kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11558
|
ตอบ: 19/04/2010 6:22 pm ชื่อกระทู้: ฟ้าทลายโจร สมุนไพรไทย ใกล้ตัว |
|
|
ฟ้าทลายโจร สมุนไพรไทย ใกล้ตัว
อากาศร้อน คนก็ร้อน มิหนำซ้ำบางวันฝนตก บางวันอากาศเย็น ฤดูกาลต่างๆ ช่างแปรปรวนซะจนร่างกายก็รับไม่ค่อยไหว จนทำให้ต้องหันมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น มิฉะนั้นอาจจะทำให้เป็นไข้หวัดได้ง่ายๆ
ไข้หวัด เป็นโรคระบบทางเดินหายใจอักเสบเฉียบพลันที่เกิดจากเชื้อไวรัสบางชนิด เป็นโรคที่เกิดขึ้นบ่อยและง่าย จนอาจเรียกได้ว่าเป็นโรคสามัญที่ทุกคนสัมผัสมาตั้งแต่เกิด บางคนเป็นหวัดปีละหลายครั้ง เมื่อเริ่มมีอาการปวดหัวตัวร้อน ครั่นเนื้อครั่นตัว แต่ก็มักหายาพาราเซตามอน และยาคลอร์เฟนิรามีน ใช้บรรเทาอาการแพ้อากาศ บรรเทาอาการจาม น้ำมูกไหล ซึ่งเป็นยาสามัญประจำบ้านมารับประทานเอง ไม่นานอาการก็ทุเลาลง แต่ด้วยกระแสสังคมปัจจุบันนี้ ผู้คนพยายามอยู่กับธรรมชาติ รักษาโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยวิถีธรรมชาติบำบัด จนสมุนไพรซึ่งเป็นภูมิปัญญาไทยได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับ
ฟ้าทะลายโจร เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และเป็นสมุนไพรไทยที่มีการใช้รักษาโรคมานาน ปัจจุบันมีการนำฟ้าทะลายโจรมาทำเป็นยาลูกกลอน หรือใส่แค็ปซูลเพื่อความสะดวกในการรับประทาน
ทั้งนี้มีผู้ทำการศึกษาค้นคว้าวิจัยถึงสรรพคุณยาในพืชสมุนไพร และได้พบสารเคมีในส่วนต่างๆ ของพืชอยู่หลายชนิด รวมทั้งสาร Andrographolide ที่เป็นตัวยาสำคัญที่มีอยู่ในทุกส่วนคือ ราก ต้น ใบ และได้ทำการศึกษาทดลองเพื่อจำแนกโรคที่รักษาได้ดีให้ชัดเจน ซึ่งพบว่าฟ้าทะลายโจรรักษาโรคได้หลายโรค อาทิ แก้ติดเชื้อที่ทำให้มีอาการปวดท้อง ท้องเสีย บิด และแก้กระเพาะอักเสบ ลำไส้อักเสบ แก้อาการไอ เจ็บคอ หรือคออักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ แก้ไข้ทั่วไป และเป็นยาขมทำให้เจริญอาหาร
ฟ้าทะลายโจร ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าเป็นสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการหวัด และเสริมภูมิต้านทานดีกว่าการใช้ยาปฏิชีวนะในคนที่เป็นหวัดบ่อยๆ ร้อนในบ่อยๆ เนื่องจากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ภูมิต้านทานอ่อนลง การรับประทานสมุนไพรฟ้าทะลายโจรจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้ไม่เป็นหวัดง่าย ร้อนในก็จะหายไป รวมทั้งสมุนไพรฟ้าทะลายโจรดีกว่ายาปฏิชีวนะ ตรงที่ไม่ทำให้เกิดอาการง่วงนอน ไม่เกิดการดื้อยา และยังป้องกันตับจากสารพิษหลายชนิด เช่น จากยาแก้ไข้พาราเซตามอล หรือยาที่มีแอลกอฮอล์ เป็นส่วนผสม
ฟ้าทะลายโจร เป็นไม้ล้มลุกสูง 1-2 ศอก ลำต้นสี่เหลี่ยมตั้งตรง แตกกิ่งก้านสาขามากมาย ใบเรียวกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อเล็กๆ สีขาว มีรอยประสีม่วงแดง กลีบดอกด้านบนมี 3 หยัก ด้านล่างมี 2 หยัก ผลเป็นฝักคล้ายฝักต้อยติ่ง เมล็ดสีน้ำตาลอ่อน ต้นและใบมีรสขมมาก
โดยกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แนะนำว่า การปลูกต้นฟ้าทะลายโจรนั้นไม่ยาก เพียงใช้เมล็ดโรยลงดิน กลบดินไม่ต้องลึกแล้วรดน้ำให้ชุ่ม คนส่วนใหญ่มักนิยมปลูกตอนต้นฤดูฝน นอกจากนี้ ฟ้าทะลายโจรไม่ชอบแดดจัด หากปลูกในที่แจ้งต้นจะเตี้ยใบเล็กหนา แต่ถ้าปลูกในที่ร่มต้นจะสูง ใบใหญ่แต่บาง จึงควรปลูกในที่ไม่ร่มและไม่แจ้งนัก ในฤดูฝนไม่จำเป็นต้องรดน้ำ แต่ในฤดูแล้งควรรดน้ำให้ดินชุ่มชื้นอยู่เสมอ ถ้าปลูกขึ้นได้ 1 ต้น จนมีฝักแก่ เมล็ดจะกระจายออกไปขึ้นทั่วจนต้องถอนทิ้งบ้าง ขณะที่กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยว่า มีผู้ให้ความสนใจมาใช้สมุนไพรไทยกันมากขึ้น ทั้งเพื่อรักษาโรคและเพื่อผ่อนคลายความเครียด อาทิ น้ำมันหอมระเหย แต่สำหรับฟ้าทะลายโจรนั้น มีประโยชน์ในการใช้รักษาอาการเจ็บคอ ใช้แก้อาการท้องเสีย และโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน บรรเทาอาการหวัดและเสริมภูมิต้านทาน ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นหายจากหวัด ภูมิแพ้ที่มักเป็นบ่อยๆ ให้หายเร็วขึ้น ใช้เป็นยาภายนอกเป็นยาพอกฝีรักษาแผลที่เป็นหนอง
การรับประทานฟ้าทะลายโจรในรูปแบบการต้มน้ำดื่มนั้น ให้นำใบและกิ่งสดล้างด้วยน้ำสะอาด ก่อนสับเป็นท่อนสั้นๆ ประมาณ 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 10-15 นาที ดื่มก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง แก้เจ็บคอ หากต้องการใช้แก้ท้องเสีย แก้บิด ใช้ฟ้าทะลายโจร 2-3 กำมือ แต่หากต้องการรับประทานในรูปแบบยาลูกกลอน ให้นำใบและกิ่งมาล้างให้สะอาด ผึ่งลมให้แห้ง บดให้เป็นผง ปั้นผสมกับน้ำผึ้งเป็นเม็ดขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย ผึ่งให้แห้ง รับประทานครั้งละ 3-6 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน
รวมทั้งยังสามารถรับประทานในรูปแบบยาแค็ปซูล โดยใช้ผงใบและลำต้นบรรจุลงในแค็ปซูล ใช้รับประทานก่อนอาหารและก่อนนอน เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีรสขมมาก จึงนิยมใช้ในรูปยาลูกกลอนและรูปยาแค็ปซูล
นอกจากคุณประโยชน์ที่มีอยู่มาก แต่ก็ควรจะศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนจะรับประทานสิ่งใดก็ตาม โดยข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรที่สำคัญคือ ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีความดันต่ำ และมีอาการท้องอืด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย บางคนเมื่อกินยาฟ้าทะลายโจรแล้วมีอาการปวดท้อง ท้องเสีย เวียนหัว หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ก็ควรหยุดยาทันที ไม่ควรรับประทานติดต่อกันนานเกินไป เนื่องจากฟ้าทะลายโจรจะทำลายจุลินทรีย์ที่อยู่ในกระเพาะอาหารมากเกินไป
ขณะที่ คุณประหยัด พิมท้าว เกษตรกรในตำบลบ้านกลับ อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในเกษตรกรที่เห็นความสำคัญของพืชสมุนไพร ได้ใช้เวลาว่างหลังจากทำนา มาดูแลต้นฟ้าทะลายโจรที่ปลูกในพื้นที่บ้าน เพื่อต้องการนำมาแปรรูปให้ง่ายต่อการรับประทาน เพียงนำใบฟ้าทะลายโจรในปริมาณที่ต้องการ ล้างด้วยน้ำสะอาด ก่อนนำไปตากแดดจนแห้งกรอบ เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา หลังจากนั้นจึงนำไปบดให้ละเอียดจนเป็นผง แล้วจึงบรรจุลงในแค็ปซูลที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาแผนปัจจุบันทั่วไป
"การนำฟ้าทะลายโจรมาแปรรูปเพื่อง่ายต่อการรับประทาน เพราะฟ้าทะลายโจรมีรสชาติขมทั้งลำต้นไปจนถึงราก ซึ่งการแปรรูปนั้นต้องการนำมารับประทานเอง และแจกจ่ายญาติพี่น้องเท่านั้น สำหรับตนเองเมื่อรู้สึกมีอาการเป็นไข้หวัดก็จะรับประทานฟ้าทะลายโจรครั้งละ 2 แค็ปซูล ไม่นานอาการก็จะทุเลาลง และรู้สึกได้ว่าเสมหะในลำคอลดลง ที่สำคัญสมุนไพรเป็นพืชที่ได้จากธรรมชาติย่อมดีต่อสุขภาพแน่นอน" คุณประหยัด กล่าว
แม้จะมีพื้นที่ในบ้านไม่มากนัก ก็สามารถปลูกฟ้าทะลายโจรในกระถางได้ ส่วนกรรมวิธีการแปรรูปก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละบุคคล และเป็นการใช้เวลาว่างให้มีประโยชน์อีกทางหนึ่ง การแปรรูปฟ้าทะลายโจรในรูปแบบแค็ปซูลไม่จำเป็นต้องทำในเชิงธุรกิจ หากทำเพื่อรับประทานเองในครัวเรือนก็ดีไม่น้อย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โทร. (02) 951-0319 และกรมส่งเสริมการเกษตร (02) 940-7459 , (02) 940-6028-9
สิริพร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา
ที่มา : เทคโนโลยีชาวบ้าน |
|