kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11558
|
ตอบ: 26/04/2011 6:52 pm ชื่อกระทู้: Re: สงสัย การทำน้ำหมักชีวภาพจากปลา... |
|
|
kimzagass บันทึก: | จาก : chauat
ถึง : kimzagass
ตอบ : 26/04/2011 6:47 am
ชื่อกระทู้ : มีข้อสงสัยอยากจะถามครับ
ในการทำน้ำหมักชีวภาพจากปลา หลังจากหมักได้ 3 เดือนแล้ว ให้เติมน้ำมะพร้าวลงไป 180 ลิตร
ตอบ :
เหตุผลที่เติมน้ำมะพร้าว 180 ล. เพราะถังที่ใช้หมักเป็นขนาดบรรจุ 200 ล. กอร์ปกับมีพื้นที่ในถังว่างประมาณนั้น เมื่อจะใส่ทั้งทีก็ใส่ให้เต็มถังไปเลย จุดนี้ไม่ใช่เลขสูตรหรืออัตราส่วนผสมอะไรหรอก บังเอิญมากกว่าน่ะ....
คำถามแรกคือ เติมน้ำมะพร้าวไปเพื่ออะไร
ตอบ :
- เพื่อให้เป็น "ปุ๋ยอินทรีย์น้ำ" เพราะการหมักในของเหลวจะช่วยให้กระบวนการย่อยสลาย (ENZIME) ของจุลินทรีย์ดีกว่าการหมักแบบแห้ง (ปุ๋ยอินทรีย์แห้ง) การหมักแบบนี้ส่วนผสมต่างๆจะถูกย่อยสลายลงไปถึงระดับโมเลกุลที่เล็กที่สุด เช่น โปรตีน เปลี่ยนเป็นอะมิโนโปรตีน หรือฟลาโวนอยด์ หรือควินนอยด์ หรือโพลิตินอล หรืออะมิโนแอซิด หรือออร์แกนิคแอซิด. ซึ่งเป็นสารอาหารโมเลกุลขนาดเล็กที่พืชสามารถดูดซับนำไปใช้ได้ทันทีเลยนั่นเอง.....กรณีที่เราฝังส่วนผสมที่นำมาใช้ทำน้ำหมักชีวภาพลงไปในดินโดยตรง (ฝังปลาทั้งตัว) กว่าพืชจะใช้ประโยชน์จากสารอาหารที่มีอยู่ในตัวปลาได้ ต้องรอให้จุลินทรีย์ในดินเปลี่ยนรูปโปรตีนจากเนื้อปลาให้เป็นโมเลกุลขนาดเล็กเสียก่อนพืชจึงจะได้ใช้ แบบนี้เรียกว่า "หมักในดิน" ..... พืชไม่ได้กินอินทรีย์วัตถุที่ยังเป็นชิ้นๆอยู่ (ปุ๋ยคอก เศษซากพืช เศษซากสัตว์) แต่กินสารอาหารที่เกิดจากจุลินทรีย์เข้าไปย่อยสลายอินทรีย์วัตถุเหล่านั้น จนเปลี่ยนสถานะหรือเปลี่ยนรูปทางเคมีเป็นของเหลว ที่เรียกว่า "ฮิวมัส" แล้ว.... แม้แต่มนุษย์ที่กินเนื้อสัตว์เข้าไปเพื่อให้ร่างกายได้รับโปรตีน ต้องเริ่มจากกระเพาะย่อยครั้งแรกก่อน ย่อยแล้วส่งไปที่ลำไส้เล็ก ที่ลำไส้เล็กนี่แหละโปรตีนจากเนื้อสัตว์จะถูกเปลี่นรูปเป็นอะมิโนโปรตีน แล้วจึงส่งไปตามกระแสเลือดไปยังกล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกายได้......
- วัตถุประสงค์ของการทำน้ำหมักชีวภาพก็คือ เพื่อให้ได้สารอาหารพืชที่เรียกว่า "อินทรีย์สาร หรือ สารอินทรีย์" ซึ่งประกอบด้วย N-P-K-Ca-Mg-S-Fe-Cu-Zn-Mn-Mo-B-Si-Na ฮอร์โมน และอื่นๆ ดังนั้น เพื่อให้ได้สารอาหารต่างๆมีเปอร์เซ็นต์มากที่สุด และมากชนิดที่สุด จึงจำเป็นต้องเลือกสรรวัสดุส่วนผสมอย่างดีที่สุดมาทำ....ในน้ำมะพร้าวซึ่งเป็นของเหลวตามธรรมชาติ สามารถใช้แทนน้ำเปล่าได้เป็นอย่างดี ในน้ำมะพร้าวมีสารไซโตไคนิน, เอสโตรเจน. ฟอสฟอรัส, โปแตสเซียม, เกลือแร่ ฯลฯ ซึ่งสารเหล่านี้ล้วนมีประโยชน์ต่อพืชทั้งสิ้น พืชสามารถนำไปใช้ได้ทันทีเพราะเป็นสารประเภทโมเลกุลเดี่ยว.....นอกจากการคัดสรรวัสดุส่วนผสมที่ต้องมีชนิดและปริมาณสารอาหารพืชมากๆแล้ว กรรมวิธีในการหมักก็มีส่วนสำคัญ เพราะถ้าหมักไม่ถูกวิธี นอกจากจะไม่ได้สารอาหารและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์แล้ว กลับได้เชื้อโรคแทน ที่สำคัญสุดเหนืออื่นใด คือ "วิธีใช้" เพราะของดีแต่ใช้ไม่เป็นก็ไม่ได้ผล หรือส่งผลเสียมากกว่าผลดี.....ทำน่ะง่าย แต่ใช้ ยากกว่า 10 เท่า 100 เท่า
- น้ำหมักชีวภาพที่ทำจากพืชผัก-ผลไม้ แม้จะมีสารอาหารพืช แต่มีปริมาณน้อยกว่าเนื้อสัตว์หลายเท่า เนื้อสัตว์ที่ให้ความหลากหลายของสารอาหารมากที่สุดคือปลา และปลาทะเลมีสารอาหารมากชนิดกว่าปลาน้ำจืด.....ปลาทะเลมี Mg-Mn-Zn-Na-OMEGA ซึ่งในปลาน้ำจืดไม่มี
- ที่เอาหอยเชอรี่มาหมักกับกากน้ำตาล อัตราส่วน 1:1 น่ะ หมักนาน 2-3 ปี หอยยังคงสภาพเป็นตัวๆอยู่เลย หมักในโอ่ง วันดีคืนดีหมาวิ่งชนโอ่งแตก หอยก็ยังตั้งโด่เด่เป็นโอ่งอยู่ นั่นเขาเรียกว่า "หอยแช่อิ่ม" แล้วมันจะมีสารอาหารพืชอะไร แบบนี้ไม่ต้องหมักให้เสียเวลา สู้เอาหอยเชอรี่ไปฝังในดินแล้วปล่อยให้จุลินทรีย์ในดิน (จุลินทรีย์ประจำถิ่น) ย่อยสลายให้จะดีกว่า.....หรือแม้แต่การเอาพืชผัก-ผลไม้มาหมัก สารอาหารพืชที่ได้น้อยมากๆ แต่จะได้สารอาหาร (แหล่งพลังงาน) สำหรับจุลินทรีย์แทน เมื่อใส่ลงไปในดินแล้วไปเป็นแหล่งพลังงานให้แก่จุลินทรีย์ในดิน เจ้าจุลินทรีย์ในดินที่มีอยู่เดิม ซึ่งต้องแต่เกิดมาไม่เคยได้รับสารอาหาหรือแหล่งพลังงานใดๆเลย ครั้นพอได้รับ มันก็เจริญพัฒนาแล้วส่งผลไปถึงต้นพืชให้เจริญพัฒนาตามไปด้วย เป็นธรรมดา
- ส่วนผสมต่างๆในน้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง (ชื่อนี้ลุงคิมตั้งเอง) ที่ลุงคิมสอนใครต่อใครนั้น หากวิเคราะห์ส่วนผสมที่เป็นอินทรีย์ทีละตัว เช่น ปลาทะเล, เลือด, ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว. แล้ว จะเห็นว่าเป็นแหล่งสารอาหารพืชหลากหลายชนิดมาก เคยนำไปให้กรมวิชาการเกษตรตรวจหาปริมาณและชนิดธาตุอาหารพืชแล้ว พบว่ามีเพียง 1-2-3% เท่านั้น ปริมาณนี้ถือว่ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืชที่จะพัฒนาผลผลิตให้ถึงระดับเกรด เอ. จัมโบ้. ได้.....แล้วที่ใครต่อใครทำน้ำหมักจากพืชผักผลไม้ ซึ่งมีสารอาหารพืชน้อยมากๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยังเติมน้ำเปล่าลงไปอีก นั่นเท่ากับทำให้สารอาหารถูกเจือจางจนเหลือน้อยลงไปอีก......ใช่หรือไม่
- แม้แต่จุลินทรีย์ก็มีความต่างบนความเหมือน อินทรีย์วัตถุชิ้นเดียวกัน จุลินทรีย์ชนิดหนึ่งเข้าย่อยสลายแล้วได้สารอาหารตัวหนึ่ง จุลินทรีย์อีกตัวหนึ่งเข้าไปย่อยสลายก็จะได้สารอาหารอีกตัวหนึ่ง กับจุลินทรีย์อีกตัวหนึ่งเข้าไปย่อยสลายก็ได้สารอาหารอีกตัวหนึ่ง ทั้งๆที่เป็นอินทรีย์วัตถุชิ้นเดียวกันแท้ๆ นั่นคือ ต่างจุลินทรีย์ก็จะได้สารอาหารต่างชนิดกันแล้ว
อ้างอิง :
22. จุลินทรีย์กลุ่มหนึ่งจะมีประสิทธิภาพในการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุให้เปลี่ยนสภาพเป็นธาตุอาหารพืชตัวหนึ่ง กล่าวคือ อินทรีย์วัตถุชิ้นหนึ่ง (ชิ้นเดียวกัน) เมื่อถูกจุลินทรีย์กลุ่มใดเข้าย่อยสลายก็จะได้สารอาหารพืชตัวนั้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องอาศัยจุลินทรีย์หลากหลายกลุ่มเข้าย่อยสลายอินทรีย์วัตถุชิ้นนั้น จึงจะได้สารอาหารพืชกลากหลายชนิด เช่น
- AZOSPIRILLUM SPP. เป็นจุลินทรีย์กลุ่มที่ทำให้ N. ในบรรยากาศคงที่เพื่อให้พืชได้รับอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้สีสันของใบพืชเขียวสด ส่งเสริมกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืชดำเนินไปอย่างราบรื่น ป้องกันและแก้ปัญหาใบเหลืองในพืช
- PHOSPHATE SOLUBILIZING BACTERIA ช่วยย่อยสลาย P. (ในอินทรีย์วัตถุ) ที่ยังอยู่ในรูปที่พืชนำไปใช้ไม่ได้ให้เปลี่ยนรูปมาอยู่ในรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ได้
- LACTOBACILLUS มีประสิทธิภาพในการสร้างสารละลาย K. ให้มาอยู่ในรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ ช่วยเพิ่มระดับ K. ให้เพียงพอต่อความต้องการของพืชเพื่อใช้ในการพัฒนาผลผลิต ช่วยในการสร้างรูปร่างลักษณะและแบบของดอก-ผล และน้ำหนัก
- LAIN-LAIN BACTERIA & OTHER BACTERIA มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยนสารพิษในแอมโมเนีย ให้เป็น แอมโมเนีย ไนเตรท. เพื่อเสริมประสิทธิระบบการดูดซึมสารอาหารในลำต้นพืช
- YEAST GROUP SERIES มีประสิทธิภาพในการสร้างฮอร์โมนที่จำเป็น ช่วยย่อยสลายสารอนินทรีย์ให้มาอยู่ในรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ดี ช่วยเพิ่มสมรรถภาพและความแข็งแรงในการกำจัดเชื้อโรค
- ACTINOMYCES SERIES มีประสิทธิภาพในการสร้างสารกำจัดเชื้อโรค ช่วยเพิ่มความ ต้านทานต่อสภาวะความรุนแรงอันเกิดจากเชื้อโรค
- GROWTH FACTOR PRODUCING BACTERIA SERIES มีประสิทธิภาพในการสร้างฮอร์โมน เพื่อเสริมสร้างความเจริญทางด้าน ต้น. กิ่ง. ใบ.
(ดร.สำเนา เพชรฉวี......)
คำถามที่ 2 คือ น้ำมะพร้าวที่ใช้เป็นน้ำมะพร้าวอ่อน หรือว่าสามารถใช้น้ำมะพร้าวจากร้านคั้นกะทิขายได้
ตอบ :
- ใช้ได้ทั้ง 2 อย่าง ในน้ำมะพร้าวอ่อนมีจิ๊บเบอเรลลิน (ใช้ในงานเพาะเนื้อเยื่อ) ในน้ำมะพร้าวแก่ (บอกแล้ว) ..... น้ำมะพร้าวที่ดีที่สุด คื่อ "น้ำมะพร้าวฟรี" ไงล่ะ
- บริษัทมาลีฯ รับซื้อน้ำมะพร้าวจากโรงงานทำน้ำมันมะพร้าว ลิตรละ 4 บาท เขาเอาไปทำน้ำสัมสายชู
คำถามที่ 3 มีอะไรที่จะทดแทนน้ำมะพร้าวนี้ได้บ้าง
ตอบ :
- ตอบแบบวิทยาศาสตร์ คือ "มี" แต่ตอบแบบลุงคิม คือ "ไม่ทราบ" เพราะต้นทุนเป็นตัวกำหนด
- ทุกปัญหามีทางแก้ ทุกอย่างปรับได้ ..... อ่าน LINE ธรรมชาติให้ออก แล้วจะรู้เอง
ลุงคิม (รายละเอียดปลีกย่อยเยอะมาก ถามมาอีกก็แล้วกัน) ครับผม
ขอบคุณมากครับ
อนุวัฒนา เอียดขลิก
นครศรีธรรมราช |
|
|