-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม กล็อคซิเนีย เป็นโรคอะไร ....... Namwhan
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม กล็อคซิเนีย เป็นโรคอะไร ....... Namwhan

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 25/10/2011 10:34 am    ชื่อกระทู้: ถาม กล็อคซิเนีย เป็นโรคอะไร ....... Namwhan ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)


จาก : Namwhan

ถึง : kimzagass

ตอบ : 25/10/2011 9:40 am
ชื่อกระทู้ : กล็อคซิเนีย ฯ

--------------------------------------------------------------------------------------------------

กล็อคซิเนียของหนู๋ ขอบใบงุ้มลงล่าง ใบเรียวยาว หลังใบน้ำตาล ใบกล็อคซิเนียของหนู๋ ขอบใบงุ้มลงล่าง ใบเรียวยาว
ด้านหลังมีปื้นสีน้ำตาล ใบกรอบ เกิดจากอะไรคะ

เกิด 2-3 ต้นแล้วค่ะ พอเป็นอย่างนี้ ก็จะหยุดการเจริญเติบโต แล้วก็เหี่ยวลงเรื่อยๆค่ะ


คลิก.....(มีรูปประกอบ)
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Private_Messages&file=index&folder=inbox&mode=read&p=1847&sid=d6f66360b576b37f3adaf18d5fbcc500


หากเป็นต้นปกติ ใบจะไม่งุ้ม และหลังใบสีขาวค่ะ เป็นอย่างนี้พอจะมีวิธีแก้ไขได้บ้างไหมค่ะ

จากน้ำหวาน








.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 31/10/2011 11:01 pm, แก้ไขทั้งหมด 5 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 25/10/2011 10:43 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Gloxinia





กล็อกซิเนีย เป็นไม้ดอกที่มีความงามเฉพาะตัว ไม่ซ้ำแบบไม้ดอกชนิดใดเลย เหมาะอย่างยิ่งที่จะปลูกเป็นไม้กระถาง และเนื่องจาก กล็อกซิเนียมีพุ่มต้นเตี้ย ถ้าปลูกในกระถางขนาดลึก 5 นิ้ว ซึ่งต่างประเทศเรียกว่า "azalea pot" คือ มีความสูงกระถางเป็น ? ของเส้นผ่านศูนย์กลางของปากกระถาง จะดูสวยงามและได้สัดส่วนมาก เหมาะที่จะใช้เป็นของขวัญในโอกาสและเทศกาลต่างๆ เป็นอย่างยิ่ง กล็อกซิเนียมีถิ่นกำเนิดในประเทศบราซิล ได้มีผู้นำเข้าไปในยุโรป ประมาณ 170 ปีก่อน และเข้ามาในประเทศไทยได้ประมาณ40 ปีมานี้เอง


ลักษณะทั่วไป
กล็อกซิเนียเป็นไม้เนื้ออ่อนล้มลุก พุ่มต้นสูงประมาณ 15-30 ซม. มีหัวใต้ดิน ใบสีเขียวสด รูปไข่ อวบน้ำ ขอบหยักมน มีขนทั่วใบ ใบผึ่งกางปรกกระถาง ดอกออกเป็นกลุ่มชูตั้งขึ้นเหนือกลุ่มใบ ดอกมีสีสด กลีบดอกเหมือนกำมะหยี่มีทั้งดอกชั้นเดียวและดอกช้อน ขนาด 5-7 ซม. ดอกรูประฆัง ปลายแยก 5-12 กลีบ มีขนปกคลุม ดอกมีสีขาว ชมพูอ่อน-เข้ม แดง ม่วง และสองสีในดอกเดียวกัน ทำให้ดอกสวยเด่น จำนวนดอกที่บานคราวหนึ่ง ๆ อาจมีตั้งแต่ 1 ดอก ไปจนถึง 12 ดอก หรือมากกว่า แล้วแต่พันธุ์และการดูแลรักษา




พันธ์ที่ใช้ปลูก
ขณะนี้มีการปรับปรุงพันธุ์กล็อกซิเนีย ได้ลูกผสมใหม่ๆ ที่มีดอกสีสวย บานดอกพร้อมกันทีละหลายดอก มีทั้งดอกชั้นเดียวและดอกซ้อน
- ดอกสีแดง ได้แก่ พันธุ์ Superb, Menning Red, Edelrot, Ultra Scarlet
- ดอกสีอื่น ๆ ได้แก่ Ultra Blue, Ultra Purple, Ultra Red with White Edge, Ultra Rose, Ultra Scarlet, Ultra White, Ultra Mixture




การปลูก
เติบโตได้ดีในดินร่วนอมความชื้น แสงรำไรต้องการแสงสว่างไม่มากนัก สามารถปลูกกล็อกซิเนียภายในบ้านเรือน โดยใช้แสงจากหลอดไฟก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากกล็อกซิเนียไม่ต้องการแสงแดดโดยตรง ดินที่ใช้ควรมีอินทรีย์วัตถุสูงๆ อาจใช้ทราย 1 ส่วน ใบไม้ผุ 1 ส่วน ปุ๋ยคอกหรือขุยมะพร้าว 1 ส่วนก็ได้




การดูแล
กล็อกซีเนียเป็นไม้ต้องการแสงแดดรำไ รกินน้ำมากภายในกระถางควรชื้นตลอดเวลาการให้น้ำควรให้น้ำทางก้นกระถาง โดยให้น้ำจากจานรองกระถางซึมขึ้นไปหรือรดน้ำที่โคนต้นไม่ควรให้โดนดอกและใบ เพราะทำให้น้ำขังตามใบ ก็จะทำให้เน่าเป็นวงได้ เมื่อเริ่มเน่าเป็นวงที่ใบก็จะรามไปทั้งต้น ควรปลูกในกระถางลึก ประมาณ 4-5 นิ้วไม่ควรใช้กระถางใหญ่กว่านี้




http://www.the-than.com/FLower/F13.html








http://suansanruk.blogspot.com/2011/07/gloxinia.html
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 25/10/2011 1:25 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เกี่ยวกับพืชอวบน้ำ...

(.... เพราะหาข้อมูลที่ตรงกับพืชที่ถามไม่ได้ จึงนำข้อมูลเรื่องนี้ซึ่งเป็น "พืชอวบน้ำ" เหมือนกัน มาให้พิจารณาเปรียบเทียบ.....)



ในต่างประเทศ Lithops เป็นที่นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลาย รวมทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญที่พัฒนาสายพันธุ์แปลกๆขึ้นมาอย่างมากมาย เพื่อให้ได้มาซึ่งลวดลายและสีสันของใบที่สวยแปลกตา เรามักพบว่าเมล็ดและต้นก็มีการซื้อขายกันอย่างกว้างขวางใน Internet และจัดว่าเป็นไม้ที่เพาะเลี้ยงได้ง่าย ราคาไม่แพง สกุลหนึ่งเลยทีเดียว


แต่สำหรับในประเทศไทยนั้น Lithops เป็น "พืชอวบน้ำ" ที่ค่อนข้างเลี้ยงยากสกุลหนึ่ง อันเนื่องมาจากลักษณะดินฟ้าอากาศของประเทศไทย ที่เป็นแบบร้อนชื้น ไม่ค่อยเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของ Lithops เท่าไหร่นัก มักเน่าตายเป็นส่วนใหญ่ เพราะ Lithops มีถิ่นกำเนิดอยู่ในบริเวณที่แห้งแล้ง ปริมาณน้ำฝนในช่วงหน้าฝนรวมกันไม่ถึง 2 นิ้วต่อเดือน และอยู่ท่ามกลางโขดหินซึ่งกักเก็บความชื้นไว้ได้น้อย อากาศหนาวเย็นในเวลากลางคืน



การเพาะเลี้ยง Lithops ในโรงเรือนสำหรับประเทศไทยนั้น เพื่อให้สามารถควบคุมเรื่องปริมาณน้ำและความชื้น ซึ่งเป็นปัญหาหลักในการปลูกได้ดี ควรมีโรงเรือนแบบเปิดหลังคาพลาสติกใส ที่สามารถป้องกันฝนสาดใส่ Lithops ให้แสงแดดในช่วงเช้า (ตั้งแต่อาทิตย์ขึ้นถึงราว 11โมง) และแสงในช่วงเย็น (ตั้งแต่ 4 โมงเย็น ถึงอาทิตย์ตกดิน) ส่องตรงถึง Lithops ได้ ทำการพรางแสงในช่วงเที่ยงวันสัก 50% เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการไหม้จากแสงแดดที่แรงจนเกินไป ซึ่งอาจทำได้โดยการติดซาแลน เฉพาะส่วนใต้หลังคาโรงเรือนเท่านั้น (ไม่ต้องติดคลุมทั้งโรงเรือน)


ภาชนะสำหรับปลูก Lithops ต้องระบายน้ำได้ดี ในกรณีที่ปลูกเป็นจำนวนมาก สามารถนำตะกร้าที่มีช่องรู ประมาณ 0.5x0.5 ซม. มีความสูงสักประมาณ 3-4 นิ้ว ซึ่งระบายน้ำได้ดี และประหยัดภาชนะที่ใช้ปลูกไปด้วย เพราะใบหนึ่งสามารถปลูกได้หลายต้น รองพื้นตะกร้าด้วยและรอบๆตะกร้าด้วยหินภูเขาไฟเบอร์ 1 เพื่อป้องกันไม่ให้วัสดุปลูกที่มีขนาดเล็กกว่าไหลออกไปตามรูของตะกร้า


การเตรียมวัสดุปลูก Lithops ซึ่งมีมากมายหลายสูตร เช่น ใช้หินภูเขาไฟเบอร์ 00 เพียงอย่างเดียว, หินภูเขาไฟเบอร์ 00 ผสม เวอร์มิคูไลท์, หินภูเขาไฟเบอร์ 00 2 ส่วน ผสมดินปลูกแคสตัส 1 ส่วน แต่โดยหลักการของวัสดุปลูกก็คือระบายน้ำได้ดีและแห้งได้เร็ว โดยเมื่อหลังจากรดน้ำแล้วทิ้งไว้สัก 1 วัน สังเกตที่หินภูเขาไฟจะเหลือแค่ร่องรอยของความชื้นเท่านั้น(สีเข้มว่าปกติเล็กน้อย) เอาไม้แหลมจิ้มลงไปในวัสดุปลูกไม่ควรมีอะไรติดขึ้นมาหรือติดขึ้นมาเพียงเล็กน้อย เหตุที่ต้องให้แห้งได้เร็วแบบนี้ ก็เพื่อเผื่อในกรณีช่วงฤดูฝนที่ฝนตกติดต่อกันทุกวัน อากาศมีความชื้นสูง ทำให้วัสดุปลูกแห้งช้าลง


การให้น้ำสำหรับ Lithops หลักเกณฑ์พื้นฐานก็คือ "ให้อดจนแสดงอาการ จึงให้กิน" กล่าวคือ เราจะไม่รดน้ำจนกว่า Lithops แสดงอาการว่าขาดน้ำ โดยอาการที่ว่าก็คือ เกิดรอยย่นขึ้นบริเวณโคนต้น และตัววัสดุปลูกแห้งสนิท จึงจะรดน้ำให้ ในการปลูกจำนวนหลายต้นในภาชนะเดียวกัน เป็นไปได้ว่า มีบางต้นแสดงอาการ บางต้นไม่แสดงอาการ เพราะความต้องการน้ำของ Lithops แต่ละต้นย่อมแตกต่างกัน ไปตามสายพันธุ์ ขนาดต้น ฯลฯ ดังนั้นเราสามารถให้น้ำตรงบริเวณโคนต้นเฉพาะต้นที่แสดงอาการ หรืออาจรอให้ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเริ่มแสดงอาการ จึงค่อยรดพร้อมกันทีเดียวก็ได้





http://th.wikipedia.org/wiki/Lithops
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 25/10/2011 1:30 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)


จาก : kimzagass

ถึง : Namwhan

-------------------------------------------------------------------------------------------


[เดา.... รา + ขาดสารอาหาร + ดินเป็นกรด....เดานะ]



สัจจธรรมแห่งธรรมชาติ : ไม่มีพืชใดในโลกนี้ ไม่มี "ศัตรู" ประจำตัว
ศัตรูพืช ประกอบด้วย รา-แบคทีเรีย-ไวรัส-หนอน-แมลง เหมือนกันทั่วโลก

โรคพืชประกอบด้วย "โรคมีเชื้อ กับ โรคไม่มีเชื้อ"

โรคมีเชื้อ เกิดจาก รา-แบคทีเรีย-ไวรัส-หนอน-แมลง
โรคไม่มีเชื้อ เกิดจาก การขาดสารอาหาร

การที่จะให้รู้ว่า ลักษณะอาการที่เกิดในพืชเป็น โรคมีเชื้อ หรือ โรคไม่มีเชื้อ ได้ ต้อง...
- LAB
- ประสบการณ์

ถ้าเป็นโรคมีเชื้อ กำจัดด้วย "สารเคมี หรือ สารสมุนไพร" ชนิดที่ตรงกับเชื้อ
ถ้าเป็นโรคไม่มีเชื้อ กำจัดด้วย "สารอาหาร" (ปุ๋ย/ฮอร์โมน/อื่นๆ)

แนวทางปฏิบัติแบบภูมิปัญญาพื้นบ้าน แต่มีหลักวิชาการรองรับยืนยัน
1. จัดการพื้นฐานเพื่อการปลูกพืช (ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค) ให้เหมาะสมกับพืชที่ปลูก .... พืชเมืองหนาวเมื่อนำมาปลูกในเมืองร้อน ปัญหาที่มักพบเสมอ คือ ความชื้น กับ อุณหภูมิ

2. ให้ สารเคมี + สารสมุนไพร ที่ตรงกับเชื้อโรค
3. ให้ สารเคมี + สารสมุนไพร + สารอาหาร ที่ตรงกับเชื้อโรค และชนิดพืช


มาตรการเสริม :
- ปรับสภาพแวดล้อมให้ "ไม่เหมาะสม" ต่อการเข้าอาศัย ขยายพันธุ์ ของศัตรูพืช แล้วศัตรูพืชก็จะไม่เข้าเอง
- ศัตรูพืชชอบเข้าหาพืชที่อ่อนแอมากกว่าพืชที่สมบูรณ์แข็งแรง
- ศัตรูพืช เมื่อเข้าสู่ต้นพืชแล้ว ในต้นพืชที่อ่อนแอ ศัตรูพืชจะเจริญเติบโต ขยายพันธุ์ ได้มากกว่าต้นพืขที่สมบูรณ์แข็งแรง (สารคดี ดิสคัพเวอรี่)

- ยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์ หรือนักชีววิทยาพืช หรือนักวิชาการโรคพืช ของประเทศใดในโลกนี้ สามารถกำจัดเชื้อโรคพืชได้อย่างเด็ดขาด แน่นอน 100% แม้แต่นักวิทยาศาสตร์-นักชีววิทยาพืช-นักวิชาการโรคพืช กำจัดศัตรูพืชในพืชของประเทศตัวเองได้ ..... ไม้ดอกที่มีการใช้ "สารเคมี" กำจัดศัตรูพืชมากที่สุดในโลก คือ ประเทศเนเธอร์แลนด์ใช้สารเคมีในดอกทิวลิป ตั้งแต่อยู่ในแปลง และหลังเก็บเกี่ยว

ฉนี้แล้ว....ใช้วิธี บำรุงพืชให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อให้เกิดภูมิต้านทานภายในต้น จนเขาสามารถสู้กับศัตรูพืชได้เอง.....มิดีกว่ารึ




ถ้าเป็นลุงคิม จะ.....
ใช้ "น้ำ 20 ล. + ไบโออิ 20 ซีซี. + พริกแกงเผ็ด 1 ก้อน (เท่าลูกมะนาว)" ฉีดพ่นจากใบให้เปียกทั้งใต้ใบบนใบ ลงถึงพื้นเล็กน้อย ทำ 3 วันติดต่อกัน

หมายเหตุ :
- ใช้ "ไบโออิ" เพื่ออาศัย แม็กเนเซียม. สังกะสี. เป็นหลัก บำรุงต้น ป้องกันต้นโทรม
- ใช้ "ไบโออิ + ไทเป" ช่วยบำรุงต้น ช่วยให้ออกดอก ป้องกันต้นโทรม (....เอาแบบโป๊ยเซียน ไร่กล้อมแกล้มซี่ ใช้ ไทเป อย่างเดียวเดี่ยวๆ ฉีดอัดลงโคนต้น 15-20 วัน/ครั้ง ออกดอกไม่เลิก ต้นสูงกว่าคน ลำต้นใหญ่เท่าแขน....)

- ใช้พริกแกงเผ็ด เพื่ออาศัยสารออกฤทธิ์ในพริก มะกรูด ข่า ตะไคร้ กระเทียม และอื่นๆ ที่กำจัดเชื้อราได้ ถ้ามีก็ใส่เข้าไป ไม่มีก็หามาใส่ ใช้ทำยา ไม่ใช่ทำแกง
- เชื้อราไม่ชอบสมุนไพรรสฝาด (เปลือกมังคุด หมาก) สมุนไพรรสเผ็ดร้อน (ขิง ข่า ขมิ้นชัน กระชาย ว่านน้ำ)

- ทุกอย่างที่แนะนำ ทำเองนะ จะได้ประหยัด ไม่ตกเป็นทาสโฆษณา

และสุดท้าย อย่าเชื่อคนอื่น อย่าเชื่อตาคิม แต่จงเชื่อคนในกระจก











.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
NamPetch
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 19/11/2011
ตอบ: 21

ตอบตอบ: 20/11/2011 10:21 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

NamVhan หมายถึง "แม่" หรอ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 20/11/2011 11:09 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

NamPetch บันทึก:
NamVhan หมายถึงงแม่หรอ




ไม่ใช่แม่หวาน.....แต่เป็น สมช.เน็ต ชื่อเหมือนแม่หวานเท่านั้น

แม่หวาน ชื่อเต็มๆว่า "น้ำหวาน" นะ ตาตั้งไว้ยังงั้น ไม่ใช่ "หวาน" เฉยๆ





.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©