-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 11/10/2010 10:49 am    ชื่อกระทู้: รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

รวมอาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม ปี 2551

เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 51

ผลจากการสำรวจเกษตรกรและผู้สนใจ ที่สนใจในอาชีพเกษตรกรรมทั่วประเทศ พบว่างานเกษตรกรรมที่ทำง่าย ๆ และ สร้างรายได้เร็วนั้นมักจะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ ด้วยเหตุผลว่ามีการลงทุนน้อย, ใช้พื้นที่ไม่มาก, สามารถประกอบเป็นอาชีพเสริมได้, มีการใช้สารเคมีน้อยและที่สำคัญ ได้เงินเร็ว จากการนำข้อมูลอาชีพเกษตร กรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจและนำมาเผยแพร่ผ่านทางหน้าเกษตรเดลินิวส์ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ในรอบปี พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมานั้น มีหลายอาชีพได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ

คุณสมบูรณ์ วงศา เกษตรกร อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เปลี่ยนอาชีพจากการปลูกมะขามหวานและมะม่วงมาเริ่มต้นด้วยการ ปลูกพริกไทยสดเพียง 30 หลัก ผลผลิตดกและขายได้ราคาดีและไม่พบปัญหาทางด้านการตลาด ปัจจุบันมีรายได้จากการ เก็บผลผลิตพริกไทยสดที่ปลูกจำนวน 105 หลักที่มีอายุต้นเฉลี่ย 8 ปีเป็นเงินประมาณ 200,000 บาทต่อปี สร้างรายได้สูงกว่าไม้ผลที่เคยปลูก มาทุกชนิดและใช้พื้นที่ปลูกไม่มากนัก พริกไทยสดเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่ให้ผลผลิตเร็วปลูกไปเพียง 14 เดือน จะเริ่มให้ผลผลิตขายได้บ้างและให้ผลผลิตเต็มที่เมื่อต้นมีอายุได้ 3 ปีขึ้นไป คุณสมบูรณ์บอกว่าราคาพริกไทยสดจะแพงมากในช่วงปีใหม่ไปจนตลอดฤดูแล้งและมีราคาถูกที่สุด ในช่วง ฤดูฝนเมื่อต้นปี พ.ศ. 2551 ราคาขายพริกไทยสดจากสวนได้ราคาถึงกิโลกรัมละ 150 บาท ในขณะที่เดือนสิงหาคม 2551 ราคาต่ำสุดอยู่ที่กิโลกรัม ละ 50 บาท

คุณกุหลาบ ทรายแก้ว เกษตรกร จ.กำแพงเพชร ใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการ ปลูกตะไคร้หยวก ซึ่งมีลำต้นอวบอ้วน กลิ่นฉุนเล็กน้อยโดยปลูกแซมในสวนฝรั่งแป้นสีทอง ทำรายได้เสริมให้แก่ครอบครัวได้เป็นอย่างดีและยังได้บอกถึงเทคนิคในการปลูกตะไคร้ที่เกษตรกรส่วนใหญ่มักจะปักต้นตะไคร้ลงตรง ๆ บริเวณกลางหลุมปลูก ธรรมชาติของต้นตะไคร้จะมีการแตกกอจากตรงกลางหลุม แล้วขยายกอออกไปหาขอบหลุม เมื่อต้นตะไคร้แก่จะอยู่บริเวณกลางกอ จะทำให้เราเก็บเกี่ยวตะไคร้ได้ยาก เพราะใบตะไคร้จะบาดมือและแขนคนเก็บ วิธีปลูกที่ถูกต้องควรจะปักต้นตะไคร้ลงดินให้มีลักษณะเอียง 45 องศา ปักให้รอบเป็นวงกลมบริเวณขอบหลุมโดยปลูกหลุมละ 4-6 ต้น คุณกุหลาบบอกว่า ราคาขายตะไคร้ จะยืนพื้นอยู่ที่กิโลกรัมละ 5 บาท และ ขายได้ราคากิโลกรัมละ 8-10 บาท ในช่วงฤดูแล้งเดือนมกราคม-เมษายน และช่วงเทศกาลต่าง ๆ

การปลูก มะนาวในวงบ่อซีเมนต์ นับเป็นอาชีพยอดฮิตในรอบปี พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมา เนื่องจากใช้เนื้อที่น้อย, ให้ผลตอบแทนเร็ว และสามารถใช้แรงงานในครัวเรือน ได้ คุณพิชัย ลัยนันทน์ เกษตรกร จ.สุโขทัยมีประสบการณ์ในการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์มานานถึง 8 ปี ถือเป็นเกษตรกรรายหนึ่งที่เป็นต้นตำรับในการปลูกมะนาวรูปแบบนี้ หลักการสำคัญของการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์คือดินผสมที่ใช้ปลูกจะใช้หน้าดิน 3 ส่วน, ขี้วัวเก่า 1 ส่วนและเปลือกถั่วเขียว 2 ส่วนผสมให้เข้ากัน (เปลือกถั่วเขียวจะช่วยให้ดินที่ปลูกมีการระบายน้ำที่ดี) ในการปลูกมะนาวในวงบ่อซีเมนต์สามารถบังคับให้ออกฤดูแล้งได้เหมือนกับที่ลงปลูกในดิน โดยใช้หลักการในช่วงฝนทิ้งช่วง ระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน โดยในช่วงทั้ง 2 เดือนนี้ จะต้องงดการให้น้ำอย่างเด็ดขาด เมื่อฝนทิ้งช่วงนานประมาณ 10-15 วัน ฉีดกระตุ้นให้ออกดอกจะได้ ผลผลิตมะนาวหน้าแล้ง ออกจำหน่ายได้ในช่วงเดือนมีนาคม- เมษายน ซึ่งมีราคาแพงที่สุด

“การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม แบบคอนโด” เป็นงานทดลอง และมีสถานีประมงน้ำจืดชัยนาทเป็นผู้ริเริ่มในช่วงที่คุณสนธิพันธ์ ผาสุขดี เป็นหัวหน้าสถานีฯ เมื่อปี พ.ศ. 2544 จากแนวคิดที่ว่ากุ้งก้ามกรามที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติมักจะชอบอาศัยอยู่ตามซอกหินที่ใช้พื้นที่ไม่มากนักและกุ้งแต่ละตัวจะมีอาณาเขตของตัวเอง จึงมีการตั้งสมมุติฐานว่าน่าจะนำกุ้งก้ามกรามมาเลี้ยงในขวดพลาสติกได้ เพียงแต่ยึดหลักว่าเลี้ยงใน ระบบปิด น้ำที่ใช้เลี้ยงจะต้องมีการหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ ระบบการกรองและการ หมุนเวียนน้ำจะต้องดีและมีประสิทธิภาพ จากการที่เลี้ยงกุ้งก้ามกรามในขวดพลาสติกขนาดบรรุจุ 5 ลิตร พบปัญหากุ้งตายเกิดจากพื้นที่แคบเกินไปทำให้กุ้งลอกคราบไม่ได้ เปลี่ยนมาใช้ตู้กระจกขนาดบรรจุ 16-17 ลิตร พบว่าปัญหาเรื่องกุ้งตายหมดไป แต่ถ้าเกษตรกรคิดจะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ควรจะเลี้ยงในตะกร้าพลาสติก, เลี้ยงในแม่น้ำและสร้างกระชังเลี้ยงจะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าและการจัดการเรื่องระบบการหมุนเวียนน้ำ การ เลี้ยงกุ้งแบบคอนโดจะได้กุ้งที่มีขนาดน้ำหนักตัวเฉลี่ย 3-4 ตัวต่อกิโลกรัม ขายได้ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 600-700 บาท

“การเลี้ยงปลาไหลนาในยางรถจักรยานยนต์เก่า” เป็นความพยายามที่จะหาวิธีการเลี้ยงปลาไหลนาด้วยวิธีการเลียนแบบธรรมชาติและเป็นการนำเอาวัสดุเหลือใช้มาก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผลงานของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีระนอง หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า ปลาไหลทนทานในน้ำที่มีปริมาณออกซิเจนต่ำได้ดีและไม่ชอบสภาพน้ำลึก ปัจจุบันประชากร ปลาไหลนาที่มีจำหน่ายในท้องตลาดเกือบทั้งหมดจับมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่ความต้องการในการบริโภคปลาไหลนาของคนไทยมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปลาไหลนาจัดเป็นปลาที่มีปริมาณไขมันต่ำที่สุดชนิดหนึ่ง

คุณวิโรจน์ เทียนขาว เกษตรกรจาก จ.นครสวรรค์ มีอาชีพปลูกกระชายมานานกว่า 20 ปี และรูปแบบในการปลูกกระชายของคุณวิโรจน์น่าจะเป็นอีกหนึ่งแบบอย่างของการทำการเกษตรแบบพอเพียง เนื่องจากปลูกแซมในสวนผลไม้ จากที่กระชายทำรายได้รองเปลี่ยนมาเป็นรายได้หลักในปัจจุบัน และได้ฝากถึงเกษตรกรที่จะปลูกกระชายแซมในสวนผลไม้แนะนำว่าไม่ควรปลูกแซมในสวนมะยงชิดและสวนมะขามหวาน เนื่องจากต้นกระชายจะยุบตายก่อนที่จะลงหัว แต่ถ้า ปลูกในร่มเงาของไม้ผลอื่น ๆ เช่น ขนุน มะม่วง กล้วยหรือสะเดา การเจริญเติบโต และการลงหัวของกระชายจะดีมาก

มีการคาดการณ์กันว่าในปีหน้า (พ.ศ.2552) สภาพเศรษฐกิจ ของทั่วโลกจะชะลอตัวลงซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยมีผลทำให้มีการเลิกจ้างแรงงานเป็นจำนวน มาก ไม่อยากให้คนไทยตื่นตระหนกจนเกินเหตุ และหมดกำลังใจ เนื่องจากยังมีอาชีพเกษตรกรรมอีกมากมายที่ทำได้ง่าย ๆ และพอเลี้ยงชีพได้ ดังที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นโดยใช้ชีวิตอย่างพอเพียงดังคำขวัญของหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร บิดาแห่งวงการเกษตรแผนใหม่ที่ว่า “เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง” หน้าเกษตรเดลินิวส์ขอเป็นกำลังใจให้กับเกษตรกรไทยทุกคนได้ต่อสู้กันต่อไปและใช้ชีวิตอย่างพอเพียง

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 30 ธันวาคม 2551
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=186575&NewsType=1&Template=1
http://www.phtnet.org/news51/view-news.asp?nID=834


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 11/10/2010 5:52 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11559

ตอบตอบ: 11/10/2010 3:58 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

การปลูกพืชแซมยาง หมายถึงพืชล้มลุกหรือพืชอายุสั้นที่ต้องการแสงสว่างมากในการเจริญเติบโตและให้ผลผลิต และรวมถึงพืชล้มลุก ขนาดเล็กต่าง ๆ ที่ทนต่อสภาพร่มเงา ซึ่งหมายถึงพืชแซมยาง

พืชแซมยางที่ทนต่อสภาพร่มเงาได้แก่ ขิง ข่า ขมิ้น ไม้ดอกบางชนิด ดาหลา หน้าวัว เฮลิโกเนีย ผักพื้นบ้านบางชนิด เช่น ผักกูด และผักกาดนกเขา ฯลฯ ตลอดจนเฟิร์นต่าง

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กรมวิชาการเกษตร




นายชัชชัยกล่าวว่า ขั้นแรกเลือกกิ่งพันธุ์ที่แข็งแรงจากแหล่งที่เชื่อถือได้มาปลูก ปรับสภาพดินให้สม่ำเสมอเพื่อสะดวกแก่การระบายน้ำ การดูแลมี 2 ระยะคือ

1.ระยะที่ยังไม่ให้ผล (อายุ 1-3 ปี) บำรุงด้วยปุ๋ยสูตรเสมอ 200 กรัมต่อต้น และเพิ่มขนาดตามอายุและขนาดของทรงพุ่ม ตัดแต่งกิ่งที่ไม่สมบูรณ์ออก
2.เมื่ออายุ 4 ปีซึ่งให้ผลผลิตแล้ว บำรุงด้วยปุ๋ยเคมีต้นละ 1 กก.ขึ้นไป กับปุ๋ยอินทรีย์ 5 กก./ต้น หว่านให้ทั่วทรงพุ่ม โดยให้น้ำพอชุ่มชื้นแล้วถึงใส่ปุ๋ย

การปลูกส้มโอพันธุ์นี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปีถึงจะได้ผลผลิต ในช่วงที่ยังไม่มีรายได้ก็ปลูกพืช 4 ชนิดแซม ได้แก่ แตงโม พริก มะละกอ และมะนาว แตงโมที่ปลูกจะใช้พันธุ์เบา อายุเก็บเกี่ยว 65 วัน โดยหยอดเมล็ดเป็นหลุม 2 ข้างแปลงห่างกัน 90 ซม. ใส่ปุ๋ยคอกละเอียดคลุกกับดินรองก้นหลุม 4-5 ลิตร หยอดเมล็ดหลุมละ 5 เมล็ด พริกใหญ่ปลูกโดยเพาะกล้า อายุ 30 วันย้ายลงแปลงปลูก ขุดเป็นหลุมแถวคู่ห่างระหว่างแถว 80 ซม. หลุมละ 1 ต้น ระยะปลูก 80x80 ซม. มะละกอปลูกพันธุ์แขกนวล นำเมล็ดมาคลุกยาฆ่าแมลงและป้องกันโรครา ขุดหลุมกว้าง-ลึก 25x30 ซม. หยอดเมล็ดแล้วกลบ ระยะปลูก 2.5x3 เมตร สุดท้ายมะนาวคัดพันธุ์ที่ปลอดจากโรคนำไปปลูกแบบเดียวกับส้มโอ

เมื่อได้อายุ 65 วัน แตงโมก็ให้ผลผลิตเก็บขายได้ประมาณ 30 ตัน ราคา กก.ละ 2 บาท เมื่อแตงโมหมด พริกใหญ่ที่ปลูกก็จะให้ผลผลิตเก็บครั้งละประมาณ 5 ตัน เก็บ 20 วันต่อครั้ง ซึ่งจะเก็บได้ประมาณ 1 ครั้งก็จะตัดทิ้ง ขณะที่เมื่อมะละกออายุได้ 150 วันก็จะออกดอกให้ผลผลิต มีพ่อค้าจากตลาดกลางมาสั่งเก็บและรับซื้อที่สวน เก็บได้ 20 วันต่อครั้ง ซึ่งมะละกอจะให้ผลผลิตได้ 2 ปีก็จะตัดทิ้ง เพื่อให้มะนาวได้รับแสงและเติบโตเต็มที่ เมื่อส้มโอให้ผลผลิตก็จะเป็นช่วงที่มะนาวต้นโทรมก็จะตัดทิ้ง ซึ่งจะมีรายได้ตลอดทั้งปี

ส้มโอขาวแตงกวาแม้จะปลูกได้ดีที่ จ.ชัยนาท แต่สภาพอากาศที่แปรปรวนในปัจจุบัน แล้งนาน ร้อนจัด ทำให้ผลหล่นก่อนตัดขาย ผลผลิตปีนี้จึงมีน้อยกว่าปีก่อน ทำให้การจัดงานส้มโอขาวแตงกวาชัยนาทปีนี้ล่าช้ากว่าปีก่อน โดยเลื่อนมาจัดระหว่างวันที่ 10-19 กันยายน บริเวณหน้าเขื่อนเรียงหินและหน้าศาลากลาง แต่รับรองว่ามีส้มโอขาวแตงกวาจำหน่ายแน่นอนในราคา กก.ละ 25-35 บาท เพราะเตรียมไว้แล้ว 10 ตัน.

http://www.ryt9.com/s/tpd/983996





นภดล:

ปลูกหน้าวัว...เสริมรายได้ ในสวนยางพารา
ประกิต เพ็งวิชัย

ที่มา http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05036010652&srcday=&search=no

ไม้ดอกสกุลหน้าวัว (Anthurium spp.) เป็นไม้ดอกเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่งของประเทศไทย โดยได้รับการพัฒนาให้เป็นไม้ตัดดอกเพื่อการส่งออก และนิยมใช้กันแพร่หลายในประเทศ เนื่องจากมีพันธุ์และสีสันหลากหลาย ใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง และมีอายุการใช้งานได้นาน จากการศึกษาและทดสอบปลูกเป็นพืชร่วมในสวนยางพารา ที่โครงการสวนยางเขาสำนัก และโครงการสวนยางทักษิณราชนิเวศน์ โดยงานวิชาการเกษตร ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส พบว่า สามารถเจริญเติบโตและออกดอกได้ดี

หน้าวัว เป็นไม้ดอกชนิดหนึ่ง ที่เหมาะสำหรับแนะนำหรือส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเป็นพืชร่วมในสวนยางพารา เพื่อเสริมรายได้ในช่วงฤดูฝนที่มีจำนวนวันกรีดน้อยหรือในช่วงที่ราคายางตกต่ำ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการปลูกหน้าวัว คือ มีร่มรำไร มีแสงแดดประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ และต้องการความชื้นสูง หากนำมาปลูกในสวนยางพารา ควรปลูกในสวนยางพาราอายุประมาณ 10 ปี นอกจากปริมาณแสงเพียงพอกับการเจริญเติบโตและออกดอกแล้ว ยังมีเวลายาวนานเพียงพอกับการลงทุน สำหรับพันธุ์ที่แนะนำการปลูกหน้าวัวในสวนยางพารา ควรใช้พันธุ์ที่ต้านทานโรคและทนทานต่อแสงแดด สายพันธุ์ไทยที่เหมาะสม ได้แก่ เปลวเทียนภูเก็ต (สีชมพู) เปลวเทียนลำปาง (สีขาว) หน้าวัวผกามาศ (สีส้ม) และหน้าวัวดวงสมร (สีแดง) วิธีการปลูกเป็นวิธีการที่ไม่ยากมากนัก ใช้ต้นพันธุ์ที่มีใบ 3-4 ใบ และมีราก 2-3 ราก วิธีการปลูก ปลูกในแปลงโดยใช้กาบมะพร้าวสับเป็นวัสดุปลูกหลัก และใช้เศษอิฐหักผสมบ้างเพื่อกันต้นล้ม นิยมปลูกแถวคู่ ระยะปลูก 50x50x50 เซนติเมตร จำนวนต้นพันธุ์ที่ใช้ปลูกประมาณ 3,200 ต้น และ 2,750 ต้น ต่อพื้นที่ปลูกยางพารา 1 ไร่ เมื่อใช้ระยะปลูกยางพารา 2.5x8 เมตร (ภาพที่ 1) และระยะปลูกยางพารา 3x7 เมตร (ภาพที่ 2) โดยปลูกห่างแถวยางพารา 2 เมตร และ 1.75 เมตร ตัวอย่างการปลูก ดังนี้


http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=6642.0;wap2




การปลูกพืชแซม
Submitted by joezine on Sa

เห็นมาจากบ้านสวนพอเพียง น่าสนใจ

การปลูกพืชแซม เป็นการปลูกพืชหลายๆชนิดในพื้นที่เดียวกัน เพื่อให้พืชเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ป้องกันศัตรูพืชด้วยพืช (คล้ายๆ พิษรักษาด้วยพิษ) นอกจากนี้ยังได้ผลผลิตอื่นๆเพิ่มขึ้นอีก

การปลูกดอกไม้สีสดๆ เช่น บานชื่น บานไม่รู้โรย ดาวเรือง ดาวกระจาย ทานตะวันรอบๆ แปลงผัก/สวนไม้ผล หรือปลูกแซมไปกับผัก/ไม้ผลอย่างประปรายก็ได้ สีของดอกไม้จะช่วยดึงดูดให้แมลงศัตรูธรรมชาติหรือแมลงตัวหํ้าและตัวเบียน เข้ามาอยู่ในแปลงและนํ้าหวานจากเกสรดอกไม้ก็จะเป็นอาหารของแมลงเหล่านี้ด้วย แมลงศัตรูธรรมชาติเหล่านี้จะช่วยควบคุมแมลงศัตรูพืช

การปลูกตะไคร้หอมรอบๆ แปลง ช่วยป้องกันแมลงศัตรูพืช เมื่อตัดใบตะไคร้หอมจะมีกลิ่นไล่แมลง ใบตะไคร้หอมนำมาใช้คลุมดินได้ดีและยังช่วยไล่แมลง หรืออาจตัดใบตะไคร้หอมโรยไว้ที่แปลงเพื่อป้องกันแมลงก็ได้ นอกจากนี้ใบตะไคร้หอมยังนำมา
ทำนํ้ายาสมุนไพรฉีดพ่นไล่แมลงได้อีกด้วย

การปลูกพืชบางชนิดซึ่งมีกลิ่นหรือสารไล่แมลงศัตรูพืช เช่นโหระพา ผักกาดหอม แมงลัก พริก กระเทียม ผักชี กระเพรา มะเขือเทศ ฯลฯ แซมลงไปในแปลงปลูกพืชหลักเพื่อลดแมลงศัตรูพืช เช่น ปลูกผักชีร่วมกับคะน้า แปลงกระเทียมสลับกับแปลงคะน้าเป็นต้น

การปลูกดาวเรือง ถั่วลิสงร่วมกับพืชอื่น เช่น มันฝรั่ง มะเขือเทศ กล้วยหักมุก สับปะรด หัวไชเท้า แครอท จะช่วยลดความเสียหายจากการทำลายของไส้เดือนฝอยรากปมได้ หรืออาจปลูกดาวเรืองหมุนเวียนเพื่อลดไส้เดือนฝอยดังที่กล่าวมาแล้ว

การปลูกหอมร่วมกับพืชตระกูลแตงเช่นแตงกวา แตงโม แคนตาลูป เป็นต้น หรือการปลูกกุยช่ายร่วมกับพืชตระกูลพริก มะเขือ จะช่วยป้องกันโรคเหี่ยวที่เกิดจากเชื้อฟิวซาเรียมได้เนื่องจากบริเวณรอบๆ รากหอมและรากกุยช่ายมีแบคทีเรียต่อต้านเชื้อราสาเหตุของโรคได้

การปลูกถั่วลิสงแซมระหว่างแถวของข้าวโพดจะช่วยลดความเสียหายจากหนอน กระทู้และทำให้แมลงศัตรูธรรมชาติมาอาศัยอยู่เช่นมีแมงมุมตัวหํ้า ช่วยควบคุมหนอนเจาะลำต้นข้าวโพดเช่นเดียวกับการปลูกข้าวโพดและถั่วฝักยาว ด้วยกัน
การปลูกผักกาดขาวปลีไว้ตามจุดต่างๆของแปลงกะหล่ำ เพื่อล่อแมลงพวกด้วงผักให้ไปกินแทนที่จะกิน กะหล่ำ จากนั้นจึงพ่นสมุนไพรกำจัดที่ต้นผักกาดขาวปลีนั้น
ปลูกงาช่วยป้องกันไส้เดือนฝอยให้กับมะเขือ มะเขือเทศ

ปลูกมะเขือเทศแซมระหว่างแถวของกะหล่ำปลี ช่วยป้องกันหนอนใยผักได้บ้าง

ปลูกผักสลัดที่แมลงไม่ชอบกินรอบแปลงผักอื่นๆ ช่วยป้องกันแมลงไม่ให้เข้าไปทำลาย

ปลูกมันฝรั่งร่วมกับหัวหอม ถั่ว ถั่วเหลือง มะเขือเทศ หรือข้าวโพด จะพบปัญหาหนอนเจาะหัวมันฝรั่งน้อยลง

ถ้าวิธีนี้สามารถใช้งานได้จริง น่าจะมีประโยชน์มาก เหลือเพียงแต่ต้องลองทำดู


http://www.joezine.com/node/922/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A%E0%B9%81%E0%B8%8B%E0%B8%A1




ไร่นาสวนผสม
......................................... ฯลฯ ..................................

3. ปลูกไม้ผล 12 ไร่ ได้แก่ มะม่วงพันธ์โชคอนันต์ 175 ตัน มีรายได้ 12,000 บาท/ปี ฝรั่งพันธุ์แป้นสีทองและพันธุ์กลมสาลี่ 600 ต้น มีรายได้ 45,000 บาท/ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้วย ได้แก่ กล้วยหอม 50 กอ กล้วยไข่ดง 100 กอ และกล้วยน้ำว้า 2,400 กอ สามารถจำหน่ายผลผลิตทั้งใบตองหน่อพันธุ์และผล ทำให้มีรายได้ 13,500 บาท/ปี นอกจากนี้ยังปลูกผลไม้อื่น ๆ ที่กำลังให้ผลผลิตได้แก่ มะกอก 30 ต้นชมพู่ 250 ต้น มะนาว 180 ต้น มะพร้าวน้ำหอม 200 ต้น น้อยหน่า 200 ต้นขนุน 35 ต้น มะไฟ 40 ต้น กระท้อน 20 ต้น ส้มโอ 20 ต้น ละมุด 15 ต้น

4. ปลูกพืชผักแซมระหว่างไม้ผล และที่บริเวณที่ว่างของแปลงได้แก่ ปลูกชะอม 1,200 ต้น ให้ผลผลิต 50 กำต่อวัน มีรายได้ 36,000บาท/ปี ปลูกพริกขี้หนู มีรายได้ 1,400 บาท/ปี ปลูกแตงกวามีรายได้ 4,400 บาท/ปี ปลูกมะละกอ 50 ต้น มีรายได้ 1,150 บาท/ปี นอกจากนี้ นายเฉลา ยังปลุกผักคะน้า ผักกวางตุ้ง ผักบุ้งจีน มะเขือ ถั่วฝักยาว ซึ่งสามารถใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทำให้มีรายได้ตลอดปี

............................... ฯลฯ ..................................

http://www.doae.go.th/farmer/farmer42/farmar1.htm
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©