ : มะม่วงรุ่นหลังขนาดปลายนิ้วก้อย รุ่นแรกขนาดไข่เป็ด บำรุงอย่างไรครับ .... ขอบคุณครับ

จาก : (089) 153-06xx
ข้อความ : มะม่วงแม่ลูกดก สวนลุงช้าง ออกลูกไม่เลิก ในต้นเดียวมีลูกหลายรุ่น บำรุงอย่างไร.... ขอบคุณครับ

จาก : (067) 942-59xx
ข้อความ : มะม่วงรุ่นแรกขนาดไข่ มีลูกเล็กออกตามมาอีก 2 รุ่น ใช้ปุ๋ยลุงคิมสูตรไหนครับ .... ขอบคุณครับ

จาก : (089) 167-32xx
ข้อความ : มะม่วงแฟนซี ต้นตอน้ำดอกไม้ อายุ 4 ปี เปลี่ยนยอดเป็น มันศาลายา มันขุนศรี อาร์ทูอีทู แก้วลืมคอน เขียวเสวยรจนา หนองแซง ขาวนิยม ทุกพันธุ์มาจากไร่กล้อมแกล้ม ตอนนี้อายุ 2-3 ปี ออกลูกทุกพันธุ์ เริ่มบำรุงตามสูตรลุงคิม .... ขอบคุณ ขอบคุณทุกอย่างที่ให้ครับ

จาก : (091) 167-62xx
ข้อความ : มะม่วงพวงเดียวกัน มีลูกเล็กลูกใหญ่ บำรุงอย่างไร ....

ตอบ :
มีผลหลายรุ่น ในต้นเดียวกัน .... บำรุง :
ทางใบ :
ไบโออิ + ยูเรก้า 2 รอบ สลับด้วย แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 7 วัน หาโอกาสหรือจังหวะ + สารสมุนไพรร่วมไปด้วย

ทางราก : ใส่ 21-7-14 (ต้นเล็ก ½ กก. ต้นใหญ่ 1 กก.) /ต้น /เดือน หว่านบริเวณปลายราก

หมายเหตุ :
คนถามใหม่ คำถามเก่า คำตอบเดิม .....

ศ.ดร.สัมฤทธิ์ เฟื่องจันทร์ แห่ง ม.ขอนแก่น ได้ทำการวิจัยการตอบสนองของมะม่วงต่อการใส่ปุ๋ยทางรากด้วยวิธีการต่างๆ แบ่งมะม่วงในแปลงเป็น 3 โซน เป้าประสงค์ต้องการให้มะม่วงได้รับปุ๋ยทางราก ต้นละ 3 กก./3 เดือน โดยแบ่งการให้ ดังนี้
โซนที่ 1 ใส่ต้นละ .5 กก. /15 วัน เท่ากับใส่ 6 ครั้ง ในรอบ 3 เดือน
โซนที่ 2 ใส่ต้นละ 1 กก./เดือน เท่ากับใส่ 3 ครั้ง ในรอบ 3 เดือน
โซนที่ 3 ใส่ต้นละ 3 กก./เดือน เท่ากับใส่ 1 ครั้ง ในรอบ 3 เดือน

ผลการวิจัยพบว่า....
โซนที่ 1 แสดงอาการเจริญเติบโตชัดเจนที่สุด และดีที่สุด
โซนที่ 2 แสดงอาการเจริญเติบโตน้อยกว่าโซนที่ 1 และดีกว่าโซนที่ 3
โซนที่ 3 แสดงอาการเจริญเติบโตน้อยที่สุด

สรุป :
การให้ปุ๋ยแบบ "ให้น้อย บ่อยครั้ง ตรงเวลา" ดีที่สุด

หมายเหตุ :
- เทคนิค เทคโนฯ เกี่ยวกับปุ๋ย .............................. ?
- ปุ๋ยทางราก VS ปุ๋ยทางใบ ................................ ?
- เครื่องทุ่นแรง ............................................. ?
- ปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวเนื่อง เกี่ยวพัน เกี่ยวก้อย ..... ?

หลักการและเหตุผล :
- อย่ากังวลกับตัวเลขนัก เพราะในความ "ได้ผล/ไม่ได้ผล" ของปุ๋ยเคมี มิใช่เกิดจากปุ๋ยเคมีเพียงลำพังเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยอื่นที่เป็นทั้งปัจจัยเสริม/ปัจจัยต้าน ประกอบอีกหลายรายการ อาทิ อินทรีย์วัตถุ, จุลินทรีย์, ค่ากรด-ด่าง, ค่า อีซี, ความชื้น, อุณหภูมิ, ฯลฯ บางครั้ง

ใส่ปุ๋ยมากแต่ในดินมีปัจจัยต้าน ประสิทธิภาพของปุ๋ยที่ใส่ก็ไม่เกิด (เกษตรกรเรียกว่า ดินไม่กินปุ๋ย) ในทางตรงกันข้าม ใส่ปุ๋ยน้อย แต่ในดินอุดมไปด้วยปัจจัยเสริม ประสิทธิภาพของปุ๋ยที่ใส่ย่อมเกิดได้เต็มร้อย

- นอกจากสูตรปุ๋ยแล้ว วิธีการใส่, เวลาที่ใส่, ช่วงพัฒนาการของต้น, ประวัติต้น, ประวัติดิน และอื่นๆ ทั้งทางเคมีและทางกายภาพล้วนแต่เกี่ยวข้องกับการที่ต้นมะม่วงสามารถนำปุ๋ยไปได้ทั้งสิ้น

คิดนอกกรอบ แผลงๆแต่สร้างสรรค์ :
"น้ำ 100 ล.+ น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 250 ซีซี.+ 8-24-24 (10 กก.)"
ฉีดด้วยสายยาง ลงบริเวณทรงพุ่ม เป็นจุดๆ แต่ละจุดห่างกัน 1 ม. ทำเป็นวงรอบทรงพุ่ม 1 จุดให้ได้ปุ๋ย 1/2-1 ล. ....

แบบนี้ ต้นอายุ 3 ปี ที่ขนาดทรงพุ่มเล็กกว่า จะได้ น้อยจุดกว่า ขณะที่ต้นอายุ 10 ปี ที่ขนาดทรงพุ่มใหญ่กว่าก็จะได้มากจุดกว่า....

สรุปก็คือ ต้นขนาดทรงพุ่มเล็กกว่าย่อมได้ปุ๋ยน้อยกว่าต้นที่ขนาดทรงพุ่มใหญ่กว่า ลงท้าย ทั้งต้นเล็กต้นใหญ่ ได้รับปุ๋ยทั่วทรงพุ่มเหมือนๆกัน

ถามปุ๋ยทางราก แล้ว ปุ๋ย/ฮอร์โมน ทางใบล่ะ....อย่าลืมนะ
ข้อดีของการใช้ปุ๋ยทางใบ :
1. ช่วยให้พืชรับเข้าสู่ต้น ส่งผลให้พืชเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
2. เพื่อชดเชยธาตุอาหารที่ขาด หรือเพิ่มเติมเพื่อเร่งการเจริญเติบโตแก่พืชได้
3. ใช้ผสมร่วมไปกับสารเคมี หรือสารสกัดสมุนไพร อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่าง ได้ เพื่อประหยัดเวลาและแรงงาน
4. ใช้กับพืชที่มีปัญหาเกี่ยวกับดิน เช่น ดินเค็ม ดินเปรี้ยวจัด ดินทรายจัด ดินเหนียวจัด หรือดินที่มีปัจจัยแวดล้อมต่อต้านการดูดใช้ธาตุอาหารทางระบบราก

5. พืชสามารถรับธาตุอาหารโดยทางใบได้มากกว่า และเร็วกว่าการดูดทางราก
6. ช่วยให้พืชฟื้นตัวเร็วหลังจากชะงัก เนื่องจากกระทบแล้ง น้ำท่วม หรือถูกโรคแมลงทำลาย
7. ปุ๋ยชนิดน้ำมีความสม่ำเสมอของเนื้อปุ๋ยแน่นอนกว่าปุ๋ยชนิดแข็งและปุ๋ยชนิดเกล็ด มีปริมาณเนื้อปุ๋ยรวม (N + P2O5 + K2O) สูงกว่าปุ๋ยเม็ด ทำให้ได้ประสิทธิภาพเหนือกว่า

8. ปุ๋ยชนิดน้ำผลิตง่าย และเปลี่ยนแปลงปรับปรุงสูตรได้ง่าย จึงผลิตได้มากสูตรกว่าปุ๋ยชนิดแข็งหรือชนิดเกล็ด

วัตถุประสงค์หลักในการให้ปุ๋ยทางใบ :
1. เพื่อแก้ไขอาการขาดธาตุอาหาร
2. เพิ่มคุณภาพและผลผลิต
3. เพื่อช่วยให้พืชฟื้นตัวจากปัญหาความขาดแคลนในบั้นปลาย


http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=6004

ในต้นเดียวมีผลหลายรุ่น มีดอกออกซ้อน .... บำรุง :
มะม่วงออกดอกไม่พร้อมกันทั้งต้น เมื่อดอกออกมาประมาณ 1 ใน 4 ของทั้งต้น ช่อที่ออกมาแล้ว ยาวประมาณ 1-10 ซม. ....
วิธีที่ 1 ให้เปิดตาดอก ซ้ำด้วยสูตรเดิม 2-3 รอบ ห่างกันรอบละ 3-5 วัน ....
วิธีที่ 2 เปิดตาดอกซ้ำด้วย สูตรเดิม 2 รอบ แล้วซ้ำด้วย 0-42-56 อีก 1 รอบ ....

ทั้ง 2 วิธี ถ้าต้นมีความสมบูรณ์พร้อม ยอดที่ยังไม่ออกดอกก็จะมีดอกออกมาให้เห็น แต่ถ้าดอกไม่ออกก็คือไม่ออก เนื่องจากต้นมีความสมบูรณ์ไม่พร้อมจริง (เน้นย้ำ....พร้อมจริง) ต้องรอรุ่นต่อไป

กรณีที่ 1. ตัดยอดที่เป็นใบด้วยกรรไกคมๆ เหลือส่วนตอไว้ประมาณ 1 ซม. แล้วสะสมตาดอกด้วย 0-42-56 เฉพาะยอดที่ตัด 2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน จากนั้นเปิดตาดอกด้วย 13-0-46 + ไธโอยูเรีย อีก 2 รอบ คอยสังเกต มะม่วงกิ่งนั้นจะออกดอกที่กลางกิ่ง หรืออาจจะออกที่ปลายยอดได้ ถ้ายังมีตุ่มตาที่ปลาย ยอดที่เหลืออยู่ ....

ถ้าให้ 13-0-46+ไธโอยูเรีย ไป 2 รอบแล้วดอกยังไม่ออกให้ซ้ำด้วย 0-42-56 อีก 1 รอบ คราวนี้ ออกคือออก ไม่ออกคือไม่ออก ขึ้นกับความสมบูรณ์สะสมของต้น

กรณีที่ 2. อายุผลรุ่นแรกใหญ่ขนาดในภาพแล้ว โอกาสที่จะเปิดตาดอกยอดที่ยังไม่ออกนั้นค่อนข้างยากหรือทำไม่ได้เลย ....

เกมส์นี้เสี่ยงเพื่อหาคำตอบ ก. ทำกับมือ. เอาสูตรไต้หวันซี่ ....
ใช้ 13-0-46 + 0-52-34 (1:3) ฉีดพ่นใส่ เฉพาะยอดที่ยังไม่ออกดอก 3-4 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน เพื่อสะสมตาดอก จากนั้นสำรวจอาการอั้นตาดอก ถ้าเห็นว่าอั้นตาดอกดีก็ให้เปิดตาดอกด้วย "13-0- 46 + ไธโอยูเรีย" 2 รอบ ห่างกันรอบละ 3-5 วัน ถ้าออกคือออก ถ้าไม่ออกฉีด ซ้ำด้วย 0-42-56 อีก 1 รอบ คราวนี้ เป็นรอบตัดสิน ออกคือออก-ไม่ออกคือไม่ออก

หมายเหตุ :
- ไม้ผลอย่างมะม่วงมีเกมส์ให้เล่นเยอะนะ ลองๆศึกษาดู
- ทำมะม่วงออกกลางต้น กลางกิ่ง ก็สามารถแก้ปัญหาไม่ออกที่ปลายยอดได้
- ทุกอย่างของความสำเร็จขึ้นอยู่กับ "ความสมบูรณ์สะสม" ของต้น และความสมบูรณ์สะสมของต้นขึ้นอยู่กับ "ปัจจัยพื้นฐาน"

http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=6078



.
kimzagass
ตอบตอบ: 16/07/2019 6:18 am    ชื่อกระทู้:

.
.
159. ส้มเขียวหวาน :
ส้มเขียวหวานบางมด ปลูกที่ จ.น่าน หรือ จ.แพร่ (ไม่แน่ใจ....ไม่ใช่ประเด็น) ปัจจุบันอายุต้นกว่า 40 ปี นอกจากยังไม่ตายแล้วยังให้ผลผลิตดีเหมือนเดิมเมื่อครั้งต้นยังสาว ....

ส้มฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันอายุต้นเกิน 100 ปี นอกจากยังไม่ตายแล้วยังให้ผลผลิตดีเหมือนเดิมเมื่อครั้งต้นยังสาว ....
แล้วทำไม ต้นส้มย่าน รังสิต ธัญญะ หนองเสือ วิหารแดง ฯลฯ จึงมีอายุเพียง 4-8 ปี เท่านั้น หลังจากปลูกรุ่นแรกลงไปแล้ว เมื่ออายุต้นขึ้นที่ 4 ชาวสวนจะเริ่มปลูกส้มรุ่นน้องแซมแทรกระหว่างต้นรุ่นแรก นัยว่าเพื่อจะได้มีต้นส้มให้ผลผลิตต่อจากรุ่นพี่ แล้วก็ทำเช่นนี้เรื่อยๆ มา

เกษตรกรดีเด่นระดับชาติ เจ้าของฉายาระบบน้ำหยด แห่ง จ.ชุมพร ปลูกส้มโชกุน บอกว่า “สู้โรคไม่ไหว” โค่นทิ้งทั้งสวนแล้วลงลำไยแทน ก็ให้อดสงสัยไม่ได้ว่า ไม่รู้จักโรคส้ม แล้วรู้จักโรคลำไยหรือ.....
ส้มโชกุน.ก็คือพืชตระกูลส้ม เช่นเดียวกันกับ ส้มเขียวหวาน. ส้มโอ. มะกรูด. มะนาว. พวกนี้โรคเดียวกัน
ส้มเขียวหวานย่าน รังสิต. ธัญญะ. หนองเสือ. วิหารแดง. ฯลฯ มีต้นทุนค่า “ปุ๋ยและสารเคมี” ตกราว 100,000 บาท/ไร่/รุ่น บนเนื้อที่ย่านนี้กับย่านใกล้เคียงรวมกันกว่า 100,000 ไร่ เมื่อคิดรวม 100,000 x 100,000 = ? .....

ถามว่า....
เงินจำนวนมหาศาลนี้ไปอยู่ในมือใคร ? ... ถ้าไม่จ่าย คือ อยู่ในมือชาวสวนไหม ?
ถ้าไม่จ่าย คือ อยู่ในมือชาวสวนไหม ? ... เงินจำนวนมหาศาลนี้ไปอยู่ในมือใคร ?


เมื่อวันที่สวนส้มบางมดล่มสลายนั้น วิเคราะห์สาเหตุลึกๆ แล้วพบว่าเกิดจาก สารเคมี (ยาฆ่าหญ้า และสารเคมีกำจัดโรคและแมลง) และปุ๋ยเคมี. เป็นหลัก....

สวนล่มไปหลายปี วันหนึ่งเกิดอัศวินม้าขาว (กุนซือ แปะแบ๊) เข้ามากู้สถานการณ์ ส่งเสริมให้ปลูกส้มเขียวหวานบางมดอีกครั้ง คราวนี้ระมัดระวังในเรื่องของสารเคมีอย่างมาก แต่ก็ไปไม่รอดเพราะ “น้ำทะเล” เปลี่ยนแปลง (ส้มเขียวหวานบางมดชอบน้ำแบบ ลักจืดลักเค็ม) เปลี่ยนจากน้ำทะเลสะอาดเป็นน้ำทะเลเสีย เนื่องจากสภาพแวดล้อม แต่ก็ยังพอมีหลงเหลืออยู่บ้างไม่กี่สวนที่ยังยืนหยัดสู้น้ำทะเลเสียได้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอึดไปได้สักกี่น้ำ

เมื่อครั้งชาวสวนส้มย่าน รังสิต ธัญญะ หนองเสือ วิหารแดง ฯลฯ ประท้วงโรงฟ้าฟ้าวังน้อย อยุธยา กล่าวหาว่าโรงไฟฟ้าเป็นต้นเหตุปล่อยคลื่นกระแสไฟฟ้า ออกมาทำให้ต้นส้มตาย เรียกร้องค่าเสียหายไร่ละ 20,000 บาท โดยมีน้องสาว สส.ใหญ่ แห่ง จ.ปทุมธานี เป็นแกนนำ ออกเรี่ยไรชาวสาวนส้มที่ได้รับความเสียหายให้ลงขันไร่ละ 50 บาท ถ้าใครไม่ลงขัน เมื่อได้รับเงินช่วยเหลือก็จะไม่ได้รับเงินนั้น เบื้อหลังจริงๆ น้องสาว สส.ใหญ่ คนนี้มีสวนส้มเขียวหวานอยู่ที่ อ.วิหารแดง 3,000 ไร่

โรงไฟฟ้าวังน้อยในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ต้องร้องขอนักวิชาการจาก กรมวิชาการเกษตร. และกรมส่งเสริมการเกษตร. มาให้คำตอบถึงสาเหตุที่แท้จริง นักวิชาการจากทั้ง 2 กรม ไม่สามารถยืนยันถึงผลเสียจากโรงไฟฟ้าโดยตรงได้ เพราะไม่เคยมีงานวิจัยเรื่องนี้มาก่อน ทั้งงานวิจัยในประเทศและต่างประเทศ คำยืนยันจากปากนักวิชาการจึงออกมาแบบ อ้อมแอ้ม ๆ ไม่เต็มปากเต็มคำ แต่ค่อนข้างจะเข้าข้างชาวสวนส้ม ซึ่งก็สร้างความพอใจให้แก่ชาวสวนส้มระดับหนึ่งถึงช่องทางที่จะมีโอกาสได้รับค่าชดชยความเสียหายไร่ละ 20,000 สุดท้ายจริงๆ ก็คือ ไม่มีข้อสรุป

โรงไฟฟ้าไม่อาจจ่ายค่าชดเชยความเสียหายทันทีโดยไม่มีหลักฐานทางวิชาการยืนยันได้ จึงร้องขอนักวิชาการจาก....
* สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง.
* จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. และ
* มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
มาชี้ถึงสาเหตุที่แท้จริง คราวนี้นักวิชาการจาก 3 สถาบันหลักดังกล่าว ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันถึงสาเหตุต้นส้มยืนต้นตายเพราะ

1. ดินเป็นกรดจัด เนื่องจากชั้นดินตามธรรมชาติด้านล่างเป็นกรดจัด (กำมะถัน) การขุดร่องน้ำจึงเท่ากับเป็นการเจาะตาดินให้กำมะถันขึ้นมาได้

2. สภาพโครงสร้างดินชั้นบนเสียอย่างรุนแรง สาเหตุมาจาก น้ำในร่องแปลงปลูก. สะสมสารพิษจากยาฆ่าหญ้า. และสารเคมีกำจัดโรคและแมลง. อย่างต่อเนื่องยาวนานหลาย 10 ปี

3. ต้นขาดสารอาหารที่จำเป็น (แม็กเนเซียม. สังกะสี.) กับ ธาตุรอง/ธาตุเสริม และฮอร์โมน. อย่างรุนแรง ต่อเนื่องมานานหลาย 10 ปี ผลจากการวิเคราะห์ดินแล้วพบว่า ในดินมีฟอสฟอรัส. และโปแตสเซียม. ตกค้างสะสมอยู่ในปริมาณมากจนเป็นอันตรายแก่ต้นส้ม

4. ภายในต้นสะสมสารเคมีกลุ่ม “ค็อปเปอร์ ออกซี่ คลอไรด์” ที่ชาวสวนใช้กำจัดโรคแคงเคอร์.จำนวนมาก สารกลุ่มนี้เมื่อสะสมภายในต้นมากๆ จะยับยั้งขัดขวางระบบลำเลียงสารอาหารจากรากไปสู่ส่วนต่างๆของต้น ทำให้ต้นไม่ได้รับสารอาหารจึงตาย

5. น้ำในร่องสวนเป็นกรดจัด สาเหตุมาจากกำมะถันใต้ดินซึมขึ้นมา กับส่วนหนึ่งเกิดจากละอองสารเคมีฆ่าแมลงปลิวลงไป แล้วชาวสวนก็นำน้ำนั้นขึ้นมารดให้แก่ต้นส้ม

6. ต้นส้มส่วนใหญ่เป็นโรครากเน่าโคนเน่า (ไฟธอปเธอร่า) หรือ “รากถอดปลอก” สาเหตุมาจากดินเป็นกรดจัด

7. ต้นส้มส่วนใหญ่ปลายรากด้วนและเน่า สาเหตุเพราะเมื่อรากเจริญยาวไปถึงน้ำในร่องแล้วจะหยุดการเจริญยาว กลายเป็นรากด้วนไม่สามารถดูดซับสารอาหารได้

เมื่อแนะนำถึงสาเหตุพร้อมคำอธิบายอบย่างละเอียด มีหลักวิชาการรองบรับแล้ว ก็ได้แนะนำวิธีแก้ไข คือ
1. เปลี่ยนวิธีการให้ปุ๋ยโดย ลดธาตุหลัก แล้วเพิ่มธาตุรอง ธาตุเสริม และฮอร์โมน
2. ยกเลิกระบบน้ำหล่อในร่อง โดยนำน้ำออกให้หมด หรือลดระดับผิวน้ำให้ต่ำกว่าสันแปแลง 1-1.20 ม.
3. เลิกใช้ยาฆ่าหญ้า แล้วใช้วิธีตัดแทน
4. เลิกใช้สารเคมีกำจัดโรคและแมลงโดยเฉพาะ ค็อปเปอร์ ออกซี่ คลอไรด์. อย่างเด็ดขาด แล้วหันมาใช้วิธีป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชแบบ ไอพีเอ็ม. หรือสารสมุนไพร.แทน

จากคำแนะนำแบบมีเหตุมีผล ทั้งจากภาพลักษณ์ของนักวิชาการที่ไม่มีผลประโยชน์จากผลิตภัณฑ์เคมีเพี่อการเกษตรเข้ามาเกี่ยวข้องนี้ สร้างความไม่พอใจแก่ชาวสวนส้มเป็นอันมาก ถึงขนาดโห่ฮาขับไล่ แล้วไม่ยอมรับคำแนะนำแบบนี้อีกต่อไปอย่างเด็ดขาด

วันเวลาผ่านไปนานนับปี การชุมนุมเรียกร้องจากชาวสวนยังดำเนินไปหลายครั้ง ทุกครั้งก็จะมีการเชิญนักวิชาการจากกรมวิชาการเกษตร. และกรมส่งเสริเมการเกษตร. หน่วยเดิม แต่เปลี่ยนหน้าคนใหม่เท่านั้น ซึ่งคำแนะนำจากหน่วยงานทั้งสองก็ยังอ้อมแอ้มๆ ไม่เต็มปากเต็มคำ เข้าข้างชาวสวนเหมือเดิม

สุดท้ายของเกมส์นี้ :
1. โรงฟ้าฟ้าสนับสนุนให้ชาวสวนที่มีสวนอยู่ติดโรงไฟฟ้าให้ทำสวนส้มบางมด โดยมีนักวิชาการจาก....
* พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร.
* จุฬาลงกรณ์. และ
* ธรรมศาสตร์.
เป็นผู้ให้คำแนะนำ ด้วยระยะเวลาผ่านไปเพียง 1-2 ปี ส้มเขียวหวานบางมดสวนนี้เจริญเติบโตให้ผลผลิตดี ถึงวันนี้ที่เวลาผ่านไป 5-6 ปีแล้วก็ยังยืนต้นสมบูรณ์แข็งแรง ให้ผลผลิตดีทั้งคุณภาพและปริมาณ ทั้งๆที่อยู่ติดรั้วโรงไฟฟ้า

2. กลุ่มชาวสวนส้มที่เคยเรียกร้องความเสียหาย ได้อพยบไปหาเช่าที่ดินย่าน กำแพงเพชร. ขอนแก่น. ลพบุรี. ถึง ฝาง เชียงใหม่ รายละ 100-500-1,000 ไร่ แล้วทำสวนส้มเขียวหวานตามแบบเดิม (ยกร่องน้ำหล่อ. สารเคมี-ปุ๋ยเคมี) ทุกอย่าง สูตรเดิมวิธีเดิม ......

สวนส้มแหล่งใหม่บางรายอยู่ได้เพียง 2 ปี ส้มยืนต้นตายทั้งแปลง บางแปลงอยู่ 4 ปียังไม่ให้ผลผลิต หรือให้ผลผลิตไม่คุ้มทุน ......

ถึงวันนี้จริงๆ เหลือน้อยรายมากที่ยังคงทนทำต่อไป แต่ส่วนใหญ่กลับมา รังสิต. ธัญญะ. หนองเสือ. วิหารแดง. ฯลฯ กลับมาแล้วเห็นคนที่ไม่ได้อพยบไปต่างประสบความสำเร็จจากการปรับทัศนคติแนวคิดเรื่องทำการเกษตรใหม่บนแผ่นดินผืนเดิม เห็นแล้วอดกลืนน้ำลายตัวเองไม่ได้


160. ลำไยนอกฤดู :
จาก : (087) 930-48xx
ข้อความ : ผู้พันครับ ลำไยอยู่ลำพูน ตัวอยู่ กทม. ทำลำไยมาแล้ว 4 ปี ฟังผู้พันแล้วคิด เริ่มรู้ว่า ถ้าขืนทำตามแบบข้างบ้านต้องแย่กว่าบ้านข้างแน่ๆ เพราะลำไยข้างบ้านมีหนี้ค่าปุ๋ยค่ายาเคมี ซื้อเชื่อมาจากร้านเถ้าแก่เส็งกันทั้งนั้น ลำไยเราไม่ได้ซื้อเชื่อ ทุกอย่างซื้อสด ถึงไม่มีหนี้แต่ก็ได้กำไรน้อย เมื่อเทียบกับกำไรที่ควรจะได้ ปีหน้าจะเปลี่ยนใจมาทำแนวผู้พัน ต้องขอคำชี้แนะตั้งแต่เริ่มต้นเลย .... ลำไยมือใหม่ ขอบคุณครับ
ตอบ :
- ถือหลัก ปลูกลำไย “รู้ลำไย ให้กระจ่าง แต่อย่างเดียว แต่ให้เชี่ยว ชาญเถิด จะเกิดผล” ... ปลูกลำไย รู้นิสัยลำไย พูดภาษาลำไย ....

ปลูกลำไย ตามใจลำไยไม่ใช่ตามใจคน

- ความล้มเหลว เกิดจากความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เคยทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ทั้งๆที่ล้มเหลวก็ยังทำ ของตัวเองล้มเหลว ของข้างบ้านก็ล้มเหลว ยังไม่รู้ .... แปลก

บำรุงสร้าง “ความบูรณ์สะสม” :
ทางใบ :

- ตัดแต่งกิ่ง เรียกใบอ่อน ฟื้นฟูสภาพต้นเรียกความสมบูรณ์กลับคืนมา เพื่อเตรียมเข้าสู่การผลิตรุ่นหน้า ....

ให้ไบโออิ (Mg Zn TE) + ยูเรีย จี เกรด 2 รอบ สลับด้วย แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 10-15 วัน
ทางราก :
- ให้ยิบซั่ม เฟอร์มิกซ์ แกรนด์, ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่, ให้ 25-7-7 (1 กก.ต้นเล็ก, 2 กก.ต้นกลาง, 3 กก.ต้นใหญ่) /ต้น/เดือน, ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 (1 ล.)/20 ต้น/2-3 เดือน, คลุมโคนต้นด้วยหญ้าแห้ง ใบไม้แห้งหนาๆ ทั่วพื้นที่ทรงพุ่ม

- ให้น้ำสม่ำเสมอ
หมายเหตุ :
- ตรวจสอบ “ความสมบูรณ์สะสม” ต้นทุนในต้น ด้วยการสังเกตุใบอ่อนที่แตกใหม่ ....
ถ้า ต้นแตกใบอ่อนพร้อมกันทั้งต้น ใบใหญ่ ใบมาก ใบหนา สีเขียวเข้ม เส้นใบชัดเจน หูใบอ้วน แสดงว่าต้นทุนความสบูรณ์ต้นดี ....
ถ้า ต้นแตกใบอ่อนไม่พร้อมกันทั้งต้น ใบน้อย ใบเล็ก ใบบาง สีเขียวอ่อน เส้นใบบาง หูใบเล็ก แสดงว่าต้นทุนความสมบูรณ์ต้นมีน้อย....

- ทั้งต้นที่สมบูรณ์ดี และไม่สมบูรณ์นัก ให้บำรุงทางใบด้วย ไบโออิ (Mg Zn TE) 2 รอบ สลับด้วย แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอบละ 15-20 วัน เป็นการบำรุงให้ต้นได้สะสมสารอาหารกลุ่มสร้างดอกไว้ ซึ่งจะส่งผลให้การออกดอกดี ดอกสมบูรณ์ ผสมติดเป็นผลได้มาก แล้วเป็นพื้นฐานต่อการบำรุงตามระยะบำรุงต่อไปอีกด้วย

ประสบการณ์ตรง :
- ลำไยพ่อเลี้ยง สุรชัย กิตติกรวัฒนา ที่บ้านหนองสมณะ ป่าซาง ลำพูน ติดสปริงเกอร์เหนือยอดและโคนต้น แล้วบำรุงเฟื้นฟูสภาพต้นเรียความสบูรณ์กลับคืนมาตามสูตรที่กล่าว จากนั้นบำรุงตามระยะอย่างสม่ำเสมอ ทั้งทางใบทางราก ....

ช่วงเดือน ก.ค.- ส.ค. มีฝนตกชุก ต้องป้องกันลำไยแตกใบอ่อนด้วยสูตร “กดใบอ่อนสู้ฝน .... น้ำ 100 ล. + 0-21-74 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 50 กรัม” ทุกครั้งหลังฝนหยุดใบแห้ง แม้จะต้องให้แบบวันต่อวันก็ต้องให้ ให้จนถึงขนาดปลายใบไหม้ทั้งต้น งานนี้กดใบอ่อนสำเร็จ ลำไยทั้งต้นมีอาการ “อั้นตาดอก” ชัดเจนมาก แล้วลำไยสวนนี้ก็ออกก่อนฤดูได้ ทั้งๆที่ไม่ได้ราดสารบังคับ ....

สวนนี้ใช้เทคนิคฉีดปุ๋ยทางรากแบบ “แทงลงดิน” โดยตรง แทงลึก 20-30 ซม. ทุกระยะ 2 ม. เป็นวง 2 วงรอบทรงพุ่ม ทำให้ออกนอกฤดูเก็บเกี่ยวได้ก่อนลำไยปี 1 เดือน ผลผลิตเกรด 40/ลูก/กก. ปริมาณ 70-80%

- ลำไย (จำชื่อเจ้าของสวนไม่ได้) ที่ บ้านธิ ลำพูน ตัดแต่งกิ่งแล้ววางโคนต้น เสริมด้วยหญ้าแห้ง อินทรีย์วัตถุ ความหนาประมาณระดับเอว ประมาณ 2 เดือน ใบแห้งหญ้าแห้งย่อยสลายเหลือความหนาไม่ถึงระดับหัวเข่า สภาพต้นสมบูรณ์มาก ....

จากการบำรุงตามขั้นตอนสม่ำเสมอ ทำให้ได้ผลผลิตเกรด 40 ลูก/กก. ปริมาณ 70-80%
หมายเหตุ : ทั้ง 2 กรณีศึกษาลำไยที่ลำพูน พอสรุปได้ว่า
- ความสมบูรณ์สะสมของต้นรุ่นที่แล้ว มีผลต่อการบำรุงรุ่นนี้
- มีอินทรีย์วัตถุในดินมากๆ
- ให้ปุ๋ยทางรากมาก ตามอายุต้นที่มากขึ้น

ขั้นตอน / วิธีทำ ลำไยในฤดูให้ออกดอกทุกปี :
เตรียมต้น :

1. หลังการเก็บเกี่ยวต้องตัดแต่งกิ่งให้ทรงพุ่มโปร่ง คือ แต่งกิ่งประมาณ 60% ของทรงพุ่ม
2. ใส่ปุ๋ยคอก ประมาณต้นละ 10 กก.
3. ประมาณ พ.ย. ลำไยจะแตกใบใหม่ชุดแรก แล้วบำรุงต่อให้แตกใบอ่อนอย่างน้อย 3 ครั้ง 4. ให้มีการป้องกันศัตรูพืชเข้ามาทำใบอย่างสม่ำเสมอ

กระตุ้นตาดอก :
ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน (10-20 พย.) ฉีดพ่นด้วย “น้ำตาลกลูโคส (น้ำตาลทางด่วน) 1 กก.+ ปุ๋ยสูตร 0-52-34 (1 กก.) + ปุ๋ยสูตร 0-0-52 (1 กก.) + น้ำ 200 ลิตร” ฉีดพ่น 2-3 ครั้งห่างกันทุก 7 วัน เพื่อเร่งให้ต้นลำไยสะสมอาหารและสร้างตาดอก ที่ต้องผสมปุ๋ยสูตร 0-0-52 เพื่อป้องกันไม่ให้ลำไยแตกใบใหม่

กลางเดือนธันวาคม (ประมาณวันที่ 10-20 ธ.ค.) ฉีดพ่นด้วยสาร “โปแตส เซียม คลอเรท 4 ขีด + 0-52-34 (1 กก.) /น้ำ 200 ลิตร” ฉีดพ่น 2 ครั้ง ห่างกัน 7 วัน จะสังเกตว่าพอพ่นครั้งที่ 2 ใบลำไยจะร่วงประมา 30% และจะร่วงติดต่อกันประมาณ 1 อาทิตย์ และประมาณต้นเดือนมกราคมก็จะเห็นลำไยแทงช่อดอกออกมา ซึ่งเราก็บำรุงต้นลำไยตามปกติต่อไป

จะเห็นว่าเทคนิควิธีการที่ทำให้ลำไยออกดอกในฤดูติดต่อกันทุกปี โดยฉีดพ่นสารบังคับทางใบ เป็นเทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยเสริมธรรมชาติเพื่อกระตุ้นให้ลำไยออกดอก วิธีการนี้ไม่ทำไม่ทำให้ต้นโทรม ทำได้ติดต่อกันทุกปี เพราะระบบรากไม่ถูกทำลาย ต้นทุนในการทำต่ำแต่ให้ผลคุ้มค่า

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากนายถาวร ธรรมตา นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ชำนาญการ สำนักงานเกษตรอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน โทร. (082) 183-2094



.
kimzagass
ตอบตอบ: 15/07/2019 6:19 am    ชื่อกระทู้:

.
.

157. หน่อไม้ฝรั่ง :
ที่โพธาราม ปลูกหน่อไม้ฝรั่ง 30 ไร่ ยกร่องน้ำหล่อ ปกติใช้แรงงาน 2 คน แล่นเรือปากเป็ดรดน้ำ 2 ลำ ทำงานเช้าถึงเที่ยง พักเที่ยงขึ้นมากินข้าว บ่ายรดน้ำต่อถึง 4 โมงเย็น ทุกวัน หลังจากเจ้าของตัดสินใจติดสปริงเกอร์ ใช้เครื่องปิคอั๊พ 4 สูบ แบ่งแปลงเป็นโซน ๆละ 5 ไร่ ใช้เวลา 3 ชม. ด้วยแรงงานเจ้าของคนเดียว ส่วนคนงานให้ไปทำงานอย่างอื่น ประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน เพิ่มประสิทธิภาพประสิทธิผลของเนื้องาน ใช้งานมาแล้ว 4-5 ปี วันนี้ยังใช้การได้ดี

หน่อไม้ฝรั่ง สดใหม่ คั้นน้ำ เจือจางน้ำเปล่า 100 เท่า รดโคนต้นให้กับตัวมันอง ในน้ำคั้นหน่อไม้ฝรั่งมีไซโตไคนิน ช่วยขยายขนาดหน่อไม้ฝรั่งให้ใหญ่ขึ้นได้

เป็นโชคดีของชาวสวนหน่อไม้ฝรั่งที่มีผู้รับซื้อมาถึงสวน ทำให้มีตลาดแน่นอน ปัญหาจริงๆไม่ใช่อยู่ที่ผู้รับซื้อ แต่อยู่ที่ผู้ผลิต คือ ชาวสวนเองที่ไม่รักษาคุณภาพของหน่อไม้ฝรั่งให้ได้ตามที่ผู้รับซื้อกำหนด หรือไม่รักษากติกาที่ตกลงกันไว้ โดยเฉพาะสารเคมียาฆ่าแมลงปนเปื้อน ซึ่งสารเคมีได้สร้างความเสียหายให้แก่ผู้รับซื้อมาไม่ใช่น้อย ในขณะที่ชาวสวนเองก็เสียหายเหมือนกัน เช่น ต้นทุนค่าสารเคมียาฆ่าแมลง การถูกตัดออกจากการเป็นสมาชิก เสียเครดิตความน่าเชื่อถือทั้งในประเทศและต่างประเทศ วันนี้หน่อไม้ฝรั่งส่งออกญี่ปุ่นเป็นหลัก ที่จริงยังมีอีกหลายประเทศที่สนใจจะนำเข้าบ้าง อันนี้ชาวสวนเราน่าจะช่วยกันสร้างเครดิตความน่าเชื่อถือในผลิตภัณฑ์ ....

ปัญหาหลักๆ ของผู้รับซื้อ ไม่ใช่อยู่ที่ปุ๋ยเคมี แต่อยู่ที่สารเคมียาฆ่าแมลงต่างหาก
หลักการสร้างคุณภาพ ปลูกหน่อไม้ฝรั่งต้องพูดภาษาหน่อไม้ฝรั่งเป็น, ปลูกหน่อไม้ฝรั่งตามใจหน่อไม้ฝรั่ง ไม่ใช่ตามใจคน


158. พิสูจน์ ปุ๋ย/ฮอร์โมน/จุลินทรีย์ ทำเอง :
จาก : (080) 712-66xx
ข้อความ : ผู้พันครับ ผมได้เศษปลาทะเลมา 50 กก. ทำน้ำหมักสูตรระเบิดเถิดเทิง ใส่กากน้ำตาล 10 ล. ใส่น้ำหมักระเบิดเถิดเทิง ซื้อมาจากคาราวาน 10 ล. หมักนาน 6 เดือน ปลาเปื่อยแล้ว ผู้พันมีวิธีพิสูจน์อย่างไรว่ามี สารอาหาร จุลินทรีย์ ฮอร์โมน อะไรบ้าง มีมากหรือน้อยแค่ไหน .... ขอบคุณครับ
ตอบ :
- เศษปลาสด 50 กก. + กากน้ำตาล 10 กก. หมัก 6 เดือนปลาเปื่อย นี่คือ อัตราส่วนพอดี ผลจากการหมักที่ได้ คือ “ปุ๋ยอินทรียชนิดน้ำ” .... เท่าที่ทำๆกันอยู่นั้น ปลา 50 กก. + กากน้ำตาล 50 กก. อัตราส่วน 1:1 แบบนี้กากน้ำตาลมากเกิน ทำให้ไป STOP จุลินทรีย์ ผลก็คือกลายเป็น “ปลาแช่อิ่ม” ไม่ใช่ปุ๋ยชนิดน้ำ ....

ปลาแช่อิ่มชิ้นโตละลายน้ำไม่ได้แต่ยังใช้การได้โดย “ฝัง” ลงดิน ปล่อยให้จุลินทรีย์ประจำถิ่นย่อยสลายแล้วรอให้รากเจริญยาวมาดูดซับไปเอง

กากน้ำตาลน้อยก็ไม่พอสำหรับจุลินทรีย์ ทำให้ไม่มีพลังในการย่อยสลาย ปลาสดก็เน่าแล้วเกิดหนอนอีกต่างหาก ผลจากการหมักแล้วเหม็นมีหนอนก็คือ “เชื้อโรค” นั่นเอง

ในน้ำหมักระเบิดเถิดเทิงที่ซื้อมาจากคาราวาน ในน้ำหมักมีจุลินทรีย์กลุ่มย่อยสลายโปรตีนจากปลาทะเลโดยเฉพาะ ไม่ใช่จุลินทรีย์ พด. ไม่ใช่จุลินทรีย์ที่ซื้อมาจากท้องตลาด จุลินทรีย์พวกนี้เกิดเองจากการหมักปลาทะเลซ้ำแล้วซ้ำเล่า การเอาจุลินทรีย์เดิมมาใช้ต่อก็เท่ากับเป็นการ “ขยายเชื้อ” นั่นเอง

1. พิสูจน์สารอาหาร :
จากงานวิจัยและเอกสารทางวิชาการ ระบุว่า

- ปลาทะเล มีสารอาหารมากกว่าปลาน้ำจืด (ปลาทะเลมี แม็กเนเซียม. สังกะสี. แมงกานิส. โซเดียม. โอเมก้า. แต่ปลาน้ำจืดไม่มี)
- ปลาน้ำจืด มีสารอาหารมากกว่าหอยเชอรี่ (ปลามีกระดูก)
- หอยเชอร์รี่ มีสารอาหารมากกว่าผักผลไม้ (หอยมีโปรตีนจากเนื้อ)
- ผักผลไม้ มีสารอาหารน้อยกว่าหอยเชอร์รี่ แต่มีฮอร์โมนมาก (ฮอร์โมนในน้ำเลี้ยง)
สรุป :
- ในวัสดุมีสารอาหารอเไร ได้สารอาหารตัวนั้น
- กรรมวิธีในการหมัก ถูกต้อง = ได้มาก, ไม่ถูกต้อง = ได้น้อย

2. กรรมวิธีในการหมัก :
- เริ่มด้วยการบดทุกอย่างให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะละเอียดได้ในถังหมักก่อน ช่วงการหมักตอนแรกส่วนผสมบางตัวจมอยู่ก้นถัง บางส่วนลอยอยู่ที่ปากถัง ประมาณ 1 เดือน ทุกอย่างจะจมเนื่องจากถูกจุลินทรีย์ย่อยสลาย โดยที่ก้นถังมีจุลินทรีย์กลุ่มไม่ต้องการอากาศ (ไม่ต้องคน) ปากถังมีจุลินทรีย์กลุ่มต้องการอากาศ (คนบ่อยๆ) เป็นตัวเอ็นไซม์ให้

จุลินทรีย์กลุ่มไม่ต้องการอากาศมีพลังในการย่อนสลายสูงกว่าจุลินทรีย์ปรเภทต้องการอากาศ

- หมักนาน 3 เดือนได้ธาตุหลัก, หมักนาน 6 เดือนได้ธาตุรอง, หมักนาน 9 เดือนได้ธาตุเสริม, หมักนาน 12 เดือนได้ฮอร์โมน
- ช่วงหมักใหม่ๆ ส่วนผสมส่วนใหญ่จะลอยอยู่ที่ปากถัง จากนั้น 3-6 เดือนจึงจมลงก้นถังทั้งหมด เพราะระบบการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์สมบูรณ์แบบ

- ส่วนผสมทุกอย่างเหลวละเอียดเป็นน้ำ ไม่มีแม้แต่เกร็ดก้างกระดูกปลา
- การบดเนื้อปลาหรือส่วนผสมทุกอย่างให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะละเอียดได้ก่อน เพื่อเป็นการช่วยย่นระยะเวลาที่จุลินทรีย์ทำการย่อยสลายให้เร็วขึ้น ถ้าไม่บดละเอียดก่อน ใส่ปลาทั้งตัวหรือส่วนผสมทั้งดุ้นแล้วปล่อยให้จุลินทรีย์ย่อยสลายเอง ต้องใช้ระยะเวลานาน 3-6 เดือน นั่นส่วนผสมทุกอย่างทุกขั้นตอนการหมักต้อง O.K. นะ แต่ถ้าส่วนผสมไม่ถูกต้อง ขั้นตอนการหมักไม่ O.K. ละก็ นอกจากเนื้อปลาหรือส่วนผสมอื่นจะไม่ย่อยสลายกลายเป็นปลาแช่อิ่มแล้ว ยังอาจเกิดหนอน มีกลิ่นเน่า (เน้นย้ำ .... เน่า) เหม็นตลบอบอวนไปแปดบ้านได้ และนั่นคือ เชื้อโรค ไม่ใช่ปุ๋ยตามวัตถุประสงค์

3. สภาพภายนอกระหว่างการหมัก :
- “ สี”
สีน้ำตาลอ่อน ถึง น้ำตาลไหม้
- “กลิ่น” มีกลิ่นเฉพาะตัว เป็นกลิ่นคาวปลาสดชัดเจน ไม่เหม็นเน่าหรือชวนปวดหัว
- “กาก” ทุกอย่างจมลงก้นถัง
- “ฝ้า” แท้จริงคือซากจุลินทรีย์ที่ตายแล้ว เมื่อคนก็จะจมลงก้นถังไปเป็นอาหารให้แก่จุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตต่อไป
- “ฟอง” คืออากาศที่จุลินทรีย์หายใจ ฟองขนาดใหญ่ยังไม่เหมาะสมต่อการใช้งาน ฟองละเอียดเหมาะสม และพร้อมใช้งาน
- “หนอน” ไม่มีหนอนเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่ทำ ถึงวันใช้งาน
- “แมลงวัน” ไม่มีแมลงวันตอมตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำ ถึงวันใช้งาน
- “แมลงหวี่” มีตอมและวางไข่ แต่ไข่ฟักออกเป็นตัวไม่ได้ ถูกย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ย
- “หนู/สุนัข” กินได้
- “ค่า pH, ค่า EC” ใช้เครื่องมือวัด
- “ค่า C/N RETIO, ชนิด และปริมาณสารอาหาร” ต้องตรวจในห้องปฏิบัติการเคมี (LAB) เท่านั้น

(น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิงไร่กล้อมแกล้ม เคยตรวจที่กรมวิชาการเกษตรมาแล้ว 3 ครั้ง ผลการตรวจ "ผ่าน" ทั้ง 3 ครั้ง)

4. พิสูจน์จุลินทรีย์ :
- ดูในถังหมักมีฟองเกิดขึ้นมาที่ปากถัง ฟองมากหมายถึงจุลินทรีย์มากและแข็งแรง ฟองน้อยหมายถึงจุลินทรีย์น้อยและไม่แข็งแรง .... อากาศร้อน จุลินทรีย์เจริญพัฒนาดี อากาศหนาว จุลินทรีย์เจริญพัฒนาได้น้อย

- ทดสอบพลังจุลินทรีย์ โดยนำน้ำหมักที่ทำมานานระยะเวลาหนึ่งแล้ว ใส่ลงขวดแล้วปิดปากขวดด้วยลูกโป่ง เก็บไว้ในร่ม อุณหภูมิห้อง ทิ้งไว้ 3-5-7 วัน สังเกตุลูกโป่ง ถ้าลูกโป่งพองโตเร็วแสดงว่าจุลินทรีย์มากและแข็งแรง ถ้าลูกโป่งไม่พองหรือพองช้าแสดงว่าจุลินทรีย์ไม่มากและไม่แข็งแรง

- ลูกป่งพอโต คือ จุลินทรีย์ประเภทต้องการรอากาศ
- ลูกโป่งยุบลงไปในขวด คือ จุลินทรีย์ประเภทไม่ต้องการอากาศ
- จุลินทรีย์มีเป็น "ล้าน" ชนิด ที่มนุษย์รู้จักและตั้งชื่อแล้วนี้เป็นเพียง "เศษเสี้ยว" หนึ่งเท่านั้น
- จุลินทรีย์ประเภทไม่ต้องการอากาศ มีพลังย่อยสลายสูงกว่าจุลินทรีย์ประเภทต้องการอากาศ
- กากน้ำตาลในน้ำหมัก เมื่อส่งลงไปในดินจะไปเป็นสารอาหารสำหรับจุลินทรีย์ประจำถิ่น
- จุลินทรีย์ดีมีประโยชน์กินกากน้ำตาล หรือสารรสหวานเป็นอาหาร จะเจริญเติบโตขยายเผ่าพันธุ์เพิ่มจำนวนมากขึ้นได้ ในขณะที่จุลินทรีย์เชื้อโรคไม่กินนกากน้ำตาลหรือสารรสหวาน นอกจากไม่เจริญขยายเผ่าพันธุ์ได้แล้ว ยังอยู่ไม่ได้ คือ ตายนั่นเอง

5. พิสูจน์ความเป็นสารอาหาร :
น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิงที่ไร่กล้อมแกล้ม วันดีคืนดีหนูลงไปกินน้ำหมักในถังแล้วขึ้นไม่ได้ ตกไปตาย เลยปล่อยไว้ในถังหมักอย่างนั้น กับบางครั้งเคยใช้ไม้พายคนแล้วยื่นให้หมากิน หมาเลียไม้พายหมับๆ อเร็ดอร่อย ทั้งหนูและหมากินแสดงว่าเป็น FOOD GRADE ...

วันดีคืนดีอีกเช่นกัน หมาที่ไร่คาบไก่ตายมาจากฟาร์มไก่ ก็เลยจับไก่ยัดลงถังหมักทั้งตัว ราว 1-2-3 เดือน ทั้งหนู ทั้งไก่ ทั้งตัวละลายกลายเป็นน้ำ กลายเป็นโปรตีนบำรุงพืชไป

6. พิสูจน์ฮอร์โมน :
- รู้จากงานวิจัยที่ระบุว่าน้ำหมักชีวภาพที่หมักจากซากสัตว์ทะเลมีฮอร์โมน ฟลาโวนอยด์, ควินนอยด์, โพลิตินอล. จิ๊บเบอเรลลิน, อ๊อกซิน, ไซโตไคนิน, ท็อกซิก, ทั้งนี้สามารถวิเคราะห์จากวัสดุส่วนผสมที่ใช้ และกรรมวิธีในการหมักเป็นเบื้องต้น หากต้องการรู้จริงๆก็ต้องเข้าห้องปฏิบัติการเคมี

- มีคราบคล้ายน้ำมันพืชลอยอยู่ที่ผิวหน้า เมื่อคนแล้วจะหายไป นั่นคือ "ฮิวมัส" ซึ่งแม้ไม่ใช่ฮอร์โมนโดยตรง แต่ก็มีประโยชน์ต่อพืชเทียบเท่าฮอร์โมนเหมือนกัน

- มีเมือกสีขาวใสคล้ายวุ้น เกาะตามส่วนผสมที่ก้นถัง เมื่อคนแล้วจะละลายหายไปกับน้ำทันที นั่นก็คือ "ฮอร์โมน" พืชเช่นกัน
หมายเหตุ :
- ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้อยู่ภายไต้กรอบแบบ “ภูมิปัญญาพื้นบ้าน มาตรฐานโรงงาน มีหลักวิชาการยืนยัน”
- อียิปต์. รู้จักการทำน้ำหมักชีวภาพจากปลามาตั้งแต่สมัยสร้างปิรามิด ....
- จีน. รู้จักมาตั้งแต่โบราณ เดาว่ายุคสมัยสร้างกำแพงเมืองจีน ....
- อเมริกา. ทำมาแล้วกว่า 50 ปี วันนี้อเมริกาพัฒนาจากโปรตีนธรรมดาเป็นอะมิโนโปรตีน พัฒนาจากการทำเป็นน้ำราดรดลงดินเป็นชนิดแห้ง เวลาใช้ก็หว่านลงดินแล้วไถกลบไปพร้อมกับอินทรีย์วัตถุอื่นๆ...

ชาวไร่อเมริกาเตรียมดินด้วยรถไถโรตารี่ หน้ารถมีแทงค์ขนาดใหญ่ บรรจุสารพัดอินทรีย์วัตถุแบบผงแห้ง โรยลงพื้นที่ด้านหน้ารถแล้วปล่อยให้ผานโรตารี่ที่ท้ายรถทำการไถกลบพร้อมกับเศษซากพืช นอกจากไถพรวนดินแล้วยังช่วยคลุกเคล้าสารพัดสารอินทรีย์ผงแห้งให้เข้ากับดินไปในตัว .... อเมริกาไม่เผาฟางแต่ใส่อะไรต่อมิอะไรลงไปแล้วไถกลบ เจตนาทำฟางธรรมดาๆให้เป็นฟางซุปเปอร์

กรณีชาวไร่ ชาวนาไทย วางถัง 40 หรือ 100 ล. ที่หน้ารถไถ (วิ่งขับหรือเดินตาม) ในถังใส่ “น้ำหมักชีวภาพ + ปุ๋ยเคมี + น้ำมูลสัตว์ + ฯลฯ” คนให้เข้ากันดี ขอบก้นถังมีก๊อก 1-2 ก๊อก ซ้ายขวา ขณะวิ่งรถไถก็เปิดก๊อกให้น้ำหมักในถังไหลออกมาลงไปที่พื้นด้านหน้ารถไถ จะให้ไหลแรงหรือค่อย ไหลช้าหรือเร็ว ตั้งได้ที่ก๊อก เมื่อน้ำหมักไหลลงพื้นที่ด้านหน้ารถไถแล้วถูกผานที่ทายรถตีให้กระจุยกระจายไปทั่วแปลงทุกตารางนิ้วได้เอง....

- สารอาหารในน้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง แม้จะหมักนานข้ามปีแล้วก็ยังไม่สามารถผ่านปากใบพืชได้ เพราะเป็นโมเลกุลขนาดใหญ่ หากต้องการให้โปรตีนนี้ผ่านปากใบได้ต้องเข้าสู่ขั้นตอน "เปลี่ยนโปรตีน เป็นอะมิโน โปรตีน หรือทำให้เป็นโมเลกุลเดี่ยว " เสียก่อน ....

แม้แต่การให้ทางดิน โปรตีนที่ได้จากปลายังเป็นโปรตีนธรรมดาๆ พืชดูดซึมไปใช้ทันทีไม่ได้ ต้องให้จุลินทรีย์ ENZIME ให้เสียก่อน ซึ่งเท่ากับเสียเวลา แนวทางแก้ปัญหาคือ เปลี่ยนโปรตีนธรรมดาๆ ให้เป็นอะมิโน โปรตีน แล้วจึงให้แก่พืช ซึ่งพืชรับได้ทันทีทั้งทางใบและทางราก

- นอกจาก กุ้ง/หอย/ปู/ปลา ทะเลแล้ว ยังมี เลือด/ไขกระดูก/นม/น้ำมะพร้าว/ขี้ค้างคาว เป็นส่วนผสมสำคัญที่หมักแยกอีกต่างหาก ฉะนี้แล้วปริมาณสารอาหารก็ยังไม่มากพอสำหรับพืชที่จะเจริญพัฒนาไปสู่ระดับเกรด เอ.ได้ จึงจำเป็นต้องเพิ่มปุ๋ยเคมีร่วมเข้าไปด้วย นี่คือที่มาของคำว่า "อินทรีย์นำ เคมีเสริม ตามความเหมาะสม" นั่นเอง....
ปล.
ปุ๋ยเคมี คือ สารอาหาร.... สารเคมี คือ สารพิษ

น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 1 ล.(สมุติ) มี “น้ำ + สารอาหาร” อะไร มาก/น้อย ได้จากกรรมวิธีในการทำ หากทำให้ปริมาณน้ำลดลงแต่ปริมาณสารอาหารยังคงอยู่ นั่นคือ มีสารอาหาร “มากขึ้น” นั่นเอง

อย่ากังวลกับชื่อ "ระเบิดเถิดเทิง" เพราะนั่นเป็นเพียง BRAND ธรรมดาๆ ที่ใช้ในการสื่อสารกันเท่านั้น ใครทำ ใครจะตั้งชื่ออย่างไรก็ได้ ถ้าเนื้อในเหมือนกันใช้ชื่อเดียวกันยังได้ หรือจะชื่ออะไรไม่สำคัญ ของให้คุยกันแล้วรู้เรื่อง ก็แล้วกัน

ต้นไม้ต้นพืช ไม่รู้จักชื่อ-ไม่รู้จักยี่ห้อ-ไม่ฟังโฆษณา ไม่รู้จักกระทั่งเจ้าของที่เป็นคนทำ คนต่างหาก คิดเอง-ถามเอง-ตอบเอง ทั้งน้านนนนน




.
kimzagass
ตอบตอบ: 14/07/2019 6:17 am    ชื่อกระทู้:

.
.
155. ส้มโอขาวใหญ่ :
- ส้มโอถูกกันดีมากๆกับ “ขี้แดดนาเกลือ” ในนั้นมีสารอาหารพืชที่มาจากน้ำทะเล โดยเฉพาะ แม็กเนเซียม. สังกะสี. แมงกานิส. โซเดียม.

- น้ำหมักชีวภาพที่ทำมาจาก กุ้ง/หอย/ปู/ปลา ทะเล ก็อีหร็อบเดียวกัน
- ส้มโอต้นโตเป็นสาวเต็มที่เมื่ออายุ 8 ปีขึ้นไป คุณภาพผลผลิตจะนิ่ง คือ คงที่
- ส้มโอเป็นไม้ผลไม่ชอบตัดแต่งกิ่ง ถ้าตัดแต่งกิ่ง แล้วเรียกยอดใหม่ ต้องเลี้ยงกิ่งใหม่นั้น 2-3 ปี จึงจะออกดอกติดผล หากต้นชิดกันมาก แนะนำให้ตัดต้นทิ้งไปเลย ปล่อยให้ต้นที่เหลือโตอิสระ ส้มโอต้นโตเต็มที่ให้ผลได้นับ 100 ผล/ต้น

- ผลส้มโอเก็บมาแล้ว “ลืมต้น” นานๆ นานนับเดือนได้ยิ่งดี รสชาดจะดีมาก .... การเลือกซื้อผลส้มโอ ให้เลือกผลที่ผิวเหี่ยวๆ หรือตะปุ่มตะปั่มเหมือนท้าวแสนปม รสชาดจะดีมาก เรียกว่า ข้างนอกขรุขระ ข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง ประมาณนั้น .... แต่ถ้าเลือกผลยังสดๆ ตัดลงมาใหม่ๆ มีใบติดอยู่ รสชาดจะไม่ชัดเจนนัก

- ส้มโอขาวใหญ่ของ ผญ.ชั้น/คุณเพ็ญฉวี เพ็งอุดม เหมืองใหม่ อัมพวา สมุทรสงคราม เป็นสวนยกร่องน้ำหล่อ ต่อมาเลิกน้ำหล่อทำการถมร่องด้วยเศษซากพืชทุกชนิด ต้นส้มให้ผลผลิตดีขึ้นชัดเจน

- ส้มโอขาวใหญ่ของ อ.สมทรง แสงตะวัน แห่งสมุทรสงคราม ใช้กากเต้าหู้ หมักข้ามปีจนหมดกลิ่น สาดไปตามพื้นแปลง ปีละ 1-2 ครั้ง ใส่ขี้แดดนาเกลือปีละครั้ง ต้นส้มให้ผลผลิตดี ทั้งคุณภาพและปริมาณ

- ส้มโอขาวใหญ่ ของดีเมืองสมุทรสงคราม ลักษณะพิเศษตัวกุ้งใหญ่ แห้งไม่ฉ่ำน้ำ หวานกรอบ ผิดกับ ขาวน้ำผึ้ง-ทองดี ที่ตัวกุ้งเล็ก ฉ่ำน้ำ

ประสบการณ์ตรง 1 :
ลุงคิมเคยเอาส้มโอ 5-6 สายพันธุ์ เขียนชื่อไว้ที่ก้นผล แล้วแกะเนื้อให้ทุกคนที่ไม่เคยรู้จักสายพันธุ์ส้มโอเลยได้ลองชิม หลังจากชิมแล้ว ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ลูกนี้รสชาติอร่อยที่สุด" ส้มโอลูกนั้นก็คือ "ขาวใหญ่" นั่นเอง

ที่หน้าวิหารวัดพุทธชินราช พิษณุโลก (ไม่ไกลจากวัดสบสวาท) .....ปิ๊คอั้พเปิดท้ายขายส้มโอสารพัดสายพันธุ์ ลุงคิมถามคนขายว่า เคยเอา "ขาวใหญ่" มาขายไหม ? ได้รับคำตอบว่า "เคย" วันนี้ก็มีแต่ขายหมดแล้ว ทุกครั้งที่มา ขาวใหญ่จะหมดก่อนทุกๆสายพันธุ์

ประสบการณ์ตรง 2 :
ที่งานเกษตรประจำ จ.สมุทรสงคราม แม่กลอง ไฮซ้อจาก กทม. จะซื้อส้มโอบนแผง
ไฮซ้อ : แม่ค้า มีส้มโอขาวน้ำผึ้งไหม ?
คนขาย : มีค่ะ

ไฮซ้อซื้อส้มโอไป 4-5 ลูก แล้วกลับทันที วันรุ่งขึ้นย้อนไปที่แผงขายส้มโอเจ้าเดิมอีกครั้ง

ไฮซ้อ : แม่ค้า ขาวน้ำผึ้งที่ซื้อไปอร่อยจริงๆนะ วันนี้ขอซื้ออีก เอาขาวน้ำผึ้งนะ

คนขายจัดการให้ ไฮซ้อได้ส้มโอแล้วกลับทันที....วันรุ่งขึ้น ไฮซ้อคนเดิมมาทีแผงขายส้มโอเจ้าเดิมอีกครั้ง

ไฮซ้อ : ขาวน้ำผึ้งเมื่อวานนี้ทำไมไม่อร่อยเหมือนข้าวน้ำผึ้งวันก่อนล่ะ ?
คนขาย : มันเป็นยังไงคะ ?

ไฮซ้อ : ข้าวน้ำผึ้งวันก่อนรสจัด หวานอมเปรี้ยวนิดๆ พอรู้สึก เนื้อตัวกุ้งใหญ่ดี แห้งดี กรอบดี
คนขาย : (คิด ทบทวนความทรงจำ) อ๋ออออ จำได้แล้ว วันแรกที่คุณมาสั่งส้มโอขาวน้ำผึ้ง พอดีวันนั้นร้านเราไม่มีข้าวน้ำผึ้งแต่มีขาวใหญ่เลยเอาขาวใหญ่ให้ไป อีกวันคุณมาสั่งขาวน้ำผึ้ง พอดีเรามีขาวน้ำผึ้งเลยเอาข้าวน้ำผึ้งให้ไป ขาวน้ำผึ้งตัวกุ้งฉ่ำน้ำ แต่ขาวใหญ่ตัวกุ้งแห้ง ตกลงวันนี้คุณจะเอาขาวน้ำผึ้งหรือขาวใหญ่ล่ะ ?
ไฮซ้อ : (อ้อมแอ้มๆ ตอบ) เอาขาวใหญ่

ประสบการณ์ตรง 3 :
ส้มโอสวน ผญ.ชั้น-คุณเพ็ญฉวี เพ็งอุดม ปลูกส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่ เก็บส้มโอจากแปลงมากองไว้ที่ไต้ถุนบ้าน รอ จนท.ห้างมารับ.... จนท.ห้างมาถึง จัดการ “คัด” ขนาดส้มโอ บอกว่าจะรับเฉพาะขนาดที่ต้องการ ขนาดเดียว เพื่อจะได้ขายราคาเดียวกันทั้งหมด ขนาดที่ต่างออกไปไม่เอา

คุณเพ็ญฉวีฯ นั่งอยู่ใกล้ๆ บอกว่า “ทำไมไม่เขียนราคาตามขนาดแต่ลูกล่ะ เขียนแปะไว้ที่ลูกทุกลูกนั่นแหละ”
จนท.ห้างบอกว่า “ยุ่งยาก”

คุณเพ็ญฉวีฯ ใช้เท้ากวาดกองสมโอกระจายไปทั่วบ้านแล้วว่า “ถ้างั้นก็อย่าเอามันเลย คุณเลือกลูกดีๆไปหมด แล้วที่เหลือจะขายให้ใคร.... เลิก ปีนี้ไม่ขาย ปีหน้าปีโน้นก็ไม่ขาย....”
จนท.ห้างยิ้มจืดๆ แล้วบอก “ก็ได้ครับ ตกลงผมรับทั้งหมด....ปีหน้า ไปต่อไปเอาด้วยครับ”


156. THAILAND ประเทศเกษตร (6) :
ลอกบึงบอระเพ็ด : บึงบอระเพ็ดถือว่าเป็นบึงน้ำจืดใหญที่สุดในประเทศไทย กินพื้นที่ถึง 3 อำเภอ ระดับความลึกของน้ำ หน้าฝน 3-5 ม. หน้าแล้ง 0.5-1.5 ม. หากขุดลอกดินก้นบึงเพื่อเพิ่มความลึกจะช่วยให้การรับน้ำหน้าฝนได้ปริมาณที่มากขึ้น ยิ่งขุดลึกเท่าไรยิ่งมีพื้นที่รับน้ำได้มากเท่านั้น วิธีการคือ ....
1.ให้ดินฟรีแก่บริษัทสร้างบ้านจัดสรร...
2. นำดินก้นบึงไป ถม/แต่ง ริมตลิ่ง ป้องกันน้ำท่วม...
3. จัดสรรที่ดินริมบึงให้เกษตกรทำการเกษตร....
4. พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำในบึง สวนเกษตรริมบึง....
5. สูบน้ำบาดาลใต้ดินก้นบึงขึ้นมาเติมน้ำในบึงช่วงหน้าแล้ง ถ้าระดับน้ำลด ....
6. ฯลฯ
ทฤษฎีนี้หลักการนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ นำไปปรับใช้กับแหลงน้ำอื่นๆได้ทุกแห่ง ทั้งในประเทศ ต่างประเทศ

แม่น้ำใหญ่สู่แก้มลิง : สูบน้ำด้วยพลังไฟฟ้า (โซล่าเซลล์) จากแม่ วางท่อส่งน้ำริมถนน มาสู่แก้มลิงขนาดกว้าง 1-2-3 ตร.กม. ลึก 2-3-5 ม. ตามความจำเป็นและเหมาะสม....
จากแก้มลิง 1 สูบน้ำด้วยพลังไฟฟ้า (โซล่าเซลล์) ส่งน้ำต่อไปแก้มลิง 2 ....
จากแก้มลิง 2 สูบน้ำด้วยพลังไฟฟ้า (โซล่าเซลล์) ต่อไปแก้มลิง 3 ...
จากแก้มลิง 3 สูบน้ำด้วยพลังไฟฟ้า (โซล่าเซลล์) ต่อไปแก้มลิง 4, แก้มลิง 5 ...

วางท่อส่งน้ำระหว่างแก้มลิงต่อแก้มลิง ขนาด 30-50 ซม. ฝังดินหรือเลียบข้างถนนเพื่อไม่ต้องเวนคืนที่ดิน....
ระหว่างทางท่อส่งน้ำไปยังแก้มลิงต่างๆ ให้มีจุด เปิด-ปิด น้ำเข้าสู่แปลงเกษตรได้เมื่อต้องการ....
แก้มลิงมีน้ำตลอดปีสามารถพัฒนาเป็นแหล่งเลี้ยงสัตว์น้ำได้อีกด้วย....

บางระกำโมเดล เลี้ยงปลากระชัง : ขุดลอกดินบริเวณที่ลุ่ม หรือพื้นที่รับน้ำช่วงหน้าฝน ครอบคลุมพื้นที่น้ำท่วมประจำ อาจจะ 100 หรือ 200 หรือ 500 ไร่ หรือมากกว่า ลึก 10-15 ม. เป็นบึงน้ำประดิษฐ์ขนาดใหญ่ นำดินที่ขุดลอกไปถมริมบึงป้องกันน้ำท่วม และ/หรือ จัดระเบียบพื้นที่ริมบึง

แบ่งสันพื้นที่บึงมีน้ำตลอดปีให้แก่ประชาชนที่เคยเป็นเจ้าของที่ดินก่อนสร้างบึงเลี้ยงปลาในกระชัง (ตัวอย่าง ปลากระชังในแม่น้ำ จ.อุทัยธานี, ในทะเลสาบสงขลา)

โรงไฟฟ้าในป่าสงวน : อนุญาต+ส่งเสริม .... 1. สร้างโรงไฟฟ้ารีไซเคิลขยะ หรือโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในเขตป่าสงวน ลึกเข้าไปในป่าห่างไกลจากแหล่งประชาชน 5-10 กม. พนง.ประจำโรงไฟฟ้ามีเบี้ยเลี้ยงพิศษ สร้างแหล่งท่องเที่ยว/โฮมสเตย์ ริมถนนทางเข้าโรงไฟฟ้า ปชส. และ ฯลฯ

โรงไฟฟ้าในทะเล หรืออ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ : ก่อสร้างเหมือนแท่นขุดเจาะน้ำมัน
โรงไฟฟ้าพลังงานธรรมชาติ : ป้องกันมลภาวะทางอากาศ ....
1. โรงไฟฟ้า จาก ความร้อนไต้ดิน (ไต้บ่อน้ำร้อน) ....
2. พลังงานเชื้อเพลิงเกษตร เช่น ไบโอแก๊ซ (อ้อย), ไบโอแมสส์ (ปาล์มน้ำมัน), สบู่ดำ ฯลฯ ....
3. เครื่องยนต์ไฟฟ้า เช่น เครื่องยนต์ขนาดเล็ก รถยนต์ขนาดเล็ก ....

เกษตรใกล้โรงไฟฟ้าในป่าสงวน : อนุญาต+ส่งเสริม ให้ประชาชนเข้าไปอยู่ในป่าสงวนโดยมีข้อแม้....
1. ดูแล/บำรุง/รักษา ไม้ใหญ่ยืนต้นที่ทางราชการกำหนด ....
2. ให้ปลูก พืชอายุสั้น/ฤดกาลเดียว แซม/แทรก ระหว่างต้นไม้ใหญ่ ...
3. ให้ทำฟาร์มขนาดเล็กเลี้ยงสัตว์ ....
4. ให้ทำสวนเกษตรท่องเที่ยว ....
5. ฯลฯ

กังหันลมปั่นไฟฟ้า : หลักการและเหตุผล ....
1. ลมทะเลแรงกว่าลมบก ....
2. กังหันนาเกลือกำลังหมุนแรงมาก จะหยุดต้องใช้แรง 2 คนจึงจับหยุดได้ ....
3. ในทะเลลมดีตลอดปี ตลอด 24 1ชม. ....
4. ส่งเสริมให้ประชาชนที่บ้านติดกันอยู่ริมทะเลรวมกลุ่มทำกังหันลม ปั่นกระแสร์ไฟฟ้าใช้เองโดยมีอุปกรณ์ดังนี้
1. กังหันลมแบบนาเกลือ เล็กกว่า/เท่ากัน/ใหญ่กว่า ตามความจำเป็น
2. ไดชาร์จหรือไดนาโม ใช้ในรถ 10 ล้อ
3. เรคกูเรเตอร์ ตัวตัดไฟเมื่อไฟเต็มแบต ใช้ในรถ 10 ล้อ
4. แบตเตอรี่ ใช้ในรถ 10 ล้อ 4-6-8 หม้อ ต่อแบบอนุกรม
5. หม้อแปลงกระแสไฟจากแบบเตอรี่ 24 โวลท์ เป็น 220 โวลท์
6. เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก/ปรับ/เปลี่ยน ได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
หมายเหตุ :
บนรถทัวร์มีอุปกรณ์ไฟฟ้า (ทีวี. พัดลม ไมโครโฟน ฯลฯ) เหมือนอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน

เลี้ยงปลา สงวนพันธุ์ปลาทะเล : หลักการและเหตุผล เพราะเทคโนโลยีในการจับสัตว์น้ำ (ปลา) ประสิทธิภาพสูงมาก สามารถจับปลาได้ครั้งละมากๆ ทั้งปลาเล็ก ปลาใหญ่ และสารพัดปลา เป็นเหตุให้ปลาขยายพันธุ์และโตไม่ทัน ทางออกของปัญหาปลาโตและขยายพันธุ์ไม่ทัน คือ ปล่อยให้ปลา “เกิดและอยู่” ตามธรรมชาติ ... แนวทางปฏิบัติ คือ
- งดเด็ดขาดจับปลาในทะเลปกติ
- ให้สร้างและเลี้ยงปลาพร้อมจับในกระชัง
- เพาะพันธุ์ปลาเพื่อจำหน่ายลูกปลาให้ผู้เลี้ยงปลาในกระชัง
หมายเหตุ :
- เลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำสะแกกรัง จ.อุทัยธานี, ทะเลสาบสงขลา ฉะนี้จะเลี้ยงปลากระชังในทะเลอ่าวไทย หรือทะเลอันดามัน ไม่ได้หรือ ?

- เลี้ยงปลายักษ์ ราคาแพงในกระชัง ในมหาสมุทรแปซิฟิค แล้วลากกระชังเอาปลา สด/เป็น ไปขายที่ตลาดญี่ปุ่น

ผู้นำจิตรอาสา ลอกผักปอด : หลักการและเหตุผล สังคมยุคปัจจุบันเป็นที่ทราบนั่นชัดแล้วว่า กำนัน-นายก อบต. รวยกว่านายอำเภอ-ปลัดอำเภอ ทั้งกำนัน และนายก อบต. ต่างอาสา (เน้นย้ำ....อาสา) ประชาชนเข้ามาบริหารท้องถิ่นด้วยความเต็มใจทั้งสิ้น .... แนวทางปฏิบัติ คือ
- กำนัน และนายก อบต. ตั้งกองกฐินลอกผักปอด บริจาคคนละ 1 แสนเป็นกองทุนเริ่มต้น
- ประชาชนในพื้นที่ร่วมสมทบตามความสามารถ
- จ้างเครื่องจักรกลที่มีในพื้นที่
- จ้างแรงงานในพื้นที่



.
kimzagass
ตอบตอบ: 11/07/2019 5:57 am    ชื่อกระทู้:

.
.
153. ซื้อที่ดิน RKK :
นับจากเริ่มจับงานส่งเสริมการเกษตร 10 ปี โดย
* พูดทางวิทยุ....
* เขียนหนังสือเกษตรใหม่....
* แจกเอกสารปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรกล้อมแกล้ม....
เสริมด้วยสัญจรเอาทุกเรื่องที่ส่งเสริมไปพูดให้ฟังแบบ MOUTH TO MOUTH FACE TO FACE สอนให้ “คิด วิเคราะห์ เปรียบเทียบ ฟันธง ทำใช้ ทำขาย ทำเททิ้ง” อะไรคือปัญหา แก้ไขได้ไหม ? แก้ไขอย่างไร ? ทำเกษตรปลูกพืชวันนี้ ผลผลิตเพิ่ม ต้นทุนลด ขายได้เท่าเดิม คือ กำไรเพิ่ม ชัดเจนแน่นอน ได้สมญา “ทำเกษตรหลังไมค์ ทำเกษตรบนแผ่นกระดาษ” งานนี้เดินหน้าแล้วไม่ถอยหลัง ขี่หลังช้างแล้วจะไม่ลงจากหลังช้าง ตัดสินใจแน่วแน่ต้องซื้อที่ดิน ซื้อที่ดิน ทำแปลงเกษตร ทำแปลงเกษตร ปรึกษากับ สมช.คาราวานสีสันชีวิตไทยราว 10 คน ชวนเดินทางไปดูแปลงเกษตรที่เป็นแปลงจริงแล้วขอซื้อ

แปลงแรก .... ใกล้น้ำตกไทรโยค กาญจนบุรี เนื้อที่ 20 ไร่ เข้าของชี้เขตที่ดิน ด้านนี้ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ ด้านนั้นต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น ด้านโน้นต้นไม้ใหญ่ต้นโน้น จนครบทั้ง 4 ด้าน ที่ดินแปลงนี้ไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น ตกลงราคา 2 แสน งานนี้ถ้าซื้อขายเปลี่ยนมือจะต้องมี จนท.ราชการ (ผญบ. กำนัน. อบต. อำเภอ, ฯลฯ) ลงชื่อสลักหลังเอกสารซื้อขายเป็นพะยาน นั้นหมายความว่า ต้องจ่ายมากกว่าราคาที่บอก แถมไม่อีกรู้ว่าอนาคตจะลงเอยอย่างไรหรือไม่ .... ตัดสินใจ “ไม่เอา” ....

แปลงที่ 2 .... ที่ดินบนเกาะในอ่างเก็บน้ำ เหนือเขื่อนเขาแหลม กาญจนบุรี ห่างจากตลิ่งราว 500 ม. เนื้อที่เกาะทั้งหมด สนนราคาขาย 1 แสน บนเกาะกลางน้ำตอนนั้นปลูกกล้วย มะละกอ .... งานนี้ต้องเจรจา
ลุงคิม : คุณอยู่แล้วก็ปลูกไม้บนเกาะนั่นมานานรึยัง ?
คนขาย : นานแล้ว ตั้งแต่ทำเขื่อนเสร็จ มีน้ำเต็มอ่างเหนือเขื่อนนั่นแหละ

ลุงคิม : อืมมมม พูดตรงๆนะ เกาะในอ่างเหนือเขื่อนแบบนี้ เจ้าของคือการไฟฟ้าผ่ายผลิต แล้วใครไปปลูกพืชทำอาชีพบนเกะ ไม่ผิดกฎหมายหรอกรื ?
คนขาย : ถ้าเป็นไม้อายุสั้นไม่เป็นไร

ลุงคิม : อ้อออ ถ้างั้นเราก็ปลูกได้แต่ไม้อายุสั้น ไม้อายุยาวอย่างมะม่วง ลำไย ก็ไม่ได้ซินะ
คนขาย : แอบปลูกซี่

ลุงคิม : งั้นเหรอ แล้วตอนที่จะลงไปสวนบนเกาะ ต้องจอดรถบนฝั่งแล้วนั่งเรือไปงั้นเหรอ ?
คนขาย : จอดรถฝากไว้ที่นี่ก็ได้

ลุงคิม : งั้นไม่เอาหรอกนะ ไม่อยากเป็นชาวเกาะ (ว่ะ)....

แปลงที่ 3 .... ที่ดินบนภูเขาหัวโล้น +ล้าน +เลี่ยน +เตียน +โล่ง มองเห็นพื้นดินลูกรัง ไม่มีแม้แต่หญ้าขึ้นซักต้น อ.สวนผึ้ง ราชบุรี ภูเขา 2 ลูกติดกัน ที่ดินแปลงนี้วัดอยู่ใกล้เคียงเป็นผู้ดูแล

พระ : โยมจะซื้อที่ทั้ง 2 แปลงเลยเหรอ ?
ลุงคิม : อืมมม อยากได้ทั้ง 2 แปลงเลยครับ แปลงนึงเอาไว้เอง อีกแปลงนึงให้คนเช่า คิดค่าเช่าราคาถูกๆ เงินค่าเช่าถวายวัดทั้งหมด

พระ : โมทนาสาธุนะโยม
ลุงคิม : ที่ตรงนี้เมีเอกสารสิทธิ์อะไรไหมครับ ?

พระ : ไม่มีหรอกโยม เป็นที่ดินถือครองมานาน

ลุงคิม : (คิดในใจ ถ้ามาอยู่ที่นี่มีหวังเป็นชาวเขาแน่ ตอนนี้ในใจลึกๆ คือ ไม่ซื้อ) ครับ ขอเอาไปพิจาณาอีกครั้งก่อนนะครับ

แปลงที่ 4 .... ที่ดินบนภูเขา เขตเขาใหญ่ โคราช ติดกับแปลงที่องค์มนตรีส่งคืนกรมป่าไม้ ที่ดินตรงนี้คือป่าสงวน
ลุงคิม : ที่ตรงนี้มีเอกสารสิทธิ์อะไรไหม ?
คนขาย : ไม่มี ที่ดินที่นี่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทุกคนถือว่าอยู่มานานเท่านั้น

ลุงคิม : ถ้ายังงั้น ที่ดินตรงนี้คือเขตป่าสงวน
คนขาย : ป่าสงวน แต่กรมป่าไม้ก็ไม่ได้ว่าอะไร

ลุงคิม : อืมมม ไม่ว่าคือไม่ว่า ถ้ากรมป่าไม้ว่า เราจะตอบกรมป่าไม้ยังไง เอาเป็นว่าไม่ซื้อก็แล้วกันนะ

แปลงที่ 5 .... ที่ดินแปลงนั้นอยู่ใจกลางป่า รอยต่อระหว่าง จ.เพชรบูรณ์ กับ จ.ลพบุรี เนื้อที่ 100 ไร่ วันนี้ปลูกไม้ผลยืนต้น พืชไร่
คนขาย : ที่ดินตรงนี้ระบบน้ำดีมาก มีน้ำตลอดปี
ลุงคิม : น้ำมาจากไหน ?

คนขาย : มีน้ำตกกลางที่เลย
ลุงคิม : น้ำตก.... ถ้างั้นที่ดินตรงนี้เป็นเขตป่าต้นน้ำ ซื้อขายไม่ได้นะ

คนขาย : เขาก็ซื้อขายกันนี่ ไม่เห็นเป็นไร
ลุงคิม : วันนี้ไม่เป็น อนาคตล่ะ ใครจะรู้ ไม่อยากเสี่ยง....เอาเป็นว่า ไม่ซื้อนะ

แปลงที่ 6 .... ที่ดิน RKK วันนี้ เนื้อที่ 17 ไร่ครึ่ง เจ้าของเดิมจำนองไว้กับ ธ.ก.ส. จำนองขาดไม่เคยติดต่อ ไม่เคยต่อดอก จำนองแล้วย้ายบ้านไปอยู่หนองคาย การซื้อต้องซื้อแบบ ไถ่-ถอน จ่ายสดกับ ธ.ก.ส. ก่อน

จะซื้อขายจริง ธ.ก.ส.ยังติดต่อสอบถามขอคำยืนยันจากเจ้าของเดิมก่อนว่า “ไม่ไถ่ถอนแน่นะ ไม่ไถ่ถอนแน่นะ...” นั่นแหละการ ซื้อ-ขาย จึงเริ่มขึ้น ที่ดิน 17 ไร่ครึ่ง เอกสารสิทธิ์โฉนด ตราครุฑ รวมราคาเบ็ดเสร็จ 1 ล้าน 3 แสน 5 หมื่น เท่านั้น

หะแรกต้องการที่ราว 50 ไร่ ด้วยสภาวะจำเป็นต้องซื้อ 17 ไร่ ถึงวันนี้ ทำจริงแล้วจึงรู้ รู้งี้เอาแค่ 5 ไร่ก็พอ



154. ผู้ว่าฯ-หมอใหญ่ VS เกษตรกร :
CASE 1 :
หลายปีแล้ว หมอใหญ่ ร.พ.บ้านโป่ง สงสัยๆ คนไข้ที่เป็นเกษตรกรมาตรวจโรคแล้วหาสมุหฐานของโรคไม่ได้ เชคไปเชคมาจึงรู้ว่า ระบบต่างๆในร่างกายมัน “เสีย/เสื่อม” หมดแล้ว สาเหตุเพราะสารเคมียาฆ่าแมลงนี่เอง โรคที่เกิดจากร่างกายสะสมสารเคมียาฆ่าแมลง ไม่มีตัวยาไหนรักษาโดยเฉพาะได้ ต้องใช้วิธีบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานสำหรับขับสารพิษพวกนี้ออกจากร่างกายเองเท่านั้น นั่นคือ ต้องเลิกใช้สารเคมียาฆ่าแมลงเด็ดขาด

หมอใหญ่ไปหา จนท. เกษตรประจำพื้นที่แล้วปรึกษาพูดคุยกัน ถึงวิธีการที่จะห้ามเกษตรกรใช้สารเคมียาฆ่าแลง คำตอบจาก จนท.เกษตร คือ “ห้ามไม่ได้” พยายามแล้วพยามอีก สารพัดสารเพวิธีการ เกษตรกรก็ไม่ยอมเลิกใช้ บางคนยังบอก “ตายเป็นตาย” ซะอีกแน่ะ หมอใหญ่จนปัญญา ปล่อยให้ไปอยู่จังหวัดเลย เลยตามเลย

ยังมีนิทานสอนให้คิดเรื่องสารเคมียาฆ่าแมลงอีกมาก กับเวลา 20 (+) ปี ที่สัมผัสมา แล้วจะเอามาเล่าให้ฟังอีก

ฝากถึงชาวสวนแปลงผัก เมื่อคุณฉีดสารเคมียาฆ่าแมลงน่ะ คุณรู้ตัวไหมว่า คนฉีดรับตัวยาเนื้อๆเลย ฉีด 1 ครั้งรับ 1 ครั้ง ฉีด 3 ครั้งรับ 3 ครั้ง ฉีด 5 ครั้งรับ 5 ครั้ง รับประจำทุกครั้ง แต่คนกิน มื้อนี้กินผักจากแปลงคุณได้รับสารเคมีด้วย แต่มื้อใหม่ มื้อต่อๆมา อีกหลายๆมื้อ เขาไม่ได้กินผักจากสวนคุณ แล้วก็ไม่ได้กินผักอย่างเดิมซ้ำอีกด้วย ช่วงที่คนกินไม่ได้กินซ้ำนั้น ร่างกายเขามีโอกาสขับถ่ายสารพิษออกได้ ใช่ไหม ? แต่คนฉีดคนใช้ต่างหาก “รับเนื้อๆ” ใช่ไหม ? ไม่กลัวตายเลยเหรอ ?

CASE 2 :
ผู้ว่า กทม. ไปตรวจผักในตลาดในเขต กทม. พบว่า มีสารเคมีปนเปื้อนอัตราสูงมาก สอบถามแม่ค้าว่าผักนี้มาจากไหน แล้วทราบว่ามาจาก จ.ตาก ม้งไทยภูเขาเอามาส่ง ตัดสินใจเดินทางไปดูแปลงปลูกที่ จ.ตาก กระทั่งพบกับม้งไทยภูเขาเจ้าของแปลง
ผู้ว่าฯ : ปลูกผักมานานรึยัง กี่ปีแล้ว ?
ม้ง : ปลูกมาตั้งแต่เกิดครับ

ผู้ว่าฯ : ใช้สารเคมีมาตลอดเลยหรือ ?
ม้ง : ใช้ครับ ไม่ใช้ไม่ได้

ผู้ว่าฯ : ทำไมไม่ใช่ไม่ได้ ?
ม้ง : ปลูกผักส่งกรุงเทพ คนกรุงเทพชอบผักสวยๆ ต้องฉีดยามากๆ

ผู้ว่าฯ : รู้ไหมว่า ฉีดสารเคมีแล้วคนกินเป็นอันตราย ?
ม้ง : รู้

ผู้ว่าฯ : อ้าวววว รู้แล้วฉีดทำไม ตัวเองไม่กลัวอันตรายหรือ ?

ม้ง : ม้งไม่ได้กินผักแปลงนี้ ม้งปลูกต่างหาก ปลูกไว้กินเอง
ผู้ว่าฯ : (ไม่พูดอะไรทั้งนั้น ออกเดินนำคณะที่ไปด้วย ขึ้นรถบึ่งแน่บกลับ กทม.ทันที....)




.
kimzagass
ตอบตอบ: 10/07/2019 10:32 am    ชื่อกระทู้:

.
.
151. อาถรรพ์ RKK :
ก่อนอื่น ขอทำความเข้าใจเรื่อง “ลุงคิม คนสอน - คุณ คนเรียน” ศัพท์เทคนิคในการเรียนการสอนเป็นแบบ "บ้านบ้าน" มากกว่า "ทางการ"

คนสอนอยากให้คนเรียน ได้รู้มากๆ ได้รู้กว้างๆ ได้รู้จริงๆ” แต่คนสอนไม่รู้ ไม่รู้จริงๆว่า คนเรียนไม่รู้อะไร ? คนเรียนอยากรู้อะไร ? .... ทางแก้เรื่องนี้ คือ "คนเรียน ถาม....คนสอน ตอบ" นั่นเอง เพราะฉะนั้นขอให้ ถาม ถาม ถาม และถาม .... ขอบคุณล่วงหน้าที่ถาม

ที่นี่คนสอนจะพูด พูด พูด ตั้งแต่คุณลงจากรถ เท้าก้าวแรกเหยียบย่างลงที่นี่ แล้วก็จะพูด พูด พูด จนคุณก้าวสุดท้ายขึ้นรถ ยกมือบ๊ายบาย แต่ขอโทษที คุณไม่ได้อะไร ที่คุณอยากรู้ ที่คุณไม่รู้เลย เพราะคุณไม่บอก คุณไม่ถาม คุณไม่พูด คุณเอาแต่ฟังข้างเดียว

หลายครั้งคุณที่จะมาเรียน ติดต่อแจ้งข่าวล่วงหน้า ลุงคิมตอบยินดีต้อนรับทุกครั้งทุกคณะทุกกลุ่ม แล้วจะบอกว่าของให้เตรียม “คำถาม” มาด้วย ถ้ากลัวพูดไม่เก่ง กลัวเพื่อนล้อ ก็ให้ “เขียน” มาก็ได้ คำตอบคือ “ไม่มี” คำถามล่วงหน้าเลย

ที่น่าหนักใจที่สุด คือ คนเรียนไม่รู้แม้กระทั่งตัวเองว่า ไม่รู้อะไร-อยากรู้อะไร แล้วคนสอนจะบอกได้ยังไง ถามด้วย วาจาปากเปล่า-SHOT NOTE-กลางปล้อง-หน้าห้องน้ำ ถามได้ทั้งนั้น

ที่นี่วัดรุ่นคน รุ่นใหม่รุ่นเก่า วัดที่ "ความคิด" ไม่ใช้วัดที่ "อายุ"
ที่นี่วัดกึ๋นคน เรียนแล้ว คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ ที่ "คำถาม" ไม่ใช่เรียนมากๆ

คนเคยมาเรียนที่ไร่กล้อมแกล้ม หลายคนพูดว่า “ที่นี่ วิชาการสูง สูงมาก”
ลุงคิมเลยตอบว่า “วิชาการ ความรู้มันก็สูงเท่าเดิม อยากได้ต้องปีนขึ้นไปเอา ครั้นจะรอให้มันหล่นลงมาหาเราคงเป็นไปไม่ได้”

วิชาเกษตร ไม่ยากแต่หัวข้อเรียนรู้มันมาก เขาเรียน 4 ปี ป.ตรี 7 ปี ป.โท 10 ปี ป.เอก บางคนไปเรียนต่อเมืองนอกอีก ยังไม่ประสบความสำเร็จ เรามาเรียนแค่ 4 ชม.เรียนที่นี่ จะให้รู้ครบทุกเรื่องทุกหัวข้อย่อมไม่ได้

คนเคยมาเรียน ขณะอยู่ที่ไร่กล้อมแกล้ม บางคนพูดว่า “มาแล้วจะไม่มาอีก” กับบางกลับไปแล้วพูดว่าว่า “ไปแล้วจะไม่ไปอีก” กับคนเคยมา 2 สไตล์ นี่คือ “อาถรรพ์” ไหม ?

ภาคอุตสาหกรรม ..... ตอบรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ทุกเทคโนโลยีเสมอ
ภาคเกษตรกรรม ...... ปฏิเสธเทคโนโลยีสมัยใหม่ทุกประเภท ทำด้วยมือก็เอา

จบปริญญา ทำสวนยกร่องน้ำหล่อ แล่นเรือปากเป็ดรดน้ำ ลากสายยางฉีดรดต้นไม้ ทั้งๆที่สิ้นเปลือง พลังงาน-แรงงาน-เวลา-โอกาส-ประสิทธิภาพ-ฯลฯ อย่างมากโดยใช่เหตุ

ไร่กล้อมแกล้ม เฉพาะมะม่วง 10โซน 500ต้น ใช้สปริงเกอร์ แรงงานคนเดียว ชั่วโมงเดียวเสร็จ สวนยกร่องน้ำหล่อ ดัดแปลงร่องแรกเป็นสระน้ำแล้วติดสปริงเกอร์หม้อปุ๋ย ได้ไหม ? ดีกว่าไหม ?

ไร่กล้อมแกล้มกำเนิดมาถึงปีนี้ 10 (+) ปี :
*** ใช้ปุ๋ยชีวภาพ (แห้ง/น้ำ-อินทรีย์/เคมี-ทางใบ/ทางราก-ทำเอง/ซื้อ) ทุกสูตรมีหลักวิชาการรองรับยืนยัน
*** ปุ๋ยเคมี ไม่เคยใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ ให้ทางใบมากกว่าทางราก
*** สารเคมียาฆ่าแมลงไม่เคยใช้ แต่ใช่สารสมุนไพรแทน
***



152. โรคกล้วยไม้ :
จาก : (089) 981-45xx
ข้อความ : ผู้พันครับ กล้วยไม้ 10 ไร่ เป็นโรคที่ชาวบ้านบอกว่าไอ้ฮวบเข้าทำลาย เสียหายมาก ใช้สารเคมีลิตรละ 2,000 ยังเอาไม่อยู่ ทางร้านแนะนำสารเคมีตัวใหม่ แพงกว่าเก่า แต่ผมไม่แน่ใจจึงขอถามผู้พัน อยากเปลี่ยนมาใช้สมุนไพร แต่ไม่รู้จะใช้ตัวไหน ช่วยแนะนำด้วยครับ....กล้วยไม้มือใหม่
ตอบ :
ไอ้ฮวบ หมายถึง “ทรุดฮวบ” ที่จริงคือ “บั่ว หรือ แมลงวันดอกกล้วยไม้” จากแมลงวางไข่เป็นตัวหนอนกัดกินกลีบดอกด้านใน ใกล้ๆบริเวณเกสร ทำให้กลีบดอกถูกทำลาย ดอกตูมจะชะงักกาเจริญเติบโต บิดเบี้ยว หงิกงอ แล้วมีอาการเน่าเหลือง ฉ่ำน้ำ หลุดร่วงจากช่อดอก

บั่วกล้วยไม้ในสกุลหวาย มีการระบาดตลอดทั้งปี ระบาดรุนแรงในช่วงฤดูฝน ถ้าหากเป็นสวนกล้วยไม้ ขนาดใหญ่ ยิ่งทำให้บั่วขยายพันธุ์ได้รวดเร็วมาก

บั่วกล้วยไม้เป็นแมลงขนาดเล็ก ในช่วงตัวเต็มวัยลำตัวจะมีสีดำ ปีกสีขาวใส 1 คู่ วางไข่ในเนื้อเยื่อของก้านช่อดอก จากนั้นหนอนจะฟักตัว ซึ่งหนอนเป็นตัวการที่สำคัญในการทำลายกล้วยไม้ ตัวหนอนมีขนาดเล็กมากประมาณ 0.5 มม. ในระยะแรกลำตัวมีสีใสระยะสุดท้ายจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้ม ขนาดประมาณ 2 มม. ระยะหนอน 15–20 วัน อาศัยอยู่ในดอกตูมประมาณ 5-30 ตัวต่อดอกจากนั้นจะกลายเป็นดักแด้ สีน้ำตาล ระยะดักแด้ 7–14 วัน

การป้องกันและกำจัด เกษตรกรควรหมั่นสำรวจดอกกล้วยไม้ หากพบบั่วกล้วยไม้ให้รีบตัดทิ้งทำลาย ระวังหนอนจะดีดตัวออกจากดอกตูมเพื่อหลบเลี่ยงการถูกทำลาย แต่หากพบในช่วงการระบาดรุนแรง

บั่วหรือไอ้ฮวบ เป็นแมลงศัตรูสำคัญของกล้วยไม้ เป็นหนอนจะกัดกินกลีบดอกด้านในใกล้กับบริเวณเกสร ทำให้กลีบดอกเกิดอาการผิด ปกติดอกตูมชะงักการเจริญเติบโต บิดเบี้ยว และหงิกงอ ต่อมาดอกจะเน่าเหลือง ฉ่ำน้ำ และหลุดร่วงจากช่อดอก ถ้าพบระบาดรุนแรงดอกตูมจะหลุดร่วงอย่างรวดเร็วฮวบฮาบ จนเหลือแต่ก้านดอก บางครั้งจึงเรียกแมลงชนิดนี้ว่า "ไอ้ฮวบ"

เมื่อเริ่มสังเกตเห็นอาการที่เกิดที่ดอกตูม นั่นก็หมายความว่าดอกไม้นั้น ถูกทำลายไปเกือบทั้งสวนแล้ว อีกสองสามวันต่อมาก็จะเห็นกล้วยไม้ มีอาการ "ฮวบ" ไปทั้งสวน

การป้องกันกำจัด :
- กำจัดแมลงที่เข้ามาวางไข่ให้เกิดหนอน ใช้กับดักกาวเหนียวมายฟิกส์ ติดกับหลอดไฟฟ้า แขวนไม่ในแปลง แมลงมาตอนค่ำเห็นแสงไฟจะเข้าไปเล่นไฟ แล้วติดกาวเหนียวตาย ...

กับดักกาวเหนียวตัวนี้ ถึงตอนกลางวันดับแสงไฟ เพลี้ยไฟมาตอนกลางวันเห็นสีเหลืองที่กาวเหนียวก็จะมาเล่นสีเหลือง แล้วติดกับดักกาวเหนียวตายอีกเหมือนกัน แบบนี้เรียกว่าได้ “2 เด้ง” นั่นแหละ

- กำจัดหนอนด้วยเชื้อ BT กำจัดหนอน เชื้อ BT คือ เชื้อโรคของหนอน หนอนดื้อทุกชิดที่ดื้อยา หมดสิทธิ์ดื้อต่อเชื้อ BT

ประสบการณตรง (1) :
“คุณสมี”
อยู่บางเลน ทำเรือนกล้วยไม้ตระกูลหวาย 10 ไร่ ใช่สมุนไพรเผ็ดจัด “น้ำ 200 ล. + พริกขี้หนูสดๆ 1 กก. โขลกละเอียด” ผสมเสร็จฉีดใส่เรือนกล้วยไม้ทันที ทำทีใช้ทีไม่ต้องเก็บนาน กะเก็งสภาพอากาศ ฤดูกาลแบบไหนศัตรูพืชอะไรเข้ามาวอแวกล้วยไม้ ก็จะฉีดบ่อยๆ วันเว้นวัน หรือวันเว้น 2-3 วัน ก็เอาอยู่ แปลงข้างๆยังใช้สารเคมีอย่างเดิม เปลี่ยนยี่ห้อแล้วเปลี่ยนยี่ห้อเล่า เอาไม่อยู่ แต่ของคุณสมีไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นไอ้ฮวบ เพลี้ยไฟ ที่ว่าหนักๆ ตอนหลังมีการเสริม “กับดักกาวเหนียวสีเหลือง” ร่วมเข้าไปด้วย คราวนี้สบายหนักกว่าเก่า ดอกกล้วยไม้ส่งไปแหล่งรวม ไม่เคยถูกตีกลับ

ประสบการณตรง (2) :
วันนั้น ลุงคิมอยู่ที่สวนกล้วยไม้คุณสมี ครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบ คุยกับ สมช. ผู้ฟังรายการวิทยุอีก 10 กว่าคน ขณะกำลังคุยกันถึงเรื่องศัตรูกล้วยไม้อยู่นั้น พลันมีชายหนุ่มใหญ่คนหนึ่ง ก้าวลงมาจากรถโตโยต้า แลนด์ครูเชอร์ ราคารุ่นนี้ล้านกว่า ด้วยมาดท่าทางภูมิฐาน แต่'ตัวใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวทับในกางเกง ติดรังดุมแขน เห็นหัวเข็มขัดทองคำ บนนิ้วมือมีแหวนเพชร มองที่รองเท้าเดาว่าคู่นี้ไม่ต่ำกว่า 3-5 พัน ทุกคนหยุดคุยแล้วมองเป็นจุดเดียวกันที่ชายผู้มาใหม่คนนั้น ลุงคิมเห็นมาดนี้แล้วยังต้องเปลี่ยนท่านั่งใหม่ จัดระเบียบร่างกายให้เรียบร้อยหน่อย คุณสมีเจ้าของบ้าน รักษามารยาทเจ้าของบ้าน หาเก้าอี้ให้ผู้มาใหม่นั่ง ....

ทันทีที่ก้นหย่อนลงบนเก้าอี้ ชายหนุ่มใหญ่ ขับแลนด์ครูเซอร์คนนั้น ยื่นขวดน้ำดื่มขนาด 1 ล. ข้างในมีหนอนบรรจุประมาณ 3 ใน 4 ของขวด ให้ดูแล้วถามว่า “....หนอนกล้วยไม้ครับ ใช้ยาตัวไหนดี ใช้มาแล้วทุกยี่ห้อ เอาไม่อยู่ ? ....”

ลุงคิมได้ยินคำถามแล้วหรี่ตานิดๆ เหลือบมอง สมช. เห็นมองมาทางลุงคิมเป็นตาเดียว เหมือนจะรอฟังคำตอบ
ลุงคิมตอบทันที “.... แสดงว่า ยังใช้ไม่ครบทุกยี่ห้อจริง ถ้าใช้ครบแล้วต้องเอาอยู่ซี่...”
พูดจบมีเถียงกลับ “.... สวนกล้วยไม้ย่านสามพราน ไม่มีใครใช้ยาฆ่าหนอนมากเท่าผมอีกแล้ว หนอนเยอะมาก นี่ขนาดเก็บไม่ถึงครึ่งวัน ?....”

ลุงคิมตอบสวนทันที “คุณรู้เหรอว่า ในโลกนี้มียาฆ่าหนอน กี่ยี่ห้อ กี่อย่าง กี่ชนิด ?....”
คราวนี้ชายหนุ่มแลนด์ครูเซอร์ถึงกับอึ้ง ถามใหม่เสียงแผ่วลง “.... แล้วผมควรทำยังไงครับ ?....”

ลุงคิมมองหน้าเหมือนะจะหยั่งท่าที แล้วตอบไป “.... ที่นี่ ไม่ใช้สารเคมีเลย ใช้สมุนไพรจากพริกสดอย่างเดียว เกือบปีแล้วไม่มีหนอน ไม่มีแมลง เพลี้ยไฟก็ไม่มี....”
ชายหนุ่มมองไปทางเรือนกล้วยไม้ แล้วว่า “....จะเอาอยู่เหรอครับ ยาแรงๆ ยังเอาไม่อยู่เลย....”

คราวนี้ลุงคิม เอนตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเก้าอี้ผ้าใบอย่างเก่า ยกขาขึ้นไขว่ห้าง ไม่มองหน้าเจ้าของแลนด์ครูเซอร์ แล้วบอก “....ก็แล้วแต่คุณ...”

เมื่อรู้แน่ว่ายังยึดติดแต่ตัวยาในสารเคมี โดยไม่สนใจตัวยาในสารสมุนไพรแบบนี้ ก็เลิกคุย บรรยากาศเงียบไปประมาณ 10 นาที แลนด์ครูเซอร์ก็วิ่งออกจากบ้านคุณสมีไป ....

งานนี้มารู้จากคุณสมีฯ ว่า เป็นเจ้าของเรือนกล้วยไม้ขนาด 20 ไร่ 3 แปลง ใช้สารเคมีแรงมาก วันนี้เมียไม่กล้าออกจากบ้าน เพราะอายที่ตัวเองมีผิวเป็นเด็ดดักแด้ วันๆโทรหาแต่สาวมิสทีน ให้หาครีมมาบำรุงผิวเท่านั้น

- นิทานเรื่องนี้สอนให้คิด.... เรือนกล้วยไม้ ขนาด 20 ไร่ หลังคาามุงซาแลน อากาศไม่ถ่ายเท ลมไม่เข้า ฉีดสารเคมียาฆ่าแมลงแล้ว ตัวยาก็ตลบอบอวนอยู่ในเรือนหลังคาซาแลนนั้น แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคนที่อยู่ในนั้น คำตอบ คือ “ตาย ไม่ตายก็เป็นหนี้” ซิครับ ....



.
kimzagass
ตอบตอบ: 05/07/2019 6:00 am    ชื่อกระทู้:

.
.

150. ประสบการณ์มะนาว :
*** ผู้หญิงแฟนรายการสีสันชีวิตไทย อยู่ที่ป่าเลาอู เหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อแก่งกระจาน เพรชบุรีใช้ "น้ำเชื้อหมู" 1 ถ้วยกาแฟ ผสมน้ำ 200 ล. ให้แก่มะนาวเดือนละ 1 ครั้ง ปรากฏว่ามะนาวออกดอกติดผลดกมาก.....

มะนาว 20 ไร่ อายุต้น 5-6 ปี ขนาดต้นทรงพุ่มสูง 5 ม. เส้นผ่าศูนย์กลาง 6-7 ม. ให้ผลผลิต 4,000 ผล/ต้น หน้าแล้ง ราคาผลละ 4 บาท หน้าสวน......

(หมายเหตุ : ในน้ำเชื้อหมูมีฮอร์โมนเอสโตรเจน. และในน้ำมะพร้าวก็มีฮอร์โมนเอสโตรเจน. ฮอร์โมนตัวนี้มีประสิทธิภาพส่งเสริมให้ดอกสมบูรณ์แข็งแรง ผสมติดเป็นผลได้ ดี....)

*** แฟนรายการสีสันชีวิตไทยที่ นครไชยศรี นครปฐม. ใช้กากมะพร้าวคั้นกะทิออกหมดแล้ว สาดใส่ต้นมะนาว-มะกรูด กากมะพร้าวส่วนใหญ่ร่วงลงไปที่พื้นดินโคนต้น บาง ส่วนค้างอยู่บนใบ ปรากฏว่าทั้งมะนาว-มะกรูด ออกดอกติดผลดกมากตลอดปี......

(หมายเหตุ : ในกากมะพร้าวมีเอสโตรเจนบางส่วนเหลืออยู่ จึงส่งผลให้มะนาว-มะกรูดออกดอกติดผลดี ได้.....)

*** แฟนรายการสีสันชีวิตไทย ดำเนินสะดวก ราชบุรี. ทำสวนมะนาวยกร่องน้ำหล่อ จำนวนทั้งหมด 20 ร่อง ในจำนวนนี้ 2 ร่องให้ "ลิโพ 1 ขวด/น้ำ 100 ล." ระยะ 2-3 อาทิตย์/ครั้ง ปรากฏว่ามะนาว 2 ร่องนี้ออกดอกติดผลดกดีมาก ต่างจากอีก 18 ร่อง ที่ไม่ได้ให้ นอกจากออกดอกติดผลไม่ดกแล้ว ยังชุกชุมไปด้วยโรคสาระพัด......

(หมายเหตุ : ในลิโพ. มีกลูโคส ซึ่งน้ำตาลมีผลในทางส่งเสริมให้มะนาวออกดอกติดผลได้.....)

*** ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์. มีผลงานวิจัยการใช้สะเดาป้องกันกำจัดแมลง ปลูกมะนารว 20 ไร่ ที่ทุ่งลาดหญ้า กาญจนบุรี ระยะเวลา 3 ปี หมดทุนค่าบำรุงมะนาวไปกว่า 3,000,000 ภายหลังทราบว่า ไม่ว่าจะหนอน. แมลง. โรค (รา-แบคทีเรีย-ไวรัส) ท่าน ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์.ใช้สะเดาป้องกันกำจัดศัตรูพืชมะนาวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น......สุดท้าย เลิกทำสวน แล้วให้คนเช่าที่ดินต่อ


151. ผักกางมุ้ง :
จาก : (091) 702-34xx
ข้อความ : อยากให้ลุงคิมเล่าประสบการณ์ตรงการปลูกผักกางมุ้งว่า สำเร็จหรือล้มเหลวย่างไร มีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร มีที่อยู่สระบุรี 10 ไร่ น้ำดีตลอดปี .... ขอบคุณครับ
ตอบ : กรณีผักกางมุ้งถือเป็นแค่ 1 ทางเลือกเท่านั้น นั่นหมายความว่ายังมีแบบ ปลูกผักในที่โล่ง ปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์แบบน้ำวนน้ำนิ่ง ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ ให้เลือกได้อีก ใหม่ๆ ฮือฮากันมาก แทบทุกหน่วยงานส่งเสริม เชียร์ว่าผักกางมุ้งดียังงั้นดียังงี้ กางมุ้งแล้วจะไม่มีศัตรูพืชเลย ยังกับว่า มุ้งป้องกันศัตรูพืชได้แน่นอน 1,000% ประมาณนั้นนั่นแหละ ชาวสวนผักคล้อยตาม กางมุ้งกันยกใหญ่ แค่ปีสองปี มุ้งยังไม่ผุ สัจจะธรรมธรรมชาติก็ปรากฏออกมา ถึงวันนี้ ผลงานผักกางมุ้งไปไม่รอด ไม่ใช่เพราะมุ้งแต่เป็นเพราะโรค โรคในมุ้ง สารพัดโรครุมเร้ากันเข้าไปในมุ้ง ไม่รู้เหมือนกันว่า คนที่ส่งเสริมไม่มีข้อมูลหรือไม่รู้ว่า ภายในมุ้งน่ะ อุณหภูมิในดิน สูงกว่านอกมุ้ง 4 องศา ซ. อุณหภูมิที่สูงกว่าระดับนี้ ส่งเสริมให้เชื้อโรคในดินเจริญเติบโตขยายพันธุ์ดีกว่าภายนอกมุ้ง เป็นผลให้ผักกางมุ้งไม่มีโรคบนส่วนที่อยู่เหนือดิน แต่ส่วนที่อยู่ไต้ดิน ที่รากที่โคนต้น โรคเพรี่ยบ เมื่อมีเชื้อโรคในดินก็ต้องสารเคมีใช่ไหม

ในมุ้งน่ะ ไม่มีก็แต่หนอนเท่านั้น เพราะแม่ผีเสื้อบินเข้าไปวางไข่ในมุ้งไม่ได้ แต่ในมุ้งมีแมลงปากกัดปากดูด ประเภทตัวเล็กกว่าตาข่ายมุ้งเข้าไปได้ เพลี้ยไฟ-ไรแดง ไงล่ะ นี่ก็อุตส่าห์เอากับดักกาวเหนียวไปดัก ได้ผลดี

ถึงวันนี้ คนที่เคยส่งเสริมผักกางมุ้งพากันเงียบกริบ เหมือนส่งเสริมเสียบ ยอดส้ม/ยอดมะนาว บนตอมะสัง มะขวิด เลี้ยงได้แค่ปีสองปีกลายเป็นตีนช้าง ตอโตแต่ยอดตาย นั่นเป็นเพราะงานวิจัยยังไม่ได้สรุป รีบงัดออกมาส่งเสริม เหมือนกางมุ้งให้ผักนี่แหละ .... โถ ประเทศไทย

* ข้อดี :
- ป้องกันหนอนได้ เพราะแมลงแม่ผีเสื้อตัวใหญ่ เข้าวางไข่ไม่ได้
- ไม่ต้องฉีดสารเคมีกำจัดหนอน เพราะหนอนไม่มี
- เก็บรักษาความชื้นหน้าดิน ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ ได้ดี
- โก้ น่าเชื่อถือ

* ข้อเสีย :
- ต้นทุนโรงเรือนสูง
- ป้องกัน เพี้ยไฟ-ไรแดง ไม่ได้
- ป้องกันแมลงมุดดิน เข้าไปในโรงเรือนไม่ได้
- ป้องกันโรคทางดินไม่ได้ เพราะอุณหภูมิในโรงเรือนสูงกว่านอกโรงเรือน
- ประเภทผักสลัด ตลาดแคบ เพราะคนกินน้อย
- ประเภทผักไทย น้ำหนักน้อย คุณภาพไม่ดี เพราะในโรงเรือนแสงแดดน้อย

* ใครได้ :
- คนขายมุ้ง
- คนขายสารเคมีกำจัด เพลี้ย/ไรแดง และเชื้อโรคในดิน

* ใครเสีย :
- คนปลูกผัก
- วันดีคืนไม่ดี พายุมา โรงเรือนไม่แข็งแรงจริง พังพาบกับพื้น
- เลิกปลูกผักแล้ว เอามุ้งไปทำอะไร

* ผักกางมุ้ง บ.ยักษ์ใหญ่ ที่เมืองกาญจน์ โรงเรือนหลังละล้าน ปลูกแตงโม มะเขือเทศ สารพัดโรคแมลงศัตรูพืชที่ ใบ-ยอด-เถา-ผล เต็มไปหมด ไม่เห็นก็แต่รากในดินเท่านั้น เลยไม่รู้ว่า กางมุ้งในโรงเรือนแล้วช่วยอะไรได้บ้าง ราคาโรงเรือนขนาดนั้น ปลูกแตงโม มะเขือเทศ กี่รุ่นถึงจะได้ทุนคืน

* ผักกางมุ้งที่บางแค เนื้อที่ 3 ไร่ กลางวันกางเสร็จ กลางคืนพายุมา มุ้งราคา 5 แสนลงไปกองเอ๊าะเยาะกับพื้น

* กะเพรา-โหระพา-แมงลัก ในโรงเรือน ที่ทับยายเท้า นครปฐม ส่งออกสวิสส์เซอร์แลนด์ ปกติเปิดข้างโรงเรือนเพี่อระบายอากาศ วันไหนบริษัทรับซื้อมาตรวจก็จะปิดโรงเรือน

* ผักกางมุ้งดอกเตอร์ที่รังสิต 5 ปี ขาดทุนกว่า 5 ล้าน เพราะผักถูกตีกลับเนื่องจากสารเคมีปนเปื้อน ก็ไหนว่ากางมุ้งแล้วปลอดสารพิษไงล่ะ กับส่วนหนึ่งผักตกเกรด เพราะไม่ได้ไซส์ ที่ไม่ได้ไซส์เพราะไม่สมบูรณ์ ....

* แปลงผักของภิรมย์ อ.เมือง ปทุมธานี ทำผักแนว อินทรีย์นำ-เคมีเสริม ใช้สารสมุนไพร ไม่กางมุ้ง ส่งตลาดรังสิต แค่ 3 ปีถอยปิ๊คอั๊พป้ายแดง มาให้ลุงคิมเจิม โถๆๆ ลุงคิมไม่ใช่พระ ภิรมย์เล่าให้ฟังว่า ดอกเตอร์เอาผักที่แปลงนี่แหละไปส่งให้ลูกค้าตามสัญญา ....

ดอกเตอร์เห็นสารสมุนไพรหมักในโอ่ง ถามว่า “มันจะได้ผลเหรอ ?”
ภิรมย์ตอบว่า “ไม่รู้ซิครับ ผมก็ใช้ของผมอยู่เนี่ย...”
ดอกเตอร์เหลือบไปเห็นคะน้าฮ่องเต้ กวางตุ้งฮ่องกง แล้วพูดว่า “ภิรมย์ นี่มันผักเมืองหนาวนะ ปลูกไม่ได้หรอก....”
ภิรมย์ก็ว่า “ไม่รู้ซิครับ พรุ่งนี้แม่ค้ามารับ โลละ 45 ครับ...”

ระดับดอกเตอร์ รู้แค่นี้ ทำได้แค่นี้ ก็สมควรขาดทุน 5 ล้านหรอก .... ว่ามั้ย




.
kimzagass
ตอบตอบ: 02/07/2019 6:02 am    ชื่อกระทู้:

.
.
147. ไม่ขายทหาร (2) :
เสียงโทรศัพท์ราชการบนโต๊ะดังขึ้น ลุงคิมหยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมา
“สวัสดีครับ พ.ต.วีระ รับสายครับ”
“ผู้พันครับ ตอนนี้ผู้พันอยู่คนเดียวหรือเปล่าครับ ?”

“อยู่คนเดียว มีอะไรเหรอ ?”
“ผมมีเรื่องลับจะบอกผู้พันครับ”

“เรื่องลับอะไรเหรอ ?”
“เมื่อกี้นี้เองครับ เสธ.กำลังพล จะสอบสวนผู้พัน กับนายทหารคนอื่นๆ อีก 4 คนครับ”

“สอบสวน .... สอบสวนเรื่องอะไรเหรอ ?”
“เรื่องขายทหารประจำตัวครับ เสธ.กำลังพลบอกว่า ผู้พันกับนายทหาร 4 คน ปล่อยทหารประตัว
แล้วบอกว่าจะสอบสวนผู้พันเป็นคนแรกครับ”

“อืมมม ปล่อยทหาร ปล่อยทหาร กูปล่อยทหาร กูขายทหารเหรอะวะ ?
“ครับ ชื่อผู้พันอยู่ในบัญชีนายทหารที่ขอทหารประจำตัวด้วยครับ”

“O.K. THANK YOY ว่ะ สอบให้สอบซีวะ”
“ผู้พันไม่กลัวเหรอครับ”

“ไม่กลัว มาเถอะ มาสอบเลย....ขอบใจนะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”

นายสิบรุ่นน้องหลายรุ่น ทำงานอยู่ในกองกำลัง บก.พล.ปตอ. มีความสนิทชอบพอกันเป็นส่วน
ตัวส่งข่าวด้วยความปราถนาดี .... เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้นอีกครั้ง

“สวัสดีครับ พ.ต.วีระ รับสายครับ”
“O.K. วีระ นี่ผม หัวหน้ากองกำลังพลพูด”

“ครับ”

“เชิญที่กองกำลังพลหน่อย ด่วนเลยนะ”
“ครับ”

ราว 10 นาที พ.ต.วีระฯ ตำแหน่งนายทหารการข่าว (ฝอ.2) รักษาราชการนายทหารกิจการพลเรือน (ฝอ.5), นายทหารยุทธการและการฝึก (ฝอ.3) ในเครื่องแบบ ยืนตรงชิดเท้า โค้งทำความเคารพ หน.กพ.พล.ปตอ. ตามแบบธรรมเนียม .... ด้วยสายตาอดีตสายลับ CIA แว้บเดียวเห็นรายชื่อนายทหารคนอื่นที่ต้องคดีเดียวกันนี้อีก 4 คน บนเอกสารบนโต๊ะ

หน.กพ. : คุณวีระฯ เป็นหน้าที่ผมที่ต้องสอบสวนคนทำผิดระเบียบกองทัพบก คุณคือคนหนึ่งที่ผมต้องสอบสวน
คิม ซา กัสส์ : (ยิ้มในใจ) ครับ ยินดีครับ

หน.กพ. : เรื่องที่ต้องสอบสวนคือ เรื่องทหารประจำตัว
คิม ซา กัสส์ : ครับ

หน.กพ. : คุณได้ขอทหารประจำตัวไหม ?
คิม ซา กัสส์ : ขอครับ

หน.กพ. : วันนี้ทหารประจำตัวอยู่ที่ไหน ?
คิม ซา กัสส์ : อยู่กองร้อยครับ

หน.กพ. : (ตีหน้าคิ้วย่น เหมือนไม่เชื่อคำตอบที่ได้ยิน) หมายความว่าไง ทหารประตัวคือทหารรับใช้ส่วนตัวต้องอยู่ที่บ้านคุณซี่
คิม ซา กัสส์ : เข้าใจครับ ทราบครับ แต่ทหารประจำตัวของผมไม่ใช่ยังงั้นครับ

หน.กพ. : ไม่ใช่ยังงั้น แล้วมันยังไง ?
คิม ซา กัสส์ : ไม่มียังไงหรอกครับ ทหารประจำตัวผมอยู่ที่กองร้อยก็อยูที่กองร้อยครับ ส่วนทหารประจำตัวของนายทหารคนอื่นๆ ผมไม่ทราบครับ

หน.กพ. : ไม่เข้าใจ ไหนอธิบายรายละเอียดซิ ?
คิม ซา กัสส์ : ทหารประจำของผม ชื่อ พลทหารพานฯ สังกัดกองร้อย บก.ปตอ.2 เป็นพลทหารรุ่นล่าสุดเพิ่งขึ้นจากศูนย์ฝึกทหารใหมรุ่นที่แล้ว

หน.กพ. : แล้วไงต่อ ?
คิม ซา กัสส์ : พอพลทหารใหม่รุ่นใหม่สุดส่งตัวถึงกองร้อย ในคำสั่งส่งตัวมีประวัติเบื้องต้นเลยรู้ว่าพลทหารพานฯ มีภูมิลำเนาอยู่ จ.ชุมพร กับเมื่อ 3 เดือนที่แล้วมีข่าว จ.ชุมพร โดยพายุเกย์ทำลาย ความอยากรู้ว่าบ้านของพลทหารคนนี้ได้รับความเสียหายอะไรไหม เลยเข้าไปคุยกับมัน

หน.กพ. : แล้วไง ?
คิม ซา กัสส์ : ครับ บ้านพลทหารพานฯ เสียหายอย่างหนัก ไม่ใช่บ้านเดียวแต่เสียหายทั้งหมู่บ้าน รวมกว่า 100 หลังคาเรือน บ้านพลทหารพานฯ ทำสวนมะพร้าว ต้นมะพร้าว 200 กว่าต้น ล้มราบลงนอนกับพื้น ไม่มีลูกมะพร้าวให้เก็บ ทุกคนในบ้านเดือดร้อนมาก ไม่มีเงิน ไม่มีรายได้อะไรเลย

หน.กพ. : แล้วไง ?
คิม ซา กัสส์ : สอบถามรายละเอียดทุกอย่าง คนในครอบครัว อาชีพ รายได้ เพื่อนพลทหารรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่ ได้ฟังแล้วทุกคนสงสารพลทหารรุ่นน้องคนนี้มาก ผมเลยเสนอตัวช่วยพลทหารพานฯ โดยขอพลทหารพานฯ คนนี้มาเป็นทหารประจำตัวครับ

หน.กพ. : ช่วย .... ให้เป็นทหารประจำตัว มันช่วยได้ยังไง ?
คิม ซา กัสส์ : ผมช่วยโดยให้พลทหารพานฯ ได้รับเบื้ยเลี้ยงบุคลล เบี้ยเลี้ยงเงินเดือนรับเต็ม ไม่หักค่าอาหารประจำวัน แล้วให้พลทหารพานฯ ส่งเงินเบี้ยเลี้ยงเงินเดือนทั้งหมดไปให้ครอบครัวทุกเดือน
ครับ

หน.กพ. : แล้วพลทหารประจำตัวคนนี้ ตอนนี้ตัวอยู่ที่ไหน ที่บ้านคุณ หรือที่ไหน ?
คิม ซา กัสส์ : อยู่กองร้อยครับ อยู่ทุกวัน ทำงานที่กองร้อยตามคำสั่งเหมือนพลทหารทั่วไป วันเสาร์-อาทิตย์ รับจ้างเข้าเวรที่เพื่อนพลทหารใน กทม.ลากลับบ้านเป็นการหารายได้เพิ่มด้วยครับ

หน.กพ. : เรื่องนี้ผู้การกรมคุณรู้ไหม ?
คิม ซา กัสส์ : รู้ครับ ผมเรียนให้ท่านทราบก่อน แล้วขออนุมัติตามระเบียบทีหลังครับ

หน.กพ. : (เม้มริมฝีปากแน่น มองข้างฝาแล้วพูดแบบไม่มองหน้า) O.K. คดีนี้สรุปผลการสอบสวนคุณวีระฯ ไม่มีความผิด .... กลับไปได้
คิม ซา กัสส์ : ครับ

หลังเสร็จงานนี้ 3 วัน ลูกน้องคนเดิมทำงานอยู่กอง กพ.พล.ปตอ. แอบโทรมาบอก นายทหาร 4 คนที่โดนสอบสวนคดีขายทหารประจำตัว ได้รับโทษงดบำเน็จประจำปี กับให้คืนเงินขายทหาร แล้วให้พลทหารนั้นกลับมารับราชการที่หน่วยอย่างเดิม



148. CORRUPTION ไม่เป็น :
ปีที่ F-5 ตกที่สะพานพระราม 6 กทม. ตอนนั้น พ.ต.วีระฯ ตำแหน่งจริง ฝอ.2 (นายทหารการข่าว) ทำหน้าที่พิเศษ ฝอ.3 (นายทหารยุทธการ) ควบตำแหน่ง ฝอ.5 (นายทหารกิจการพลเรือน) ประจำ ศปภอ.ทบ. (ศูนย์ต่อสู้ป้องกันภัยทางกาศ กองทัพบก) ....

การทำหน้าที่พิเศษเพราะหน่วยขาดแคลนกำลังพล ที่ให้เป็น ฝอ.2 เพราะไต่เต้ามาจากนายสิบ และไม่ให้เป็น ฝอ.3 เพราะไม่ได้จบมาจาก จปร. ทั้งนี้ งาน ฝอ.2, ฝอ.3, ฝอ.5 มีความเกี่ยวพันกัน ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม

ภารกิจ หน้าที่ และความรับผิดชอบ ต่อการฝึกครั้งนี้ คือ ติดตาม-วิเคราะห์-แจ้งเตือน การเข้ามาทางอากาศของข้าศึก ....

ระยะเวลาฝึก 30 วัน งบประมาณการฝึกเฉพาะกิจ (ลับเฉพาะ) 2,000,000 เสร็จสิ้นการฝึกทำรายงานสรุปผลการฝึกแจ้งให้ เสธ.กรม., รอง.ผบ.กรม., และ ผบ.กรม. ทราบ (รับทราบ) ตามลำดับสายการบังคับบัญชา แล้วผู้ปฏิบัตินำส่ง ผบ.พล.ปตอ. ด้วยตัวเอง

ฝอ.3 : (ทำความเคารพแล้ววางแฟ้มรายงานบนโตะ) ขออณุญาตรายงานสรุปผลการฝึกครับ
ผบ.พล. : เออออ งานนี้ใช้งบไปเท่าไหร่ ?

ฝอ.3 : (คิดในใจ ทำไมถามเรื่องงบประมาณการใช้เงินก่อน แสดงว่าเรื่องนี้สำคัญกว่าผลการฝึก) ใช้ไป 2 แสน ในนี้มีเอกสารหลักฐานการใช้งบครบทุกรายการครับ
ผบ.พล. : (ใบหน้าเครียด แววตาขมึงเอาจริงเอาจัง หยิบแฟ้มรายงานโยนลงพื้นหน้าผู้รายงาน พูดเสียงค่อนข้างดัง) งบ 2 ล้าน มึงใช้แค่ 2 แสน ถ้างั้นปีหน้ามึงเตรียมเอาแค่ 2 แสนเถอะ

ฝอ.3 : (งงกับการโยนแฟ้ม งงกับคำถาม) ขออณุญาตครับ ผมควรทำยังไงครับ ?
ผบ.พล. : มึงไปจำหน่ายมาให้เรียบร้อย

ฝอ.3 : ...(คิด จำหน่าย จำหน่าย จำหน่ายคืออะไร แล้วตอบตามความจริง) ขออณุญาตครับ ผมจำหน่ายไม่เป็นครับ
ผบ.พล. : (เม้มริมฝีปาก อึ้งไปชั่วครู่แล้วโพล่งคำตอบ) เออ มึงไปได้แล้ว

ฝอ.3 : (โค้งทำคามเคารพตามแบบธรรมเนียมแต่ไม่เต็มใจ ไม่พูด ไม่ตอบ ไม่หยิบแฟ้มคืนให้) ถอยหลังเดินออกจากห้องทันที

3-4-5 วันผ่านไป ช่วงชีวิตทั้งที่ทำงานและที่บ้าน เต็มไปด้วยความเครียด กลับมาที่ บก.กรม.แล้วยังไม่ได้แจ้งผลให้ เสธ.กรม, รอง ผบ.กรม. และ ผบ.กรม. ทราบ ....

ตัดสินใจโทรถามเพื่อนนายทหารรุ่นน้องที่ไต่เต้ามาจากนายสิบเหมือนกัน มีความชอบพอกันเป็นส่วนตัว อยู่กองการเงิน พล.ปตอ. รับทำน้าที่ “จ่าย/โอน” งบประมาณที่ได้จากหน่วยเหนือไปยังหน่วยปฏิบัติโดยตรง

ฝอ.3 : (เล่าที่มาของเรื่องอย่างละเอียด ยกเว้นโยนแฟ้ม) พี่ควรจำหน่ายงบนี้ยังไง ?
จนท.การเงิน : โธพี่ ก็เอาเข้าบัญชีธนาคารซี่พี่

ฝอ.3 : บัญชีใคร เข้ายังไง ?
จนท.การเงิน : พี่ทำไม่ได้หรอก เพราะพี่ใม่ใช่เจ้าหน้าที่ ไม่ใช่ตำแหน่งของพี่โดยตรง

ฝอ.3 : แล้วเป็นหน้าที่ใคร (วะ) ?
จนท.การเงิน : หน้าที่ผม ตำแหน่งผมซี่พี่ ผมจะเอาสรุปรายงานที่หน่วยใช้งบส่งมาแล้วโอนเข้าบัญชี

ฝอ.3 : บัญชีใคร บัญชีหน่วย หน่วยไหน ?
จนท.การเงิน : ไม่ใช่ทั้งนั้นเลยพี่ งานนี้เข้าบัญชีนาย บัญชีส่วนตัวครับ

ฝอ.3 : บัญชีส่วนตัว เงินราชการเข้าบัญชีส่วนตัว จากเงินราชการกลายเป็นเงินส่วนตัว นี่มัน CORRUPTION นี่หว่า...
จนท.การเงิน : แล้วแต่พี่จะเรียก แต่เขาทำกันยังงี้ทั้งนั้น ทำมานานแล้ว แล้วก็เรียบร้อยทุกครั้งด้วย

ฝอ.3 : อพิโธ่ อพิถัง อั้ยเรารึตั้งใจทำงน ทำด้วยความบริสุทธิ์
จนท.การเงิน : ที่จริง ถ้าพี่จะเอาบ้างก็ได้ ทำหลักฐานขึ้นมาเถอะ ได้ทั้งนั้น

ฝอ.3 : O.K. เข้าใจ แต่ไม่เอา (ว่ะ) ของคุณ

ไม่น่าเชื่อ.....หลังจากวันนั้นปีกว่าๆ ผบ.พล. ตาย ตายเพราะกินเหล้า อนุศาสนาจารย์ กองพล. บอกว่า “เจ้าพ่อปืนใหญ่” ลงโทษ....

KIM ZA GSS : สาธุ สาธุ สาธุ (เผาพริกเผาเกลือ ฉี่รดพริกรดเกลือ บ้วนน้ำลายทับ เท้าซ้ายเตะ เท้าขวาเหยียบ ไม่พูด แหงนหน้ามองฟ้า เดินจากไปไม่เหลียวกลับ....ไปไหว้เจ้าพ่อปืนใหญ่ ศาลอยูในกองพล ปตอ.)


149. งานสัญจร คนล้นงาน :
ที่เพชรบุรี พานิชจังหวัดประชุมเตรียมจัดงานแสดงสินค้าที อ.บ้านลาด อ.ท่ายาง เหมือนที่จังหวัดต่างๆเคยจัดกัน งานนี้มี สมช.รายการสีสันชีวิตไทยจะเข้าไปเปิดบู๊ธขายของด้วย 3 ราย ได้เสนอแนะพานิชจังหวัดให้จัดบู๊ธฟรี 1 เต็นท์ สำหรับรายการสีสันชีวิตไทย แล้วเชิญ คิม ซา กัสส์ มาพูดเรื่องการเกษตรสำหรับประชาชนทั่วใปที่สนใจเข้ามาฟัง เรียกคนได้ด้วย

พานิชจังหวัดยินดีจัดให้ 1 บู๊ธ
สมช.รายการสีสันชีวิตไทยที่ไปเปิดบู๊ธบอก “บู๊ธเดียวไม่พอ”

พานิชจังหวัดยินดีจัดเพิ่มให้เป็น 2 บู๊ธ
สมช.รายการสีสันชีวิตไทยที่ไปเปิดบู๊ธบอก “2 บู๊ธก็ไม่พอ ถ้าเป็นบ้านลาด ท่ายาง 5 บู๊ธ ก็ไม่พอ”

พานิชจังหวัดงง ถามย้อน “คิม ซา กัสส์” คือใคร

วันงานมาถึง เกษตรกรย่าน ท่ายาง บ้านลาด เพชรบุรี รู้ข่าวจากวิทยุ รายการสีสันชีวิตไทย เจตนาไปเที่ยวงานแถมได้ฟังเรื่องราวการเกษตรสไตล์ คิม ซา กัสส์ จาก คิม ซา กัสส์ ตัวจริงสียงจริงอีกด้วย

เวลาแค่ช่วงเช้า ยังไม่สาย สมช.เข้าไปฟังในบู๊ธเต็มบู๊ธ เก้าอี้ 150 ตัวไม่พอให้นั่งต้องยืน ในบู๊ธที่เตรียมไว้เต็ม เต็มจนล้น ล้นไปบู๊ธข้างๆ เต็มบู๊ธข้างๆ 1 ต๊นท์ 2 เต็นท์ 3-4 เต็นท์

คิม ซา กัสส์ บรรยายไปแค่ชั่วโมงเดียว บอก สมช.ผู้ฟังที่เข้ามาฟัง

คิม ซา กัสส์ : “ขอโทษนะ ขออภัย ขออภัยอย่างสูง งานนี้ วันนี้ ของดการบรรยายไว้ก่อน เนื่องจากสถานที่ไม่อำนวย บู๊ธข้างๆไม่ได้ขายของ เอาไว้โอกาสหน้าเราค่อยมาว่ากันใหม่ดีกว่านะ....ขอบคุณครับ"


.
kimzagass
ตอบตอบ: 29/06/2019 6:19 am    ชื่อกระทู้:

.
.

145. อยากเป็นนักเขียน :
สวัสดีค่ะ ลุงคิม
ยัยเฉิ่ม อ่านเรื่องราวต่างๆ ในช่วงนิยายสงครามของลุงแล้ว โอ้โห ! ลุงคิมทำได้ยังไงคะ ?

จากนายสิบ เป็นนายร้อย
จากนายพัน เป็นนักเขียนนิยาย
จากนักเขียนนิยาย เป็นนักจัดรายการวิทยุ
จากนักจัดรายการวิทยุ เป็นวิทยากรบรรยายเกษตร เขียนหนังสือเกษตร และลงมือทำเกษตร

ทั้งหมด เกิดขึ้นได้จากอะไร ลุงคิมมีแนวคิดอย่างไร ในการทำแต่ละอย่าง ?

COMMENT :
มีด้วยเหรอ คนที่มีความคิดแบบนี้ คือว่า เรื่องแบบนี้ มันน่าสนใจ น่าศึกษา เหรอ ? ที่ถามย้อนแบบนี้เพราะ มีคนถามแค่คนเดียว ทั้งๆที่ ....

- เว้บนี้ ในแต่ละวันมีคนเข้ามาอ่านไม่ใช่น้อย
- เว้บนี้ คนที่เข้ามาอ่าน ประเภท จริงจังจริงใจ กับชีวิตทั้งนั้น
- เว้บไหนๆ เค้าเอาเนื้อหาสาระมาใช้เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน มากกว่าให้เป็นกิจจะลักษณะ

คำถามนี้ไม่ใช่คำถามพื้นๆ หรือหาคำตอบได้ง่ายๆ เพราะมันมีความละเอียดลึกซึ้ง มีความเป็นเหตุเป็นผลในตัวมันเองที่พิสูจน์ได้ และเป็นของจริง .... พอจะสรุปคำตอบได้ดังนี้

* เริ่มจาก หัวใจนักปราชญ์ยุคโบราณ สุจิปุลิ คือ ฟังคิดถามเขียน ด้วยสมาธิแน่วแน่
* เสริมด้วย หัวใจนักปราชญ์ยุค IT คือ อ่าน/ดู/ทำ/ใช้ บนพื้นฐาน คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ เพื่อค้นหาคำตอบว่า ใช่หรือไม่ใช่ ? .... ใช่เพราะอะไร ? อะไรที่ไม่ใช่ ? .... ไม่ใช่เพราะอะไร ? อะไรที่ใช่ ?

ชีวิต/อาชีพ นักเขียนเริ่มเมื่อ....
วารสาร สมรภูมิ รายสัปดาห์ เริ่มฉบับที่ 5 ผู้หมวด คิม ซา กัสส์ ยศร้อยไท จาก ปตอ.พัน 4 นั่งคุยกับทีมงานวารสาร ในวงคุยเล่าเรื่อง "ทหารไทยในเกาหลี" คุยนานคุยยาวเป็นชั่วโมงๆ ๆๆ โดยไม่รู้ว่าทีมงานวารสารบันทึกเสียงไว้ด้วย มารู้ทีหลังเมื่อทีมงานบอกว่า

"เนื้อเรื่องในเทปมันต่อกันไม่ได้ อยากให้ผู้หมวดเอาไปถอดเทป แล้วเขียนใหม่ จะเอามาลงในวารสารสมรภูมิ ได้ไหม..." บรรณาธิการพูดยิ้มๆ

วันนั้นไม่ได้คิดว่าจะได้เป็นนักเขียน หรืออะไรทั้งสิ้น แล้วก็ยังไม่รู้ด้วยว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร แต่ลึกๆ คือ พอใจ จึงตอบกลับไป O.K.

อีก 1 อาทิตย์ ย้อนกลับไปที่สำนักพิมพ์ พบหน้าทีมงานวารสารสมรภูมิชุดเดิม บรรณาธิการ วารสารรับกระดาษ A4 ทั้งปึ๊ง 20 หน้าไปอ่าน ท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่จับจ้องเพื่อรอฟังผลการตัดสินใจของบรรณาธิการ

"ได้ครับผู้หมวด ใช้ได้ทั้งหมด ชุดนี้ลงได้ 4ตอน 4อาทิตย์ ผู้หมวดเขียนมาอีกซิครับ เรารับทั้งหมดเลย" บรรณาธิการพูดด้วยยิ้มเต็มใบหน้า
"ก็ได้ จะลองดู" ผู้หมวดคิม ซา กัสส์ ตอบ

"ไม่ใช่เขียนฟรีนะครับ ได้ค่าเขียนทุกตอนครับ" บรรณาธิการยืนยัน
"ก็ได้" ผู้หมวดคิม ซา กัสส์ ตอบเบาๆ

"ผู้หมวด ต้องมีนามปากกาด้วยนะครับ" บรรณาธิการบอก
"อืมม งั้นเอาชื่อ คิม ซา กัสส์ ก็แล้วกัน" ผู้หมวด ยศร้อยโทตอบ

"คิม ซา กัสส์ คิม ซา กัสส์ ภาษาเกาหลี ดีครับ แล้วมันแปลว่าอะไรเหรอครับ" บรรณาธิการถาม
"ไม่รู้คำแปลหรอก รู้แต่ว่า ชื่อนี้คือนักร้องเกาหลีที่ทหารไทยแทบทุกคนร้องได้ เพราะสุรพล สมบัติเจริญ เคยเอาทำนองของเขามาใส่เนื้อร้องภาษาไทย ที่คนไทยรู้จักดีนั่นแหละครับ..." ผู้หมวดนักเขียนใหม่ตอบ

"ผู้หมวด ร้องได้ไหมครับ ?" บรรณาธิการแกล้งถามเล่นๆ
"ซุกซาแง ซากา ซืกอ พังนัน ชัมชาลี...." ผู้หมวด อดีตนักรบไทยเกาหลี โชว์เพลงภาษาเกาหลีท่อนเดียว เพราะร้องได้แค่นั้น

นิยายสงครามลุงคิมมีจุดเริ่มต้นในการเขียนยังไง ?
COMMENT :
"ยาขอบ หรือ มานะ แพร่พันธุ์" เขียนนิยายเรื่อง "ผู้ชนะสิบทิศ" จากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์พม่าเพียง 7 บันทัดเท่านั้น

"พนมเทียน หรือ ฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ" เขียนนิยายเรื่อง "เพชรพระอุมา" เริ่มที่ความรู้เบื้องต้นเรื่อง "พรานป่า" จากคุณพ่อ + คุณตา เอามาจินตนาการ (เกี่ยวกับคน เป็นเรื่องจินตนาการแท้ๆ) สร้างเรื่องขึ้นมา เมื่อตลาดนิยม ภาคแรกจบแล้วจึงต่อภาค 2 (มรกตนคร) จบภาค 2 ต่อภาค 3 เมื่ออเมริกาว่างจ้างให้ค้นหาเครื่องบินที่บันทุกระเบิดปรมณูตกในป่า (จำชื่อตอนไม่ได้) แล้วดาวเทียมค้นหาไม่พบ....

พนมเทียนเขียนเพชรพระอุมา ตั้งแต่อายุ 30 กว่า จนกระทั่งอายุ 60 กว่า บอกว่าเป็นนิยายที่ยาวที่สุดในโลก ที่ยาวได้เพราะมีคนนิยมอ่าน ....

ถ้าพนมเทียนไม่ขี้เกียจ (เดา) คงจินตนาการต่อ อเมริกาอาจจะว่างจ้างให้ตามหาเครื่องบินที่หายไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า แล้วต่อด้วยมาเลเซียว่าจ้างให้ตามหาเครื่องบินมาเลเซียที่หายไปก็ได้

นิยายสงครามของลุงคิม....
บางเรื่องเริ่มที่ "ตอนกลางของเรื่อง" คือ เมื่อ "กระสุนนัดแรก" ดังขึ้น เราก็สร้างจินตนาการย้อนหลังจากกระสุดนัดแรก ถอยหลังมาที่ "คำสั่งปฏิบัติการ" (เรียกว่า ที่มา) ให้คนนั้นไปพบกระสุน .... จากกระสุนนัดแรกแล้วเกิดอะไรต่อไปอีก (เรียกว่า ที่ไป) ก็จินตนาการต่อ ต่อไปเรื่อยๆ จนจบภารกิจ

บางเรื่องเริ่มจาก "ตอนจบของเรื่อง" เราก็ "จินตนาการของเรา+เกร็ดเรื่องจริงของใครก็ได้" เอามาใส่ต่อกันให้เป็นเรื่องเดียวกัน

บางเรื่องเริ่มจาก "ตอนเริ่มของเรื่อง" เราก็ "จินตนาการของเรา+เกร็ดเรื่องจริงของใครก็ได้" เอามาใส่ต่อกันให้เป็นเรื่องเดียวกัน

จินตนาการ ........... เกิดเองตามธรรมชาติ พระเจ้าประทานมาให้ เรียกว่า "พรสวรรค์"
เกร็ดเรื่องจริง ......... เกิดจากคนเปิดใจรับ ตัวเองสร้างเอง เรียกว่า "พรแสวง"
ชีวิตนี้ 10 ส่วน ...... พรสวรรค์ 1 ส่วน แต่พรแสวง 9 ส่วน

เคยนะ .... นั่งรถไฟ ซื้อตั๋วไป-กลับ กรุงเทพฯ-อุบล นั่งในตู้สะเบียงตั้งแต่ออกจาก กทม.ไปถึงอุบล แล้วนั่งรถไฟขบวนนั้นกลับ กทม. .... อยู่ในตู้สะเบียง ดื่มๆ กินๆ หลับๆ ตื่นๆ คนเดียว กลับถึง กทม.ได้นิยายมา 4 เรื่อง

บ่อยนะ .... คุยกับเพื่อนทหาร ต่างเหล่า ต่างหน่วย ทั้งเรื่องของตัวเขาเอง และเรื่องของเพื่อนเขา รู้เรื่องที่เขาเคยผ่านสนามรบ ขอเรื่องสั้นๆ แค่ 7 บันทัดแบบผู้ชนะสิบทิศก็ได้ เพราะคนเขียนมีพื้นอยู่แล้ว

ตอนนั้น .... ช่วยราชการ (การข่าว-ยุทธการ) ศปก.ทบ.315 รับผิดชอบงานการรบด้านเขมร กับช่วยราชการ (การข่าว-ยุทธการ) ศปก.ทบ.309 รับผิดชอบงานการรบด้านลาว ทุกหน่วย ทั่วประเทศ ต้องรายงานสถานการณ์ทุกวัน ไม่มีการปะทะให้รายงานว่าปกติ มีการปะทะให้รายงานการปฏิบัติ (รุก รับ รุ่นถอย) อย่าางละเอียด .... นี่ไง ข้อมูลการรบที่เป็นเรื่องจริง

ปล.
1. นักเขียนนิยายสงคราม นามปากกา "สยุมภู ทศพล" อดีตทหารเหล่าสื่อสาร นักวิ่งทีมชาติ เป็นอาสาสมัครไปรบลาว รุ่น SR (จำรุ่นไม่ได้) รบอยู่ 1 ปี ถูกเวียตนามเหนือจับไปเป็นเชลย 4 ปี กลับมาเมืองไทย เอาประสบการณ์ (ในสนามอย่างเดียว ไม่มีประสบการณ์ใน บก.) ในลาวที่เดียวมาเขียนเป็นนิยายรวมแล้วได้ไม่กี่เรื่อง เพราะมีข้อมูลที่เป็นประสบการณ์ตรงด้านการรบแค่นั้น แต่ด้วยความมี "จินตนาการ" เรื่องสงครามสูง จึงสร้างเรื่องขึ้นมา โดยจับนักรบจากประเทศอาฟริกาออกไปรบที่โน่นที่นี่ทั่วโลก

2. นักเขียนนิยายสงคราม นามปากกา "ก้องหล้า สุรไกร" ก่อนหรือรุ่นเดียวกัน กับสยุมภู ทิศพล รายนี้ไม่มีข้อมูลเฉพาะบุคคล กับรู้จักผลงานเขาน้อยมากๆ

3. นักเขียนนิยายสงคราม นามปากกา "คิม ซา กัสส์" เกิดหลังทั้งก้องหล้าฯ และสยุมภูฯ หลายปี

ทำไมลุงคิมถึงเขียนนิยายสงคราม ?
COMMENT :
แรงบันดาลใจ :
นิยายสงคราม เพราะ "ใจ + ประสบการณ์ตรง (ออกรบ-ตัวเอง/คนอื่น) + ประสบการณ์ตรง (งานวางแผน) + สำนักพิมพ์ต้องการ + เลือดบ้า + โอกาส + สถานการณ์โลก + ตลาด + เงิน"

นิยายอื่น เพราะ "ใจ + ชั่วโมงบิน + จินตนาการ + นักเขียนรุ่นพี่ + สำนักพิมพ์ต้องการ + เลือดบ้า + โอกาส + ตลาด + เงิน"

ถ้าอยากเขียนนิยายบ้างต้องทำอย่างไร ?
COMMENT :
อยากเขียนนิยาย ให้หัดเขียน จม.เล่าเรื่องยาวๆก่อน เขียนรอบแรกแล้วเขียนซ้ำรอบสอง โดยใส่เพิ่มเรื่องราวสอดแทรกที่กลางเรื่อง แต่เรื่องราวต่อกัน จะทำให้เรื่องนั้นยาวขึ้น ....

เขียนรอบสองแล้วเขียนซ้ำรอบสาม ใส่เพิ่มเรื่องราวสอดแทรกที่กลางเรื่อง แต่เรื่องราวต่อกัน จะทำให้เรื่องนั้นยาวขึ้นไปอีก ....

เขียนรอบสามแล้วเขียนรอบสี่ รอบห้า หกเจ็ดแปด ใส่สอดแทรกเข้าไปที่กลางเรื่อง แต่เรื่องราวต่อกัน เหมือน "โม้ให้หนัก" นั่นแหละ ....(อ้างอิง : ทมยันตี)

หลักนิยายที่ลุงคิมเขียน ประกอบด้วย ใคร? ทำอะไร? ที่ไหน? เมื่อไร? อย่างไร? ทำไม? .... WHO WHAT WHEN WHERE WHY & HOW (5W 1H)

โคร ? ........ ชื่อสมมุติ-ชื่อจริง อันนี้อยู่ที่ความเหมาะสม และวัตถุประสงค์
ทำอะไร ? .... ขึ้นกับความสนใจของผู้อ่าน เรื่องในอดีต หรือปัจจุบัน หรืออนาคต
ที่ไหน ? ..... พยายามใช้ชื่อสถานที่จริง เพื่อความขลัง ความสมจริง
เมื่อไหร่ ? .... พยายามใช้ชื่อเวลาจริง เพื่อความขลัง ความสมจริง
อย่างไร ? .... เขียน จริง 1 + ส่ายไข่ 5 + ส่ายนม 5 = 11 นั่นคือ "เหนือกว่า" คนอ่าน
ทำไม ? ...... เขียนตามความต้องการของคนอ่าน หรือ ตามใจคนเขียนขัดใจคนอ่าน

นิยายไม่ใช่เรื่องจริง ................... แต่ชีวิตจริงคือนิยาย
ได้/ไม่ได้ อยู่ที่ ....................... "ใจ"
ใครก็ทำได้ ยกเว้น ................... "คุณ"



146. ตาย 1 เกิด 10 :
ด้วยคำสั่ง เด็ดขาด/รวดเร็ว/เรียบร้อย จาก CIA เพียงคำว่า “ฆ่า” สำหรับคอมมิวนิสต์และพวกพ้อง มิใยว่า เบื้องหน้าเบื้องหลังของเหยื่อสังหารเหล่านั้นจะมีใครที่มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งและเขาจะรู้สึกอย่างไร ? เพียงใด ?

CIA ไม่ใส่ใจเลยว่า ยุทธวิธีนี้จะทำให้เกิดทฤษฎีใหม่ “ตาย 1 เกิดใหม่ 10” นั่นคือ สังหารเหยื่อได้ 1 ราย แต่ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงบริวารจะตามมาแก้แค้นนับ 10 ราย ส่งผลให้กลายเป็น “ศีกยืดเยื้อ” และขยายวงกว้างไปไม่สิ้นสุด

ขึ้นชื่อว่าสงครามทางอาวุธ นอกจากจะไม่มีฝ่ายใดชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแต่เพียงฝ่ายเดียวแล้ว ตรงกันข้าม กลับพบกับความสูญเสียเหมือนๆกัน เท่าๆกัน ไม่วันนี้ก็วันหน้า ไม่ช้าก็เร็ว ไม่คนรุ่นนี้ก็คนรุ่นหน้า

อาทิ ....
- สงครามโลกครั้งที่ 1 เยอรมัน กับพันธมิตรยุโรป สูญเสียประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายละหลายๆแสน เหมือนๆกัน ....
- สงครามโลกครั้งที่ 2 เยอรมัน-ญี่ปุ่น กับ อเมริกา-พันธมิตร สูญเสียประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายละนับล้านคน เหมือนๆกัน ....

- สงครามอเมริกากับเวียดนาม สูญเสียประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายและนับแสน เหมือนๆกัน ....
- สงครามอเมริกากับอิรัก สูญเสียประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายละนับแสน เหมือนๆกัน ....
- สงครามเขมร พอลพต ฆ่าประชาชน 3 แสน ในขณะที่เขมรมีประชาชนทั้งประเทศ 7 แสน ....

ความสูญเสียที่มากมายไม่สามารถนับเป็นตัวเลขได้ คือ ขวัญ กำลังใจ สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ทหารอาชีพด้วย ขวัญ กำลังใจ แม้จะเปี่ยมล้นด้วยคุณธรรม แต่การปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดยังอยู่เหนือกว่า

ศึก ผกค. บริเวณรอยเชื่อมต่อไทยกับลาว คือ ลำน้ำโขง CIA ในฐานะผู้สนับสนุนทุกกรณี สั่งคำเดียว คือ “ฆ่า” เท่านั้น

หน่วยข่าวลับไทยไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ อย่างสูงแค่ “แยก” เชื้อชาติว่าเป็นใคร โดยว่า ถ้าเป็น ผกค.ไทย ผกค.ลาว ให้ปล่อยไป ลงท้ายจึงเหลือ ผกค.เวียดกง สังหารเสร็จแล้วปล่อย “ล่องโขง - งมหอย” ไปตามลำน้ำ ...




.
kimzagass
ตอบตอบ: 28/06/2019 5:56 am    ชื่อกระทู้:

.
.

143. งานเขียน ไทย VS อเมริกา :
เมื่อ สมช.ผู้เป็นพ่อเดินทางจากเท็กซัส สหรัฐอเมริกา มาเยี่ยมลูกชายที่จันทบุรี ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าชมรมสีสันชีวิตไทย สาขาศาลายา ในมือถือ POCKETBOOK สูตรฟันธง

ชายหนึ่งจากเท็กซัส กับชายหนึ่งอยู่เมืองไทย สองชายหน้าวัยเดียวกัน คิดอย่างเดียวกันได้พบกัน .... ตัดอารมภบทที่ทักทายซึ่งกันและกัน แล้วเข้าเนื้อหาเลย

สมช. : (โชว์ POCKETBOOK ในมือ) คุณคิมคงไม่ทราบว่า หนังสือเล่มนี้ถ้าจำหน่ายในอเมริกา คนเขียนจะได้เป็นล้านเลยครับ
คิม ซา กัสส์ : (ยิ้มเล็กๆ อาจเป็นได้ ญี่ปุ่น/อังกฤษ พิมพ์หนังสือออกมาครั้งละล้านเล่ม แต่ไทยแลนด์พิมพ์ครั้งละพันเล่ม) เป็นล้าน ได้ยังไงครับ ?

สมช. : สาระเนื้อหาครับ คนอเมริกันสนใจเรื่องอินทรีย์ชีวภาพมากๆ แต่หาข้อมูลทางวิชาการไม่ได้ หรือมีน้อยมาก ในหนังสือเล่มนี้เล่มเดียวมีครบทุกอย่างเลยครับ
คิม ซา กัสส์ : แล้วตลาดหนังสือ เขาซื้อขายกันยังไงครับ

สมช. : ซื้อขายกันปกตินี่แหละ วางแผงในห้าง หรือ BOOK STORE ก็ได้
คิม ซา กัสส์ : อืมมม... เท่าที่ผมรู้มานะ หนังสือประเภทสาระเยื้อหาเป็นวิชาการ ต้องมี BOOK DOCTOR ตรวจก่อน โดยเฉพาะหนังสือหรือเอกสารด้านการเกษตร แม้แต่แหล่งท่องเที่ยว จะต้องผ่านการรับรองจากภาคราชการก่อนตีพิมพ์เผยแพร่ ไม่ใช่เหรอ ?

สมช. : เอ... ข้อนี้ผมไม่รู้นะ อาจะเป็นอย่างที่คุณคิมว่าก็ได้
คิม ซา กัสส์ : (หัวเราะในลำคอ บนความรู้สึกขอบคุณ ที่มองทุกอย่างในแง่ดี แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย) พูดถึงเกษตรกรอเมริกา เมื่อครั้งก่อนที่ POCKETBOOK ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรกล้อมแกล้มทำเองตีพิมพ์เป็นเล่ม ผมเคยแจกเอกสารปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรกล้อมแกล้ม น่าจะถึงแสนแผ่นนะ ในจำนวนนี้มี สมช.ผู้ฟังวิทยุช่วย SEROX มาแจกด้วย บางรายช่วยครั้งละเป็นหมื่นๆ แผ่น เราก็แจกไปทั่วประเทศ ในจำนวนนี้มีหลงไปถึงอเมริกา ที่ซานฟรานซิสโก เพื่อนทหารอเมริกันเคยไปรบเกาหลีรุ่นเดียวกัน มีโอกาสได้รับเอกสารนี้จากเพื่อคนไทยที่นั่นด้วย พอรู้ว่าคนเขียนในเอกสารคือ KIM ZA GASS เป็นคนเดียวกับที่เขียนนิยาย ศึกเกาหลี เฮฮาเกาหลี ถึงกับโทรข้ามทวีปมาคุยด้วย ยังจำได้แม่นที่เพื่อนทหารอเมริกันบอกว่า อเมริกันทำเรื่องนี้มานานกว่า 50 ปีแล้ว THAILAND JUST WACKUP เหรอ ?

สมช. : (อุทาน) OH GOD
คิม ซา กัสส์ : ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ THANKYOU THANKYOU

สมช. : ผมก็ต้องขอบคุณลุงคิมด้วย ปีนี้ปีที่สองแล้วที่สวนทุรียนของผมที่เมืองจันท ได้ผลผลิตดีมาก หลังจากเปลี่ยนเปลี่ยนแนวมาทำตามแนวลุงคิม
คิม ซา กัสส์ : อ้าววว แล้วเท็กซัส กับสวนทุเรียน จันทบุรี มันเกี่ยวข้องกันได้ยังไงครับ

สมช. : อ๋ออ ผมลืมบอกไป คือ ผมเป็นคนไทยไปทำงานที่เท็กซัส ผมมีสวนทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง อยู่ที่จันทบุรี 120 ไร่ วันนี้ให้ลูกชายดูแล เมื่อก่อนนี้ลงทุนซื้อปุ๋ยตามร้าน ตกปีละ 3-4 แสน แต่พอเปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยของลุงคิม ต้นทุนค่าปุ๋ยลดลงมาเหลือแค่ไม่ถึงครึ่งแสน แถมคุณภาพผลผลิต สภาพต้น ก็ดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ
คิม ซา กัสส์ : อืมมม คุณใช้ปุ๋ยผม คุณซื้อที่ไหน ?

สมช. : (หัวเราะดัง) คุณบอย ลูกชายผมมาซื้อที่ร้านนี้ ร้านคุณน้ำส้มลูกสาวคุณคิมนี่แหละครับ
คิม ซา กัสส์ : อ๋อออ คุณบอย จำได้แล้ว บ้านอยู่บางแถวเสาอากาศ ทีวี.ช่อง 3 บางแค แฟนน้ำส้มเขาเอาไปส่งให้ที่บ้านบ่อยๆ

สมช. : นั่นแหละครับ ผมใช้ได้ผลแล้วก็พยายามบอกสวนข้างบ้านเอาไปใช้บ้าง บอกยังไงๆ รู้ก็รู้ เห็นก็เห็น เขาก็ไม่เอาตามครับ
คิม ซา กัสส์ : ปล่อยเขาเถอะ นี่แหละคนไทย

สมช. : ตอนนี้คุณคิมมีปุ๋ยตัวใหม่ออกมาอีกไหมครับ ?
คิม ซา กัสส์ : อืมมม คงไม่มีหรอกครับ นอกจากไม่ออกใหม่แล้ว จะลดตัวเก่าลงอีกแน่ะครับ

สมช. : ลด ลดยังไงครับ
คิม ซา กัสส์ : ก็ทำให้เหลือน้อยสูตรลงซิครับ ทำให้คนใช้สะดวกแล้วก็ประหยัดต้นทุนด้วย

สมช. : ผมจะคอยครับ
คิม ซา กัสส์ : ขอบคุณครับ

ถึงปีนี้ ปีที่ 4 รุ่นการผลิตของสวนนี้ สรุปต้นทุนค่าปุ๋ยปีละ 70,000 เท่านั้น
บางครั้งไปส่งให้ที่บ้านบางแค บางปีมารับกับมือลุงคิมที่บ้าน เลยได้พูดคุยสอบถามกัน



144. จบเกมส์วารสารเกษตรใหม่ :
เมื่อ วารสารเกษตรใหม่ ฉบับที่ 36 เดินไปถึงโกดังย่านถนนสุทธิสารฯ เพื่อออกสู่แผงในตลาดเหมือนอย่างเคย ปกติจะพบวารสารฉบับที่ 35 ที่เหลือกลับมาจากแผงรออยู่ แล้วส่งฉบับที่ 36 ลงไปแทน

วารสารเกษตรใหม่ ราคาหน้าปก 35 บาท ลงทุนฉบับละ 14 บาท เอเย่นต์เอาไป 7 บาท = 21 บาท นั่นคือเจ้าของได้รับ 14 บาท

ยอดจำหน่ายได้ฉบับละ 11,000 เล่ม = 11,000 x 14= 154,000
เฉพาะวารสารได้ 154,000 /ฉบับ /3 เดือน (ได้เดือนละ 50,000 มากกว่าเงินเดือนพันโท....ว่ะ)

ต้นทุนจริงๆ มีแค่ค่าพิมพ์อย่างเดียว ไม่มีค่านักเขียน ค่านักข่าว ค่าสำนักงาน ฯลฯ
เพราะ KIM ZA GASS ทำคนเดียว ตั้งแต่บรรณาธิการ ลงไปถึงยามหน้าประตู
ถ้ามีสปอนเซอร์คงได้มากกว่านี้....ว่ามั้ย

แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็อุบัติขึ้น....
คิม ซา กัสส์ : เจ๊ เกษตรใหม่ ฉบับที่ 35 ส่งมาให้ตั้ง 3 เดือนแล้วยังไม่ส่งไปแผง แล้วฉบับที่ 36 จะวางแผงได้ไง มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ ?
เอเย่นต์ : เอ้อออ ผู้พันคะ ดิฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ คือว่า ช่วงนี้บริษัทเรากำลังย้ายโกดัง จากสุทธิสาร มาอยู่นวนคร ค่ะ

คิม ซา กัสส์ : แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเกษตรใหม่ ฉบับที่ 35 ครับ ?
เอเย่นต์ : คือว่า คนงานเป็นพม่า เขาอ่านภาษาไทยไม่ออก พูดไทยก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เรื่องของเรื่องก็คือ หนังสือเก่าที่เหลือกลับมาจากแผง กับหนังสือใหม่ที่จะไปวางแผง คนงานเขาวางผิดที่ เอาหนังสือใหม่ที่จะไปวางแผง ไปวางตรงที่หนังสือเก่ากลับมาจากแผง เลยทำให้หนังสือใหม่ไม่ได้วางแผง นี่แหละค่ะ

คิม ซา กัสส์ : แล้วค่าเสียหายล่ะ งานนี้เสียหายทั้งคุณทั้งผมนะ
เอเย่นต์ : เข้าใจค่ะ

คิม ซา กัสส์ : เอาวะ งานนี้เอางี้ก็แล้วกัน เอาฉบับที่ 36 วางแผงต่อ ส่วนฉบับเก่า ฉบับที่ 35 ผมเอากลับเอง
เอเย่นต์ : ได้ค่ะ ขอบคุณผู้พันมากค่ะ

คิม ซา กัสส์ : ฉบับที่ 36 เป็นฉบับสุดท้ายนะ บอกตามตรง เสียความรู้สึก
เอเย่นต์ : อย่าเพิ่งค่ะผู้พัน จะเลิกทั้งวารสาร ทั้ง POCKET BOOK เลยหรือคะ ?

คิม ซา กัสส์ : ทั้งสองนั่นแหละ ถ้ามีอย่างอื่นอีกก็ไม่เอา
เอเย่นต์ : (เงียบ...)

ไม่น่าเชื่อ....ภาพกองหนังสือในโกดังเอเย่นต์ส่งสินค้าสิ่งพิมพ์ที่เห็นประจำ....
วารสารเกษตรใหม่ ไม่มีโฆษณา วางแผงครั้งละ 12,000 เล่ม เหลือกลับจากแผง 1,000 เล่ม
วารสารมีโฆษณา 200 หน้า วางแผงครั้ง 6,000 เล่ม เหลือกลับจากแผง 3,500 เล่ม

วารสารเกษตร ไม่มีสปอนเซอร์ ถึงมือผู้บริโภค (ผู้อ่าน) ครั้งละ 11,000 เล่ม
วารสารเกษตร มีสปอนเซอร์ ถึงมือผู้บริโภค (ผู้อ่าน) ครั้งละ 2,500 เล่ม

วารสารเกษตรเกษตรใหม่ สปอนเซอร์เสนอให้หน้าละ 1,500-3,000 ต่อฉบับ
วารสารเกษตรมีโฆษณา เรียกจากสปอนเซอร์หน้าละ 10,000 ต่อฉบับ




.
kimzagass
ตอบตอบ: 27/06/2019 6:47 am    ชื่อกระทู้:

.
.


141. ชิงตัวนักเขียน :
เมื่อครั้งสงครามระดับโลก เวียดนาม/ลาว/เขมร กำลังบูม กำลังทหารหลายๆชาติเข้าไปมีส่วนร่วมภายไต้ธงอเมริกัน ที่ขาดไม่ได้ คือ ROYAL THAI ARMY ถึงขนาด แข่งขัน/วิ่งเต้น/เล่นเส้น/เสียเงิน ไปสงครามกันเลยทีเดียว สร้างความฉงนให้กับทหารอเมริกันเป็นยิ่งนัก ....

เชื่อหรือไม่ : .... ทหารอเมริกัน ทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ต้องไปรบ ก็อย่าง เคียสเซียส เคล์ นักมวยแชมป์โลก ลงทุนเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลาม โมฮัมหมัด อาลี เพื่อไม่ต้องไปรบไง แม้แต่ไปรบแล้วทำผิดวินัยร้ายแรง ลงโทษให้อยู่รบต่อ.... แต่ทหารไทย ทำทุกวิถีทางให้ได้ไปรบ ไปรบแล้วทำผิดวินัยร้ายแรง ลงโทษส่งกลับประเทศ....

ท่ามกลางไฟสงครามนั้น สภาพเศรษฐกิจหลายตัวพรุ่งพรวดๆ ที่เห็นชัดอย่างหนึ่งในประเทศไทย คือ สิ่งพิมพ์ หนังสือเกี่ยวกับสงคราม นิตยสารสมรภูมิ คือ หนึ่งในวงการนี้ ด้วยการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับสงคราม เวียดนาม/ลาว/เขมร ไม่ต้องอาศัยนักข่าวทุกประเภท เอาแค่ "นักแปล" คอยเปลี่ยนภาษาอังกฤษจากนิตยสารต่างประเทศเป็นภาษาไทย พร้อมกับเอารูปประกอบเรื่องมาด้วยเท่านั้น

คิม ซา กัสส์ ในฐานะทหารผ่านศึก เกาหลี/เวียดนาม/ลาว/ผกค/CIA มีโอกาสสำแดงฝีไม้ลายเส้น เขียนเรื่องจริงอิงนิยายลงในนิตสารสมรภูมิ ทำให้เป็นนิตยสารที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในบรรดาสิ่งพิมพ์ประเภทเดียวกัน

เมื่อมีเรื่องธุรกิจการลงทุน ก็ต้องมีการใช้กลยุทธการตลาดด้วยมันสมอง หรือใช้เล่กะเท่ห์ล้มคู่แข่ง "จ้างฆ่า" ก็ต้องทำ

คู่แข่งธุรกิจ : (เสียงคฑาชายดังมาในโทรศัพท์) ขอพูดกับคิมซากัสส์ ครับ
คิมซากัสส์ : (เสียงนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน) กำลังพูดครับ

คู่แข่งธุรกิจ : ผมโทรจากหนังสือ “..?..” สำนักงานอยู่ตึกราชดำริ อาเขต ประตูน้ำ อยากคุยธุรกิจกับคิมซากัสส์ ครับ
คิมซากัสส์ : (นึกในใจ ก.เป็นทหาร เป็นนักธุรกิจได้ด้วยเหรอวะ) ธุรกิจอะไรครับ ขอโทษครับ

คู่แข่งธุรกิจ : ธุรกิจหนังสือ เหมือนหนังสือที่คุณคิมซากัสส์เขียนอยู่นั่นแหละครับ
คิมซากัสส์ : (คงหมายถึงนิตยสารสมรภูมิ เพราะเป็นนิตยสารแบบเดียวกับของคนที่โทรมา) ไม่เข้าใจครับ ขอรายละอียดมากกว่านี้หน่อยครับ

คู่แข่งธุรกิจ : ครับ ดีครับ พูดกันสั้นๆ พูดง่ายๆ คือว่า ผมอยากให้คุณคิมซากัสส์มาเขียนนิยายในหนังสือผม ผมมีค่าตัวให้ก้อนหนึ่ง กับให้ค่าเขียนเท่าเดิมที่คุณคิมได้รับอยู่
คิมซากัสส์ : (เริ่มเห็นช่องทาง) ค่าตัวก้อนหนึ่ง เป็นเงินเท่าไหร่ครับ

คู่แข่งธุรกิจ : ดีครับ พูดสั้นดี ผมให้ 1 แสน เงินสดครับ
คิมซากัสส์ : ค่าตัว 1 แสน ค่าเขียน ผมมีทั้งรายสัปดาห์ แล้วก็พ๊อกเก็ตบุ๊คด้วย

คู่แข่งธุรกิจ : อันนี้ผมรับแต่รายสัปดาห์ครับ เพราะผมไม่ได้ทำพ๊อกเก็ตบุ๊ค
คิมซากัสส์ : (เริ่มเห็นเค้า เราขาดทุน) อืมมม ค่าตัวนักเขียน 1 แสน คุณออกนิตยสารรายสัปดาห์แค่ 2 ฉบับก็ได้ทุนคืน ฉบับต่อๆไป คือ กำไรเนื้อๆ แต่รายได้ผม พ๊อกเก็ตบุ๊คมากกว่ารายสัปดาห์หลายเท่า

คู่แข่งใหม่ : คือว่า ต้นทุนของเรายังไมีน้อย อยากให้คุณคิมมาช่วยหน่อยน่ะครับ
คิมซากัสส์ : การขอความช่วยเหลือกัน เขาไม่ทำกันยังงี้ ไม่ใช่เหรอ ?

คู่แข่งธุรกิจ : งั้นผมขอโทษ แล้วผมต้องทำยังไงครับ ?
คิมซากัสส์ : (ขี้เหนียวหรือเงินน้อย ไม่รู้) เอาเป็นว่า ผมปฏิเสธงานนี้ก็แล้วกัน

เมื่อตอบปฏิเสธไปแล้ว 5 วัน เริ่มมีงานอุบัติขึ้น ที่ริมฟุตบาทถนนฝั่งตรงข้าม สนง.นิตยสาร สมรภูมิ ชายฉกรรจ์ 4 คน กับมอเตอร์ไซด์ 2 คัน มาจอดรอตั้งแต่สายๆ 10 โมงเช้า จนถึงบ่าย 2 โมงกว่าจึงกลับไป

วันรุ่งขึันแรก 10 โมงเช้ามาใหม่ คราวนี้มอเตอร์ไซด์ 2 คันเดิม แต่ 4 คนหน้าใหม่
วันรุ่งขึ้นที่สอง เวลาเดิม มอเตอร์ไซด์ 2 คันเดิมวันแรก แต่ 4 คนหน้าเดิมวันแรก
วันรุ่งขึ้นที่สาม เวลาเดิม มอเตอร์ไซด์ 2 คันเดิมวันแรก แต่ 4 คนหน้าเดิมวันที่สอง
วันรุ่งขึ้นที่สี่ เวลาเดิม มอเตอร์ไซด์ 2 คันเดิมวันแรก แต่ 4 คนหน้าเดิมวันแรก

คิม ซา กัสส์ คุยกับ ผู้จัดการสมรภูมิ เล่าเรื่องเจรจาซื้อตัว แล้วบอกว่า "นี่ไง แก๊งมือปืนรับจ้างฆ่า" งานนี้มีการแอบถ่ายภาพ มุมไกล มุมไกล้ มุมสูง ใบหน้าคนหัวจรดเท้า รูปรถมอเตอร์ไซด์ทั่วคันแต่ไม่มีป้ายทะเบียน

เลขาฯ ผู้จัดการสมภูมิ โทรศัพท์สอบถามธุรกิจกับ สนง.นิตยสารคู่แข่ง โดยไม่รู้รายละเอียดเบื้องลึก กระทั่งรู้ที่ตั้ง สนง.

8 โมงเช้าวันนั้น คิมซากัสส์ กับลูกน้อง 6 คน ทุกคนในเครื่องแบบสนาม ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆประดับกายแม้แต่เข็มสักเล่ม ปรากฏตัวที่ชั้นล่างของอาคารราชดำริอาเขต สั่งลูกน้องให้ไปกินอาหารในร้านอาหาร เพื่อไม่ให้ใครสงสัยสนใจ ส่วนตัว คิม ซา กัสส์ เข้าลิฟท์ กดปุ่มไปชั้น 18 ทันที

ช่วงเช้าธุรกิจยังไม่คึกคัก จึงไม่มีปัญหาที่คนเดียวเดี่ยวๆจะเข้าไปยืนอยู่หน้าโต๊ะคู่เจรจาที่ล้มเหลวทางโทรศัพท์ได้อย่างสดวกโยธิน

ชายกลางคน อายุราว 50 มาดนักธุรกิจมีระดับ บนหน้าโต๊ะมีป้าย "ผู้จัดการ" โชว์อยู่ โต๊ะข้างๆเป็นหญิง เห็นแว้บเดียวต้องยอมรับ ผู้หญิงคนนี้สวย สวยมากๆ

คู่แข่งธุรกิจ :(เงยหน้า ตีหน้าซื่อเพราะไม่รู้ว่าใคร) สวัสดีครับ
คิมซากัสส์ : (งานนี้รุกคาดทันที) ผม คิม ซา กัสส์ คุณคิดจะฆ่าผมเหรอ ?

คู่แข่งธุรกิจ : (ตีหน้าตะลึง) คุณเอาอะไรมาพูด ?
คิมซากัสส์ : (ล้วงรูปถ่ายออกมาจากกระเป๋า) นี่คือหลักฐาน มอเตอร์ไซด์ 2 คันนี้จอดอยู่ข้างล่างนี่เอง นี่คือมือปีน 4 คนที่สับเปลี่ยนหน้ากันไปปะกบผม คุณปฏิเสธเหรอว่านี่ไม่ใช่การจ้างฆ่า ?

คู่ขาสนทนา มองรูปแล้วตกใจเหมือนจนมุมต่อหลักฐาน อ้าปากหน้าซีด สองแขนห้อยลงข้างตัว คอเอียงทางขวาเต็มที่ พลอยทำให้น้ำหนักตัวเอนไปทางข้างอย่างรุนแรงฉับพลัน ส่งผลให้ร่างนั้นร่วงจากเอ้าอี้ลงไปกองกับพื้น

คู่แข่งธุรกิจ : คุณ.... ผม....
คิมซากัสส์ : (ยืนขึ้น มองแต่ไม่พูด)

คู่แข่งธุรกิจ : (ผู้หญิงนั่งข้างๆ ลุกมาช่วย จะประคองให้ลุกแต่ทำไม่ได้)
คิมซากัสส์ : (วิญญานนักล่าสังหารกลับมาอีกครั้ง) จัดการกันเองนะ กูไปละ

เมื่อ 5 วันผ่านไป สนง.สมรภูมิ สั่งให้เลขาโทรติดต่อธุรกิจกับสำนักพิมพ์คู่แข่งนั้นอีกครั้ง คำตอบที่ได้ คือ "ผู้จัดการไม่สบาย อยู่โรงพยาบาล...."

เมื่อ 5 วันที่สองผ่านไป สนง.สมรภูมิ สั่งให้เลขาโทรติดต่อธุรกิจกับสำนักพิมพ์คู่แข่งนั้นอีกครั้ง คำตอบที่ได้ คือ "ผู้จัดการตายแล้ว ศพอยู่วัดโสม...."


142. ลิขสิทธิ์งานเขียน :
เมื่อครั้งยังไม่เกษียณราชการ ในห้อง "ฝ่ายผลิตรายการ" สถานีวิทยุ พล.ปตอ. วันนั้นผู้พันคิมอยู่ในเครื่องแบบทหารยศพันโท ซึ่งนานๆจะแต่งซะที เพราะงานปกติในหน้าที่รับแต่บุคคลพลเรือนมากกว่าบุคคลทางทหารที่เป็นผู้บังคับบัญชา ขณะกำลังเพลินอยู่กับจอโน้ตบุ๊คนั้น ลูกน้องเข้ามาส่งข่าว

"ผู้พันครับ มีแขกมาขอพบ ตอนนี้อยู่ข้างล่างครับ" ลูกร้องรายงานเบาๆ เหมือนไม่กล้ารบกวนสมาธิ
"แขกอินเดีย แขกอาหรับ หรือแขกอิสลาม ยะลาปัตตานีวะ" เจตนาพูดโจ๊กมากกว่าเป็นจริงเป็นจัง แล้วออกคำสั่ง "ไปรับเขาขึ้นมาซี่..." ผู้พันคิมตอบ เสียงกลั้วหัวเราะ

เมื่ออาตันตุกะปรากฏขึ้นในสายตา ใจแว้บขึ้นมาทันที นึกถึงเมื่อกี้นี้พูดเล่นว่าแขกยะลาปัตตานี เกิดตาละปัดเป็นจริงขึ้นมาได้

เมื่อชายหนุ่ม 2 คน คนหนึ่ง รูปร่าง ผิวพรรณ ใบหน้า เหมือนคนไทยอิสลามภาคไต้ หรืออาจจะไปทางไทยอิสลามแถวๆ อยุธยาก็น่าจะใช่ กับชายอีกคนหนึ่งที่ไม่น่าสงสัยเพราะมาดทุกกระเบียดนิ้ว คือ ไทยแท้ ไทยพุทธ

อาตันตุกะมาดไทยแท้เอ่ยปากขึ้นก่อน "สวัสดีครับผู้พัน ผมชื่อ..?.. ส่วนเพื่อนที่มาด้วยเป็นมาเลเซีย ชื่อ..?.. ต้องการมาคุยกับผู้พันเรื่องใน POCKET BOOK เล่มนี้ครับ"

ขณะลูกน้องกำลังเลื่อนเก้าอี้เพื่อรับแขก ผู้พันคิมในฐานะผู้รับการมาเยือนยิ้มกว้าง ยื่นมือขวาไปให้ชายมาเลเซีย CHECKHAND ตามวัฒนธรรมสากล แล้วเชิญทั้งสองอาคันตะกะนั่ง ชายมาดไทยแท้แปลเป็นภาษามาเลเซีย

"อืมมม ดูเหมือนคุณไม่ได้พูดภาษาอังกฤษนะ ขอโทษ นั่นภาษาอะไร ?" ผู้พันคิมถาม
"ภาษามาเลเซีย เมืองปีนัง เป็นภาษาประจำถิ่นครับ" ชายมาดไทยแท้บอก แล้วพูดเป็นภาษามาเลยเซียสั้นๆ ให้ชายปีนังรับรู้ด้วย

"วันนี้มีอะไรให้ผมรับใช้" คิดในใจ วันนี้ต้องทำหน้าที่ทูตสันทวไมตรีระดับประเทศซะมัง
"ขอบคุณครับผู้พัน" ชายมาดไทยแท้ตอบ แล้วพูดเป็นภาษามาเลยเซียให้ชายปีนังรับรู้ด้วย

ลูกน้องยกถ้วยกาแฟ พร้อมแก้วน้ำเย็นมาเสิร์ฟรับแขก ชายมาดไทยแท้โชว์ห่อหนังสือ แล้วเริ่มเจรจาวัตถุประสงค์

"ผู้พันครับ นี่คือ POCKET BOOK เรื่อง ปุ๋ยน้ำชีวภาพ สูตรกล้อมแกล้ม ทำเอง ที่ผู้พันเขียน ผมซื้อมาจากร้านที่สพานควาย 12 เล่ม เหมาหมดทั้งร้านเลย" ชายมาดไทยแท้ล้วง POCKET BOOK ทั้ง 12 เล่มมาวางบนโต๊ะให้เห็น

"คุณซื้อมาทำไมเยอะแยะน่ะ" ผู้พันคิมถาม ด้วยอาการคิ้วย่นนิดๆ
"เรียนตามตรงครับ ผมจะเอาไปแปลเป็นภาษามาเลเซียครับ" ชายมาดไทยแท้ตอบ

"แปล แปลเป็นภาษามาเลเซีย ออกงงๆนะ ขอรายละเอียดหน่อย" ผู้พันคิมถามพร้อมกับเหลือบสายตามองหน้าชายมาดมาเลเซีย

"คือว่า ผมอ่านเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้แล้วแปลให้ฟังคุณ..?.. เขาสนใจมาก เขาบอกว่า เขาติดตามข้อมูลเรื่องปุ๋ยน้ำชีวภาพมานาน จากหนังสือของออสเตรเลย อเมริกา ก็มีรายละเอียดไม่มากเท่าหนังสือที่ผู้พันเขียน เขาเลยสนใจ"

"ปกติคุณ..?.. ทำงานอะไร ?" ผู้พันคิมถามถึงชายมาดมาเลเซีย
"เป็นเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรประจำรัฐปีนัง เขาเป็นข้าราชการด้านเกษตร เหมือนเกษตรอำเภอ เกษตรจังหวัด บ้านเรานี่แหละครับ" ชายมาดไทยแท้ตอบพร้อมกับแปลเป็นภาษาปีนัง

"O.K. WELLCOME" ผู้พันคิมตอบเสียงดังชัดเจนสไตล์ทหารไทย พร้อมกับยืนมือออกไป CHECK HAND กับชายมาดมาเลเซียอีกครั้ง

"ผู้พันครับ คือว่า ที่มาวันนี้เพื่อจะมาบอกว่า ทีมงานเกษตรของมาเลเซียเขาสนใจหนังสือเล่มนี้มาก เขาให้มาถามเรื่องลิขสิทธิ์ เขาจะเอาไปตีพิมพ์เป็นภาษาของเขาน่ะครับ" ชายมาดไทยแท้ตอบพร้อมกับแปลเป็นภาษาปีนัง

"ลิขสิทธิ์ ลิขสิทธิ์" ผู้พันคิมเอ่ยคำนี้ 2 ครั้ง เงียบไปชั่วครู่แล้วพูดต่อ... "หนังสือเกษตรที่ผมเขียน ทุกเล่มไม่มีลิขสิทธิ์หรอก" ผู้พันคิมบอก

"ไม่มีลิขสิทธิ์ ถ้ามาเลเซียเขาแปลเป็นภาษาของเขาแล้วทำเป็นรูปเล่ม ... อ้อ ขอบอกก่อนครับ หนังสือเล่มนี้แปลแล้ว ทำเป็นเล่มแล้ว เขาไม่ได้ทำขายนะครับ เขาจะเอาไว้แจกเกษตรกร กับนักเรียนในโรงเรียนน่ะครับ" ชายมาดไทยแท้ตอบพร้อมกับแปลเป็นภาษาปีนัง ชายหนุ่มปีนังยิ้มพอใจ

"O.K. FOR MALAYSIA FROM THAILAND .... ROYAL THAI ARMY" ผู้พันคิมมองหน้าชายมาดมาเลเซีย พูดภาษาอังกฤษแล้วเปลี่ยนมาพูดภาษาไทยกับชายมาดไทยแท้ "คุณบอกคุณ..?..เลย ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้"

"ครับ ขอบคุณครับ" ชายมาดไทยแท้ตอบพร้อมกับแปลเป็นภาษาปีนัง ชายหนุ่มปีนังยิ้มพอใจ
"THANK YOU THANK YOU VERY MUCH" ชายมาดมาเลเซียยืนขึ้น ยิ้มเต็มหน้า แล้วยื่นมือไปขอ CHACKHAND กับผู้พันคิม

วันนั้นคุยกันยาวเรื่องเกษตรของเมืองปีนัง จึงรู้ว่าที่นั่นทำโครงการสวนเกษตรเพื่อการท่องเที่ยว ปลูกพืชล้มลุกอายุสั้นฤดูกาลเดียว ในโรงเรือน แบบอินทรีย์เคมีผสมผสาน อินทรีย์เพียวๆ ไม่ใช้สารเคมียาฆ่าแมลงทุกชนิดเด็ดขาด

เมื่อวันนั้น ยกลิขสิทธิ์หนังสือให้ไปแล้ว
เมื่อวันนี้ ไม่มีวี่แววหนังสือแปลซักเล่ม เงียบเหมือนเข้ากลีบเมฆ แม้แต่คนมาติดต่อ ทั้งไทย ทั้งมาเลเซียก็เงียบ ไม่รู้ว่าเขาเอาไปแปลจริงหรือเปล่า.... ไม่รู้จริงจริง สาบาล




.
kimzagass
ตอบตอบ: 26/06/2019 6:26 am    ชื่อกระทู้:

.
.

139. โชคชน :
รายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตรและอาชีพเสริม กำเนิดขึ้นมาได้ด้วย “รับคำสั่ง ทำทันที ทำดีที่สุด” เป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามตำแหน่ง ชกท. (ความชำนาญการทางทหาร) .... 3 ปีแรกของภารกิจแม้ไม่มี SPONSOR ก็ไม่รู้สึกใดๆที่บ่งบอกถีงความต๊อแต๊ ตรงกันข้าม ทุกลมหายใจเปี่ยมล้นด้วยความ สนุก-ภูมิใจ-มุ่งมั่น ในการพัฒนาให้ดีขึ้น ๆๆ

โบราณสอนว่า อยากได้อะไร ไปหาอันนั้น แล้วจะได้อันนั้นมา กรณี SPONSOR รายการวิทยุล่ะ

ต้องไปหาจึงจะได้มา ยังงั้นมั้ย ? คำตอบคือ “ไม่แน่” เพราะวันดีคืนดี BIOKING ปุ๋ยเคมีน้ำทางใบ

หลากหลายสารพัดสูตรก็เข้ามาเป็น SPONSOR ยินดีจ่ายทั้ง ค่าเวลาสถานีวิทยุ ค่าตัว ดีเจ. กับทั้ง ค่าเหนื่อยคราออกสัญจรไป บรรยาย/สอน เกษตรกร ถึงพื้นที่

สาบาล ! .... วิทยุรายการนี้ไม่เคยออกไปหา SPONSOR มีแต่ SPONSOR เข้ามาหา มาหาเอง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโชคจะ “วิ่งชน” อย่างนี้ไปอีกกี่สมัย

4 ปีแรกกับ BIOKING ต่อด้วย 6 ปีหลังกับ ผลปุ๋ยรุ้ง รวม 10 ปี .... และวันนี้อีก 10+ ปี สีสันชีวิตไทย รายการวิทยุยังอยู่ อยู่กับ SPONSOR รายใหม่....

ค่าตัว เดีเจ. :
วิทยุ พล.ปตอ. (กทม. รายการสด) เดือนละ 30,000 ......... SPONSOR BIOKING จ่าย
วิทยุยานเกราะ (กทม. เทปคลาสเซ็ต) เดือนละ 30,000 ...... SPONSOR BIOKING จ่าย
วิทยุเสียงอดิศร (สระบุรี. เทปคลาสเซ็ต) เดือนละ 30,000 .... SPONSOR BIOKING จ่าย
วิทยุ สทร.(จันทบุรี. รายการสด) เดือนละ 30,000 ............ SPONSOR BIOKING จ่าย
วิทยุ มก. กทม. (เทปคลาสเซ็ต) เดือนละ 30,000 ............ SPONSOR BIOKING จ่าย

รวม เดือนละ 30,000 x 5 สถานี = 150,000 /เดือน
นาน 4 ปี = 4 ปี x 12 เดือน x 30,000 = 14,400,000

งานสีสันสัญจรไปบรรยาย ตจว. เดือนละ 2 ครั้ง ได้ค่าตัวครั้งละ 20,000 = 40,000 /เดือน
สัญจร 4 ปี (48 เดือน x 40,000 = 1,920,000 )
รวมรายได้ 4 ปีแรก ดีเจ + สัญจร 14,400,000 + 1,920,000 = 16,320,000

6 ปีหลังกับผลปุ๋ยรุ้ง รายได้เดือนละ 30,000 SPONSER จ่าย นาน 6 ปี
รวมรับ 6 ปี (72 เดือน) = 72 เดือน x เดือนละ 30,000 = 2,160,000

รวมรายได้ 4 ปีแรก (BIOKING) + 6 ปีหลัง (ผลปุ๋ยรุ้ง) = 14,400,000 + 2,160,000 = 16,560,000

รายการวิทยุจิตอาสา :
วิทยุ อสมท. อาทิตย์ละ 1 วัน รายการสด .............. ฟรี
วิทยุจราจร สวพ.91 อาทิตย์ละ 1 วัน รายการสด ...... ฟรี

กำไรจากขายหนังสือเกษตร วารสารราย 3 เดือน ฉบับละ 10,000 x 14 = 140,000 (4 ฉบับ/ปี)
กำไรจากขายหนังสือเกษตร POCKET BOOK 10 เรื่อง ๆละ 150,000 = 1,500,000
POCKET BOOK หัวใจเกษตรไท 1,000 เล่ม ๆละ 1,000 = 1,000,000

ทำงานคนเดียว รับเงินคนเดียว :
- เนื้อหาในหนังสือได้มาจากข้อมูลที่ใช้ออกอากาศประจำวัน (เขียนล่วงหน้าไว้ในคอม.)
- ทำเทป ไม่เอ่ย วัน ว. เวลา น., ไม่เอ่ยชื่อสถานี, เรื่องเดียวกันออกอากาศพร้อมกันได้ทุกสถานี
- เนื้อหาเรื่องเดียวกัน สปอนเซอร์เดียวกัน ดีเจ.คนเดียวกัน
- มีห้องบันทึกเสียงส่วนตัวที่บ้าน (ลงทุนเครื่องบันทึกเสียง 10,000)
- บันทึกเทปคลาสเซ็ทได้ครั้งละ 10-20 ม้วน, ทำงานบันทึกเทป 1 ครั้ง ออกอากาศได้ 7 วัน วันละม้วน, ส่งเทปทาง ปณ. อาทิตย์ละครั้ง

ปัจฉิมลิขิต :
- ไม่บอกตัวเลข เพราะกลัวสรรพากรไม่เชื่อ
- ไม่บอกตัวเลข เพราะกลัว สมช. ผู้ฟัง/ผู้อ่าน ไม่เชื่อ
- ไม่บอกตัวเลข เพราะกลัว สมช.ทำตามแล้วได้ น้อยกว่านี้/เท่านี้/มากกว่านี้



140. รางวัลเกียรติยศ :
เมื่อกองทัพบกมีคำสั่งถึง นขต. (หน่วยขึ้นตรง) กองทัพบก ให้หน่วยค้นหากำลังพลในสังกัดที่มีความสามารถในการเขียนนิยายสงคราม ให้เขียนนิยายเข้าประกวดในนามกองทัพบก งานนี้ พล.ท.สำเภา ชูศรี ผบ.นปอ. (ยศขณะนั้น.... ผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก) รับคำสั่งจาก ทบ. ผู้พันคิมจึงถูกเรียกตัวเข้าพบ

ผบ.นปอ. : เฮ่ยยยย คิม ซา กัสส์ งานเข้าว่ะ
คิม ซา กัสส์ : ครับ

ผบ.นปอ. : ตอนนี้มึงยังเขียนนิยายสมรภูมิอยู่หรือเปล่า ?
คิม ซา กัสส์ : (นายรู้ได้ไง สงสัย ตอบเสียงอ่อยๆ) ยังเขียนอยู่ครับ

ผบ.นปอ. : มีเรื่องต้นฉบับที่เขียนไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ส่งให้บริษัทไหม ?
คิม ซา กัสส์ : มีครับ

ผบ.นปอ. : คืองี้ กองทัพบกให้หน่วยที่มีนักเขียน เขียนนิยายสงครามเข้าประกวดในนามกองทัพบก หน่วยเราก็เห็นมีแต่มึงนี่แหละ
คิม ซา กัสส์ : ผมต้องทำยังไงบ้างครับ ?

ผบ.นปอ. : เขียนนิยายขึ้นมาซักเรื่อง ความยาว 20-30 หน้า จบในเรื่อง ได้ไหม ?
คิม ซา กัสส์ : ขออณุญาตครับ ด่วนไหมครับ ?

ผบ.นปอ. : อาทิตย์หน้า เดือนหน้า ไหวไหม ?
คิม ซา กัสส์ : (คิดหนัก) พอไหวครับ

ผบ.นปอ. : เรื่องแบบไหน บอกได้ไหม ?
คิม ซา กัสส์ : ที่เขียนไว้แล้วเป็น POCKET BOOK ความยาวประมาณ 500 หน้า ตั้งชื่อเรื่องไว้ว่า “พิลาปเปื้อนเลือด” ถ้าจะเอาเร่งด่วนก็ต้องย่อเรื่องลงมาเป็นเรื่องสั้นครับ

ผบ.นปอ. : (หัวเราะ) พิลาปเปื้อนเลือด มันเป็นยังไงเหรอ ?
คิม ซา กัสส์ : เป็นเรื่องทหารปราบ ผกค. ออกภารกิจแล้วพบ ผกค.ที่เป็นคนไทย ไม่ฆ่า แต่แนะนำให้เขากลับบ้าน แต่ถ้าเป็น ผกค.ต่างชาติ อันนี้ต้องฆ่า

ผบ.นปอ. : เปื้อนเลือดต่างชาติ ไม่เป็นไรมั้ง
คิม ซา กัสส์ : ไม่ใช่แค่นั้นครับ ผกค.ต่างชาติที่เข้ามาเพราะมีคนไทยเป็นคนนำเข้ามา คนไทยเป็นระดับผู้นำครับ

ผบ.นปอ. : คนไทยแบบนี้ก็ต้องฆ่าซิวะ นี่ใช่ไหม พิลาปผู้รักสันติภาพต้องมาเปื้อนเลือด ?
คิม ซา กัสส์ : ประมาณนั้นครับ

ผบ.นปอ. : งั้นเอาเนื่องนี้ส่งประกวดเลย พร้อมใช่ไหม ?
คิม ซา กัสส์ : ขอเวลาเรียบเรียงใหม่ 1 อาทิตย์ครับ

จากวันนั้น สิริรวมเวลาได้ 3 เดือน ที่หอประชุมกองทัพบก บรรดานักเขียนนิยายสงครามสังกัดกองทัพบกจากทั่วประเทศได้มาชุมนุมกัน เพื่อฟังผลการประกวดและรับรางวัล

ผบ.นปอ. : เฮ้ย คิม ซา กัสส์ ของมึงได้ชนะเลิศ อันดับ 1 ว่ะ
คิม ซา กัสส์ : ขอบคุณครับ

รางวัลที่ได้รับวันนั้นเป็น รูปหล่อพระเจ้าตากสิน มหาราช ทรงม้าศึก ชูดาบขึ้นฟ้า สูง 1 คืบมือ .... ไม่ยักกะมีซองเงินรางวัล (ว่ะ)

นึกเสียดายเล็กๆ (ได้แค่นึก) "พิลาปเปื้อนเลือด" เรื่องนี้ถ้าขายให้บริษัท ทำเป็น POCKET BOOK ได้แล้ว 25,000



.
kimzagass
ตอบตอบ: 21/06/2019 5:44 am    ชื่อกระทู้:

.
.

137. การตลาด นำการผลิต :
“นายต่าย” ปากท่อ ราชบุรี ย่านนั้น ทุกบ้านทุกแปลงนับ 100 ไร่ ปลูกหอมแบ่งพร้อมกันหมด ผลรับคือ ออกตลาดพร้อมกัน ล้นตลาด ... แต่คุณต่ายฯ ใช้ปุ๋ยลุงคิมครบสูตร ไปซื้อที่ RKK เช่าที่ปลูกหอมแบ่ง 2 ไร่ จับ 2 หลัก ....

1. ปลูกก่อนข้างบ้าน 15 วัน ....
2. ปลูกหลังข้างบ้าน 15 วัน ....

ผลรับ : ปลูกก่อน ออกตลาดก่อนข้างบ้าน 15 วัน กับปลูกหลัง ออกหลังข้างบ้าน 15 วัน เป็นวันที่หอมแบ่งในตลาดมีน้อย ราคาจึงดี .... ใช้เวลา 2 ปี ซื้อที่เช่าแปลงนั้นมาเป็นของตัวเองได้.... อีก 2 ปีต่อมา ซื้อที่ข้างบ้านได้อีก 5 ไร่.... นิยาย/เรื่องจริง เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ปลูกเป็นทำเป็นขายเป็นมีแต่รวยกับรวย ปลูกเป็นทำเป็นแต่ขายไม่เป็น นอกจากไม่รวยแล้วยังเป็นหนี้อีกด้วย

“คุณภิรมย์ฯ” อ.เมือ ปทุมธานี ใช้ปุ๋ยของผลปุ๋ยรุ้ง ปลูกผักกาด ผักคะน้า ผักบุ้ง ส่งตลาดสี่มุมเมือง ไปถึงตลาด เดินดูคนกลางที่รับซื้อก่อน ถ้าคนกลางรับซื้อยังปล่อยผักในมือไม่หมด คุณภิรมย์ฯ จะยังไม่ขนผักลงจากรถ เพราะผักราคากำลังลง แต่ถ้าผักในมือคนกลางหมด นั่นแหละถึงขนผักลง เพราะแม่ค้าคนกลางไม่มีผักในมือแล้วแต่ตลาดยังไม่วายก็จะให้ราคาแพงขึ้น

2 ปี คุณภิรมย์ฯ ถอยปิ๊คอั๊พป้ายแดงได้ วันแรกที่ออกรถ เอารถมาให้ลุงคิมเจิมถึงที่บ้าน ทั้งๆ ที่บอกว่า “กูไม่ใช่พระ เจิมได้ไงวะ...” ภิรมย์ฯ บอกอีกว่า “ลุงไม่ใช่พระ แต่ขลังกว่าพระ...” ลุงคิมเลยตบบนฝากระโปรงให้ 3 ครั้ง ตอนนั้นสองคนผัวเมียยกมือพนมด้วยความศรัทธาอย่างจริงใจ....


138. สารสมุนไพร ภูมิปัญญาพื้นบ้าน :
1. หมักน้ำเปล่า
เลือกพืชสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ สภาพสดหรือแห้ง ส่วนที่มีสารออกฤทธิ์มากที่สุด อายุและสภาพแวดล้อม ตามต้องการหรือตามหลักวิชาการ สับเล็กหรือบดละเอียดปริมาณ 1-2 กก. น้ำที่ออกมาอย่าทิ้งใส่ลงในถังพลาสติก เติมน้ำเปล่า 10-20 ล. คนให้เข้ากันดี

ทิ้งไว้ 24-48 ชม. ระหว่างนี้ให้คน 2-3 รอบ ครบกำหนด 24-48 ชม. ก็จะได้สารสกัดสมุนไพรเข้มข้น พร้อมใช้งาน

หมักต่อไป 15-20 วัน หรือเมื่อเห็นว่าพืชสมุนไพรเปื่อยยุ่ย นอนก้นถังดี ให้กรองเอากากออก เก็บน้ำใสไว้ใช้งานจะดีมาก กากก้นถังที่ได้นำไปตากแห้ง เก็บไว้ใช้รองก้นหลุมปลูก หรือโรยหน้าดิน ช่วยป้องกันแมลงในดินได้เป็นอย่างดี

สูตรนี้ไม่แนะนำให้เก็บไว้นานเพราะจะเน่าหรือบูด กรณีพืชสมุนไพรประเภทหัว ซึ่งมีแป้งเป็นส่วนผสมหลักจะบูดเน่าเร็วกว่าสมุนไพรประเภทใบ/ดอก/ผล ดังนั้นจึงควรทำครั้งละเพียงพอต่อการใช้ 1 ครั้ง แต่หากต้องการเก็บนานให้เติมเหล้าขาวหรือแอลกอฮอร์ อัตรา 1 ล. ต่อน้ำสกัด 10 ล. แอลกอฮอร์จะช่วยแก้อาการบูดเน่าได้

2. สูตรหมักเหล้าขาวหรือแอลกอฮอร์ :
เลือกพืชสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ สภาพสดหรือแห้ง ส่วนที่มีสารออกฤทธิ์มากที่สุด อายุและสภาพแวดล้อม ตามต้องการหรือตามหลักวิชาการ สับเล็กหรือบดละเอียดปริมาณ 1-2 กก. น้ำที่ออกมาอย่าทิ้ง ใส่ลงในถังพลาสติก เติมเหล้าขาวหรือแอลกอฮอร์ (อย่างใดอย่างหนึ่ง)1-2 ล. เติมน้ำส้มชายชู 1 ล. อัตราเหล้าขาวหรือแอลกอฮอร์กับน้ำส้มสายชูให้ได้พอท่วมสมุนไพร ถ้าไม่ท่วมให้เติมน้ำเปล่าเพิ่ม จนกระทั่งพอท่วม คนเคล้าให้เข้ากันดี ทิ้งไว้ 24-48 ชม.ระหว่างนี้ให้คน 2-3 รอบ เพื่อให้แอลกอฮอร์กับน้ำส้มสายชูจะสกัดเอาสารออกฤทธิ์ในสมุนไพรออกมา ครบกำหนด 24-48 ชม.แล้วให้เติมน้ำเปล่า 10-20 ล.ก็จะได้สารสกัดสมุนไพรเข้มข้น พร้อมใช้งาน

หมักต่อไป 15-20 วัน หรือเมื่อเห็นว่าพืชสมุนไพรเปื่อยยุ่ย นอนก้นถังดี ให้กรองเอากากออก เก็บน้ำใสไว้ใช้งานจะดีมาก กากก้นถังที่ได้นำไปตากแห้ง เก็บไว้ใช้รองก้นหลุมปลูกหรือโรยหน้าดิน ช่วยป้องกันแมลงในดินได้เป็นอย่างดี

3. สูตรแช่น้ำร้อน :
เลือกพืชสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ สภาพสดหรือแห้ง ส่วนที่มีสารออกฤทธิ์มากที่สุด อายุและสภาพแวดล้อม ตามต้องการหรือตามหลักวิชาการ สับเล็กหรือบดละเอียดปริมาณ 1-2 กก. น้ำที่ออกมาอย่าทิ้ง ใส่ลงในถังพลาสติกที่มีน้ำต้มเดือดแล้ว 10-20 ล. คนให้เข้ากันดี ทิ้งไว้ 24-48 ชม. ระหว่างนี้ให้คน 2-3 รอบ ครบกำหนด 24-48 ชม. ก็จะได้สารสกัดสมุนไพรเข้มข้น พร้อมใช้งาน

หมักต่อไป 15-20 วัน หรือเมื่อเห็นว่าพืชสมุนไพรเปื่อยยุ่ย นอนก้นถังดี ให้กรองเอากากออก เก็บน้ำใสไว้ใช้งานจะดีมาก กากก้นถังที่ได้นำไปตากแห้ง เก็บไว้ใช้รองก้นหลุมปลูกหรือโรยหน้าดิน ช่วยป้องกันแมลงในดินได้เป็นอย่างดี

สูตรนี้ไม่แนะนำให้เก็บไว้นานเพราะจะเน่าหรือบูด กรณีพืชสมุนไพรประเภทหัว ซึ่งมีแป้งเป็นส่วนผสมหลักจะบูดเน่าเร็วกว่าสมุนไพรประเภทใบ/ดอก/ผล ดังนั้นจึงควรทำครั้งละเพียงพอต่อการใช้ 1 ครั้ง แต่หากต้องการเก็บนานให้เติมเหล้าขาวหรือแอลกอฮอร์ อัตรา 1 ล.ต่อน้ำสกัด 10 ล. แอลกอฮอร์จะช่วยแก้อาการบูดเน่าได้

4. สูตรต้มพอร้อน :
เลือกพืชสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ สภาพสดหรือแห้ง ส่วนที่มีสารออกฤทธิ์มากที่สุด อายุและสภาพแวดล้อม ตามต้องการหรือตามหลักวิชาการ สับเล็กหรือบดละเอียดปริมาณ 1-2 กก.น้ำที่ออกมาอย่าทิ้ง ใส่ลงในถังโลหะ (ปี๊บ) ที่มีน้ำ 10-20 ล. คนให้เข้ากันดี ยกขึ้นตั้งไฟ ต้มพอเดือด เสร็จแล้วยกลงปล่อยให้เย็น ก็จะได้สารสกัดสมุนไพรเข้มข้น พร้อมใช้งาน

เมื่อน้ำต้มเย็นลงแล้วให้กรองเอากากออก เก็บน้ำใสไว้ใช้งาน กากก้นถังที่ได้นำไปตากแห้ง เก็บไว้ใช้รองก้นหลุมปลูก หรือโรยหน้าดิน ช่วยป้องกันแมลงในดินได้เป็นอย่างดี

สูตรนี้ไม่แนะนำให้เก็บไว้นานเพราะจะเน่าหรือบูด กรณีพืชสมุนไพรประเภทหัว ซึ่งมีแป้งเป็นส่วนผสมหลักจะบูดเน่าเร็วกว่าสมุนไพรประเภทใบ/ดอก/ผล ดังนั้นจึงควรทำครั้งละเพียงพอต่อการใช้ 1 ครั้ง แต่หากต้องการเก็บนานให้เติมเหล้าขาวหรือแอลกอฮอร์ อัตรา 1 ล.ต่อน้ำสกัด 10 ล. แอลกอฮอร์จะช่วยแก้อาการบูดเน่าได้

5. สูตรต้มเคี่ยว :
เลือกพืชสมุนไพรที่มีสารออกฤทธิ์ สภาพสดหรือแห้ง ส่วนที่มีสารออกฤทธิ์มากที่สุด อายุและสภาพแวดล้อม ตามต้องการหรือตามหลักวิชาการ สับเล็กหรือบดละเอียดปริมาณ 1-2 กก. น้ำที่ออกมาอย่าทิ้ง ใส่ลงในถังโลหะ (ปี๊บ) ที่มีน้ำ 10-20 ล. ยกขึ้นตั้งไฟ

ต้มครั้งที่ 1 .... ให้เดือดจัด เสร็จแล้วใช้ตะแกงกรองเอาสมุนไพรที่ต้มแล้วออกทิ้งไป ใส่สมุนไพรตัวเดิม ปริมาณเท่าเดิมลงไปแทน เตรียมต้มรอบ 2

ต้มครั้งที่ 2 .... เดือดจัดแล้วใช้ตะแกงกรองเอาสมุนไพรที่ต้มแล้วออกทิ้งไป ใส่สมุนไพรตัวเดิมปริมาณเท่าเดิมลงไป เตรียมต้มรอบ 3

ต้มครั้งที่ 3 .... เดือดจัดแล้วใช้ตะแกงกรองเอาสมุนไพรที่ต้มแล้วออกทิ้งไป ใส่สมุนไพรตัวเดิมปริมาณเท่าเดิมลงไปแทน แล้วต้มจนเดือดจัดเป็นครั้งสุดท้าย เสร็จแล้วยกลง ปล่อยให้เย็น แล้วให้กรองเอากากออกก็จะได้หัวเชื้อน้ำต้มสมุนไพรเข้มข้นพร้อมใช้งาน

กากก้นถังที่ได้นำไปตากแห้ง เก็บไว้ใช้รองก้นหลุมปลูก หรือโรยหน้าดิน ช่วยป้องกันแมลงในดินได้เป็นอย่างดี

สูตรนี้ไม่แนะนำให้เก็บไว้นานเพราะจะเน่าหรือบูด กรณีพืชสมุนไพรประเภทหัว ซึ่งมีแป้งเป็นส่วนผสมหลัก จะบูดเน่าเร็วกว่าสมุนไพรประเภทใบ/ดอก/ผล ดังนั้นจึงควรทำครั้งละเพียงพอต่อการใช้ 1 ครั้ง แต่หากต้องการเก็บนานให้เติมเหล้าขาวหรือแอลกอฮอร์ อัตรา 1 ล. ต่อน้ำสกัด 10 ล. แอลกอฮอร์จะช่วยแก้อาการบูดเน่าได้

หมายเหตุ :
สูตรต้มเคี่ยวทำได้ 2 แบบ คือ
แบบที่ 1. ....... ต้มเคี่ยวครบ 3 รอบแล้วกรองเอากากออกได้น้ำใสเท่าไรก็ได้เท่านั้น ใช้งานได้เลยความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์มีเท่าไรก็มีเท่านั้น

แบบที่ 2. ........ ต้มเคี่ยวครบ 3 รอบ กรองเอากากออกจนได้น้ำใสแล้ว ให้ต้มเคี่ยวต่อโดยไม่ต้องเติมพืชสมุนไพรอีก ต้มเคี่ยวจนกระทั่งน้ำระเหยไปไอหายไป เหลือ 1 ใน 4 ของครั้งแรก เสร็จแล้วปล่อยทิ้งให้เย็นความเข้มข้นของสารออกฤทธิ์จะแรงขึ้น

6. สูตรกลั่น
ถังกลั่น :

- เป็นถังโลหะทรงสูง
- ใส่น้ำเปล่าก้นถัง ปริมาณตามความเหมาะเมื่อเทียบกับปริมาณของพืชสมุนไพรที่จะกลั่น ไม่ควรเกิน 1 ใน 4 ของความสูงถัง

- มีตะแกงติดในถัง ณ ระดับความสูง 3 ใน 4 จากก้นถังของความสูงถัง
- มีฝาปิดสนิทป้องกันไอระเหยออกได้
- ที่ฝาปิดมีท่อให้ไอระเหยผ่านไปสูงระบบควบเย็นได้สะดวก
- ท่อนี้จะผ่านระบบควบเย็น ส่วนปลายดัดแปลงให้แทงเข้าไปในถังกลั่น เพื่อให้ไอระเหยที่ถูกควบเย็นจนกลายเป็นน้ำแล้วกลับเข้าไปกลั่นซ้ำในถังอีกครั้ง

ส่วนสมและวิธีทำ :
เลือกพืชสมุนไพรประเภทสกัดด้วยวิธีกลั่นโดยเฉพาะ มีสารออกฤทธิ์ตรงกับชนิดศัตรูพืช สดหรือแห้ง สับเล็กหรือบดละเอียด การกลั่นทำได้ 2 แบบ

แบบที่ 1 .... กลั่นแบบต้มเหล้าป่า (ชาวบ้านแอบทำ /เหล้าเถื่อน)หรือเหล้าขาว (รัฐบาลทำ)การกลั่นแบบนี้ต้องอาศัยความร้อนสูง น้ำที่ต้มเพื่อเอาไอระเหยต้องเดือดจัด 100 องศา ซ. ทำให้ได้ "น้ำ + สารออกฤทธิ์" ซึ่งจะมีน้ำ 70% สารออกฤทธิ์ 30% ถ้าน้ำที่ต้มเพื่อเอาไอระเหยร้อน 60-70 องศา ซ. จะทำได้เปอร์เซ็นต์ของสารออกฤทธิ์สูงขึ้น อัตราส่วน น้ำ 30% สารออกฤทธิ์ 70% แต่เนื่องจากความร้อนเพียงเท่านี้ไอน้ำจะไม่พุ่งออกมาสู่ระบบควบเย็นได้ แก้ไขโดยการใช้ตัวดูดไอระเหย (แว็คกั้ม)…. สารออกฤทธิ์ที่ได้ใช้งานได้เลย หากต้องการเก็บนานให้เติมแอลกอฮอร์ 10-20% ของน้ำกลั่นสารออกฤทธิ์

แบบที่ 2 . .... กลั่นซ้ำ เป็นการกลั่นแบบให้ความร้อนสูงเดือดจัด ไอระเหยที่ถูกควบเย็นแล้วผ่านท่อที่ดัดแปลงเป็นการเฉพาะไหลกลับเข้าไปในหม้อกลั่นอย่างเดิมรวมกับน้ำก้นถังกลั่นอีกครั้ง แล้วถูกต้มกลายเป็นไอระเหยสูงขึ้นสู่ระบบควบเย็นซ้ำโดยอัตโนมัติ น้ำจะถูกกลั่นเป็นไอน้ำ ถูกควบเย็นเป็นน้ำไหลกลับเข้าถังกลั่น หมุนเวียนซ้ำอย่างนี้จนเป็นที่พอใจ น้ำก้นถังกลั่น คือ น้ำกลั่นสารออกฤทธิ์ มีน้ำกับสารออกฤทธิ์ 1 : 1 ใช้งานได้เลย

แบบที่ 3 .... กลั่นด้วยเครื่องกลั่นเฉพาะแบบ "แยกน้ำ-แยกน้ำมัน" น้ำมันที่ได้เป็นสารออกฤทธิ์ 100% ไม่มีน้ำปน สารออกฤทธิ์ที่ได้ใช้งานได้เลย และเก็บนานได้โดยไม่ต้องเติมแอลกอฮอร์

หมายเหตุ :
สำนักตักศิลา .... สอนวิชาแพทย์แผนโบราณ วิธีการตรวจสอบ ความรู้/ความคิด ของศิษย์ ให้ศิษย์เดินไปข้างหน้า 20 วา แล้วหยิบหาอะไรที่ไม่ใช่ “ยา” มาให้ ศิษย์บางคนหยิบมามาก ไม่ใช่ยาทั้งนั้น แต่ศิษย์คนหนึ่ง กลับมามือเปล่า บอกว่า ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ยาเลย ทุกอย่างเป็นยาได้ทั้งนั้น แม้แต่ “ดิน” ที่เราเหยียบก็เป็นยาได้ .... ศิษย์คนนี้ “สอบได้” .....




.
kimzagass
ตอบตอบ: 20/06/2019 5:27 am    ชื่อกระทู้:

.
.

135. ทุเรียนจันท์ :
คุณ EDDY (061) 334-03xx สมช.จันทบุรี อดีตเคยทำงานที่เท็กซัส รู้จักลุงคิมในอินเตอร์เน็ต บอกให้ลูกชายบำรุงทุเรียนตามแนวในเน็ตเกษตรลุงคิมดอทคอม. ปีแรกที่ทำตามเน็ต มาซื้อและรับปุ๋ยทั้งทางใบทางรากครบสูตรที่ชมรมสีสันชีวิตไทย สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล ได้ปุ๋ยไปแล้วใช้ตามคำแนะนำในเน็ตเป๊ะๆ ปีนั้นปีแรกก็ได้ผลเกินคาด ชนิดที่ตั้งแต่ทำมาไม่เคยได้ผลผลิตสูง ทั้งปริมาณ คุณภาพ และต้น ทุนต่ำขนาดนี้มาก่อน ปีที่สองทำซ้ำ สั่งซื้อปุ๋ยสูตรเดิมจากชมรมฯ ก็ได้ผลเช่นเคย

2 ปี 2 รอบการผลิตของสวนของคุณ EDDY ข้างบ้าน สวนติดกัน ชอบพอกัน รู้และเห็นกับตากระทั่งกินกับปากมาตั้งแต่แรก กอร์ปกับได้รู้ข้อมูลทางวิชาการจากเน็ตฯ จากปากเพื่อนบ้านที่เล่าสู่ฟัง รู้แล้ว “คิด-วิเคราะห์-เปรียบเทียบ” สู่กันระหว่างเพื่อนบ้านกับสวนข้างบ้าน บังเกิดเป็นความเชื่อมั่นอย่าง เป็นเหตุเป็นผลขึ้นมาได้ ปีนี้สวนข้างบ้านจึงขอร่วมด้วย

ขึ้นปีที่ 3 ที่รู้จักกัน (ทางเน็ต) คุณ EDDY กลับมาเมืองไทยก็เลยมาทำความรู้จักตัวจริงเสียงจริงกันที่ชมรมสีสันชีวิตไทย สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล แม้เพิ่งปะหน้ากันครั้งแรก แต่การสนทนาปราศรัยราบรื่นเหมือนร้องเพลงเดียวกัน เพราะความความสำเร็จในสวนเป็นตัวเชื่อมประสานนั่นเอง

และขึ้นปีที่ 3 (2560) ของการใช้ปุ๋ย RKK คุณ EDDY พร้อมกับ สมช.จันทบุรี สวนติดกันร่วมมารับปุ๋ยสูตรตามสั่งที่บ้านพุทธมณฑลสาย 3 ด้วย เหมือนเพื่อยืนยันตัวตนลุงคิมจริงๆ

สวนคุณ EDDY ประจักษ์ผลการใช้มาแล้ว 3 รุ่น 3 รอบการผลิต กับสวนติดกันประจักษ์ผลชัดเจน 1 รุ่น 1 รอบการผลิต

ขึ้นปีที่ 4 (พ.ค. 2561) ราว 2-3 อาทิตย์ที่แล้ว คุณ EDDY กับ สมช.เก่า สวนติดกันเจ้าเดิม รวม 2 เจ้าหรือ 2 สวน สั่งซื้อปุ๋ย RKK ระเบิดเถิดเทิง 30-10-10, 8-24-24, 21-7-14, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า, แคล เซียมโบรอน. แบบซื้อครั้งเดียวใช้ได้ตลอดรอบการผลิตของปี 61 เลย ....

ปีนี้ปีที่ 4 ของการใช้ปุ๋ย RKK ทั้ง 2 สวน +ข้างบ้านฝากซื้ออีกเจ้าละ 2 สวน จึงรวมเป็น 6 สวน มาซื้อปุ๋ยตรงที่ RKK …. สูตรเดียวกันเดี๊ยะ ทุกสูตร

กรณีศึกษา 1 :
- สอบถามประสบการณ์การใช้ปุ๋ยที่ซื้อจากร้านขายปุ๋ย (เฉพาะปุ๋ยอย่างเดียว) ของทั้ง 2 สวนในแต่ละรุ่นการผลิต (สอบถาม-ซักถาม-ยืนยัน-นอนยัน-นั่งยัน-ตีลังกายัน-ตอกย้ำ-เน้นย้ำ เอาจะความจริงเพื่อเอามาปรับของเรา) คำตอบคือ เมื่อก่อนเคยซื้อปุ๋ยจากร้านค้า 200,000-250,000 /รุ่น /ปี /สวน ประจำเป็นเยี่ยงนี้มานาน กระทั่งเกิดหนี้เกิดสินเต็มบ้านเต็มเมืองเต็มประเทศ

- มาปีนี้ ทั้ง 6 สวนซื้อปุ๋ย RKK ครบสูตรรวมกันเป็นเงิน 130,000 /รุ่น /ปี /6 สวน หรือ = 20,000 (+) /รุ่น /ปี /สวน นั่นเอง

- ไปปีหน้าปีถัดไป ถ้าทั้ง 6 สวนทำเอง ตามสูตรในหนังสือหัวใจเกษตรไท ต้นทุนย่อมลดลงอีกแน่นอน

กรณีศึกษา 2 :
* ไบโออิ. บำรุงต้น สร้างความสมบูรณ์สะสม ....
แม็กเนเซียม.สร้างคลอโรฟีลด์ คลอโรฟีลด์.สังเคราะห์อาหาร, สังกะสี.สร้างแป้ง แป้งคือเนื้อของผลและน้ำตาล ....
ต้นได้รับแป้งและน้ำตาล สม่ำเสมอตลอดปี ทั้งช่วงมีผลและไม่มีผลบนต้น ถึงฤดูกาลออกดอกก็จะออกดี ....
กรณีหมอนทองกลายเป็นทะวายออกดอกติดผลตลอดปี

* ยูเรก้า. บำรุงผล-ขยายขนาด-หยุดเมล็ด-สร้างเนื้อ ....
เปลือกบาง ขนาดผลใหญ่กว่ามาตรฐานสายพันธุ์ กรณีเมล็ดเล็กลีบ ลัษณะอาการที่เมล็ดเล็กลงกับขนาดผลที่ใหญ่ขึ้น คือ เนื้อของผลมากขึ้นนั่นเอง

* แคลเซียม โบรอน. สร้างคุณภาพ ....
สร้าง กลิ่น/รส ป้องกันผลแตกผลร่วง
* ทุเรียน ก้านยาว-ชะนี-นกกระจิบ-พวงมณี เมล็ดเต็ม กลายเป็นเมล็ดลีบเหมือหมอนทอง

* บำรุงทางใบ ช่วงมีผล : ให้ทุก 7-10 วัน 2 รอบ สลับด้วยแคลเซียม โบรอน 1 รอบ .... หาโอกาสฉีดพ่นสารสมุนไพรบ่อยๆ เท่าที่จำเป็น เพื่อ “กันก่อนแก้”

* บำรุงทางใบ ช่วงไม่มีผล : ให้ทุก 15-20 วัน 2 รอบ สลับด้วยแคลเซียม โบรอน 1 รอบ .... ในรอบ 2 เดือน หาโอกาสหรือช่วงจังหวะให้น้ำตาลทางด่วน 1 รอบ .... หาโอกาสฉีดพ่นสารสมุนไพรบ่อยๆ เท่าที่จำเป็น เพื่อ “กันก่อนแก้”

* บำรุงทางราก : ให้ปุ๋ยเคมีสูตรตามระยะพืช เดือนละ 1 ครั้ง ให้น้ำหมักระเบิดเถิดเทิง 3 เดือน/ครั้ง (ให้ปุ๋ยเคมีเดี่ยวๆ 2 รอบ ให้น้ำหมักฯ +ปุ๋ยเคมี 1 รอบ)



136. ทุเรียนเขาคิชกูฎ :
ประสบการณ์ตรง :
สวนทุเรียนหมอนทองที่ อ.เขาคิฌกูฏ จ.จันทบุรี อายุต้น 5-10 ปี ให้ผลผลิตแล้ว เตรียมดินโดยการใส่ยิบซั่ม กระดูกป่น มูลวัว+มูลไก่ ทุก 6 เดือน คลุมหน้าดินบริเวณโคนต้นด้วยเศษใบไม้แห้ง ใบหญ้า หนาประมาณประมาณ 50 ซม. เต็มพื้นที่ทรงพุ่ม ปีละครั้ง ....

บำรุงต้นตามขั้นตอนทุกประ การ ปรากฏว่าต้นสมบูรณ์มากเมื่อแหวกเศษพืชคลุมโคนต้นออกดู พบว่ามีรากจำนวนมากชอนไชขึ้นจากพื้นดินมาอยู่ในเศษพืชแห้งนั้น รากอวบใหญ่ยาวสวยมาก ....

หลังจากให้ผลผลิตรุ่นนั้นแล้ว หมอนทองต้นนั้นออกดอกต่อ แล้วก็ออกต่อเรื่อยๆ จนกลายเป็นทุเรียนทะวายออกดอกติดผลไม่มีรุ่น ทำให้การบำรุงยุ่งยากมาก จึงตัดสินใจ “ลุย” บำรุงด้วยสูตร “สะสมตาดอก-บำรุงผล-ฮอร์โมนน้ำดำ-สาหร่าย + ไคติน ไคโตซาน + แคลเซียม โบรอน” ทั้ง 4 สูตร สลับกันสูตรละอาทิตย์ (ตอนนั้นยังไม่มีฮอร์โมนไข่) ....

ผลจากการบำรุงด้วยสูตร “บำรุงผล-ขยายขนาด-หยุดเมล็ด-สร้างเนื้อ” ทำให้ได้ผลขนาดใหญ่กว่า 8-10 กก. และไม่สามารถบำรุงด้วยสูตร “ปรับปรุงคุณภาพก่อนเก็บเกี่ยว หรือ เร่งหวาน” ได้ ทุเรียนทำท่าจะไม่มีคุณภาพ

แนวทางแก้ไข คือ ขายทุเรียนดิบ สำหรับทำทุเรียนทอดกรอบ คนซื้อนอกจากเหมารุ่นนี้หมดสวนแล้วยังจองรุ่นหน้าและรุ่นต่อๆ ไปอีกด้วย

- การทำให้ทุเรียนพันธุ์หมอนทองดอกดอกติดลูกตลอดปีแบบไม่มีรุ่นได้นั้น ขึ้นอยู่กับการบำรุง ทั้งทางใบทางราก สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง สร้างความสมบูรณ์สะสมตลอดทั้งปี

- ทุเรียนก้านยาว บางกรวย นนทบุรี ของ ร.ต.ท.สุชินฯ สน.พระราชวัง ให้ผลผลิตสูงสุดถึง 102 ผลต่อต้น ไซส์ลูกละ 2 กก. ราคาหน้าสวน กก.ละ 500 ไม่พอขาย ....

สองพ่อลูก ปากเกร็ด นนทบุรี ไปหาที่ไร่กล้อมแกล้ม ยืนยันทำตามแนวที่แนะนำ คือ ทำแบบของผู้หมวดสุชินฯ ก้านยาวต้นเดียวก็ได้กว่า 100 ลูกเหมือนกัน ....



.
kimzagass
ตอบตอบ: 19/06/2019 7:22 am    ชื่อกระทู้:

.
.

133. HOTLINE นาข้าว กับ ยูเรีย :
“ตา รับโทรศัพท์-ตา รับโทรศัพท์....ตา รับโทรศัพท์-ตา รับโทรศัพท์.....ตา รับโทรศัพท์-ตา รับโทร....” เสียงสัญญาณเรียกเข้าโทรศัพท์ดังลั่น ได้ยินไกลเกินสนามฟุตบอล ข้าวของโทรศัพท์ตีหน้างง ยิ้มเล็กๆที่มุมปาก พูดเสียงในลำคอ “คนไหนวะ เปลี่ยนสัญญาโทรศัพท์กู” หมายถึงหลานคนใดคนหนึ่งใน 3 คน แอบจัดการเปลี่ยนสัญญาณเรียกเข้าในโทรศัพท์ของตา ตามประสาเด็กรุ่นใหม่ในโลก IT ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เด็กที่ทำเป็นนั่นแหละฉลาด แต่เด็กที่เฉยๆ ไม่ใช่เด็กพับเพียบเรียบร้อยหรอก ทำไม่เป็นไม่เป็น คือไม่รู้ซะมากกว่า....นี่คือ เทคโนโลยีรุ่นใหม่ ที่คนรุ่นใหม่ต้องรู้

ลุงคิม : (รีบกดปุ่มรับสาย) ฮัลโลครับ
... ? … : ฮัลโหลลลล ลุงคิมหรือคะ ?

ลุงคิม : อืมม์ ลุงคิมตายแล้ว
... ? … : (หัวเราะนำ....) ตายเมื่อไหร่ แล้วนั่นใครพูด ฉันจำเสียงด้ายยย..

ลุงคิม : ตายเมื่อเช้านี้ เสร็จรายการแล้วตายเลย นี่ผีลุงคิมพูด
... ? … : (หัวเราะดังกว่าเก่า) ผีพูดได้ไง ? .... ไม่เชื่อ

ลุงคิม : อ้าว คนที่พูดกับผีได้ ก็ต้องเป็นผีเหมือนกันไง เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว บอกว่าลุงติมตายแล้ว หัวเราะแบบนี้แสดงว่าชอบใจใช่มั้ย น่าจะถามย้อนนะว่า ตายแล้วเหรอ ? เพิ่งตายเหรอ ?
... ? … : (หัวเราะดังกว่าเก่า) เข้าใจเล่นมุกนะลุง

ลุงคิม : เอ้า เอ้า เอ้า ..... มีอะไรว่ามาเลย
... ? … : อยากปรึกษาเรื่องนาข้าวน่ะ

ลุงคิม : จะขายเหรอ ?
... ? … : เปล่า ขายได้ไง พ่อแม่ให้มา ขายแล้วจะเอาอะไรทำกินล่ะ

ลุงคิม : ทำนาที่ไหน ? กี่ไร่ล่ะ ?
... ? … : อยู่รอยต่ออยุธยา ลพบุรี นา 100 ไร่

ลุงคิม : รู้เบอร์โทรลุงคิมได้ไงเนี่ย ?
... ? … : ฟังวิทยุนี่แหละ ฟังทุกวัน ทั้งเช้าทั้งค่ำเลย

ลุงคิม : (นึกในใจ.... นี่คงอีหร็อบเดิมอีกแน่ พูดเรื่องนาข้าวแทบทุกวัน นาข้าวเหมือนกัน แต่ไม่ใช่นาฉัน ฉันไม่รับรู้....) นาข้าว 100 ไร่ งั้นถามก่อน ตอนนี้เป็นหนี้เท่าไหร่ ?
... ? … : เดิมมีหนี้อยู่ 8 แสน ปี 54 น้ำท่วมหนัก นา 2 รอบ ขาดทุนไป 6 แสน ปีนี้ 55 รุ่นแรกเสียหายไปแล้ว 3 แสน ตอนนี้จะเริ่มทำรุ่น 2 เลยโทร มาปรึกษาลุงคิมนี่แหละ ทำไงดีคะ ?

ลุงคิม : (....คิดเลขในใจ รวมหนี้ 17 แสน โอ ! พระเจ้า…) เป็นหนี้ หนี้ค่าอะไรน่ะ ?
.. ? .. : ก็ค่าจ้าง ค่าปุ๋ย ค่ายา นี่แหละค่ะ

ลุงคิม : เอาละ เอาละ ฟังดีๆ ....
ค่าจ้าง ถ้าไม่มีแรงงานในบ้านก็ต้องจ้าง แต่จ้างให้ทำอะไร ทำอย่างไร ล่ะ ....
ค่าปุ๋ย อันนี้ต้องใช้ แต่ต้องใช้ให้ถูกสูตร ถูกอัตรา แล้วใช้วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพของปุ๋ย ....
ส่วนค่ายา อันนี้ทำเองได้ 100 เปอร์เซ็นต์ สมุนไพรไง ไม่ต้องซื้อ ....
ที่จริงลุงคิมก็พูดอยู่ทุกวัน ซื้อครึ่งนึง ทำเองครึ่งนึง ไม่ใช่เหรอ.
.. ? .. : ก็ฟังอยู่ค่ะ แต่ไม่เข้าใจ แล้วก็ทำไม่เป็นด้วย

ลุงคิม : งั้นค่าจ้าง ไม่ถามละ จะถามต้นทุนค่าปุ๋ยก่อน นา 100 ไร่ ใส่ปุ๋ยรุ่นละกี่สอบล่ะ ?
.. ? .. : ใส่ยูเรียไร่ละ 2 สอบ บางรุ่นเพิ่ม 16-20-0 อีกไร่ละสอบ

ลุงคิม : โอ้โฮ ! นา 100 ไร่ ใส่ยูเรีย 200 กระสอบ กระสอบละ 900 เป็นเงินแสนแปด ถ้าซื้อแบบเครดิต ขายข้าวแล้วไปจ่ายก็สอบละ 1,000 เพราะเขาต้องรวมดอกเบี้ยด้วยใช่ไหม นี่เป็นเงิน 2 แสน ....

ใส่ 16-20-0 อีก 100 กระสอบ กระสอบละ 900 ซื้อเครดิต ตอนจ่ายต้องรวมดอกเบี้ยด้วยตกสอบละ 1,000 นี่ก็เป็นเงินอีก 1 แสน ….
เบ็ดเสร็จรวมค่าปุ๋ยอย่างเดียว 3 แสน…..ใช่ไหม ?
.. ? … : (เสียงอ่อยๆ) ใช่จ้ะ....

ลุงคิม : ถามอีกหน่อย ชาวนาแถวนั้นมีหนี้เยอะไหม ?
.. ? .. : ทุกบ้านแหละลุง ไม่มีบ้านไหมไม่มีหนี้หรอก แปลงใหญ่หนี้มาก แปลงน้อยหนี้น้อย ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าเช่า ค่าจ้าง....

จ้างไถ จ้างทำเทือก จ้างหว่าน จ้างฉีดยาฆ่าหญ้า จ้างฉีดยาเคมี จ้างสูบน้ำ จ้างเกี่ยว จ้างทุกอย่างนั่นแหละลุง ....

ลุงคิม : อืมม์ อั้ยรายการจ้างพวกนี้ มันเป็นเรื่องจำยอมนน เมื่อเราไม่ทำเองเพราะไม่มีคนก็ต้องจ้าง ถ้าคิดจะทำนาต่อไป ว่ามั้ย....

แล้วเคยคิดไหมว่า ถ้าลดต้นทุนบางอย่างลงได้ อย่าง ค่าปุ๋ย-ค่ายา ถ้าลดลงได้ แค่สองรายการนี้เท่านั้น ต้นทุนรวมทั้งหมดก็จะลดลงด้วย เอาแค่สองรายการนี้ก่อน ส่วนต้นทุนอย่างอื่นก็ค่อยๆหาวิธีการ วิธีคิดแบบนี้ พอจะคิดออกไหม ?
.. ? .. : นี่แหละที่ฉันคิดละ อยากจะลดต้นทุนค่าปุ๋ย 2-3 แสนลง อยากเลิกยูเรีย เลิก 16-20-0 แล้วเปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยล่ะคะลุงคิม.....

ลุงคิมช่วยคำนวณต้นทุนให้หน่อยซี่...

ลุงคิม : ก็ได้ เฉพาะต้นทุนค่าปุ๋ยอย่างเดียว ต้นทุนค่าจ้างอย่างอื่นไม่เกี่ยวนะ......นา 100 ไร่ ยูเรีย กับ 16-20-0 รวมกัน 3 แสน เปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยลุงคิมที่โฆษณาโย้วๆ อยู่ทุกค่ำทุกคืนน่ะ แต่ 6 หมื่น เท่านั้น....

จาก 3 แสน ลดเหลือ 6 หมื่นเท่านั้น เอามั้ย.....

ขอบ่นหน่อยนะ ชาวนานี่คิดยังไง ใส่ยูเรีย 2 สอบ ใส่ 16-20-0 อีก คิดแล้วใส่ปุ๋ย 150 กก.ต่อไร่ แต่ได้ปุ๋ยแค่ตัวหน้ากับตัวกลาง 2 ตัวเท่านั้น ทั้งๆที่ต้นข้าวต้องการปุ๋ย 14 ตัว นี่มันขาดทุนทั้งขึ้นทั้งล่อง ชาตินี้ชาติหน้า 100 ชาติก็ขาดทุน เป็นหนี้เขาอยู่อย่างนี้แหละ.....ลูกหลานจะทำยังไง (วะ) น่า
.. ? .. : จริงๆค่ะ ฉันละคิดเรื่องนี้มาตลอด

ลุงคิม : อืมม์ มีอยู่คนนึงนะ...... แถวๆบ้านแพรก อยุธยา ไกล้บ้านคุณนั่นแหละ เขาทำนา 200 ไร่ เดิมมีหนี้เกือบ 2 ล้าน พอเปลี่ยนมาทำตาม แนว ลุงคิม นาข้าว 2 รุ่นปีเดียว ใช้หนี้ได้หมด แล้วทำแนวนั้นต่อมาอีก ตอนนี้ เขามีเงินฝาก ธนาคารเกือบ 2 ล้าน…...

เคยรู้เรื่องไหม ?
.. ? .. : รู้ซิคะ รู้จักกัน ฉันไปคุยกับเขามา เขายังบอกให้เลิกยูเรีย เลิกปุ๋ยเคมี เลิกสารเคมี แล้วมาทำตามแนวลุงคิมนี่แหละ

ลุงคิม : (นึกในใจ ฟังเราทุกวัน ไม่เชื่อ ไม่เข้าใจ ต้องเพื่อนบ้านพูดให้ฟัง ถึงรู้เรื่อง เข้าใจ......ฮึ).... ดีละ อย่างน้อยก็ทำตามเจ้านั้นไปก่อนเพราะ ประวัติดินเขาประวัติดินเรา น้ำเขาน้ำเรา ความเข้าใจเรื่องข้าวของเขากับความเข้าใจของเรา อะไรๆมันไม่เหมือนกันนะ อย่างที่บอกนั่นแหละว่า ธรรมชาติไม่มีตัวเลข ไม่มีสูตรสำเร็จ ยังไงๆ ก็อย่ามุ่งแต่ผลผลิตที่จะได้มากๆ แต่ให้ห่วงเรื่องต้นทุนไว้ก่อน ระวัง ต้นทุนท่วมราคาขาย แล้วมันจะไม่เหลืออะไรเลย
.. ? .. : นั่นแหละค่ะ ว่าแต่ ถ้าสั่งซื้อจากลุงคิม แล้วส่งด้วยได้ไหมคะ ?

ลุงคิม : เรื่องซื้อ-เรื่องส่ง ไม่สำคัญ ว่าแต่ว่า ปุ๋ยลุงคิมไม่ใช่ปุ๋ยวิเศษนะ ทำยังไงก็ได้ ต้องได้ 100 ถังแน่ๆ มันไม่ใช่ยังงั้นนะ
.. ? .. : แล้วมันยังไงล่ะคะ ?

ลุงคิม : ถามก่อน เผาฟางหรือไถกลบ
.. ? .. : เผาค่ะ

ลุงคิม : เลิกได้ไหม เปลี่ยนมาเป็นไถกลบแทน
.. ? .. : ได้ค่ะ รุ่นนี้กะไถกลบอยู่แล้ว อาทิตย์หน้านี้จะเริ่มแล้ว

ลุงคิม : คุมน้ำในนาได้ไหม ?
.. ? .. : ถ้าน้ำไม่ท่วมอย่างปี 54 กับเหมือนต้นปีนี้ ก็คุมได้ค่ะ

ลุงคิม : พร้อมฉีดปุ๋ยทางใบ ทุก 10 วันไหม ? 10 วันฉีดทางใบครั้งนึง
.. ? .. : พร้อมค่ะ

ลุงคิม : เอาคนฉีดมาจากไหน ?
.. ? .. : คนในบ้าน กับจ้างเขาค่ะ

ลุงคิม : อืมม ถ้าคนในบ้านพอมี ก็น่าจะฉีดพ่นเอง ทยอยๆฉีดไปก็ได้ จะได้ลดต้นทุนค่างจ้าง.....ว่ามั้ย
.. ? .. : จะลองค่ะ.....ลุงคิมช่วยอธิบายวิธีใช้หน่อซิคะ ?

ลุงคิม : ใจเย็นๆ ว่าแต่ว่า คุณรู้มั้ย ยูเรียน่ะทำให้ต้นข้าวเขียวก็จริง แต่เขียวลวงตา เขียวได้แค่ 3 วัน 5 วันก็หายเขียวแล้ว เขียวก็เขียวตองอ่อน ขนาดใบบาง ใบเล็ก ทำให้ต้นอวบอ้วน สูงใหญ่ แล้วก็ล้ม ต้นอ่อนแอโรคแมลงชอบ ออกรวงมาก็เป็นเม็ดลีบ....

ส่วน 16-20-0 ไม่มีตัวท้าย ทำให้เมล็ดข้าวไม่แกร่ง น้ำหนักไม่ดี ...
แม็กเนเซียม ถึงต้นจะเขียวช้ากว่ายูเรีย แต่จะเขียวทนเขียวนาน เขียวถึงวันเกี่ยว ใบใหญ่ หนา โรคแมลงไม่ชอบ.....เคยได้ยินลุงคิมพูดเรื่องนี้มั้ย ทางวิทยุน่ะ ?
.. ? .. : ฟังค่ะ พูดเหมือนในวิทยุเลย

ลุงคิม : อีกเรื่องนึง อั้ยที่หว่านปุ๋ยลงไป หว่านกันสุดแรงเกิดน่ะ เคยคิดเคยสังเกตไหมว่า เม็ดปุ๋ยแต่ละเม็ดตกลงที่โคนกอข้าวทุกกอ กอละเม็ดสองเม็ด เท่ากัน เหมือนกันทุกกอไหม นี่แหละ กอไหนได้กอนั้นงาม กอไหนไม่ได้ ไม่งาม ก็หาว่าอ่อนปุ๋ย ว่าแล้ว ต้องใส่ซ้ำอีก 1 สอบ ใช่ไหม ? ….

ที่จริงต้นข้าวกินปุ๋ยธาตุหลัก ตัวหน้าตัวกลางตัวท้ายแค่ 10 โลต่อไร่เท่านั้น คนขายปุ๋ยเคมีบอกว่า ปุ๋ยเคมีเพิ่มผลผลิต-ปุ๋ยเคมีเพิ่มผลผลิต ให้ชาวนาใส่ 50 โลต่อไร่ไปเลย คิดดู ในเมื่อใส่ปุ๋ยมากกว่า 5 เท่า แล้วทำใมไม่ได้ผลผลิดมากกว่า 5 เท่าด้วย แต่แน่ๆ จ่ายมากกว่า 5 เท่า ใช่ไหม ?
.. ? .. : แล้วจะแก้ปัญหานี้ยังไงคะ ?

ลุงคิม : เรื่องง่ายๆ แต่เพราะใจไม่เอา คิดอย่างเดียว แถวนี้ไม่มีใครทำ พ่อแม่ไม่เคยนำทำอยู่แค่นี้ เรื่องมันถึงได้ยากไงล่ะ ว่าแต่กล้าบ้าอย่างลุงคิมมั้ยล่ะ ?
.. ? .. : ฉันจะบ้าให้ยิ่งกว่าอีกค่ะ คนบ้าไม่มีหนี้ คนดีหนี้เต็มบ้าน ฉันยอมบ้าค่ะ

ลุงคิม : (หัวเราะ) ระวังนะ จะบ้าต้องบ้าให้เป็น ถ้าบ้าไม่เป็นมันจะบ้าเหมือนที่เขาว่า โทรหาลุงคิมบ่อยๆ ทุกๆระยะ จะได้แนะนำวิธีทำแต่ละขั้นตอน เอาเถอะ 3 รอบนั่นแหละถึงจะเห็นทาง
.. ? .. : ค่ะ

ลุงคิม : เอ้าลุย....ทำเทือกก่อนนะ เริ่มจากเอาน้ำเข้านาให้ท่วมฟาง แล้วเอาน้ำหมักระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 สองลิตร +16-8-8 สิบโล ผสมน้ำเท่า ไหร่ก็ได้ เดินสาดให้ทั่วแปลง 1 ไร่ แล้วปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น 7 วัน จังหวะนี้ จุลินทรีย์ในน้ำหมัก กับจุลินทรีย์ประจำถิ่น จะช่วยย่อยสลายฟางให้ก่อน....

ครบ 7 วันแล้ว เอาอีขลุบหรือลูกทุบลงทำเทือกเลย ย่ำเทือกประณีตๆหน่อย เพราะจะเป็นการกำจัดหญ้าวัชพืชไปในตัว…..

ย่ำรอบแรกแล้ว ทิ้งไว้อีก 7 วัน ให้ย่ำรอบสอง ย่ำให้ประณีตที่สุด ย่ำถี่ๆ เพราะจะเป็นการกำจัดวัชพืชไปด้วยในตัว ....

อีก 7 วัน ย่ำรอบ 3 ย่ำให้ประณีตเหมือนเดิม ตอนนี้ให้สังเกตหญ้าวัชพืชจะเหลือน้อยมากๆ นี่เป็นการกำจัดหญ้าวัชพืชโดยอ้อม แบบนี้นอกจากประหยัดค่ากำจัดวัชพืช ทั้งยาฆ่ายาคุม ทั้งค่าจ้างคนฉีดแล้ว ยังเป็นปุ๋ยบำรุงดินอีกด้วย ย่ำเทือก 3 รอบ ใช้เวลาแค่ 2 อาทิตย์เท่านั้น
.. ? .. : ไม่ต้องไถก่อนเหรอลุง ?

ลุงคิม : ไม่ต้องไถ ย่ำเทือกเลย ลุงคิมยืนยัน ก.ทำกับมือมาแล้ว ย่ำครบ 3 รอบแล้วคอยดูที่ขี้เทือก รับรองดีกว่าไถซะอีก.....นี่ประหยัดค่าจ้างไถมัย
.. ? .. : ค่ะ

ลุงคิม : บอกก่อนนะ ย่ำเทือกเสร็จ จะย่ำกี่รอบก็แล้วแต่ ก่อนหว่านหรือดำเราต้องปรับเรียบหน้าเทือกครั้งสุดท้าย ใช่ไหม จังหวะนี้สำรวจขี้เทือกซิ ถ้าขี้เทือกลึกแค่ตาตุ่ม อย่าหว่านอย่าดำเลย ขืนหว่านดำไปก็ไม่ได้ผล ต้นข้าวไม่โตหรอก แก้ไขโดยการใส่ระเบิดเถิดเทิงซ้ำลงไปอีก ซ้ำเฉพาะตรง ที่ขี้เทือกตื้นก็ได้ ใส่แต่ระเบิดเถิดเทิงเปล่าๆ ไม่ต้อง + ปุ๋ยเคมีเพิ่ม หมักดินต่ออีก 7 วัน 10 วัน แล้วสำรวจใหม่ ที่เห็นๆมา ขี้เทือกลึกขึ้นเลยนะ...

แต่ถ้า หลังทำเทือกรอบสุดท้าย ปรับเรียบหน้าเทือก ได้ขี้เทือกลึกครึ่งหน้าแข้งแล้ว ก็ให้หว่านหรือดำไปเลย...

อย่าลืมว่า ขั้นตอนทำเทือกนี่ ถือว่าสำคัญที่สุดขอการทำนานะ อย่ารีบร้อน อย่าใจร้อน เทือกลึกข้าวโต เทือกตื้นข้าวเล็ก.....จำไว้
.. ? .. : ค่ะ ...... ลุงคะ ตรงที่ขี้เทือกตื้น ใช้จุลินทรีย์หน่อกล้วยช่วยได้ไหมคะ ?

ลุงคิม : ได้ ..... กากน้ำตาลเดี่ยวๆก็ได้ กากน้ำตาลจะไปเป็นอาหารให้จุลินทรีย์ประจำถิ่นเอง แล้วจุลินทรีย์นี่แหละที่เป็นตัวทำเทือกที่แท้จริงละ
.. ? .. : ค่ะ....ขั้นตอนต่อไปล่ะ

ลุงคิม : เตรียมเมล็ดพันธุ์.....เอาเมล็ดพันธุ์แช่ใน น้ำ 100 ล. ยูเรก้า 30 ซีซี. ไบโออิ 30 ซีซี. แคลเซียม โบรอน 30 ซีซี. แช่นาน 24 ชม. แล้วเอาขึ้นมาห่มต่ออีก 24 ชม. อย่าห่ม นานเกินนี้นะ เพราะรากจะงอกยาวมาก จนหว่านไม่ออกเพราะรากมันเกี่ยวกัน
.. ? .. : ค่ะ.....ขั้นตอนต่อไปค่ะ

ลุงคิม : ระยะกล้าเลย.....ช่วงข้าวอายุ 20 วัน 30 วัน 40 วัน ให้น้ำ 200 ล, ไบโออิ 200 ซีซี. 18-38-12 หนึ่ง กก. ยูเรีย จี เกรด ครึ่ง กก. จะฉีดได้ 5 ถึง 7 ไร่ ให้ 3 รอบตามอายุ ทุกครั้งที่ฉีดพ่นทางใบ ให้ +สารสมุนไพรไปด้วย จะได้ไม่เสียเวลา....แค่นี้ทำได้มั้ยเนี่ย ฉีดบ่อยครั้งจนเกินไปไหม
.. ? .. : ทำได้ค่ะลุง อันนี้ ถ้าเราเอาเงินค่าปุ๋ย 2 กระสอบ มาจ้างคนฉีดก็ยังถูกกว่า

ลุงคิม : ถูกต้อง นี่แหละ นอกจากส่วนของต้นทุนที่ลดลงแล้ว ต้นข้าวยังได้ปุ๋ยสูตรถูกต้องครบ 14 ตัวอีกด้วย แบบนี้ถูกต้องกว่ายูเรียตัวเดียวนะ
.. ? .. : ขั้นตอนต่อไปค่ะลุง

ลุงคิม : ระยะต้นกลม แต่งตัว แล้วแต่จะเรียกกัน.....ให้สำรวจต้นข้าว ถ้าลำต้นกลม แน่น ใบตั้งตรง ปลายใบแข็งแทงท้องแขนแล้วรู้สึกเจ็บ แสดงว่าปุ๋ยธาตุหลักพอแล้ว ให้ใส่ระเบิดเถิดเทิง 30-10-10 รอบ 2 อีก 2 ล.ต่อไร่ ไม่ต้อง +ปุ๋ยเคมี คราวนี้ต้องใช้สายยางหรือสะพายเป้ฉีดนะ ฉีดผ่านต้นลงหน้าดินไปเลย....

แต่ถ้าสำรวจแล้ว ลำต้นแบน นิ่ม ใบเล็กบาง ใบโค้งงอลงตอนเช้า ปลายใบอ่อนแทงท้องแขนไม่รู้สึกเจ็บ แสดงว่า อ่อนปุ๋ยธาตุหลัก ให้ใส่ระเบิดเถิด 30-10-10 อีก 2 ล. แล้ว +16-8-8 อีก 10 กก. ฉีดผ่านต้นลงดินไปเลยเหมือนกัน....

สรุปแล้ว ถ้าใส่ปุ๋ยครั้งเดียวจะใช้ปุ๋ยเคมีจริงๆแค่ 10 กก.ต่อไร่เท่านั้น ถ้าใส่ 2 ครั้งก็เท่ากับ 20 กก.ต่อไร่ แต่ต้นข้าวโตได้ โตดีกว่ายูเรียซะอีก....

ทุกครั้งที่ฉีดปุ๋ย อย่าลืม +สารสมุนไพรด้วยล่ะ จะได้ไม่เสียเที่ยว .... สูตรนี้คิดง่ายๆ ค่ายูเรีย ค่า 16-20-0 เอามาจ้างคนฉีดไงล่ะ แบบนี้ลดต้นทุนไหม ?
.. ? .. : ลดแน่นอนค่ะลุง ขั้นตอนต่อไป

ลุงคิม : เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว บอกแล้วไง อย่าใจร้อน อั้ยที่ร่ายยาวมาทั้งหมดเนี่ย เอาแค่ฉีดพ่นทางใบบำรุงต้นอย่างเดียว ฉีดพ่นกี่ครั้ง ?
.. ? .. : (มีเสียงคนนั่งข้างๆแว่วมาในสาย เป็นเสียงนับ 1-2-3.....) ข้าวอายุ 20-30-40 วัน 3 รอบ กับใส่ระเบิดเถิดเทิง + 16-8-8 อีก 2 ครั้ง….ครบไหมคะ

ลุงคิม : ใครนั่งอยู่ข้างๆ น่ะ ?
.. ? .. : ลูกสาวค่ะ เขาช่วยจดตอนที่ลุงคิมบอก

ลุงคิม : งั้นเหรอ.....สุดยอด
.. ? .. : ลุงคิมพูดต่อเลยค่ะ

ลุงคิม : เอ้าต่อ ..... คราวนี้ระยะตั้งท้อง ออกรวง น้ำ 200 ลิตร ฮอร์โมนไข่ไทเป 200 ซีซี. ปุ๋ยทางใบ 0-52-34 หนึ่งโล ยูเรียครึ่งโล ยาสมุนไพรด้วย 200 ซีซี. เริ่มฉีดรอบแรกตอนที่ข้าว 1 ใน 4 ของแปลง เริ่มแทงรวงออกมาเป็นหางแย้ให้เห็น อีก 5 วัน ฉีดรอบสองสูตรเดิมซ้ำอีกครั้ง…..

อืมม์ 0-52-34 นี่ช่วยหยุดความสูงของต้นข้าวนะ ต้นข้าวจะไม่สูงต่อแต่โตออกทางข้าง อันนี้ดี เพราะจะทำให้ต้นข้าวไม่ล้ม ส่วนยูเรียเป็นสาร ลมเบ่งช่วยให้การออกรวงดี ออกพร้อมกันทั่วทั้งแปลง ระวังหน่อยนะ ถ้าข้าวตากเกสรแล้ว อย่าฉีดพ่นอะไรเชียว ถ้าเกสรเปียกเขาจะผสมไม่ติด เพราะฉะนั้นกะช่วงระยะเวลาให้ดีๆ ต้องฉีดก่อนตากเกสรให้ได้ ทั้งปุ๋ย ทั้งยาสมุนไพร......

โอ.เค.มั้ยลูกสาว บันทึกทันรึเปล่า ?
.. ? .. : (มีเสียงหัวเราะเบา) ทันค่ะ....ต่อเลยค่ะ

ลุงคิม : ก็ได้.....ระยะน้ำนม คราวนี้ น้ำ 200 ลิตร ไบโออิ 100 ซีซี. ยูเรก้า 100 ซีซี. สมุนไพร 200 ซีซี. ถ้าอยากให้ต้นข้าวเขียวขึ้นอีกก็ให้เพิ่มยูเรีย จี เกรด ครึ่งโล.....

สูตรนี้ให้ฉีดพ่น 4 ครั้ง แบ่งเวลาดีๆ.....โอ.เค. มั้ย
.. ? .. : ต่อเลยค่ะ

ลุงคิม : หมดแล้วมั้ง ก็แค่นี้แหละ ไง .... ยากไหม ?
.. ? .. : แค่นี้เองเหรอคะ....ลุงคิมคิดต้นทุนให้หน่อยได้ไหมคะ ?

ลุงคิม : เอางั้นเหรอ เอ้า .... บอกลูกสาวเตรียมจด นา 100 ไร่ ใช้ระเบิด เถิดเทิง 2 รอบ รอบละ 200 ล. ต้องใช้ 400 ลิตร ราคาลิตรละ 100 ก็รวมเป็นเงิน 40,000 ....

ไบโออิ ระยะกล้า 3 ครั้ง ใช้ครั้งละ 5 ล. คิดง่ายๆ 1 ลิตรฉีดได้ 20 ไร่ เพราะฉะนั้น 100 ไร่ก็ต้องใช้ 5 ลิตรต่อครั้ง เท่ากับ 15 ลิตรต่อ 100 ไร่ ราคาลิตรละ 200 เป็นเงิน 3,000 ....

ไบโออิ ระยะน้ำนม 4 ครั้ง ทุกอย่างเหมือนระยะกล้า นั่นคือ 5 ลิตรต่อครั้ง เท่ากับ 20 ลิตรต่อ 100 ไร่ ราคาลิตรละ 200 เป็นเงิน 4,000 ....

ไทเป ระยะออกรวง 2 ครั้ง ครั้งละ 5 ล. เท่ากับ 10 ล.ต่อ 100 ไร่ เป็นเงิน 2,000
ยูเรก้า ระยะน้ำนม 4 ครั้ง ใช้ 20 ลิตรต่อ 100 ไร่ ราคาลิตรละ 400 เป็นเงิน 8,000

คราวนี้รวมทั้งหมด.....
ระเบิดเถิดเทิง 400 ลิตร ลิตรละ 100 เป็นเงิน 4,000...
ไบโออิ 35 ลิตร ลิตรละ 150 เป็นเงิน 7,000 .....
ไทเป 10 ลิตร ลิตรละ 150 เป็นเงิน 2,000 ....
ยูเรก้า 20 ลิตร ลิตรละ 400 เป็นเงิน 8,000 ....
สรุป 4,000 + 7,000 + 2,000 + 8,000 รวมเป็น 14,000
นี่เฉพาะปุ๋ยจากลุงคิมนะ.....

ส่วน ยูเรีย จี เกรด โลละ 100, 18-38-12 โลละ 100, 0-52-34 โลละ 100 หาซื้อเอาเอง ร้านแถวบ้าน หรือที่กองคาราวารลุงคิม ก็ว่าไป กะว่าใช้เงินอีกซัก 5,000 รวมค่าน้ำมันรถด้วยก็น่าจะพอ....

ปุ๋ยลุงคิม 55,000 + ปุ๋ยซื้อต่างหาก 5,000 รวมเป็น 60,000 .....

นี่ถ้าจ้างเขาทำ เอาชนิดทำนาแบบเจ้าพระ ยา ที่เจ้าของนั่งชี้นิ้วสั่งอย่างเดียวอยู่ริมคันนา ไตhร่มไม้ จิบน้ำมะตูม รวมค่าจ้าง เบ็ดเสร็จจนถึงเกี่ยวซัก 40,000 เอาไปรวมกับค่าปุ๋ยลุงคิม 60,000 เป็นเงินแค่ 100,000 ก็ยังน้อยกว่า 300,000 นั่นเท่ากับเหลือเงินตั้ง 200,000 ไม่ดีกว่าเหรอ....

คิดดีๆ จ่าย 60,000 ได้สารอาหารครบ 14 ตัว แต่ที่เคยจ่าย 300,000 ได้แต่ ไนโตรเจน กับฟอสฟอรัส แค่ 2 ตัวเท่านั้นไม่ใช่เหรอ แล้วอย่างไหนคุ้มกว่ากัน คิดไม่ออก ถามลูกสาว
.. ? .. : (แว่วเสียงลูกสาวอุทานแม่ ถูกจัง...ดังมาในโทรศัพท์ เหมือนตอกย้ำความมั่นใจของคนเป็นแม่) ตกลงค่ะลุงคิม แต่บ้านฉันไม่มีตังค์นี่ซิคะ ทำไงดี ?

ลุงคิม : หมายความว่าไง ?
.. ? .. : ขอเครดิตก่อนได้ไหมคะ ?

ลุงคิม : อ๋ออออ ตอบไม่คิดเลยนะ ไม่ตกลงหรอก คิดดู เราไม่เคยรู้จักกัน คุณก็ไม่ได้เอาโฉนดมาวางกับลุงคิมด้วย ทีเถ้าแก่เส็ง คุณยังต้องใช้โฉนดวางประกันเลย จริงไหม ?
.. ? .. : แล้วฉันจะทำยังดีคะ ?

ลุงคิม : เอางี้ เวลาคุณไปซื้อเครดิตกับเถ้าแก่เส็ง คุณทำนา 4 เดือน เกี่ยวข้าวแล้วต้องไปจ่ายเขา 300,000 พร้อมดอกเบี้ย ....

ถ้างั้นงานนี้คุณไปยืมกำนัน แค่ 4 เดือนใช้คืน 60,000 พร้อมดอกเบี้ยเหมือนกัน ....
ระหว่างใช้หนี้เถ้าแก่เส็ง 300,000 กับใช้หนี้กำนันแค่ 60,000 คุณจะเลือกแบบไหน
.. ? .. : เอาที่กำนันแหละค่ะ....ลุงคิมส่งถึงที่ด้วยนะคะ ฉันเอาตามลุงคิมว่า แล้วเอาปุ๋ยสูตรอะไรต่ออะไรนั่นด้วย เอาทุกสูตร สูตรละ 20 กิโล ได้ไหม คะ ?

ลุงคิม : อืมม์ เห็นใจนะ เงินตั้ง 60,000 มันก็หนักอยู่สำหรับคนไม่มี เอางี้ไหม แบ่งซื้อเป็น 2 งวด งวดแรกเอาระเบิดเถิดเทิง.ไปทำเทือกกับไบโออิ. ไปบำรุงระยะกล้าก่อน ถึงช่วงออกรวงกับน้ำนมแล้วค่อยเอาอีกงวด แบบนี้จะตกงวดละ 30,000 ประมาณนี้พอช่วยตัวเองไหวไหม ?
.. ? .. : ไหวค่ะ ไหวค่ะ ลูกสาวบอกให้ลุงคิมส่งด้วยนะคะ

ลุงคิม : นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ วันนี้ลุงคิมยังไม่ขายให้คุณหรอก ลุงคิมพูดซะยาวเหยียด มันจะกลายเป็นพูดยาวๆ เพื่อหลอกขายของนะ
.. ? .. : อ้าวววว....แล้วจะทำยังไงล่ะคะ ?

ลุงคิม : คุณกับลูกสาวรวมคนในบ้านด้วย ช่วยกันคิดทบทวนใหม่ ว่าปุ๋ยราคาถูกๆ ขนาดนี้มันจะได้ผลเหรอ ที่สำคัญ ต้องฉีดหลายครั้งด้วย คิดแล้วค่อยโทรมาใหม่ ตกลงไหม ?
.. ? .. : แต่ฉันไปดูนาแปลงที่บ้านแพรกมาแล้ว ทุกคนในบ้านก็ไปดูด้วย ทุกคนเห็นแล้วยอมรับค่ะ ที่ฉีดบ่อยๆนั่นก็ดี เพราะจะได้ฉีดยาสมุนไพรด้วย

ลุงคิม : เอาน่า ใจเย็นๆ อย่ารีบร้อน เอาตามลุงคิมว่าก่อนก็แล้วกัน คิดดีๆ จะเอาใจออกมาจากกระสอบยูเรียมั้ย ? เลิกวิธีใส่ปุ๋ย 300 สอบ ดีมั้ย ?
.. ? .. : (เสียงแผ่งลง) ตก ลง ค่ะ.....

ลุงคิม : โชคดีนะ
.. ? .. : ขอบคุณค่ะ



134. ทุเรียนนนท์ :
ร.ต.ต.สุชิน แห่ง สน.พระราชวัง ทำสวนทุเรียนที่บ้านเกิดย่านบางกรวย นนทบุรี มีโอกาสพูดกับผู้พันคิม ในกองคาราวานที่วัดส้มเกลี้ยง ใกล้โรงกรองประปามหาสวัสด์ ว่าด้วยเรื่อง “ทุเรียนทุเรียนทุเรียน” ตามประสาตำรวจทหาร ว่า....

(ฉาก 1)
ผู้หมวด : ผู้พันครับ ก้านยาวบางกรวย ได้ต้นละ 10 ลูกก็บุญโขแล้ว
ผู้พัน : 10 ลูกเอง เอาไหม 100 ลูก ต้นละ 100 ลูกนะ ลูกโคนลูกยอดพูเต็มด้วย

ผู้หมวด : (หัวเราะในแววตา) ได้ก็ดีน่ะซีครับ
ผู้พัน : ผมรู้แล้วว่าชาวสวนเล่นทุเรียนยังไง อัดแต่สูตรเสมอ ทางราก ธาตุรองธาตุเสริมฮอร์โมนทางใบไม่เคยให้

ผู้หมวด : (แววตาแสดงความสนใจขึ้นมาทันที) ทำยังไงครับ ?
ผู้พัน : เอางี้นะผู้หมวด ตอนนี้นี้ทุเรียนบนต้นลูกขนาดไข่ไก่ กำลังดีเลย ไม่ใช่แค่ก้านยาวนะ หมอนทอง ชะนี กำปั่น ทุกพันธุ์ในบางกรวยนี่แหละ

ผู้หมวด : (ล้วงสมุดโน้ตออกมาเตรียมจด ตอบสั่นๆ) ครับ ?
ผู้พัน : (ขยับท่านั่ง เตรียมร่ายยาว) เอาทางดินก่อนนะ วันนี้ใส่ได้เลย ซื้อที่กองคาราวานนี่แหละ ....
ใส่ยิบซั่ม กระดูกป่น หว่านให้ทั่วทรงพุ่มบางๆ ใส่มากเปลืองเปล่าๆ หาหญ้าแห้งใบไม้แห้งคลุมหนาหน้าดินๆ ช่วยรักษาความชื้นหน้าดิน แบบนี้รากชอบ ....

เสร็จแล้วหว่านปุ๋ย 21-7-14 ให้ต้นละ 1 กก. หว่านบางๆให้ทั่วเขตทรงพุ่ม เน้นชายพุ่มมากๆหน่อยดี เพราะปลายรากดูดสารอาหารของเขาอยู่ที่นั่น หว่านปุ๋ยแล้วตามด้วยน้ำหมักระเบิเถิดเทิง 21-7-14 ใช้ 1 ล./10 ต้น ผสมน้ำเท่าไหร่ก็ได้ กะให้พอต่อ 10 ต้นก็แล้วกัน อันนี้เพื่อเอาสารอาหารกับจุลินทรีย์ในน้ำหมักช่วยบำรุงดิน ....

การให้ปุ๋ยทุเรียน กะแบ่งช่วงเวลาให้ดีๆ แบ่งเป็น 4 รอบ ห่างกันรอบละ 1 เดือน รอบแรกให้น้ำหมักระเบิดเถิดเทิง +21-7-14 ไปแล้ว รอบที่ 2 กับรอบ 3 ให้แต่ 21-7-14 อย่างเดียว น้ำหมักฯไม่ต้อง จนกระทั่งรอบที่ 4 เดือนสุดท้ายของอายุผลบนต้นก็ให้ใส่ 13-13-21 เพื่อเร่งหวาน....สรุปก็คือ ใส่น้ำหมักระเบิดเถิดเทิงครั้งแรกรอบเดียว รอบ 2 รอบ 3 ใส่ 21-7-14 เดี่ยวๆ จนถึงเดือนสุดท้ายก็ให้ 13-13-21 เดี่ยวๆเหมือนกัน ....

ยากไหมเนี่้ย

ผู้หมวด : (ยิ้ม ก้มหน้าก้มตาจด อ่านซ้ำดังๆเหมือนทบทวน) ทางใบละครับ
ผู้พัน : ต่อเลยเหรอ ได้.... ทางใบเอาน้ำมา 200 ล.นะ ใส้น้ำส้มสายชูในครัวลงไปก่อน 200 ซีซี. คนให้เข้ากันดีๆ แล้วใส่น้ำดำไบโออิ 100 ซีซี. ตามลงไป คนให้เข้ากันดีๆอีก แล้วใส่น้ำเขียวยููเรก้าตาม 100 ซีซี. คนให้เข้ากันดี ฉีดทางใบได้เลย ฉีดให้เปียกใบทั่วๆทรงพุ่ม สูตรนี้ให้ 10 วัน/ครั้ง ให้น้ำดำ + น้ำเขียว 2 ครั้งแล้ว ให้น้ำ 200 ล. + น้ำส้มสายชู 200 ซีซี. + แคลเซียม โบรอน 200 ซีซี. เป็นครบสูตร ให้แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนถึงเก็บเกี่ยวได้เลย

สรุป....ให้ ไบโออิน้ำดำ+ยูเรก้าน้ำเขียว 2 รอบ สลับด้วยแคลเซียม โบรอน 1 รอบ สำหรับทุเรียนห่างกันรอบละ 7 วัน ทุกครั้งที่ให้ +สารสมุนไพรรวมไปด้วยก็ได้ จะได้ไม่เสียเที่ยว

ผู้หมวด : ปุ๋ยเร่งหวานทางใบ ไม่ให้เหรอครับ ?
ผู้พัน : (อืมมม์ แสดงว่ามีพื้นฐานเรื่องปุ๋ยอยู่เหมือนกัน) เร่งหวานทางใบ ให้ก็ได้ไม่ให้ก็ได้ ทางใบไม่ได้ให้ ให้แต่ 13-13-21 ทางรากอย่างเดียวก็พอ แต่ถ้าจะให้เร่งหวานทางใบก็ให้ 0-21-74 ตัวเดียวเดี่ยวๆ ละลายน้ำให้ทางใบไปเลย ระวังนะ พูดแล้วจะว่าคุย ทุเรียนจะหวานจนแสบคอกินไม่ได้ แถมทางใบที่ให้คราวนี้ก้านยาวจะลูกใหญ่ เตะตาโดนใจคนซื้อ ....

ที่จริงไม้ผลทุกตัวที่ไร่กล้อมแกล้มไม่เคยให้ปุ๋ยหวานเลย ทั้งทางรากทางใบ รสชาติยังดีได้เรียกว่า รสจัดจ้าน อันนี้เป็นผลมาจาก ธาตุรอง/ธาตุเสริม กับ แคลเซียม โบรอน ที่ให้ประจำนั่นแหละ ทุกอย่างดีเอง

ผู้หมวด : ก้ายาวลูกใหญ่ขายไม่ค่อยออกนะครับ
ผู้พัน : เฮ่ยยยย ไม่ได้ใหญ่ขนาดหมอนทองหรอกนะ อย่าดีก็ใหญ่กว่าไซส์มาตรฐานสายพันธุ์ 20-30% เท่านั้น เรียกว่า “ใหญ่กว่าเป็นต่อ” ไงล่ะ แต่ที่แน่ๆ ลูกยอดไม่เป็นพูหลอก เปลือกบาง เมล็ดเล็ก เนื้อมาก สีดี กลิ่นรสจัดจ้าน แล้วต้นก็จะไม่โทรมสำหรับเอาผลรุ่นหน้าด้วย

ทบทวนรายละเอียดการปฎิบัติ กับซักซ้อมทำความเข้าใจให้รู้จักกับสารอาหารต่างๆที่ต้องให้ทั้งทางใบทางราก จนแน่ใจ กับกำชับว่า โทรมารายงานผลบ่อยๆเพื่อกันพลาด หรือแก้ปัญหาที่ไม่คาดคิด

วันนี้นผู้หมวดตำรวจซื้ออะไรต่อมิอะไรสำหรับทุเรียน 100 ต่้นเต็มคันรถ บอกว่าซื้อครั้งเดียวไปเลย เพราะถึงอย่างไรก็ต้องใช้อยู่แล้ว ....

4-5 เดือนผ่านไป หลังเสร็จงาน “มหกรรมทุเรียนนนท์” ผู้หมวดตำรวจส่งข่าว

ผู้หมวด : ผู้พันครับ สุดยอดครับ ผมเอาทุเรียนไปฝากไว้ที่ร้านลูกสาว ได้รับหรือยังครับ
ผู้พัน : ขอบคุณมากผู้หมวด ได้รับแล้ว อร่อยสไตล์ก้านยาวจริงๆ

ผู้หมวด : ยอมรับครับ “ใหญ่กว่าเป็นต่อ” จริงๆ ปกติก้านยาวลูกละโลกว่าๆเท่านั้น ปีนี้ผมได้ไซส์ 2 โลกว่า กว่า 50% ที่เหลือเป็นไซส์ใหญ่กับไซส์รอง ไซส์ฟุตบาธแทบไม่มีเลย ลูกยอดไม่เป็นพูหลอกด้วย
ผู้พัน : O.K. แล้วแม่บ้านว่าไงบ้างล่ะ

ผู้หมวด : หน้าบานซิครับ เขายังสั่งผมเลยว่า อย่าไปบอกใครว่าใช้ปุ๋ยผู้พัน
ผู้พัน : งั้นเหรอ บอกแม่บ้านไปเลย ถึงคุณไม่บอก ผมก็บอกทางอากาศอยู่แล้ว...ทุเรียนในงานนนท์ปีนี้โลเท่าไหร่น่ะ ?

ผู้หมวด : ของผมขายโลละ 500 เอง สวนข้างบ้านเขาบ่นผมทุกวันเลย หาว่าผมดั๊มราคาลง เขาขายโลละ 1,000
ผู้พัน : อืมมม เราก็น่าจะเอามั่งนะ นี่คือโอกาสของเกษตรกร ทุเรียนนนท์ลูกละ 10,000 เขาก็กล้าซื้อไม่ใช่เหรอ ?

ผู้หมวด : ก็อยากเอาอยู่หรอกครับ แต่ผมเหมือนผู้พันตรงที่ โหดไม่พอ น่ะครับ
ผู้พัน : เอางั้นนะ.....

ฉาก 2
ปี 54 น้ำท่วมใหญ่ (ใหญ่ครึ่งประเทศ) ลึก (บางกรวยน้ำถึงเอว) ทุเรียนผู้หมวดสุชินฯ ทั้ง 100 ต้น เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วทำการตรวจสอบประวัติต้นแล้วเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงเพื่อเอาผลผลิตรุ่นหน้า เริ่มจากขั้นตอนที่ 1 ฟื้นฟูสภาพต้น เรียกความสมบูรณ์กลับคืนมา งานดำเนินไปเรื่อยตามสเต็ปจนได้ใบอ่อนชุดที่ 2 และแล้วผลงานของ ดร.ปลอดประสบการณ์ฯ ก็บังเกิด

ผู้หมวด : ผู้พันครับ ตอนนี้บางกรวยน้ำท่วมเอวแล้วครับ
ผู้พัน : ทำไมล่ะ แล้วบางอื่นเขาแค่ตาตุ่มรึไง ?

ผู้หมวด : มันก็เอวเหมือนกันแหละครับ ทุเรียนผมจะตายไหมครับ ?
ผู้พัน : ดูข่าว ทีวี. ของบางอื่นเขายืนแช่น้ำตายกันหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ?

ผู้หมวด : ใช่ครับ รอบสวนผมแค่อาทิตย์เดียวตายหมด เหลือสวนผมสวนเดียว จะรอดไหมครับ ?
ผู้พัน : (นึกใจใน ทุเรียนทนน้ำท่วมขังค้างนานได้ประมาณ 1 เดือน) เอาวะผู้หมวด รอดคือรอด ตายคือตาย ถ้าวันนี้ยังรอดมันก็ต้องลุ้น.... เอางี้ ไบโออิ + กลูโคส ให้ 2 รอบ สลับด้วยแคลเซียมโบรอน + กลูโคส 1 รอบ ห่างกันรอบละ 5 วัน ลงทุนพายเรือลงน้ำไปให้เลย

ผู้หมวด : แล้วจะรอดไหมครับ ?
ผู้พัน : ไม่รู้ว่ะ ผมไม่ได้เป็นทุเรียนนี่หว่า....

2 เดือนผ่านไปท่ามกลางข่าวน้ำท่วมสวนบางกรวย ปากเกร็ด เมืองนนท์ ศาลายา นครไชยศรี ไม้ผลยืนต้นทุกชนิดพร้อมใจกันตายตายร้อยเรียบ ผู้หมวดสุชินฯ ส่งข่าว....

ผู้หมวด : (น้ำเสียงดีใจ มั่นใจ) รอดครับ ผู้พันครับรอด ทุเรียนทุกต้นแตกใบอ่อนชุดใหม่กลางน้ำเลย ใบใหญ่สวยมาก ผมว่ารอดครับ
ผู้พัน : (นี่ไง อานิสง แม็กเนเซียม-สังกะสี-แคลเซียม โบรอน-กลูโคส) ตอนนี้น้ำระดับไหน ?

ผู้หมวด : เอวเท่าเดิมครับ
ผู้พัน : อืมมม ถ้างั้น 50/50 ชินฯ ปกติทุกเรียนทนน้ำท่วมขังค้างนานได้แค่ 10-15 วันเท่านั้น ดูต่อไปก่อนวะ

ผู้หมวด : (เสียงอ่อย) ถ้าไม่รอดแล้วปีหน้าจะเอาทุเรียนที่ไหนมาขายครับ ?
ผู้พัน : ก็เอาจากสวนข้างๆซี่

ผู้หมวด : สวนข้างๆก็ตายเหมือนกันครับ
ผู้พัน : เขาตายเราก็ตาย เริ่มต้นใหม่ เริ่มพร้อมๆกัน เดี๋ยวก็ได้ลูกพร้อมๆกัน ถึงวันนั้นทุเรียนใครจะเหนือกว่าใคร ..... เฮ่ยยย งานนี้ สู้ว้อยยยย ชินฯ

ผู้หมวด : ครับผู้พัน สู้ครับ

3 เดือนเต็ม ท่ามกลางเสียงให้สัมภาษณ์ ดร.ปลอดประสบการณ์ฯ มาแนวใหม่ ปีหน้าไม่ท่วมปีหน้าไม่ท่วม

ผู้หมวด : ผู้พันครับ ทุเรียนยืนต้นตายหมดทั้งสวนเลยครับ
ผู้พัน : อืมมม สิริรวมเวลาแช่น้ำระดับเอว ตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ ได้กี่วันผู้หมวด

ผู้หมวด : กว่า 3 เดือนครับ ผมว่าที่มันทนอยู่ได้เพราะน้ำดำนั่นแหละ ข้างบ้านเขายังงงเลยครับ
ผู้พัน : อือว่ะ นี่ถ้าท่วมแค่ 2 เดือน รอดนะเนี่ย

ผู้หมวด : ผมว่าจะไม่เอาทุเรียนอีกแล้วนะครับ
ผู้พัน : เฮ่ยยย เอาทุเรียนนี่แหละ ถ้าจะทำสวนไม้ผล เลือกผลไม้ที่ราคาต่อกิโลกรัมสูงๆ เกรด เอ. จัมโบ้. ยี่ห้อทุเรียนนนท์การันตีตัวเองอยู่แล้ว

ผู้หมวด : ตกลงครับ งั้นผมสั่งต้นพันธุ์จากสวนคุณวันเพ็ญฯ เลยนะครับ
ผู้พัน : ดี.... แล้วจะช่วยพูดให้



.
kimzagass
ตอบตอบ: 17/06/2019 6:30 am    ชื่อกระทู้:

.
.

129. แฟนนิยาย KIM ZA GASS :
นักบิน :
ช่วงไปเรียนหลักสูตรชั้นนายพันธุ์ ที่ รร.ป. ศป. (โรงเรียนทหารปืนใหญ่ ศูนย์การทหารปืนใหญ่) ค่ายพหลโยธิน ลพบุรี หลักสูตรนี้ต้อง เรียน/กิน/นอน นาน 6 เดือน ภารกิจหนึ่งที่เว้นไม่ได้ คือ เขียนนวนิยายสงครามส่งให้วารสารสมรภูมิ ทุกเดือน ๆละ 4 ตอน สำหรับตีพิมพ์ 1 เดือน ทุกครั้งเมื่อวารสารส่งไปถึง เพื่อน นทน. (นายทหารนักเรียน) นักบิน ศบบ. (ศูนย์การบินทหารบก) จะขอยืมไปอ่านก่อน และทุกครั้งจะเปิดคอลั่มน์นิยายสงครามอันดับแรก

KIM ZA GASS : ชอบอ่านนิยายสงครามเหรอ ?
นักบิน : อือออ มันมันโม้ดีว่ะ

KIM ZA GASS : อ้าววว โม้แล้วอ่านทำไมล่ะ ?
นักบิน : มันโม้มีหลักการว่ะ

วันนั้น ค่ำแล้ว ขณะกำลังเขียน (พิมพ์ โดยไม่ร่างไว้ก่อน) ในห้องพัก เพื่อนนักบินจะเข้ามาคุยด้วย พอเห็นต้นฉบับที่พิมพ์แล้ว 10 กว่าแผ่น (ตอนละ 5 แผ่น กระดาษ เอ 4) วางข้างๆพิมพ์ดีด จึงหยิบขึ้นไปอ่าน อ่านที่พิมพ์แล้วจบแล้ว ชะโงกมาอ่านบนเครื่องพิมพ์ดีดอีก ....

ยังไม่พูดอะไร กลับไปที่ห้องพักตัวเองแล้วหยิบวารสารสมรภูมิเล่มเก่าที่สำนักพิมพ์ส่งมาให้ วางทับบนต้นฉบับที่กำลังพิมพ์ใหม่

นักบิน : นี่มันเรื่องเดียวกันนะ ?
KIM ZA GASS : ใช่

นักบิน : ตกลง มึงเป็นคนเขียนเหรอ ?
KIM ZA GASS : เออ ทำไมเหรอ ?

นักบิน : (ถามซ้ำ 2-3 ครั้ง เหมือนเพื่อยืนยัน แล้วตอบ) ไม่ทำอะไรหรอก กูเลิกอ่านละ
KIM ZA GASS : (หัวเราะในลำคอ) อ้าวแล้วกัน ลูกค้าหายไปหนึ่งคนว่ะ

นักปฏิวัติ :
คราวครั้งปฏิวัติ “พฤษภาทมิฬ” มีคำสั่งด่วนมาก ให้ “คิม ซา กัสส์” ไปช่วยราชการที่ บก. คณะปฏิวัติ ทราบภายหลังว่า มีคำสั่งแบบเดียวกันนี้ไปถึง “กระจกฝ้า” (พล.ท. อุทาน สนิทวงษ์ ณ อยุธยา) ด้วย .... ภารกิจ “เขียน” บทความต่อต้านฝ่ายตรงข้าม ผ่านสื่อทุกชนิดที่มีในกองทัพบก งานนี้

กระจกฝ้า เขียน คิม ซา กัสส์ ตรวจ/แก้ ....
คิม ซา กัสส์ เขียน กระจกฝ้า ตรวจ/แก้ ....
ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่า ใครเป็นเขียน และใครอยู่เบื้องหลัง

ขณะสองนักเขียนบทความปลุกระดมกำลังร่างสคริป เตรียมส่ง ทีวี., สถานีวิทยุสังกัด ทบ. อยู่นั้น พล.ท. บัญชร ชวาลศิลป์. เดินเข้ามา ในมือถือหนังสือเล่มนึง ก้มหน้าอ่านเอาจริงเอาจัง เข้ามาใกล้ๆ จึงรู้ว่าเป็นหนังสือนิยายสงครามที่ คิม ซา กัสส์ เขียน

พล.ท. อุทาน : ชอบอ่านนิยายสงครามเหมือนกันเหรอ ?
พล.ท. บัญชร : ครับพี่ นิยายเรื่องนี้ เค้าโครงมาจากเรื่องจริง ก็ให้สงสัยเหมือนกันว่า คนเขียนเป็นทหารบก หรือนักบิน เอฟ-4 กันแน่

จังหวะนั้น คิม ซา กัสส์ ต้องออกนอกห้องไปพบและรับคำสั่ง หน.ฝ่ายเสธ. ไม่ถึง 5 นาทีก็กลับมา

พล.ท. บัญชร : (ยิ้มกว้างเต็มใบหน้า เดินหน้าเขามาหา พูดนำเสียงดังลั่น) คิม ซา กัสส์ ดีใจจริงๆที่ได้รู้จัก นึกแล้วเชียวว่า คิม ซา กัสส์ ต้องเป็นทหารบก เหล่าปืนใหญ่ด้วย อันนี้ดูจากการขอยิงปืนใหญ่ .... ยินดี ยินดีด้วยจริงๆ

เหลือบสายมองไปทาง พล.ท.อุทาน เชื่อว่าเป็นคนบอกความจริงทั้งหมด ไม่ได้โกรธ ตรงกันข้ามกลับยินดีด้วยซ้ำ เพราะทุกเรื่องไม่ใช่ความลับ พล.ท.บัญชร ยื่นมือขวามาขอ SHAKE HAND แล้วเขย่าแรงเต็มที่

คิม ซา กัสส์ : ขอบคุณครับ

นักรบ :
ตอนเที่ยงของวันหนึ่งแห่ง “ศึกร่มกล้า” นครไทย พิษณุโลก สายตาทหารอาชีพ ทหารพราน กว่า 200 คู่บนเนินเขาลูกหนึ่ง จับจ้องสลับบนฟ้ามองหาเครื่องบิน เอฟ-5 กับ เนิน 1428 ภูเขาลูกตรงข้าม ห่างราว กม.กว่าๆ พื้นที่หรือภูพิพาท มีทหารลาว 1 กองร้อย (20 คน) ฝังตัวอยู่บังเกอร์ คงรู้ตัวดีว่า เอฟ-5 จะต้องทิ้ง BOMB อย่างแน่นอนทหารพรานคนหนึ่งเอ่ยเสียงออกมา “แบบนี้มันน่าจะให้จ่าดาวเหนือมาจัดการ ว่ามั้ย ?” หมายถึง “จ่าดาวเหนือ NORTH STAR SERGEANT” หัวหน้าชุดล่าสังหาร พระเอกนวนิยายสงครามในวารสารสมรภูมิ

ลุงคิม กับนายสิบลูกน้องราว 10 คน นั่งเชียร์ เอฟ-5 อยู่ข้างหลัง ทุกคนรู้จักชื่อ “จ่าดาวเหนือ” ดี ไม่พูดอะไร ได้แต่หัวเราะในลำคอ....


130. เข็ม ปปร. :
พ.อ.พิชัย ฉินโสต ผบ.ปตอ.1 โดยส่วนตัวมีความใกล้ชิดสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีใน ร.7 จึงได้รับพระราชทานเข็มที่ระลึก “ปปร” ประดับที่ฝากระเป๋าเสื้อ (ซ้าย) เครื่องแบบปกติ จำนวน 20 อัน โดยมอบอำนาจแก่ พ.อ.พิชัยฯ มอบต่อให้แก่ทหาร (บุคคล) หรือหน่วยทหาร ที่มีคุณต่อแผ่นดิน

เข็มที่ระลึก 20 อันแรก ที่รับพระราชทานตรงจากพระหัตถ์ ได้มอบให้แก่ทหารสังกัดหน่วย พล.ปตอ. เฉพาะระดับผู้นำหน่วย (ผบ.พล., ผบ.กรม, ฝ่าย เสธ., ผบ.พัน.) เท่านั้น

พ.ต.วีระ ใจหนักแน่น ฝอ.2 (นายทหารการข่าว - ฝอ.2) ปตอ. 2 พื้นฐานตำแหน่งทางทหาร ไม่ ใช่ ผบ.หน่วย ไม่ใช่ฝ่าย เสธ. กำเนิดชีวิตทหารจากนักเรียนนายสิบ (ไม่ใช่จบจาก จปร.) ได้รับพิจารณาจาก พ.อ.พิชัยฯ ให้ได้รับเข็มที่ระลึก ในชุดที่รับ “พระราชทานตรงจากพระหัตถ์” นี้ด้วย

เหตุการณ์ต่อมา พ.อ.พิชัยฯ ได้ขอพระราชทานอนุญาตมอบเข็มที่ระลึก “ปปร” นี้แก่นายทหารสังกัด พล.ปตอ. ทุกนาย กระทั่งปัจจุบัน



131. สายลับ VS หลวงพ่อ :
ปี พ.ศ.นั้น คำเกิด ศรีอินปัน หน.หน่วยข่าวลับ ทีมบึงกาฬ หนองคาย วันที่ 10 ก.พ. วันชิงหมาเกิด ออกปากชวนสาวใหญ่ช่างเสริมสวย (กิ๊กหัวหน้าทีมข่าวลับ บึงกาฬ หนองคาย รุ่นพี่) ไปทำบุญที่วัดภูกระแต ท้ายตลาดบึงกาฬ ราว 7 โมงเช้าถึงวัด พบหลวงพ่อเจ้าอาวาสนั่งอยู่บนกุฎิองค์เดียวจึงขึ้นไปกราบนมัสการ แล้วแจ้งความประสงค์ ขอถวายอาหาร กับขอพรวันเกิด

หลวงพ่อ : (ถามนำ) วันนี้โยมไม่ไปทำงานเหรอ ?
คำเกิด : (มองหน้าหลวงพ่อ) ไปครับ เสร็จงานนี้แล้ว ถึงจะไปครับ

หลวงพ่อ : ดีนะ ทำเถอะ เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน ความตั้งใจดี มีพระคุ้มครองนะโยม

เสร็จงานทำบุญ ขณะนั่งรถออกจากวัด....

สาวใหญ่ : คุณคำเกิด รู้จักกับหลวงพ่อมาก่อนเหรอ ?
คำเกิด : หมายความว่าไงครับ ?

สาวใหญ่ : เห็นหลวงพ่อทักคุณแบบนั้น แสดงว่า ท่านต้องรู้จักคุณคำเกิด แล้วก็รู้ด้วยว่าคุณคำเกิดทำงานอะไร ?
คำเกิด : อืมมม ไม่ได้รู้จักมาก่อนหรอกครับ แล้วผมก็เพิ่งมาที่นี่ ครั้งนี้ครั้งแรกด้วย

สาวใหญ่ : งั้นย้อนกลับไปถามหลวงพ่อดีไหม ?
คำเกิด : อย่าเลย ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก.....



132. VISION เกษตรสร้างประเทศ :
จะ ดีมั้ย ? ได้มั้ย ? เอามั้ย ? ถ้า.....
- ย้ายหน่วยทหารย่าน บางเขน, สนามเป้า, สะพานแดง, เกียกกาย, แจ้งวัฒนะ, ไปอยู่ต่างจังหวัด แล้วใช้พื้นที่นั้นสร้างสวนสาธารณะ นอกจากจะได้ภูมิทัศน์รองรับรัฐสภา (เกียกกาย) แล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาประชนล้นเมืองและ กทม. จะได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่มีสวนสาธารณะใหญ่ที่สุดในโลกด้วย

- ปรับภูมิทัศน์บริเวณวัดใหม่ทองเสน (กลางป่า) หรือวัดแก้วฟ้าจุฬามณี (ริมแม่น้ำเจ้าพระยา....บริเวณสี่แยกเกียกกาย) แล้วสร้างโบสถ์ทรงโบสถ์วัดเบญจมบพิตร ....

หมายเหตุ : ผู้สันทัดกรณี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โบสถ์วัดเบญจมบพิตร สวยกว่าทัสมาฮาล เพราะ ภูมิทัศน์รอบโบสถ์วัดเบญจมบพิตรไม่สวย แต่ภูมิทัศน์รอบทัสมาฮาลสวยกว่าเท่านั้น

- ย้ายท่าเรือคลองเตยไปอยู่ต่างจังหวัดชายทะเล แล้วปรับปรุงท่าเรือคลองเตยเป็นศูนย์รองรับเรือยอร์ชระดับโลก
- ย้ายหน่วยชลประทาน ศรีย่าน ไปอยู่กรมชลประทาน ปากเกร็ด แล้วสร้างเป็นสวนสาธารณะริมแม่น้ำเจ้าพระยา

- ย้ายหน่วยทหารที่สวนรื่นฤดีฯ ไปอยู่ บก.ทบ. ราชดำเนินกลาง แล้วมอบพื้นที่ให้ สน.สามเสน สำหรับประชาชนที่มาติดต่อกับตำรวจ

- สร้างรถไฟไต้ดิน หัวลำโพง-รังสิต เพื่อลดปัญหาจราจร
- ย้ายมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน) ไปอยู่กำแพงแสน นครปฐม กับ ย้ายราชการเกษตร ทุกสาขาในรั้วเกษตรบางเขนเดิม ไปอยู่ต่างจังหวัด แล้ว ปรับ/เปลี่ยน พื้นที่เป็นสวนสาธารณะ หรือสร้างบ้านเอื้ออาธร สำหรับผู้มีรายได้น้อย

หมายเหตุ : เมืองหลวงแห่งใหม่ของเมียนมาร์ ใหญ่กว่าสิงค์โปร์ทั้งประเทศ 4 เท่า แบ่งเป็นโซนๆ เรียบร้อย พม่าสร้างเมืองรอประชาชนเข้ามาอยู่ ไม่ใช่ประชาชนเข้ามาอยู่ก่อนแล้วจึงสร้างเมือง....




.
kimzagass
ตอบตอบ: 16/06/2019 6:34 am    ชื่อกระทู้:

.
.

125. สายลับ เบอเลอะ-เบอเต๋อ :
เชียงของ อ.เล็กๆ ห่างจากตัวจังหวัดเชียงรายกว่า 100 กม. ทั้งอำเภอมีร้านอาหารระดับ 5 ดาว รับแขก “VVIP” ได้เพียงร้านเดียว ตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก

เย็นวันนี้เช่นเดียวกับวันก่อนที่ทางร้านมีโอกาสรับแขก เด็กเสิร์ฟถือจานอาหารเดินวนไปรอบร้าน แต่เลือกโต๊ะวางอาหารไม่ได้ ต้องกลับเข้าไปแคชเชียร์ ผู้จัดการใหญ่เห็น...สงสัย

ผจก. : อีนาง ทำไมไม่เอาอาหารไปเสิร์ฟ ?
เด็กเสิร์ฟ : เสิร์ฟใครคะผู้จัดการ ?

ผจก. : เสิร์ฟโต๊ะหัวหน้า

เด็กเสิร์ฟถือจานอาหารเดินออกไปอีกครั้ง เดินจนรอบร้านครบทั้ง 20-30 โต๊ะ แต่หาโต๊ะหัวหน้าไม่เจอจึงกลับเข้ามาหาผู้จัดการ

เด็กเสิร์ฟ : ผู้จัดการคะ เสิร์ฟโต๊ะหัวหน้าไหนคะ ?
ผจก. : หัวหน้าก็หัวหน้าซิวะ จะหัวอะไรอีกล่ะ ?

เด็กเสิร์ฟ : หัวหน้าเต็มร้านเลยค่ะ หัวหน้าคนไหนคะ ?

ผู้จัดการเกิดอาการงง เดินออกมาสำรวจหน้าร้านแล้วอุทาน

ผจก. : อุแม่เจ้า....หัวหน้าข่าว. หัวหน้าตำรวจ. หัวหน้า ตชด. หัวหน้า นปข. หัวหน้าป่าไม้. หัวหน้าศุลกากร. หัวหน้า ตม. หัวหน้าด่านสัตว์. หัวหน้าอนามัย. … จะอี้มันหัวหน้าเบอเลอะ เบอเต๋อ เน้อออออ


126. สมุนไพรไม่แรง :
สมช. : สารสมุนไพรไม่แรง หนอนแมลงไม่ตาย
ลุงคิม : ใช้สมุนไพรอะไร ? ทำแบบไหน ? วิธีใช้ ใช้ยังไง ?

สมช. : ใช้สะเดา ทำแบบที่เขาแนะนำ ใส่กากน้ำตาล ใส่จุลินทรีย์ ใช้ 50 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ล.
ลุงคิม : นั่นข้อมูลจากแหล่งส่งเสริมทั่วไป ทำไมไม่เอาข้อมูลองค์การเภสัชกรรม ร.พ.อภัยภูเบศร์

สมช. : ทำยังไงครับ ?
ลุงคิม : หมัก/ต้ม ต้มธรรมดา ต้มเคี่ยว ใช้สะเดาอย่างเดียว ใช้หลายๆอย่าง ได้ทั้งนั้น ที่แน่ๆ ไม่ใส่กากน้ำตาล ไม่ใส่จุลินทรีย์แต่ใส่เหล้าขาว ใส่น้ำส้มสายชู เป็นสารเร่งให้ตัวยาออกมาเร็วๆ มากๆ

สมช. : คนส่งเสริมไม่เคยแนะนำแบบนี้เลย
ลุงคิม : โทษคนส่งเสริมฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกนะ ปัญหาก็คือ ทำไมคนรับการส่งเสริมจึงไม่ถาม ล่ะ คนรับการส่งเสริมไม่มีความรู้พื้นฐานก็ถามไม่เป็น เป็นธรรมดา นั่นคือ ต้องหาความรู้ไว้เป็นพื้นฐานให้กับตัวเอง ....

เรื่องความรู้นี่สำคัญมาก ตราบใดที่เรายังทำการเกษตรอยู่ จำเป็นที่เราต้องสืบเสาะหาความรู้ไว้ โดยเฉพาะเรื่องเกษตร ยา ปุ๋ย พวกนี้เราต้องใช้ตลอดชีวิต ไม่ใช่เหรอ ?

สมช. : ใช่ครับ
ลุงคิม : เรื่องยาสมุนไพร ไม่ใช่แค่นี้นะ นอกจากรู้วิธีทำแล้ว ต้องรู้จักวิธีใช้ด้วย อย่างที่บอก ยาถูกแต่ใช้ผิด ยาผิดถึงจะใช้ถูก ไม่ได้ผลทั้งนั้น

สมช. : ครับ
ลุงคิม : ยาแรงไม่แรง ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถ้าไม่แน่ใจว่ายาเราแรงไหม แรงมากหรือแรงน้อย เราฉีดพ่นบ่อยๆซี่ ฉีดมันวันละ 3 เวลา เช้าสายค่ำ ฉีดวันต่อวัน วันเว้นวัน แบบนี้เชื่อเถอะ หนอนแมลงอะไรก็อยู่ไม่ได้ นอกจากยาสมุนไพรแล้วยังมีวิธีการอื่นๆอีก เช่น ไอพีเอ็ม. บำรุงพืชสร้างภูมิต้นทาน....

เรื่องทำนองนี้ไม่ยากหรอกนะ ทุกอย่างมาจากใจเรานี่แหละ ลองถ้าใจไม่เอาซะอย่างอะไรๆก็ทำไม่ได้



127. 20 ปี ไม่รวย :
สมช. : ผมฟังผู้พันมาตั้งแต่โฆษณาไบโอคิงส์แน่ะครับ
ลุงคิม : ตั้งแต่ไบโอคิงส์ .... แสดงว่าฟังมานาน 20 ปีแล้ว

สมช. : ใช่ครับ
ลุงคิม : 20 ปี 20 ปี รวยรึยัง ?

สมช. : ยังครับ แค่ปลดหนี้ได้
ลุงคิม : อืมมมม ปลดนี้ได้แล้ว ชีวิตกลับมาที่ศูนย์แล้ว มันน่าจะรวย แล้วรู้ไหมว่าทำไมไม่รวย

สมช. : ไม่รู้ซีครับ
ลุงคิม : จะบอกให้ เพราะไม่ ต่อยอด/ขยายผล ยังไงล่ะ

สมช. : หมายความว่าไงครับ
ลุงคิม : ก็สูตรปุ๋ย สูตรยา สูตรฮอร์โมน สารพัดสูตรที่บอก เอาไปทำ ทำแล้วลองใช้ ใช้ไปปรับไป แก้ไขไป จนกระทั่งเห็นทาง เราก็ใส่อะไรต่อมิอะไรแบบ เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก เข้าไปอีก ที่บอกว่า “ตาคิมเปอร์” ไงล่ะ

สมช. : ใช่ครับ
ลุงคิม : นี่แหละ ที่เขาเรียกว่า “นักวิชาการชาวบ้าน”

สมช. : ครับ
ลุงคิม : ปัญหางานส่งเสริมตลอด 20 ปีที่ผ่านมา พอจะเห็นแล้วว่า ตัวปัญหาจริงๆ อยู่ที่ “ใจ” ของเกษตรกร ไม่ใช่ “ความรู้” อะไรๆที่บอกไป ถ้าลองทำ ลองใช้ ครั้งสองครั้งก็จะเห็นช่อง จากช่องแรกต่อไปช่องสอง ช่องสาม ได้เอง....

นี่มั้ย “กับดักรายได้ปานกลาง” คนไทย เกษตรกรไทย สร้างกับดักขึ้นมาแล้วเข้าไปอยู่ในกับดักนั้นซะเอง .... มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง แต่เป็นความเชื่อมั่นที่ผิด



128. ศึกร่มเกล้า :
เมื่อคราวศึกร่มเกล้า นปอ. (หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ....ส่วนแยก) ไปปฏิบัติการที่ อ.ท่าลี่ จ.เลย พื้นที่รอยต่อ ทภ.2 กับ ทภ.3 ภารกิจเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของอากาศยาน ทั้งของฝ่ายไทยและข้าศึก ....

งานนี้ลุงคิมรับหน้าที่ PLOT ตำแหน่งเครื่องบินในพื้นที่การรบรอบเนิน 1428 บ้านร่มเกล้า นครไทย พิษณุโลก (บันทึกประวัติศาสตร์....การรบระหว่างไทยกับลาวที่มีการสูญเสียของทั้งสองฝ่ายมากที่สุด)

ขณะกำลังบันทึกการเคลื่อนไหวของเครื่องบิน (F-5 ไทย, MIG-19 ลาว) จากการ ตรวจ/รายงาน ของสถานี RADAR ที่ดอยอินทนนท์ อยู่นั้น พล.ท.อิสระพงษ์ หนุนภักดี มทภ.2 สังเกตการณ์อยู่

มทภ.2 : (ชี้ที่ PLOT BROAD ตำแหน่งสนามบินวัดไต เวียงจันทน์) ที่ MARK ลงไปนี่คืออะไร ?
ลุงคิม : ครับ .... นี่คือตำแหน่งปัจจุบันที่เครื่องบิน F-5 ของลาว ขั้นจากวัดไต เวียงจันทน์ มุ่งหน้าไปซำเหนือ หัวพัน ครับ

มทภ.2 : (ชี้ที่ PLOTER BROAD ตำแหน่งเนิน 1428) นี่ล่ะ คืออะไร ?
ลุงคิม : ครับ.... FLIGHT PATH อันนี้คือตำแหน่งปัจจุบันที่เครื่องบิน F-5 ของไทย กำลังปฏิบัติการครับ

มทภ.2 : (ตีหน้าคิ้วย่น เม้มริมฝีปาก กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก) F-5 กำลังปฏิบัติการในพื้นที่การรบ แล้วทำไม MIG-19 ไม่มาที่ 1428 แต่กลับบินไปซัมเหนือ มันคนละทิศละทางกันเลยนะ
ลุงคิม : ครับ อันนี้แสดงว่า ลาวยังไม่พร้อมรบกับไทย แต่เป็นการเตรียมความพร้อมเท่านั้น สังเกตจากเส้นทางการบินของลาว จากวัดไตไปซัมเหนือ ระยะทางบินเท่าๆกันกับจากวัดไตมา 1428

มทภ.2 : สังเกตจากอะไร ? อะไรเป็นสิ่งบอกเหตุ ? มีอีกไหม ?
ลุงคิม : ทุกครั้งที่ F-5 ขึ้นแล้วมาที่ 1428 MIG-19 ก็จะขึ้นด้วยทุกครั้ง แต่บินไปทางซัมเหนือครับ นั่นหมายความว่า ถ้าลาวต้องการตอบโต้เรา MIG-19 จะพร้อมทันทีครับ

มทภ.2 : (มทภ.2 คิดต่อ) เครื่องบิน 2 ยี่ห้อนี้ สู้กันกลางอากาศจะเป็นยังไงไหม ?
ลุงคิม : คงยากที่จะสู้กันครับ เพราะ F-5 เก่งเฉพาะบินระดับสูงๆ แต่ MIG-19 เก่งเฉพาะบินระดับต่ำๆ ครับ อันนี้เราไม่รู้ว่านักบินของทั้งสองฝ่ายจะตัดสินใจ หรือได้รับคำสั่งยังไงครับ

มทภ.2 : (พลิกกระดาษสำเนา PLOT BROAD เก่า แล้วสั่งการทันที) แจ้งเรื่องนี้ไปที่ มทภ.3 บอก ให้ถอนกำลัง F-5 ด่วน เพราะถ้าลาวมันฮึดขึ้นมา คราวนี้ไม่ใช่พิพาทชายแดนธรรมดาๆ แต่มันจะเป็นศึกระหว่างประเทศ เผลอๆ เวียดนามเหนือ โซเวียต ลงมาเล่นด้วยละก็เรื่องใหญ่แน่ .....

(มทภ.2 พล.ท. อิสระพงษ์ หนุนภักดี กับ มทภ.3 พล.ท.ศิริ ทิวะพันธุ์ เป็นเพื่อนทหารจบ จปร.รุ่นเดียวกัน พูดคุย มึง-กู กันได้)

ลุงคิม : ขออนุญาตครับ แล้วภารกิจของผมยังทำต่อไปไหมครับ ?
มทภ.2 : ทำซี่ ทำต่อ ทำต่อไป แล้วรายงานด่วนให้ทราบทุกครั้ง

ลุงคิม : ครับ



.