MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 6 JUL **โป๊ยเซียนไม่ออกดอก, *ทุเรียนบำรุงอย่างไร, *ดาวเรืองไม่ออกดอก, *ปลูกถั่วแดงได้ไหม, *ฝรั่งห่อผลแล้วเน่า, *ดูพันธุ์มะยงชิด, *ส้มเขียวหวานเริ่มตาย, *มะ พร้าวกะทิน้ำหอม, *ส้มโอตัดแต่งกิ่งไม่ออกดอก
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป
ผู้ส่ง
ข้อความ
kimzagass หาวด้า เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11563
ตอบ: 06/07/2014 8:53 pm ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร 6 JUL **โป๊ยเซียนไม่ออกดอก, *ทุเรียนบำรุ
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางรายการวิทยุ 6 JUL
AM 594 เวลา 08.10-09.00 & 20.05-20.30 ทุกวัน และ FM 91.0 (07.00-08.00 / วันอาทิตย์)
********************************************************************
สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก
@@ สนับสนุนรายการโดย ...
... บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6
... ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธันเดอร์แคล, เอ็ม.แคล--- ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112
... และ บ.มายซัคเซส อะโกร--- ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต,
สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034
กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986
----------------------------------------------------------------------------------------------
ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ เคมี)
1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2) คุณชาตรี (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)
3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) คุณล่า (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี
5) คุณประเสริฐ (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) คุณอรุณ (085) 058-1737 ในร้านโครงการหลวง ตลาด อตก.
7) คุณพรพรรณ (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
8 ) คุณน้ำส้ม (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
@@ สารอาหาร (ปุ๋ย) เพื่อการสื่อสาร :
** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง : ส่วนผสมหลัก .... อินทรีย์/เคมี (กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด,
ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, ธาตุหลักตามพืช, แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม
** ไบโออิ : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม)
** ยูเรก้า : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน)
** ไทเป : ส่วนผสมหลัก ..... อินทรีย์/เคมี (นม, ไข่, น้ำมะพร้าว, 13-0-46. 0-52-34)
มิได้มีเจตนาโฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการสื่อสารข้อมูล เท่านั้น
.... ต้นพืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักเจ้าของสูตร .....
.... ไม่รู้เจ้าของคนปลูก ไม่ฟังโฆษณา .........
.... ต้นพืชรู้จักแต่ส่วนผสมหรือเนื้อใน .........
-----------------------------------------------------------
http://www.fm91bkk.com/home91/index.php/2012-02-28-14-53-47/32-2012-04-29-06-51-16/693-2012-04-29-06-46-29
------------------------------------------------------------
จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : โป๊ยเซียน ใช้ฮอร์โมนไข่ไม่ออกดอก แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- ฮอร์โมนไข่ ฮอร์โมนไข่ และฮอร์โมนไข่ คำถามเบื้องต้น คือ ทำมาจากอะไร ? วิธีทำอย่างไร ? วิธีใช้อย่างไร ?
- ฮอร์โมนไข่ทั่วไปทำจาก ไข่ +ยาคูลท์ + แป้งข้าวหมาก + กากน้ำตาล. อะไรก็ว่ากันไป แต่ฮอร์โมนไข่ที่ตั้งชื่อ (BRAND) ว่า ไทเป ทำมาจาก นม. ไข่. กลูโคส. น้ำมะพร้าว. น้ำส้มสายชู. ยิสต์. (อินทรีย์.... สูตรจากไต้หวัน) แม็กเนเซียม. สังกะสี. 13-0-46, 0-52-34. ธาตุรอง ธาตุเสริม (เคมี .... ลุงคิม เสริม/เติม/เพิ่ม/บวก)
- ให้กับโป๊ยเซียน ฉีดทางใบอาบลงพื้น เดือนละครั้ง ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมีใดๆทางดินเพิ่มทั้งสิ้น โป๊ยเซียนออกดอกไม่เลิก ดอกบนทนจนสีแดงเดิมทำท่าจะเป็นสีเขียวเหมือนใบ ต้นสูงใหญ่ท่วมหัวคน (สูง 150-160 ซม.) ที่ยืนเทียบกันถ่ายรูป
--------------------------------------------------------------------
จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ทุเรียนหมอนทอง ผลเล็ก เมล็ดใหญ่ ไม่มีเนื้อ บำรุงอย่างไร...?
ตอบ : -
@@ สาเหตุและวิธีแก้ :
พูหลอก (ลูกกลางกิ่ง), ลูกยอด (ปลายกิ่ง)
- เพราะ : เกสรฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สมบูรณ์แล้วผสมกัน โดยเฉพาะระยะ หางแย้ ต่อถึงกำไร ไม่ได้รับปุ๋ยสูตรบำรุงดอกหรือได้รับไม่เพียงพอ, ฝนตกชุก, ไม่มีแมลงเข้าผสมเกสร
- แก้ไข : ระยะดอก ให้ปุ๋ยบำรุงดอก ทางใบ 15-30-15 (หน้าแล้ง), 0-52-34 (หน้าฝน) .... ทางราก 8-24-24
- ระยะติดผล ให้ปุ๋ยสูตรขยายขนาด 21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน ทั้งทางใบและทางราก
ลูกเล็ก
- เพราะ : ไม่ได้รับปุ๋ยสูตรขยายขนาด
- แก้ไข : ให้ 21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน ทั้งทางใบและทางราก
เมล็ดใหญ่
- เพราะ : ไม่ได้รับปุ๋ยสูตรหยุดเมล็ด
- แก้ไข : ให้ 21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน ทั้งทางใบและทางราก
เนื้อบาง .
- เพราะ : ไม่ได้รับปุ๋ยสูตรสร้างเนื้อ
- แก้ไข : ให้ 21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน, แม็กเนเซียม. สังกะสี. แคลเซียม โบรอน, น้ำตาลทางด่วน ทั้งทางใบและทางราก
รสไม่จัด
- เพราะ : ไม่ได้รับปุ๋ยเร่งหวาน
- แก้ไข : ทางใบให้ 0-21-74, ทางราก 13-13-21
หมายเหตุ :
- ปริมาณสารอาหารที่ใช้หล่อเลี้ยงต้นในจำนวน 10 ส่วนนั้น ให้ทางใบต้นได้รับ 3-4 ส่วน ให้ทางรากต้นได้รับ 6-7 ส่วน
- กรณีทุเรียน ไม้กินผลยืนต้น อายุหลายสิบปี ให้ผลผลิตปีละครั้ง แต่ละครั้งต้องใช้สารอาหารมาก จึงต้องบำรุงแบบ เคมีนำ อินทรีย์เสริม ตามความเหมาะสมของทุเรียนระยะมีผลบนต้น ระยะมีผลจำนวนมากอยู่บนต้น ต่างจากมะเขือ พริก ซึ่งก็เป็นไม้กินผลเหมือนกัน แต่อายุแค่ปีเดียว ดอกดอกติดผลตลอดปี บำรุงแบบ อินทรีย์นำ เคมีเสริม ตามความเหมาะสมของพืชอายุสั้น ฤดูกาลเดียว ก็เพียงพอแล้ว
- ทุเรียน เช่นเดียวกันกับไม้ผลยืนต้นขนาดใหญ่ทั่วไป ให้ปุ๋ยทางใบสม่ำเสมอ แต่ให้ทางรากไม่พอ แม้จะเห็นผลชัดก็เห็นชัดแต่รุ่นนี้ หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตหมดแล้ว ต้นจะเกิดอาการโทรมอย่างรุนแรง นั่นคือ ต้องให้ปุ๋ยทางรากอย่างเพียงพอตามเกณฑ์อายุต้นและภาระที่ต้องเลี้ยงลูกบนต้น การมีปุ๋ยอินทรีย์ ทั้งชนิดน้ำและชนิดแห้ง ร่วมกับสารปรับปรุงบำรุงดิน แม้จะใส่ปุ๋ยมากเกินก็ไม่เกิดผลเสียต่อดิน ตรงกันข้าม ไม้ต้นนั้นจะมีสารอาหารโดยเฉพาะธาตุหลัก (เอ็น. พี. เค.) อย่างเพียงพอ .... ชาวสวนหลายคน เห็นว่าใช้ปุ๋ยทางใบแล้ว ไม่ให้ปุ๋ยทางใบหรือให้น้อย เป็นเหตุให้หลังเก็บเกี่ยวแล้วต้นโทรม
- ปุ๋ยทางใบจะเกิดประสิทธิภาพสูงก็ต่อเมื่อมี ความสมบูรณ์ต้น รองรับ .... ความสมบูรณ์ต้นต้องเป็น ความสมบูรณ์สะสม อันเกิดจากการบำรุงอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ทั้งช่วงมีผลบนต้นและไม่มีผลบนต้น
ปุ๋ยทางรากจะเปิดประสิทธิภาพสูงสุดก็ต่อเมื่อมี อินทรีย์วัตถุ, จุลินทรีย์, น้ำและอากาศผ่านสะดวก, ค่า พีเอช.เป็นกรดอ่อนๆ
คลิก :
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=4416
มนุษย์เงินเดือน สงสัยทุเรียน....
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=55
รวมเรื่องทุเรียน....
-------------------------------------------------------------
จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ดาวเรืองต้นเล็ก ไม่ออกดอก แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- ต้นโทรม ไม่สมบูรณ์เพราะ ปัจจัยพื้นฐาน ประกอบด้วย ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาลบ-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค อย่าใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างไม่เหมาะสมกับดาวเรือง เหมือนคนเราต้องมี ปัจจัยสี่ หรือปัจจัยห้าหกเจ็ดตามปัจเจกบุคคล
ต้นเล็ก ไม่ออกดอก นั่นคือ ต้นขาดความสมบูรณ์อย่างรุนแรง ทิ้งไว้ไม่นานก็ตาย ดาวเรืองพืชอายุสั่น ฤดูกาลเดียว ปลูกได้ทั่วประเทศ ออกดอกได้ตลอดทั้งปี
- ปลูกดาวเรืองต้องเริ่มจากดิน ดินต้องมาก่อน ดินดีได้แล้วครึ่ง ดินไม่มีเสียแล้วกว่าครึ่ง .... ปุ๋ยไม่ใช่เรื่องสำคัญ เอาไว้อันดับท้ายๆ งานนี้ต้องดินก่อน
จาก : (081) 280-16xx
ข้อความ : ลุงคิมครับ ผมจะปลูกดาวเรืองในถุงดำ เตรียมดินผสมดินอย่างไร จึงจะถูกต้องและถูกใจดาวเรืองครับ....
ตอบ :
- ส่วนผสม .... ดินร่วน (ดินขุยไผ่เชิงเขา) 1 ตัน + อินทรียวัตถุ สารปรับปรุงบำรุงดิน และจุลินทรีย์ คือ ยิบซั่ม 1 กส. + ปุ๋ยอินทรีย์ 1 กส. + กระดูกป่น 10 กก. + ขี้วัวขี้ไก่ 100 กก. + กาบมะพร้าวสับเล็ก 50 กก. + แกลบดิบ 50 กก. + ระละเอียด 25 กก. + น้ำหมักชีวภาพ สูตรไหนก็ได้ ที่มั่นใจว่ามีสารอาหารและจุลินทรีย์ 1-2 ล. + น้ำตามความเหมาะสม .... อัตราส่วนระหว่างดินกับอินทรีย์วัตถุฯ ประมาณ 4 : 1 เรียกว่า วัสดุปลูก ถ้าอัตราส่วนระหว่างดินกับอินทรีย์วัตถุฯ ประมาณ 1 : 4 เรียกว่า ปุ๋ยอินทรีย์
- วิธีทำ : คลุกเคล้าส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี ระหว่างที่คลุกส่วนผสมก็ให้รดด้วยน้ำหมักชีวภาพ ให้ส่วนผสมทุกอย่างเปียกชื้นเกือบชุ่ม (ชื้น-ชุ่ม-โชก-แฉะ-แช่) ทั่วกันดีๆ ตรวจสอบความชื้นโดยหยิบส่วนผสมขึ้นมากำด้วยมือ กำแล้วมีน้ำไหลออกมา แสดงว่าความชื้นมากเกิน ให้เพิ่มส่วนผสม .... ถ้ากำมือแล้วไม่มีน้ำไหลออกมา กับแบมือแล้วก้อนอินทรีย์วัตถุแตกไม่จับก้อน แสดงว่าความชื้นน้อย ให้เพิ่มน้ำ .... ความชื้นพอดีแล้วให้ทำกอง คลุมด้วยพลาสติกเพื่ออบความร้อน
- วิธีตรวจ : ระหว่างการหมัก จุลินทรีย์จะเจริญพัฒนาเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ประ มาณ 5-7 วันเริ่มสำรวจกอง ถ้าในกองร้อน ถึงร้อนมากๆ ให้พลิกกลับกองเพื่อระบายความร้อนแล้วหมักต่อ อีก 5-7 วันให้สำรวจซ้ำ ถ้าในกองยังร้อนมากก็ให้พลิกกลับกองอีก ทำซ้ำ 3-4-5 ครั้งทุก 5-7 วัน หรือรวมประมาณ 2-3 เดือน จนทุกอย่างในกองหมดความร้อนกลายเป็นความเย็น (มือจับรู้สึกได้) และมีกลิ่นหอม ก็พร้อมบรรจุในถุงสำหรับปลูกดาวเรือง หรือพืชอายุสั้นฤดูกาลเดียวได้ทุกชนิด .... นอกจากถุงดำแล้ว ขวดน้ำพลาสติกขนาด 5 ล. เจาะรูด้านข้าง/ก้นขวด ก็ใช้แทนกันได้
หมายเหตุ :
- ระหว่างการหมัก ความร้อนในกอง 40-50 องศา ซ. จุลินทรีย์ทั่วๆไป เกิดแล้วเจริญพัฒนาดี .... ความร้อนในกอง 60 องซา ซ. จุลินทรีย์ไตรโคเดอร์ม่า เกิดแล้วเจริญพัฒนาดี .... ความร้อนเกิน 70 องศา ซ. จุลินทรีย์ทุกชนิดตาย
ใส่อินทรีย์วัตถุ รากไผ่ รากถั่วฯ รากหญ้า จะได้จุลินทรีย์กลุ่ม คีโตเมียม. ไรโซเบียม. ไมโครไรซ่า. อะโซโตแบ็คเตอร์. แอ็คติโนมัยซิส. ฟังก์จัย.
ใส่ยูเรีย 1 กก. (ผสมในน้ำหมักฯ) ช่วยเร่งกระบวนการจุลินทรีย์ให้เจริญพัฒนาดีขึ้น .... ถ้าไม่มีน้ำหมักชีวภาพ ให้ใช้กากน้ำตาลแทนได้ แต่คุณภาพจะด้อยกว่าน้ำหมักฯ เพราะในกากน้ำตาลไม่มีสารอาหารและจุลินทรีย์.... กากน้ำตาลมากเกินจะยับยั้งการเจริญเติบโตของพืช
การใส่ ธาตุรอง/ธาตุเสริม. 0.5-1.0%, ธาตุหลัก (สูตรตรงกับพืชที่จะปลูก) 2-3% ของส่วนผสมทั้งหมดร่วมไปด้วย จะช่วยให้ได้สารอาหารครบถ้วน เมื่อปลูกพืชลงไปแล้วไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเคมีทางรากอีก แต่ให้ปุ๋ยทางใบเพิ่มเล็กน้อยเท่านั้น
- ปลูกในถุง รุ่นแรกเก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้วนำอินทรียวัตถุซึ่งก็คือ วัสดุปลูก เทออกจากถุง ตากแดดให้แห้งสนิท แล้วเติม น้ำหมักชีวภาพ + ธาตุหลัก/ธาตุรอง/ธาตุเสริม คลุกเคล้าให้เข้ากันดี หมักทิ้งไว้ 7-10 วัน บรรจุลงถุง ลงมือปลูกใหม่ได้ เรียกว่า ซ้ำที่ ไม่ซ้ำดิน นั่นเอง
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=3570
@@ บำรุงดาวเรือง :
ทางใบ : ให้ฮอร์โมนไข่สูตรที่กำลังนิยม มีส่วนผสม 13-0-46, 052-34 ร่วมไปด้วย อาทิตย์ละครั้ง ฉีดอาบจากใบลงดินไปเลย ให้น้ำสม่ำเสมอ พอหน้าดินชื้น
ทางราก : ใส่ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ กระดูกป่น ยิบซั่ม 1 ครั้ง ช่วงเตรียมดิน .... พรวนดิน พูนดิน หญ้าแห้งคลุมโคนต้นเดือนละครั้ง ให้น้ำสม่ำเสมอพอหน้าดินชื้น
--------------------------------------------------------------
จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ที่ดินเชียงราย ปลูกถั่วแดงหลวง ได้ไหม ....?
ตอบ :
- ประเทศไทย จาก บ.วาวี เชียงราย ถึง บ.โต๊ะโมะ นราธิวาส....จาก บ.เวินบึก อุบล ถึงบ้านอีต่อง กาญจนบุรี ปลูกได้ทั้งนั้น
- ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วขาว เป็นถั่วไร่ ไม่เหมือนถั่งฝักยาว ถั่วลันเตา ถั่วพู เป็นถั่วสวนครับ .... ถั่วไร่ให้น้ำ อาทิตย์ละครั้ง พอหน้าดินชื้น แต่ถั่วสวนครัวต้องให้น้ำทุกวัน สม่ำเสมอ พอหน้าดินชื้น
- ถั่วไร่ ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรที่ส่วนผสมเลือดสัตว์มากๆ เดือนละครั้งก็พอ ....ในเลือดสัตว์มี ธาตุเหล็ก สูง ถั่วไร่ชอบ จะได้ผลผลิตมาก และคุณภาพดี
- ถ้าในน้ำหมักชีวภาพไม่มีส่วนผสมของเลือด ก็ให้ เหล็ก คีเลต ซึ่งเป็นเคมีแทน ฉีดพ่นทางใบโชกๆ ลงดินไปเลย เดือนละครั้งก็ได้
--------------------------------------------------------------
จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ฝรั่งห่อผลแล้ว ผลเน่า ร่วง แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- เชื้อราตัวนี้ชื่อ แอนแทร็คโนส เข้าทำลายผล เรียกว่า โรคผลเน่า เชื้อเกิดในดินที่เป็นกรดจัด เกิดแล้วขยายพันธุ์โดยล่องลอยไปในอากาศ แล้วเข้าทำลายส่านของพืชอย่างที่เห็น
- แม้จะห่อแล้วแต่ต้องมีช่องว่างให้อากาศผ่าน เข้า-ออก ได้บ้าง เชื้อราที่ลอยอยู่ในอากาศจึงเข้าไป ครั้นปิดก้นถุงจนมิดชิดก็จะระบายไอน้ำที่ระเหิดออกมาจากผิวของผลฝรั่งไม่ได้ กลายเป็นแฉะในถุงอีก เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องเปิดก้นถุงบ้าง
- แก้ไขด้วยการ เปิดก้นถุงแล้วฉีดพ่นสมุนไพรเผ็ดจัดเข้าไปในผลฝรั่ง ฉีดให้เปียกทั่วทั้งผล ฉดบ่อยๆจึงจะป้องกันได้
- ความเป็นฝรั่ง จำเป็นต้องห่อผล ถ้าไม่ห่อเนื้อจะแข็งทานไม่อร่อย ชาวสวนทั่วไปห่อแบบใช้ถุงกร๊อบแกร็บอยู่ข้างในแล้วห่อด้วยกระดาษทับด้านนอก (ห่อ 2 ชั้น) แบบนี้ถ้ากระดาษไม่เหนียวพอ เมื่อถูกน้ำจะเปื่อยยุ่ย ต้องเปลี่ยนใหม่ .... ที่ไร่กล้อมแกล้ม ห่อแบบกระดาษอยู่ใน ทับด้วยถุงกร๊อบแกร๊บ แบบนี้กระดาษไม่ถูกน้ำก็จะไม่เปื่อย อยู่ได้จนถึงวันเก็บเกี่ยว....ส่วนเรื่องป้องกัน "โรคผลเน่า" ก็ใช้วิธีเปิดก้นถุง แล้วฉีดสมุนไพร "เผ็ดจัด-ร้อนจัด" ฉีดบ่อยๆ ประจำๆ อันนี้กำหนดจำนวนวันไม่ได้ เพราะเชื้อจะระบาด มาก/น้อย ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม
- ประโยชน์จากการห่อผลอย่างหนึ่งซึ่งสำคัญมาก คือ ป้องกันแมลงวันทอง
--------------------------------------------------------------
จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : วิธีเลือกพันธุ์มะยงชิดอย่างไร....?
ตอบ :
- ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ดูให้แน่ดูถึงยาย ซื้อต้นไปให้ถึงสวน ดูต้นแม่ สอบถามพูดคุยว่า ชัวร์หรือมั่วนิ่ม
ตรวจสอบความน่าเชื่อถือเอาเอง
-มะยงชิดทุกชื่อสายพันธุ์ ทั่วประเทศ คือพันธุ์เดียวกันทั้งหมด มาจากต้นแม่ที่บางบำหรุ บางขุนเทียน บางกอกน้อย เหมือนกัน ไปอยู่ทีไหนความที่ ปัจจัยพื้นฐาน ต่างกัน ผลผลิตที่ออกมาจึงต่างกัน แล้วคนปลูกก็ตั้งชื่อกันเอาเอง
- ซื้อต้นมะยงชิดดูต้นมะยงชิด ก็คือ ดูยอด ดูใบ ดูกิ่ง ดูลำต้น ดูราก แค่พูดให้ฟัง เขียนให้อ่าน อีก 100 ปีก็ดูไม่ออก ไม้ต้นเล็กๆ ลักษณะความแตกต่างทางสายพันธุ์ดูยาก เรื่องอย่างนี้มันต้อง เห็นกับตา จับกับมือ รอช่วงมีลูกผลแก่แล้วไปชิมกับปาก นั้นแหละถึงจะรู้เรื่องจริง
- สอบถามไปที่ สวนวันเพ็ญพันธุ์ไม้" 081-803-4930 ซ.รามคำแหง อ.เมือง ปราจีนบุรี มะยงชิดพันธุ์ไข่ทอง....อ้างชื่อลุงคิมได้เลย
--------------------------------------------------------------
จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ส้มเขียวหวาน ราชบุรี 200 ไร่ ปีแรกๆดกมาก เพราะไม่มีน้ำต้นเริ่มตาย แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- สาเหตุก็บอกมาแล้วไงว่า ไม่มีน้ำ ไม่ใช่แต่ส้มเขียวหวานหนอกนะ ส้มโอ ส้มเช้ง ส้มจี๊ด มะนาว มะกรูด มะม่วง มะพร้าว ทุกพืชนั้นแหละ ไม่มีน้ำเขาจะอยู่ได้ไง ไม่มีพืชใดในโลกนี้ที่ไม่ต้องการน้ำ.... ทำการเกษตร ทุกชนิดประเภท น้ำต้องมาก่อน น้ำต้องมาก่อน และน้ำต้องมาก่อน น้ำคือชีวิต มีน้ำไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ได้ ไม่มีน้ำมีไฟฟ้าคนอยู่ไม่ได้
ที่ 200 ไร่ ไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติทั้งไต้ดิน (บาดาล) บนดิน ห้วย หนอง คลอง บึง แม่น้ำ ก็สู้ที่ 20 ไร่ มีน้ำไม่ได้
- ส้มเขียวหวาน 200 ไร่ ใช้น้ำวันละเท่าไหร่ แรงงานวันละกี่คน อีกหลายๆอย่างที่เป็นต้นทุน เมื่อไม่มีน้ำเพียงอย่างเดียว มีเงินทุนเท่าไหร่ก็ไม่พอ .... จ้างรถบันทุกน้ำมารดให้ต้นส้ม อาทิตย์ละครั้ง คุ้มเหรอ ?
- เปลี่ยนใจใหม่เถอะ เนื้อที่ 200 ไร่ ปลูกป่าไม้ใช้สอย โตเร็ว 198 ไร่ ใช้เวลา 10 ปี ได้ไม้มาแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม ทำเฟอร์นิเจอร์ มูลค่าเป็นล้าน ในป่าก็เลี้ยงมดแดงขายไข่มดแดง เลี้ยงผึ้งทำน้ำผึ้งบริสุทธิ์ ไงล่ะ รายได้ไม่ใช่น้อยนะ .... เหลือเนื้อที่ 2 ไร่ ลงทุนสร้างแหล่งน้ำขึ้นมาเอง โดยทำแทงค์น้ำขนาดจุแทงค์ละ 1,000 ล. 10-20-30 แทงค์ ซื้อน้ำมาใส่ ปลูกพืชปลูกพืชอายุสั้น ฤดูกาลเดียว ราคาต่อผลแพงๆ เช่น แคนตาลูป แตงโม หรือปลูกพืชที่ขายได้ตลอดปี เช่น พริก มะเขือ ที่สำคัญต้องมีน้ำเท่านั้นแหละ .... ว่ามั้ย ประเทศไทย มีกิจกรรมทางการเกษตรให้เลือกทำมากที่สุดในโลก แต่คนไม่ไม่รู้จะทำเกษตรอะไร ว่าแล้วก็ทำตามข้างบ้าน ทำตามกระแส ลงท้ายจึงมีแต่ "หนี้ + ความล้มเหลว" ไงล่ะ
- งานนี้ ยาก/ง่าย อยู่ที่ใจ เรารักส้มแต่ส้มไม่รักเรา ที่จริงส้มก็จะรักเราอยู่เหมือนกันแต่เมื่อไม้มีน้ำเขาจะรักเราได้ไง .... ปลูกบ้านไม่ดูลักษณะพื้นที่ อยู่ๆไปบ้านก็พัง ปลูกต้นไม้ก็เหมือนกัน ในเมื่อต้นไม้ต้องใช้น้ำ ทำไมไม่สร้างแหล่งน้ำให้เขาด้วย ปลูกใหม่ๆ มีฝนก็ว่าไป หมดฝนก็คือแล้ง อยู่ประเทศไทยมานานไม่เคยได้ยินเรื่อง ฝนแล้ง ฝนทิ้งช่วง เลยเหรอ อย่าว่าแต่แค่ให้ออกดอกติดลูกเลย แม้แต่ชีวิตเขาก็ยังรักษาไม่ได้
- รักที่ดินผืนนี้มากๆ ๆๆ ๆๆ เพราะฮวงจุ้ยดี ก็กู้เงิน ธ.ก.ส. มาลงทุนสร้างแหล่งน้ำส่วนตัว หรือตัดที่ขาย 10-20-30 ไร่ เอาเงินมาลงทุนสร้างแหล่งน้ำ หาไม่แล้วจะไม่ได้อะไรเลยจากที่ดินผืนนี้ ในทางกลับกัน หากมีแหล่งน้ำในที่ดินก็จะเป็นการสร้างมูลค่าแก่ที่ดินอีกด้วย .... เหมือนไร่กล้อมแกล้ม หะแรกที่ไปถึง สำรวจก่อนว่า น้ำอยู่ไหน น้ำอยู่ไหน .... บนดิน ไต้ดิน เมื่อรู้ว่ามีแน่แล้ว สั่งขุดสระทันที ขุดสระเสร็จ ปล่อยน้ำ (บาดาล) เข้าทันที 3 วัน 3 คืนน้ำเต็มบ่อ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าจะปลูกไม้อะไรตรงไหนด้วยซ้ำ ถึงวันนี้ ที่ไหนๆ แล้ง แต่ไร่กล้อมแกล้มเผลอเมื่อไรน้ำท่วมเมื่อนั้น
- จะรอรัฐบาลสร้างแห่งน้ำสาธารณะมาถึงที่ของเราเองน่ะเหรอ อีก 500ปี 800ชาติ ก็ไม่ได้ จงอัตตาหิ อัตตโน นาโถ สร้างแหล่งน้ำเองเถอะ หรือถอนใจจากส้มเขียวหวานเป็นอย่างอื่นดีไหม
-------------------------------------------------------------
จาก : (088) 290-47xx
ข้อความ : อยากให้ผู้พันพูดเรื่องมะพร้าวกะทิน้ำหอม กับมะพร้าวพันธุ์ต้นเตี้ยด้วยครับ...
ขอบคุณครับ
ตอบ :
- ฟันธง .... มะพร้าวกะทิน้ำหอม พันธุ์ชุมพร 80 ดีที่สุด ณ วันนี้, มะพร้าวพันธุ์เตี้ยที่สุด ณ วันนี้คือ พันธุ์เหลืองมาเล ต้นสูงแค่ 70 ซม.
- ที่ศูนย์วิจัยยางสุราษฏร์ธานี อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฏร์ธานี ได้พัฒนาพันธุ์มะพร้าวขึ้นมา ได้แก่ พันธุ์น้ำหอมพันธุ์ทุ่งเคล็ด, พันธุ์มลายูสีเหลืองต้นเตี้ย, และพันธุ์มลายูสีแดงต้นเตี้ย, ส่วนพันธุ์เวสท์แอฟริกันต้นสูง จากประเทศไอวอรี่โคสท์ สำหรับพันธุ์มะพร้าวกะทิ พบว่า มะพร้าวกะทิลูกผสมระหว่างน้ำหอม x กะทิ (NHK) และมลายูสีเหลืองต้นเตี้ย x กะทิ (YDK) ได้มาเป็นพันธุ์ที่มีลักษณะที่ดี จึงนำเสนอให้กรมวิชาการเกษตรพิจารณาเพื่อรับรองเป็นพันธุ์แนะนำ
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=347&contentID=82624
จาก : (089) 183-45xx
ข้อความ : มีที่ว่างอยู่ 4 ไร่ อยากปลูกมะพร้าวกะทิ ขอคำแนะนำด้วยครับ .... ชลบุรี
ตอบ :
วิธีที่ 1 .... ทำมะพร้าวจากมะพร้าวพันธุ์อะไรก็ได้ ถ้าต้องการให้ลูกออกมาเป็นมะพร้าวกะทิ ก็เอาถุงพลาสติกหุ้มจั่น จั่นก็คือดอกมะพร้าว 1 จั่นคือ 1 ทะลาย จั่นไหนถูกห่อด้วยพลาสติก จั่นนั้นหรือทลายดอกนั้นมันจะพิการ ทั้งนี้จะต้องห่อตั้งแต่กลีบจั่นเริ่มแย้มบาน ห่อไปจนกระทั่งติดลูกขนาดลูกหมากจึงค่อยเอาออก โดยทั่วไปมะพร้าวในทะลายที่ห่อจั่นประมาณ 80-90% จะเป็นมะพร้าวกะทิ วิธีนี้เป็นการทำมะพร้าวกะทิแบบชั่วคราว มะพร้าวในทะลายอื่นๆ ที่ไม่ได้ห่อจั่นจะไม่เป็นมะพร้าวกะทิ
วิธีที่ 2 .... เป็นการทำมะพร้าวกะทิแบบถาวร วิธีนี้ให้นำมะพร้าวที่เพาะไว้ ที่มีหน่อเหนือเปลือกขึ้นมาราว 30 ซม. แล้วใช้มีดตัดผลมะพร้าวด้านตรงข้ามกับหน่อให้ขาด จนเห็นเนื้อสีขาวและจาวสีเหลืองภายในกะลามะพร้าว จากนั้นคว้านเอาจาวที่อยู่กลางกะลาออก เอาดินเหนียวโคนต้นอัดลงไปในกะลาแทนจาวจนเต็ม และแน่นพอประมาณ จึงนำไปปลูก มะพร้าวที่ทำวิธีนี้เมื่อโตขึ้นจะเป็นมะพร้าวกะทิประมาณ 50% หากจะเพิ่มปริมาณก็สามารถทำได้โดยให้เอาผลมะพร้าวที่ไม่เป็นมะพร้าวกะทิจากต้นที่เป็นกะทิ มาเพาะแล้วทำวิธีการเดียวกับที่กล่าวมานี้ ก็จะทำให้มะพร้าวในต้นใหม่เป็นมะพร้าวกะทิถึง 80-90% มะพร้าวทุกพันธุ์สามารถทำมะพร้าวกะทิได้ทั้งนั้น
การเกิดมะพร้าวกะทิ :
ซูนิก้า (Zunica) ชาวฟิลิปปินส์ได้ทำการศึกษา โดยการควบคุมการผสมเกสรมะพร้าวต้นที่ให้ผลมะพร้าวกะทิ กับมะพร้าวธรรมดา ให้ผสมตัวเอง ผลปรากฏว่าได้ผล มะพร้าวธรรมดา 3 ส่วน เป็นมะพร้าวกะทิ 1 ส่วน จึงสรุปได้ว่าการเกิดมะพร้าวกะทิเป็นเรื่องของพันธุกรรม
การสังเกตผลมะพร้าวกะทิ :
การเก็บเกี่ยวมะพร้าวจากต้นที่เป็นกะทิ ในทะลายหนึ่งจะพบผลที่เป็นกะทิประมาณ 1 หรือ 2 ผล ใน 10 ผล ข้อสังเกตผลที่เป็นกะทิอายุ 11-12 เดือน เมื่อเขย่าผลจะไม่ได้ยินเสียงคอนน้ำ ถ้าเป็นมะพร้าวปกติจะได้ยินเสียงน้ำ ชาวสวนมะพร้าวบางคนมีความชำนาญจากการฟังเสียง เมื่อปอกเปลือกออกเหลือแต่กะลาแล้วใช้นิ้วดีด เสียงดังจะแตกต่างกันระหว่างมะพร้าวกะทิและมะพร้าวปกติ
ปรากฏการณ์การเกิดมะพร้าวกะทิในธรรมชาติ :
1. มะพร้าวที่ให้ผลกะทิ ปลูกอยู่เพียงต้นเดียวท่ามกลางมะพร้าวที่ให้ผลปกติ การจะเกิดมะพร้าวกะทิได้จะต้องเกิดจากการผสมเกสรระหว่างเกสรตัวเมียของจั่นพี่ กับเกสรตัวผู้ของจั่นน้อง ภายในต้นเดียวกัน
2. มะพร้าวที่ให้ผลกะทิ ปลูกอยู่หลายต้นในบริเวณเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน การเกิดมะพร้าวกะทิจะเกิดจากการผสมข้ามต้น หรือผสมภายในต้นเดียวกันแต่คนละจั่น
การขยายพันธุ์มะพร้าวกะทิ :
1. เก็บผลมะพร้าวที่ผลปกติในทะลายที่มีมะพร้าวกะทิมาเพาะ เป็นวิธีที่เกษตรกรดำเนินการมาเป็นเวลานานแล้ว แต่โอกาสที่จะได้ต้นมะพร้าวกะทิมีเพียงครึ่งเดียว
2. ควบคุมการผสมเกสรต้นมะพร้าวกะทิให้ผสมตัวเอง โดยการตัดดอกตัวผู้ไปผลิตเป็นละอองเกสรที่มีความชื้นไม่เกิน 15% เก็บในตู้เย็น ช่องธรรมดาได้นาน 2 สัปดาห์ ใช้ถุงผ้าใบคลุมจั่นที่มีดอกตัวเมีย เมื่อบานก็นำละอองเกสรผสมกับแป้งดินสอพอง อัตราส่วน 1 : 20 ไปพ่นทุกวันจนกว่าดอกตัวเมียจะบานหมด ทิ้งไว้ 2 สัปดาห์ แล้วจึงเปิดถุงออก วิธีการนี้จะมีโอกาสได้ต้นมะพร้าวกะทิ 2 ใน 3 แต่ต้นมะพร้าวกะทิส่วนใหญ่จะสูงมาก จึงลำบากในการปีนขึ้นไปตัดดอกตัวผู้และผสมพันธุ์
3. การนำคัพภะมะพร้าวกะทิไปเพาะเลี้ยงในอาหารวิทยาศาสตร์ ในห้องปฏิบัติการสภาพปลอดเชื้อ
ปัจจุบัน มะพร้าวกะทิ มี 2 ชนิด พันธุ์ที่ได้รับความนิยมรับประทานและนิยมปลูกกันแพร่หลาย ได้แก่ มะพร้าวกะทิน้ำหอม กับ มะพร้าวกะทิน้ำหวาน ซึ่งทั้ง 2 พันธุ์เป็นพันธุ์ต้นเตี้ย สูงเต็มที่ไม่เกิน 2-3 เมตร ติดผลดก 15-20 ผลต่อหนึ่งทะลาย
@@ บำรุงมะพร้าว ทุกชนิด :
- ทางใบ : ให้สูตรสหประชาชาติ น้ำ 200 ล. + ไบโออิ 60 ซีซี. + ไทเป 60 ซีซี. + ยูเรก้า 412 (60 ซีซี.) 2 รอบ สลับด้วย แคลเซียม โบรอน 1 รอบ ห่างกันรอละ 15-20 วัน
- ทางราก : ใส่ยิบซั่ม เฟอร์มิกซ์. ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่ 6 เดือน/ครั้ง, ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง 8-24-24 (2 ล./ไร่ รดทั่วแปลง ทุกตารางนิ้ว) 3 เดือน/ครั้ง, ใส่ 8-24-24 สลับเดือนกับ 21-7-14 อัตรา 2-3 กก./ไร่/เดือน ละลายน้ำรดระหว่างแถวปลูก
-------------------------------------------------------------
จาก : (082) 930-37xx
ข้อความ : ส้มโออายุ 15 ปี ต้นใหญ่มาก มีลูกตลอดปี ไม่มีรุ่น ทรงพุ่มชนกับต้นข้าง ตัดแต่งกิ่ง ลดขนาดทรงพุ่ม 3 ปีแล้วไม่ออกดอก เป็นเพราะอะไร แก้ไขอย่างไร....ขอบคุณครับ
ตอบ :
* ส้มโอตัดแต่งกิ่งเพื่อควบคุมขนาดทรงพุ่ม หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด หลังยอดแตกใหม่ออกมา ต้องใช้เวลาเลี้ยงกิ่งนั้น 1-2 ปี จึงจะออกดอกออกผล ในเมื่อวันนี้ไม่ออกดอกแล้วแตกยอดใหม่ สร้างกิ่งใหม่ หรือไม่ ถ้าไม่แตกยอดใหม่ไม่เกิดกิ่งใหม่แล้วเขาจะเอายอดที่ไหนมาออกดอกล่ะ อันนี้ขึ้นอยู่กับการบำรุงด้วย .... ปกติส้มโอเขาไม่ตัดแต่งทรงพุ่ม เพื่อคุมขนาดทรงพุ่มหรอกนะ ถ้าต้นใหญ่มาก จนทรงพุ่มชนกันแน่น เขาจะตัดออกต้นเว้นต้นไปเลย ประมาณนั้น .... ต้นส้มโอสูงมากๆก็แค่ 5-6 ม. กว้างก็พอๆกัน ทรงพุ่มใหญ่แบบนี้ออกดอกติดลูกดกดี
@@ เกร็ดความรู้เรื่องส้มโอ
- สาเหตุเกิดจาก ผลแก่เกิน แก้ไขด้วยการเก็บก่อนครบอายุ 10-15 วัน หรือผลแก่ใกล้เก็บมีฝนตก แก้ไขด้วยการทำช่องระบายน้ำออกจากโคนต้น พร้อมกับให้ปุ๋ยสูตรเร่งหวานทางใบ .... ผลส้มที่เจอ 2 กรณีนี้ ตัวกุ้งจะแข็งกระด้าง สีขาวขุ่นเหมือนสีข้าวสาร เปลือกหนา รกหนา รสเปรี้ยว ชาวสวนส้มโอเรียกว่า "ข้าวสาร"
ลักษณะทางธรรมชาติ ส้มโอ :
*เป็นพืชอายุยืนนานหลายสิบปี ปลูกได้ทุกพื้นที่ ทุกภาค และทุกฤดูกาล ชอบดินดำร่วนมีอินทรียวัตถุมากๆ ระบายน้ำดี ไม่ทนต่อสภาพน้ำท่วมขังค้างนาน
* เริ่มให้ผลผลิตได้เมื่ออายุ 2-3 ปีหลังปลูก ขึ้นอยู่กับการบำรุง ระยะที่อายุต้นยังน้อยเริ่มให้ผลผลิตช่วงแรก (สอนเป็น) ไม่ดีนัก แต่เมื่ออายุต้น 10 ปี (ต้นสาว) ขึ้นไปจะให้ผลผลิตดีและดีตลอดไป (นิ่ง) เท่าที่ต้นสมบูรณ์
* ส้มโอตอบสนองต่อ "ขี้แดดนาเกลือ" ดีมาก แนะนำให้ใส่ ปีละ 2 ครั้ง ๆละ 1/2 กก. /ต้น (ทรงพุ่ม 3-5 ม.) จะช่วยให้ต้นสมบูรณ์ ออกดอกติดผลดี รสชาติดี
* เทคนิคบำรุงด้วย "แม็กเนเซียม + สังกะสี" (ไบโออิ) กับแคลเซียม โบรอน ประจำ ตลอดทั้งปีจะช่วยให้ต้นมีความสมบูรณ์สูง คุณภาพผลผลิตดี
* ส้มโอที่ได้รับ "ธาตุรอง/ธาตุเสริม" สม่ำเสมอตลอดทั้งปี นอกจากทำให้ต้นไม่เฝือใบแล้วยังมีใบน้อย แต่ต้นสมบูรณ์พร้อมที่จะออกดอกออกผลได้ตลอดทั้งปี
* การห่อผลส้มโอจะทำให้เกิดราสนิม และราอื่นๆ ง่าย จึงไม่ควรห่อผล แต่ควรฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรกำจัดเชื้อรา และเปิดทรงพุ่มให้โปร่ง เพื่อให้แสงแดดกำจัดเชื้อราแทน
* เสน่ห์ที่เกี่ยวกับการตลาดของส้มโอก็คือ แม้อายุผลตั้งแต่ผสมติดถึงเก็บเกี่ยว 8 เดือน แต่สามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 7 เดือน (ส่งออก) หรือครบอายุ 8 เดือน (ตลาดในประเทศ) นั่นหมายความว่า ถ้าส่งออกไม่ได้ก็ขายในประเทศ เพราะมีเวลาแก้ตัวนานถึง 1 เดือน แม้แต่เก็บลงมาจากต้นแล้วยังขายไม่ออกก็สามารถทิ้งไว้บนแผงนานถึง 1-2 เดือน นี่ก็คืออีกโอกาสหนึ่งของคนขายส้มโอ ....ส้มโอบนแผง เปลือกเหี่ยวย่น รสชาติดีกว่าผิวสดเต่งตึง
* ตลาดต่างประเทศต้องการผลขนาดกลาง แต่ตลาดในประเทศต้องการผลขนาดใหญ่
* การบำรุงต้นโดยหว่านเกลือแกง 1/2-1 กก. /ต้น ทรงพุ่ม 3-5 ม. /6 เดือน (ช่วงเตรียมต้น) จะช่วยให้ได้รสชาติหวานกรอบและกลิ่นดีขึ้น
* กากถั่วเหลืองที่เหลือจากการทำน้ำเต้าหู้ หมักเปล่าๆ ทิ้งไว้นานข้ามปีขึ้นไป จนหมดกลิ่น (หมักใหม่ๆ กลิ่นแรงมาก) สาดรดบนดินในแปลงปลูก 1-2 ครั้ง /ปี จะช่วยให้ต้นสมบูรณ์ ใบใหญ่เขียวเข้ม ให้ผลผลิตดีมาก
* ช่วงผลเล็กขนาดเท่ามะนาวใหญ่ให้ เอ็นเอเอ. และ จิ๊บเบอเรลลิน ทั้งสองอย่างหรืออย่างใดอย่างหนึ่งร่วมกับ ธาตุรอง/ธาตุเสริม โดยการฉีดพ่นทางใบ 1 รอบ นอกจากช่วยลดอาการผลแตกผลร่วงได้ดีแล้ว ยังช่วยให้คุณภาพดีอีกด้วย
* นิสัยส้มโอทุกสายพันธุ์ออกดอกติดผลปีละ 2 รุ่น รุ่นแรกออกดอกเดือน ธ.ค. - ม.ค. ผลแก่เก็บเกี่ยวเดือน ส.ค. - ก.ย. (ดกมาก) รุ่นสองออกดอกเดือน ส.ค. - ก.ย. ผลแก่เก็บเกี่ยวเดือน มี.ค. - เม.ย. (ดกน้อยกว่ารุ่นแรก) แต่ผลรุ่นสองมีคุณภาพดีกว่ารุ่นแรกเพราะผลแก่ตรงกับช่วงแล้ง.... ถ้าต้องการทำให้ผลรุ่นแรกดีเหมือนรุ่นสองจะต้องควบคุมปริมาณน้ำ โดยเฉพาะน้ำใต้ดินโคนต้นให้ได้เท่านั้น
* อกดอกติดผลตลอดปีแบบไม่มีรุ่น การปล่อยให้มีผลต่างรุ่นจำนวนมากในต้นจะทำให้ยุ่งยากต่อการบำรุงระยะผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยว เพราะระหว่างบำรุงผลแก่นั้นผลรุ่นหลังจะชะงักการเจริญเติบโต ดังนั้น จึงจำเป็นต้องบำรุงแล้วเปิดตาดอกแบบให้มีดอกผลเป็นรุ่นเดียวกันทั้งต้น ....หากต้องการผลหลายรุ่นในต้นเดียวกันก็จะต้องทำให้แต่ละรุ่นห่างกัน 3-4 เดือน
* ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศผสมตัวเอง หรือต่างดอกในต้นเดียวกัน หรือต่างดอกต่างต้นได้ดี
* เกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่าง ไม่สมบูรณ์เกิดจากขาดสารอาหาร/ฮอร์โมน หรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม (อากาศร้อนหรือฝนตกชุก) ผสมกันแล้วพัฒนาเป็นผลจะเป็นผลไม่สมบูรณ์ ไม่โต รูปทรงบิดเบี้ยว
* การบังคับให้ส้มโอออกนอกฤดูสามารถทำได้โดยใช้สารพาโคลบิวทาโซล ชนิด 10 % อัตรา 5-10 กรัม /เส้นผ่าศูนย์กลางทรงพุ่ม 1 ม. ราดทั่วบริเวณทรงพุ่มช่วงเดือน พ.ค. ควบคู่กับการรัดกิ่งจนใบสลด จึงแก้รัดกิ่งออกแล้วให้น้ำตามปกติ จากนั้นประมาณ 70-90 วัน ส้มโอต้นนั้นจะแทงช่อดอกออกมา ..... การบังคับด้วยวิธีทรมานต้นแบบนี้จะทำให้ต้นโทรมอย่างมาก อาจจะต้องเอาผล 1 รุ่นแล้วเว้น 1 รุ่น ซึ่งทำให้เสียโอกาสอย่างมาก ในเมื่อธรรมชาติของส้มโอออกดอกติดผลปีละ 2 รุ่น หรือออกดอกได้ตลอดปีอยู่แล้ว จึงน่าจะพิจารณาการบังคับด้วยวิธีบำรุงต้นจะดีกว่า
* ต้นที่มีรากเสริม 1-3 ราก จะให้ผลผลิตคุณภาพดี อายุต้นยืนนานกว่าต้นมีรากเดียว
* ลักษณะส้มโอ ขี้เมา คือ สภาพทรงพุ่มต้นดีมากและสวยมาก ติดผลดกมาก ขนาดผลมีทั้งเล็กและใหญ่ แต่เปลือกหนามากจนเนื้อในไม่มีหรือมีเนื้อน้อยมาก กลิ่นรสไม่ดีรับประทานไม่ได้ เมื่อผลมีขนาดใหญ่ขึ้นมักจะร่วง แม้จะได้บำรุงดีอย่างไรก็ไม่อาจแก้ไขให้ดีได้ ลักษณะนี้เกิดจากพันธุกรรมซึ่งปลูกจากกิ่งที่ขยายพันธุ์มาจากต้นแม่ที่เป็นขี้เมา
* ผลผลิตส้มโอเพื่อการส่งออกควรเก็บที่ความแก่ 75-80% เพราะมีรสหวานอมเปรี้ยวมาก ส่วนผลผลิตสำหรับตลาดในประเทศให้เก็บที่ความแก่ 85-95% เพราะมีรสหวานอมเปรี้ยวน้อยหรือหวานสนิท
* ผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยวมีฝนตกชุกจะทำให้ตัวกุ้งแข็งกระด้าง (ข้าวสาร) เปลือกหนา รกหนา รสเปรี้ยว
* ผลที่เก็บลงมาจากต้นแล้วปล่อยทิ้งไว้ให้ลืมต้น 15-20 วันจนเปลือกเหี่ยวมีรสชาติดีมาก
* ผลแก่ที่ถูกมวนหวานต่อยจนผิวเปลือกตะปุ่มตะปั่ม (ท้าวแสนปม) จะมีคุณภาพดีกว่าผลที่ผิวเปลือกเรียบสะอาด
* ต้นที่ได้รับแคลเซียมมากเกินหัวจุกจะสูง
* ช่วงพักต้นต้องการน้ำพอหน้าดินชื้น แต่ช่วงพัฒนาดอกและผลต้องการน้ำมาก ถ้าต้นขาดน้ำหรือได้รับน้ำไม่เพียงพอจะดอกร่วง ผลเล็กและร่วง
* ต้นที่มีความสมบูรณ์สูงจะออกดอกครั้งละจำนวนมาก เป็นดอกสมบูรณ์เพศที่ผสมตัวเองหรือต่างดอกได้ จึงทำให้แต่ละรุ่นติดผลจำนวนมาก ถ้าต้องการผลขนาดเล็กให้ไว้ผล 2-3 ผล/ขั้วได้ แต่ถ้าต้องการผลขนาดใหญ่ให้ซอยผลออกเหลือเพียง 1 ผล/ขั้ว หรืออาจจะไว้ 2 ผล/ขั้ว กรณีที่ขั้วขนาดใหญ่เกิดจากกิ่งใหญ่ซึ่งมีน้ำเลี้ยงเพียงพอ
* อายุผลตั้งแต่ดอกบานผสมติดถึงแก่เก็บเกี่ยว 8 เดือน
* ต้นส้มโอที่มีความสมบูรณ์สูง ได้รับการปฏิบัติบำรุงแบบมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.ต่อเนื่องมาหลายปี ส้มโอต้นนั้นจะออกดอกติดผลตลอดปีแบบไม่มีรุ่น จากลักษณะทางธรรมชาตินี้ ถ้าต้องการให้ผลแก่เก็บเกี่ยวได้ตรงกับช่วงเทศกาล (ตรุษจีน สารทจีน ไหว้พระจันทร์ เชงเม้ง ฯลฯ) ให้นับวันเก็บเกี่ยวย้อนหลังมาถึงวันแทงช่อดอก 8 เดือน แล้วเก็บดอก-บำรุงดอกที่ออกมาในช่วงนั้นไว้ เมื่อดอกผสมติดเป็นผลแล้วก็ให้บำรุงตามปกติ ดอกชุดนั้นก็จะเป็นผลแก่ให้เก็บเกี่ยวได้ตรงกับช่วงเทศกาลที่ต้องการพอดี ..... ส่วนดอกที่ออกตามหลังชุดที่เก็บไว้ให้เด็ดทิ้งเพื่อให้ต้นได้ส่งน้ำเลี้ยงไปให้ดอกและผลเต็มที่
* การดูผลแก่จัดให้สังเกตที่ต่อมน้ำมันใสนูน ช่องระหว่างต่อมน้ำมันกว้าง กดที่ก้นผล (สะดือ) จะยุบตามแรงกดแล้วพองขึ้นอย่างเดิม น้ำหนักดีเมื่อเทียบกับผลอื่นขนาดเท่ากัน
* ลำต้นเปล้าเดี่ยวๆ หรือกิ่งง่ามแรกสูงจากพื้น 50-80 ซม. จะให้ผลผลิตดีกว่าต้นที่ลำเปล้าสั้นหรือกิ่งง่ามแรกอยู่ต่ำ แนะนำให้ตัดแต่งกิ่งจัดรูปทรงพุ่มให้มีลำเปล้าสูงๆ ตั้งแต่ต้นเริ่มให้ผลผลิตปีแรกๆ แล้วรูปทรงต้นก็อยู่อย่างนั้นตลอดไป
* ส้มโอเสียบยอดบนตอ มะสัง มะขวิด มะกรูด หรือตออื่นๆ เมื่อต้นโตขึ้นจะเกิดอาการ ตีนช้าง คือ ยอดที่เสียบไม่โตต่อ แต่ส่วนตอโตขึ้นๆ แล้วไม่ส่งน้ำเลี้ยงไปให้ต้นที่เกิดจากยอดที่เสียบ
* เลือกต้นพันธุ์ที่ได้จากการตอนกิ่งกระโดง คือ ดีที่สุด และกิ่งตอนขณะรากเกิดใหม่ๆ ดีกว่ากิ่งตอนที่รากแก่จัด
http://www.kasetloongkim.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=111
--------------------------------------------------------
.
กลับไปข้างบน
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้ คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้ คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้ คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้ คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group