-
++kasetloongkim.com++
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - กระดูกหมู-วัว ใช้ทำปุ๋ยได้ไหม
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

กระดูกหมู-วัว ใช้ทำปุ๋ยได้ไหม

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
medusakung2
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2014
ตอบ: 65

ตอบตอบ: 22/06/2014 11:01 pm    ชื่อกระทู้: กระดูกหมู-วัว ใช้ทำปุ๋ยได้ไหม ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
กระดูกหมู-วัว สามารถนำไปใช้ทำปุ๋ยได้ไหมครับ
ที่ทำงานเค้าทิ้งวันนึง 3-4 โล



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11561

ตอบตอบ: 23/06/2014 5:46 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ใครก็ได้ ช่วยให้คำตอบที สองทีก็ได้....



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 23/06/2014 8:25 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

kimzagass บันทึก:
.
.
ใครก็ได้ ช่วยให้คำตอบที สองทีก็ได้....



.



สวัสดีครับลุงคิม....คุณ medusakung2

ผมขออนุญาตตอบครับลุง......ปัญหาน่าสนุก.....

ก่อนอื่น ผมคิดว่า คุณ medusakung2 น่าจะเปิดกระทู้เกี่ยวกับเรื่อง จุลินทรีย์ หรือน้ำหมักเพียงกระทู้เดียวก็พอ มีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับ
ข้อสงสัยในเรื่องจุลินทรีย์หรือน้ำหมัก ก็ถามในกระทู้นั้น...เวลาสมาชิกเข้ามาค้นหา เรื่องจะได้อยู่ในที่เดียวกัน คุณเล่นเหวี่ยงแห ถามเปรอะไปหมด....


เท่าที่ผมรวบรวมได้ ที่คุณถามมาตั้งแต่วันที่ 20 เมย.57 ทั้งหมด 8 กระทู้ มีอะไรบ้าง ผมขอรวบรวมเอามาไว้ที่เดียวกันตรงนี้

(1) 20 -04 -14 ...ทำปุ๋ยหมักแห้งขี้ไก่ + EM
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4233



(2) 01-05-14 จุลินทรีย์ในดิน กินอะไรเป็นอาหาร
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4257


(3) 02-05-14 ก้างติดเนื้อปลา ทำปุ๋ยอะไร ?
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4259


(4) 05-05-14 สแลนดำ 50 กับเขียว 80 แบบไหน กรองแสงได้มากกว่ากันดำ 50 กับเขียว 80 แบบไหน
กรองแสงได้มากกว่ากัน (คำว่า สแลน ไม่มีในสารบบ.. เค้าเรียกว่า ซาแรน มาจากภาษาประกิตว่า SARAN)
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4269


(5) .-06-05-14 จุลินทรีย์ในดิน vs ไตรโตเดอร์ม่า
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4268


(6) 16-06-14 อยากฆ่าจุลินทรีย์ในน้ำหมัก...
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4378


(7) 19-06-14 อยากรู้ว่าจุลินทรีย์ในน้ำหมัก มีสภาพอย่างไร สังเกตตรงไหนครับ
http://www.kasetloongkim.com/modules.php
name=Forums&file=viewtopic&t=4388


(8 ) กระดูกหมู-วัว ใช้ทำปุ๋ยได้ไหมครับ
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4397


ทั้งหมดที่คุณถาม ยกเว้นเรื่อง ซาแรน เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำน้ำหมักจุลินทรีย์ แทบจะทุกเรื่อง
และทุกเรื่องสามารถนำมาเชื่อมโยง ประยุกต์ ใช้ทำน้ำหมักจุลินทรีย์ตามที่คุณต้องการได้


ผมหมักน้ำหมักเอาไว้ตั้งแต่ต้นๆ ปี




(1)



(2)



(3)
(รูป 1 – 3) พอหลังสงกรานต์(18 เมย.57) ก็มาเปิดถังดูว่ามันเป็นยังไงบ้าง เป็นการหมักผลไม้สูตรรวมมิตร
ผมทำสะอาด เพราะฉะนั้น เอามือลงไปกวนได้ กลิ่นหอมออกเปรี้ยว ๆ เหมือนเหล้าที่ยังไม่ได้กลั่น




(รูป 4) ถังนี้หมักเปลือกสับปะรด กับหัวไชเท้า + ?.... แรงอัดในถังค่อนข้างจะรุนแรง แบบเดียวกับปุ๋ยในขวด
ที่เคยทำให้ดูแล้ว ในกระทู้ของคุณ ลำดับที่ 7 อยากรู้ว่าจุลินทรีย์ในน้ำหมัก มีสภาพอย่างไร สังเกตตรงไหนครับ




(รูป 5) ถังนี้แค่เปิด ไม่ได้คนเพราะได้กลิ่นก็รู้ว่า น้ำที่หมัก ดีหรือไม่ดี
ยังไม่ใช้งานก็ ปิดฝาหมักต่อ




(6)



(7)



(8 )
(รูป 6 – 8 ) จากนี้ก็มาดูถังหมักอีกชุดหนึ่ง หมัก กุ้ง หอย ปู ปลา หมู หมา กา ไก่ กระดูก กระเดี้ยว
ยัดใส่ถังหมักรวมกันหมด ...หมักตั้งแต่ต้นปีเหมือนกัน


19 มิย 57 ก็ลองเปิดดู สภาพผิวหน้าน้ำที่หมักเป็นแบบนี้แหละ ผิวหน้าแบบนี้ถือว่าดี คราบฝ้าขาว ๆ ที่เห็น
ช้อนเอาใส่ขวด ปิดฝา เก็บเอาไว้ มีประโยชน์เหลือหลาย ..มันดียังไง..เอาไปใช้ทำอะไร ....ก๊อหน่านน่ะซี .....





(รูป 9 ) จากนั้นก็ค่อย ๆ แหวกผิวหน้าเผย ให้เห็นเนื้อใน พระท่านว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ไม่มีอะไรอยู่คงทนชั่วกัปกัลป์
... ..
สิ่งที่ใส่หมักลงไป ย่อยสลายกลายเป็น.น้ำข้นคลั่ก กลิ่นหอมอมเปรี้ยวปนคาวนิด ๆ ....แบบนี้ ถ้าเอา
30-10-10 ของลุงผสมลงไปด้วย 555 ไม่มี 6




(รูป 10) อีถังนี้ถ้าเอามือล้วงลงไปละก็ คงปวดแสบปวดร้อนที่ผิวอย่าบอกใคร ...
กุ้ง หอย ปู ปลา หมู หมา กา ไก่ กระดูก กระเดี้ยว ยัดใส่ถังหมักรวมกันหมด ตามด้วยน้ำพริกแกงป่า
เป็นกิโล เปิดฝาออกมา แสบหูแสบตาน่าดู




(รูป 11) เปิดผิวหน้าให้ดูกันหน่อย สีน้ำแดงเถือก เมล็ดพริกลอยฟ่อง ....ฮ๊า ดดดด เช๊ย ฉุนเข้าจมูกว่ะ




(รูป 12) ไม่ลองไม่รู้ ตักน้ำจากถังในรูปที่ 1 , 4 และ 9 มาอย่างละ 1 ลิตร

เอา 30-10-10 ของลุงคิม ผสมลงไป ครึ่งลิตร เติมน้ำมะพร้าวแก่ลงไปอีกครึ่งลิตร รวมแล้วก็ 5 ลิตร

ปิดฝาเก็บเอาไว้ใช้ อัตรา 20 – 30 ซีซี / น้ำ 20 ลิตร หรือตามความเหมาะสมของคุณ แค่ปิดฝาทิ้งไว้ไม่นาน เกิดฝ้าขาวแล้ว

แล้วก็เกือบลืมบอก ก่อนเปิดฝาแต่ละถัง.. หากะละมังกรือถาดมาเตรียมไว้ก่อน....เวลาปิดฝาก็ค่อย ๆ เปิด
เมื่อเปิดแล้วให้เอียงฝาถัง ให้น้ำเหงื่อที่ฝามันไหลลงไปในกะละมังหรือถาด ..
นั่นแหละครับ
ซูเปอร์นาโน.....
ยอดหัวเชื้อปุ๋ยบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้มลทินไร้ราคีไม่มีคาว ....
ใช้ 5 ซีซี / น้ำ 20 ลิตร ก็ ลื่นเหลือล้น งามเหลือหลาย ต่อจากนั้น ตายจ้อย.....

ก็แค่นี้แหละ

แล้วต่อจากนี้ไป ถ้าจะถามอะไรต่อ ก็ขอร้อง ให้ใช้กระทู้นี้ถามเรื่องที่อยากจะรู้ต่อไป
โดยไม่ต้องเปิดกระทู้ใหม่
เพราะทุกกระทู้มารวมอยู่ที่นี่แล้ว ใครอยากอ่าน เปืดกระทู้นี้อันเดียว จะได้ไม่ต้องไปค้นหาให้ยุ่งยาก


ว่าแต่ว่า ไอ้ที่คุณถาม ๆ ลุงน่ะ ...ถามแล้ว ทำอะไรไปถึงไหนแล้วบ้าง เอามา แฉ ให้เพื่อน ๆ
ได้อ่านกันบ้างซีไอ้น้อง ....


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11561

ตอบตอบ: 23/06/2014 8:57 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

DangSalaya บันทึก:




ก่อนอื่น ผมคิดว่า คุณ medusakung2 น่าจะเปิดกระทู้เกี่ยวกับเรื่อง จุลินทรีย์ หรือน้ำหมักเพียงกระทู้เดียวก็พอ มีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับ
ข้อสงสัยในเรื่องจุลินทรีย์หรือน้ำหมัก ก็ถามในกระทู้นั้น...เวลาสมาชิกเข้ามาค้นหา เรื่องจะได้อยู่ในที่เดียวกัน คุณเล่นเหวี่ยงแห ถามเปรอะไปหมด....





เขาเรียก "ถามทิ้ง ถามขว้าง" ไง



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11561

ตอบตอบ: 23/06/2014 9:10 pm    ชื่อกระทู้: Re: กระดูกหมู-วัว ใช้ทำปุ๋ยได้ไหมครับ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

medusakung2 บันทึก:


กระดูกหมู-วัว สามารถนำไปใช้ทำปุ๋ยได้ไหมครับ
ที่ทำงานเค้าทิ้งวันนึง 3-4 โล





ปุ๋ยอินทรีย์ คือ สารอาหารพืชที่มาจากเศษซากพืชเศษซากสัตว์

ในเมื่อกระดูก วัว-ควาย-ช้าง-ม่า-หมู-มด-แมลง-เป็ด-ห่าน-ปลา-ปู-กิ้งกือ-ไส้เดือน- ฯลฯ
สิงห์โต ไฮยี่น่า ยีราฟ แพนด้า จิงโจ้ ไบซัน อนาคอนดา ฯลฯ
วาฬ ฉลาม พยูน หมีก ปู กั้ง ม้าน้ำ ปะการัง โลมา แมวน้ำ สิงห์โตทะเล ฯลฯ
แม้แต่ ไดโนเสาร์ ม้ามังกร พระยาครุฑ พระยานาค ปลาอานนท์ ฯลฯ ก็คือสัตว์
รวมความสิ่งมีชีวิตอันได้แก่ มนุษย์-สัตว์-พืช-จุลินทรีย์ ทุกชื่อนามทำปุ๋ยให้ต้นพืชได้ทั้งหมด

เอาเศษซากหรือเอาทั้งตัว มา/ไป ให้พืชกิน ใช่ "ปุ๋ยอินทรีย์" ไหม

ถามจริง ไม่รู้จริงๆ เหรอ ?
ไม่ใช่อะไร ลุงคิมจะได้พิจารณาวิธีการสื่อของตัวเองให้ดีกว่านี้




อืมมมม ถ้าถามว่า เราจะเอา กระดูกหมู-วัว มาทำปุ๋ยอินทรีย์ มีวิธีทำยังไง ?
หรือ ในกระดูกหมู-วัว มีสารอาหารตัวไหนสำหรับพืช ?

อันนี้น่าถามกว่า แล้วก็น่าตอบกว่าด้วย ว่ามั้ย ?



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 24/06/2014 11:57 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม....คุณ medusakung2

มีรายงานเพิ่มเติมเรื่องน้ำหมักอีกหน่อยครับ …ดูรูปกันเลย...ใหม่ ๆ ซิง ๆ หมาด ๆ วันนี้ 24-06-14....





(1) วันที่ 24-06-14 ..09.14 น. ผมเอาน้ำซาวข้าวมาหมัก ส่วนผสม น้ำซาวข้าว + ระเบิด 30-10-10 + น้ำผึ้งปลอม...

..น้ำผึ้งจากริมทางผ่าน ถนนสายเอเชีย ก่อถึงนครสวรรค์ มีแยะหลายร้านเลยครับ ซื้อกันประจำ
....งวดนี้ ขอขวดละ150 นะคุณ....(ทุกครั้งขวดละ 120)
....ทำไมแพงขึ้นล่ะป้า......120 เท่าเดิมนะ ซื้อกันประจำ

......ไม่ได้หรอกจ๊ะ ตอนนี้ น้ำตาลมันแพง......
....อุ๊บ....งั้นงวดนี้ยังไม่เอาเพราะที่ซื้อไปยังพอมีเหลืออยู่....

ผมก็นึกว่า รังผึ้งมันหายากเลยขึ้นราคาเพราะน้ำตาลมันแพงนี่เอง .ร้องไม่ออก...ได้แต่กรอกหน้า งั้นแสดงว่า ที่ซื้อ ๆ มาก็เป็นน้ำตาลโรยหน้าด้วยกลิ่นขี้ผึ้ง....ทำได้เนียนมาก ตอนเปิดขวดดม กลิ่นเหมือนเด๊ะเลย....





(2) 24-06-14..09.15 ผ่านไป 1 นาที ตดยังไม่ทันหายเหม็น น้ำหมักจาก น้ำซาวข้าว + ระเบิด 30-10-10 + น้ำผึ้งปลอม เสร็จเรียบร้อย..หน้าตาเป็นแบบนี้





(3) 24-06-14..09.17 ปิดฝาเบา ๆ ...หมักทิ้งเอาไว้ซัก 24 ชั่วโมง ......พรุ่งนี้มาดูกันว่าจะเป็นอย่างไร......

....แม่บ้านของผมเคยทำงานเป็นแม่ครัวอยู่สนามกอล์ฟ น้ำซาวข้าว เศษอาหาร เศษซากสัตว์โดยเฉพาะ ซากปลาทะเล มีทุกวัน

วันไหนผมอยากจะทำน้ำหมัก บอกแกไปเลยว่าจะเอาอะไรเท่าไหร่ แกก็ขนใส่รถมาให้ผม ....สำหรับกระดูกหมู กระดูกวัว กระดูกแกะ แกให้แผนกผ่าตัด เค้าเอาเลื่อยตัดกระดูกเป็นชิ้นย่อย เอาต้ม...กรองเอาแต่น้ำใส่ถังมาให้ จากนั้นผมก็เอามาหมัก


คุณ medusakung2 อยู่ร้านอาหาร พอจะมองออกหรือยังว่า คุณจะมีวิธีจัดการกับของกล้วย ๆ เช่นเศษอาหาร เศษซากสัตว์ที่มีอยู่ในร้าน เอามาทำน้ำหมักได้อย่างไร ....ถ้ายังคิดไม่ออก ก็เลิกใช้ EM เป็น E-Ab ต่อไปนะครับ


แล้วอีกอย่าง ที่คุณต้องการ ฆ่า จุลินทรีย์ในน้ำหมัก เพื่อจะเอาน้ำหมักที่ไม่มีจุลินทรีย์ไปใช้กับต้นพืช และลุงบอกให้ต้ม เพื่อฆ่าจุลินทรีย์ นั้นน่ะ

ถ้าคุณเอาน้ำหมักที่ต้ม ตั้งทิ้งเอาไว้ ยังไง ๆ จุลินทรีย์ในอากาศมันก็ปลิวตกลงในถังอยู่ดี และขอบอกว่า ในถังเมื่อปลอดเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีเสียแล้ว จุลินทรีย์ในอากาศซึ่งมีทั้งดีและร้าย มันปลิวลงถัง ไอ้จุลินทรีย์ร้ายจะแพร่พันธุ์เร็วกว่าจุลินทรีย์ดี

ไม่เกิน 3 – 7 วัน น้ำหมักของคุณจะมีกลิ่น.....อยากรู้กว่ากลิ่นอะไร ....คุณลองทำดู แล้วจะรู้ว่า นี่แหละโว๊ย กูทำกับมือ

อยากรู้เรื่องอะไรอีก ....ถามลุงคิมได้เลยครับ.....

.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 25/06/2014 10:41 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม....คุณ medusakung2


เมื่อวาน ผมหมักน้ำซาวข้าวเอาไว้ จบลงตรงที่บอกว่า

....24-06-14..09.17 ปิดฝาเบา ๆ ...หมักทิ้งเอาไว้ซัก 24 ชั่วโมง ......พรุ่งนี้มาดูกันว่าจะเป็นอย่างไร....

และวันนี้..25/06/14 เวลา 09.17 น ผ่านไปแล้ว 24 ชั่วโมงตรงเป๊ะ มาดูกันซิว่า น้ำที่หมักเพียงแค่วันเดียวหน้าตามันเป็นยังไง...นี่แหละครับของจริง



(4)


(5)

(4 - 5)หน้าตาเป็นแบบนี้ละครับ มีฝ้าลอยอยู่ผิวหน้า มีอาการเดือด ปุด ๆ จุลินทรีย์ว่ายแข่งกันยั้วเยี้ย ยิบยับ เต็มไปหมด....





(6) เอามือลงไปกวนได้เลย กลิ่นหอมน้ำผึ้งอ่อน ๆ ลอยเข้าจมูก แบบนี้ถ้าเอา มะนาวบีบใส่ลงไปด้วย มันก็จะกลายเป็น น้ำหมักน้ำผึ้งผสมมะนาวซีครับลุง.....

น้ำซาวข้าว + 30-10-10 + น้ำผึ้งปลอม มันมีพิษมีภัยที่ตรงไหน ....

ผมไม่ได้ถามลุง แต่ผมทำแล้ว....คุณ medusakung2 เป็นคนถาม อยากรู้ว่า ที่คุณถาม ๆๆๆๆ มา 8 เรื่องน่ะ คุณทำอะไรไปบ้างแล้วหรือยัง.....


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 05/07/2014 9:34 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม....คุณ medusakung2


มีรายงานเพิ่มเติมเรื่องจุลินทรีย์น้ำหมัก ต่ออีกหน่อยครับ …


การที่ผมทำน้ำหมักให้คุณ medusakung2 ดูก็เพื่อตอกย้ำให้คุณและเพื่อน ๆ สมาชิกอีกหลายคน ลองทำน้ำหมักแบบง่าย ๆ ใช้งานด้วยตัวคุณเอง เพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ให้ได้ .

...แค่น้ำซาวข้าวซึ่งมีกันทุกบ้าน เอาน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย หรือน้ำเชื่อม หรือของหวาน ๆ ใส่ลงไป ตั้งทิ้งเอาไว้สองสามวัน มันก็จะกลายเป็นน้ำหมักที่มีประโยชน์กับคุณแล้ว ...

จากน้ำหมักน้ำซาวข้าวถ้าจะเอามะกรูดผ่าเสี้ยว(4 เสี้ยว) บีบ ๆ ขยำ ๆ ใส่ลงไปด้วย หมักทิ้งไว้ซักสองอาทิตย์ กรองเอาน้ำมาผสมน้ำอาบ ว๊าว ...ผิวจะสะอาดนุ่มเนียนมาก ๆ

อย่างคุณอยู่ในครัว เศษอาหารมีเยอะแยะ เอามาผสมน้ำซาวข้าว ใส่น้ำตาลทรายแดงชนิดผงที่กินกับเฉาก็วย ใส่ผสมลงไป ทิ้งไว้ซักเดือน มันก็จะกลายเป็นน้ำหมักจุลินทรีย์น้ำซาวข้าว เอาไปผสมน้ำรดต้นไม้ ....หรืออยากให้เป็นน้ำหมักซูเปอร์ ก็เอาปุ๋ยเม็ด สูตรต่าง ๆ ละลายน้ำซักหน่อย เอาเทใส่ลงไป มันก็จะกลายเป็นปุ๋ยสูตรสั่งตัด ตามสูตรที่คุณใส่ลงไป ก็ทำง่าย ๆ แค่นี้

ถ้าจะใช้งานอย่างอื่น ก็เอาน้ำที่หมักผสมน้ำล้างห้องน้ำราดลงโถส้วม ช่วยกำจัดกลิ่น ล้างคราบสกปรก .ตามโรงพยาบาลต่างจังหวัดเค้าใช้น้ำหมักล้างอุปกรณ์ต่าง ๆ น้ำที่ไหลลงท่อน้ำทิ้ง จุลินทรีย์มันจะขยายตัวของมันเอง ทำลายกลิ่นเหม็นให้ไม่เหม็น

ผมเอาน้ำซาวข้าวที่หมักมาผสมน้ำใช้ล้างรถ สะอาดเอี่ยมอ่อง รถเป็นเงาแว๊บ หมาไม่เข้ามาฉี่ที่ล้อรถ หนูไม่กวน มดไม่ขึ้น กลิ่นอับในรถไม่มี...

ผมไม่ได้บอกให้เชื่อ แต่ให้ลองทำดูว่ามันทำได้ ......ผมไม่แน่ใจและขอถามคุณ Boonsue ว่า รพ. โพประทับช้าง ที่พิจิตรเค้าใช้น้ำหมักทำความสะอาดอุปกรณ์หรือปล่าว รพ.ชุมชนแถวบ้านผมเค้าใช้ครับ

ลองดูรูปน้ำหมักชุดใหม่กันอีกครั้งครับ...

ในวงการเกษตรอินทรีย์ชีวภาพ....ใคร ๆ ก็พูดกันแต่ อีเอ็ม - EM ....ถ้าจะคุยลึก ๆ แล้วเรื่องมันยาว ผมบอกสั้น ๆ ได้เพียงว่า อีเอ็ม - EM ที่คุณ ๆ เพื่อน ๆ ทั้งหลายซื้อตามร้านมาใช้กันนั้น เป็น อีเอ็มขยายทั้งนั้นแหละ คือเค้าเอาหัวเชื้อ อีเอ็ม – EM ของแท้ มาขยายแล้วกรอกใส่ขวดเอามาขายต่ออีกที

เพราะ อีเอ็ม - EM ของแท้เค้าจดลิขสิทธิ์ชื่อนี้เอาไว้ ถ้าใครจะทำหัวเชื้อขายก็ต้องจดเป็นชื่ออื่น ....เช่น TM (อยู่สุพรรณบุรี ทำจาก ดินป่าห้วยขาแข้ง).... DMO(อยู่เชียงใหม่ หมักจากน้ำอ้อย) หรือ ฯลฯ อะไรทำนองนี้

.....EM ของแท้ต้อง EM –Kyusei…อีเอ็ม คิวเซ ครับ....เข้าไปดูที่นี่ได้เลย จะได้รู้ว่า นี่แหละโว๊ย กูทำกับมือ

http://www.emkyusei.net/

ผมไม่ได้โฆษณาครับลุง เพียงแต่อยากให้สมาชิกได้รู้ไว้ว่า อีเอ็ม – EM ของแท้ต้นฉบับ หน้าตาเป็นอย่างไร เวลาซื้อมาใช้จะได้ไม่ถูกเค้าหลอก และไม่ควรเสียเงินซื้อ อีเอ็ม ที่เค้าขยาย มาใช้ในราคาแพงเกินเหตุ เพราะ อีเอ็มของแท้ 1 ลิตร ราคา 95 บาท เอามาขยายแล้วจะได้ อีเอ็มขยาย 20 ลิตร กรอกใส่ขวดขาย ตามร้านแถวบ้านผมขาย ขวดละ 100 บาท .....(เกษตรกรชอบซื้อซะด้วย เพราะราคาแพงกว่า ของแท้ 5 บาท ของแพงกว่าย่อมต้องดีกว่า....เก่ง – ฉลาด ซะไม่มีละ)

แบบเดียวกับ ระเบิด 30-10-10 ของ คิมซากัสส์ ลิตรละ 100 มีคนเคยไปเจอ ระเบิด ระเบ้อ ของ คิมซาไก ลิตรละ 150 ....คงเล่นไม่ยากถ้าผมจะซื้อระเบิดของลุงไป 20 ลิตร เอาไปขยายเป็น ระเบิด ระเบ้อเอาแค่ซัก 100 ลิตร ขายลิตรละ 100 ก็พออยู่ได้ไปวัน ๆ แล้ว..
..มีขายที่ไหน....ตามตะเข็บรอยต่อที่คลื่นวิทยุลุงคิมที่เปิดฟังเสียงแล้ว โครกคราก ๆ ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง คนฟังได้ยินแต่ คิม ๆๆๆ พอมีรถเร่เข้ามาขายปุ๋ยขายยา .คนขายก็บอกว่า ..


.นี่แหละครับ ของคิมซาไก ที่โฆษณาในวิทยุ

พอเอาไปใช้แล้วไม่ได้ผลตามสั่ง คนที่โดนสวดชยันโต ถวายพรพระ คือใครล่ะครับ





(1) ....อีเอ็มของแท้ เค้าจะมี โบชัวร์แจกบอกวิธีทำน้ำหมักสูตรต่าง ๆ เยอะแยะไปหมด แจกฟรี





(2) ...หน้านี้บอกวิธีขยายอีเอ็มว่า ทำยังไง....





(3) ถ้าสนใจอยากไปอบรม เรียนรู้จากของจริง 3 วัน 2 คืน อาหาร 3 มื้อ ค่าใช้จ่าย ไม่ถึงพัน นอนห้องแอร์ซะด้วย .ห้องอบรมอยู่ ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี.....ไปตามแผนที่ในโบชัวร์นั่นแหละ โทร.ไปถามก่อนก็แล้วกันว่า เค้ามีอบรมวันไหนบ้าง...



ไปดูน้ำหมักจากน้ำซาวข้าวชุดใหม่กันดีกว่าครับ





(4) เมื่อวันที่ 26 / 06 / 14 ..เวลาเท่าไหร่จำไม่ได้. ผมเอาน้ำซาวข้าวมาหมักอีกชุดหนึ่ง แต่คราวนี้ผมใช้น้ำซาวข้าวจากข้าวไรซ์เบอร์รี่มาหมักครับ….

ส่วนผสม น้ำซาวข้าวไรซ์เบอร์รี่ + น้ำผึ้งปลอม + กลูโคส....วันนี้ไม่ได้ใส่ระเบิด 30-10-10 เพราะยังไม่อยากใส่ อยากให้เพื่อน ๆ สมาชิกดูว่า แค่น้ำซาวข้าว + น้ำตาลจากน้ำผึ้งปลอม + กลูโคส มันจะกลายเป็นน้ำหมักจุลินทรีย์ ได้ยังไง

การหมักของผม ไม่ได้พูดถึงการใช้ EM กับกากน้ำตาลเลย เพราะผมไม่ได้ใส่ EM กับกากน้ำตาลเลยซักแหมะเดียว.....

จากในรูป หมักทิ้งไว้แค่เช้า ถึงเย็น...ผิวหน้าก็เริ่มเป็นฝ้าแล้ว





(5) วันที่ 27 / 06 /14 – 11.39 น. แค่คืนเดียว เปิดฝาออกมาก็เป็นแบบที่เห็นนี้แหละครับ





(6) ดูใกล้อีกหน่อย จะคล้ายกาแลกซี่หรือกลุ่มดาวในห้วงอวกาศเลยมั๊ย





(7) ดูใกล้อีกหน่อยก็ได้ นี่แหละครับ ฝ้า และ ฟอง ที่เกิดจากการขับถ่ายของจุลินทรีย์ เอาฝ้าตรงนี้ไปทากิ่งตอนต้นไม้ เรียกรากดีจังแฮ....ทาปลายกิ่งปักชำก็ได้....เรื่องง่าย ๆ แบบนี้ ชาวสวนเค้าสอนลูกสอนหลานกันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว.....





(8 ) ตอนนี้จุลินทรีย์มันกินน้าตาลอิ่มแล้วมันก็นอนหลับ แต่ขับถ่ายอย่างเดียว ปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ก็ได้ ผมลองเอามือลงไปกวนเล่นปลุกจุลินทรีย์ให้มันตื่น ผลจะเป็นยังไง อยากรู้ ติดตามตอนต่อไปครับ


ว่าด้วยเรื่องของจุลินทรีย์
จุลินทรีย์ หรือ จุลชีวัน หรือ จุลชีพ (อังกฤษ: Microorganism) เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจึงจำเป็นต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ ได้แก่ แบคทีเรีย อาร์เคีย รา และ ยีสต์ เป็นต้น

เราสามารถพบจุลินทรีย์ได้ทุกสภาวะแวดล้อม แม้แต่ในสภาวะแวดล้อมที่สิ่งมีชีวิตอื่นอยู่ไม่ได้ แต่จุลินทรีย์บางชนิดสามารถปรับตัวอาศัยอยู่ได้ เช่น ในน้ำพุร้อนบริเวณภูเขาไฟใต้ทะเลลึก หรือภูเขาไฟธรรมดา ใต้มหาสมุทรที่มีความกดดันของน้ำสูงๆ ในน้ำแข็งที่มีอุณหภูมิเย็นจัด บริเวณที่มีสภาพความเป็นกรดด่างสูง หรือแม้กระทั่งในอากาศและบริเวณที่ไม่มีออกซิเจน ส่วนใหญ่หมายถึงสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว หรือหลายๆเซลล์ โดยแต่ละเซลล์แยกเป็นอิสระจากกัน

ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/จุลินทรีย์


จุลินทรีย์ ทำหน้าที่ในการย่อยสลายวัสดุต่างๆให้เป็นธาตุอาหาร เพื่อให้พืชนำกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการทางธรรมชาติ ซึ่งจุลินทรีย์มีหน้าที่หลัก 2 ประการ คือ

1. ทำหน้าที่ย่อยสลาย
2. ทำ หน้าที่เปลี่ยนแปลงสารประกอบอินทรีย์ที่มีโครงสร้างซับซ้อน จุลินทรีย์ธรรมชาติ พบมากในป่าไผ่ และบนใบไม้ในป่า การสังเกตจุลินทรีย์ในป่าทำได้โดยง่าย คือ บริเวณที่มีใบไม้ทับถมกันหนา จะพบราสีขาวขึ้นมาก พบตามใบไผ่ ป่าไผ่

ดังนั้น การทำเกษตรธรรมชาติ จึงมีเทคนิคการทำจุลินทรีย์ว่าใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น ทำน้ำหมักจากพืชสีเขียว ใช้ทำปุ๋ยหมัก ใช้กับปศุสัตว์

แต่อย่างไรก็ตามการใช้จุลินทรีย์ให้มีประสิทธิภาพ เกษตรกรต้องใช้อย่างต่อเนื่องและหมั่นเก็บและรวบรวมจุลินทรีย์จากท้องถิ่น ใกล้ตัวมาใช้ เพื่อลดความแข็งกระด้างและมีประสิทธิภาพของจุลินทรีย์อยู่ตลอดเวลา
ถ้าไม่มีจุลินทรีย์ ขยะคงล้นโลก ศพบรรพบุรุษคงกองเป็นภูเขา


ที่มา : http://greennetorganic.blogspot.com/2009/07/blog-post_4936.html



EM
EM ย่อมาจากคำว่า Effective Microorganisms ซึ่งมีความหมายว่า "กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ"

EM ค้นพบโดย ศาสตราจารย์ ดร.เทรูโอะ ฮิหงะ แห่งมหาวิทยาลัยริวกิว โอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้ทำการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง ตามแนวทางของท่านโมกิจิ โอกาดะ ระหว่าง พ.ศ. 2510-2525 ได้พบความจริงเกี่ยวกับจุลินทรีย์ในธรรมชาติ เป็นดังนี้

ทั้งจุลินทรีย์ต้องการอากาศ (Aerobic microorganisms) และจุลินทรีย์ไม่ต้องการอากาศ (Anaerobic microorganisms) นั้นทำงานร่วมกันในลักษณะช่วยเหลือเกื้อกูลกันบ้าง และขัดแย้งกันบ้าง สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ

1. กลุ่มจุลินทรีย์ดี หรือกลุ่มสร้างสรรค์ มีประมาณ 5-10 %
2. กลุ่มจุลินทรีย์ก่อโรค หรือกลุ่มทำลาย มีประมาณ 5-10 %
3. กลุ่มเป็นกลาง มีมากถึง 80-90 %


ลักษณะการทำงาน
1. ถ้ามีจุลินทรีย์กลุ่มดีหรือกลุ่มสร้างสรรค์มากกว่ากลุ่มก่อโรค โลกจะอยู่ในสภาวะสร้างสรรค์ สะอาด บริสุทธิ์ ปราศจากมลพิษและโรคภัยทั้งปวง

2. ถ้ามีจุลินทรีย์กลุ่มก่อโรคหรือกลุ่มทำลายมากกว่ากลุ่มดี สภาวะโลกจะตรงข้าม คือเกิดมลภาวะเน่าเหม็น มีโรคระบาด เป็นสภาวะทำลาย

3. ส่วนกลุ่มเป็นกลางจะคอยช่วยสนับสนุนจุลินทรีย์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนมากกว่าให้สามารถแสดงปฏิกิริยาได้มากยิ่งขึ้น

ที่มา http://www.emkyusei.com/na_02.htm

EM เป็นชื่อผลิตภัณฑ์ของบริษัท อี เอ็ม คิวเซ จำกัด



ว่าด้วย....สารเร่ง พด.
สารเร่ง พด. คือจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ ที่พัฒนาโดยกรมพัฒนาที่ดิน ซื่งมีชื่อว่าสารเร่ง พด. เป็นจุลินทรีย์แบบแห้งบรรจุซอง ซึ่งจะมีชื่อ พด. 1 พด. 2 เรื่อยๆไป ซึ่งแต่ละ พด. ก็จะประกอบด้วยจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพต่างกัน เช่น

พด. 1 สำหรับผลิตปุ๋ยหมัก
พด. 2 สำหรับผลิตปุ๋ยน้ำอินทรีย์
พด. 3 สำหรับผลิตเชื้อเชื้อจุลินทรีย์ควบคุมเชื้อสาเหุตโรคพืช

รายละเอียดมากกว่านี้ ติดตามได้จาก

http://www.ldd.go.th/service/

สารเร่ง พด. ไปขอรับได้ที่ สถานีพัฒนาที่ดินทุกจังหวัด ย้ำว่าสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัด ไม่ใช่ที่ดินจังหวัด

ตามความเข้าใจของผม หลายคนจะรู้จัก EM ซึ่งเป็นชื่อผลิตภัณฑ์ของบริษัท อี เอ็ม คิวเซ จำกัด โดยที่ไม่รู้ว่า EM ก็คือจุลินทรีย์ ซึ่งคล้ายๆ กับ เราเรียก ผงซักฟอก ว่า แฟ้บ giupdบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปว่า มาม่า

จะใช้ EM หรือ สารเร่ง พด. ก็เป็นการนำจุลินทรีย์มาใช้งานทั้งสิ้น ส่วนเรื่องประสิทธิภาพของจุลินทรีย์ก็ต้องลองเองครับ นอกจากนั้นยังมีจุลินทรีย์ท้องถิ่นครับ ที่สามารถทำเองได้แต่ขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยากนิดหนึ่ง

หวังว่าคงเข้าใจเรื่อง จุลินทรีย์ EM สารเร่ง พด. มากขึ้นนะครับ

มี พด.อะไรบ้าง ดูเอาไว้ จะได้ไปขอมาใช้ได้ถูกต้อง




พด.6 ใครที่ทำงานในครัวมีเศษอาการก้างปลา กระดูกหมู หระดูกหมาแยะ ใช้หมักด้วย พด.6



พด.1



พด.2



พด.3



พด.3 ซูเปอร์



พด.4



พด.5



พด.5 สูตร 2



พด.6



พด.7



พด.7



พด.8



พด.9



พด.10



พด.11



พด.12


พด. หมดแล้ว ....เหนื่อยว่ะ...


เรื่องน้ำหมักยังมีให้ดูต่อนะจ๊ะ....



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
orchid
สาวดอง
สาวดอง


เข้าร่วมเมื่อ: 07/05/2014
ตอบ: 43

ตอบตอบ: 05/07/2014 10:08 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุง.....

สุดยอดเลยครับพี่ทิดแดง.....

เพิ่งรู้ครับว่า

(1) น้ำซาวข้าวหมักโดย ไม่ใส่ อีเอ็ม ไม่ใส่กากน้ำตาล ใส่แค่น้ำตาลจาก น้ำผึ้งปลอม + กลูโคส ก็กลายเป็นน้ำหมักอินทรีย์ชีวภาพได้

(2) อีเอ็ม ที่วางขายตามร้านขายปุ๋ย เป็น อีเอ็ม ขยายขนาดทั้งนั้น หัวเชื้อของแท้ ต้องของ อีเอ็ม คิวเซ โดนหลอกให้ใช้ อีเเอ็ม ขยายขนาด มาตั้งนาน

(3) ได้มีความรู้เรื่อง อีเอ็ม และเรื่อง จุลินทรีย์...เยี่ยมจริง ๆ

(4) เพิ่งรู้อีกว่า สารเร่ง พด. ใช้ทำปุ๋ยหมักสูตรต่าง ๆ ของกรมพัฒนาที่ดิน มีถึง 12 สูตร.....

ทิดแดงทำให้ดูถึงขนาดนี้แล้ว ใครยังทำไม่ได้ หรือทำไม่เป็น ก็ไม่ไหวแล้วครับ



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11561

ตอบตอบ: 06/07/2014 6:57 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

orchid บันทึก:



เพิ่งรู้ครับว่า
COMMENT :
ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ใช่สิ่งใหม่ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ในโลกนี้มีสิ่งที่ต้องรู้และน่ารับรู้นับ "ล้านยกกำลังล้านล้าน" เรื่อง อั้ยที่ว่า รู้แล้ว รู้แล้ว และรู้แล้ว น่ะ เป็นเพียง "ทศนิยมของเศษเสี้ยว" ของทั้งหมดเท่านั้น

อยากรู้อะไรก็จง "เรียนรู้" ไม่มีใครรู้อะไรมาแต่เกิด แม้แต่พระศาสดายังมาเรียนรู้เอาเมื่อเกิดแล้วทั้งนั้น แล้วเราล่ะ WHO ARE I & WHO AM YOU

ทั้งสำคัญ ทั้งเป็นห่วงก็แต่คนที่ไม่รู้แล้ว PRETEND ตัวเองว่ารู้ต่างหากล่ะ
ที่เขาเรียกว่า "มั่ว - ฟังไม่ได้ศัพท์จับกระเดียด - ขี้โม้ - ฯลฯ" นั่นแหละ


(1) น้ำซาวข้าวหมักโดย ไม่ใส่ อีเอ็ม ไม่ใส่กากน้ำตาล ใส่แค่น้ำตาลจาก น้ำผึ้งปลอม + กลูโคส ก็กลายเป็นน้ำหมักอินทรีย์ชีวภาพได้
COMMENT :
คำจำกัดความ .... อินทรีย์ คือ ร่างกาย มีตัวตน, ชีวภาพ คือ สิ่งมีชีวิต ในที่นี้หมายถึง "จุลินทรีย์" เป็นสัตว์เชลลเดียว มีชีวิต แต่จัดให้เป็นสัตว์ชั้นต่ำ, น้ำผึ้งปลอมน้ำผึ้งแท้ อย่างหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ความหวาน เป็นสารรสหวาน โมเลกุลใหญ่ ผ่านปากใบปลายรากพืชไมได้, กลูโคสก็คือของหวานหรือน้ำตาล ที่เป็นโมเลกุลเดียว ผ่านปากใบปลายรากพืชได้

ความหวานมากๆ จุลินทรีย์จะไม่ WORK และ STOP การเจริญเติบโต คนโบราณตัดหัวข้าศึก แช่น้ำผึ้งนานนับเดือน หัวข้าศึกไม่เน่าเพราะจุลินทรีย์ (แบคทีเรีย) ไม่ WORK แบบนี้เรียกว่า "แช่อิ่ม" นั่นเอง ดังนั้น หากต้องการให้จุลินทรีย์ WORK และขยายพันธู์ ต้องให้ความหวานที่พอดดีเหมาะสมกับจุลินทรีย์

น้ำซาวข้าว คือ น้ำล้างข้าวสาร ในน้ำซาวข้าวย่อมมีข้าวสาร .... ข้าวสารข้าวสุกข้าวดิบขาวตากข้าวตังข้าวฯ มีแป้ง ในน้ำซาวช้าวจะมีข้าวมากมีน้อยอยู่ที่เจตนาของคนซาวข้าว .... ในแป้งมีคาโบไฮเดรท. ในคาโบไฮเดรท.มีอามีโลส. แล้วอามิโลส.ถูกเปลี่ยนรูป (ภาษาทางเคมี) เป็นน้ำตาล บางครั้งก็เรียกว่า "เปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล หรือ น้ำตาลอามิโลส" นั่นแหละ .... น้ำตาล คือ สารอาหารของพืช พืชจะออกดอกได้ต้องอาศัย "แป้งและน้ำตาล" ภาษาวิชาการเรียกว่า "สะสมแป้งและน้ำตาล" ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "สะสมตาดอก" นั่นแล

ในเมื่อข้าวคือ คาโบไฮเดท โมเลกุลขนาดใหญ่ พืชเอาไปใช้ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนขนาดโมเลกุลให้เล็กลงจนพืชเอาไปใช้ได้เสียก่อน ผู้เปลี่ยนสภาพหรือโครงสร้างทางโมเลกุล คือ จุลินทรีย์ นั่นเอง

ผู้เปลี่ยนอามิโลส ให้เป็นน้ำตาล คือ จุลินทรีย์กลุ่มยิสต์ (ประภทจุลินทรีย์เพื่อการเกษตร หลักๆ ได้แก่ รา แบคทีเรีย ยิสต์)

อีเอ็ม. คือ BRAND ของสินค้า แยกให้ออกระหว่าง "ชื่อสามัญ กับ ชื่อการค้า" มิฉะนั้นจะกลายเป็น มีความรู้แค่โฆษณา อั้ยโฆษณาน่ะดี ไม่ผิดหรอก แต่ต้องมองให้เป็นประชาสัมพันธ์ ถ้ามองมุมประชาสัมพันธ์ไม่ออกก็จะกลายเป็น "โฆษณาชวนเชื่อ" .... ในที่นี้ อีเอ็ม หมายถึง จุลินทรีย์ นั่นเอง

จุลินทรีย์ไม่ใช่ปุ๋ย ปุ๋ยไม่ใช่จุลินทรีย์ .... จุลินทรีย์ชื่อ คีโตเมียม. ไรโซเบียม. ไมโครไรซ่า. แอ็คติโนมัยซิส. บาซิลลัส ซับติลิส. บาซิลลัส ทูรินจินซิส, ฯลฯ .... ปุ๋ยชื่อ ไนโตรเจน. ฟอสฟอรัส. โปแตสเซียม ฯลฯ .... จุลินทรีย์กับปุ๋ย คือ คนละตัวกัน แต่อยู่ด้วยกัน ไปด้วยกัน เปรียบเสมือน ปุ๋ยคือข้าวสาร จุลินทรีย์คือคนหุงข้าวสาร .... ถามว่า คุณจะกินข้าวสารที่หุงแล้ว หรือกินคนหุง .... ใส่อินทรีย์วัตถุ (OM) ลงไปในดิน ถ้าไม่มีจุลินทรีย์แปรรูปอินทรีย์วัตถุนั้นก่อน ต้นพืชก็เอาไปกินไมได้ อย่าลืมว่า พืชกินอาหารที่เป็นของเหลว โมเลกุลเล็กระดับอะมิโน .... นี่ไง จุลินทรีย์ คือ แม่ครัว ของต้นพืช

ในโลกนี้มีจุลินทรีย์นับล้านชนิด ที่มนุษย์รู้จักและตั้งชื่อแล้วเป็นเพียงเศษเสี้ยวส่วนล้านเท่านั้น เมื่้อไม่รู้จักแต่มนุษย์ก็ใช้วิธีแยกประเภท คือ ประเภทมีประโยชน์ กับประเภทมีโทษ เท่านี้ก็พอสื่อสารกันรู้เรื่อง

ดร.สุริยา ศาสนรักกิจ อดีต ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ ถ.พหลโยธิน ตรงข้ามซอยเสนา ใกล้สถานีวิทยุ สวพ. 91 เคยถามเจ้าของสูตร (จำหน่าย) อีเอ็ม.ว่า ทำมาจากอะไร คำตอบที่ได้คือ "ความลับ" บอกไม่ได้ .... ว่าแล้ว ดร.สุริยาฯ ก็พิสูจน์ชนิดของจุลินทรีย์ใน อีเอ็ม. กระทั่งเห็นหน้าตา เห็นวงจรชีวิต จึงรู้ว่าทำมาจาก "ปลาหรือสัตว์ทะเล" นี่เอง .... ดร.สุริยาฯ ถึงกับอุทาน "โถ....มาแอบอยู่นี่เอง." จากคำว่า "แอบ" ลุงคิมเลยเอาแปลงเป็น "อีแอบ" หรือจุลินทรีย์อีแอบซะเลย

ดร.อรรถ บุญนิธี นักชีววิทยาด้วยพืช เคยทำงานให้กับ อีเอ็ม. ก็ไม่รู้ว่า วัสดุตั้งต้นในการทำ อีเอ็ม คือ อะไร เพราะองค์กร (การกุศล ในรูปบริษัทใหญ่) ไม่บอก ถือเป็นความลับสุดยอด

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นานมากจนจำวันที่ปี พ.ศ. ไม่ได้ ลุงคิมเคยไปที่ "คิวเซ" หวังเข้ารับการอบรมเรื่อง อีเอ็ม วันแรกที่ไปเขาให้ไหว้ "ร่างทรง" ที่ทำตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าเหมือนถูกผีสิงเพื่อบูชา "โยเร" อะไรก็ไม่รู้ ประมาณนั้น รู้เลยว่าแบบนี้คงไม่ใช่ รู้เลยว่าไม่เข้าท่าแน่ .... กล้บบ้านเรา ยักษ์รออยู่

ติดตามอ่านเรื่อง "ปฏิวัติฟางเส้นเดียว" โดย มาซาโอะ ฟูกูโอกะ บอกว่า จุลินทรีย์ที่ดีที่สุด คือ จุลินทรีย์ประจำถิ่น ตรงกับคำพูดของ "ดร.อิงะ" เจ้าของสูตร อีเอ็ม ว่าจุลินทรีย์ที่ดีที่สุด คือ สิงมีชีวิตขนาดเล็กในดินที่มีประโยชน์ต่อพืช ดินที่กล่าวถึงก็คือ ดินในแปลงปลูกนั่นเอง

มาซาโอะ ฟูกูโอกะ ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ นาน 20 ปี ด้วย "สื่อ" ทุกประเภทในญี่ปุ่น ผลรับคือ "ไม่ได้ผล" เกษตรกรญี่ปุ่นไม่ยอมรับ เพราะปริมาณผลผลิตที่ได้รับไม่ "นิ่ง" บางพืชได้มาก บางพืชได้น้อย .... ดร.โช เกาหลี ส่งเสริมให้ใช้ "น้ำคั้นผักให้แก่ผัก" ทั่วโลกรับทราบแต่ไม่ทำ เพราะไม่ "นิ่ง" เช่นกัน .... แนวทางอินทรีย์ทั้งของฟูกูโอกะ และ ดร.โช เป็นแบบอินทรีย์เพียวๆ ที่ลุงคิมเรียกว่า "อินทรีย์ตกขอบ" นั่นแหละ ต่อมาภายหลัง เกษตรกรทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ยอมรับแบบอินทรีย์แต่มีเคมีผสมด้วย จึงกลายเป็นอินทรีย์ร่วมกับเคมี .... พืชประเภทอายุสั้น ฤดูกาลเดียว กินใบ เช่น ผักกาด ผักคะน้า อินทรีย์เพียวๆได้ แต่ผักกินผลอย่างมะเขือ พริก ข้าว ก็พอไหว ออกลูกให้ผลพอได้ แต่กับไม้ผลยืนต้นอย่าง มะม่วง ลำไย ทุเรียน บ้าใบไปตามๆกัน

จุลินทรีย์กินสารอาหารรสหวาน แค่ให้อาหารรสหวาน (ราคาถูกที่สุด คือ กากน้ำตาล น้ำมะพร้าว อัตราส่วน 1 : 500 .... อ้างอิง : อ.สำรวล ดอกไม้หอม หน.กองกำจัดสัตว์ศัตรูพืช กรมวิชาการเกษตร) แล้ว เดี๋ยวจุลินทรีย์เดิมในดินก็จะ WORK ให้เอง จุลินทรีย์จากแหล่งอื่นใส่ลงไปเป็นเพียง "เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก" เท่านั้น ได้ผลแค่ให้ดีกว่าไม่ได้ให้เท่านั้น ....

จุลินทรีย์ในดิน "เกิด/กิน/แก่/เจ็บ/ตาย/ขยายพันธุ์" คึอ สิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ (อ้างอิง : อ.วิชัยฯ แห่ง สจล.) พื้นที่ 1 ตร.ซม. มีจำนวนนับล้านตัว ตั้งแต่เกิดมาไม่ได้เคยได้กินอาหาร พอมีคนเอาสารรสหวานไปใส่ให้เท่านั้่นแหละ พ่อขยายพันธุ์แบบทวีคูณ (1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4, จาก 100 เป็น 200 แล้วเป็น 400 แล้วเป็น 800 แล้วเป็น 1,600 แล้วเป็น 32,000 ด้วยระยะเวลาเพียง 1 ชม. (เห็นกับตาในงานขยายเชื้อจุลินทรีย์ที่ สนง.วว. .... จากจุลินทรีย์เพียงตัวเดียว ต้องส่องดูด้วยกล้องจุลิทรรศน์ เอามาขยายเชื้อ 1 ชม. ได้จุลินทรีย์ก้อนใหญ่ขนาดหัวไม้ขีด มือจับได้ นั่นคือ จุลินทรีย์ไม่รู้กี่ล้านล้านล้านตัว

จุลินทรีย์มีนับ ล้านล้าน ชนิด ทุกสภาพแวดล้อมมีจุลินทรีย์ทั้งนั้น NAZA ตรวบพบจุลินทรีย์ในขี้่เมฆ .... สงสัยไหม มันขึ้นไปอยู่ได้ไง

ด้วยข้อมูลจาก ฟูกูโอกะ + ดร.โช + ดร.สริยาฯ + ดร.อรรถ + อ.สำรวล APPLY โดย "ตาคิม (บ้า) + ตาคิม (เปอร์) แปลงมาเป็น อินทรีย์นำ เคมีเสริม หรือ เคมีนำ อินทรีย์เสริม ตามความเหมาะสม "?" ยังไงล่ะ.... เครื่องหมาย "?" หมายถึง ข้อมูลหรือปัจจัยทุกอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับพืชนั้นๆ

ลุงคิมสอนว่า เอาจุลินทรีย์ประจำถิ่นมาขยายเชื้อ (ขยายพันธุ์) .... รอบที่ 1 แบบให้อากาศ .... รอบที่ 2 แบบไม่ให้อากาศ .... ได้มาทั้งสองพวกมาแล้วเอาใส่คืนกลับไปที่เดิม จุลินทรีย์ใหม่ไปเจอกับเพื่อนจุลินทีย์เก่า เพราะความเป็นพวกเดียวกันมาก่อนจึงเข้ากันได้เหมือนปีกับขลุ่ย ทรัมเปต กับ แซ็คโซโฟน .... จุลินทรีย์เก่าเจอจุลินทรีย์ใหม่ เห็นสมบูรณ์แข็งแรงดี สงสัยสงสัยจึงถาม "เย่....พวกเอ็งไปทำอะไรมา ทำไมแข็งแรงจังวะ ?" จุลินทรีย์ใหม่ กำปั้นมือยกแขนแล้วบอก "กูไปฝึกรบพิเศษ เสือคาบดาบ ที่ค่ายพลร่มป่าหวายมาโว้ย...." จุลินทรีย์เก่าหมั่นไส้เพราะอิจฉา "เสือคาบดาบ หรือ หมาคาบกระดูก วะ" ....

ใน อีเอ็ม คือ จุลินทรีย์ประเภทไม่ต้องการอากาศ (NON AREROBIC) ซึ่งมีพลังในการย่อยสลายสูงกว่าประเภทต้องการอากาศ .... จุลินทรีย์ประเภทต้องการอากาศ อยู่ที่ผิวดินเพื่อให้ได้อากาศ ถ้าไม่ได้อากาศก็ตาย .... จุลินทรีย์ประเภทไม่ต้องการอากาศ อยู่ไต้ดินลึก อากาศลงไปไม่สะดวก ถ้าได้อากาศก็ตาย .... สังเกตุ อีเอ็ม อยู่ในขวดทึบแสง ปิดฝาแน่น เพื่อป้องกันอากาศไง แต่พอออกมาเจออากาศมันก็ตาย แต่ตายไม่หมดหรอก ส่วนที่เหลือรอดจะขยายเผ่าพันธุ์เพิ่มจำนวนลงไปอยู่ไต้ดินลึกเอง ถ้า ถ้า และถ้า สภาพแวดล้อมเหมาะสมนะ

พิสูจน์ประเภทจุลินทรีย์ ใส่ขวดใส ปิดปากขวดด้วยลูกโป่ง เก็บในร่ม ทิ้งไว้ 24-48-72-96 ชม. สังเกตุลูกโป่ง.... หะแรกลูกโป่งพอง พองมากจุลินทรีย์มาก พองน้อยจุลินทรีย์น้อย นั่นคือ มีจุลินทรีย์ประเภทต้องการอากาศ เมื่ออากาศหมด ลูกโป่งยุบ เท่ากับจุลินทรีย์ต้องการอากาศตายหมดแล้ว .... ต่อมาลูกโป่งเดิมยุบลงในขวด ยุบลงเรื่อยๆ จนหายลงไปในขวด แสดงว่าจุลินทรีย์ไม่ต้องการอากาศเกิดแล้ว ... การใช้จุลินทรีย์เยี่ยงผู้รู้ คือ ใช้ทั้งสองประเภท


(2) อีเอ็ม ที่วางขายตามร้านขายปุ๋ย เป็น อีเอ็ม ขยายขนาดทั้งนั้น หัวเชื้อของแท้ ต้องของ อีเอ็ม คิวเซ โดนหลอกให้ใช้ อีเเอ็ม ขยายขนาด มาตั้งนาน
COMMENT :
"หัวเชื้อ" คืออะไร ?
"น้ำหาง หรือ เจือจาง" คืออะไร ?
จุลินทรีย์เป็นสิ่งมีชีวิต ขยายพันธุ์ได้ ตามที่บอกแต่แรก
ถ้าเอาจุลินทรีย์เจือจางจนเหลือแค่ตัวเดียว (จุลินทรีย์ขยายพันธุ์โดยการแบ่งตัว ไม่ต้อง MAKELOVE) มาเข้ากรรมวิธีขยายเชื้ออย่างถูกวิธี จะได้จุลินทรีย์เข้มข้นขึ้น แบบนี้เป็นหัวเชื้อได้ไหม

ลูกวัว (หมู หมา ปลา ไก่ คน) 2 ตัว ตัวผู้ 1 ตัวเมีย 1 เอามาเลี้ยงต่อจะโตเป็นวัวใหญ่ไหม มีลูกออกมาจะเพิ่มจำนวนไหม จากวัว 2 ตัว ขยายพันธุ์ให้เป็น 100 1,000 10,000 ตัวได้ไหม อุปมาอุปมัย ฉันใดก็ฉันนั้น



(4) เพิ่งรู้อีกว่า สารเร่ง พด. ใช้ทำปุ๋ยหมักสูตรต่าง ๆ ของกรมพัฒนาที่ดิน มีถึง 12 สูตร.....
COMMENT :
รู้ให้ลึก .... นักวิชาการผู้ "คิดค้น ค้นพบ" พด. ขายลิขสิทธิ์ (ตามสิทธิ์ทางกฏหมาย) จุลินทรีย์นี้ให้ บ.เอกชน แล้วตั้งชื่อยี่ห้อ (BRAND) ว่า "ไบโอ---" ขึ้นมาเพื่อการค้า ลุงคิมเคยรับโฆษณา .... ถ้าเห็นจุลินทรีย์ที่ บ.เอกชนผลิตออกมาจำหน่ายเปรียบเทียบกับจุลินทรีย์ พด. ที่ราชการแจก ต่างกันราฟ้ากับดินก้นเหว ทั้งๆที่เป็นจุลินทรีย์ตัวเดียวกัน .... การเก็บจุลินทรีย์ชนิดแห้งเพื่อให้มีชีวิตอยู่นานๆ จะต้อง STOP เพื่อไม่ให้ขยายพันธุ์ต่อใน HOSE .... พด.เก็บใน HOSE "ขี้ม้า-ขี้แพะ + อื่น" ตามความจำเป็น .... จุลินทรีย์ บ.เอกชน เก็บใน HOSE "แป้งข้าวโพดหรือข้าวสาลี" .... วิธีเก็บอย่างหลังดีกว่าอย่างแรก แต่ต้นทุนสูงกว่า

ที่บอกอย่างนี้ ไม่ใช่ต่อต้านไม่ให้ใช้ แต่ตรงกันข้ามกลับส่งเสริมให้ใช้ เพราะจุลินทรีย์คือจุลินทรีย์ เพียงอยากบอกให้รู้ลึกๆ เท่านั้น ....อามิตตะพุธ








.


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 07/07/2014 9:30 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
DangSalaya
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/06/2011
ตอบ: 1874

ตอบตอบ: 07/07/2014 8:07 am    ชื่อกระทู้: น้ำหมัก....จุลินทรีย์.....ปุ๋ย.... ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สวัสดีครับลุงคิม....และเพื่อน ๆ สมาชิกทุกท่าน


น้ำหมัก....จุลินทรีย์.....ปุ๋ย....


ขอบคุณครับลุง….. คำอธิบายและคำตอบของลุงคิม กระจ่างใส Clean และ Clear ชัดเจน แจ่มแจ้ง....อ่านแล้ว อึ้งกิมกี่ ไปตาม ๆ กัน

ผมชอบใจ คำ ๆ นี้นะ.... WHO ARE I & WHO AM YOU........

ลุงคิมพูดถึงหนังสือเรื่อง "ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว" โดย มาซาโอะ ฟูกูโอกะ





( 0 ) คงจะหมายถึงหนังสือเล่มนี้นะครับ
หน้าปกหนังสือเป็นแบบนี้ครับ. มี 121 หน้า ...เป็นไฟล์แบบ .Pdf. ไม่แน่ใจว่าผมเคยนำเสนอในเว็ปลุงคิม ไปแล้วหรือยัง...ลอง Search ดูก็น่าจะได้ พิมพ์คำว่า Fukuoka ลงไปที่ช่อง ค้นหา อาจจะเจอ


ไปดู ผล จากการหมักน้ำซาวข้าวไรซ์เบอร์รี่ ต่อกันดีกว่าครับ

ความจริงน้ำซาวข้าวจากข้าวอะไรหมักแล้วก็เหมือนกันหมด....แต่บังเอิญตอนนี้ผมกินข้าวไรซ์เบอร์รี่อยู่ ก็เลยมีน้ำซาวข้าวจากข้าวไรซ์เบอร์รี่




(9)



(10)



(11)



(12)



(13)



(14)

(9 – 14) 28 มิย.57 ผ่านการหมักได้ 2 วัน ผิวหน้าเป็นแบบนี้




(15)



(16)

(15 – 16) 29 มิย.57 ผ่านการหมักได้ 3 วัน




(17)



(18 )



(19)



(20)



(21)

(17 – 21) 3 กค.57 ผ่านการหมักได้ 7 วัน จุลินทรีย์กำลังย่อยสลายเศษเมล็ดข้าวที่ลอยอยู่ผิวหน้า



(22)



(23)



(24)

(22 – 24) 4 กค.57 ผ่านการหมัก 8 วัน เศษเมล็ดข้าวที่ลอยอยู่ผิวหน้า หายไปเกือบหมด




(25)



(26)



(27)



(28 )

(25 – 28 ) 5 กค.57 ผ่านการหมัก 9 วัน ผิวหน้าจะเห็นเป็นแบบนี้ครับ

เวลานำไปใช้งาน ก็กรองเอาแต่น้ำไปผสมน้ำให้เจือจางลง ..20 – 40 ซีซี / น้ำ 20 ลิตร

สำหรับผม จะกรองเอาน้ำหมัก 1 ลิตร + 30-10-10 – 100 ซีซี ตั้งทิ้งไว้อีก 24 ชั่วโมงหรือ 1 วัน ก็เอาไปผสมน้ำ 20 ซีซี + สมุนไพร + น้ำ 20 ลิตร ....ฉีดพ่นต้นไม้ ทั้งลงดิน และที่ใบ ...


ส่วนที่ลงดิน จุลินทรีย์ก็ลงดินไป ส่วนที่ใบอาจจะซึมเข้าปากใบ ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็แล้วกันไป แต่.....


ผมคิดตามประสาคนบ้าว่าน้ำหมักจุลินทรีย์ มันสามารถขจัดสิ่งสกปรกและฆ่าเชื้อโรคบางอย่างได้.... ใบไม้มันโดนฝุ่นละอองต่าง ๆ จับอยู่ที่ใบ ก็อาจจะมีเชื้อโรคบางอย่างติดอยู่ เวลาเรารดน้ำธรรมดาลงไป บางครั้ง ใบเกิดอาการเป็นจุด หรือเกิดปลายใบแห้งจากเชื้อรา ... เมื่อมันโดนน้ำที่ผสมจุลินทรีย์ มันอาจจะมีบางอย่างที่ไปทำลายกันได้ และ....


..เท่าที่ผมเคยใช้ น้ำหมัก + 30-10-10 + ไบโออิ + สมุนไพร ผสมน้ำฉีดผักตอนเย็น....ปรากฎว่า ไม่ถูกทำลายจาก จิ้งหรีดและแมลงปากกัดบางอย่างที่หากินกลางคืน เคยกัดต้น เจาะใบ ...ผมตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร


ใช้น้ำหมักอย่างเดียวฉีด....มันก็กัด
ใช้ 30-10-10 อย่างเดียวฉีด มันก็กัด
ใช้ไบโออิ อย่างเดียวฉีดมันก็กัด
ใช้สมุนไพรฉีดอย่างเดียว หนอนบางอย่าง มันก็กัด ถ้าเป็นหนอนชอนใบ มันนอนกินอยู่ข้างในใบสบายดี...


แต่ใช้ทุกอย่างรวมกันฉีด มันไม่กัด หรือว่ามันเกิดปฏิกิริยาอะไรบางอย่างที่เป็นพิษต่อหนอนและแมลง หรือมันอาจจะเหม็นหรือหอม .....ไม่รู้แฮะ....เอาเป็นว่า ผมใช้แบบของผม มันดีก็แล้วกัน ส่วนใครจำเอาไปใช้แล้วไม่ได้ผล จะมาด่าผมไม่ได้นะครับ ...เพราะผักและต้นไม้บ้านผม ไม่ใช่ผักและต้นไม้บ้านคุณ....แมลงบ้านผม ไม่ใช่แมลงบ้านคุณ....


ถ้าผมเป็นคุณ medusakung2 นะครับ ป่านนี้ เศษอาหารในครัวทุกอย่าง ป่านนี้เป็นน้ำหมักไปหมดแล้ว ดีไม่ดี จะเอาเลือดของหัวหน้าใส่ลงไปด้วยน่ะน๊า....

มีคำถามอะไรที่อยากจะหมักอะไรที่แปลก ๆ อีกบ้าง ถามลุงมาเลยครับ


ขอบคุณครับลุง....





.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11561

ตอบตอบ: 07/07/2014 9:14 am    ชื่อกระทู้: Re: น้ำหมัก....จุลินทรีย์.....ปุ๋ย.... ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

DangSalaya บันทึก:



มีคำถามอะไรที่อยากจะหมักอะไรที่แปลก ๆ อีกบ้าง ถามลุงมาเลยครับ





อุ๊บ๊ะ ! ทำไมถามแต่ลุง ถามแต่ลุง และถามแต่ลุง ลุงลุง ลุง หลุ่ง ลุ่ง ลุ้ง หลุง
ถามคนอื่นบ้างก็ได้ ที่นี่สังคมแห่งการแบ่งปัน ไม่ใช่เหรอ

ข้อมูลที่ดีที่สุด คือ "ประสบการณ์ตรง" ของตัวเอง ของคนอื่น
เอามาบอกกล่าวกัน เล่าสู่กันฟัง แล้วช่วยกัน "คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ" น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีนะ


ลุงคิมไม่เก่ง แต่ลุงคิมมีประสบการณ์ (ตัวเอง/คนอื่น) เท่านั้น
ลุงคิมไม่ได้เรียนมาโดยตรง แต่เรียนด้วยตัวเองโดย คิด/วิเคราะห์/เปรียบเทียบ


ปล.
คำว่า "คิด/วิเคราะห์" เริ่มมาจาก อ.เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ บอกว่า อาชีพที่น่าทำที่สุด คือ "เกษตร"

คำว่า "เปรียบเทียบ" มาจากลุงคิม เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก ลงไป ตามสไตล์
ได้มา 1 แล้วขยายผลเป็น 2 4 100 10,000 1,000.000 100.000,000




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©