kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11558
|
ตอบ: 21/12/2010 8:50 pm ชื่อกระทู้: พริกไทย : พืชเศรษฐกิจที่ต้องรักษาไว้ |
|
|
พริกไทยจันทบุรี : พืชเศรษฐกิจที่ชาวสวนต้องรักษาไว้
พริกไทยเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ สามารถสร้างรายได้จากการส่งออกให้กับประเทศปีละ 30-60 ล้านบาท จังหวัดจันทบุรีเป็นแหล่งปลูกพริกไทยที่สำคัญ โดยมีพื้นที่ปลูกประมาณร้อยละ 95 ของพื้นที่ปลูกทั่วประเทศ ในปีการผลิต 2550/51 จันทบุรีมีพื้นที่ปลูกพริกไทย 13,349 ไร่ ผลผลิต 6,364 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 4.17 และ 0.02 ตามลำดับ เนื่องจากมีเกษตรกรบางส่วนปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า เช่น ยางพาราและแก้วมังกร รวมทั้งมีเกษตรกรบางรายในเขตอำเภอท่าใหม่ (ซึ่งเป็นแหล่งปลูกแหล่งใหญ่ในจันทบุรี) ลดพื้นที่ปลูกลงประมาณร้อยละ 13 จากปีที่ผ่านมา โดยย้ายไปปลูกในพื้นที่อื่น เช่น อำเภอนายายอาม, ขลุง และจังหวัดตราด สาเหตุจากปัญหาสภาพดินเสื่อมโทรม อันเป็นผลมาจากการใช้ปุ๋ยเคมีในปริมาณมากและต่อเนื่องเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม มีเกษตรกรในเขตอำเภอท่าใหม่ได้รวมกัน จัดตั้งเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ ฟื้นฟูสภาพดินและปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกเป็นแบบอินทรีย์มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเกษตรกรในอำเภอนายายอาม บางรายหันมาปลูกพริกไทยอ่อน เนื่องจากสามารถขายเป็นผลผลิตสด ไม่สูญเสียน้ำหนักและต้นทุนในการทำแห้ง ในราคาขายเฉลี่ย 100-120 บาท/กก. ขณะที่ต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 80 บาท/กก. ทั้งนี้หากปีใดราคาตกต่ำ เกษตรกรจะปล่อยพริกไทยจนแก่และขายเป็นพริกไทยดำแทน
ด้านการตลาดพบว่าการซื้อขายพริกไทยในประเทศ มี 3 ลักษณะ ดังนี้
1. พริกไทยเมล็ดใหญ่ มีตลาดซื้อขายหลักอยู่ 14 จังหวัดภาคใต้ มีขนาดเมล็ดใหญ่ เนื้อในกลวง รสเผ็ดแต่กลิ่นไม่หอม บางส่วนมาจากแหล่งผลิตอื่นที่ไม่ใช่จันทบุรี และบางส่วนนำเข้าจากประเทศเวียดนาม
2. พริกไทยจันทบุรี ซึ่งมีชื่อเสียงด้านรสชาติและกลิ่น มีการซื้อขายในจันทบุรี โดยมีบริษัทใหญ่อย่างน้อย 3 รายที่รับซื้อ และไม่มีการนำไปผสมกับวัตถุดิบอื่น ( เช่นปลายข้าว และลูกเดือย)
3. พริกไทยผสม ผู้ประกอบการจะนำพริกไทยเมล็ดใหญ่และเล็กมาผสมกัน รวมทั้งยังนำเข้าจากเวียดนามเพื่อนำมาผสมกับพริกไทยจันทบุรี แล้วจำหน่ายเป็นพริกไทยคละ โดยมีแหล่งรับซื้ออยู่ที่ตลาดทรงวาด, ตลาดสี่มุมเมือง และยี่ปั๊วในจ.จันทบุรี ปัจจับันราคาพริกไทยที่เกษตรกรขายได้อยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอีก เนื่องจากผลผลิตส่วนใหญ่ถูกเก็บไว้เพื่อรอราคา ทำให้สถานการณ์ราคาในขณะนี้ถูกกำหนดโดยผู้ขาย ส่วนแนวโน้มการบริโภคพริกไทย ผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญด้านสุขอนามัยและโภชนาการมากขึ้น รวมถึงปัญหาด้านการปลอมปนที่นำปลายข้าวหรือลูกเดือยมาผสม หรือการฟอกพริกไทยขาวด้วยคลอลีนในปริมาณที่สูงเกินกำหนด ส่งผลให้พฤติกรรมการบริโภคของคนไทยเปลี่ยนไปบริโภคพริกไทยดำเพิ่มขึ้น
ตารางที่ 2 : ราคาเกษตรกรขายได้พริกไทย ในจ.จันทบุรี
ชนิดพริกไทย................ราคาเกษตรกรขายได้(บาท/กก.)
..... ดำ ............................ 100-150
..... ขาว ........................... 200-250
..... อ่อน .......................... 100-120
...เบา (หรือพริกไทยตกเกรด) ..... 50
ที่มา : จากการสอบถามเกษตรกร ในอำเภอท่าใหม่ และนายายอาม จังหวัดจันทบุรี ในวันที่ 6-7 มีค. 51
ปัญหาที่พบส่วนใหญ่เป็นเรื่องสภาพดินเสื่อมโทรม โดยเฉพาะในเขตอำเภอท่าใหม่ และปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูง เนื่องจากปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ฯลฯ มีราคาแพง รวมถึงปัญหาขาดแคลนผลผลิต เนื่องจากพ่อค้ารวบรวมและเกษตรกรรายใหญ่เก็บผลผลิตไว้เพื่อรอราคา ส่วนด้านการตลาดและราคา พบปัญหาเรื่องการลักลอบนำเข้าพริกไทยราคาถูกและคุณภาพต่ำจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการปลอมปนในกระบวนการแปรรูปพริกไทย และปัญหาความไม่มีเสถียรภาพของราคาที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลและราคาตลาดโลก
ภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ไทยได้เปิดตลาดพริกไทย โดยยกเลิกการใช้มาตรการโควตาภาษีของ WTO ทำให้การนำเข้าจากสมาชิก AFTA 10 ประเทศไม่จำกัดปริมาณการนำเข้า และเก็บภาษีร้อยละ 5 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 51 เป็นต้นมา คาดว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนผลผลิตได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามแม้ว่าการเปิดตลาดอาจจะมีผลให้มีการนำเข้าพริกไทยจากประเทศเพื่อนบ้านในปริมาณมาก แต่พริกไทยจันทบุรีมีข้อได้เปรียบในเรื่องคุณภาพโดยเฉพาะกลิ่นและรสชาติ ทำให้ยังเป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการในประเทศ
ดังนั้น เพื่อให้เกษตรกรปรับตัวเตรียมรับกับสถานการณ์ดังกล่าว จึงเห็นควรให้มีการดำเนินการโดยรักษาระดับผลผลิตให้เพียงพอกับความต้องการใช้ในประเทศ สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อฟื้นฟูสภาพดิน กำหนดมาตรฐานการผลิตพริกไทย ถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกและแปรรูปพริกไทย เพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์
http://www.oae.go.th/ewtadmin/ewt/oae_baer/ewt_news.php?nid=390&filename=index |
|