ปลูกหญ้าแฝก ในสวนยาง

TTBTTB

เรียน ลุงคิม + ผู้มีประสบการณ์ ทุกท่าน

ผมมีสวนยางพารา (เชตามอล ) อยู่ 30 ไร่ กรีดได้แล้ว ที่เพชรบุรี มีปัญหา
พื้นดินลาดเอียง ฝนตกลงมาทีไรปุ๋ยไหลไปกับน้ำหมด ก็เลยจะปลูกหญ็าแฝกแบบ
ขั้นบันได ขวางทางน้ำไหล

ก็เลยมาขอคำแนะนำ จากลุงคิม + ผู้มีประสบการณ์ ที่ นี่

kimzagass · ตอบ: 20/03/2011 6:31 pm ชื่อกระทู้:

เอาเป็นว่าคุณสมบัติของหญ้าแฝกเป็นไปตามที่ทางราชการแนะนำทุกประการ....เหลืออยู่แต่ "ฟรีดีกว่าซื้อ" ก็แล้วกัน

อาการที่ปุ๋ยทางดินจะไหลไปกับน้ำได้นั้น ถ้าหว่านปุ๋ย (หว่านเป็นเม็ดๆ) ใหม่ๆ ยังไม่ละลาย แล้วสายน้ำไหลแรงเหมือนน้ำป่าที่พัดต้นซุง พัดบ้านเรือน คนไปได้ นั่นแหละเนื้อปุ๋ยจึงจะไปกับน้ำได้ทั้งหมด แต่ถ้าเม็ดปุ๋ยละลายซึมลงเนื้อดินไปแล้ว สายน้ำที่พัดมาคงเอาไปได้เพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้น

การทำให้ดินโปร่ง ร่วนซุย น้ำและอากาศผ่านสดวก นอกจากจะช่วยให้เนื้อปุ๋ยที่ละลายน้ำแล้วซึมลงดินได้ง่ายและเร็วแล้ว ยังช่วยให้ต้นไม้อยู่สบายอีกด้วย ว่ามั้ย

การทำให้ดินโปร่ง ร่วนซุย น้ำและอากาศผ่านสดวก ที่ได้ผลหลายเด้ง คือ "จุลินทรีย์" และจุลินทรีย์นี่แหละที่จะเป็นตัวช่วยจับปุ๋ยไว้ ไม่ให้ไหลลอยไปกับสายน้ำได้

ปัญหานี้ป้องกันได้โดยก่อนใส่ปุ๋ยตรวจสอบข่าวพยากรณ์อากาศ หรือตรวจสอบประวัติน้ำหลากประจำปี เมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างปลอดภัยแล้วจึงใส่ปุ๋ย คุณคงไม่ได้ใส่ปุ๋ยอาทิตย์ละครั้งหรอกมั้ง ยางพาราน่ะใส่ 3 เดือนครั้ง กำลังดี ช่วงที่ห่างกัน 3 เดือนนี่ หาโอกาสปลอดจากน้ำป่าไหลบ่าไม่ได้เลยเหรอ เพราะถึงอย่างไรเสีย เมื่อเนื้อปุ๋ยละลายลงไปอยู่ในเนื้อดินแล้ว มันคงไม่ไหลไปกับน้ำหรอกน่า....

คุณว่าวิธีการให้ปุ๋ยทางรากแก่ต้นไม้ ระหว่าง....

1.....หว่านเม็ดปุ๋ยก่อนแล้วรดน้ำตามเพื่อละลายเม็ดปุ๋ย กับ ละลายปุ๋ยในน้ำก่อนแล้วรดให้ต้นไม้....อย่างไหนดีกว่ากัน

2.....ละลายปุ๋ยในน้ำก่อน ใส่ถัง แล้วฉีดอัดลงดินบริเวณทรงพุ่ม ทุกระยะ 1 ม. และความลึก 5-6 นิ้ว จากผิวดิน เท่ากับเป็นการยื่นปุ๋ยใส่ปากต้นไม้เลย กับ การหว่านปุ๋ย รดน้ำตามเพื่อให้ปุ๋ยละลายแล้วลงไปหาราก....อย่างไหนดีกว่ากัน

ลุงคิม (มียางพาราให้ใส่ปุ๋ย ดีกว่าไม่มีปุ๋ยใส่ยางพารา) ครับผม

kimzagass · ตอบ: 20/03/2011 6:58 pm ชื่อกระทู้:

พบหญ้าแฝกสามารถไล่แมลงศัตรูพืชผักได้ กปร.ขยายผลส่งเสริมสนับสนุนปลูกในพื้นที่ทั่วไปมากยิ่งขึ้น

นายสมพล พันธุ์มณี เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เปิดเผยว่า พื้นที่ของโครงการหลวงในเขต 6 จังหวัดภาคเหนือ ส่วนใหญ่จะอยู่บนพื้นที่สูงซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางระหว่าง 500-1,000 เมตร ในพื้นที่จึงมีการปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการพังทลายของหน้าดิน การปลูกหญ้าแฝกจะปลูกเป็นแนวขวางตามความลาดชัน ระยะห่างขึ้นอยู่กับความลาดชัน พื้นที่ที่มีความลาดชันน้อย ระยะแถวหญ้าแฝกที่ปลูกก็จะห่าง แต่ถ้าพื้นที่ที่มีความลาดชันมากขึ้นระยะแถวหญ้าแฝกที่ปลูกก็จะถี่ขึ้น โดยปกติจะใช้ ค่าต่างระดับระหว่าง 1.50 เมตร ในพื้นที่ที่จัดทำระบบอนุรักษ์ดินและน้ำแบบขั้นบันไดดิน หรือแบบคูรับน้ำขอบเขา หรือคันดินบนพื้นที่สูง ก็ให้ปลูกหญ้าแฝกตามขอบขั้นบันไดหรือขอบคูรับน้ำขอบเขา หรือขอบล่างคันดินเพื่อช่วยยึดโครงสร้างให้มั่นคงขึ้น ระยะปลูกระหว่างต้น 5 เซนติเมตร บนพื้นที่แปลงแนะนำและส่งเสริมให้ปลูกไม้ผลเมืองหนาว

สำหรับหญ้าแฝกนี้เดิมชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงจังหวัดแม่ฮ่องสอน ใช้รากหญ้าแฝกหอมมัดเป็นกำ วางรองก้นตะกร้าเก็บเสื้อผ้า หรือวางไว้ในตู้เสื้อผ้าเพื่อขับไล่แมลง และมีเกษตรกรชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงในพื้นที่โครงการพระราชดำริขุนยวม อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ทำการขยายพันธุ์หญ้าแฝกให้โครงการฯ และสังเกตพบว่า พื้นที่ที่ใช้ขยายพันธุ์นั้น เดิมมีปลวกอาศัยอยู่ หลังจากการปลูกหญ้าแฝกแล้ว ไม่มีปลวกอาศัยอยู่อีกต่อไป เกษตรกรคนนี้จึงได้นำหญ้าแฝกไปปลูกในพื้นที่ทำการเกษตรของตนเอง ผลที่ได้รับก็คือ สามารถไล่ปลวกได้เช่นเดียวกัน

พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ศูนย์อารักขาพืช มูลนิธิโครงการหลวง ซึ่งดูแลแปลงสวนอินทรีย์ บ้านนอแล ตำบลม่อนปิน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นพื้นที่ 1 ใน 17 แห่ง ที่ผลิตผักอินทรีย์ออกจำหน่ายในตราดอยคำ ก็มีการ สำรวจแมลงศัตรูพืชผักด้วย โดยเมื่อกลางปี 2546 ได้ปลูกหญ้าแฝกจำนวน 760,389 กล้า พบว่าหลังจากปลูกหญ้าแฝกตามขอบของระบบอนุรักษ์ดินและน้ำแบบขั้นบันไดดิน ได้ 1 ปีเศษ ประมาณกลางปี 2547 เกษตรกรก็เริ่มได้ใช้ประโยชน์จากใบหญ้าแฝก และเกี่ยวใบที่ความสูงระดับ 30-40 ซม. ได้ปริมาณมากขึ้นในปี 2548 และปี 2549

ส่วนหนึ่งของใบหญ้าแฝกที่เกี่ยวได้จะนำไปคลุมแปลงผัก และบางครั้งหากมีใบที่เกี่ยวได้มาก ก็จะนำไปทำปุ๋ยหมัก โดยใช้สารเร่ง พด. 1 ช่วยย่อยสลายให้เป็นปุ๋ยหมักเร็วขึ้น หรือบางครั้งก็นำไปทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์น้ำจากการใช้สารเร่ง พด. 2 และใช้สารเร่ง พด. 7 หมักร่วมกับสมุนไพร เพื่อใช้ป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืช

“เจ้าหน้าที่อารักขาพืชที่ประจำอยู่ที่แปลง สวนอินทรีย์ บ้านนอแล ตำบลม่อนปิน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้สังเกตพบว่า จำนวนของด้วงหมัดผัก (Vegetable Flea beetle) มีจำนวนลดลง ซึ่งจากการสังเกตพบด้วงหมัดผักมีปริมาณลดลงหลังการปลูก และการใช้ประโยชน์จากใบหญ้าแฝกในหลายรูปแบบในครั้งนี้ นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะสามารถใช้เป็นอีกชีววิธีหนึ่งเพื่อการป้องกัน หรือกำจัดแมลงศัตรูพืชผัก หรืออาจใช้ในพืชชนิดอื่นที่กว้างขวางออกไป ซึ่งจะมีการดำเนินการศึกษาเพื่อการต่อยอดต่อไปและจะส่งเสริมการปลูกหญ้าแฝกให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการปลูกพืชผักของราษฎร

ขณะเดียวกันจะเป็นการช่วยให้การดำเนินงานตามรอยเบื้องพระยุคลบาทเกี่ยวกับการรณรงค์การใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝกในการป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน การฟื้นฟูและรักษาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ให้ประสบผลสัมฤทธิ์ได้อย่างรวดเร็วและเป็นไปอย่างยั่งยืนอีกด้วย

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Columnid=38340&NewsType=2&Template=1

http://www.phtnet.org/news/view-news.asp?nID=299