-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ถาม-ตอบปัญหาเกษตร 1 AUG *มะม่วงใบอ่อน, ทำมังกลิ่นแมงดา
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ถาม-ตอบปัญหาเกษตร 3 AUG **ปุ๋ยยางพารา,*ทุเรียนดอกร่วง,*น้ำหมักชีวภาพต้ม,*ลั่นทมในกระถาง,*ฝรั่งมีหนอน,*ไม้พี่เลี้ยงมังคุด,*มะละ กอกระถาง,*คสช.แก้ปัญหาชาวนา,*บำรุง ดอกรัก/สร้อยทอง,
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ถาม-ตอบปัญหาเกษตร 3 AUG **ปุ๋ยยางพารา,*ทุเรียนดอกร่วง,*น้ำหมักชีวภาพต้ม,*ลั่นทมในกระถาง,*ฝรั่งมีหนอน,*ไม้พี่เลี้ยงมังคุด,*มะละ กอกระถาง,*คสช.แก้ปัญหาชาวนา,*บำรุง ดอกรัก/สร้อยทอง,

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11563

ตอบตอบ: 03/08/2014 8:54 pm    ชื่อกระทู้: ถาม-ตอบปัญหาเกษตร 3 AUG **ปุ๋ยยางพารา,*ทุเรียนดอกร่วง,*น้ำหม ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

.
.
ถาม-ตอบ ปัญหาเกษตร ทางรายการวิทยุ 3 AUG

AM 594 เวลา 08.10-09.00 & 20.05-20.30 ทุกวัน และ FM 91.0 (07.00-08.00 / วันอาทิตย์)

********************************************************************

สวัสดีครับ ท่านผู้ฟังที่เคารพ
กองทัพบกเพื่อประชาชน เสนอรายการสีสันชีวิตไทย วิทยุเพื่อการเกษตร และอาชีพเสริม
ผลิตรายการโดยกองกิจการพลเรือน หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก

@@ สนับสนุนรายการโดย ...
... บ.นิมุติ เอ็นจิเนียริ่ง เครื่องย่อยเศษพืช (02) 322-9175-6

... ยิบซั่มธรรมชาติ เฟอร์มิกซ์, ธันเดอร์พลัส, ธันเดอร์แคล, เอ็ม.แคล--- ธาตุรอง/ธาตุเสริม มัลติแชมป์ (089) 144-1112

... และ บ.มายซัคเซส อะโกร--- ปุ๋ยอินทรีย์ ตราคนกับควาย, กาวเหนียวดักแมลง มายฟิกส์, กลิ่นล่อแมลงวันทอง ฟลายแอต,
สารเสริมฤทธิ์สารสมุนไพร ไบโอเจ๊ต, ถังฉีดพ่นรุ่นใหม่ ใช้แบตเตอรี่ (081) 910-5034

กระผม พันโทวีระ ใจหนักแน่น (คิม ซา กัสส์) เป็นผู้ดำเนินรายการครับ
เช่นเคยครับ รายการเรา 1188 ฝากข้อความ-ฝากคำถาม ที่ (081) 913-4986

----------------------------------------------------------------------------------------------

ตัวแทนจำหน่าย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง, ไบโออิ, ไทเป, ยูเรก้า. (อินทรีย์ – เคมี)

1) ชมรม (ใหญ่) สีสันชีวิตไทย (089) 814-3204 ใกล้ไฟแดง สี่แยกบางแพ ราชบุรี
2) “คุณชาตรี” (081) 841-9874 ทรัพย์ทวีการเกษตร ชัฎป่าหวาย สวนผึ้ง ราชบุรี (ส่งทาง ปณ.)

3) ร.ต.ต.นันท์สุรัตน์ (089) 821-8273 ต.จรเข้เผือก ด่านมะขามเตี้ย กาญจนบุรี (ส่งทาง ปณ.)
4) “คุณล่า” (081) 944-8494 ทุกวันจันทร์ ตลาดนัดวัดอมรญาติ ดำเนินสดวก ราชบุรี

5) “คุณประเสริฐ” (080) 110-4645 บ.เขาดิน หนองแขม เดิมบางนางบวช สุพรรณบุรี
6) “คุณอรุณ” (085) 058-1737 ในร้านโครงการหลวง ตลาด อตก.

7) “คุณพรพรรณ” (089) 814-7944 พลชัยเกษตรชีวภาพ ตลาดนัดธนบุรี ถ.เลียบคลองทวีวัฒนา
8 ) “คุณน้ำส้ม” (085) 055-7706 ชมรมฯ สาขาศาลายา หน้า ม.มหิดล พุทธมณฑลสาย 4 (ส่งทาง ปณ.)

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

@@ สารอาหาร (ปุ๋ย) เพื่อการสื่อสาร :

** ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง : ส่วนผสมหลัก .... อินทรีย์/เคมี (กุ้งหอยปูปลาทะเล, เลือด,
ไขกระดูก, นม, ขี้ค้างคาว, น้ำมะพร้าว, ธาตุหลักตามพืช, แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม

** ไบโออิ : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (แม็กเนเซียม. สังกะสี. รอง/เสริม)
** ยูเรก้า : ส่วนผสมหลัก .... เคมี (21-7-14, ไคโตซาน, อะมิโนโปรตีน)
** ไทเป : ส่วนผสมหลัก ..... อินทรีย์/เคมี (นม, ไข่, น้ำมะพร้าว, 13-0-46. 0-52-34)


มิได้มีเจตนาโฆษณาผลิตภัณฑ์ แต่ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อง่ายต่อการสื่อสารข้อมูล เท่านั้น
.... ต้นพืชไม่รู้จักยี่ห้อ ไม่รู้จักเจ้าของสูตร .....
.... ไม่รู้เจ้าของคนปลูก ไม่ฟังโฆษณา .........
.... ต้นพืชรู้จักแต่ส่วนผสมหรือเนื้อใน .........

-----------------------------------------------------------



http://www.fm91bkk.com/home91/index.php/2012-02-28-14-53-47/32-2012-04-29-06-51-16/693-2012-04-29-06-46-29

-----------------------------------------------------------

จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00 - 08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ดินทรายทำนาหว่าน จะเปลี่ยนมาเป็นนาดำ ต้องปุ๋ยตัวไหน .... ?
ตอบ :
- นาหว่านไม่ชอบดินทราย แต่นาดำชอบดินทราย กระนั้นหรือ ? เอาข้อมูลมาจากไหน ?
- ต้นข้าว (ต้นไม้ต้นพืช) ไม่ได้กินดินแต่กินสารอาหารที่อยู่ในดิน ดินเป็นเพียงที่ยึดรากเท่านั้น
- ดินทรายคือดินที่มีอินทรีย์วัตถุน้อย ดินที่มีอินทรีย์วัตถุน้อย นอกจากมีสารอาหารอินทรีย์น้อยแล้ว ยังมีจุลินทรีย์น้อยอีกด้วย

- แก้ปัญหาให้ถูกจุด เมื่อในดินทรายไม่มีอินทรีย์วัตถุก็ให้ใส่อินทรีย์วัตถุ ทุนเดิมมีน้อยก็ใส่มาก ทุนเดิมมีมากก็ใส่น้อย เบ็ดเสร็จแล้วมีซัก 3-5% ของเนื้อดินก็พอ .... ตรวจสอบปริมาณอินทรีย์วัตถุในดินแบบภูมิปัญญาพื้นบ้านเกษตรไทย โดยนำดินมา 1 ก้อนเท่าบาตระพระ ละลายน้ำ แล้วใช้ตาข่ายไนล่อนตาถี่ๆ กรองเอาเนื้อดินออก สิ่งที่ตกค้างบนตาข่ายมองเห็นได้ คือ อินทรีย์วัตถุ ทั้งชนิดและปริมาณ มากคือมาก น้อยคือน้อย

– อินทรีย์วัตถุ คือ เศษซากพืช เศษซากสัตว์ ได้มาจากหลากหลายแหล่ง เช่น ....
* ลงทุนด้วยเงินซื้อ 100% คือ ยิบซั่ม, กระดูกป่น, ปุ๋ยอินทรีย์, มูลสัตว์, น้ำหมักชีวภาพ,
* ลงทุนด้วยเวลา ไม่เอาเงิน คือ ปลูกถั่วไร่ ออกดอกแล้วไถกลบ ทำซ้ำ 2-3 รอบ
* ลงทุนด้วยเวลา เอาเงิน คือ ปลูกถั่วไร่ รอเก็บผลผลิตขายแล้วไถกลบเศษซาก ทำซ้ำหลายรอบได้เงินหลายครั้ง

- ทัมใจ หยุดทำนา ลุยปลูกถั่วไร่อย่างเดียว 1ปี 3รุ่น ได้เงินมากกว่าข้าวนะ
- การปลูกพืชตระกูลถั่วแล้วไถกลบ นอกจากได้อินทรียวัตถุเศษซากพืช และจุลินทรีย์ บำรุงดินแล้ว ยังได้กำจัดวัชพืชอีกด้วย

หมายเหตุ :
- ปุ๋ยเคมีไม่ใช่ของวิเศษ ถ้าดินไม่ดีรองรับ (ดินคตือที่กินที่อยู่ของพืช .... ดินไม่ดี คือ ดินไม่มีอินทรีย์วัตถุ จุลินทรีย์ น้ำ และอากาศผ่านไม่สะดวก) ใส่ปุ๋ยเคมีลงไปนอกจากพืช (ต้นข้าว) เอาไปกินไม่ได้ หรือเอาไปกินไม่หมด แล้วเหลือตกค้างอยู่ในดิน ทำให้ดินเสีย โดยเฉพาะไนโตรเจน.จะกลายเป็นไนไตร์ท. ไนเตรท. ตัวนี้แหละที่ทำให้ดินเป็นกรดจัด .... เรื่องนี้คนขายปุ๋ยไม่เคยพูด คนส่งเสริมปุ๋ยเคมีไม่เคยบอก คนใช้ปุ๋ยเคมีไม่เคยถาม ไม่เคยสังเกตเพราะไม่มีความรู้ ไม่มีความรู้เพราะปฏิเสธวิชาการความรู้นั่นเอง

- สูตรปุ๋ยเคมีสำหรับนาข้าว
* รองพื้น ทำเทือก ................. 30-10-10 หรือ 16-8-8 หรือ 25-7-7
* บำรุงระยะกล้า เร่งแตกกอ ........ 18-38-12
* ออกรวง .......................... 46-0-0
* หยุดความสูง ..................... 0-52-34
* บำรุงระยะน้ำนม .................. 21-7-14

* ที่กล่าวมาทั้งสิ้นนี้เฉพาะ “ธาตุหลัก” เท่านั้น นั่นหมายความว่า ยังมี “ธาตุรอง ธาตุเสริม ฮอร์โมน” เช่น แม็กเนเซียม. สังกะสี. เหล็ก. ทองแดง. แมงกานิส. ซึ่งข้าว (รวมถึงพืชทุกนิด) ต้องการ

หมายเหตุ :
- 30-10-10 หรือ 16-8-8 หรือ 25-7-7 ช่วยต้นข้าวสมบูรณ์ แข็งแรง โรคแมลงน้อย
- แม็กเนเซียม. สร้างคลอโรฟีลด์ ช่วยใบเขียวถึงวันเกี่ยว,
- สังกะสี.สร้างแป้ง ข้าวไม่เป็นเมล็ดลีบ,
- 46-0-0 เป็นสารลมเบ่ง เร่งออกรวง,
- 0-52-35 ช่วยต้นข้าวไม่สูง ไม่ล้ม,
- 18-38-12 ช่วยเร่งแตกกอ

* สมการปุ๋ย :
ปุ๋ยถูก + ใช้ผิด = ไม่ได้ผล
ปุ๋ยผิด + ใช้ถูก = ไม่ได้ผล
ปุ๋ยผิด + ใช้ผิด = ไม่ได้ผล ยกกำลังสอง
ปุ๋ยถูก + ใช้ถูก = ได้ผล ยกกำลังสอง

- ประสบการณ์ตรง
- นาข้าวจับหลัก “ปุ๋ยถูก + ใช้ถูก = ได้ผล ยกกำลังสอง” ใช้ปุ๋ยธาตุหลัก (16-8- 8 ) เพียง 10 กก./ไร่ ได้ 100 ถังมาแล้ว

- ปุ๋ยที่ต้นข้าว (รวมพืชทุกชนิด) ต้องการปุ๋ย 14 ตัว คือ ไนโตรเจน. ฟอสฟอรัส, โปแตสเซียม, แคลเซียม, แม็กเนเซียม. กำมะถัน, เหล็ก, ทองแดง, สังกะสี. แมงกานิส., โมลิบดินั่ม, โบรอน, ซิลิก้า, แต่ชาวให้แต่ ไนโตรเจน (46-0-0) กับฟอสฟอรัส (16-20-0) เท่านั้น

- นาข้าว คือ พืชอายุสั้น ฤดูกาลเดียว บำรุงแบบ อินทรีย์นำ เคมีเสริม ตามความเหมาะสมของต้นข้าว ดีกว่า บำรุงแบบอินทรีย์เพียวๆ อินทรีย์บ้าเลือด

-------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00 - 08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : บวบเหลี่ยม บวบหอม ขม เป็นเพราะอะไร ? แก้ไขออย่างไร....?
ตอบ :
- อาทิตย์ที่แล้วตอบเรื่อง แตงกวาขม ต่อความถามนี้ด้วยคำตอบเดียวกัน ....


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00-08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : แตงร้าน แตงกวา รสขม แก้ไขอย่างไร ....?
ตอบ :
ความขมเกิดขึ้นมาจากสาร cucurbitacin (เป็นสารประกอบ terpenoid) 2 ตัว ซึ่งมีผลทำให้เกิดรสขมในต้นอ่อน ราก ลำต้น ใบ และผล การควบคุมรสขมในพืชตระกูลแตง (บอกอย่างนี้ดีกว่า เพราะไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในแตงกวา) มาจากยีน 2 ตัว ถ้า ยีนนี้เป็นยีนเด่นมันก็จะผลิตรสขมออกมา แต่ถ้าเป็นยีนด้อยมันก็จะไปห้ามการสร้างสาร cucurbitacin ซึ่งทำให้เกิดรสขมในผลและใบ โดยเอนไซม์ที่ชื่อ elaterase จะไปทำปฏิกิริยาดึงน้ำออกจนได้สารประกอบที่มีรสขม การทำงานของเอนไซม์นี้ขึ้นอยู่กับยีนสองตัวที่กล่าวมา อย่างไรก็ตาม สาร cucurbitacin จะสะสมมากในปลายทั้งสองข้างของผล และสะสมในผลข้างเคียงด้วย (เหมือนโรคระบาดจริงๆ เลย) การเกิดรสขมนี้อาจจะเกิดมาจากการสร้างเอ็นไซม์ elaterase ยับยั้งจากสภาพสิ่งแวดล้อม (พืชเกิดภาวะเครียดนั่นเอง) ก็ได้

อุณหภูมิสูง ความชื้นต่ำ การโดนแสงน้อย(อยู่ในร่ม) ระยะห่างระหว่างต้นน้อยเกินไป การให้น้ำที่น้อย มีโรคทางใบ ใส่ปุ๋ยน้อย เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรสขมในพืชตระกูลแตงครับ

ถ้าคุณเป็นผู้ปลูก ควรหมั่นระมัดระวังเรื่องพวกนี้ และเลือกสายพันธุ์ลูกผสมที่ดีด้วย เพื่อทำให้ผลผลิตมีปริมาณมาก และมีคุณภาพ

ถ้าคุณเป็นผู้บริโภค แล้วคุณเจอแตงกวาขม ... ก็ถือว่าเป็นบุญแล้วกัน เพราะนานๆ จะได้กินที

--------------------------------------------------------------------

ความขมของแตงกวา แตงล้าน และบวบ เกิดจากสารในผลแตง ผลบวบที่มีชื่อว่า Cucurbitacin ค่ะ ซึ่งเจ้าสารตัวนี้เนี่ย ส่งผลทำให้เกิดรสขม
ในต้นอ่อน ราก ลำต้น ใบ และผล ของพืชตระกูลแตงทั้งหลายค่ะ

ในพืชตระกูลแตงทั้งหลาย ไม่ว่าจะแตงล้าน แตงกวา บวบ ... จะมีสารตัวนึงซึ่งชื่อว่า Cucurbitacin ที่เกิดจากยีน 2 ตัว ..... ช่วยควบคุมรสขมอยู่ค่ะ แล้วเจ้ายีน 2 ตัวนี้เนี่ย ถ้ามันเป็นยีนเด่นมันก็จะควบคุมทำให้แตงไม่เกิดรสขม แต่ถ้าเกิดว่ามันเป็นยีนด้อย (เกิดจากสายพันธุ์) มันก็จะไปห้ามการสร้างสาร CuCurbitacin ซึ่งเมื่อสาร cucurbitacin ไม่ถูกสร้างขึ้นมา ก็จะส่งผลให้เอนไซน์ที่ชื่อว่า Elaterase ไปทำปฏิกิริยาดึงน้ำจากผลออก จนทำให้พืชตระกูลแตงมีรสขม โดยรสขมจะมีมากในปลายผลทั้งสองด้าน (ตรงกลางจะไม่ค่อยขม) และยังระบาดหรือส่งผลไปยังผลแตง ผลบวบที่อยู่ข้างเคียงอีกด้วย

นอกจากนี้... อุณหภูมิที่สูงเกินไป ความชื้นที่ต่ำเกินไป หรือว่าโดนแสงน้อยไป ระยะห่างระหว่างต้นน้อยเกินไป ใส่ปุ๋ยน้อยไป หรือการที่มีโรคทางใบ ก็เป็นอีกหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดรสขมในพืชตระกูลแตงได้อ่ะค่ะ

ถ้าหากเป็นแถวบ้านแก้มใส แตงขม คือ แตงที่ขาดน้ำค่ะ

http://www.pim.in.th/others/196-bitter-cucumber.html
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=22930ebbcf8650f8

-------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00 - 08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ยางพารา 6 ไร่ ใช้ปุ๋ยตัวไหน ....?
ตอบ :
- นี่คือกระจกสะท้อนให้เห็น “ความล้มเหลวภาคเกษตรของเกษตรกร และ ความล้มเหลวภาคเกษตรของผู้มีหน้าส่งเสริม .... คนไทยทำเกษตร ใส่ปุ๋ยมาตั้งแต่อยู่ในท้องพ่อท้องแม่แต่ไม่มีความรู้เรื่องปุ๋ยเลย เพราะ....

* เกษตรกรไม่สนใจสิ่งที่เรียกว่า ความรู้ วิชาการ
* ผู้มีหน้าที่ส่งเสริม โดยคำสั่งแต่งตั้งตามพระราชกฤษฎีกา ลงพระปรมาภิไธย ทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์แบบ

* คนขายปุ๋ยเอาแต่ได้ไถ่เดียว ยี่ห้อไหน/สูตรไหนให้กำไรดีก็เชียร์ยี่ห้อ/สูตรนั้นนั่น ไม่ยึดหลักการค้า “ขายสูตรที่ถูกต้องก็ได้กำไร” นี่คือ หลอกลวง กันชัดๆ .... บาป

- ปุ๋ยที่ถามมา หมายถึง ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยเคมี .... ว่าแต่ รู้ไหม/เชื่อไหม ว่า พืชต้องการทั้งสองอย่าง กรณียางพาราซึ่งเป็นไม้ใหญ่ ยืนต้น อายุหลายสิบปีให้ใช้หลัก “เคมีนำ อินทรีย์เสริม ตามความเหมาะสมของยางพารา ภาคไต้/ภาคเหนือ/อิสาน/กลาง/ตะวันออก” เพราะแต่ละภาคภูมิอากาศแตกต่างกัน

- ภาคเหนือ/กลาง/อิสาน/ตะวันออก ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 21-7-14 (จันทบุรีได้ผลดีมากๆ มีขายทุกร้าน)
- ภาคไต้ ใช้ปุ๋ยเคมีสูตรที่มีไนโตรเจนต่ำกว่า ต่ำเท่าไหร่ต้องดูที่ปริมาณน้ำฝน

- ปุ๋ยอินทรีย์ ใส่ยิบซั่ม, กระดูกป่น, ปุ๋ยอินทรีย์, ขี้วัวขี้ไก่ ปีละ 2 ครั้ง, ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรที่มีสารอาหาร เดือนละ 1 ครั้ง, ให้น้ำสม่ำเสมอ พอหน้าดินชื้น

-----------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00 - 08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ทุเรียน ก้านยาว 5 ต้น 3 ปีดอกแล้วร่วง แก้ไขอย่างไร....?
ตอบ :
- ทุเรียนทุกสายพันธุ์ ไม้ผลทุกสายพันธุ์ ทุกชื่อ ออกดอกมาแล้วขาดสารอาหารบำรุงดอก ทั้งทางใบและทางราก ดอกย่อมร่วงเป็นธรรมดา

- จุดอ่อนของทุเรียนจุดหนึ่ง คือ แม้ไม่ได้บำรุงดอกเหมือนๆกัน แต่ถ้าออกดอกช่วงหน้าฝนแล้วดอกมักร่วงง่ายกว่าดอกที่ออกช่วงหน้าแล้ง

- บำรุงดอกช่วงหน้าฝน .... ทางใบ : ให้ 0-52-34 (สังเกตุ ไม่มี N)
- บำรุงดอกช่วงหน้าแล้ง .... ทางใบ : ให้ 15-30-15 (สังเกตุ มี N)

- ทางราก : ทั้งสองสภาพอากาศ ให้ 8-24-24 .... ต้นเล็กอายุ 5 ปีให้ 1 กก., ต้นใหญ่อายุเกิน 5 ปีให้ 2 กก., ต้นใหญ่อายุ 20-50 ปีให้ 2-3 กก. /ต้น /เดือน ละลายน้ำรดบริเวณชายพุ่ม

*** ช่วงนี้หน้าฝน ปัญหาดอกร่วงน่าจะมาจากฝน ..... ทางแก้หนึ่งคือ ก่อนลงมือเปิดตาดอก ควรรู้ล่วงหน้าก่อนว่า ณ วันที่ดอกออกมาจะมีฝนหรือไม่ หากรู้ว่าจะมีฝนแน่ก็ขอให้เลื่อนวันเปิกตาดอกออกไปก่อน โดยที่ระหว่างรออยู่นี้ก็ให้บำรุงด้วยสูตร “สะสมตาดอก-กดใบอ่อนสู้ฝน” ไปพลางๆก่อนก็ได้

*** ทั้ง 0-52-34, 15-30-15 และ 8-24-24 ไม่ใช่ของวิเศษ หรือแก้วสารพัดนึก เมื่อให้แล้วต้องสัมฤทธิผลตามนั้นเป๊ะๆ ทั้งนี้ทุกอย่างต้องมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น

- ความสมบูรณ์สะสมของต้น (ได้รับการบำรุงมาตลอด ทั้งช่วงมีผลบนต้น และไม่มีผลบนต้น), สารอาหารที่เป็นพื้นฐานหลักต่อการออกดอก (ดอกมาก สมบูรณ์ แข็งแรง) คือ สังกะสี. โบรอน. (ข้อมูล : ดร.สุมิตร ภูวโรดม สจล.)

- สมการปุ๋ย (ปุ๋ยถูก ใช้ผิด-ปุ๋ยผิด ใช้ถูก-ปุ๋ยผิด ใช้ผิด) .... ล้วนแต่ไม่ได้ผลทั้งนั้น

- ปัจจัยพื้นฐาน (ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหาร-สายพันธุ์-โรค) ต้องเหมาะสมกับนิสัยธรรมชาติของทุกเรียน

-----------------------------------------------

จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00 - 08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : น้ำหมักชีวภาพต้ม สารอาหารหายหรือไม่....?
ตอบ :
- ต้ม เดือด/ไม่เดือด-นาน/เร็ว ไม่มีผลต่อสารอาหาร น้ำเท่านั้นที่ระเหยหายไป
- เหมือนแกงในหม้อ ต้มเคี่ยวจนน้ำแกงแห้ง เหลือแต่เนื้อแกงล้วนๆ เนื้อแกงก็คือสารอาหาร นั่นคือ สารอาหารยังอยู่

- เอาน้ำละลายเกลือตากแดดจนน้ำแห้ง น้ำหายไปแต่เกลือยังอยู่
- เกลือ 1 ช้อน ละลายน้ำ 20 ลิตร ราดลงดินก็เท่ากับเนื้อเกลือ 1 ช้อน

- ลุงคิมกำลังรอจังหวะขยัน (เน้นย้ำ .... ขยัน เพราะชอบคิดขยันคิด แต่ขี้เกียจทำไม่ชอบทำ ชอบสั่งมากกว่า ....) จะสร้างเครื่องสกัดแห้งน้ำหมักชีวภาพที่มีส่วนผสม ปลาทะเล (กุ้ง กั้ง หอย ปู ปลา หมึก ฉลาม), เลือด, ไขกระดูก, นม, น้ำมะพร้าว, ขี้ค้างคาว, กากน้ำตาล, จุลินทรีย์, เศษอาหารคน, ฯลฯ. หมักนานข้ามปี 2ปี 3ปี จนได้สารอาหารพร้อมใช้งานแล้ว เอามาสกัดแห้งด้วยพลังแสงอาทิตย์ จนส่วนผสมที่เป็นน้ำระเหยไปหมด เหลือแต่เนื้อหรือกากของส่วนผสมล้วนๆ แห้งสนิทเป็นผง นั่นคือสารอาหารแท้ๆ .... อเมริกาเรียกว่าสูตรนี้ว่า “BIOSOLIDS” .... อัตราใช้และวิธีใช้ BIOSOLIDS 1 กก. ผสมน้ำ 200 ล. สำหรับนาข้าว 1 ไร่ ใส่ลงดินทุกตารางนิ้วก็เกินพอ .... BIOSOLIDS 1 ล. อัดในซองสุญญากาศ เก็บได้นานนับ 100 ปี รักษาง่าย ขนส่งง่าย ประหยัดทุกรายการจ่าย

---------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00 - 08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ลีลาวดีในกระถาง ไม่โต ไม่ออกดอก เป็นเพราะอะไร ? แก้ไขอย่างไร ... ?
ตอบ :
- เลี้ยงไม้ในกระถางเหมือนเลี้ยง นก ไก่ หมา ไว้ในกรง หาอาหารกินเองไม่ได้ ต้องรอคนให้เท่านั้น ให้อะไรได้กินอันนั้น ให้เท่าไหร่ได้กินเท่านั้น .... ไม้ในกระถางต้องการกินอาหารธรรมชาติ รากก็ออกไปนอกกระถางเองไม่ได้ อาหารธรรมชาติจะเข้าไปหารากในกระถางก็เข้าไม่ได้ อุปสรรคทางธรรมชาติแบบนี้ แม้ไม่อธิบายก็คงเข้าใจได้

- ลีลาวดี หรือลั่นทม ไม้ใหญ่ ไม้ยืนต้น อายุนับ 100 ปี ไม่เหมือนไม้ดอกอย่างดาวเรือง มะลิ ที่รากน้อย ต้องการอาหารน้อย กำจัดที่อยู่แค่ในกระถางยังอยู่ได้ .... ทางแก้สำหรับลั่นทมในกระถาง คือ ใช้กระถางใหญ่ๆ เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับรากมากๆ ใส่ปุ๋ยอินทรีย์, ยิบซั่ม, กระดูกป่น, ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ ทุก 3 เดือน, ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรที่มีสารอาหาร หรือ “ฮอร์โมนก้นครัว” เดือนละครั้ง, ให้ปุ๋ยเคมี 8-24-24 เดือนละ 1-2 ช้อนกินข้าว, ให้น้ำพอหน้าดินชื้นอาทิตย์ละครั้ง ถ้าให้น้ำมากจะไม่ออกดอกแล้วบ้าใบแทน

-----------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00 - 08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : ฝรั่งกิมจู มีหนอนในผล เกิดจากอะไร ? แก้ไขอย่างไร .... ?
ตอบ :
- ผลไม้ที่ต้องห่อผล คือ ฝรั่ง ชมพู่ กระท้อน ถ้าไม่ห่อเนื้อจะแข็ง กินไม่อร่อย การห่อผลนอกจากทำเนื้อคุณภาพดีแล้ว ยังป้องกันแมลงวันทอง และแมลงอื่นๆ ได้อีกด้วย

- หนอน คือ “ทายาท” ของแมลงวันทอง โดยแม่แมลงวันทองเจตนา (คน บอกว่า แอบ) วางไว้ ตามสัญชาติญานของสัตว์โลก

- แม่แมลงวันทองวางไข่ไว้ที่ผลของฝรั่ง (ผลไม้ทุกชนิด) กะคำนวณอย่างดีแล้วว่า เมื่อไข่ฟักออกมาเป็นตัวหนอนได้ตรงกับช่วงที่ผลไม้สุกพอดี .... หนอนกินเนื้อผลไม้สุกเป็นอาหาร

- การกำจัดหนอนที่อยู่ในเนื้อผลไม้ ใช้เข็มหมุดแทงหนอนก็ตาย แต่ปัญหาอยู่ที่ จะรู้ได้ไงว่าผลไหนมีหนอนแมลงวันทองอยู่ภายใน .... การใช้สารสมุนไพรฉีดพ่นที่ไข่แมลงวันทองโดยใช้สารสมุนไพร แมงลักคา หรือกะเพราผี หรือฝักคูน ทำให้ไข่ฝ่อฟักออกเป็นตัวไม่ได้ก็ทำได้ แต่จะรู้ได้ไงว่า แม่แมลงวันทองวางไข่ไว้ที่ผลไหน

- การห่อผลเป็นเทคนิคหนึ่งที่ชาวสวนนำมาใช้สามารถป้องกันแมลงวันทองได้ ร่วมกับเทคนิคใช้ “กลิ่นล่อกับดักกาวเหนียว” .... ใช้กาวเหนียวดักแมลงทาบนแผ่นพลาสติก กว้าง 1 คืบมือ ยาว 1 ศอกแขน ใช้ก้านสำลีแยงหูจุ่มกลิ่นล่อแมลงวันทอง (ฟีราโมน) แปะไว้บนกาวเหนียว แล้วเอาไปผูกหรือแขวนไว้ที่ไหนก็ได้ ภายนอกสวน แมลงวันทองได้กลิ่นล่อจะออกจากสวนมาเล่นกลิ่นล่อแล้วติดกาวเหนียวเอง คิดง่ายๆ ถ้าแมลงวันทองไม่มาเล่นกลิ่นล่อแล้วติดกับดัก แมลงวันทองพวกนี้จะไปที่ไหน คำตอบก็คือ ไปที่ผลไม้น่ะซี

- ที่ไร่กล้อมแกล้ม ทำกับดักกาวเหนียวไว้ติดต่อกันมาเป็นปี กับดักอันไหนแมลงวันทองติดเต็มจนไม่มีที่ว่างให้ตัวใหม่เกาะได้อีกก็ทำกับดักอันใหม่ กับดักอันใหม่ก็วางซ้อนบนกับดักอันเก่า วางซ้อนทับกันไปเรื่อยๆ ถึงวันนี้น่าจะกว่า 100 แผ่น ถ้าแกะออกมานับแมลงวันทอง ก็น่าจะถึงแสนตัว ใครไปใครเห็นแล้วบอกว่านี่มัน “สุสานแมลงวันทอง” ชัดๆ

- สารคดีดิสคัพเวอรี่ บอกว่า ประสาทสัมผัสกลิ่นของแมลงวันทองไปได้ไกลถึง 5 กม. นั่นหมายความว่า แมลงวันทองจากสวนอื่นของชาวบ้านย่านนั้นก็มาเล่นกับดักที่ไร่กล้อมแกล้มด้วย มองเผินๆ ก็เหมือนกับว่า เป็นการล่อแมลงวันทองจากสวนอื่นเข้ามาสวนเรา เรื่องนี้เป็นความจริง แต่ก็ต้องทำเพราะเราเดือดร้อนด้วย .... จำได้ว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผลไม้ไร่กล้อมแกล้มเสียหายเพราะแมลงวันทองจำนวนมาก อย่างน้อยหน่าที่ไม่ได้ห่อผล เสียหายเพราะแมลงวันทอง 100% กับมะม่วงเสียหายบางส่วนเพราะห่อผลป้องกัน แต่มาปีนี้ ล้มน้อยหน่าทิ้งไปแล้ว ส่วนมะม่วงทั้งๆที่ไม่ได้ห่อผล กลับได้รับความเสียหายจากแมลงวันทองไม่ถึง 10 ลูก .... นี่คือ ผลงานของกับดักกาวเหนียวนั่นเอง

-------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00 - 08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : มังคุด เงาะ ทุเรียน ต้องใช้ไม้ผลอะไรเป็นพี่เลี้ยง .... ?
ตอบ :
- ปกติ เงาะกับทุเรียน ไม่ต้องมีไม้พี่เลี้ยง ปลูกได้เลย แต่ให้เว้นช่องสำหรับมังคุดไว้ล่วงหน้า
- ลง เงาะ ทุเรียน แล้วบำรุงตามปกติ 2-3 ปี เมื่อต้นโตดีแล้วจึงปลูกมังคุดลงตรงช่องที่เตรียมไว้ แล้วเงาะกับทุเรียนก็จะเป็นไม้พี่เลี้ยงให้กับมังคุดเอง

- ระหว่างที่เงาะกับทุเรียนช่วง 1-2 ปีแรก ต้นยังโตไม่เต็มที่นั้น แนะนำให้ลงกล้วยตามพื้นที่ว่างไปก่อน กล้วยอะไรก็ได้ เป็นการปลูกกล้วยเอารากบำรุงดิน กับได้ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศบำรุงเงาะทุเรียนอีกด้วย ส่วนผลผลิตกล้วยถือว่าถูกหวย

- การลงพืชพุ่มเตี้ย อายุสั้น ฤดูกาลเดียว เช่น พริก มะเขือ ขิง ข่า ตะไคร้ ฯลฯ แซม/แทรก ระหว่างช่องว่างในสวนไปก่อน นอกจากสร้างรายได้แล้ว ยังช่วยอนุรักษ์ดินอีกด้วย

- ปลูกมังคุดแบบรากเกาะหลัก โดยปักหลักไม้เนื้ออ่อนลงไป ตั้งฉาก ลึก 1-1.5 ม. แล้วเพาะเมล็ดมังคุดที่ข้างหัวหลักนั้น เมื่อเมล็ดมีรากออกมา รากจะเกาะหลักลงลึก ช่วยให้ต้นโตเร็ว สมบูรณ์ แข็งแรงดี ส่งผลระยะยาวไปถึงช่วงต้นโตให้ผลผลิต

* แนวคิดที่ไม่ควรมองข้าม :
- ทุเรียน เงาะ มังคุด ทำงานทั้งปีได้ขายรอบเดียว

- เงาะปี ราคาหน้าสวน กก.ละ 4 บาท .... มังคุดปี ราคาหน้าสวน กก.ละ 20 บาท .... เงาะ มังคุด ทำนอกฤดูไม่ได้

– ทุเรียน หมอนทอง บำรุงให้สะสมความสมบูรณ์เสมอๆ ต่อเนื่องหลายๆปี ออกลูกได้ตอดปี บำรุงด้วยสูตร “ขยายขนาด/หยุดเมล็ด/สร้างเนื้อ” ทั้งทางใบทางราก ได้ นน. 10 กก. /ผล ขายเป็นทุเรียนทอดกรอบ .หรือทำนอกฤดู ให้ออกรุ่นเดียวทั้งต้น

- ทุเรียน พวงมณี ให้ผลดกที่สุดในบรรดาทุเรียนด้วยกัน ต้นละ 200 ลูก บำรุงด้วยสูตร “ขยายขนาด/หยุดเม็ด/สร้างเนื้อ” ทั้งทางใบทางราก ได้ไซส์ลูกละ 2 กก. ไม่มีพูหลอก ลูกยอดเนื้อเต็ม เมล็ดลีบ รสชาติดี สีดี กลิ่นดี

- หาข้อมูลการปฏิบัติบำรุงไว้มากๆ แล้วเรียนรู้จากของจริง (เปิดตำราทำ) มาเกิน 2-3 รุ่นก็จับทางได้

------------------------------------------------------------


จาก : สมช. สวพ. FM 91.0 (07.00 - 08.00 / อาทิตย์)
ข้อความ : มะละกอฮอลแลนด์ ต้นยังเล็ก ปลูกในกระถางได้ไหม .... ?
ตอบ :
- ขึ้นชื่อว่า “มะละกอ” ทุกสายพันธุ์มีลักษณะทางธรรมชาติเหมือนกันหมด
- ได้ .... ตอนต้นเล็กจะยังไม่มีปัญหาเรื่องที่อยู่ที่กิน แต่ครั้นโตขึ้น กระถางอาจจะเล็กเกินไป ไม่เพียงพอให้รากอยู่ ไม่เหมือนมะละกอบนพื้นดินปกติ โดยเฉพาะสารอาหารที่ต้นมะละกอขนาดใหญ่ให้ผลผลิตแล้วพึงได้รับ .... แก้ปัญหาโดยการใส่สารอาหาร ยิบซั่ม + กระดูกป่น + ขี้วัวขี้ไก่แกลบดิบ ทุก 3 เดือน, ลำพังมะละกอให้สารอาหารแค่ “ฮอร์โมนก้นครัว” อย่างเดียว เดือนละครั้งก็พอ ปุ๋ยเคมีไม่ต้อง เพราะมะละกอไม่ได้ต้องการมากมายขนาดนั้น

– มะละกอปลูกจากเมล็ด ซื้อจากร้านหรือแคะมาจากผลสุกทำเองก็เมล็ดเหมือนกัน นั่นคือ เมื่อปลูกลงไปแล้วจะต้อง “กลายพันธุ์” แน่นอน .... มะละกอกลายพันธุ์เป็น ต้นตัวเมีย (รูปทรงผลผิดเพี้ยนไปจากพันธุ์แท้), ต้นตัวผู้ (ออกดอก ไม่ติดผล), ต้นกระเทย (รูปทรงผลตามพันธุ์แท้) คนปลูกไม่อาจรู้ล่วงหน้าด้วยว่าต้นไหนจะกลายพันธุ์เป็นอะไร ต้องรอเวลา 5-6 เดือน ให้ต้นมีดอกออกให้เห็นแล้วนั่นแหละ จึงจะรู้แน่ จากนั้นค่อยว่ากันใหม่ต่อไป

- ที่ไร่กล้อมแกล้ม เมื่อ 3-4 เดือนที่แล้ว ลงมะละกอฮอลแลนด์เพราะเมล็ดเองไว้หลุมละ 4 ต้น ราวเดือนหน้าหรือเดือนถัดไปคงได้เห็นดอกแล้วก็จะรู้ว่าต้นไหนกลายพันธุ์เป็นอะไร จากนั้นจะเปลี่ยนยอดให้เป็นต้นกระเทยหรือไม่อย่างไรค่อยว่ากันใหม่ .... วันนี้บางหลุมต้นสูง 1 ม. ใบเริ่มชนกันเองก็จับแยก โดยใช้เชือกผูกลำต้นแล้วจับโยกให้เอนออกข้าง ปลายเชือกอีกข้างหนึ่ง ผูกกับหลักปักดินยึดไว้ ไม่นานต้นที่ถูกดึงให้เอนออกข้างนั้นส่วนยอดก็จะชี้ตรงตั้งฉากเองตามธรรมชาติ นั่นคือ ส่วนยอดหรือใบจะห่างกันตามต้องการของคนปลูก แต่การออกดอกติดผลยังดำเนินไปตามปกติ

---------------------------------------------------------------


จาก : (083) 712-40 xx
ข้อความ : ในฐานะที่ผู้พันเป็นทหาร ผู้พันรู้ไหมว่า คสช. จะแก้ปัญหาค่าเช่าที่นา ที่ไร่ ให้แก่เกษตรกรอย่างไร ถ้าผู้พันไม่รู้ ฝากถามให้ด้วยครับ .... รักและศรัทธาทหาร
ตอบ :
- ทหารเก่า ทหารแก่ ทหารเกษียณแล้ว THE OLD SOLDIER NEVER DIE ไม่ได้หมายถึงชีวิตร่างกายว่าไม่ตาย ตายแบบนั้น ยังไงๆก็ตาย เพราะนั่นคือสังขาร แต่สิ่งที่ไม่ตาย คือ “ผลงาน การกระทำ” ต่างหาก สิ่งที่ได้ทำลงไปจะอยู่ในความทรงจำของผู้คนไปชั่วนิรันดร จะอยู่กับแผ่นดินไปตลอดกาล เสมือน “จารึกไว้ในแผ่นดิน” ประมาณนั้น ที่ไม่มีวันตาย

- ที่แน่ๆ ลุงคิมไม่ได้อยู่ใน คสช. รู้เรื่อง คสช.จากผลงานที่ท่านแถลง ที่ท่านทำ เหมือนที่ทุกคนรู้ ทุกคนเห็น นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ ปัญหาการเกษตรอย่างเดียว สารพัดสารพรรณปัญหามากมายนั้นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ? เกิดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ทำไมผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงจึงไม่รู้ ?.... อย่าว่าแต่ผู้มีหน้าที่ส่งเสริมโดยตรงไม่รู้เลย แม้แต่ตัวเราเองอยู่กับปัญหาแท้ เกิดครั้งแล้วครั้งเล่า เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ไม่รู้เหมือนกัน นี่สิแปลกกว่า

- ปัญหาต่างๆ ทุกปัญหา แม้ว่า คสช.ท่านรู้ ท่านก็ทำได้แค่บอก แค่สั่งการ ให้คนที่มีหน้าที่แก้ปัญหาโดยตรงไปดำเนินการ กับบอกพวกเราวประชาให้ได้รับรู้เท่านั้น คสช.คงไม่ไปทำให้กับมือหรอก ในขณะ เดียวกัน ถ้าผู้มีหน้าที่แก้ปัญหาโดยตรงไม่ดำเนินการแก้ปัญหา เราก็ต้องดำเนินการเอง เพราะมันคือผลประโยชน์ของเราโดยตรง เรื่องทำนองนี้ทำไมเกษตรกรจึงไม่ถามผู้มีหน้าที่โดยตรงซะเองล่ะ

- ปัญหาค่าเช่าที่ทำกินก็ได้ยิน คสช.พูดแล้ว กำลังดูอยู่ว่า ท่านจะจัดการอย่างไร.... คำว่าจัดการ คือ ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงไปดำเนินการ

@@ กรอบความคิด สำหรับเกษตรกรอาชีพ :
- ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส
- ทำวิกฤติ ให้เป็นโอกาส
- คน แพ้/ชนะ กันที่โอกาส
- ที่ไหนๆทำได้ ยกเว้นบ้านเรา
- ใครๆทำได้ ยกเว้นเรา
- กำไรน้อย เพราะต้นทุนสูง

@@ ลดต้นทุน :
- ค่าเช่าที่ดิน .............. แก้ไม่ได้ (เราไม่เช่า เขาก็ให้คนอื่นเช่าแทน)
- ค่าปุ๋ย .................... ทำเอง (ลดปุ๋ยเคมี เพิ่มปุ๋ยอินทรีย์ และสารปรับปรุงบำรุงดิน, ทำเองครึ่งนึงซื้อครึ่งนึง, ใช้ปุ๋ยตามหลักสมการปุ๋ย, ฯลฯ)

- ค่ายา .................... ทำเอง (ลด ละ เลิก สารเคมียาฆ่าแมลง, ใช้สมุนไพรเพียวๆ หรือ สมุนไพร + เคมี, ไอพีเอ็ม., ทำเองครึ่งนึง ซื้อครึ่งนึง, ใช้ยาตามสมการยา, ฯลฯ)

- ค่าแรง ..................... ทำเอง (ใช้สมองแทนกำลัง, ใช้เครื่องทุ่นแรง, ฯลฯ)
- ค่าเมล็ดพันธุ์ .............. ทำเอง (ทำใช้ ทำขาย, ฯลฯ)
- ค่าน้ำมัน .................. ซื้อ / อาศัยธรรมชาติ (ค่าไถ : ย่ำเทือกประณีต 4 รอบ ประโยชน์/ประหยัด มากกว่าไถ, สูบน้ำ : อาศัยอินทรีย์วัตถุทำหน้าที่ฟองน้ำ อุ้มน้ำไว้ไต้ดินได้นานๆ สูบน้ำครั้งเดียวอยู่ได้นานนับเดือน ได้อินทรีย์วัตถุ, ฯลฯ)

@@ เพิ่มรายได้ :
- ขายข้าวปลูก .......................... ใช้เอง, ขายให้แปลงข้างบ้าน, ขายให้ร้านจำหน่าย)
- ขายข้าวพร้อมหุง ...................... ขายปลีก ขายส่ง
- ไบโปรดักส์ ............................ น้ำมันรำ จมูกข้าว แกลบ ฟาง

@@ สร้างพลังต่อรอง :
- รวมกลุ่ม สั่งซื้อ ......................... สั่งซื้อให้ส่งถึงบ้าน ประหยัดค่าขนส่ง
- รวมกลุ่ม ขาย .......................... คนรับซื้อพอใจ คนขายสบายใจ
- รวมกลุ่ม ทำเกษตรพันธะสัญญา ........ คนขาย/คนซื้อ เหมือนน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า

---------------------------------------------------------------


จาก : (080) 203-47xx
ข้อความ : ลุงคิมคะ เนื้อที่ 1 ไร่ สวนน้ำหล่อ ระหว่างดอกรักกับสร้อยทอง อย่างไหนให้ดอก การบำรุง ยากหรือง่ายกว่ากันคะ ใจจริงสนดอกรักมากกว่าค่ะ .... นครชัยศรี
ตอบ
สายพันธุ์ที่เห็นขึ้นตามริมถนน ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "รักแก้ว" ดอกอ้วน ป้อม เล็ก น้ำหนักน้อย แต่นั่นไม่เป็นที่นิยมของตลาดร้อยมาลัย เช่นเดียวกับดอกรักสีม่วง ที่นิยมคือดอกรักสีขาวพันธุ์ "จิ้งจก" ซึ่งลักษณะของดอกตูมจะดูคล้ายกับปากจิ้งจก ดอกมีสีขาวใส มันวาว ทรงดอกยาวใหญ่ และมีน้ำหนักคล้ายกับดอกรักที่ทำมาจากพลาสติก เกษตรกรเก็บดอกรักจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 10-300 บาท ขึ้นอยู่กับช่วงเทศกาล และที่สำคัญราคาจะสูงมากในช่วงฤดูหนาวราวเดือนตุลาคม-มกราคมของทุกปี เพราะเป็นช่วงต้นรักให้ดอกน้อย

สร้อยทอง เป็นไม้ตัดดอกประเภทข้ามปี ปลูกครั้งหนึ่งเก็บผลผลิตได้ 3 ปี จึงรื้อแปลงปลูกใหม่ ในแต่ละรอบปีสามารถเก็บผลผลิตได้ประมาณ 3 ครั้ง

พันธุ์ที่นิยมปลูกกันมาก คือ
- Solidago canadensis ให้ลำต้นตรงสูงประมาณ 45-100 ซม. ลักษณะการเจริญเติบโตในแนวตั้ง ใบมีสีเขียวเข้ม รูปหอก ดอกมีสีเหลืองอ่อน เหลืองนกขมิ้น และเหลืองทอง ช่อดอกเป็นแบบ Cluster (เป็นกลุ่ม) มีดอกย่อยเล็กๆ อยู่ภายในช่อ โดยที่ดอกช่อเหล่านี้จะมีก้านดอกสั้นติดอยู่กับก้านชูดอก ให้ดอกในช่วงเดือน ส.ค. ถึง ก.ย.

- Solidago multiradiata ลำต้นแตกแขนงมีพุ่มต้นสูง ประมาณ 25-45 ซม. ดอกมีสีเหลือง ขนาดดอกใหญ่กว่าชนิดอื่นๆ จะบานเป็นช่อให้ดอก ช่วงเดือน ก.ค. ถึง ส.ค.

- Solidago bracbystacbys พุ่มต้นสูง 15-30 ซม. ดอกมีสีเหลืองทอง ให้ดอกช่วงเดือน ส.ค. ถึง ก.ย.

- Solidago eaasia ต้นสูงประมาณ 8-40 ซม. ดอกมีสีเหลืองอ่อน ให้ดอกช่วงเดือน ก.ย. ถึง ต.ค.

- Solidago odora ทรงพุ่มแข็งแรง สูงประมาณ 100-200 ซม. ให้ดอกช่วงเดือน ก.ค. ถึง ส.ค.

- Garden hybrids ทรงพุ่มสูงประมาณ 30-40 ซม. ให้ดอกในช่วงเดือ ก.ค. ถึง ต.ค. เก็บผลผลิตได้ 3 ครั้ง ๆละ 2,000 กำ รวมผลผลิต 8,400 กำต่อปี 1 กำมีดอกประมาณ 25 ช่อ (ประมาณ 8 ขีด)

หมายเหตุ :
ช่อสั้น หมายถึง ช่อดอกที่มีแต่แขนงไม่มีส่วนยอดแหลมของช่อดอก

http://www.eto.ku.ac.th/neweto/e-book/plant/flower/goldenrod.pdf


* ทำกิน ถามคนในบ้าน ..... ทำขาย ถามคนรับซื้อ
* ทำเป็น = ง่าย .... ทำไม่เป็น = ยาก

– ดอกรัก ............... ยอดเดิมได้ดอกเก็บได้ ทุก 15-20 วัน
- สร้อยทอง ............. ต้นเดิมได้เก็บดอก 3 เดือน /ครั้ง

- ดอกรัก ................ สีขาว สีม่วง ดอกเล็กจิ๋ว ดอกเล็ก ดอกใหญ่จัมโบ้
- สร้อยทอง .............. สีเหลือง ก้านยาว 50 ซม. ก้านยาว 80 ซม.

– ดอกรัก ............... งานเล็กๆ ทำบ่อย
- สร้อยทอง .............. งานใหญ่ ทำน้อยครั้ง

- ดอกรัก ............... โรคน้อยกว่าสร้อย
- สร้อยทอง ............. โรคมากกว่าดอกรัก

- ดอกรัก ................ บำรุงสูตรเดียวตลอด
- สร้อยทอง .............. บำรุงตามระยะ

- ดอกรัก ................ ต้องการน้ำน้อย ถึงแล้ง
- สร้อยทอง .............. ต้องการน้ำมาก สม่ำเสมอ พอหน้าดินชื้น

--------------------------------------------------------------------------------




.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©