-
++kasetloongkim.com++ Forums-viewtopic-ปลูกผักไฮโดรโปรนิค....พรางแสง
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ
MySite.com :: ดูกระทู้ - ปลูกผักไฮโดรโปรนิค....พรางแสง
 คำถามถามบ่อยของกระดานข่าวคำถามถามบ่อยของกระดานข่าว   ค้นหาค้นหา   กลุ่มผู้ใช้งานกลุ่มผู้ใช้งาน   ข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนตัว   เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณเข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ   เข้าระบบเข้าระบบ 

ปลูกผักไฮโดรโปรนิค....พรางแสง

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
kimzagass
หาวด้า
หาวด้า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009
ตอบ: 11558

ตอบตอบ: 19/04/2010 7:37 am    ชื่อกระทู้: ปลูกผักไฮโดรโปรนิค....พรางแสง ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แนะผู้ปลูกผักแบบไฮโดรโพนิกส์ การพรางแสงที่เหมาะสม ช่วยลดไนเตรท ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น

การปลูกพืชแบบไฮโดรโพนิกส์ หรือ การปลูกพืชแบบไม่ใช้ดิน (Soilless Culture) เป็นการปลูกพืชรูปแบบใหม่ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมกันอย่างมากในหมู่เกษตรกร เนื่องจากคุณสมบัติหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การลดค่าใช้จ่ายในส่วนของการเตรียมดิน การกำจัดวัชพืช หรือด้านผลผลิตที่สามารถทำการเพาะปลูกได้ต่อเนื่องตลอดปี และผลผลิตที่สม่ำเสมอ ทั้งปริมาณและคุณภาพ

หลักการสำคัญของการปลูกพืชเลียนแบบธรรมชาติ โดยวิธีที่เรียกว่าไฮโดรโพนิกส์ นั้น อยู่ที่การเตรียมสภาวะของธาตุอาหารให้อยู่ในรูปที่พืชนำไปใช้ได้ โดยใช้วัสดุอื่นทดแทนดิน ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ปลูกในสารละลาย ปลูกแบบเติมอากาศ ปลูกแบบน้ำลึกหมุนเวียน ปลูกแบบให้สารอาหารไหลเป็นแผ่นฟิล์ม หรือ ปลูกในวัสดุปลูกต่าง ๆ อาทิ ทราย, กรวด, ฟองน้ำ, ขุยมะพร้าว แล้วให้สารละลายธาตุอาหารแก่พืช

แต่อย่างไรก็ตาม การปลูกพืชแบบไฮโดรโพนิกส์ ให้ได้ผลดีนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เกษตรกรต้องมีความชำนาญในการดูแลและจัดการระบบ เพราะนอกจากปัญหาภายนอกอย่างวัสดุปลูกบางชนิดไม่ย่อยสลาย ซึ่งส่งผลต่อระบบโดยรวมแล้ว ปัญหาเฉพาะที่เกิดขึ้นกับผักที่ปลูกในระบบไฮโดรโพนิกส์ คือ ปริมาณไนเตรทที่สะสมอยู่ในใบผัก ซึ่งมีปริมาณสูง เนื่องจากผักที่ปลูกในที่ร่มครึ้มนั้น จะมีอัตราการสังเคราะห์แสงน้อย ทำให้ไนเตรทไม่ได้ถูกนำไปใช้ จึงมาสะสมอยู่ที่ใบผัก ซึ่งไนเตรทนี้ถ้าไปสะสมอยู่ในร่างกายคนมาก ๆ ก็จะไปจับตัวกับออกซิเจนในเม็ดเลือด (เฮโมโกลบิน) ทำให้ตัวผู้บริโภคเป็นสีฟ้าและซีด และส่วนหนึ่งยังเปลี่ยนรูปเป็นสารที่ชื่อว่า ไนโทรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งรูปแบบหนึ่งด้วย

และปัญหาสำคัญดังกล่าว นี้เอง ได้กลายมาเป็นโจทย์ของงานวิจัยเรื่อง “ผลของการพรางแสงต่อผลผลิตและปริมาณไนเตรทตกค้างในผักกาดหอมบัตเตอร์เฮดที่ปลูกโดยไม่ใช้ดิน” ของคณาจารย์จากสาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช คณะเทคโนโลยีการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา หัน ตรา นำโดย ผศ.กิตติ บุญเลิศนิรันดร์ ทั้งนี้ เพื่อหาหนทางแก้ไข ปัญหาการสะสมของไนเตรทซึ่งส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพของผู้บริโภค

โดย ผศ. กิตติ เปิดเผยว่า “ปัญหาไนเตรทตกค้างในผักที่ปลูกโดยระบบไฮโดรโพนิกส์นั้น เป็นปัญหาระยะยาว ที่เกษตรกรส่วนใหญ่มักจะละเลย เพราะการที่จะทราบปริมาณ ไนเตรทที่สะสมในผักนั้น ต้องนำมาทดสอบในห้องทดลองด้วยเครื่อง Reflectometer RQflex เท่านั้น ซึ่งจากการทดสอบปริมาณไนเตรทตกค้างในพืชผักประเภทผักสลัด ได้แก่ ผักกาดหอมบัตเตอร์เฮด ซึ่งปลูกแบบไฮโดรโพนิกส์ ในห้องทดลอง ปรากฏว่า ปริมาณไนเตรทตกค้างมีค่อนข้างสูง เพราะโดยธรรมชาติ ผักกาดหอมเป็นพืชที่ต้องการแสงเต็มที่ตลอดวัน และอุณหภูมิการปลูกเฉลี่ยประมาณ 15-21 องศาเซลเซียส ฉะนั้นการปลูกผักกาดหอมในระบบไฮโดรโพนิกส์ จึงต้องมีการพรางแสงที่เหมาะสม เพื่อการสังเคราะห์แสงที่สมบูรณ์ ไม่มีปริมาณไนเตรท ตกค้าง

ตามปกติ การพรางแสง ในการปลูกผัก ระบบไฮโดรโพนิกส์ มักจะใช้สแลนด์หรือตาข่ายสีดำ เป็นเครื่องมือในการช่วยพรางแสง และเกษตรกรส่วนใหญ่มักจะพรางแสงมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจากการศึกษาวิจัย เป็นอัตราที่สูงเกินไป ผักกาดหอมจึงสังเคราะห์แสงได้น้อย ส่งผลให้ไนเตรทไปสะสมที่ใบผักในปริมาณสูงขึ้น แต่ถ้าเกษตรกรสามารถลดอัตราการพรางแสงให้เหลือประมาณ 50-60 เปอร์เซ็นต์ ได้ ผักกาดหอมจะสังเคราะห์แสงในอัตรามากขึ้น ทำให้ไนเตรทนั้นไปสะสมที่ใบผักในปริมาณที่ลดลง นอกจากนั้นจากการวิจัยครั้งนี้ยังพบว่า การพรางแสงมีผลทำให้ความสูงของต้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และความกว้างทรงพุ่มกว้างขึ้นอีกด้วย

สำหรับปัญหาสารพิษตกค้างในพืชผักนี้ กล่าวได้ว่า ผู้ที่รับผลกระทบจากปัญหานี้เต็ม ๆ คือ ผู้บริโภค ดังนั้น เกษตรกร ในฐานะผู้ผลิต จึงไม่ควรละเลยในการหาหนทางมาแก้ไข บรรเทาปัญหานี้ให้เบาบางลง ดังนั้น เกษตรกรผู้ใดสนใจ อยากทราบเทคนิคการพรางแสง รวมทั้งเทคนิคในการปลูกพืชในระบบไฮโดรโพนิกส์ เพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้โดยตรงที่ ศูนย์คลินิกเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ 60 หมู่ 3 ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา หมายเลขโทรศัพท์ 0-3532-3620 ในวันและเวลาราชการ.


ประอรพิชญ์ คัจฉวัฒนา
กองประชาสัมพันธ์ราชมงคล

ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    MySite.com หน้ากระดานข่าวหลัก -> ถาม-ตอบ ปัญหาการเกษตร ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group
Forums ©