มีใครรู้จัก "ข้าวฮาง" บ้างไหม.....??

[Sita]

มากิน "ข้าวฮาง" กันเถอะ......มีใครรู้จักมั้ยคะ ??

แป้ง....

[nokkhuntong]

รู้จัก จ๊ะ เคยซื้อมาหุงกิน คล้าย ๆ ข้าวกล้องนิ
ยี่ห้อ Green Leaf ฉลากเขียวๆ ในกระทู้โน้นนนนน...แหละ

กำลังมึน ตาลาย กะตัวเลข (งานบนโต๊ะ)
พี่ขุนทอง

[kimzagass]

"กินข้าวฮางเป็นยา กินปลาเป็นหลัก กินผักเป็นพื้น กินสิ่งอื่นเป็นรอง"

ข้าวฮาง คืออะไร ?

ข้าวฮาง เป็นข้าวสารแปรรูปที่ผลิตขึ้นตามกรรมวิธี ซึงเป็นภูมิปัญญาของชาวไทย
อีสานมาตั้งแต่เดิม โดยการนำเอาข้าวเปลือกมาแช่น้ำไว้ เพื่อกระตุ้นให้สารอาหาร
ต่างๆ จากเปลือกข้าวซึมเข้าไปในเมล็ดข้าว แล้วจึงนำมานึ่ง เพื่อจัดเก็บสารอาหารให้
คงไว้ แล้วนำข้าวเปลือกไปตากให้แห้ง และนำไปสีโดยเครื่องสีข้าวกะเทาะเปลือก
ทั้งนี้การนำข้าวเปลือกมาแช่น้ำ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการงอกของข้าว จะทำให้ผลิตสาร
ชนิดหนึ่งขึ้นมา คือ สาร GABA (กาบาร์) ที่มีส่วนในเรื่องความจำ และเป็นสาร
อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

ข้าวฮางงอก คือ ข้าวที่เพาะงอกจากข้าวเปลือก จะมีสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ ไฟ
เบอร์ และกลิ่นหอม จากเปลือกมาเคลือบที่เมล็ดข้าวเพิ่มขึ้น จึงทำให้ข้าวฮางมีสาร
อาหารมากกว่าข้าวกล้องงอก มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าธัญพืชทั้งหลาย ช่วยให้
สุขภาพแข็งแรงและสมดุล เพิ่มภูมิต้านทาน ช่วยป้องกันเชื้อโรคหรือโรคที่ไม่ได้เกิด
จากเชื้อโรคได้ดี เช่น ความดัน เบาหวาน ไขมันสูง โรคหัวใจ โรคอ้วน ไขข้ออักเสบ
โรคไต โรคเกี่ยวกับประสาทและสมอง ความจำเสื่อม การแก่เกินวัย โรคมะเร็งชนิด
ต่างๆ ซึ่งเกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง หรือได้รับสารพิษต่างๆ เช่น ยา
ฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้า ปุ๋ยเคมี สารเร่งการเจริญเติบโต สารกันบูด สารสังเคราะห์ต่างๆ
และอากาศที่เป็นพิษ เป็นต้น

ข้าวฮางงอก เป็นภูมิปัญญาชาวภูไท สกลนครและชาวอีสานมานานนับเป็นร้อยๆ ปี
มาแล้ว แต่ยุคหลังๆ วัฒนธรรมข้าวขาว (ชอบข้าวสวย หรือจะเป็นที่มาของชื่อข้าวหุง
ขาวๆ ในปัจจุบันก็ไม่ทราบได้) ทำให้ผู้คนหลงลืมกันไป

การเพาะงอก จะกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาชีวเคมี ทำให้เกิดสารอาหารเพิ่มขึ้นทั้งชนิด
และปริมาณหลายเท่าตัว ดังนี้

มีสารกาบา (Gaba) มีมากกว่าข้าวกล้อง 15 เท่า มีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วย
รักษาระบบประสาทส่วนกลาง รักษาสมดุลในสมอง ช่วยให้สมองผ่อนคลาย ลด
ความวิตกกังวล หลับสบาย คลายกล้ามเนื้อ ป้องกันความจำเสื่อม กระตุ้นการผลิต
ฮอร์โมนที่ช่วยการเจริญเติบโต สร้างเนื้อเยื่อ ทำให้กล้ามเนื้อกระชับ ชะลอความ
ชรา ช่วยขับเอนไซม์ขจัดสารพิษ ควบคุมระดับน้ำตาลและพลาสมาคลอเรสเตอ
รอลในเลือด ลดความดันเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี กระตุ้นการขับถ่ายน้ำดีลงสู่
ลำไส้เพื่อสลายไขมัน ป้องกันมะเร็งลำไส้และช่วยขับสารสุข


มีโปรตีนที่ดี ช่วยซ่อมแซมส่วนสึกหรอของเนื้อเยื่อได้ดี ไม่มีสารกลูเตนที่ทำให้เกิด
อาการแพ้ได้

มีไฟเบอร์ชั้นดีสูง สูงกว่าข้าวขาว 15-20 เท่า ช่วยให้การย่อยอาหารเป็นไปอย่าง
ช้าๆ ทำให้น้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดทีละนิด จึงทำให้อิ่มท้องนาน ไม่หิวง่าย ช่วยลด
ความอ้วน ป้องกันและรักษาโรคเบาหวานได้ดีมาก ช่วยให้ขับถ่ายสะดวก ช่วยดูดซับ
ไขมันและสารพิษออกจากร่างกาย ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่

มีไขมันชนิดดี และสำคัญหลายชนิด เช่น ออริซานอล โทโคฟีรอล ไตรโคไตรอี
นอล Mufa ฯลฯ ช่วยลดไขมันในเลือดและหลอดเลือด ลดไขมันตัวร้าย (LDL)
และเพิ่มไขมันตัวดี (HDL) ป้องกันโรคหัวใจ ยับยั้งเซลล์เนื้องอก ทำลายเซลล์
มะเร็งเต้านม มีสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็งได้ดีกว่าวิตามินอี 6 เท่า ยับยั้งการ
เกิดฝ้า ช่วยลดอาการร้อนวูบวาบในสตรีวัยทอง

มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งช่วยขจัดอนุมูลอิสระที่เป็นต้นเหตุของ
โรคมะเร็งชนิดต่างๆ ได้ดี ช่วยป้องกันเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ป้องกันโรคหัวใจ
ไขข้ออักเสบ โรคเก๊าท์ โรคแก่เร็ว ฯลฯ

มีวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญครบทุกตัว ช่วยให้อวัยวะในร่างกายทำงานได้ดี ทำให้
สุขภาพแข็งแรง เช่น

วิตามิน B1 มีมากกว่าข้าวขาว 4 เท่า ป้องกันโรคเหน็บชา
วิตามิน B2 มีมากกว่าข้าวขาว 1 เท่า ป้องกันโรคปากนกกระจอก
วิตามิน B3 มีมากกว่าข้าวขาว 5 เท่า ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารเป็นปกติ ไม่อืด
แน่น เฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด ไม่สับสนซึมเศร้า
วิตามิน B6 ช่วยสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ
กรดโฟริก มีมากกว่าข้าวขาว 5 เท่า ช่วยการเจริญเติบโตของระบบสืบพันธุ์ ป้องกัน
ทารกสมองพิการในช่วงเริ่มตั้งครรภ์
วิตามิน E สูง ช่วยกระจายออกซิเจนไปตามกระแสเลือด ชะลอความแก่ของเซลล์
ช่วยให้ผิวพรรณดี สดใส เต่งตึง ป้องกันแคลเซียมเกาะผนังหลอดเลือด ซึ่งทำให้เส้น
เลือดมีความยืดหยุ่นน้อยลง ทำให้เปราะ และแตกง่าย โดยเฉพาะในสมอง
ธาตุเหล็ก มีมากกว่าข้าวขาว 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง



ชนิด/ประเภทของข้าวฮาง 3 ชนิด คือ
ข้าวฮางระยะน้ำนม
ข้าวฮางที่นำข้าวเปลือกไปแช่น้ำ 24 ชั่วโมง แล้วนำไปนึ่ง
ข้าวฮางที่นำข้าวเปลือกไปแช่น้ำ 24 ชั่วโมงนำมาบ่ม 48 ชั่วโมง แล้วนำไปนึ่ง หรือ
เรียก ข้าวฮางงอก

ลักษณะของข้าวฮางที่ดี
ข้าวทุกพันธุ์สามารถนำมาทำข้าวฮางได้ แต่คนอีสานนิยมนำข้าวหอมมะลิ 105 และ
ข้าวเหนียว กข 6 มาทำข้าวฮาง เนื่องจากปลูกเป็นประจำ และข้าวหอมมะลิจะมีกลิ่น
หอม เหนียวนุ่มน่ารับประทาน และถ้าใส่สมุนไพรลงไปอีกยิ่งเพิ่มคุณค่าของข้าวฮาง
ให้น่ารับประทาน ข้าวฮางที่ดีมีข้อสังเกตดังนี้

จมูกข้าวอยู่เต็มเมล็ด ไม่มีรอยแหว่งตรงปลายเมล็ด ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่มีประโยชน์
สีของเมล็ดข้าวเป็นสีน้ำตาลทอง อาจมีสีเข้มหรือจางกว่านี้ ขึ้นอยู่กับพันธุ์ข้าว แสดง
ว่าเส้นใยอาหารยังไม่ถูกขัดสีออก
ไม่มีข้าวพันธุ์อื่นหรือสิ่งเจือปน สะอาด
เป็นข้าวที่อบหรือตากจนแห้งสนิม
ไม่มีกลิ่นอับชื้นขึ้นราหรือมีมอด
บรรจุในภาชนะหรือถุงที่สะอาดปิดสนิท ระบุสถานที่ผลิต และราคาขาย
การซื้อมาบริโภคควรซื้อมาในปริมาณที่บริโภคหมดภายใน 2- 3 สัปดาห์
เมื่อเปิดภาชนะหรือถุงใช้แล้ว ควรปิดฝาให้สนิทและควรเก็บในที่แห้งสนิท สะอาด

วิธีการทำข้าวฮาง
นำข้าวเปลือกที่จะผลิตข้าวฮาง ลงแช่น้ำในภาชนะ ให้น้ำท่วมข้าว แช่ไว้ 12 ชั่วโมง
นำข้าวที่แช่ครบ 12 ชั่วโมง นึ่ง (อาจใส่สมุนไพรหรือใบเตยด้วย) ระหว่างนึ่ง ถ้าข้าว
แห้งให้พรมน้ำ 2-3 ครั้ง เมื่อเมล็ดข้าวแตก แสดงว่าข้าวสุกแล้ว
นำข้าวที่สุกตากแดด หรือผึ่งลม ควรหมั่นกลับข้าวเพื่อให้ข้าวแห้งสม่ำเสมอ
นำข้าวที่แห้งสนิทดีแล้วไปสีเป็นข้าวกล้อง

ข้าวฮางและข้าวฮางงอก แตกต่างกันอ่างไร
ข้าวฮางงอกจะมีปริมาณสารกาบ้าในปริมาณมากกว่าข้าวฮางชนิดไม่งอก เนื่องจาก
ข้าวฮางงอกมีการบ่มให้เกิดรากก่อนนำไปนึ่ง

วิธีการทำข้าวฮางงอก
นำข้าวเปลือกมาแช่น้ำ 12 ชั่วโมง
นำข้าวที่แชน้ำมาบ่มในภาชนะที่มีอากาศถ่ายเทได้บ้าง เช่น บ่มในกระสอบ รดน้ำ
เช้า–เย็น บ่มไว้ประมาณ 48 ชั่วโมง จะมีรากงอก ประมาณ 0.5 มม. หรือเท่าปลายเข็ม
นำข้าวที่งอกไปนึ่งให้สุก
ตากแดด หรือผึ่งลมให้แห้ง (ระหว่างตากควรมีการกลับข้าวบ้าง)
สีเป็นข้าวกล้อง
แยกสิ่งเจือปนและเก็บในภาชนะที่แห้งสนิท หรือบรรจุในถุงสูญญากาศ

การเก็บรักษาข้าวฮาง
เก็บในภาชนะที่สะอาดและแห้งมีฝาปิดมิดชิด
เก็บบรรจุแบบถุงธรรมดา
เก็บบรรจุถุงแบบสุญญากาศ จะเก็บได้นานประมาณ 1 ปี

วิธีหุงข้าวฮาง
ล้างข้าวฮางล้างด้วยน้ำสะอาด ซาวน้ำเร็วๆ ครั้งเดียวเพื่อไม่ให้วิตามินละลายไปกับ
น้ำ (ถ้าเป็นข้าวใหม่ไม่ต้องซาวก็ได้)

ข้าวฮาง 1 ส่วน น้ำ 1.5 ถึง 2 ส่วน ในการหุงข้าวฮางจะใช้น้ำมากกว่าการหุงข้าวขาว
ธรรมดา

ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จะได้ข้าวฮางที่หอม นุ่ม มีสีน้ำตาลทอง น่ารับประทาน



Last Updated : 07/03/2010 21:43:02
http://www.isangate.com/local/kao_hang.html

[kimzagass]

ข้าวฮางงอก

ข้าวฮางเป็นข้าวที่ผลิตขึ้นตามกรรมวิธีโบราณตามภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวเผ่าภู
ไท ในภาคอีสาน สืบต่อกันมากว่า 200 ปี โดยใช้วิธีนำข้าวเปลือกมาบ่มพักไว้ 2
คืน จากนั้นนำไปแช่น้ำประมาณ 12-48 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการงอก ขั้นตอน
ต่อมานำข้าวเปลือกที่แช่น้ำไว้นึ่งประมาณ 30-60 นาที แล้วตากให้แห้ง และสีเป็น
ข้าวกล้องต่อไป โดยรวมใช้ระยะเวลาประมาณ 5 วันต่อการผลิต 1รอบ

ทั้งนี้ การนำข้าวเปลือกมาแช่น้ำให้เกิดการงอกจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทาง
ชีวเคมี ในเมล็ดข้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มขึ้นของปริมาณสาร GABA ซึ่งเป็น
สารอาหารที่มีประโยชน์แก่ร่างกายหลายด้าน นอกจากนั้น จากกรรมวิธีผลิตข้าวฮาง
ทำให้ได้ข้าวเต็มเมล็ดที่มีจมูกข้าวและรำข้าว ซึ่งเป็นส่วนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและ
วิตามินต่างๆ รวมกว่า 20 ชนิด อีกทั้ง ข้าวฮางมีเส้นใยอาหารปริมาณสูง ช่วยการทำ
งานของระบบขับถ่าย

ความโดดเด่นของข้าวฮาง คือ มีสารอาหารต่างๆ สูงมาก โดยเฉพาะสาร GABA
(Gamma Amino Butyric Acid) ซึ่ง ช่วยลดความดันโลหิตและปริมาณคลอเรส
เตอรอล มีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนักและลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคอัลไซ
เมอร์ อีกทั้ง มีธาตุแมงกานีส ในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระอันเป็น
สาเหตุของโรคมะเร็ง นอกจากนั้น ข้าวฮางมีค่าการเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในกระแสเลือด
ต่ำจึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรค เบาหวาน และคื่อเป็นสารสื่อประสาทที่สำคัญที่มนุษย์
จำเป็นต้องใช้ในการควบคุมระบบประสาทรวมทั้งกล้ามเนื้อ

จุดเด่นของข้าวฮางที่ผ่านกระบวนการต่างๆ แล้ว จะมีลักษณะพิเศษนิ่มอร่อยใกล้
เคียงข้าวขาว สามารถหุงได้เหมือนกับข้าวขาวทั่วไป และมีกลิ่นหอมอ่อนๆของ
เปลือกข้าว ขณะที่สารอาหารต่างๆ สูงกว่าข้าวกล้องทั่วไป

โดยมีข้อมูลจากผลวิจัยยืนยัน

ราคาปลีก 100 บาท ราคาส่ง 70 บาท

จากผลงานการวิจัยของกรมการข้าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คุณณัฐ 0818996766 sukyai21@gmail.com


http://www.lannafood.com/webboard/index.php?topic=10.0

[kimzagass]

เมื่อเทียบกับข้าวกล้องจะพบว่า..ข้าวฮางงอก มีวิตามินบี 1 มากกว่า 4 เท่า ช่วยป้องกัน
โรคเหน็บชาได้ มีธาตุเหล็กมากกว่า 2 เท่า ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง มีโปรตีนมากกว่า
20-30% ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย มีเกลือแร่และวิตามิน
ต่างๆรวมกันมากกว่า 20 ชนิด ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายแข็งแรงและมีความจำดี มีวิตามิน
อี. ในจมูกข้าว ช่วยให้ไม่แก่เร็ว และมีซิลีเนียม ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง

ข้าวฮางงอก บ้าน้อยจอมศรี เราผลิตในปริมาณที่พอเหมาะกับยอดการจำหน่าย ดังนั้นจึง
มั่นใจได้ว่าท่านได้ซื้อข้าวฮางที่มีความสด และใหม่อยู่เสมอ


http://www.rice4life.net/

[kimzagass]

ข้าวฮาง ภูมิปัญญาพื้นบ้านภูไทกว่า 100 ปี ถูกทายาทโรงสีข้าว
“จอมพจน์ เกษมรุ่งชัยกิจ” ผู้ประกอบการนักคิด นำมาต่อยอดธุรกิจด้วยนวัตกรรม


กลายเป็น ข้าวฮาง “Green Leaf” สูตรผสานระหว่าง Skill + Technology +
Culture สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ให้เกิดโอกาสธุรกิจทันยุค

ถ้านับจากจุดเริ่มต้นที่ครอบครัว “เกษมรุ่งชัยกิจ” อยู่กับกิจการโรงสีข้าว “จอมพจน์
เกษมรุ่งชัยกิจ” ถือเป็นรุ่นที่ 3 ของเถ้าแก่ “โรงสีรุ่งชัยกิจ”

ยุคหนึ่งโรงสีข้าวไม่ต่างจากโรงผลิตเงิน ผลิตทอง ที่สร้างผลกำไรมหาศาลให้กับ
เถ้าแก่โรงสี แต่เมื่อวัฏจักรผลิตผลทางการเกษตรเข้าสู่วงโคจร "ขาลง" และต้อง
เผชิญกับดักกลยุทธ์ราคา โรงสีหลายแห่งต้องปรับตัวใหม่บนถนน... ข้าวติดแบรนด์

จอมพจน์ รับว่า ถนนสายเก่ายากที่จะเดินอย่างมั่นคง ในฐานะผู้สืบทอดรุ่นที่ 3 เขา
จึงต้องปรับทิศธุรกิจด้วยการต่อยอดกิจการด้วยนวัตกรรมเชิงรุก กับ ผลิตภัณฑ์ข้าว
เพื่อสุขภาพ (ข้าวฮาง, ข้าวกล้องงอก) แบรนด์ “Green Leaf” ใต้บริษัทใหม่ อา
ร์ซีเค อะกริ มาร์เกตติ้ง จำกัด

“ผมมีโอกาสไปดูนิทรรศการ กันดารคือสินทรัพย์ของ TCDC เขาพูดถึง Value
creation ที่เท่ากับ Skill + Technology+ Culture ผมจึงย้อนสมการกลับ
เริ่มจากลองหาสินค้าที่มีวัฒนธรรม อาจเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้าน จากนั้นก็มาบวกกับ
เทคโนโลยี ซึ่งอาจเป็นงานวิจัย หรือการผลิตที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ แล้วบวกกับทักษะ
ที่เรามีซึ่งสำคัญสุด ก็คือ ทักษะในการคัดเลือกข้าว การสีข้าว จนมาสรุปที่ ข้าวฮาง
ซึ่งเป็นสินค้าภูมิปัญญาพื้นบ้านของชาวภูไท ที่อยู่มานานถึง 1-2 ร้อยปี แล้ว”

“ข้าวฮาง” ที่ทายาทโรงสีบอกกับเรา คือ ข้าวที่ถูกกระตุ้นให้เกิดการงอกโดยการแช่
น้ำตั้งแต่ยังเป็นข้าวเปลือก จากนั้นก็จะนำมานึ่งก่อนที่จะกะเทาะเปลือกมาเป็น
“ข้าวกล้อง” ดังนั้น ข้าวฮาง จึงเป็นข้าวกล้องงอกชนิดหนึ่ง

“สินค้าตัวนี้น่าสนใจ เพราะสามารถชดเชยจุดอ่อนของข้าวกล้องธรรมดาได้ นั่นคือ
นิ่มกว่าและสารอาหารมากกว่าจากกระบวนการงอกที่เป็นตัวทำให้สารอาหารให้ข้าว
เพิ่มขึ้น มีสาร GABA (Gamma Aminobutyric Acid) ที่เป็นประโยชน์ต่อร่าง
กาย ช่วยบรรเทาโรคเบาหวาน โรคอัลไซเมอร์ รวมทั้งช่วยในการบำรุงสมอง เราใช้
สูตรที่ไปเรียนรู้จากสินค้าโอท็อป และต่อยอดด้วยการทำวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัย
ขอนแก่น เพื่อคิดสูตรผลิตของเราเอง ที่มีสารอาหารมากกว่าสูตรซึ่งผลิตตาม
ภูมิปัญญาพื้นบ้าน”

จุดเริ่มต้นของการนำนวัตกรรมมาผสานกับภูมิปัญญาพื้นบ้าน โดยอาศัยความร่วม
มือกับหลายหน่วยงาน อาทิ โครงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน
อุตสาหกรรมส่วนภูมิภาค โดยสำนักอุตสาหกรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ กระทรวง
อุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย หรือ สกว. ภาคการศึกษาอย่าง
มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นต้น

การมาถึงของผลิตภัณฑ์นวัตกรรม กำลังทำให้ภาพของโรงสีข้าว 3 ยุค เปลี่ยนแปลง
ไปจากเดิม เมื่อทายาทรุ่นล่าสุดมองที่จะแตกหน่อกิจการ มาขยายโรงงานผลิตและ
ตั้งบริษัทใหม่ เพราะเชื่อในศักยภาพของ “ข้าวฮาง” ที่จะงดงามทั้งในและต่าง
ประเทศ

“แนวคิดสำคัญในการตั้งบริษัทและโรงงานใหม่ มาจาก

1. เราอยากทำธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งจะยั่งยืนได้ เราต้องผลิตสินค้าที่มีประโยชน์ต่อผู้
บริโภคอย่างแท้จริง และขายในราคาที่เหมาะสมสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุด
รวมถึงเรื่องของการดำเนินการที่มีความโปร่งใส มีความเป็นมืออาชีพ เป็นบรรษัทภิบาล

2. เราทำโรงสีข้าวมา 60 ปี แต่โรงงานใหม่จะเป็นโรงงานที่ผลิตอาหารมีมาตรฐาน
ระดับสากล เพื่อเพิ่มศักยภาพที่เรามีและขยายตลาดเราได้กว้างขึ้น

3. ผมเชื่อในพลังของแบรนด์ มองว่าสินค้านี้เป็นภูมิปัญญาไทย และวิจัยโดยคน
ไทยด้วย ผมว่ามันมีศักยภาพ และเราจะเริ่มใช้แบรนด์ของตัวเองตั้งแต่นี้”

การดึง “สรณ์ จงศรีจันทร์” ซีอีโอ Young & Rubicam Brands หรือ Y&R ที่
ปรึกษาการวางกลยุทธ์แบรนด์ (Brand Strategy) ระดับแถวหน้าของไทย ก็
เพื่อผลักดันให้น้องใหม่ “Green Leaf” เกิดในตลาด ด้วยรูปลักษณ์สอดรับนวัต
กรรมจากภูมิปัญญา พร้อมเปลี่ยนบทบาทธุรกิจ “โรงสี” ขายข้าวส่งยี่ปั๊ว ซาปั๊ว มา
ผลิตข้าวสู่ผู้บริโภคโดยตรง

“เราทำโรงสีข้าว ขายข้าวขาว มีแบรนด์ของเราแต่มันไม่ถึงผู้บริโภคคนสุดท้าย
เพราะเราขายสินค้าให้กับ ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ใช้แบรนด์ ตราพัดลม กับตรามงกุฎ เอ. ชื่อ
แบรนด์ก็จะสะท้อนความเก่าแก่แล้ว เพราะแบรนด์สมัยก่อนจะถูกตั้งให้เรียบง่าย แต่
แบรนด์ Green Leaf เราจะจำหน่ายให้ผู้บริโภคโดยตรง โดยผ่านช่องทาง โม
เดิร์นเทรด วิลล่ามาร์เก็ต และฟู้ดแลนด์ ซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมายของเรา คือกลุ่มที่
ไปซื้ออาหารแล้วนำกลับไปทานที่บ้าน อีกส่วนเราจะจำหน่ายต่างประเทศ โดย
เฉพาะตะวันออกกลาง”

การจัดทัพรบครั้งใหญ่ พวกเขาใช้เงินลงทุนไปกับการสร้างโรงงานใหม่ที่ 50 ล้าน
บาท เป็นทุนของตัวเอง 15 ล้านบาท ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนร่วมลงทุน
ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือสสว. วงเงิน 5 ล้าน
บาท ที่เหลือมาจากสินเชื่อธนาคาร

หลังโรงงานเสร็จในปลายปีนี้ เขาเชื่อว่าจะทำให้กำลังการผลิตจากที่ทำได้ประมาณ
4-5 ตันต่อเดือน จะถีบตัวไปถึงปีละ 2,800 ตัน หรือประมาณ 17% ของตลาด
ข้าวเพื่อสุขภาพบรรจุถุง ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 16,000 ตัน ต่อปี

“ที่เห็นตัวเลขมันค่อนข้างเยอะ ส่วนหนึ่งมาจากแนวคิดการตั้งราคาที่ไม่สูงมาก
เพราะต้องการเข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด โดยจะขายเพียงกิโลกรัมละไม่เกิน 70 บาท
ขณะที่ข้าวกล้องงอกที่ขายอยู่ในตลาด เขาขายที่ประมาณกิโลกรัมละ 200 บาท ที่
เราทำให้ราคาถูกได้ มันมาจากความต่างด้านกระบวนการผลิต เนื่องจากข้าวกล้อง
งอกในขั้นตอนการนำข้าวไปแช่น้ำมันมีโอกาสเกิดเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งเมื่อไปดูบริษัท
ผลิตข้าวกล้องงอกของทางญี่ปุ่น เขามีการลงทุนเรื่องการทำห้องปลอดเชื้อ ทำให้ต้น
ทุนพวกนี้สูง ขณะที่ของเราลักษณะการผลิตใกล้เคียงกับสินค้าที่เรียกข้าวนึ่ง ใน
ตอนที่เราแช่น้ำมันมีเปลือกหุ้มอยู่ ซึ่งจากการวิจัย และทดสอบ เรื่องของจุลินทรีย์จะ
ไม่ค่อยมีปัญหานัก ทำให้อาจไม่ต้องไปลงทุนในเรื่องพวกนี้เหมือนอย่างเขา”

การกล้าที่จะผลิตจำนวนมาก ส่วนหนึ่งยังมาจากการมอง โอกาสในตลาดต่างประเทศ

“สินค้าตัวนี้มีความใกล้เคียงกับข้าวนึ่ง ซึ่งบ้านเราส่งไปในหลายประเทศ ทั้ง
แอฟริกา และตะวันออกกลาง เราสนใจตลาดตะวันออกกลางมาก ตามข้อมูลปี
2550 ประเทศซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นำเข้าข้าวนึ่งจากเราไป
ประมาณ 1 พันล้านบาท สินค้าตัวนี้มีความใกล้เคียงกับข้าวนึ่ง และเด่นกว่าตรงมี
การงอกที่ให้สารอาหารสูงสามารถเพิ่มเป็นจุดขายได้ โดยเรามีผลวิจัยสนับสนุน
ชัดเจน จึงน่าจะมีโอกาสในตลาดนั้น รวมถึงตลาดเอเชีย อย่างญี่ปุ่น โดยอาจส่งเป็น
ข้าว หรือบดเป็นผงเพื่อโรยในเครื่องดื่ม ขายแบรนด์ไทย เป็นอาหารไทย ภูมิปัญญา
ไทยแท้ๆ"

เขามั่นใจว่า ภาพลักษณ์ของอาหารไทยในสายตานานาชาติเป็นสินค้าคุณภาพ รส
ชาติดี เมื่อนำมาบวกกับสาร "กาบา" ยิ่งทำให้โอกาสในการขายสูงตามไปด้วย

"เรากำลังรอผลการวิจัยเพื่อรับรองผลของกาบาที่สูงมาให้น้ำหนักอีกทางด้วย"

การเดินเครื่องเกมตลาดในช่วงแรก พวกเขามองที่จะขายในประเทศ 70-80% ที่
เหลือจึงส่งออก โดยได้เริ่มทดลองตลาดมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2550 ออกสตาร์ท
ที่ 2-3 ตันต่อเดือน และได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี โดยเริ่มจำหน่ายในจังหวัด
ขอนแก่น อุดรธานี มหาสารคาม และร้านจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ

นี่คืออีกหนึ่งบริษัท ที่ยอมลงทุนเรื่องการวิจัยและมีงบให้กับการวิจัยพัฒนาอย่างต่อ
เนื่อง (ใช้ไปแล้วประมาณ 4-5 แสนบาท) เหตุผลสำคัญเพียงแค่

“เราเป็นเพียงเอสเอ็มอีรายเล็กๆ มีเพียงความตั้งใจดี ที่จะให้คนทั่วไปได้ทานอาหาร
ที่มีประโยชน์ เป็นพ่อค้าที่อยากขายของด้วยความสบายใจ จึงใช้การวิจัยพัฒนา
แล้วนำผลวิจัยที่ได้มาบอกกับลูกค้าได้อย่างเชื่อถือเท่านั้นเอง”

ผลพลอยได้จากหลักฐานการวิจัย คือทำให้พวกเขาแตกต่างจากคู่แข่งชัดเจนอีกด้วย

การมาจับสินค้านวัตกรรม ซ้ำยังตั้งราคาไม่สูงมาก บนเกมธุรกิจฉากใหม่ ที่พวกเขา
เองก็เพิ่งเริ่มต้น ผู้บริหารยอมรับว่ายังมีความเสี่ยง โดยเฉพาะเรื่องการกระจายสินค้า
ให้เป็นไปตามคาด แต่ยังเชื่อมั่นด้วยศักยภาพของข้าวที่จะไปเติมเต็มจุดอ่อนของ
ข้าวกล้องเดิม การมีกระแสของข้างกล้องงอกช่วยส่งเสริม รวมถึงการลงมาทำตลาด
ของแบรนด์ใหญ่ที่จะช่วยกระตุ้นตลาดนี้ให้เติบโตขึ้น

“สำหรับผม เราไม่ได้มองธุรกิจ 100% ไม่ได้มองกำไรสูงสุด แต่มองว่าเราอยากให้
ผู้บริโภคได้รับประโยชน์ ขอแค่ธุรกิจของเรายังไปได้ รับผิดชอบผู้ถือหุ้นได้ รับผิด

ชอบธนาคารได้ ก็ถือว่าเป็นตามเป้าหมายแล้ว”
เพื่อผลักดันข้าวกล้องงอกพันธุ์ไทย ให้โดดเด่นในระดับสากลต่อไป

Key to success แนวคิดนวัตกรรม ข้าวฮาง
๐ Culture + Technology+ Skill
๐ สร้างจุดแข็งของภูมิปัญญาไทยใส่นวัตกรรม
๐ ปิดจุดอ่อนสินค้าเดิมได้
๐ ขยายจากธุรกิจที่มี
๐ มีช่องทางทั้งตลาดในและต่างประเทศ
๐ ดึงมืออาชีพร่วมสร้างแบรนด์



http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/bizweek/20090305/21432/%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B8%87-Green-Leaf.html

[kimzagass]

กรรมวิธีการผลิต "ข้าวฮางเพาะงอก"


http://www.igetweb.com/www/goldrice/index.php?mo=12&catid=120141

[kimzagass]

ดีมาก เรื่องนี้เปห็น GUIDE LINE ได้ดีมาก....ลุงคิมก็เพิ่งรู้จักนี่แหละ
เลยถามไปที่ "อาจารย์ กู." ได้คำตอบเพียบ....

ข้าวฮาง. ถือเป็นอีก PRODUCT หนึ่งที่มีอนาคตระดับสากล เพราะวันนี้
คนมีเงินทั่วโลกต้องการ "กินของดีๆ มีประโยชน์อย่างแท้จริง" ก็เหลือแต่
การตลาดเท่านั้นแหละ ที่เกษตรกรไทย-ประเทศไทย ยังอ่อนหัดอยู่มากๆ

การผลิตในโลกนี้มี 2 ประเภท คือ....
NICK เป็นอุตสาหกรรมหนัก เช่น รถยนต์ เครื่องบิน ทอผ้า พลาสติก ฯลฯ
เรียกง่าย คือ "ของใช้" นั่นแหละ......กับ

NACK เป็นเกษตรอุตสาหกรรม เช่น ข้าวฮาง อาหารกระป๋อง น้ำตาล ฯลฯ
เรียกง่ายๆ คือ "ของกิน" ไงล่ะ

ประเทศอุตสาหกรรม เขาต้องทำอุตสาหกรรม เนื่องจากเขาทำเกษตรกรรมไม่ได้
เพราะโซนภูมิศาสตร์โลกไม่อำนวย แต่เขาก็ต้องกิน คนเราขาดของใช้ได้ แต่ขาด
ของกินไม่ได้....ว่ามั้ย

ใครรู้บ้างหรือไม่ว่า ปัจจุบัน หลายประเทศอุตสาหกรรม เอาผลผลิตทางการเกษตร
ของไทบ เอาไปเป็นวัถุดิบ แล้วเข้าระบบอุตสาหกรรม แปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่ง
กลับมาขายเมืองไทย สร้างรายได้มากมายมหาศาลขนาดไหน เขาไม่ได้เพียงแต่ส่ง
มาขายในเมืองไทยที่เดียวเท่านั้น เขาส่งไปทั่วโลกนั่นแหละ

วันนี้บ้านเมืองเรามองแต่ NICK ไม่มอง NACK ทั้งๆที่มีโอกาสทำได้ เช่น
(ตัวอย่างใกล้ๆ) ทำข้าวฮาง ส่งออกทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยีการตลาดตามหลัก
สากลแบบครบวงจร....ชาวนาข้าวไม่น้อย ปลูกข้าวออกมาแล้ว ถ้าไม่ขายให้โรงสี
ก็จำนอง ธ.ก.ส. คิดได้ ทำได้ ทำเป็น เพียงแค่นี้ แล้วมันจะเหลืออะไรให้ลูกหลาน
เหลนโหลนภายหน้า และอนาคตประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ทำไมไม่คิด
เป็น "มหาอำนาจทางอาหาร" บ้างล่ะ....


ลุงคิมครับผม

ปล.
แป้งเอ็ยยยย....กระทู้นี้เริ่มต้นได้ดีมากๆ รู้เลยว่าภูมิใจปลื้มใจเล็กๆที่มีลูกสาว "คิด
เป็น" กับเขาด้วย.....ติดใจนี้ดดดนึง นิดเดียวจริงๆ ทำไมไม่ตั้งเป็นกระทู้ใหม่ขึ้น
มาล่ะ กระทู้นี้เก็บไว้สำหรับ กระจุ๊กกระจิ๊ก กระหนุงกระหนิง แอ๊บแบ๊วแอ๊บแบ๊ว
หรือไม่ก็ คลายเครียด-สร้างเครียด ไปตามประสา ..... ว่ามั้ย

[kimzagass]

copy............
------------------------------------------------


Sita
สาวดี่

จริงๆแล้ว แป้งก็ลังเลอยู่ว่า จะตั้งกระทู้ใหม่ขึ้นมาดีมั้ย..แต่ไม่รู้ยังงัยเลย ตัดสินใจยัดใส่กระทู้
เก่า..ทำงัยดีคะคุณลุง..?แป้งตั้งใหม่คุณลุงย้าย
ข้อมูลไปได้คะ..ถ้าได้แป้งจะเปิดกระทู้รอค่ะ..


แป้ง...

[kimzagass]

ก็ดีนะลูกสาว.....ว่าไงว่าตามกัน มาด้วยกันไปด้วยกัน เลือดสุพรรณ เนาะ....

ลุงคิมครับผม

[Sita]

จริงๆก็เพิ่งทราบว่า"ข้าวฮาง"มีประโยชน์มากมาย..มันเป็นภูมิปัญญาของคนอิสาน
ตอนแรกก็รู้สึกแปลกๆ..ทั้งๆที่เป็นคนอิสานแท้ๆกลับไม่เคยได้ยิน..

..มันเป็นข้าวที่คนมีฐานะดีในสมัยก่อนไม่มีโอกาสได้กิน....
เพราะข้าวฮางนั้น คนที่มีฐานะยากจน มีลูกหลายคนข้าวในยุ้งที่มีไม่พอกินจนถึงข้าว
ใหม่แก่พอที่จะเก็บเกี่ยว ไม่มีเงินซื้อข้าว จึงได้คิดวิธีทำข้าวที่ยังไม่แก่ได้ที่มาทำเป็น
ข้าวที่กินได้เหมือนข้าวทั่วไป..และที่บอกว่าคนมีฐานะดีในสมัยก่อนไม่มีโอกาสได้
กินก็เพราะว่า..ข้าวในยุ้งฉางเค้ามีเหลือเฟือ..ไม่ต้องฮางข้าวกินงัยคะ...

จริงๆแล้วคนสมัยก่อนเค้าคงไม่รู้หรอกว่ามันมี
ประโยชน์มากมายเหลือเกิน..ที่ทำเพราะข้าวมีไม่พอกินเท่านั้นเอง...


แป้ง..(เรื่องนี้ถามจากคนเฒ่าคนแก่มาอีกทีนะคะ)

[kimzagass]

สิ่งที่คนรุ่นใหม่เรียกว่า "ภูมิปัญญาชาวบ้าน - ภูมิปัญญาพื้นบ้าน - ภูมิปัญญา
ไทย / ภูมิปัญญาถิ่น" (WISDOM) นั้น ล้วนเกิดมาจากการเป็นคน "ช่างสัง
เกตุ" ของคนรุ่นเก่าทั้งสิ้น ครั้นถึงวันนี้ เมื่อเรานำเอาสิ่งที่ชาวบ้านทำมาวิเคราะห์
ทางเคมี หรือใน LAB แล้วก็จะพบสิ่งที่เรียกว้า "วิทยาศาสตร์" ทั้งสิ้น และนี่คือ
ที่มาของพูดของลุงคิมที่ว่า "แบบภูมิปัญญาชาวบ้าน - มาตรฐานโรงงาน - มีหลัก
วิการรองรับ" ไงล่ะ

คงไม่ใช่แค่ "ข้าวฮาง" อย่างเดียวหรอกนะ ในวัฒนธรรมไทยยังมีอะไรต่อมิอะไร
ที่เป็น WISDOM อีกมาก....ดูดีๆ อยู่ที่ปลายขนตาตัวเองนั่นแหละ


คิด GUIDE LINE ออกมาอีกนะ

ลุงคิม (ชอบจัง) ครับผม

[Sita]

ทุกวันนี้ตรงข้ามกับสมัยก่อน..คนที่มีโอกาส
ได้กินข้าวฮาง กลับเป็นคนที่ต้องมีฐานะดีหน่อย
เพราะราคาแพงกว่าข้าวทั่วไป...คนจนคงไม่
สามารถซื้อกินได้ แต่ครั้นจะทำกินเอง ก็ไม่ได้
เพราะต้องดิ้นรนทำมาหากินไม่มีเวลาอีก...

..ข้าวฮางมีประโยชน์มากกว่าข้าวกล้อง
แถมเวลากินก็ไม่ได้รู้สึกว่าฝืนหรือฝืดๆ
เหมือนข้าวกล้อง....ลองทำกินเองก็ได้นะคะ
ยอมเสียเวลาหน่อย แต่ได้ของอร่อยที่มี
ประโยชน์มากมายจริงๆ...

ที่ทำอยู่ก็เป็น หอมมะลิ 105 นี่ล่ะค่ะ..
เวลาทำก็ใช้ขั้นตอนแบบบ้านๆนี่ละค่ะ
ใช้หม้อนึ่งทีละไม่มากนึ่งเหมือนนึ่งข้าวเหนียว
กินธรรมดา แต่ต้องนึ่งหลายเที่ยวหน่อยให้ได้
เป็นกระสอบปุ๋ย เพราะเวลาสีมันต้องสีเป็นกระสอบ
ถ้าสีโรงสีเล็ก ข้าวที่ได้เม็ด ก็จะไม่สวยเท่าไหร่
แต่ถ้าเป็นโรงสีใหญ่รับรอง สวย..

อยากกินของดี ก็ต้องมีความเพียรกันหน่อยล่ะ.


แป้ง..(อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณลุง)

[kimzagass]

เครื่องสีข้าวขนาดเล็ก-กลาง-ใหญ่


http://www.natrawee.co.th/index.asp?contentID=10000021&procatid=4

ข้าวพื้นเมืองทุกสายพันธุ์ มักมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวอยู่แล้ว เมื่อได้เป็นข้าวเปลือกมา
แล้ว อย่าเพิ่งสีเอาแกลบออก เก็บในยุ้งที่มี "ระบบจัดเก็บ" (ความชื้น อุณหภูมิ
แมลงศัตรู) ที่ดี ข้าวเปลือกจะอยู่ได้นานนับปีโดยที่กลิ่นไม่หาย คุณภาพหรือ
คุณสมบัติไม่เปลี่ยน

แต่ถ้าสีเอาแกลบออกจนเป็นข้าวสารแล้ว กลิ่นเฉพาะตัวประจำสายพันธุ์จะอยู่ได้
นานเพียง 7-14 วันเท่านั้น

ถ้าเรามีเครื่องสีข้าวขนาดเล็ก ระดับใช้ในคัวเรือน หรือแบ่งขายเป็น LOT เล็กๆ เรา
ก็สีออกมาจำนวนครั้งละตาม ORDER ก็ได้ แบบนี้น่าจะสะดวกกว่าไหม

แต่ใครที่คิดจะซื้อเครื่องสีข้าวขนาดเล็กมาเพื่อสีข้าวเปลือกเป็นข้าวสารสำหรับกินใน
ครอบครัว ถือว่า "ไม่ฉลาด" เลย เพราะราคาเครื่องสีข้าวค่อนข้างแพง (50,000-
75,00....สีข้าวได้วันละ 100 กก.ข้าวสาร) แต่ถ้าสีออกมาเป็นข้าวสารแล้ววาง
ตลาด หรือส่ง ORDER แบบนั้ถือว่า "คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม" เพราะข้าวสารที่สีออกมาเป็น
ข้าวใหม่จริงๆ ด้วยกลิ่นที่ชัดเจน

ลุงคิมครับผม

ปล.
- ลองๆคำนวนซิว่า ทำนาข้าวพื้นเมืองแท้ 100% บำรุงแบบประณีต เนื้อที่ 1 ไร่
ได้ข้าวเปลือก 500 กก. (50 ถัง) เมื่อสีเป็นข้าวสารแล้วจะได้ประมาณ 250-300
กก. บรรจุถุงขายปลีกที่ร้านค้าสหกรณ์ประจำหมู่บ้าน หรือส่งเอเย่นต์แบบมีข้อ
ตกลง (CONTACT FARMING) เป็น "ข้าวกล้อง โอทอป" กก.ละ 100 บาท
(ถูกที่สุด) ก็จะเป็นเงิน 250 กก.x 100 บาท = 25,000 บาทแล้ว..... เนื้อที่ 1
ไร่ ได้ประมาณนี้ ถ้าเนื้อที่ 10 ไร่ ด้วยแรงงานสองคนสามีภรรยา + ลูกหลานบาง
โอกาส จะได้มากกว่าข้าวพันธุ์นิยม 10 ไร่ ขายโรงสี หรือจำนอง ธ.ก.ส. ไหม.....

- แป้งเอ๊ยยย นี่ใช่ไหม "ข้าวฮาง 1 ไร่รวย" ทำแค่ 10 ไร่นะ ถ้าทำ 100 ไร่
เมื่อไหร่ "จน" เมื่อนั้น

[catcaty]

อยากกิน.......แต่ไม่มีใครทำให้กิน ผมคน ภาคกลาง-ตะวันออก ทำไม่เป็น
ใครทำได้ส่งมาให้มั่ง...!


หมึกครับผม

[kimzagass]

หมึกเอ๊ยยยยย.....

ฝันกลางสวนลำไยเหรอ...ฝันว่ากินข้าวฮางกับปลาร้าบอง....แซ่บบ่อ ?


ลุงคิม (ฝันเฟื่อง) ครับผม

[Sita]

[kimzagass]

ชักหนักใจซะแล้วซี่....

ปีนี้ลูกสาวเราจะมีวาสนาได้กินลำไยมั้ยเนี่ยยยย

เตรียมทัมใจไว้หน่อยนะแป้งนะ เดี๋ยวก็รู้ว่าเค้าคนนั้นจะจริงใจกับเราแค่ไหน เนาะ


ลุงคิม (เปลี่ยนใจ ไม่อยากกินแล้ว) ครับผม

[Sita]

..

แป้ง..

[catcaty]

[kimzagass]

คนนึงเค้ามีข้าวฮางกิน อีกคนนึงเค้ามีลำไย มะขามหวานกิน

ลุงคิมคนเดียวไม่มีอะไรกินซักกะอย่างเลย


ลุงคิม (อดอยากปากแห้ง) ครับผม

[Sita]

[kimzagass]

แป้งเอ๊ยยยย.....

อย่าถือสา เลือดจะไป ลมจะมา มันก็ยังงี้แหละ
ปล่อยให้อยู่เฉยๆ ซักแค่ไม่เกินพระอาทิตย์ตกดินหรอก
เดี๋ยวก็กลับมาโอ๊ะโอ๋ เราเองนั่นแหละ...


ลุงคิม (เลือดไปแล้ว ลมก็ไม่มา) ครับผม

[Sita]

[kimzagass]

มีแวว มีแวว แบนี้มีแวว กระทุ้งให้หนักอีก เอาน่า เดี๋ยว "หมึกพอล" ก็ทนไม่
ได้ ส่งไปให้กินเองนั่นแหละ.....แล้วอย่าลืมกินเผื่อด้วยล่ะ....


ว.หนึ่ง ว.สอง ทราบแล้วเปลี่ยน.....รู้เรื่องแบบนี้กับเขาได้ยังไงน่ะ
อืมมมม...ยิ่งน่าสงสัยหนัก....หนูแป้ง เราเป็นใครน่ะ

ไหนบอกว่าเรียนมาน้อย เพราะเสียสละให้น้อง (หรือพี่) เรียนไม่ใช่เหรอ ?
แม้แต่เรื่อง "เน็ต" ก็เหมือนกัน บวกกับลีลาการพูดสไตล์เน็ตเน็ตด้วยแล้ว
ชาวไร่ ชาวสวน ชาวนา ธรรมดาๆ ทำไม่เป็นหรอกนะ แต่เราทำได้ แล้วก็ทำได้ดีซะ
ด้วยซี

ลุงคิม (สงสัย) ครับผม