-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-กระดูกหมู-วัว ใช้ทำปุ๋ยได้ไหม
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 6 JUL **โป๊ยเซียนไม่ออกดอก, *ทุเรียนบำรุงอย่างไร, *ดาวเรืองไม่ออกดอก, *ปลูกถั่วแดงได้ไหม, *ฝรั่งห่อผลแล้วเน่า, *ดูพันธุ์มะยงชิด, *ส้มเขียวหวานเริ่มตาย, *มะ พร้าวกะทิน้ำหอม, *ส้มโอตัดแต่งกิ่งไม่ออกดอก
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 6 JUL **โป๊ยเซียนไม่ออกดอก, *ทุเรียนบำรุงอย่างไร, *ดาวเรืองไม่ออกดอก, *ปลูกถั่วแดงได้ไหม, *ฝรั่งห่อผลแล้วเน่า, *ดูพันธุ์มะยงชิด, *ส้มเขียวหวานเริ่มตาย, *มะ พร้าวกะทิน้ำหอม, *ส้มโอตัดแต่งกิ่งไม่ออกดอก

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11563

ตอบตอบ: 06/07/2014 8:53 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 6 JUL **โป๊ยเซียนไม่ออกดอก, *ทุเรียนบำรุ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางรายการวิทยุ 6 JUL

AM 594 เวลา 08.10-09.00 & 20.05-20.30 ทุกวัน และ FM 91.0 (07.00-08.00 / วันอาทิตย์)

********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...
... บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6

... ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธันเดอร์แคล, เอ็ม.แคล--- ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112

... และ บ.มายซัคเซส อะโกร--- ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต,
สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

----------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2) “คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณอรุณ” (085) 058-1737 ในร้านโครงการหลวง ตลาด อตก.

7) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
8 ) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

@@ สารอาหาร (ปุ๋ย) เพื่อการสื่อสาร :

** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง : ส่วนผสมหลัก .... อินทรีย์/เคมี (กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด,
ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, ธาตุหลักตามพืช, แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม

** ไบโออิ : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม)
** ยูเรก้า : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน)
** ไทเป : ส่วนผสมหลัก ..... อินทรีย์/เคมี (นม, ไข่, น้ำมะพร้าว, 13-0-46. 0-52-34)


มิได้มีเจตนาโฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการสื่อสารข้อมูล เท่านั้น
.... ต้นพืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักเจ้าของสูตร .....
.... ไม่รู้เจ้าของคนปลูก ไม่ฟังโฆษณา .........
.... ต้นพืชรู้จักแต่ส่วนผสมหรือเนื้อใน .........

-----------------------------------------------------------



http://www.fm91bkk.com/home91/index.php/2012-02-28-14-53-47/32-2012-04-29-06-51-16/693-2012-04-29-06-46-29

------------------------------------------------------------

จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : โป๊ยเซียน ใช้ฮอร์โมนไข่ไม่ออกดอก แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- ฮอร์โมนไข่ ฮอร์โมนไข่ และฮอร์โมนไข่ คำถามเบื้องต้น คือ ทำมาจากอะไร ? วิธีทำอย่างไร ? วิธีใช้อย่างไร ?

- ฮอร์โมนไข่ทั่วไปทำจาก “ไข่ +ยาคูลท์ + แป้งข้าวหมาก + กากน้ำตาล.” อะไรก็ว่ากันไป แต่ฮอร์โมนไข่ที่ตั้งชื่อ (BRAND) ว่า “ไทเป” ทำมาจาก นม. ไข่. กลูโคส. น้ำมะพร้าว. น้ำส้มสายชู. ยิสต์. (อินทรีย์.... สูตรจากไต้หวัน) แม็กเนเซียม. สังกะสี. 13-0-46, 0-52-34. ธาตุรอง ธาตุเสริม (เคมี .... ลุงคิม เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก)

- ให้กับโป๊ยเซียน ฉีดทางใบอาบลงพื้น เดือนละครั้ง ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมีใดๆทางดินเพิ่มทั้งสิ้น โป๊ยเซียนออกดอกไม่เลิก ดอกบนทนจนสีแดงเดิมทำท่าจะเป็นสีเขียวเหมือนใบ ต้นสูงใหญ่ท่วมหัวคน (สูง 150-160 ซม.) ที่ยืนเทียบกันถ่ายรูป

--------------------------------------------------------------------

จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ทุเรียนหมอนทอง ผลเล็ก เมล็ดใหญ่ ไม่มีเนื้อ บำรุงอย่างไร...?
ตอบ : -
@@ สาเหตุและวิธีแก้ :
“พูหลอก (ลูกกลางกิ่ง), ลูกยอด (ปลายกิ่ง)”
- เพราะ : เกสรฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สมบูรณ์แล้วผสมกัน โดยเฉพาะระยะ “หางแย้ ต่อถึงกำไร” ไม่ได้รับปุ๋ยสูตรบำรุงดอกหรือได้รับไม่เพียงพอ, ฝนตกชุก, ไม่มีแมลงเข้าผสมเกสร
- แก้ไข : ระยะดอก ให้ปุ๋ยบำรุงดอก ทางใบ 15-30-15 (หน้าแล้ง), 0-52-34 (หน้าฝน) .... ทางราก 8-24-24
- ระยะติดผล ให้ปุ๋ยสูตรขยายขนาด 21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน ทั้งทางใบและทางราก

“ลูกเล็ก”
- เพราะ : ไม่ได้รับปุ๋ยสูตรขยายขนาด
- แก้ไข : ให้ 21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน ทั้งทางใบและทางราก

“ เมล็ดใหญ่”
- เพราะ : ไม่ได้รับปุ๋ยสูตรหยุดเมล็ด
- แก้ไข : ให้ 21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน ทั้งทางใบและทางราก

“เนื้อบาง” .
- เพราะ : ไม่ได้รับปุ๋ยสูตรสร้างเนื้อ
- แก้ไข : ให้ 21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน, แม็กเนเซียม. สังกะสี. แคลเซียม โบรอน, น้ำตาลทางด่วน ทั้งทางใบและทางราก

“รสไม่จัด”
- เพราะ : ไม่ได้รับปุ๋ยเร่งหวาน
- แก้ไข : ทางใบให้ 0-21-74, ทางราก 13-13-21

หมายเหตุ :
- ปริมาณสารอาหารที่ใช้หล่อเลี้ยงต้นในจำนวน 10 ส่วนนั้น ให้ทางใบต้นได้รับ 3-4 ส่วน ให้ทางรากต้นได้รับ 6-7 ส่วน

- กรณีทุเรียน ไม้กินผลยืนต้น อายุหลายสิบปี ให้ผลผลิตปีละครั้ง แต่ละครั้งต้องใช้สารอาหารมาก จึงต้องบำรุงแบบ “เคมีนำ อินทรีย์เสริม ตามความเหมาะสมของทุเรียนระยะมีผลบนต้น” ระยะมีผลจำนวนมากอยู่บนต้น ต่างจากมะเขือ พริก ซึ่งก็เป็นไม้กินผลเหมือนกัน แต่อายุแค่ปีเดียว ดอกดอกติดผลตลอดปี บำรุงแบบ อินทรีย์นำ เคมีเสริม ตามความเหมาะสมของพืชอายุสั้น ฤดูกาลเดียว ก็เพียงพอแล้ว

- ทุเรียน เช่นเดียวกันกับไม้ผลยืนต้นขนาดใหญ่ทั่วไป ให้ปุ๋ยทางใบสม่ำเสมอ แต่ให้ทางรากไม่พอ แม้จะเห็นผลชัดก็เห็นชัดแต่รุ่นนี้ หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตหมดแล้ว ต้นจะเกิดอาการโทรมอย่างรุนแรง นั่นคือ ต้องให้ปุ๋ยทางรากอย่างเพียงพอตามเกณฑ์อายุต้นและภาระที่ต้องเลี้ยงลูกบนต้น การมีปุ๋ยอินทรีย์ ทั้งชนิดน้ำและชนิดแห้ง ร่วมกับสารปรับปรุงบำรุงดิน แม้จะใส่ปุ๋ยมากเกินก็ไม่เกิดผลเสียต่อดิน ตรงกันข้าม ไม้ต้นนั้นจะมีสารอาหารโดยเฉพาะธาตุหลัก (เอ็น. พี. เค.) อย่างเพียงพอ .... ชาวสวนหลายคน เห็นว่าใช้ปุ๋ยทางใบแล้ว ไม่ให้ปุ๋ยทางใบหรือให้น้อย เป็นเหตุให้หลังเก็บเกี่ยวแล้วต้นโทรม

- ปุ๋ยทางใบจะเกิดประสิทธิภาพสูงก็ต่อเมื่อมี “ความสมบูรณ์ต้น” รองรับ .... ความสมบูรณ์ต้นต้องเป็น “ความสมบูรณ์สะสม” อันเกิดจากการบำรุงอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ทั้งช่วงมีผลบนต้นและไม่มีผลบนต้น

– ปุ๋ยทางรากจะเปิดประสิทธิภาพสูงสุดก็ต่อเมื่อมี อินทรีย์วัตถุ, จุลินทรีย์, น้ำและอากาศผ่านสะดวก, ค่า พีเอช.เป็นกรดอ่อนๆ

คลิก :
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4416
มนุษย์เงินเดือน สงสัยทุเรียน....

http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=55
รวมเรื่องทุเรียน....

-------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ดาวเรืองต้นเล็ก ไม่ออกดอก แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- ต้นโทรม ไม่สมบูรณ์เพราะ “ปัจจัยพื้นฐาน” ประกอบด้วย “ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาลบ-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค” อย่าใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างไม่เหมาะสมกับดาวเรือง เหมือนคนเราต้องมี “ปัจจัยสี่” หรือปัจจัยห้าหกเจ็ดตามปัจเจกบุคคล

– ต้นเล็ก ไม่ออกดอก นั่นคือ ต้นขาดความสมบูรณ์อย่างรุนแรง ทิ้งไว้ไม่นานก็ตาย ดาวเรืองพืชอายุสั่น ฤดูกาลเดียว ปลูกได้ทั่วประเทศ ออกดอกได้ตลอดทั้งปี

- ปลูกดาวเรืองต้องเริ่มจากดิน ดินต้องมาก่อน ดินดีได้แล้วครึ่ง ดินไม่มีเสียแล้วกว่าครึ่ง .... ปุ๋ยไม่ใช่เรื่องสำคัญ เอาไว้อันดับท้ายๆ งานนี้ต้องดินก่อน


จาก : (081) 280-16xx
ข้อความ : ลุงคิมครับ ผมจะปลูกดาวเรืองในถุงดำ เตรียมดินผสมดินอย่างไร จึงจะถูกต้องและถูกใจดาวเรืองครับ....
ตอบ :
- ส่วนผสม .... ดินร่วน (ดินขุยไผ่เชิงเขา) 1 ตัน + อินทรียวัตถุ สารปรับปรุงบำรุงดิน และจุลินทรีย์ คือ ยิบซั่ม 1 กส. + ปุ๋ยอินทรีย์ 1 กส. + กระดูกป่น 10 กก. + ขี้วัวขี้ไก่ 100 กก. + กาบมะพร้าวสับเล็ก 50 กก. + แกลบดิบ 50 กก. + ระละเอียด 25 กก. + น้ำหมักชีวภาพ สูตรไหนก็ได้ ที่มั่นใจว่ามีสารอาหารและจุลินทรีย์ 1-2 ล. + น้ำตามความเหมาะสม” .... อัตราส่วนระหว่างดินกับอินทรีย์วัตถุฯ ประมาณ 4 : 1 เรียกว่า “วัสดุปลูก” ถ้าอัตราส่วนระหว่างดินกับอินทรีย์วัตถุฯ ประมาณ 1 : 4 เรียกว่า “ปุ๋ยอินทรีย์”

- วิธีทำ : คลุกเคล้าส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี ระหว่างที่คลุกส่วนผสมก็ให้รดด้วยน้ำหมักชีวภาพ ให้ส่วนผสมทุกอย่างเปียกชื้นเกือบชุ่ม (ชื้น-ชุ่ม-โชก-แฉะ-แช่) ทั่วกันดีๆ ตรวจสอบความชื้นโดยหยิบส่วนผสมขึ้นมากำด้วยมือ กำแล้วมีน้ำไหลออกมา แสดงว่าความชื้นมากเกิน ให้เพิ่มส่วนผสม .... ถ้ากำมือแล้วไม่มีน้ำไหลออกมา กับแบมือแล้วก้อนอินทรีย์วัตถุแตกไม่จับก้อน แสดงว่าความชื้นน้อย ให้เพิ่มน้ำ .... ความชื้นพอดีแล้วให้ทำกอง คลุมด้วยพลาสติกเพื่ออบความร้อน

- วิธีตรวจ : ระหว่างการหมัก จุลินทรีย์จะเจริญพัฒนาเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ประ มาณ 5-7 วันเริ่มสำรวจกอง ถ้าในกองร้อน ถึงร้อนมากๆ ให้พลิกกลับกองเพื่อระบายความร้อนแล้วหมักต่อ อีก 5-7 วันให้สำรวจซ้ำ ถ้าในกองยังร้อนมากก็ให้พลิกกลับกองอีก ทำซ้ำ 3-4-5 ครั้งทุก 5-7 วัน หรือรวมประมาณ 2-3 เดือน จนทุกอย่างในกองหมดความร้อนกลายเป็นความเย็น (มือจับรู้สึกได้) และมีกลิ่นหอม ก็พร้อมบรรจุในถุงสำหรับปลูกดาวเรือง หรือพืชอายุสั้นฤดูกาลเดียวได้ทุกชนิด .... นอกจากถุงดำแล้ว ขวดน้ำพลาสติกขนาด 5 ล. เจาะรูด้านข้าง/ก้นขวด ก็ใช้แทนกันได้

หมายเหตุ :
- ระหว่างการหมัก ความร้อนในกอง 40-50 องศา ซ. จุลินทรีย์ทั่วๆไป เกิดแล้วเจริญพัฒนาดี .... ความร้อนในกอง 60 องซา ซ. จุลินทรีย์ไตรโคเดอร์ม่า เกิดแล้วเจริญพัฒนาดี .... ความร้อนเกิน 70 องศา ซ. จุลินทรีย์ทุกชนิดตาย

– ใส่อินทรีย์วัตถุ รากไผ่ รากถั่วฯ รากหญ้า จะได้จุลินทรีย์กลุ่ม คีโตเมียม. ไรโซเบียม. ไมโครไรซ่า. อะโซโตแบ็คเตอร์. แอ็คติโนมัยซิส. ฟังก์จัย.

– ใส่ยูเรีย 1 กก. (ผสมในน้ำหมักฯ) ช่วยเร่งกระบวนการจุลินทรีย์ให้เจริญพัฒนาดีขึ้น .... ถ้าไม่มีน้ำหมักชีวภาพ ให้ใช้กากน้ำตาลแทนได้ แต่คุณภาพจะด้อยกว่าน้ำหมักฯ เพราะในกากน้ำตาลไม่มีสารอาหารและจุลินทรีย์.... กากน้ำตาลมากเกินจะยับยั้งการเจริญเติบโตของพืช

– การใส่ ธาตุรอง/ธาตุเสริม. 0.5-1.0%, ธาตุหลัก (สูตรตรงกับพืชที่จะปลูก) 2-3% ของส่วนผสมทั้งหมดร่วมไปด้วย จะช่วยให้ได้สารอาหารครบถ้วน เมื่อปลูกพืชลงไปแล้วไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเคมีทางรากอีก แต่ให้ปุ๋ยทางใบเพิ่มเล็กน้อยเท่านั้น

- ปลูกในถุง รุ่นแรกเก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้วนำอินทรียวัตถุซึ่งก็คือ “วัสดุปลูก” เทออกจากถุง ตากแดดให้แห้งสนิท แล้วเติม “น้ำหมักชีวภาพ + ธาตุหลัก/ธาตุรอง/ธาตุเสริม” คลุกเคล้าให้เข้ากันดี หมักทิ้งไว้ 7-10 วัน บรรจุลงถุง ลงมือปลูกใหม่ได้ เรียกว่า “ซ้ำที่ ไม่ซ้ำดิน” นั่นเอง

http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3570

@@ บำรุงดาวเรือง :
ทางใบ : ให้ฮอร์โมนไข่สูตรที่กำลังนิยม มีส่วนผสม 13-0-46, 052-34 ร่วมไปด้วย อาทิตย์ละครั้ง ฉีดอาบจากใบลงดินไปเลย ให้น้ำสม่ำเสมอ พอหน้าดินชื้น

ทางราก : ใส่ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ กระดูกป่น ยิบซั่ม 1 ครั้ง ช่วงเตรียมดิน .... พรวนดิน พูนดิน หญ้าแห้งคลุมโคนต้นเดือนละครั้ง ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้าดินชื้น

--------------------------------------------------------------



จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ที่ดินเชียงราย ปลูกถั่วแดงหลวง ได้ไหม ....?
ตอบ :
- ประเทศไทย จาก บ.วาวี เชียงราย ถึง บ.โต๊ะโมะ นราธิวาส....จาก บ.เวินบึก อุบล ถึงบ้านอีต่อง กาญจนบุรี ปลูกได้ทั้งนั้น

- ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วขาว เป็นถั่วไร่ ไม่เหมือนถั่งฝักยาว ถั่วลันเตา ถั่วพู เป็นถั่วสวนครับ .... ถั่วไร่ให้น้ำ อาทิตย์ละครั้ง พอหน้าดินชื้น แต่ถั่วสวนครัวต้องให้น้ำทุกวัน สม่ำเสมอ พอหน้าดินชื้น

- ถั่วไร่ ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรที่ส่วนผสมเลือดสัตว์มากๆ เดือนละครั้งก็พอ ....ในเลือดสัตว์มี “ธาตุเหล็ก” สูง ถั่วไร่ชอบ จะได้ผลผลิตมาก และคุณภาพดี

- ถ้าในน้ำหมักชีวภาพไม่มีส่วนผสมของเลือด ก็ให้ “เหล็ก คีเลต” ซึ่งเป็นเคมีแทน ฉีดพ่นทางใบโชกๆ ลงดินไปเลย เดือนละครั้งก็ได้

--------------------------------------------------------------



จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ฝรั่งห่อผลแล้ว ผลเน่า ร่วง แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- เชื้อราตัวนี้ชื่อ “แอนแทร็คโนส” เข้าทำลายผล เรียกว่า “โรคผลเน่า” เชื้อเกิดในดินที่เป็นกรดจัด เกิดแล้วขยายพันธุ์โดยล่องลอยไปในอากาศ แล้วเข้าทำลายส่านของพืชอย่างที่เห็น

- แม้จะห่อแล้วแต่ต้องมีช่องว่างให้อากาศผ่าน เข้า-ออก ได้บ้าง เชื้อราที่ลอยอยู่ในอากาศจึงเข้าไป ครั้นปิดก้นถุงจนมิดชิดก็จะระบายไอน้ำที่ระเหิดออกมาจากผิวของผลฝรั่งไม่ได้ กลายเป็นแฉะในถุงอีก เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องเปิดก้นถุงบ้าง

- แก้ไขด้วยการ เปิดก้นถุงแล้วฉีดพ่นสมุนไพรเผ็ดจัดเข้าไปในผลฝรั่ง ฉีดให้เปียกทั่วทั้งผล ฉดบ่อยๆจึงจะป้องกันได้

- ความเป็นฝรั่ง จำเป็นต้องห่อผล ถ้าไม่ห่อเนื้อจะแข็งทานไม่อร่อย ชาวสวนทั่วไปห่อแบบใช้ถุงกร๊อบแกร็บอยู่ข้างในแล้วห่อด้วยกระดาษทับด้านนอก (ห่อ 2 ชั้น) แบบนี้ถ้ากระดาษไม่เหนียวพอ เมื่อถูกน้ำจะเปื่อยยุ่ย ต้องเปลี่ยนใหม่ .... ที่ไร่กล้อมแกล้ม ห่อแบบกระดาษอยู่ใน ทับด้วยถุงกร๊อบแกร๊บ แบบนี้กระดาษไม่ถูกน้ำก็จะไม่เปื่อย อยู่ได้จนถึงวันเก็บเกี่ยว....ส่วนเรื่องป้องกัน "โรคผลเน่า" ก็ใช้วิธีเปิดก้นถุง แล้วฉีดสมุนไพร "เผ็ดจัด-ร้อนจัด" ฉีดบ่อยๆ ประจำๆ อันนี้กำหนดจำนวนวันไม่ได้ เพราะเชื้อจะระบาด มาก/น้อย ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม

- ประโยชน์จากการห่อผลอย่างหนึ่งซึ่งสำคัญมาก คือ ป้องกันแมลงวันทอง

--------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : วิธีเลือกพันธุ์มะยงชิดอย่างไร....?
ตอบ :
- ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ดูให้แน่ดูถึงยาย ซื้อต้นไปให้ถึงสวน ดูต้นแม่ สอบถามพูดคุยว่า “ชัวร์หรือมั่วนิ่ม”
ตรวจสอบความน่าเชื่อถือเอาเอง

-มะยงชิดทุกชื่อสายพันธุ์ ทั่วประเทศ คือพันธุ์เดียวกันทั้งหมด มาจากต้นแม่ที่บางบำหรุ บางขุนเทียน บางกอกน้อย เหมือนกัน ไปอยู่ทีไหนความที่ “ปัจจัยพื้นฐาน” ต่างกัน ผลผลิตที่ออกมาจึงต่างกัน แล้วคนปลูกก็ตั้งชื่อกันเอาเอง

- ซื้อต้นมะยงชิดดูต้นมะยงชิด ก็คือ ดูยอด ดูใบ ดูกิ่ง ดูลำต้น ดูราก แค่พูดให้ฟัง เขียนให้อ่าน อีก 100 ปีก็ดูไม่ออก ไม้ต้นเล็กๆ ลักษณะความแตกต่างทางสายพันธุ์ดูยาก เรื่องอย่างนี้มันต้อง เห็นกับตา จับกับมือ รอช่วงมีลูกผลแก่แล้วไปชิมกับปาก นั้นแหละถึงจะรู้เรื่องจริง

- สอบถามไปที่ “สวนวันเพ็ญพันธุ์ไม้" 081-803-4930 ซ.รามคำแหง อ.เมือง ปราจีนบุรี มะยงชิดพันธุ์ไข่ทอง....อ้างชื่อลุงคิมได้เลย

--------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ส้มเขียวหวาน ราชบุรี 200 ไร่ ปีแรกๆดกมาก เพราะไม่มีน้ำต้นเริ่มตาย แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- สาเหตุก็บอกมาแล้วไงว่า “ไม่มีน้ำ” ไม่ใช่แต่ส้มเขียวหวานหนอกนะ ส้มโอ ส้มเช้ง ส้มจี๊ด มะนาว มะกรูด มะม่วง มะพร้าว ทุกพืชนั้นแหละ ไม่มีน้ำเขาจะอยู่ได้ไง ไม่มีพืชใดในโลกนี้ที่ไม่ต้องการน้ำ.... ทำการเกษตร ทุกชนิดประเภท น้ำต้องมาก่อน น้ำต้องมาก่อน และน้ำต้องมาก่อน น้ำคือชีวิต มีน้ำไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ได้ ไม่มีน้ำมีไฟฟ้าคนอยู่ไม่ได้

– ที่ 200 ไร่ ไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติทั้งไต้ดิน (บาดาล) บนดิน ห้วย หนอง คลอง บึง แม่น้ำ ก็สู้ที่ 20 ไร่ มีน้ำไม่ได้

- ส้มเขียวหวาน 200 ไร่ ใช้น้ำวันละเท่าไหร่ แรงงานวันละกี่คน อีกหลายๆอย่างที่เป็นต้นทุน เมื่อไม่มีน้ำเพียงอย่างเดียว มีเงินทุนเท่าไหร่ก็ไม่พอ .... จ้างรถบันทุกน้ำมารดให้ต้นส้ม อาทิตย์ละครั้ง คุ้มเหรอ ?

- เปลี่ยนใจใหม่เถอะ เนื้อที่ 200 ไร่ ปลูกป่าไม้ใช้สอย โตเร็ว 198 ไร่ ใช้เวลา 10 ปี ได้ไม้มาแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม ทำเฟอร์นิเจอร์ มูลค่าเป็นล้าน ในป่าก็เลี้ยงมดแดงขายไข่มดแดง เลี้ยงผึ้งทำน้ำผึ้งบริสุทธิ์ ไงล่ะ รายได้ไม่ใช่น้อยนะ .... เหลือเนื้อที่ 2 ไร่ ลงทุนสร้างแหล่งน้ำขึ้นมาเอง โดยทำแทงค์น้ำขนาดจุแทงค์ละ 1,000 ล. 10-20-30 แทงค์ ซื้อน้ำมาใส่ ปลูกพืชปลูกพืชอายุสั้น ฤดูกาลเดียว ราคาต่อผลแพงๆ เช่น แคนตาลูป แตงโม หรือปลูกพืชที่ขายได้ตลอดปี เช่น พริก มะเขือ ที่สำคัญต้องมีน้ำเท่านั้นแหละ .... ว่ามั้ย ประเทศไทย มีกิจกรรมทางการเกษตรให้เลือกทำมากที่สุดในโลก แต่คนไม่ไม่รู้จะทำเกษตรอะไร ว่าแล้วก็ทำตามข้างบ้าน ทำตามกระแส ลงท้ายจึงมีแต่ "หนี้ + ความล้มเหลว" ไงล่ะ

- งานนี้ ยาก/ง่าย อยู่ที่ใจ เรารักส้มแต่ส้มไม่รักเรา ที่จริงส้มก็จะรักเราอยู่เหมือนกันแต่เมื่อไม้มีน้ำเขาจะรักเราได้ไง .... ปลูกบ้านไม่ดูลักษณะพื้นที่ อยู่ๆไปบ้านก็พัง ปลูกต้นไม้ก็เหมือนกัน ในเมื่อต้นไม้ต้องใช้น้ำ ทำไมไม่สร้างแหล่งน้ำให้เขาด้วย ปลูกใหม่ๆ มีฝนก็ว่าไป หมดฝนก็คือแล้ง อยู่ประเทศไทยมานานไม่เคยได้ยินเรื่อง “ฝนแล้ง ฝนทิ้งช่วง” เลยเหรอ อย่าว่าแต่แค่ให้ออกดอกติดลูกเลย แม้แต่ชีวิตเขาก็ยังรักษาไม่ได้

- รักที่ดินผืนนี้มากๆ ๆๆ ๆๆ เพราะฮวงจุ้ยดี ก็กู้เงิน ธ.ก.ส. มาลงทุนสร้างแหล่งน้ำส่วนตัว หรือตัดที่ขาย 10-20-30 ไร่ เอาเงินมาลงทุนสร้างแหล่งน้ำ หาไม่แล้วจะไม่ได้อะไรเลยจากที่ดินผืนนี้ ในทางกลับกัน หากมีแหล่งน้ำในที่ดินก็จะเป็นการสร้างมูลค่าแก่ที่ดินอีกด้วย .... เหมือนไร่กล้อมแกล้ม หะแรกที่ไปถึง สำรวจก่อนว่า “น้ำอยู่ไหน น้ำอยู่ไหน .... บนดิน ไต้ดิน” เมื่อรู้ว่ามีแน่แล้ว สั่งขุดสระทันที ขุดสระเสร็จ ปล่อยน้ำ (บาดาล) เข้าทันที 3 วัน 3 คืนน้ำเต็มบ่อ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าจะปลูกไม้อะไรตรงไหนด้วยซ้ำ ถึงวันนี้ ที่ไหนๆ แล้ง แต่ไร่กล้อมแกล้มเผลอเมื่อไรน้ำท่วมเมื่อนั้น

- จะรอรัฐบาลสร้างแห่งน้ำสาธารณะมาถึงที่ของเราเองน่ะเหรอ อีก 500ปี 800ชาติ ก็ไม่ได้ จงอัตตาหิ อัตตโน นาโถ สร้างแหล่งน้ำเองเถอะ หรือถอนใจจากส้มเขียวหวานเป็นอย่างอื่นดีไหม

-------------------------------------------------------------


จาก : (088) 290-47xx
ข้อความ : อยากให้ผู้พันพูดเรื่องมะพร้าวกะทิน้ำหอม กับมะพร้าวพันธุ์ต้นเตี้ยด้วยครับ...
ขอบคุณครับ
ตอบ :
- ฟันธง .... มะพร้าวกะทิน้ำหอม “พันธุ์ชุมพร 80” ดีที่สุด ณ วันนี้, มะพร้าวพันธุ์เตี้ยที่สุด ณ วันนี้คือ “พันธุ์เหลืองมาเล” ต้นสูงแค่ 70 ซม.

- ที่ศูนย์วิจัยยางสุราษฏร์ธานี อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฏร์ธานี ได้พัฒนาพันธุ์มะพร้าวขึ้นมา ได้แก่ พันธุ์น้ำหอมพันธุ์ทุ่งเคล็ด, พันธุ์มลายูสีเหลืองต้นเตี้ย, และพันธุ์มลายูสีแดงต้นเตี้ย, ส่วนพันธุ์เวสท์แอฟริกันต้นสูง จากประเทศไอวอรี่โคสท์ สำหรับพันธุ์มะพร้าวกะทิ พบว่า มะพร้าวกะทิลูกผสมระหว่างน้ำหอม x กะทิ (NHK) และมลายูสีเหลืองต้นเตี้ย x กะทิ (YDK) ได้มาเป็นพันธุ์ที่มีลักษณะที่ดี จึงนำเสนอให้กรมวิชาการเกษตรพิจารณาเพื่อรับรองเป็นพันธุ์แนะนำ

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=347&contentID=82624



จาก : (089) 183-45xx
ข้อความ : มีที่ว่างอยู่ 4 ไร่ อยากปลูกมะพร้าวกะทิ ขอคำแนะนำด้วยครับ .... ชลบุรี
ตอบ :
วิธีที่ 1 .... ทำมะพร้าวจากมะพร้าวพันธุ์อะไรก็ได้ ถ้าต้องการให้ลูกออกมาเป็นมะพร้าวกะทิ ก็เอาถุงพลาสติกหุ้มจั่น จั่นก็คือดอกมะพร้าว 1 จั่นคือ 1 ทะลาย จั่นไหนถูกห่อด้วยพลาสติก จั่นนั้นหรือทลายดอกนั้นมันจะพิการ ทั้งนี้จะต้องห่อตั้งแต่กลีบจั่นเริ่มแย้มบาน ห่อไปจนกระทั่งติดลูกขนาดลูกหมากจึงค่อยเอาออก โดยทั่วไปมะพร้าวในทะลายที่ห่อจั่นประมาณ 80-90% จะเป็นมะพร้าวกะทิ วิธีนี้เป็นการทำมะพร้าวกะทิแบบชั่วคราว มะพร้าวในทะลายอื่นๆ ที่ไม่ได้ห่อจั่นจะไม่เป็นมะพร้าวกะทิ

วิธีที่ 2 .... เป็นการทำมะพร้าวกะทิแบบถาวร วิธีนี้ให้นำมะพร้าวที่เพาะไว้ ที่มีหน่อเหนือเปลือกขึ้นมาราว 30 ซม. แล้วใช้มีดตัดผลมะพร้าวด้านตรงข้ามกับหน่อให้ขาด จนเห็นเนื้อสีขาวและจาวสีเหลืองภายในกะลามะพร้าว จากนั้นคว้านเอาจาวที่อยู่กลางกะลาออก เอาดินเหนียวโคนต้นอัดลงไปในกะลาแทนจาวจนเต็ม และแน่นพอประมาณ จึงนำไปปลูก มะพร้าวที่ทำวิธีนี้เมื่อโตขึ้นจะเป็นมะพร้าวกะทิประมาณ 50% หากจะเพิ่มปริมาณก็สามารถทำได้โดยให้เอาผลมะพร้าวที่ไม่เป็นมะพร้าวกะทิจากต้นที่เป็นกะทิ มาเพาะแล้วทำวิธีการเดียวกับที่กล่าวมานี้ ก็จะทำให้มะพร้าวในต้นใหม่เป็นมะพร้าวกะทิถึง 80-90% มะพร้าวทุกพันธุ์สามารถทำมะพร้าวกะทิได้ทั้งนั้น

การเกิดมะพร้าวกะทิ :
ซูนิก้า (Zunica) ชาวฟิลิปปินส์ได้ทำการศึกษา โดยการควบคุมการผสมเกสรมะพร้าวต้นที่ให้ผลมะพร้าวกะทิ กับมะพร้าวธรรมดา ให้ผสมตัวเอง ผลปรากฏว่าได้ผล มะพร้าวธรรมดา 3 ส่วน เป็นมะพร้าวกะทิ 1 ส่วน จึงสรุปได้ว่าการเกิดมะพร้าวกะทิเป็นเรื่องของพันธุกรรม

การสังเกตผลมะพร้าวกะทิ :
การเก็บเกี่ยวมะพร้าวจากต้นที่เป็นกะทิ ในทะลายหนึ่งจะพบผลที่เป็นกะทิประมาณ 1 หรือ 2 ผล ใน 10 ผล ข้อสังเกตผลที่เป็นกะทิอายุ 11-12 เดือน เมื่อเขย่าผลจะไม่ได้ยินเสียงคอนน้ำ ถ้าเป็นมะพร้าวปกติจะได้ยินเสียงน้ำ ชาวสวนมะพร้าวบางคนมีความชำนาญจากการฟังเสียง เมื่อปอกเปลือกออกเหลือแต่กะลาแล้วใช้นิ้วดีด เสียงดังจะแตกต่างกันระหว่างมะพร้าวกะทิและมะพร้าวปกติ

ปรากฏการณ์การเกิดมะพร้าวกะทิในธรรมชาติ :
1. มะพร้าวที่ให้ผลกะทิ ปลูกอยู่เพียงต้นเดียวท่ามกลางมะพร้าวที่ให้ผลปกติ การจะเกิดมะพร้าวกะทิได้จะต้องเกิดจากการผสมเกสรระหว่างเกสรตัวเมียของจั่นพี่ กับเกสรตัวผู้ของจั่นน้อง ภายในต้นเดียวกัน

2. มะพร้าวที่ให้ผลกะทิ ปลูกอยู่หลายต้นในบริเวณเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน การเกิดมะพร้าวกะทิจะเกิดจากการผสมข้ามต้น หรือผสมภายในต้นเดียวกันแต่คนละจั่น

การขยายพันธุ์มะพร้าวกะทิ :
1. เก็บผลมะพร้าวที่ผลปกติในทะลายที่มีมะพร้าวกะทิมาเพาะ เป็นวิธีที่เกษตรกรดำเนินการมาเป็นเวลานานแล้ว แต่โอกาสที่จะได้ต้นมะพร้าวกะทิมีเพียงครึ่งเดียว

2. ควบคุมการผสมเกสรต้นมะพร้าวกะทิให้ผสมตัวเอง โดยการตัดดอกตัวผู้ไปผลิตเป็นละอองเกสรที่มีความชื้นไม่เกิน 15% เก็บในตู้เย็น ช่องธรรมดาได้นาน 2 สัปดาห์ ใช้ถุงผ้าใบคลุมจั่นที่มีดอกตัวเมีย เมื่อบานก็นำละอองเกสรผสมกับแป้งดินสอพอง อัตราส่วน 1 : 20 ไปพ่นทุกวันจนกว่าดอกตัวเมียจะบานหมด ทิ้งไว้ 2 สัปดาห์ แล้วจึงเปิดถุงออก วิธีการนี้จะมีโอกาสได้ต้นมะพร้าวกะทิ 2 ใน 3 แต่ต้นมะพร้าวกะทิส่วนใหญ่จะสูงมาก จึงลำบากในการปีนขึ้นไปตัดดอกตัวผู้และผสมพันธุ์

3. การนำคัพภะมะพร้าวกะทิไปเพาะเลี้ยงในอาหารวิทยาศาสตร์ ในห้องปฏิบัติการสภาพปลอดเชื้อ

ปัจจุบัน “มะพร้าวกะทิ” มี 2 ชนิด พันธุ์ที่ได้รับความนิยมรับประทานและนิยมปลูกกันแพร่หลาย ได้แก่ “มะพร้าวกะทิน้ำหอม” กับ “มะพร้าวกะทิน้ำหวาน” ซึ่งทั้ง 2 พันธุ์เป็นพันธุ์ต้นเตี้ย สูงเต็มที่ไม่เกิน 2-3 เมตร ติดผลดก 15-20 ผลต่อหนึ่งทะลาย

@@ บำรุงมะพร้าว ทุกชนิด :
- ทางใบ : ให้สูตรสหประชาชาติ “น้ำ 200 ล. + ไบโออิ 60 ซีซี. + ไทเป 60 ซีซี. + ยูเรก้า 412 (60 ซีซี.)” 2 รอบ สลับด้วย แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอละ 15-20 วัน

- ทางราก : ใส่ยิบซั่ม เฟอร์มิกซ์. ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่ 6 เดือน/ครั้ง, ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 8-24-24 (2 ล./ไร่ รดทั่วแปลง ทุกตารางนิ้ว) 3 เดือน/ครั้ง, ใส่ 8-24-24 สลับเดือนกับ 21-7-14 อัตรา 2-3 กก./ไร่/เดือน ละลายน้ำรดระหว่างแถวปลูก

-------------------------------------------------------------


จาก : (082) 930-37xx
ข้อความ : ส้มโออายุ 15 ปี ต้นใหญ่มาก มีลูกตลอดปี ไม่มีรุ่น ทรงพุ่มชนกับต้นข้าง ตัดแต่งกิ่ง ลดขนาดทรงพุ่ม 3 ปีแล้วไม่ออกดอก เป็นเพราะอะไร แก้ไขอย่างไร....ขอบคุณครับ
ตอบ :
* ส้มโอตัดแต่งกิ่งเพื่อควบคุมขนาดทรงพุ่ม หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด หลังยอดแตกใหม่ออกมา ต้องใช้เวลาเลี้ยงกิ่งนั้น 1-2 ปี จึงจะออกดอกออกผล ในเมื่อวันนี้ไม่ออกดอกแล้วแตกยอดใหม่ สร้างกิ่งใหม่ หรือไม่ ถ้าไม่แตกยอดใหม่ไม่เกิดกิ่งใหม่แล้วเขาจะเอายอดที่ไหนมาออกดอกล่ะ อันนี้ขึ้นอยู่กับการบำรุงด้วย .... ปกติส้มโอเขาไม่ตัดแต่งทรงพุ่ม เพื่อคุมขนาดทรงพุ่มหรอกนะ ถ้าต้นใหญ่มาก จนทรงพุ่มชนกันแน่น เขาจะตัดออกต้นเว้นต้นไปเลย ประมาณนั้น .... ต้นส้มโอสูงมากๆก็แค่ 5-6 ม. กว้างก็พอๆกัน ทรงพุ่มใหญ่แบบนี้ออกดอกติดลูกดกดี

@@ เกร็ดความรู้เรื่องส้มโอ
- สาเหตุเกิดจาก ผลแก่เกิน แก้ไขด้วยการเก็บก่อนครบอายุ 10-15 วัน หรือผลแก่ใกล้เก็บมีฝนตก แก้ไขด้วยการทำช่องระบายน้ำออกจากโคนต้น พร้อมกับให้ปุ๋ยสูตรเร่งหวานทางใบ .... ผลส้มที่เจอ 2 กรณีนี้ ตัวกุ้งจะแข็งกระด้าง สีขาวขุ่นเหมือนสีข้าวสาร เปลือกหนา รกหนา รสเปรี้ยว ชาวสวนส้มโอเรียกว่า "ข้าวสาร"

ลักษณะทางธรรมชาติ ส้มโอ :
*เป็นพืชอายุยืนนานหลายสิบปี ปลูกได้ทุกพื้นที่ ทุกภาค และทุกฤดูกาล ชอบดินดำร่วนมีอินทรียวัตถุมากๆ ระบายน้ำดี ไม่ทนต่อสภาพน้ำท่วมขังค้างนาน

* เริ่มให้ผลผลิตได้เมื่ออายุ 2-3 ปีหลังปลูก ขึ้นอยู่กับการบำรุง ระยะที่อายุต้นยังน้อยเริ่มให้ผลผลิตช่วงแรก (สอนเป็น) ไม่ดีนัก แต่เมื่ออายุต้น 10 ปี (ต้นสาว) ขึ้นไปจะให้ผลผลิตดีและดีตลอดไป (นิ่ง) เท่าที่ต้นสมบูรณ์

* ส้มโอตอบสนองต่อ "ขี้แดดนาเกลือ" ดีมาก แนะนำให้ใส่ ปีละ 2 ครั้ง ๆละ 1/2 กก. /ต้น (ทรงพุ่ม 3-5 ม.) จะช่วยให้ต้นสมบูรณ์ ออกดอกติดผลดี รสชาติดี

* เทคนิคบำรุงด้วย "แม็กเนเซียม + สังกะสี" (ไบโออิ) กับแคลเซียม โบรอน ประจำ ตลอดทั้งปีจะช่วยให้ต้นมีความสมบูรณ์สูง คุณภาพผลผลิตดี

* ส้มโอที่ได้รับ "ธาตุรอง/ธาตุเสริม" สม่ำเสมอตลอดทั้งปี นอกจากทำให้ต้นไม่เฝือใบแล้วยังมีใบน้อย แต่ต้นสมบูรณ์พร้อมที่จะออกดอกออกผลได้ตลอดทั้งปี

* การห่อผลส้มโอจะทำให้เกิดราสนิม และราอื่นๆ ง่าย จึงไม่ควรห่อผล แต่ควรฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรกำจัดเชื้อรา และเปิดทรงพุ่มให้โปร่ง เพื่อให้แสงแดดกำจัดเชื้อราแทน

* เสน่ห์ที่เกี่ยวกับการตลาดของส้มโอก็คือ แม้อายุผลตั้งแต่ผสมติดถึงเก็บเกี่ยว 8 เดือน แต่สามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 7 เดือน (ส่งออก) หรือครบอายุ 8 เดือน (ตลาดในประเทศ) นั่นหมายความว่า ถ้าส่งออกไม่ได้ก็ขายในประเทศ เพราะมีเวลาแก้ตัวนานถึง 1 เดือน แม้แต่เก็บลงมาจากต้นแล้วยังขายไม่ออกก็สามารถทิ้งไว้บนแผงนานถึง 1-2 เดือน นี่ก็คืออีกโอกาสหนึ่งของคนขายส้มโอ ....ส้มโอบนแผง เปลือกเหี่ยวย่น รสชาติดีกว่าผิวสดเต่งตึง

* ตลาดต่างประเทศต้องการผลขนาดกลาง แต่ตลาดในประเทศต้องการผลขนาดใหญ่
* การบำรุงต้นโดยหว่านเกลือแกง 1/2-1 กก. /ต้น ทรงพุ่ม 3-5 ม. /6 เดือน (ช่วงเตรียมต้น) จะช่วยให้ได้รสชาติหวานกรอบและกลิ่นดีขึ้น

* กากถั่วเหลืองที่เหลือจากการทำน้ำเต้าหู้ หมักเปล่าๆ ทิ้งไว้นานข้ามปีขึ้นไป จนหมดกลิ่น (หมักใหม่ๆ กลิ่นแรงมาก) สาดรดบนดินในแปลงปลูก 1-2 ครั้ง /ปี จะช่วยให้ต้นสมบูรณ์ ใบใหญ่เขียวเข้ม ให้ผลผลิตดีมาก

* ช่วงผลเล็กขนาดเท่ามะนาวใหญ่ให้ เอ็นเอเอ. และ จิ๊บเบอเรลลิน ทั้งสองอย่างหรืออย่างใดอย่างหนึ่งร่วมกับ ธาตุรอง/ธาตุเสริม โดยการฉีดพ่นทางใบ 1 รอบ นอกจากช่วยลดอาการผลแตกผลร่วงได้ดีแล้ว ยังช่วยให้คุณภาพดีอีกด้วย

* นิสัยส้มโอทุกสายพันธุ์ออกดอกติดผลปีละ 2 รุ่น รุ่นแรกออกดอกเดือน ธ.ค. - ม.ค. ผลแก่เก็บเกี่ยวเดือน ส.ค. - ก.ย. (ดกมาก) รุ่นสองออกดอกเดือน ส.ค. - ก.ย. ผลแก่เก็บเกี่ยวเดือน มี.ค. - เม.ย. (ดกน้อยกว่ารุ่นแรก) แต่ผลรุ่นสองมีคุณภาพดีกว่ารุ่นแรกเพราะผลแก่ตรงกับช่วงแล้ง.... ถ้าต้องการทำให้ผลรุ่นแรกดีเหมือนรุ่นสองจะต้องควบคุมปริมาณน้ำ โดยเฉพาะน้ำใต้ดินโคนต้นให้ได้เท่านั้น

* อกดอกติดผลตลอดปีแบบไม่มีรุ่น การปล่อยให้มีผลต่างรุ่นจำนวนมากในต้นจะทำให้ยุ่งยากต่อการบำรุงระยะผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยว เพราะระหว่างบำรุงผลแก่นั้นผลรุ่นหลังจะชะงักการเจริญเติบโต ดังนั้น จึงจำเป็นต้องบำรุงแล้วเปิดตาดอกแบบให้มีดอกผลเป็นรุ่นเดียวกันทั้งต้น ....หากต้องการผลหลายรุ่นในต้นเดียวกันก็จะต้องทำให้แต่ละรุ่นห่างกัน 3-4 เดือน

* ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศผสมตัวเอง หรือต่างดอกในต้นเดียวกัน หรือต่างดอกต่างต้นได้ดี
* เกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่าง ไม่สมบูรณ์เกิดจากขาดสารอาหาร/ฮอร์โมน หรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม (อากาศร้อนหรือฝนตกชุก) ผสมกันแล้วพัฒนาเป็นผลจะเป็นผลไม่สมบูรณ์ ไม่โต รูปทรงบิดเบี้ยว

* การบังคับให้ส้มโอออกนอกฤดูสามารถทำได้โดยใช้สารพาโคลบิวทาโซล ชนิด 10 % อัตรา 5-10 กรัม /เส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม 1 ม. ราดทั่วบริเวณทรงพุ่มช่วงเดือน พ.ค. ควบคู่กับการรัดกิ่งจนใบสลด จึงแก้รัดกิ่งออกแล้วให้น้ำตามปกติ จากนั้นประมาณ 70-90 วัน ส้มโอต้นนั้นจะแทงช่อดอกออกมา ..... การบังคับด้วยวิธีทรมานต้นแบบนี้จะทำให้ต้นโทรมอย่างมาก อาจจะต้องเอาผล 1 รุ่นแล้วเว้น 1 รุ่น ซึ่งทำให้เสียโอกาสอย่างมาก ในเมื่อธรรมชาติของส้มโอออกดอกติดผลปีละ 2 รุ่น หรือออกดอกได้ตลอดปีอยู่แล้ว จึงน่าจะพิจารณาการบังคับด้วยวิธีบำรุงต้นจะดีกว่า

* ต้นที่มีรากเสริม 1-3 ราก จะให้ผลผลิตคุณภาพดี อายุต้นยืนนานกว่าต้นมีรากเดียว
* ลักษณะส้มโอ “ขี้เมา” คือ สภาพทรงพุ่มต้นดีมากและสวยมาก ติดผลดกมาก ขนาดผลมีทั้งเล็กและใหญ่ แต่เปลือกหนามากจนเนื้อในไม่มีหรือมีเนื้อน้อยมาก กลิ่นรสไม่ดีรับประทานไม่ได้ เมื่อผลมีขนาดใหญ่ขึ้นมักจะร่วง แม้จะได้บำรุงดีอย่างไรก็ไม่อาจแก้ไขให้ดีได้ ลักษณะนี้เกิดจากพันธุกรรมซึ่งปลูกจากกิ่งที่ขยายพันธุ์มาจากต้นแม่ที่เป็นขี้เมา

* ผลผลิตส้มโอเพื่อการส่งออกควรเก็บที่ความแก่ 75-80% เพราะมีรสหวานอมเปรี้ยวมาก ส่วนผลผลิตสำหรับตลาดในประเทศให้เก็บที่ความแก่ 85-95% เพราะมีรสหวานอมเปรี้ยวน้อยหรือหวานสนิท

* ผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยวมีฝนตกชุกจะทำให้ตัวกุ้งแข็งกระด้าง (ข้าวสาร) เปลือกหนา รกหนา รสเปรี้ยว
* ผลที่เก็บลงมาจากต้นแล้วปล่อยทิ้งไว้ให้ลืมต้น 15-20 วันจนเปลือกเหี่ยวมีรสชาติดีมาก

* ผลแก่ที่ถูกมวนหวานต่อยจนผิวเปลือกตะปุ่มตะปั่ม (ท้าวแสนปม) จะมีคุณภาพดีกว่าผลที่ผิวเปลือกเรียบสะอาด

* ต้นที่ได้รับแคลเซียมมากเกินหัวจุกจะสูง
* ช่วงพักต้นต้องการน้ำพอหน้าดินชื้น แต่ช่วงพัฒนาดอกและผลต้องการน้ำมาก ถ้าต้นขาดน้ำหรือได้รับน้ำไม่เพียงพอจะดอกร่วง ผลเล็กและร่วง

* ต้นที่มีความสมบูรณ์สูงจะออกดอกครั้งละจำนวนมาก เป็นดอกสมบูรณ์เพศที่ผสมตัวเองหรือต่างดอกได้ จึงทำให้แต่ละรุ่นติดผลจำนวนมาก ถ้าต้องการผลขนาดเล็กให้ไว้ผล 2-3 ผล/ขั้วได้ แต่ถ้าต้องการผลขนาดใหญ่ให้ซอยผลออกเหลือเพียง 1 ผล/ขั้ว หรืออาจจะไว้ 2 ผล/ขั้ว กรณีที่ขั้วขนาดใหญ่เกิดจากกิ่งใหญ่ซึ่งมีน้ำเลี้ยงเพียงพอ

* อายุผลตั้งแต่ดอกบานผสมติดถึงแก่เก็บเกี่ยว 8 เดือน
* ต้นส้มโอที่มีความสมบูรณ์สูง ได้รับการปฏิบัติบำรุงแบบมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.ต่อเนื่องมาหลายปี ส้มโอต้นนั้นจะออกดอกติดผลตลอดปีแบบไม่มีรุ่น จากลักษณะทางธรรมชาตินี้ ถ้าต้องการให้ผลแก่เก็บเกี่ยวได้ตรงกับช่วงเทศกาล (ตรุษจีน สารทจีน ไหว้พระจันทร์ เชงเม้ง ฯลฯ) ให้นับวันเก็บเกี่ยวย้อนหลังมาถึงวันแทงช่อดอก 8 เดือน แล้วเก็บดอก-บำรุงดอกที่ออกมาในช่วงนั้นไว้ เมื่อดอกผสมติดเป็นผลแล้วก็ให้บำรุงตามปกติ ดอกชุดนั้นก็จะเป็นผลแก่ให้เก็บเกี่ยวได้ตรงกับช่วงเทศกาลที่ต้องการพอดี ..... ส่วนดอกที่ออกตามหลังชุดที่เก็บไว้ให้เด็ดทิ้งเพื่อให้ต้นได้ส่งน้ำเลี้ยงไปให้ดอกและผลเต็มที่

* การดูผลแก่จัดให้สังเกตที่ต่อมน้ำมันใสนูน ช่องระหว่างต่อมน้ำมันกว้าง กดที่ก้นผล (สะดือ) จะยุบตามแรงกดแล้วพองขึ้นอย่างเดิม น้ำหนักดีเมื่อเทียบกับผลอื่นขนาดเท่ากัน

* ลำต้นเปล้าเดี่ยวๆ หรือกิ่งง่ามแรกสูงจากพื้น 50-80 ซม. จะให้ผลผลิตดีกว่าต้นที่ลำเปล้าสั้นหรือกิ่งง่ามแรกอยู่ต่ำ แนะนำให้ตัดแต่งกิ่งจัดรูปทรงพุ่มให้มีลำเปล้าสูงๆ ตั้งแต่ต้นเริ่มให้ผลผลิตปีแรกๆ แล้วรูปทรงต้นก็อยู่อย่างนั้นตลอดไป

* ส้มโอเสียบยอดบนตอ มะสัง มะขวิด มะกรูด หรือตออื่นๆ เมื่อต้นโตขึ้นจะเกิดอาการ “ตีนช้าง” คือ ยอดที่เสียบไม่โตต่อ แต่ส่วนตอโตขึ้นๆ แล้วไม่ส่งน้ำเลี้ยงไปให้ต้นที่เกิดจากยอดที่เสียบ

* เลือกต้นพันธุ์ที่ได้จากการตอนกิ่งกระโดง คือ ดีที่สุด และกิ่งตอนขณะรากเกิดใหม่ๆ ดีกว่ากิ่งตอนที่รากแก่จัด

http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=111

--------------------------------------------------------



.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©