-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ปาล์มน้ำมันทุ่งรังสิต...
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ปาล์มน้ำมันทุ่งรังสิต...

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/01/2011 10:09 am    ชื่อกระทู้: ปาล์มน้ำมันทุ่งรังสิต... ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ปาล์มน้ำมันทุ่งรังสิต ความมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน 2553





สภาพร่องสวนส้มเก่าที่ไม่สามารถปลูกส้มได้แล้ว
นำมาปลูกปาล์มน้ำมันที่ ตำบลซำอ้อ ปทุมธานี
ให้ผลผลิตประมาณ 6 ตัน/ไร่/ปี
ยกร่องให้สูงขึ้นประมาณ1เมตร ป้องกันรากเน่า เพราะบริเวณนี้
น้ำขังจำนวนมาก ในร่องสวนเลี้ยงปลานิล ประตะเพียน ปลาดุก จำนวนมาก





สวนปาล์มน้ำมันทุ่งรังสิต





การรับน้ำ รับแดด และการเจริญเติบโต ที่ดีมาก





ทะลายปาล์มได้ผลผลิตมากกว่า 12 ทะลาย/ปี





การจัดการสวนปาล์มน้ำมัน






ดร.ไพบูลย์ ซำศิริพงษ์ สว.ปทุมธานี สนทนากับเกษตรกร
ชมรมสวนปาล์มน้ำมันทุ่งรังสิต





ดร.ทินโน ขวัญดี



แสดงความคิดเห็นโดยเกษตรกร มนัส พุทธรัตน์
ดร.กนก คณิการ. ดร.ไพบูล ซำศิริพงษ์. อักษร น้อยสว่าง



ชาวสวนปาล์มน้ำมันซำอ้อ




บทนำ

สภาพทางภูมิศาสตร์ทุ่งรังสิตเป็นพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง น้ำขังบางส่วนของพื้นที่ พื้นดินเป็นอินทรีย์วัตถุ ที่มาจากการไหล และท่วม
ของแม่น้ำหลายสายทับถมกันหลายชั้น และมีพื้นชั้นดินเหนียวเหลว และบางส่วนของพื้นที่มีสภาพดินเปรี้ยว ในบริเวณภาคกลาง
ของไทย เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำนครนายก และแม่น้ำนครไชยศรี เป็นต้น

ทุ่งรังสิต ประกอบด้วยเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี อยุธยา นครนายก และสระบุรี มีพื้นที่ราบขนาดใหญ่ อาชีพหลักคือ การทำนาข้าว
ซึ่งปลูกได้ประมาณ 3 ครั้ง/ปี การทำพืชสวนอื่นๆ และการทำสวนส้ม ในการทำสวนส้มนั้น เกษตรกรจะต้องยกคันดิน (ยกร่องสวน)
ให้สูงกว่าระดับน้ำเพื่อไม่ให้รากส้มจม และแช่น้ำ ร่องสวน มีขนาดความสูงประมาณ 1.5-2.0 เมตร และกว้างประมาณ1.5-2.0 เมตร
เช่นกัน ความห่างของคันสวนประมาณ 7.0-8.0 เมตร บริเวณโดยรอบของคันสวน มีน้ำขังตลอดทั้งปี ในคันสวน เกษตรกรเลี้ยงปลาดุก
ปลานิล ปลาตะเพียน หรือปลาอื่นๆ ตามความสนใจและ ตามตลาดต้องการ

สำหรับปลาบางชนิดที่เกษตรกรปล่อยลงไปในคันสวนและเลี้ยงไว้นั้น เหตุผลหลักมิใช่เพื่อนำมาเป็นอาหารและขายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่ยังมีประโยชน์ในการกำจัดวัชพืช และหญ้าที่เกิดในร่องสวนอีกด้วย เกษตรกรจึงนิยมเลี้ยงปลานิลและปลาตะเพียน ซึ่งเป็นปลาที่เกินพืช
เป็นอาหารลงไปในร่องสวนประกอบกับปลาทั้งสองชนิดนี้ราคาดี เป็นที่นิยมและเลี้ยงง่าย ทนทานต่อสภาพสิ่งแวดล้อมได้ดี

สวนส้มทุ่งรังสิต มีที่มาจากการที่สวนส้มบางมด “ส้มบางมด” ซึ่งหมดสภาพจากการปลูกมานานและเกิดโรคระบาดทำให้เกิดความเสียหาย
ประกอบกับราคาที่ดินในบริเวณพื้นที่บางมด ได้ปรับเปลี่ยนไปเป็นที่ดินเชิงพานิชและอุตสาหกรรม ทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้นไม่สอดคล้อง
และเหมาะสมในการทำเกษตร ที่ต้องลงทุนค่าที่ดินราคาสูง เกษตรกรจึงขายที่ดินและหาที่ปลูกส้มแหล่งใหม่แทน

ทุ่งรังสิต คือ เป้าหมายในการปลูกส้มจากการเคลื่อนย้ายของเกษตรชาวสวนบางมด และเกษตรกรท้องถิ่น ที่เดิมทำนาข้าวและสวนส้มโอ เมื่อ
สวนส้มให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าจึงปรับเปลี่ยนอาชีพมาทำสวนส้มกันมากขึ้น จนครั้งหนึ่งส้มที่ขายในท้องตลาดเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นส้มจาก
สวนส้มรังสิต จนเรียกติดปากอีกชื่อว่า ”ส้มรังสิต”

เหตุการณ์เหมือนเดิมการปลูกส้มในที่ดินเดิมเป็นระยะเวลานานทำให้เกิดโรคระบาดเกษตรกรขาดทุนอีกครั้งเกษตรกรบางส่วนหนีไปทำสวนส้ม
ที่บริเวณจังหวัดกำแพงเพชร เพชรบูรณ์ และจังหวัดตากและปัจจุบันสวนส้มในที่แหล่งใหม่ก็เกิดปัญหาอีกเช่นเคย ย้ายอีกครั้งชายแดนพม่า
คือเป้าหมาย ทุกวันนี้ร้อยละหกสิบถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของส้มที่ขายในประเทศไทยเป็นส้มสัญชาติพม่าผ่านชายแดนและฝีมือคนใส่โสร่งมาทั้งนั้น

ท้องทุ่งรังสิต สวนส้มรังสิต ถูกทิ้งร้าง เกษตรกรหน้าดำ คร่ำเครียด หนี้สินผูกพัน โฉนดอยู่ในมือธนาคาร ลูกหลานต้องใช้เงินในการศึกษา
เพื่ออนาคตของครอบครัว เพื่ออนาคตของชาติ เงินขาด อาชีพหาย อนาคตมืดมน ไม่รู้จะทำอะไร ไม่รู้หาเงินจากไหน ไม่รู้หาใครมาช่วย มา
ต่อลมหายใจให้เกษตรกร เกษตรกรที่ถูกยกย่องว่าสันหลังของชาติ นี่คือเสียงเพรียกร้องของสันหลังของชาติ คนชาวสวนส้ม แห่ง ”ท้องทุ่งรังสิต”

ที่มาจากการสัมผัสในพื้นที่
ช่วงระหว่างปี พ.ศ.2551 ประธานอนุกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและมีส่วนร่วมภาคพลเมือง วุฒิสภา ดร.ไพบูรณ์ ซำศิริพงษ์ วุฒิสมาชิก
จากการเลือกตั้งจังหวัดปทุมธานี นายวรินทร์ เทียมจำรัส วุฒิสมาชิกจากการสรรหา รองประธานฯ และคณะอนุกรรมาธิการฯ ได้รับหนังสือร้อง
เรียนจากเกษตรกรทุ่งรังสิตให้ดำเนินการบรรเทาทุกข์ให้กับเกษตรกรสวนส้มทุ่งรังสิตที่ประสบปัญหาเดือดร้อนจากสวนส้มล่ม เกิดภาวะหนี้
สินล้นพ้นตัว ไม่สามารถทำกินได้อีกต่อไป และเรียกร้องให้ภาครัฐส่งเสริม สนับสนุนให้ปลูกปาล์มน้ำมัน (Palm Oil Tree)ในพื้นที่สวน
ส้มร้างดังกล่าวซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 200,000-300,000 ไร่ เกษตรกรเกือบ 1,000 ราย โดยมีหนี้สินที่คงค้างอยู่ในระบบธนาคารและ
นอกระบบบางส่วน ประมาณ 1.,000 ล้านบาท

ธนาคารที่เกษตรกรเป็นหนี้สินมากที่สุดคือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (Bang for Agriculture and Agricultural
Co-operatives) ที่ซึ่งเป็นองค์กรภาครัฐ และธนาคารพานิชบางส่วน ประธานอนุกรรมาธิการฯได้รับทราบปัญหาและความเดือดร้อนของ
ประชาชนจึงได้ดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาคณะหนึ่งเรียกว่า ”คณะทำงานเพื่อการแก้ปัญหาวิกฤตการเกษตรพื้นที่ทุ่งรังสิต” มีบทบาท
หน้าที่ในการรวบรวม ข้อมูลและปัญหาในการนำเสนอแนะเพื่อการแก้ปัญหาดังกล่าว ประกอบด้วยบุคคลหลายฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน
และประชาชนในพื้นที่ ทำงานร่วมกัน พร้อมทั้งจัดกิจกรรมศึกษาดูงานเพื่อให้เข้าใจปัญหา และความลึกซึ้งต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

ปัญหาที่พบและเป็นจริงจากเกษตรกร
1. ภาระหนี้สินเกษตรกรที่พบโดยรวมประมาณ 1,000 ราย ยอดเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,000 ล้านบาท 90 เปอร์เซ็นต์มาจากการกู้ยืม
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

2. เกษตรกรส่วนใหญ่ค้างการชำระเพราะไม่สามารถชำระดอกเบี้ยได้ ด้วยไม่มีงานและอาชีพอื่นที่สามารถสร้างรายได้เพื่อมาชดเชย และจ่าย
ดอกเบี้ยให้กับธนาคารได้

3. เกษตรกรเกิดความวิตกกลัวถูกยึดโฉนดที่ดินทำกิน

4. เกษตรกรไม่สามารถหาทุนใหม่มาลงทุนได้ จึงไม่สามารถสร้างงานและอาชีพใหม่ได้

5. เกษตรกรดิ้นรนเพื่อให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือผ่านรัฐบาลหลายรัฐบาลแต่ไม่เป็นผล โดยเกษตรกรต้องการให้รัฐบาลแต่ละยุคประกาศพื้นที่
ทุ่งรังสิตเป็น ”เขตภัยวิบัติ” โดยหวังว่าจะได้รับเงินชดเชยและรัฐเข้ามาช่วยเหลือเหมือนกับพื้นที่เขตอื่นๆที่ได้รับภัยวิบัติ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ

6. การประกาศเขตพื้นที่สีเขียวจังหวัดปทุมธานี (พื้นที่การเกษตร) เช่น อำเภอหนองเสือ ทำให้เกษตรกรฝั่งตะวันออกของถนน วิภาวดี-รังสิต
มีราคาค่าที่ดินถูกกว่าฝั่งตะวันตก เช่น อำเภอคลองหลวง (นิคมอุตสาหกรรมนวนคร) ที่มีราคาค่าที่ดินสูงกว่ามาก

7. ภาครัฐโดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ข้าราชการระดับสูง) ยังมีความคิดในการทำการเกษตรในพื้นที่ทุ่งรังสิตนี้ที่ต้องทำการเกษตร
ที่ต้องทำนา และพืชสวนทำอย่างอื่นไม่ได้ ไม่ดี ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร และส่งผลกระทบต่อการผลิตข้าว

8. ชาวบ้านเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอดแต่วิธีคิดของข้าราชการระดับสูงของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังไม่เปลี่ยน ยึดติดอยู่กับ
การทำนา และสวน โดยเกรงว่าการทำสวนปาล์ม (Palm Oil Plantation) จะส่งผลให้การผลิตข้าวน้อยลง โดยให้เหตุผลในการอธิบายสิ่ง
นี้ว่าสภาพพื้นที่ทุ่งรังสิตไม่เหมาะสมในการปลูกปาล์มน้ำมัน ปลูกได้แต่ผลผลิตจะไม่ดี ไม่คุ้มค่า

9. ชาวบ้าน เกษตรกร (นายอักษร น้อยสว่าง อดีตนายกเทศมนตรีอำเภอหนองเสือ นายสถิต คำรักษ์ และนายมนัส พุทธรัตน์ ฯลฯ แกนนำ
เกษตรกร) ไม่สามารถรอเวลา จึงทดลองปลูกปาล์มน้ำมันด้วยตนเอง ลองผิด ลองถูก อาศัยภูมิปัญญาและความสามารถที่มีอยู่ ปลูกปาล์มน้ำมัน
เพื่อหนีตาย แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ปัจจุบันปลูกไปแล้วทั้งหมด ประมาณ 30,000 ไร่ สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ประมาณ
12,000 ไร่ และอยู่ระหว่างรอให้โตเพื่อการเก็บเกี่ยวผลผลิตอีก ประมาณ 18,000 ไร่

10. ผลผลิตปาล์มน้ำมันที่ทุ่งรังสิต (สวนนายอักษร น้อยสว่าง ต.ซำอ้อ อ.หนองเสือ นายมนัส พุทธรัตน์ ต.บึงบอน อ.หนองเสือ นายสถิต
คำรักษ์ กรรมการชมรมปาล์มน้ำมันทุ่งรังสิต นายพินิจ สระบุรินทร์ เกษตรอำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี) ประเมินการให้ผลผลิตของปาล์ม
น้ำมันที่ทุ่งรังสิต 6-7 ตัน/ไร่/ปี (ผลผลิตปาล์มน้ำมันเฉลี่ย จังหวัดกระบี่ 3-4 ตัน/ไร่/ปี) แต่ต้องขนส่งเป็นระยะทางไกลในการขนปาล์มไปขาย
(ผลปาล์มน้ำมันเมื่อตัดแล้วจะต้องส่งเข้าสู่กระบวนการผลิตไม่ช้ากว่า 24 ชั่วโมง ถ้าช้ากว่านั้น จะมีผลเสียเกิดขึ้น คือเกิดกรดที่ไม่พึงประสงค์ ทำ
ให้คุณภาพน้ำมันปาล์มเสียไป) ส่วนใหญ่ไปขายในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เช่นกลุ่มบริษัท ไทยอีสเทอร์น (Thai Eastern Group : บจก.อีสเทอร์น
ปาล์ม ออยล์ อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี) บริษัท สุขสมบูรณ์ น้ำมันปาล์ม จำกัด (อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี) เป็นต้น ต้องเสียค่าใช้
จ่ายในการขนส่งค่อนข้างมาก ทำให้เกิดต้นทุนในการผลิต

การหารือและหนทางในการแก้ปัญหาจากอนุกรรมาธิการฯ โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องเพื่อการแก้ปัญหาประชาชนเดือดร้อนร่วมกัน
1. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ : กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร
2. เกษตรอำเภอ เกษตรจังหวัด
3. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส)
4. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SMEs Bank)
5. เกษตรกรทุ่งรังสิตผู้เดือดร้อน
6. อื่นๆ

ผลจากการหารือ
1. มอบหมายให้คณะทำงานนำเสนอวิธีการเพื่อการแก้ปัญหา
2. เป้าหมายในการแก้ปัญหาต้องเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน

ความต้องการของเกษตรกร
1. ปลดหนี้สิน
2. สร้างอาชีพใหม่ เช่นการทำสวนปาล์มน้ำมัน โดยการสนับสนุนทางการเงินเพื่อการลงทุน
3. ไม่ต้องการขายที่ดิน ไม่ต้องการให้ธนาคารยึดที่ดิน

การนำเสนอจากคณะทำงานฯ
1. รัฐสนับสนุนจัดตั้งกองทุนเพื่อการทำสวนปาล์มน้ำมัน และผลิตน้ำมันปาล์มตามแผนนโยบายพลังงานทดแทน 15 ปี (แผนพลังงานแห่งชาติ)
วิธีการ คือ ตัดดอกเบี้ยบางส่วนหรือทั้งหมดจากธนาคาร ยืดระยะเวลาการผ่อนส่งออกไปอีก 5 ปี นับจากการเข้ากองทุนแล้ว และสร้างกองทุน
ภาคประชาชนเข้ามาดูแล เพื่อให้เกษตรกรได้มีเงินทุนในการทำงานต่อไป

2. ภาคเอกชนที่มีขีดความสามารถทางด้านการเงินเข้ามาสนับสนุนโดยการทำสัญญากับเกษตรกร และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์
การเกษตร ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ ชื้อผลผลิต (ผลปาล์ม) โดยธนาคารปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ และระยะเวลานาน ให้กับภาคเอกชนเป็นผู้รับภาระของเกษตรกร
แทน และนำพาเกษตรกรทำการผลิตปาล์มน้ำมัน รับซื้อในราคาตลาด ปลดหนี้สินกับธนาคาร และที่ดินตกเป็นของเกษตรกรตามอายุสัญญา

3. เชิญชวนภาคเอกชนเข้ามาทำสัญญาเช่าที่ดินบางส่วนของเกษตรกรโดยรัฐ(ธกส) ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และมีระยะเวลานาน โดยการ
เอาเงินค่าเช่านั้นมาหักออกจากหนี้ของเกษตรกร เมื่อหมดสัญญาที่ดินตกเป็นของเกษตรกร


บทสรุป
เกษตรกรต้องกรปลดหนี้ ไม่ต้องการขายที่ดิน ต้องการสร้างอาชีพใหม่ โดยการทำสวนปาล์มน้ำมัน ภาครัฐ (กระทรวงเกษตรฯ) ยังไม่เข้าใจปัญหา
และยังไม่สนใจเข้าไปแก้ปัญหาวิกฤติอย่างทันการณ์ ธนาคาร ธกส.ยังขาดการผลักดันและสรรสร้างนวัตกรรมเพื่อประโยชน์ของเกษตรกรอย่างแท้
จริง ภาคเอกชนสนใจในการทำธุรกิจเชิงธรรมาภิบาลแต่ต้องได้รับการสนับสนุนบางเงื่อนไขจากภาครัฐ และ ธกส. และภาคประชาชนจะต้องสร้าง
สมรรถนะ ความสามารถในการบริหาร จัดการ และวิชาการที่สูงขึ้น

การดิ้นรนที่รอคอย ชมรมเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันทุ่งรังสิตฯ ได้จัดทำหนังสือเพื่อขอรับการสนับสนุนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และขณะ
นี้หนังเสือฉบับนี้ถูกส่งไปที่กรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อการพิจารณาและหาแนวทางในการดำเนินการต่อไป ชาวเกษตรกรจึงต้องรอ และรอต่อไป รอ
วันที่มีนโยบาย และการปฏิบัติการการฟื้นฟูอย่างเป็นรูปธรรม

ความมีส่วนร่วมในการพัฒนาบ้านเมืองอาจจะมาจากภาครัฐเพียงอย่างเดียวเหมือนในอดีต หรืออาจจะมีแนวทางในการนำพาภาคเอกชนผู้มีศักยภาพ
และมีเจตนาที่ดี ในการบริหารธุรกิจเชิงธรรมาภิบาล ร่วมมือกับภาครัฐ หรือความร่วมมือกับรัฐต่างประเทศ หรือเอกชนต่างประเทศบนพื้นฐานความร่วม
มือที่เป็นธรรม อย่างมีหุ้นส่วน และเป็นมิตร ที่มีผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้ง ย่อมเป็นทางเลือกที่ควรพิจารณา


ดร.ทินโน ขวัญดี
ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและมีส่วนร่วมภาคพลเมือง
29 ตุลาคม 2553








การตัดแต่งก้านใบ และการบำรุงรักษา
สังเกตุระยะห่างระหว่างต้น ที่มีผลต่อทางใบที่ชนกัน
ที่มีผลต่อการรับแสงแดด และการสร้างผลผลิต




เริ่มออกลูก



สังเกตุลูกอ่อน ลูกแก่ และการเก็บเกี่ยวที่ผลปาล์มจะต้องสุกดีพอ
มิเช่นนั้น เปอร์เซ็นต์น้ำมันจะน้อย ขายได้ราคาต่ำ




ผลปาล์มที่เก็บเกี่ยวได้แล้ว



แสดงให้เห็นภายในผลปาล์ม ที่ประกอบไปด้วยองค์ประกอบต่อไปนี้เปลือกนอก
1. น้ำมันที่ได้จากส่วนนี้เรียกว่า CPO "Crude Palm Oil" ผลิตภัณฑ์จากส่วนนี้เอา
ไปทำ น้ำมันทอดอาหาร "Cooking Oil"และ น้ำมันไบโอดีเชล "Bio Diesel"

2. กะลา อยู่ระหว่างเปลือกนอกกับเนื้อใน กะละปาล์มเอาไปทำเชื้อเพลิง
แข็ง "Biomass" จะให้ความร้อนสูง หรือเอาไปทำถ่านกัมมันต์จะดีมาก

3. เนื้อใน เหมือนเนื้อมะพร้าว น้ำมันที่ได้เรียกว่า CKPO "Crude Kernell
Palm Oil" เอาไปทำผลิตภัณฑ์อาหาร และเครื่องสำอาง








http://tinno0001.blogspot.com/


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 31/01/2011 9:42 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/01/2011 10:54 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ข้อควรคิดก่อน ''ปลูกปาล์มน้ำมันในภาคอีสาน''





นายธีระพงษ์ จันทรนิยม คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า

การปลูกปาล์มในพื้นที่ภาคอีสานนั้นสามารถปลูกได้ แต่ต้องคำนึงถึงสภาพดินและน้ำเป็นหลัก เนื่องจากธรรมชาติปาล์มเป็นพืชที่
ชอบขึ้นในบริเวณเขตร้อนชื้น ดินคุณภาพดีมีปริมาณน้ำฝนมากกว่า 2,000 มิลลิเมตร/ปี และมีการกระจายตัวสูง อาทิ ในประเทศมาเลเซีย
อินโดนีเซีย หรือบริเวณภาคใต้ของไทย ดินต้องดี และมีฝนตกตลอดปีผลผลิตจะมากหรือน้อยจึงขึ้นอยู่กับ ปริมาณปุ๋ยและธาตุอาหารที่ปาล์ม
ได้รับเป็นหลัก


แต่สำหรับภาคอีสานปัจจัยหลักของการเพิ่มผลผลิตนั้นอยู่ที่ ดินและน้ำ เช่น พื้นที่เป็นดินทรายก็จะมีปัญหาเรื่องการอุ้มน้ำอีกทั้งหากต้องประสบ
ภาวะฝนทิ้งช่วงนาน มีช่วงแล้งยาวจะทำให้ปาล์มเกิดสภาวะการขาดน้ำ ซึ่งมีผลต่อคุณภาพผลผลิตของปาล์มได้ ทั้งนี้เนื่องจากผลวิจัยใน “โครง
การผลของการให้น้ำต่อการเพิ่มผลผลิตของปาล์มน้ำมัน” ภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)

ซึ่งได้ติดตามศึกษาผลของสภาวะแล้งที่มีต่อการพัฒนาปาล์มถึงระบบการให้น้ำต้นปาล์มในช่วงฤดูแล้ง โดยมีการจัดระบบให้น้ำต้นปาล์มเปรียบ
เทียบกับกลุ่มปาล์มที่ไม่ได้รับน้ำ พบว่า การขาดน้ำมีผลต่อการเจริญเติบโต และปริมาณผลผลิตของปาล์มโดยในสภาพที่ไม่มีฝนตกต่อเนื่อง
2-3 เดือน ในช่วงแตกใบ จะทำให้ทางใบหักต้องมีการตัดใบทิ้ง
การสังเคราะห์แสงเพื่อเป็นอาหารจึงไม่เพียงพอหากช่วงแล้งเกิดขึ้นในช่วงการกำหนดเพศนั้น จะทำให้มีสัดส่วนเพศผู้มากขณะที่เกษตรกร
ต้องการดอกเพศเมีย ซึ่งมีปริมาณการให้น้ำมันมากกว่าสำหรับในช่วงการผสมเกสร หากเจอภาวะแล้ง จะทำให้ประสิทธิภาพ ในการผสมเกสร
ลดลง การพัฒนาเป็นผลน้อย ปริมาณผลผลิตที่ได้จึงลดลง เนื่องจากจำนวนผลต่อทะลายต่ำน้ำหนักทะลาย ลดลง 10-15% มีผลให้ปริมาณ
การผลิตผลปาล์มน้ำมันโดยรวมลดลงเหลือเพียง 2 ตัน/ไร่/ปี ในขณะปาล์มซึ่งปลูกในบริเวณที่สภาพแวดล้อมเหมาะสม ได้รับน้ำตลอดปีจะ
สามารถผลิตผลปาล์มได้สูงถึงประมาณ 3-3.5 ตัน/ไร่/ปี


นายธีระพงษ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ดีหากภาครัฐยังคงมีนโยบาย
การขยายพื้นที่ปลูกปาล์มในภาคอีสานก็สามารถปลูกได้ โดยแนะนำให้มีการเลือกพื้นที่การเพาะปลูกให้ดีดินจะต้องไม่เป็นดินทราย มีสภาวะ
เป็นเกลือ หรือเป็นดินลูกรังสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีแหล่งน้ำที่เพียงพอ มีระบบการจัดการน้ำที่ดีสามารถผันน้ำเข้าสู่พื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร
ได้ตลอดช่วงฤดูแล้ง

[color=blue]
การติดตั้งระบบการให้น้ำปาล์มในภาคอีสาน:
ให้วางเป็นท่อยาวที่ระดับความลึก 30 เซนติเมตรจากผิวดิน ควบคุมการให้น้ำให้มีความชื้นเพียง 70% หรือสังเกตได้จากการกำดินเป็นก้อนนั้น
เพียงพอที่จะช่วยให้ปาล์ม มีศักยภาพในการผลิตมากที่สุด ขณะที่การให้น้ำมากเกินไปไม่เพียงสิ้นเปลือง ยังเป็นผลเสียทำให้น้ำชะปุ๋ยลงไปใต้ดิน
ลึกมากขณะที่ราก ซึ่งทำหน้าที่ดูดอาหารจะอยู่ที่บริเวณ 15-20 ซม.เท่านั้น ส่วนวิธีการให้ปุ๋ยจากเดิมซึ่งใช้วิธีการหว่านให้เปลี่ยนเป็นการให้ปุ๋ย
ทางระบบน้ำ ซึ่งทำให้ปุ๋ยสามารถละลายไปพร้อมกับน้ำลงสู่ต้นปาล์มได้รวดเร็ว โดยใช้ได้กับการให้น้ำแบบหยด หรือมินิสปริงเกิล หากระบบการ
ให้น้ำมีการกระจายอย่างสม่ำเสมอ ธาตุอาหารก็จะกระจายทั่วทั้งแปลงดี ลดการสูญเสียจากการชะล้าง มีประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยสูง ช่วยลดต้นทุน
การผลิตคุ้มค่าในระยะยาว
[/color]

ผลการวิจัย “โครงการจัดการระบบการให้น้ำและปุ๋ยทางระบบน้ำเพื่อผลผลิตปาล์มน้ำมัน” โดยนายสมเกียรติ สีสนอง คณะเทคโนโลยีการเกษตร
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พบว่า

การให้ปุ๋ยทางระบบน้ำจะทำให้ได้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มสูงขึ้น โดยแปลงที่ให้ผลผลิตสูงสุดที่ระดับ 4.0 ตัน/ไร่/ปี ที่ต้นทุนการผลิต 0.72 บาท/กก.
เมื่อเทียบกับผลผลิตเฉลี่ยของประเทศ 2.72 ตัน/ไร่/ปี ที่ต้นทุน 1.52 บาท/กก. และผลผลิตเฉลี่ยทั้งประเทศมาเลเซีย 3.01 ตัน/ไร่/ปี ที่ต้น
ทุนการผลิต 0.70–1.00 บาท/กก.


เมื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายในการจัดการแปลงในแต่ละปีแล้วค่าใช้จ่ายในส่วนของปุ๋ยลดลงประมาณ 45–60% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด ขณะที่ปริมาณ
ผลผลิตและธาตุอาหารในดินและ ใบพืชยังอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ต้นทุนที่ลดลงก็สามารถนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบน้ำได้

ข้อควรพิจารณาก่อนปลูกปาล์ม:
อย่างไรก็ดีการพิจารณาว่าควรจะปลูกปาล์มในภาคอีสานหรือไม่นั้นก็ควรคำนึงถึงสภาพพื้นที่เพาะปลูกเป็นสำคัญว่า มีสภาพแล้งรุนแรงมาก
น้อยเพียงใด มีแหล่งน้ำพอที่จะนำน้ำมาหล่อเลี้ยงต้นปาล์มได้ตลอดฤดูแล้งหรือไม่ ที่สำคัญ ต้องพิจารณาด้วยว่าผลกำไรที่ได้จากผลผลิตที่
เพิ่มขึ้นนั้นคุ้มค่ากับต้นทุนค่าใช้จ่าย ในการวางระบบน้ำหรือไม่เนื่องจากปาล์มน้ำมันเป็นพืชที่ต้องใช้เวลาในการเพาะยาวนานกว่าจะเก็บเกี่ยว
ผลผลิตได้ต้องใช้เวลาหลายปีฉะนั้นการวางแผนการปลูกปาล์มจึงมีความจำเป็น ทั้งในเรื่องของสภาพของดิน การให้ปุ๋ยและระบบการให้น้ำ
เพื่อให้การปลูกปาล์มของเกษตรกรประสบผลสำเร็จมากที่สุด.


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : นสพ. เดลินิวส์



แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 23/01/2011 10:16 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/01/2011 12:05 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)























































http://www.google.co.th/imglanding?q=%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%20%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E&imgurl=http://www.rakbankerd.com/kaset/Plant/802_1.gif&imgrefurl=http://www.rakbankerd.com/agriculture/open.php%3Fid%3D802%26s%3Dtblplant&usg=__ub6i7Z0g56BIh289DVQcd5dWyJQ=&h=383&w=350&sz=108&hl=th&zoom=1&um=1&itbs=1&tbnid=pYQhJ_sbD2Fx2M:&tbnh=123&tbnw=112&prev=/images%3Fq%3D%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%258C%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%2B%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259E%26um%3D1%26hl%3Dth%26sa%3DX%26tbs%3Disch:1&ei=AV86TY6hCIumvgPUkqCoCg&um=1&sa=X&tbs=isch:1&start=0#tbnid=HmhfGma0IM8GCM&start=536


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 22/01/2011 1:31 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/01/2011 12:42 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คิดจะปลูกปาล์มน้ำมัน ต้องคิดหนัก....

1. น้ำ :
- ปาล์มภาคใต้ดีได้ด้วย "ฝน 8 แดด 4" นั่นคือ ต้องมีน้ำให้สม่ำเสมอตลอดปี
- ความชื้นในพื้นที่สูง ถึงขนาดพืชตระกูลมอสส์หรือเฟิร์น ขึ้นตามลำต้นปาล์มได้
- ความชื้นต่ำหรือแล้ง ดอกที่ออกมาจะเป็นดอกตัวผู้มากกว่าตัวเมีย
- แหล่งน้ำธรรมชาติที่มีน้ำพร้อมใช้งานได้ตลอดปี
-

2. ปุ๋ย :
- ปุ๋ยทางใบ
- ปุ๋ยทางราก
- ปุ๋ยในระบบ "อินทรีย์ นำ-เคมี เสริม-ตามความเหมาะสมของปาล์มน้ำมัน"
- ปุ๋ยประเภท "และอื่นๆ" เพื่อลดต้นทุน เพิ่มความสมบูรณ์ของต้นและคุณภาพของผลผลิต
-

3. พืชแซม :
- สร้างรายได้ช่วงที่ปาล์มยังไม่ให้ผลผลิต และให้ผลผลิตแล้ว
- สร้างความชุ่มชื้น และความสมบูรณ์แก่ดิน
-

4. เครื่องทุ่นแรง :
- ระบบให้น้ำ (สปริงเกอร์เหนือทรงพุ่ม/โคนต้น, น้ำหยด, รถบันทุกน้ำ, สายยาง)
- เส้นทางเครื่องจักรเข้าทำงาน
- แรงงาน และการขนส่ง
-

5. ข้อมูล :
- ความรู้เกี่ยวกับปาล์มน้ำมัน
- ข่าวสารด้านการตลาด
- ประสบการณ์ตรง
- โลกทัศน์
- วิสัยทัศน์
- ใจรัก
-


ลุงคิมครับผม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/01/2011 1:03 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ศัตรูพืชในปาล์มน้ำมัน....
























http://www.google.co.th/imglanding?q=%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%20%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E&imgurl=http://i348.photobucket.com/albums/q344/iambeautyfull/palm/IMG_0138.jpg&imgrefurl=http://oilpalm.exteen.com/&usg=__as1CatwBkd7kZ59oDHOfcJo6auk=&h=656&w=506&sz=99&hl=th&zoom=1&um=1&itbs=1&tbnid=wcjYEEw5YdQ1NM:&tbnh=138&tbnw=106&prev=/images%3Fq%3D%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%258C%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%2B%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259E%26start%3D580%26um%3D1%26hl%3Dth%26sa%3DN%26ndsp%3D20%26tbs%3Disch:1&ei=w3o6TfrVHJCkvgO9kKmxCg&start=587&um=1&sa=N&ndsp=20&tbs=isch:1#tbnid=wcjYEEw5YdQ1NM&start=592


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 22/01/2011 3:24 pm, แก้ไขทั้งหมด 2 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 22/01/2011 1:32 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ดอกปาล์มน้ำมัน....




http://www.google.co.th/imglanding?q=%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%20%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E&imgurl=http://www.rakbankerd.com/kaset/Plant/802_1.gif&imgrefurl=http://www.rakbankerd.com/agriculture/open.php%3Fid%3D802%26s%3Dtblplant&usg=__ub6i7Z0g56BIh289DVQcd5dWyJQ=&h=383&w=350&sz=108&hl=th&zoom=1&um=1&itbs=1&tbnid=pYQhJ_sbD2Fx2M:&tbnh=123&tbnw=112&prev=/images%3Fq%3D%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%258C%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%2B%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259E%26um%3D1%26hl%3Dth%26sa%3DX%26tbs%3Disch:1&ei=AV86TY6hCIumvgPUkqCoCg&um=1&sa=X&tbs=isch:1&start=0#tbnid=1FcQtw4qBnLNuM&start=448
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©