ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
Sita สาวดี่
เข้าร่วมเมื่อ: 22/10/2010 ตอบ: 452
|
ตอบ: 15/11/2010 8:14 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
..เออแฮะ..แป้งก็ถ่ายรูปให้มองออกว่าเป็นเครื่องตัดได้แฮะ เก่ง(ว่ะ กับตัวเองนะ)
นี่ขนาดไม่ได้จัดแสงนะ แบ็คกราวน์ไม่ต้อง พื้นๆเลย ...(ทำอะไรไม่เป็นมากกว่า)
แต่แหม..จากสภาพเครื่องทุกท่านอาจจะคิดว่าไม่น่าจะใช้งานได้(เก่ามากซื้อมานานแล้ว)แต่ยืนยันจากผู้ใช้จริง..ใช้ได้..ชัวร์..
หนักเอาการ หรืออาจจะเป็นเพราะเป็นผู้หญิง(รึเปล่า)มันก็เลยหนัก
แต่มันก็หนักขึ้นมาจากเดิมที่เคยตัดอยู่โขเลย
ที่จะไปดู ดูเครื่องตัด หรืออุปกรณ์เสริมล่ะพี่ยุทธ ถ้าเป็นตัวเครื่องเดี๋ยวนี้ราคาไม่สูงมาก ของฮอนดาไม่ถึงห้าพัน ถ้าของมากีตาแพงขึ้นมาไม่กี่ร้อย แล้วแต่ขนาดแรงด้วยนะ ตอนที่ซื้อราคาเกือบหมื่นแน่ะ (หลายปีแล้ว) ถ้าของมากีตามันจะรอบจัดกว่าฮอนดา มากีตาตัวใหญ่ใช้ตัดไม้ยูคาได้ด้วย..จบข่าว
แป้งจ๊ะ.. |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Yuth-Jasmine สาวดี่
เข้าร่วมเมื่อ: 05/07/2010 ตอบ: 384
|
ตอบ: 15/11/2010 8:38 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ขอบคุณมากจ่ะแป้ง เกี่ยวข้าวใกล้เสร็จหรือยัง
ถ่ายรูปมาดูกันบ้างสิ ถ้าไม่ลำบากน่ะ อยากเห็น
เพราะว่า อยากปลูกข้าวกินเองเหมือนกัน
แต่ยังไม่มีความรู้และโอกาสลงมือทำเองเลย
ว่างๆ ลองเขียนขั้นตอนการทำนาแบบของแป้งมาให้อ่านบ้างสิ
ไม่ได้มาลองภูมิน่ะ อยากรู้จริงๆ เอาแบบทีละขั้นทีละตอนน่ะ
เชื่อว่าเพื่อน สมช. หลายท่านก็อยากรู้น่ะ
ใกล้เคียงกับแถวบ้านไหม
(ขอบคุณข้อมูลจากนิตยสาร "เคหการเกษตร")
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Yuth-Jasmine เมื่อ 15/11/2010 8:49 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Soup สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 01/09/2010 ตอบ: 181 ที่อยู่: อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
|
ตอบ: 15/11/2010 8:47 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ดูจากภาพแล้วน่าจะหนักจริง ๆ
ทำไมต้องตัดให้เท่ากับเคียวเกี่ยวล่ะน้องแป้ง ตอซังมีประโยชน์อะไรเหรอ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
JIB หนาวดึ่ง
เข้าร่วมเมื่อ: 10/11/2010 ตอบ: 7
|
ตอบ: 16/11/2010 1:10 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
Sita บันทึก: | ..เออแฮะ..แป้งก็ถ่ายรูปให้มองออกว่าเป็นเครื่องตัดได้แฮะ เก่ง(ว่ะ กับตัวเองนะ)
นี่ขนาดไม่ได้จัดแสงนะ แบ็คกราวน์ไม่ต้อง พื้นๆเลย ...(ทำอะไรไม่เป็นมากกว่า)
แต่แหม..จากสภาพเครื่องทุกท่านอาจจะคิดว่าไม่น่าจะใช้งานได้(เก่ามากซื้อมานานแล้ว)แต่ยืนยันจากผู้ใช้จริง..ใช้ได้..ชัวร์..
หนักเอาการ หรืออาจจะเป็นเพราะเป็นผู้หญิง(รึเปล่า)มันก็เลยหนัก
แต่มันก็หนักขึ้นมาจากเดิมที่เคยตัดอยู่โขเลย
ที่จะไปดู ดูเครื่องตัด หรืออุปกรณ์เสริมล่ะพี่ยุทธ ถ้าเป็นตัวเครื่องเดี๋ยวนี้ราคาไม่สูงมาก ของฮอนดาไม่ถึงห้าพัน ถ้าของมากีตาแพงขึ้นมาไม่กี่ร้อย แล้วแต่ขนาดแรงด้วยนะ ตอนที่ซื้อราคาเกือบหมื่นแน่ะ (หลายปีแล้ว) ถ้าของมากีตามันจะรอบจัดกว่าฮอนดา มากีตาตัวใหญ่ใช้ตัดไม้ยูคาได้ด้วย..จบข่าว
แป้งจ๊ะ.. |
ของฮอนด้าแท้จะเป็น 4 จังหวะอย่างเดียวนะคะ ข้อดีคือประหยัดน้ำมัน เงียบ ไม่ต้องเติมออโต้ลูป แต่รอบจะไม่จัดจ้านไม่สะใจวัยรุ่น ราคาโดยทั่วไป 8,500 บาทค่ะ ถ้าต่ำกว่านี้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าของก๊อป
มากีต้าแท้(ฝาแฝดโรบิ้น)จะมีทั้ง 4 จังหวะและ 2 จังหวะ แต่ส่วนมากคนจะใช้ 2 จังหวะมากกว่า เพราะแรง รอบจัด หาอะไหล่ง่าย(แท้-เทียม) ราคาโดยทั่วไปก็ 8,500 ขึ้นไปถึง 9,000 ต่ำกว่านี้ก็ของก๊อปค่ะ
หรือบางทีบางร้านก็ขายเครื่องแท้ แต่ก้านตัดก๊อปก็มีค่ะ ทำให้ราคาถูกลง เพราะฉนั้นก่อนซื้อระบุกับทางร้านไปเลยว่าจะเอาของแท้ๆ
จิ๊บ ท่าม่วง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
catcaty หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 13/08/2010 ตอบ: 525
|
ตอบ: 16/11/2010 4:34 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
คำแนะนำจากคนที่เป็นช่างซ่อมที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเครื่องยนต์พวกนี้ครับ..
ตัวเครื่องยนต์และอะไหล่จำพวกนี้ปลอมเลียนแบบแยกแยะว่าไหนจริงไหนปลอมได้ยากมาก ตัวผมเองเคยลองเอาของจริงกับของปลอมวางคู่กันยังสับสนว่าชิ้นไหนจริงชิ้นไหนปลอม เพราะฉะนั้นถ้าใครจะซื้อของพวกนี้ถ้าดูไม่เป็นต้องเลือกร้านที่ไว้ใจได้ร้อยเปอร์เซ็นเท่านั้นหรือไม่ก็ซื้อของเทียมราคาถูกไปเลยรับประกันไม่ถูกหลอกแน่นอน ไม่ใช่ว่าส่งเสริมให้ใช้ของเทียมนะครับ แต่ของเทียมเดี๋ยวนี้คุณภาพก็ใช่ย่อยราคาก็ถูกมาก ใช้ไประยะหนึ่งถ้าเสียมากก็ทิ้งไปเลยซื้อใหม่
ผมเองใช้ทั้งเครื่องตัดหญ้ากับเครื่องพ่นยาสองตัวซื้อมาห้าพันนิดๆเท่านั้นเองอัตราเร่งก็แรงน้ำหนักก็เบา ใช้มาเป็นปีแล้วยังไม่มีปัญหาอะไร
ลองดูราคาค่าซ่อม+ค่าอะไหล่เครื่องตัดหญ้าแถวบ้านผมบางชิ้นนะครับยี่ห้อไม่ต้องกำหนดยี่ห้อไหนราคาพอๆกัน
1 ตีปลอก+ลูกสูบ 1,500 บาท ( แท้หรือไม่ อยู่ที่ร้านขายฯ บอก)
2 คอยย์ c d i 1,200 บาท "
3 คาบูเรเตอร์ ราว 800 บาท "
4 ปลอกแขน+แกนใน 800 บาท "
5 ฯฯฯฯฯฯฯ
สี่อย่างนี่ราคาสี่พันสามแล้วพี่น้องลองคิดดูเครื่องตัดหญ้าตัวนึงมีชิ้นส่วนเป็นร้อยชิ้นถ้าซื้อทีละชิ้นมาประกอบเองให้ได้ตัวนึงหมื่นห้าไม่พอแน่นอน ถ้าซื้อทั้งตัว ราคาสองพันกว่าบาทก็มีครับใช้ได้เลย
(มีใครสงสัยอีกมั้ย ทำไมร้านขายอะไหล่ + ช่างซ่อมถึงรวย ?)
(มีใครจะถามบ้างมั้ย ผมก็เป็นช่างซ่อมทำไมถึงจน ?)
หมึกครับผม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Sita สาวดี่
เข้าร่วมเมื่อ: 22/10/2010 ตอบ: 452
|
ตอบ: 16/11/2010 5:33 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ขอบคุณนะคะ คุณจิ๊บ ที่แจงข้อมูลมา อาจจะจริงอย่างที่คุณจิ๊บบอก
อาจจะเป็นของก็อป แต่แป้งก็ไม่ทราบหรอกนะคะ ว่าก็อปหรือเปล่า
เพราะตอนที่แป้งถามราคา มันก็ต่างจากที่เคยซื้อ ถามคนขายเค้าเหมือนกัน
ว่าของเที่ยมรึเปล่า ของจีนแดง จีนดำอะไรมั้ย ทำไมราคามันลงมาเยอะจัง
คนขายเค้าบอกว่า "ของแท้" แต่ที่มันถูกเพราะ เดี๋ยวนี้เค้าทำออกมาเยอะ
การแข่งขันมันสูง ถ้าแพงก็ขายไม่ได้ ไอ้เราก็พาซื่อ (หรือโง่) เชื่อตามนั้น
เลยนำข้อมูลมาบอกเล่าให้ฟัง....จริงๆแล้วโอกาสที่เราจะรู้เรื่อง, รู้เท่าทันมันน้อย
ถึงเค้าจะเอาของเที่ยมมาให้ดูแล้วบอกว่ามันเป็นของแท้ ก็คงไม่รู้เรื่องอยู่ดี
ก็ต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะ ที่แจงข้อมูลใหม่มา..
ขอโทษพี่ยุทธและทุกคนที่ได้อ่านข้อมูลของแป้งนะคะ ไม่ได้มีเจตนามาอวด
ว่ารู้หรอกนะคะ ได้ข้อมูลมาแบบนั้นจริงๆ....ขอโทษหลายๆ เด้อ..
แป้ง (ทั้งเซ่อ ทั้งโง่) |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Sita สาวดี่
เข้าร่วมเมื่อ: 22/10/2010 ตอบ: 452
|
ตอบ: 16/11/2010 8:00 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
Soup บันทึก: | ดูจากภาพแล้วน่าจะหนักจริง ๆ
ทำไมต้องตัดให้เท่ากับเคียวเกี่ยวล่ะน้องแป้ง ตอซังมีประโยชน์อะไรเหรอ |
...อันนี้ถามเพราะเคยชินกับ "ถามจนครูเอือม" หรือว่าอยากรู้เพราะไม่รู้จริงๆ คะ
พี่ซุปหัวหอม ถ้าจะให้ตอบก็คงจะประมาณว่า....ที่ต้องตัดเท่าเคียวเกี่ยวก็เพราะมัน
จะได้เก็บวางและมัดเป็นฟ่อนได้สะดวก และตอซังข้าวนอกจากจะเป็นปุ๋ยเวลาไถ
กลบแล้ว ก่อนจะได้ไถกลบถ้าปล่อยไปซักระยะก็จะงอกขึ้นมาใหม่ ให้วัวกิน เปรม
เลยละค่ะ
แป้ง (พี่ซุปหัวหอมแพ้อีกแล้วนะ แป้งเฉยๆ ไม่มีต่อท้าย) |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Soup สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 01/09/2010 ตอบ: 181 ที่อยู่: อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
|
ตอบ: 16/11/2010 9:17 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
Sita บันทึก: | ...อันนี้ถามเพราะเคยชินกับ "ถามจนครูเอือม"หรือว่าอยากรู้เพราะไม่รู้จริงๆคะ |
แหมน้องแป้งทูเวย์พาวเดอร์เคกเนี่ย(เกิดทันไหม เป็นแป้งผัดหน้าผู้หญิงยี่ห้ออะไรจำไม่ได้ แต่เคยดูในโฆษณา นึกตั้งนาน) พี่ไม่รู้จริง ๆ เคยปลูกข้าวทดลองดูเล็กน้อย พื้นที่ประมาณ 5x2.5 เมตร ไม่เคยปลูกเยอะ ๆ เลย เคยปลูกแค่ครั้งเดียวเองด้วย เมล็ดลีบหมดเลย เพราะดินมันขังน้ำไม่อยู่ ทำคันขึ้นมาแล้วแต่พอใส่น้ำเข้าไปเช้าวันนี้ เช้าวันพรุ่งนี้ก็แห้งหมด มีคนบอกให้ขุดเป็นหลุมลึกประมาณ 40-60 ซ.ม. แต่พี่ขุดไม่ไหว ก็เลยเอาแบบนี้แหละ ตอนแรกกะว่าจะได้ข้าวกินก็อดตามเคย(เผือกก็อดกิน จำได้ไหม )
ก็สงสัยว่าเพียงเหลือแค่ตอซังไว้กับไม่เหลือเลยมันต่างกันยังไง ตอซังก็ไม่สูงมากนี่นา ถ้าเราต้องการปุ๋ยเราก็เอาฟางกลับมาวางไว้บนนาไม่ได้เหรอ ถ้าใช้เครื่องตัดหญ้าแล้วมันเร็วและสะดวกมันก็น่าจะพอแลกกันได้นะ แต่เรื่องมัดเนี่ยพี่ไม่รู้เพราะไม่เคยเกี่ยวข้าวเยอะ ๆ เลย ยังสงสัยอยู่ว่าที่เขามัดข้าวเกี่ยวแล้วเป็นฟ่อนเนี่ยเอาอะไรมัด เวลาเขามัดต้นกล้าเพื่อเอามาดำเหมือนกันว่าเอาอะไรมัด แต่ถ้าให้วัวกินยอดอ่อนหลังจากเกี่ยวแล้วนี่ก็เป็นประโยชน์ดีนะ
เพิ่งได้ไอเดียเรื่องการไม่ไถดิน ยังไม่มีโอกาสทดลองเพราะที่ของตัวเองเป็นที่เนินเขา ที่สูง ๆ ต่ำ ๆ ไม่เรียบ ทำนาแบบน้ำขังยาก แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ไว้มีโอกาสเหมาะ ๆ ก่อน
แนวทางก็คือ เมื่อเราปลูกข้าวแล้วได้เวลาเกี่ยว เราก็เกี่ยวเอาเฉพาะรวงข้าว(เคยเห็นในรายการทีวี ภาคใต้เกี่ยวเฉพาะรวงข้าว) พอเกี่ยวเสร็จเราก็หว่านเมล็ดถั่วอะไรก็ได้ลงไปให้ทั่วแปลงนา วัตถุประสงค์เพี่อให้ต้นถั่วขึ้นมาหนาแน่นคลุมดินไม่ให้โดนแดด หลังจากนั้นก็ตัดต้นข้าวให้ล้มลงเพื่อคลุมเมล็ดถั่วและดินเพื่อจะใด้คุมวัชชพืชก่อนที่ถั่วจะงอก หลังจากนั้นให้น้ำเพื่อให้ถั่วขึ้นแทรกฟางข้าวขึ้นมา คอยให้น้ำถั่วเป็นระยะเพื่อให้ถั่วเจริญเติบโตเร็วคลอบคลุมพื้นที่ พอถั่วหนาแน่นเกินไปก็ให้ตัดบ้างแต่อย่างตัดให้ต่ำจนถึงกับตาย ชิ้นส่วนของต้นถั่วที่ถูกตัดก็จะกลายเป็นปุ๋ยบำรุงดิน ถั่วก็จะแตกขึ้นมาใหม่คลุมพื้นที่เช่นเดิมอีก ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ พอได้ช่วงเวลาที่จะเริ่มทำนาก็หว่านข้าวลงไปก่อนแล้วก็ตัดต้นถั่วให้ตายลง ใบของต้นถั่วก็จะปิดหน้าดินทับเมล็ดข้าวเอาไว้ ไม่ให้นกหนูมาจิกกิน ปล่อยน้ำเข้านาให้ต้นถั่วเน่าสักวันสองวันพร้อมกับเป็นการกระตุ้นให้ข้าวงอก หลังจากนั้นปล่อยน้ำออก ต้นถั่วที่เริ่มเน่าก็จะปิดเมล็ดข้าวให้ยังคงชื้นและงอกได้ดีไม่แห้งตาย ต้นข้าวงอกขึ้นตามวัยพร้อมกับถั่วที่สลายตัว ข้าวก็งอกทะลุถั่วที่ย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ย หลังจากนั้นก็ปรับน้ำในนาให้สูงตามต้นข้าว ตอของต้นถั่วที่ยังไม่ตายก็จะตายลงเพราะน้ำนั่นเอง
ทั้งหมดนี่เป็นแค่ความคิดที่ผุดขึ้นมาในสมองที่ยังไม่ได้พิสูจน์ ใครมีความเห็นว่ายังไงบ้างครับ ถ้าใครมีโอกาสลองก็เอาผลมาบอกกันบ้างนะครับ เป้าหมายคือไม่ต้องไถดินให้สิ้นเปลืองพลังงานและเวลา ทำตามกลไกธรรมชาติคือความสมบูรณ์ของดินเกิดจากด้านบนแล้วจึงขยายลงไปด้านล่าง ทำให้การปลูกข้าวง่ายขึ้น ถ้าทำนาโดยไม่ต้องไถจะประหยัดต้นทุนได้มาก
เดี๋ยวจะโดนลุงคิมบอกว่าเราเพ้อฝันไปอีกหรือเปล่าเนี่ย... (ล้อเล่นครับลุง ผมคงจะเพ้อฝันไปจริง ๆ)
น้องแป้งก็อย่าจริงจังอะไรกับพี่มากเลยนะ เรื่องต่อท้ายชื่อเนี่ย พี่เล่นหนุก ๆ บางทีนึกออกมั่งไม่ออกมั่ง เอาขำ ๆ น่ะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
nokkhuntong สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 26/02/2010 ตอบ: 256
|
ตอบ: 16/11/2010 9:25 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
เพิ่งรู้ว่าตอซังนอกจากไถกลบ ยังมีประโยชน์กับวัว ก็ตอนนี้เอง มีหญ้าอ่อน ๆ อร่อยๆ
กระจ่างหรือยัง คุณซุปตอซัง (เรียกแทนแป้ง..อะ!!!อะ!!!..เค้าล้อเล่น)
นกขุนทอง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Soup สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 01/09/2010 ตอบ: 181 ที่อยู่: อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
|
ตอบ: 16/11/2010 9:29 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
nokkhuntong บันทึก: | กระจ่างหรือยัง คุณซุปตอซัง Laughing (เรียกแทนแป้ง..อะ!!!อะ!!!..เค้าล้อเล่น) |
อ้าวเวรกรรม ซุปนี้ดูจะกินไม่อร่อยนะพี่นกขุนทอง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
jee_ex15 สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 25/10/2009 ตอบ: 41
|
ตอบ: 16/11/2010 10:04 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
เห็นใบตัด แล้วนึกถึงอุทาหรณ์
เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ที่แปดริ้ว มีเกษตรกรท่านหนึ่ง ใช้เครื่องตัดหญ้า สภาพใบตัดหลวม แต่ก็ยังไม่ซ่อมบำรุง ยังคงนำไปใช้
ผลปรากฎ ใบตัด...หลุด ตัดขาทั้งสอง ห้อยร่องแร่ง ส่งโรงพยาบาล
เป็นเรื่องจริง ที่เล่าขานกันในแปดริ้ว
****ก่อนใช้งาน ตรวจสอบให้แน่นหนาก่อน เด้อ!!!
ห่วงใย
จีรศักดิ์ ครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Sita สาวดี่
เข้าร่วมเมื่อ: 22/10/2010 ตอบ: 452
|
ตอบ: 17/11/2010 5:13 am ชื่อกระทู้: |
|
|
[quote=
แนวทางก็คือ เมื่อเราปลูกข้าวแล้วได้เวลาเกี่ยว เราก็เกี่ยวเอาเฉพาะรวงข้าว(เคยเห็นในรายการทีวี ภาคใต้เกี่ยวเฉพาะรวงข้าว) พอเกี่ยวเสร็จเราก็หว่านเมล็ดถั่วอะไรก็ได้ลงไปให้ทั่วแปลงนา วัตถุประสงค์เพี่อให้ต้นถั่วขึ้นมาหนาแน่นคลุมดินไม่ให้โดนแดด หลังจากนั้นก็ตัดต้นข้าวให้ล้มลงเพื่อคลุมเมล็ดถั่วและดินเพื่อจะใด้คุมวัชชพืชก่อนที่ถั่วจะงอก หลังจากนั้นให้น้ำเพื่อให้ถั่วขึ้นแทรกฟางข้าวขึ้นมา คอยให้น้ำถั่วเป็นระยะเพื่อให้ถั่วเจริญเติบโตเร็วคลอบคลุมพื้นที่ พอถั่วหนาแน่นเกินไปก็ให้ตัดบ้างแต่อย่างตัดให้ต่ำจนถึงกับตาย ชิ้นส่วนของต้นถั่วที่ถูกตัดก็จะกลายเป็นปุ๋ยบำรุงดิน ถั่วก็จะแตกขึ้นมาใหม่คลุมพื้นที่เช่นเดิมอีก ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ พอได้ช่วงเวลาที่จะเริ่มทำนาก็หว่านข้าวลงไปก่อนแล้วก็ตัดต้นถั่วให้ตายลง ใบของต้นถั่วก็จะปิดหน้าดินทับเมล็ดข้าวเอาไว้ ไม่ให้นกหนูมาจิกกิน ปล่อยน้ำเข้านาให้ต้นถั่วเน่าสักวันสองวันพร้อมกับเป็นการกระตุ้นให้ข้าวงอก หลังจากนั้นปล่อยน้ำออก ต้นถั่วที่เริ่มเน่าก็จะปิดเมล็ดข้าวให้ยังคงชื้นและงอกได้ดีไม่แห้งตาย ต้นข้าวงอกขึ้นตามวัยพร้อมกับถั่วที่สลายตัว ข้าวก็งอกทะลุถั่วที่ย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ย หลังจากนั้นก็ปรับน้ำในนาให้สูงตามต้นข้าว ตอของต้นถั่วที่ยังไม่ตายก็จะตายลงเพราะน้ำนั่นเอง
ทั้งหมดนี่เป็นแค่ความคิดที่ผุดขึ้นมาในสมองที่ยังไม่ได้พิสูจน์ ใครมีความเห็นว่ายังไงบ้างครับ ถ้าใครมีโอกาสลองก็เอาผลมาบอกกันบ้างนะครับ เป้าหมายคือไม่ต้องไถดินให้สิ้นเปลืองพลังงานและเวลา ทำตามกลไกธรรมชาติคือความสมบูรณ์ของดินเกิดจากด้านบนแล้วจึงขยายลงไปด้านล่าง ทำให้การปลูกข้าวง่ายขึ้น ถ้าทำนาโดยไม่ต้องไถจะประหยัดต้นทุนได้มาก
เดี๋ยวจะโดนลุงคิมบอกว่าเราเพ้อฝันไปอีกหรือเปล่าเนี่ย... (ล้อเล่นครับลุง ผมคงจะเพ้อฝันไปจริง ๆ)
น้องแป้งก็อย่าจริงจังอะไรกับพี่มากเลยนะ เรื่องต่อท้ายชื่อเนี่ย พี่เล่นหนุก ๆ บางทีนึกออกมั่งไม่ออกมั่ง เอาขำ ๆ น่ะ [/quote]
แล้วพี่ซุปฟักทองเคยลองรึยังคะ น่าจะลองดุซักหน่อย แป้งว่าเข้าท่าดีเหมือนกันนะมันไม่ใช่ความคิดที่ปฏิบัติไม่ได้ซะหน่อย จะได้เรียกมันว่าเพ้อฝัน ลองแล้วได้ผลหรือไม่ได้ ก็ค่อยว่ากันอีกที ชักอยากจะลองดูเหมือนกันนะเนี่ย ..
แล้วที่สงสัยว่าเค้าใช้อะไรมัดข้าว,กล้า เค้าเรียกว่าอะไร ที่บ้านแป้งเค้าเรียก "ตอก"
ใช้ไม้ไผ่ทำเป็นเส้นบางๆ ที่บ้านเรียก"จักตอก"ภาษากลางเค้าเรียกยังงัยไม่รู้..
แป้งถือว่าพี่ซุปฟักทองยอมแพ้แล้วนะ จะได้ประกาศชัยชนะอย่างเป็นทางการ...
แป้ง(ผู้คิดซุปได้เยอะกว่าพี่ซุป เฮ..ชนะแล้ว)
ลืมไปอีกเรื่อง ขอบคุณ คุณจีรศักดิ์นะคะที่ห่วงใยมา |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Soup สาวดาม
เข้าร่วมเมื่อ: 01/09/2010 ตอบ: 181 ที่อยู่: อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
|
ตอบ: 17/11/2010 7:34 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
โอเคโอเค ยอมแพ้ก็ได้ ขอยกธงฃาวแล้วล่ะ
เรื่องการปลูกถั่วกับข้าวนี่พี่ยังไม่ได้ลอง เพราะที่สวนไม่มีนา ไม่มีที่เรียบ ๆ ที่จะทำ
นาได้สะดวก เคยทดลองในพื้นที่เล็ก ๆ ในหน้าแล้งแต่ดินก็เก็บน้ำไม่อยู่ ก็เลยไม่
เป็นเรื่องเป็นราวเท่าไหร่ ถ้าน้องแป้งมีโอกาสก็ลองให้พี่หน่อยนะ ถ้าพีมีที่นาเมื่อไหร่
ก็จะลองทำแบบนั้นดูเหมือนกันแหละ
ขอบคุณที่ตอบพี่เรื่องการมัดข้าวนะ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11656
|
ตอบ: 17/11/2010 10:25 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
Sita บันทึก: | [quote=
แนวทางก็คือ เมื่อเราปลูกข้าวแล้วได้เวลาเกี่ยว เราก็เกี่ยวเอาเฉพาะรวงข้าว(เคยเห็นในรายการทีวี ภาคใต้เกี่ยวเฉพาะรวงข้าว) พอเกี่ยวเสร็จเราก็หว่านเมล็ดถั่วอะไรก็ได้ลงไปให้ทั่วแปลงนา วัตถุประสงค์เพี่อให้ต้นถั่วขึ้นมาหนาแน่นคลุมดินไม่ให้โดนแดด หลังจากนั้นก็ตัดต้นข้าวให้ล้มลงเพื่อคลุมเมล็ดถั่วและดินเพื่อจะใด้คุมวัชชพืชก่อนที่ถั่วจะงอก หลังจากนั้นให้น้ำเพื่อให้ถั่วขึ้นแทรกฟางข้าวขึ้นมา คอยให้น้ำถั่วเป็นระยะเพื่อให้ถั่วเจริญเติบโตเร็วคลอบคลุมพื้นที่ พอถั่วหนาแน่นเกินไปก็ให้ตัดบ้างแต่อย่างตัดให้ต่ำจนถึงกับตาย ชิ้นส่วนของต้นถั่วที่ถูกตัดก็จะกลายเป็นปุ๋ยบำรุงดิน ถั่วก็จะแตกขึ้นมาใหม่คลุมพื้นที่เช่นเดิมอีก ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ พอได้ช่วงเวลาที่จะเริ่มทำนาก็หว่านข้าวลงไปก่อนแล้วก็ตัดต้นถั่วให้ตายลง ใบของต้นถั่วก็จะปิดหน้าดินทับเมล็ดข้าวเอาไว้ ไม่ให้นกหนูมาจิกกิน ปล่อยน้ำเข้านาให้ต้นถั่วเน่าสักวันสองวันพร้อมกับเป็นการกระตุ้นให้ข้าวงอก หลังจากนั้นปล่อยน้ำออก ต้นถั่วที่เริ่มเน่าก็จะปิดเมล็ดข้าวให้ยังคงชื้นและงอกได้ดีไม่แห้งตาย ต้นข้าวงอกขึ้นตามวัยพร้อมกับถั่วที่สลายตัว ข้าวก็งอกทะลุถั่วที่ย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ย หลังจากนั้นก็ปรับน้ำในนาให้สูงตามต้นข้าว ตอของต้นถั่วที่ยังไม่ตายก็จะตายลงเพราะน้ำนั่นเอง
ทั้งหมดนี่เป็นแค่ความคิดที่ผุดขึ้นมาในสมองที่ยังไม่ได้พิสูจน์ ใครมีความเห็นว่ายังไงบ้างครับ ถ้าใครมีโอกาสลองก็เอาผลมาบอกกันบ้างนะครับ เป้าหมายคือไม่ต้องไถดินให้สิ้นเปลืองพลังงานและเวลา ทำตามกลไกธรรมชาติคือความสมบูรณ์ของดินเกิดจากด้านบนแล้วจึงขยายลงไปด้านล่าง ทำให้การปลูกข้าวง่ายขึ้น ถ้าทำนาโดยไม่ต้องไถจะประหยัดต้นทุนได้มาก
เดี๋ยวจะโดนลุงคิมบอกว่าเราเพ้อฝันไปอีกหรือเปล่าเนี่ย... (ล้อเล่นครับลุง ผมคงจะเพ้อฝันไปจริง ๆ)
น้องแป้งก็อย่าจริงจังอะไรกับพี่มากเลยนะ เรื่องต่อท้ายชื่อเนี่ย พี่เล่นหนุก ๆ บางทีนึกออกมั่งไม่ออกมั่ง เอาขำ ๆ น่ะ |
แล้วพี่ซุปฟักทองเคยลองรึยังคะ น่าจะลองดุซักหน่อย แป้งว่าเข้าท่าดีเหมือนกันนะมันไม่ใช่ความคิดที่ปฏิบัติไม่ได้ซะหน่อย จะได้เรียกมันว่าเพ้อฝัน ลองแล้วได้ผลหรือไม่ได้ ก็ค่อยว่ากันอีกที ชักอยากจะลองดูเหมือนกันนะเนี่ย ..
แล้วที่สงสัยว่าเค้าใช้อะไรมัดข้าว,กล้า เค้าเรียกว่าอะไร ที่บ้านแป้งเค้าเรียก "ตอก"
ใช้ไม้ไผ่ทำเป็นเส้นบางๆ ที่บ้านเรียก"จักตอก"ภาษากลางเค้าเรียกยังงัยไม่รู้..
แป้งถือว่าพี่ซุปฟักทองยอมแพ้แล้วนะ จะได้ประกาศชัยชนะอย่างเป็นทางการ...
แป้ง(ผู้คิดซุปได้เยอะกว่าพี่ซุป เฮ..ชนะแล้ว)
ลืมไปอีกเรื่อง ขอบคุณ คุณจีรศักดิ์นะคะที่ห่วงใยมา[/quote]
..... ไม่ใช่วิธีนี้ไม่ดีนะ แต่อยากรู้ว่า ยังมีวิธีอื่นที่ง่ายกว่านี้ไหม ?
..... หนูเป็น "ผู้หญิง" หรือ "ผู้ชาย" หรือ "ผู้ญาย" หรือ "ผู้ฉิง" กันแน่ (วะ....) |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
catcaty หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 13/08/2010 ตอบ: 525
|
ตอบ: 17/11/2010 10:38 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
..... หนูเป็น "ผู้หญิง" หรือ "ผู้ชาย" หรือ "ผู้ญาย" หรือ "ผู้ฉิง" กันแน่ (วะ....)
ใช่ครับลุงผมก็สงสัยเหมือนกัน...ตกลงมันผู้หญิงหรือผู้ชายหรือผู้อะไรกันแน่..ฮ้า ? ตัวเอง..!
หมึกครับผม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Sita สาวดี่
เข้าร่วมเมื่อ: 22/10/2010 ตอบ: 452
|
ตอบ: 17/11/2010 10:44 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
..นิดนึงค่ะลุง..อะไรที่ทำให้ลุงสงสัยคะ ว่าแป้งเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
แป้ง..(นอนไม่หลับเลยเข้ามาดึก) |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11656
|
ตอบ: 17/11/2010 10:49 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อืมมมม .... อ่านข้อความ "ผิดเจ้าของ" (ว่ะ....) ขอโทษ...
แหม้.....เกือบสูญเสียกุลสตรีไปซะแล้ว ไหมล่ะลุง....
ลุงคิม (คนแก่ ตาลาย) ครับผม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
catcaty หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 13/08/2010 ตอบ: 525
|
ตอบ: 17/11/2010 10:51 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ผู้หญิงอะไรวะ ? แบกเครื่องตัดหญ้าขนาดนี้ไหว แล้วยังมีหน้ามาบอกเอวบางร่าง
น้อย ใครหลงไปเป็นแฟนมันไอ้คนนั้น...มึงตัยยยยยย
พี่หมึกมั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Sita สาวดี่
เข้าร่วมเมื่อ: 22/10/2010 ตอบ: 452
|
ตอบ: 17/11/2010 10:58 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ไม่ตอบอะไรหรอกจะบอกว่า จะนอนแล้วเด้อ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า
สวัสดีก่อนนอนนะคะ
แป้ง..(เอวบางร่างน้อยจริงๆ พ่อบอกว่าแป้ง all in one) |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
catcaty หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 13/08/2010 ตอบ: 525
|
ตอบ: 17/11/2010 11:12 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อะไรของมัน....บทจะมาก็โผล่มาดื้อๆ บทจะไปก็ไปไม่ให้ตั้งตัว
แช่งให้มันนอนไม่หลับซะดีมั้ย? |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Sita สาวดี่
เข้าร่วมเมื่อ: 22/10/2010 ตอบ: 452
|
ตอบ: 18/11/2010 7:38 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
catcaty บันทึก: | อะไรของมัน....บทจะมาก็โผล่มาดื้อๆ บทจะไปก็ไปไม่ให้ตั้งตัว
แช่งให้มันนอนไม่หลับซะดีมั้ย? |
อย่าใจร้ายกับน้องนักเลย สงสัยอีแร้งอย่างแป้งจะต้องหลบอีกาอย่างพี่หมึก
ไปด้วยความอหิงสาเป็นแน่แท้
แป้ง(ถึงจะเป็นอีแร้งเมืองสวรรค์ มันก็ยังงัยๆๆอยู่นะ) |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
jee_ex15 สาวดอง
เข้าร่วมเมื่อ: 25/10/2009 ตอบ: 41
|
ตอบ: 18/11/2010 8:19 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
คำพูด: | มากีต้าแท้(ฝาแฝดโรบิ้น)จะมีทั้ง 4 จังหวะและ 2 จังหวะ แต่ส่วนมากคนจะใช้ 2 จังหวะมากกว่า เพราะแรง รอบจัด หาอะไหล่ง่าย(แท้-เทียม) ราคาโดยทั่วไปก็ 8,500 ขึ้นไปถึง 9,000 ต่ำกว่านี้ก็ของก๊อปค่ะ |
makita แท้(MADE IN JAPAN) รุ่น EBH340U เครื่องยนต์ 4 จังหวะ (ไม่ต้องผสมน้ำมัน) ปรกติราคาหมื่นกว่า GRAND SALE Promotion 8,800.-
ราคาขายส่ง 7,500.- (อาจมีผู้ซื้อได้ถูกกว่านี้)
ร่วมแชร์ข้อมูล
จีรศักดิ์ ครับ[/img] |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
ott_club หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 20/07/2009 ตอบ: 718
|
ตอบ: 18/11/2010 8:26 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
jee_ex15 บันทึก: | คำพูด: |
มากีต้าแท้ (ฝาแฝดโรบิ้น) จะมีทั้ง 4 จังหวะ และ 2 จังหวะ แต่ส่วนมากคนจะใช้ 2
จังหวะมากกว่า เพราะแรง รอบจัด หาอะไหล่ง่าย (แท้-เทียม) ราคาโดยทั่วไปก็
8,500 ขึ้นไปถึง 9,000 ต่ำกว่านี้ก็ของก๊อปค่ะ |
makita แท้( MADE IN JAPAN) รุ่น EBH340U เครื่อง
ยนต์ 4 จังหวะ (ไม่ต้องผสมน้ำมัน) ปรกติราคาหมื่นกว่า GRAND SALE
Promotion 8,800.- ราคาขายส่ง 7,500.- (อาจมีผู้ซื้อได้ถูกกว่านี้)
ร่วมแชร์ข้อมูล
จีรศักดิ์ ครับ[/img] |
มันไม่ได้เมดอินเจแปนจริงๆ หรอกครับ มันย้ายฐานการผลิตมาที่ไชน่ากันหมดแล้ว
ครับ แต่มันยังเจือกติดคำว่า MADE IN JAPAN อยู่ เวรกรรม ! ไม่เชื่อลองถามคนขายส่งดูก็ได้ _________________ อ๊อด ระยอง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11656
|
ตอบ: 18/11/2010 10:08 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
Sita บันทึก: | catcaty บันทึก: | อะไรของมัน....บทจะมาก็โผล่มาดื้อๆ บทจะไปก็ไปไม่ให้ตั้งตัว
แช่งให้มันนอนไม่หลับซะดีมั้ย? |
อย่าใจร้ายกับน้องนักเลย สงสัยอีแร้งอย่างแป้งจะต้องหลบอีกาอย่างพี่หมึก
ไปด้วยความอหิงสาเป็นแน่แท้
แป้ง(ถึงจะเป็นอีแร้งเมืองสวรรค์ มันก็ยังงัยๆๆอยู่นะ) |
ณ ราตรีกาลนั้น เหล่านางฟ้า เทวดา พากันหลับไหลด้วยความเหนี่อยเพลีย พระนาราย์เรียกหา "นนทุก" แล้วกระซิบข้างหูพอได้ยินสองต่อสอง ".....นนทุก เอย เจ้าจงใช้นิ้วเพชรอันวิเศษ ชี้โคนตาย ชี้ปลายเป็น จงชี้ไปยังร่าง "อีแร้ง" ให้ชีพตักษัย ต่อแต่นั้น เราจะเนรมิตให้ฟื้นใหม่เป็น "คีรีบูน" ส่งเสียงสำเนียงแว่ววิเวกทั่วท้องทุ่งหิมพานต์ตราบนานเท่านานเป็นนิรันดร...."
นนทุก ผู้ได้รับพรจากพระอิศวร รับบัญชาแล้วดำเนิการจนเป็นที่เรียบร้อย ไม่ทิ้งร่องลอยหลักฐานใดๆให้ปรากฏ นั่นและ "อีแร้ง" พาหะแห่งองค์นารายณ์สี่กรก็ผันเปลี่ยนเป็น คีรีบูน นกน้อยที่พร่ำเพรียกส่งเสียงหวานแว่วตราบเท่าทุกวันนี้
ด้วยประกาศิตแห่งองค์นารายณ์เจ้า มันผู้ใดไม่บรรลุธรรมถึงขั้นโสดาบันไซร้ แม้จะได้ยินเสียงคีรีบูน ก็จะมิอาจเห็นตัวได้
เอ้า.....อีแร้ง เปลี่ยนชาติเป็น คีรีบูน แล้วนะ....
ลุงคิม (บอกพระนารายณ์ถอนคำสาบ) ครับผม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kimzagass เมื่อ 18/11/2010 10:18 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
kimzagass หาวด้า
เข้าร่วมเมื่อ: 12/07/2009 ตอบ: 11656
|
ตอบ: 18/11/2010 10:13 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
นกคีรีบูน
เป็นนกเลี้ยงในกรงที่มีทั้งความสวยงามและเป็นนกนักร้องเพลงที่มหัสจรรย์ยิ่งยวดของโลกก็ว่าได้ มีผู้เลี้ยงนกเป็นอันมากยังนิยมเลือกนกที่สามารถร้องเพลงได้ไพเราะเพราะพริ้ง เช่น นกคีรีบูนนี้ถึงแม้ความสวยงามในด้านขนของมันจะน้อยกว่านกหงส์หยก แต่นกคีรีบูนก็ยังมีสีสดสวยงามชวนดูอยู่ไม่น้อย เช่น สีเขียว สีเหลืองอ่อน (สีทอง) สีเหลืองธรรมดา สีเงิน สีขาว สีน้ำตาล สีอบเชย สีลูกกวางอ่อน สีส้ม และสีแดง โดยเฉพาะสีแดงนี้ก็กำลังได้รับความนิยมมาก
สำหรับนกคีรีบูนนั้นมีแตกต่างกันตั้ง 50 ชนิด แต่ละชนิดมีสีสันผิดแปลกกันเล็กน้อยบ้างมากบ้างตามประเภท แบ่งง่าย ๆ เป็น 2 ประเภท ได้แก่
นกรูปงาม
นกนักร้องเพลง
และในโอกาสนี้ก็จะขอเสนอเฉพาะชนิดพันธุ์นกคีรีบูนที่มีผู้เลี้ยงเท่านั้นคือ
นกคีรีบูนชอบเปอร์
นกคีรีบูนชนิดพันธ์นี้รูปร่างค่อนข้างเล็กแต่ก็แข็งแรงเลี้ยงดูง่ายและขยันร้องเพลงมีหลายสีสรร เช่น สีเหลืองอ่อน สีเหลืองธรรมดา สีเทาปนฟ้า สีอบเชย สีขาว และสีเทา
นกคีรีบูนรอลเล่อร์
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้เป็นชนิดพันธุ์ที่เลิศล้ำที่สุด นกคีรีบูนพันธุ์ดั้งเดิมนี้มีสีเขียวแกม น้ำตาลเข้ม มีจุดเหลืองแซมอยู่ ส่วนที่ท่อนคอนนั้นจะมีสีที่เรียกว่า "พร่างพราย" ทั่วไป ผู้เลี้ยงนกทั้งหลายนิยมการเลี้ยงคีรีบูนรอลเล่อร์ก็เพื่อฟังเสียงเพลงอันไพเราะของมัน
นกคีรีบูนรอลเล่อร์นี้มีพันธุ์กำเนิดเดิมในประเทศเยอรมัน จุดประสงค์ก็เพื่อให้เป็นนกนักร้องเพลงโดยเฉพาะมีบางคนถึงกับเล่าว่านกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้เป็นนกมือชั้นครู (Schoolmaster) แต่อันที่จริงแล้วคีรีบูนรอลเล่อรจะต้องจัดเลี้ยงไว้เป็นพิเศษ เพราะมันสามารถร้องเพลงได้ไพเราะ ฉายาของมันก็คือ ราชาแห่งเสียงเพลง ดังที่ได้กล่าวไว้ ซึ่งเป็นที่นิยมเรียกกันในเยอรมันเป็นครั้งแรก ผู้เลี้ยงนกจะคัดเลือกคีรีบูนรอลเล่อร์ตัวเด่น ๆ มาเป็นครูฝึกสอนลูกนก ลูกนกนี้จะต้องให้อยู่กับนกครูผู้ฝึกตลอดเวลา จะทำให้ลอกแบบการร้องเพลงได้อย่างถูกต้อง
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่านกคีรีบูนรอลเล่อร์พันธุ์นี้ถูกผสมพันธุ์เพื่อการร้องโดยเฉพาะ เดิมนกชนิดนี้มีสีเขียวแก่ แต่การมาได้ผสมพันธุ์ให้มีสีเหลืองอ่อน และแก่ ขาว สีส้ม และสีแก่ชนิดอื่น ๆ นอกจากนั้นยังมีสีแต้มพร่างพรายด้วย และที่สำคัญที่สุดของนกพันธุ์นี้ก็ต้องหุบปากร้องเพลง นกที่ดีต้องร้องด้วยเสียงต่ำก่อน แล้วเปลี่ยนเป็นรัว และเสียงครวญชนิดอื่น ๆ อีก ซึ่งนกพันธุ์นี้จะส่งเสียงร้องเพลงได้ดีหรือเลวก็อยู่ที่การผสมพันธุ์มากกว่าอยู่ที่การฝึกให้ร้องเพลง
นกคีรีบูนนอร์วิช
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้เป็นนกขนาดใหญ่ มีทั้งพันธุ์ไม่มีหงอนและพันธุ์ที่มีหงอน นกคีรีบูนชนิดที่หัวเกลี้ยงไม่มีหงอนนั้นจะมีหัวกลมรูปร่างอวบอัด ปีกสั้น ปลายปีกไม่ประสานกัน นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้หากเป็นดีจริง ๆ จะมีราคาและมีค่าคู่ควรแก่ราคาทีเดียว จึงต้องจัดให้มันได้กินอาหารสีผสมกับอาหารตามธรรมดา ตามส่วนของการเลี้ยงอาหารนกคีรีบูน วิธีการนี้จะทำให้สีขนลำตัวสวยงามและหากนกได้กินหัวผักกาดแดงสด ๆ จะช่วยให้สีส้มแกมแดงของมันงดงามยิ่งขึ้น แต่เรื่องเสียหายของนกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้ก็มีอยู่อย่างหนึ่งคือ มักจะเป็นโรคที่เรียกว่า "Lump" ซึ่งจะเกิดจากกระจุกขนซึ่งมีลักษณะอ่อน ไม่สามารถแซกเสียดผิวหนังขึ้นมาได้ และจะเป็นก้อนกลม ๆ อยู่ใต้ผิวหนังแล้ว ค่อยเจริญขึ้นจนเป็นก้อนแข็ง ซึ่งจะต้องรักษาโดยใช้ไอโอดีนทาแต้มให้หลุดไป ถ้าเอาไอโอดีนทาไม่ได้ผลจะต้องใช้สัตวแพทย์จัดการเอาออก ซึ่งความยุ่งยากนี้ก็มักจะเกิดขึ้นอีกทุกครั้งที่ผลัดขน ฉะนั้นทางที่ดีจึงควรทำลายทิ้งเสีย หากนกตัวนั้นเป็นโรคนี้ขึ้นมา เพื่อไม่ให้นกเกิดความทรมานต่อไป
สำหรับมีคีรีบูนนอร์วิชพันธุ์หัวหงอนนี้ไม่ต้องเลี้ยงด้วยอาหารสีและถ้าต้องการลูกนกที่มีหงอนบนหัว ก็ควรผสมพันธุ์ที่มีหงอนภู่บนหัวด้วยกันหรือกับพันธุ์ที่ไม่มีหงอนบนหัว
นกคีรีบูนยอร์คไชร้
คีรีบูนชนิดพันธุ์นี้ได้รับความนิยมมากเช่นกัน นกคีรีบูนยอร์คไชร์เป็นนกที่ร้องเพลงเสียงดัง แต่ชนิดเพลงของมันอยู่ในวงจำกัด มีทั้งที่เป็นสีเหลืองธรรมดา สีเหลืองอ่อน สีเขียว สีอบเชย สีขาว และอื่น ๆ สำหรับตัวเมียตามปกติมีขนาดเล็กกว่าตัวผู้เล็กน้อย ความสำคัญของนกยอร์คไชร้คือจะต้องมีขนาดยาว 6 ? นิ้ว จึงจะเป็นมาตรฐานถูกต้อง และนับว่ายาวที่สุดในบรรดาคีรีบูน ทั้งหลาย
คีรีบูนยอร์คไชร์นี้เป็นนกที่ต้องเลี้ยงด้วยอาหารบำรุงสีด้วยเช่นกัน และถ้าเลี้ยงดูให้อาหารและดูแลถูกต้องก็ไม่มีเรื่องยุ่งยากอะไร และมันจะวางไข่ที่มีเชื้อสมบูรณ์ แต่คีรีบูนนี้เป็นนกพ่อแม่ที่มีความสามารถในการเลี้ยงลูก จึงต้องให้คีรีบูนอื่น ๆ ช่วยทำการฟักไข่และเลี้ยงลูกแทน
นกคีรีบูนแลนแคชเชยร์คอบปี้
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้เป็นนกที่มีขนาดใหญ่ที่มีสีสันตามธรรมชาติคือมีสีเขียวปนเทานั้น บางทีอาจจะกล่าวถึงนกคีรีบูนพันธุ์ Manchester coppy) ก็ได้ แต่นกพันธุ์นี้ในประเทศอังกฤษยังมีอยู่น้อยในทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นการแนะนำจึงไม่ได้นำเสนอนกนี้
นกคีรีบูนพันธุ์นี้มีหงอนงดงามเรียบร้อย ลักษณะการยืนก็เหมือนกับคีรีบูนพันธุ์ยอร์คไชร์
นกคีรีบูนบอร์เดอร์แฟนซี
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้เป็นนกขนาดเล็ก มีรูปลักษณะเช่นเดียวกับนอร์วิช แต่บอร์เดอร์แฟนซีไม่มีหงอน การร้องเพลงของมันก็ไม่สู้กว้างขวางส่วนสีก็เช่นเดียวกับนกคีรีบูนยอร์คไชร์ คีรีบูนชนิดนี้เป็นชนิดที่มีลูกดกที่สุดชนิดหนึ่ง เป็นนกที่เหมาะสมแก่ผู้ที่จะเริ่มเลี้ยงนกคีรีบูน เพราะผสมพันธุ์ได้อย่างอิสระเสรี ทั้งในกรงผสมพันธุ์ และในสถานที่เลี้ยงนอกบ้าน และมีอำนาจนำมาผสมกับพันธุ์สีแดง (Red Factor) ได้ แต่ก็บรรลุความสำเร็จไม่มากนัก นกคีรีบูนบอร์เดอร์แฟนซีที่ดีควรมีขนาดความยาวมาตรฐาน 5 ? นิ้ว จะมีลักษณะที่โดดเด่นอีกอยู่หลายประการ เป็นต้นว่ามีหัวเล็ก ที่ตั้งของดวงตาจะอยู่ในลักษณะอันเหมาะสม มีด้านหน้าเชิดขึ้น หน้าอกกลม ปีกพนมอยู่เหนือหางส่วนปลายของปีกต้องบรรจบกันอย่างเรียบร้อย
นกคีรีบูนบอร์เดอร์แฟนซีนี้ถูกนำมาผสมกับนกคีรีบูนรอลเล่อร์ทำให้เกิดนกคีรีบูนพันธุ์ใหม่ขึ้นมาเรียกว่า "นักร้องเพลงอเมริกัน" ที่มีสำเนียงร้องเพลงเป็นทั้งเสียงรัว เสียงดัง เสียงนิ่มนวลและเสียงห้าวหาญ
นกคีรีบูนลิชาร์ด
คีรีบูนชนิดพันธุ์นี้เป็นนกอีกชนิดหนึ่งที่มีสีสวยงามสามารถอ้าปากรองเพลงได้ดี นอกนั้นยังสามารถเลี้ยงลูกได้ดีด้วย มีขนาดความยาว 5 ? นิ้ว คีรีบูนลิชาร์ดมีขนสีพื้น 2 สี คือ ขนสีเหลืองแก่หรือสีเหลืองอ่อน แต่ก็เรียกว่าสีทองและสีเงิน นกชนิดนี้มีทั้งขนส่วนปกคลุมหัวและไม่มีขนส่วนปกคลุม จึงควรผสมนกที่มีขนปกคลุมด้วยกัน และก็ควรพันธุ์เฉพาะนกสีทองและสีเงินล้วนเฉพาะปากและเท้าเท่านั้นจึงจะเป็นสีดำได้ นกคีรูบูนลิชาร์ดนี้เมื่อมีอายุมากขึ้น ขนที่สวยงามของมันจะหม่นหมองและเจือจางลงไป จึงต้องเลี้ยงด้วยอาหารบำรุงสีด้วย
นกคีรีบูนฮาร์ทธ์เม้าเท่น
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้มีทั้งที่มีหงอนและไม่มีหงอนบนหัว มีขนาดความยาวมาตรฐาน 5 ? นิ้ว นกคีรีบูนพันธุ์ฮาร์ทธ์เม้าเท่นมีหลายสีสันหลายพันธุ์ยิ่งกว่านกคีรีบูนชนิดอื่น เพราะยังมีสีบลูหรือสีดินชนวนซึ่งคีรีบูนชนิดอื่นไม่มีคีรีบูนฮาร์ทธ์เม้าเท่นที่ดีจะร้องทำนองเพลงได้หลายชนิดกว่าคีรีบูนอย่างอื่น และเป็นนกที่เปิดปากร้องเพลงเด็ดขาดยิ่งกว่าอย่างอื่นเช่นเดียวกัน
นกคีรีบูนคลอเดอร์แฟนซี
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้เป็นนกพันธุ์ใหม่ กำเนิดในอังกฤษ มีลักษณะคล้ายนกคล้ายพันธุ์บอร์เดอร์แฟนซี แต่มีขนาดลำตัวเล็กกว่าพันธุ์บอร์เดอร์ มีหงอนที่หัวห้อยเป็นภู่ปรกลงมาปิดนัยน์ตานกประมาณ ? หนึ่ง เป็นนกสีขนสวยงามตามธรรมชาติ จึงไม่จำเป็นต้องเลี้ยงด้วยอาหารดีอย่างใด
อย่างไรก็ดี คีรีบูนคลอชเดอร์นี้นับได้เป็นนกแคล่วคล่องว่องไว มีการเคลื่อนไหวที่ดูกระฉับกระเฉง ประกอบกับเป็นนกขนาดเล็กที่น่ารักและไม่ต้องใช้เนื้อที่ใหญ่โตมากนักจึงเหมาะสำหรับผู้เลี้ยงนกเพื่อไว้ดูเล่นที่อยู่ตามแฟลตมากทีเดียวเพราะไม่จำเป็นต้องใช้กรงเลี้ยงที่มีขนาดใหญ่โต
นกคีรีบูนเบลเยี่ยนแฟนซี
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้เป็นนกที่มีหัวและคอยาวยื่นออกมาเบื้องหน้าส่วนหน้าอกค่อนข้างตื้น ไหล่สูง ซึ่งนับว่ามีลักษณะและรูปร่างแตกต่างออกไปจากนกคีรีบูนอื่น ๆ มาก ขนลำตัวมีปลายขนเป็น สีขาวคล้ายกับสีไหม หางงองุ้มเข้ามา ส่วนจำพวกพันธุ์ไม่แท้จะมีหางเหยียดตรง
อย่างไรก็ดี นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้ไม่สู้จะเลี้ยงแพร่หลายนัก ส่วนลักษณะที่นิยมอยู่คือ จะต้องยืนตัวตั้งตรง คอ และหัวจะเป็นมุมฉากกับลำตัวเมื่อเกาะคอน
นกคีรีบุนสกอทแฟนซี
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้มีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า dlasgow don นกคีรีบูนพันธุ์นี้มีลักษณะ รูปร่างและสีสันเหมือน ๆ กันกับนกคีรีบูนเบลเยี่ยนแฟนซี
นกคีรีบูนเรดแฟคเตอร์
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้มีผู้นิยมนกเป็นอันมากชอบเลี้ยง แม้ว่าจะมีขนาดเล็กแต่ก็มีสีแดงสวยงามและน่าสนใจ เป็นนกพันธุ์ทางระหว่างคีรีบูนธรรมดากับนกซิสกิ๊นสีแดงจากอเมริกาใต้ นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้สามารถผสมพันธุ์ต่อไปได้อีก แต่สีก็จะค่อย ๆ จางลงไป
นกคีรีบุนลอนดอนแฟนซี
นกคีรีบูนชนิดพันธุ์นี้ลำตัวเป็นสีส้ม แต่ปีกและหางเป็นสีคล้ำถึงแม้ว่าเป็นชนิดที่ให้กินอาหารบำรุงสี แต่สีขนลำตัวก็จะเสื่อมจางลงไปได้ จึงมีผู้เลี้ยงนกนิยมเลี้ยงกันไม่มากนัก
นกคีรีบูนโคลัมบัส
เป็นนกคีรีบูนอีกชนิดพันธุ์หนึ่งซึ่งยังไม่สู้แพร่หลายในประเทศอื่น ๆ เว้นไว้แต่ในสหรัฐโดยเฉพาะมลรัฐโอริโอ นกชนิดพันธุ์นี้ไม่ได้จัดความยาวพิกัดแน่นอน ประมาณกันว่ายาว 6 นิ้ว เป็นนกคีรีบูนพันธุ์ที่มีหงอนที่เกิดจากผสมพันธุ์ระหว่างยอร์คไชร์
นกคีรีบูนพันธุ์สีใหม่
สำหรับนกคีรีบูนชนิดพันธุ์ใหม่ในปัจจุบันก็มีพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นมากมาย และมีหลายสีสัน นอกจากสีตามปกติ เช่น สีเหลือง หรือสีเงิน สีฟ้า สีขาว และยังมีอีกชนิดหนึ่งที่นิยมกันมากคือสีแดงใหม่ อันผสมได้ขึ้นใหม่ ต่อจากนั้นก็มีพันธุ์ที่เรียกว่า สีลูกกวางอ่อนซึ่งมีจุดสีขาวเป็นพื้น นั่นเอง สีเขียว และสีแดงแกมน้ำตาล สำหรับนกคีรีบูนพันธุ์ใหม่ ที่น่าดูอีกชนิดหนึ่งคือ Blue Lizard และ Gloster สีขาว ซึ่งมีหงอนเป็นสีฟ้า
นกคีรีบูนพันธุ์สีใหม่เหล่านี้ เกิดจากความพากเพียรพยายามอันสมควรยกย่องในการเสริมสร้างนกหรือก็คือ ความสำเร็จในการผสมพันธุ์ปรับปรุงนกคีรีบูนนั่นเอง
http://www.vet.ku.ac.th/library-homepage/db_directory/poultry/bird/keereeboon/keereebtype.htm |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|