ฮ.น้ำดำ,ฮ.ไข่,CaBr และระเบิดเถิดเทิงกับทุเรียน

[Aorrayong]

ลุงคิมคะ
สมัยที่พ่อเป็นผู้ดูแลทุเรียน พ่อจะใส่ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ ปีละ 1 ครั้ง เท่านั้น
ไม่เคยให้สารอาหารทางใบเลย ต่อมาสักประมาณ 6-7 ปีที่ผ่านมา
พ่อกับแม่ได้ปรับเปลี่ยนจากการใส่ปุ๋ยเคมี มาเป็นปุ๋ยอินทรีย์-เคมี ที่ขายตาม
ท้องตลาดทั่วๆไป และให้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ ที่แม่หมักจากเศษผัก, ผลไม้
บ้างบางครั้ง

หลังจากที่อ้อเข้ามาดูแลแทน 3 ปีที่ผ่านมา ปีนี้เป็นปีแรกที่อ้อให้สารอาหาร
ทางใบ หลังจากที่กลับจากไร่กล้อมแกล้ม ให้ฮอร์โมนน้ำดำ, ฮอร์โมนไข่,
แคลเซียมโบรอน. และให้ทางดินด้วย ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง. แค่รอบเดียว
จากเดิมที่ทุเรียนดูไม่สดชื่น สีใบจะไม่เขียวเข้มและเป็นมัน

แต่หลังจากที่ให้สารอาหารทางใบกับทุเรียน ตามคำแนะนำของลุงคิม
ใบทุเรียนจะสีเขียวเข้ม ใบมันวาว และค่อนข้างหนา

[Aorrayong]

[Aorrayong]

[kimzagass]

หลักการและเหตุผล :
ฮอร์โมนน้ำดำ.......มี Mg. ช่วยสร้างคลอโรฟีลด์. ผลการตอบสนองคือใบเขียวเข้มเป็นมันวาว
กับสารอาหารตัวอื่นๆ (10 ตัว) จะสะสมไว้ในต้นซึ่งผลตอบสนองจะพบช่วงออกดอกติดผล

แคลเซียม โบรอน.....มี Ca. & Br. ช่วยสร้างความสมบูรณ์แก้ทุกส่วนของต้น ผลการบสนอง
เห็นชัดเจนทั้งปัจจุบัน และในอนาคต ที่ต้นได้รับแบบสะสม

ฮอร์โมนไข่ ไต้หวัน.....มีสารอาหารกลุ่ม C. เป็นหลัก แล้วเสริมด้วย ไซโตคินนิน. - ไคตินไคโตซาน. อะมิโนโปรตีน.

น้ำหมักระเบิดเถิดเทิง.....มีสารอาหาร อะมิโนโปรตีน- แม็กเนเซียม-โซเดียม-แมงกานิส. ฯลฯจากปลาทะเล, ไขกระดูก. เลือด. มูลค้างคาว. นม. ฮิวมิค แอซิด. เป็นสารอาหารกลุ่มอินทรีย์สาร. และธาตุหลัก (สูตรเจริญเติบโต) ธาตุรอง/ธาตุเสริม. เป็นสารอาหารกลุ่มสังเคราะห์ (อนินทรีย์สาร) อัตราเปอร์เซ็นต์ตามกำหนด (ใส่เติมเพิ่ม ก่อนใช้งานจริง)

หมายเหตุ : สารอาหาร คือ ปุ๋ย.....ปุ๋ย คือ สารอาหาร


ประวัติ :
ทุเรียนสวนนี้ (หมายรวมไม้ผลอื่นๆด้วย) เป็นสวนแบบ "อินทรีย์ นำ - เคมี เสริม" โดยแท้ ไม้ผลทุกต้นออกดอกติดผลตามฤดูกาลอย่างสม่ำเสมอมาโดยตลอด จากการสังเกตุแล้วพบว่า ในบางปีดอกที่ออกมาแล้วเปอร์เซ็นต์ติดเป็นผลได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น และคุณภาพผลผลิตในบางต้นยังด้อย หรือไม่สม่ำเสมอทั้งๆที่ได้รับการปฏิบัติบำรุงเหมือนกัน

การที่ไม้ผลทุกต้นในสวนแห่งนี้สามารถออกดอกติดผลได้ทุกปี ทั้งๆที่ใส่ปุ๋ยเคมี "สูตรเสมอ" เพียงเล็กน้อยและไม่เคยให้ทางใบเลยนั้น เป็นสิ่งบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่า ปุ๋ยเคมีหรือสารอาหารอื่นๆ ที่คนให้แก่พืช ไม่ใช่สิ่งจำเป็นอันดับแรก หรือจำเป็นจนถึงระดับขาดไม่ได้

การไม่มี "สารแปลกปลอม" (วัดที่ดิน) เข้าไปปนเปื้อนหรือเจือแฝงอยู่ในเนื้อดิน จึงทำให้ไม่เกิดปฏิกิริยา "แอนตี้ ออกซิแดนซ์" หรือส่งผลให้จุลินทรีย์สร้างกระบวนการ "ออกซิเดชั่น" ได้อย่างเต็มที่นั่นเอง

การที่จะให้รู้ว่าปริมาณสารอาหารที่พืชได้รับนั้นเพียงพอต่อความต้องการหรือไม่ สามารถประเมินได้จากอัตราการเจริญเติบโตหรือพัฒนาการแต่ละช่วง ซึ่งลักษณะอาการของส่วนต่างๆของพืชตั้งแต่ปลายใบถึงปลายราก จะแสดงความสมบูรณ์ให้เห็น นอกจากนี้ การออกดอกติดผล (ปริมาณ - คุณภาพ) ก็เป็นอีกกรณีหนึ่งที่ใช้ประเมินความสมบูรณ์ของต้นได้

ในวิถีธรรมชาตินั้น ความถูกต้อง - ความพอดี คือ ดีที่สุด............ระหว่าง "ความถูกต้อง" กับ
"ความพอดี" ต้องคู่กันและสัมพันธ์กันอย่างเหมาะสม หากตัวใดตัวหนึ่งผิดย่อมส่งผลให้อีกตัวหนึ่งผิดไปด้วย หรือจะกล่าวว่า "ถูกสูตร - ถูกชนิด - ถูกประเภท - ถูกอัตรา - ถูกพืช - ถูกวิธี - ถูกระยะ - ถูกเวลา - ถูกดิน - ถูกน้ำ - ถูกอุณหภูมิ - ถูก ฯลฯ...."

อาการเมื่อต้นไม้ผลได้รับการปฏิบัติบำรุงแบบ ความถูกต้อง - ความพอดี "ผิดพลาด" ที่เห็นได้ชัด ได้แก่ บ้าใบ. ต้นโทรม. หยุดยอด. ไม่ออกดอก. ผลเล็กแกร็นผิดรูป. คุณภาพไม่ดี.

จากภาพถ่ายทุเรียนที่ "คณอ้อ ระยอง" โพสต์มาให้ดู เมื่อวิเคราะห์ลักษณะ ใบแก่. ใบอ่อน. กิ่ง. ทรงพุ่ม. แล้วพบว่าต้นมีความสมบูรณ์สูงมาก หลังจากให้สารอาหารทำเองทั้ง 3 สูตรไปสูตรละครั้ง นี่คือ "ความถูกต้อง -ความพอดี" ถูกต้องแล้ว

ปัญหาที่ควรระวังในต่อไปนี้ คือ "ความถูกต้อง - เกินพอดี" หรืออาจเรียกว่า OVER DOZE ซึ่งจะส่งผลเสียต่อต้น อาจจะ (เน้นย้ำ....อาจจะ) ทำให้ต้นบ้าใบ. หรือ ดื้อ (เปิดตาดอกไม่ออก). ก็ได้


แนวทางปฏิบติ :
จาก ส.ค. - ธ.ค. รวมเวลาราว 4 เดือน ให้บำรุงแบบ "เบา-เบา" เพื่อป้องกันอาการ OVER DOZE โดยถือหลักปฏิบัติบำรุง ดังนี้

1...... ลดสารอาหารทั้งทางใบและทางราก ...... จากที่เมื่อช่วงกลางเดือน ส.ค. เคยให้แล้ว 1 รอบ นั้น กำหนดให้ครั้งต่อไปราวต้นเดือน ต.ค. ด้วยสูตรเดิม ทั้งทางใบและทางราก

2..... ควบคุมน้ำบริเวณโคนต้นพอหน้าดินชื้น สม่ำเสมอ

3.... ป้องกันโรคและแมลงอย่าให้ทำลายไบได้โดยเด็ดขาด

4..... ต้นเดือน พ.ย. บำรุงด้วยสูตร "สะสมตาดอก" ทั้งทางใบและทางราก

5..... ปลาย พ.ย. - ต้น ธ.ค. บำรุงด้วยสูตร "เปิดตาดอก" ทั้งทางใบและทางราก



ในธรรมชาติไม่มีตัวเลขและสูตรสำเร็จ
แต่โทรศัพท์มีตัวเลข กริ๊งกร๊าง ถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้

ลุงคิมคร้าบบบบบบ

[thumsiri]

เอาผลงานของฮอร์โมนน้ำดำมาให้ชมเช่นกันครับ ผมได้มาจากสวนคุณลุง
วันนั้นสามอย่างตามรูป ตอนนี้ส่งไปให้พี่ทดลองใช้กับนาข้าวต่างจังหวัดดู
แล้ว เล่าให้พี่ของผมฟังพี่ดีใจมาก ๆ เลย บอกจะลองใช้ดู และผมก็โทร
ถามเป็นระยะ ๆ (เหมือนไส้กรอก )













ส่วนรูปนี้เป็นการฉีดฮอร์โมนน้ำดำ(ซื้อมาจากงานเกษตรกำแพงแสน)กับมันเทศ
สีม่วงครับ โดยที่ไม่ได้นำออกแดดเลย (ได้รับแสงจากไฟหลอดยาวที่ทำงาน)
วัดดูยอดแล้วสูงท่วมหัวประมาณสองเมตรกว่า ๆ ได้












ส่วนภาพนี้ก็เป็นการฉีดฮอร์โมนน้ำดำที่ได้มาฟรีจากสวนคุณลุงวันนั้นครับ
ฉีดให้กับมันเทศสีส้ม กำลังแตกยอดเลยครับ

[nokkhuntong]

ย้อนกลับมาอ่านกระทู้เก่า ๆ เห็นว่าน่าสนใจมาก "หลักการและเหตุผล" ของลุง .....เลยดัน ๆ กระทู้ขึ้นมาใหม่ค่ะ

หัวมันเทศปลูกไม่ต้องลงดิน กับฮอร์โมนน้ำดำ อย่างนี้ต้องลอง...ซะแล้น
นกขุนทอง

[kimzagass]

เมื่อเช้านี้ (7 ต.ค.) รายการวิทยุภาคเช้า "คุณอ๊อด" PHONE IN เข้ามาในรายการ คำพูดหนึ่ง (เพียงคำเดียว) ของคุณอ๊อด. สร้างประกายความคิด ที่ส่องสว่างยิ่งกว่า SPOT LIGHT ให้แก่ลุงคิม นั่นคือ คำว่า "ก้าวข้าม"

แนวคิดเริ่มต้นที่ลุงคิมเคยให้ไว้ว่า.... ทุกอย่างที่คุณได้ไปจากไร่กล้อมแกล้มมีค่าเพียง 1 เท่านั้น คุณพึงตามไปหา 1 จากแหล่งอื่นอีกหลายๆแหล่ง ยิ่งมากแหล่งยิ่งดี แล้วนำ 1 จากสารพัดแหล่งมารวมกัน จากนั้นก็ให้ "วิเคราะห์/เปรียบเทียบ/จับทาง/หลักการและเหตุผล/ปัจจัยเสริม-ปัจจัยต้าน/ฯลฯ" มาเป็น "สูตร" ของตัวเอง โดยมีพืชที่ตัวเองปลูกเป็นศูนย์กลาง ..... ในธรรมชาติ COPY ไม่ได้ก็จริง แต่ APPLY ได้.....

ทุกมหาวิทยาลัยในโลก อ๊อกฟอร์ด. ฮาวารร์ด. จุฬา. ธรรมศาตร์. เกษตรศาตร์. เตรียมทหาร. อัตตะปือ. ดงโดก. บันเดียอัมปึน. ต่างก็สอนให้ได้เพียงนับ 1 เท่านั้น สิ่งนี้คือ "พิ้นฐาน" เมื่อจบการศึกษา ออกสู่โลกภายนอกแล้ว ทุกอย่างจะเปลี่ยน เพี้ยนไปจากตำราที่เรียนมาโดยสิ้นเชิง เรียกว่า "คนละเรื่องเดียวกัน" ประมาณนั้น.... ผู้ที่ประสบควารมสำเร็จ คือ ผู้ที่ APPLY เป็นเท่านั้น

คำคมชวนคิดของคุณอ๊อด.....ปฏิบัติบำรุงปาล์มตามแนวนี้จะได้ผลผลิต อย่างน้อย 3 ตัน/ไร่ ..... คิดแบบ "ก้าวข้าม" คือ ทำอย่างไรให้ได้มากกว่า 3 ตัน ? และทำอย่างไรให้มากกว่านี้ขึ้นไปอีก ?

เหมือนคำว่า BEST TO ABOVE THE BEST

กรณีเรื่องของ "คุณนกขุนทอง" ที่ย้อนกลับไปดูแฟนเก่า เอ๊ย ! กระทู้เก่า แนวคิดแบบ "ก้าวข้าม" ที่น่าสนใจ คือ .....

- ทำแปลงแบบโต๊ะ (กล้วยไม้) ยกพื้น ปูพื้นด้วยวัสดุแข็งแรง แล้วทับด้วยซาแลน ให้อากาศระบายได้ทั้งด้านล่างและด้านบน
- มุงหลังคาทึบ (จากหรือหญ้าคา) ป้องกัน แสง/แดด/ฝน/ลม ล้อมด้านข้างด้วยซาแลน ป้องกัน แสง/แดด/ฝน/ลม
- วางหัวมันเทศบนซาแลน
- ให้ "สารอาหาร + น้ำ" ด้วย "ฮม.น้ำดำ + ฮม.สูตรลงหัว." โดยสเปร์ยไปที่หัวมัน ทุก 5-10 นาที ด้วยเครื่องควบคุม TIMING

หมายเหตุ :
- เทคนิคนี้ไต้หวันทำเป็นอาชีพอยู่แล้ว
- เทคนิคนี้มีงานวิจัยไทย โดยสเปร์ย์ "น้ำ + สารอาหาร" ที่รากกล้วยไม้
- เทคนิคนี้มีงานวิจัยของญี่ปุ่น ปลูกไม้ยืนต้นแบบรากลอยอยู่ในอากาศแท้ๆ แล้วให้ "สารอาหาร + น้ำ" โดยสเปร์ยใส่ที่รากทุก 5 นาที ปรากฏว่าไม้ผลต้นนั้นสามารถเจริญเติบโต ออกดอก ติดผลได้เหมือนไม้ที่ปลูกลงดิน


คิดแบบนักวิทยาศาสตร์....ได้ไหม ? อย่างไร ? เพราะอะไร ?
ลุงคิมครับผม